เสียงเคาะประตูที่สร้างความรำคาญใจ ทำให้เย่มู่มู่โทรหาผู้จัดการนิติบุคคล “ทำไมพวกคุณถึงปล่อยให้เขาเข้ามาได้?” ผู้จัดการนิติบุคคลเองก็ลำบากใจ “คุณหนูเย่ คุณยายท่านนั้นสร้างปัญหามากจริง ๆ ครั้งก่อนที่คุณขับรถทำให้เธอตกใจจนล้มลง เธอนอนอยู่กับพื้นไม่ยอมลุกและไม่ยอมไปไหน”“เธอจอดรถขวางหน้าประตูทางเข้าบ้านของเจ้าของบ้านคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน จนทุกคนหมดหนทางแล้วจริง ๆ พอโทรเรียกรถพยาบาลมารับเธอ เธอก็ไม่ยอมขึ้นรถพยาบาล” “เธอร้องไห้โวยวายอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน บอกว่าพ่อของคุณอกตัญญู บอกว่าคุณขับรถชนย่าของตัวเองจนเสียชีวิตแล้วหนีไป”“เราตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดแล้ว เห็นว่าไม้เท้าของเธอชนรถของคุณก่อน คุณแค่ขู่เธอเท่านั้น แล้วรถก็ไม่ได้โดนตัวเธอเลย เธอล้มเองด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังฉวยโอกาสเรียกร้องค่าเสียหาย”“เจ้าของบ้านที่โมโหโทรแจ้งตำรวจ ตำรวจเลยพาตัวเธอไป”เดิมทีผู้จัดการนิติบุคคลคิดว่าเธอไปแล้ว เรื่องก็น่าจะสงบลงได้แล้วแต่ปรากฏว่าสองวันต่อมา เธอพานักข่าวมาหาเย่มู่มู่อีกถ้ามีเหตุผลก็แจ้งความ ถ้าไม่มีเหตุผลก็ไกล่เกลี่ย แต่ถ้าไร้ศีลธรรมก็พานักข่าวมา...ยายเฒ่าคนนี้ทำให้ผู้จัดการนิ
“มีหลักฐานการกู้ยืมหรือเปล่าครับ?” “มีค่ะ ตอนเซ็นเอกสารก็ถ่ายวิดีโอไว้ด้วย” “ดีเลยครับ คุณมอบอำนาจให้สำนักงานทนายความดำเนินการแทนคุณทั้งหมดในการทวงถามเงินที่ให้ยืมคืนมา หรือฟ้องร้องเลยครับ?”“ฟ้องร้องเลยค่ะ พวกคุณคงทวงเงินคืนได้ยาก”เย่มู่มู่ถ่ายรูปเอกสารการกู้ยืมและคัดลอกวิดีโอชุดหนึ่งส่งให้ทนาย แล้วมอบหมายให้สำนักงานทนายความจัดการทั้งหมดเมื่อทนายสวีเห็นยอดเงินกู้ยืมสามร้อยล้านบาท ก็รู้สึกประหลาดใจ เพราะเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก เขาจึงยืนยันว่าจะช่วยเธอทวงเงินคืนให้ได้หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว เย่มู่มู่ก็เตรียมกล่องใบใหญ่หนึ่งใบ และกล่องเครื่องประดับอีกสามกล่องเธอหาถุงกันฝุ่นและผ้าเช็ดมาทำความสะอาดของมีค่าทุกชิ้นหลังจากเช็ดทำความสะอาดแล้ว เธอก็ใช้ถุงกันฝุ่นปิดผนึกไว้ ใส่ลงไปในกล่องหนังเครื่องประดับพวกนี้ทั้งหมดรวมกันแล้วเต็มกล่องใหญ่สองใบ และเธอเก็บไว้ในห้องนิรภัยใต้ดินเหลือไว้เพียงจานกระเบื้องเคลือบลายหงส์สีสันสดใสใบหนึ่งเธอถ่ายรูปจานกระเบื้องเคลือบและส่งไปให้ผู้อาวุโสมู่ณ เวลาสี่ทุ่มครึ่ง เธอคิดว่าผู้อาวุโสมู่คงจะพักผ่อนแล้ว แต่ปรากฏว่าผู้อาวุโสมู่กลับวิดี
ผู้อาวุโสมู่ชื่นชอบจานกระเบื้องเคลือบลายหงส์จริง ๆ จึงรีบโอนเงินมาให้ทันทีเธอยอมขายให้ ผู้อาวุโสมู่จะมารับที่บ้านในวันพรุ่งนี้ตอนสิบโมงเช้าหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอก็เตรียมเครื่องปั๊มน้ำ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเขียนจดหมายถึงจ้านเฉิงอิ้นฉบับหนึ่ง “ฉันถามนักประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง เขาบอกว่าประวัติศาสตร์บันทึกว่าเจ้าจะตายในสนามรบที่ด่านเจิ้นกวน”“ด่านเจิ้นกวนจะถูกตีแตกจากการร่วมมือของแคว้นฉู่ แคว้นฉี และเผ่าหมานสามฝ่าย”“เจ้าถูกทหารจากแคว้นฉีรุมฆ่าจนเสียชีวิต” “จ้านเฉิงอิ้น ข้าหวังว่าเจ้าจะรอดชีวิตไปได้ และต้องระวังการร่วมมือของแคว้นฉู่ แคว้นฉี และเผ่าหมานด้วยนะ”ด้วยความกังวลใจ เธอจึงใส่กระดาษลงในแจกันดอกไม้*ที่ชายแดน ในกระโจมของค่ายเผ่าหมาน หลัวเก๋อกำลังโมโหใส่เหล่านายทหาร“ม้าศึกสองพันตัววิ่งหายไป ทหารสามพันกว่านายถูกเหยียบตายไปหลายร้อยคน…”“พวกเจ้ายังไม่รู้หรือว่าเป็นฝีมือใคร? จับไม่ได้กระทั่งเงา”“พวกเจ้านี่มันไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์สิ้นดี…”หลัวเก๋อขว้างกาน้ำชาบนโต๊ะใส่นายทหารคนหนึ่งซึ่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าอย่างแรง จนเกิดรอยช้ำเลือดบนหน้าผากของเขาทุกคนหมอบลง
ดวงตาของเขาเย็นชา แต่ยังคงก้มหน้าลงโดยไม่แสดงอารมณ์เมื่อทหารออกไปแล้ว หลัวเก๋อก็สั่งว่า “เตรียมอาวุธและแต่งกายให้พร้อม ไปสนับสนุนทั้งทางใต้และทางเหนือของเมือง…”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”กองทัพหลักมีจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นนายที่ประตูเมืองทางตะวันตก ทางใต้ และทางเหนือ มีกองทัพปักหลักประจำกการอยู่ที่ละห้าหมื่นนายทหารห้าหมื่นนายสู้กับทหารสองหมื่นนายของจ้านเฉิงอิ้น อย่างไรเสียก็ต้องชนะอย่างแน่นอน ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้?หลัวเก๋อนำกำลังทหารจำนวนมากไปช่วยเสริมกำลัง* ณ ด่านเจิ้นกวน บนกำแพงเมืองจ้านเฉิงอิ้นมองไปทางกองทัพเผ่าหมานสงครามกองโจรได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเฉินขุย เฉินอู่ อู๋ซานหลาง และเปี้ยนจื่อผิงพาคนจำนวนสามพันนายออกไปสองทาง โดยสวมชุดเกราะและนำประทัดกับระเบิดมุ่งหน้ามายังฐานที่ตั้งของทัพเผ่าหมานเผ่าทั้งทางทิศใต้และทิศเหนือเวลาเที่ยงคืนพอดี เป็นช่วงเวลาที่คนหลับลึกที่สุดเขายืนอยู่บนหอประตูเมือง มองไปยังตำแหน่งของกระโจมในค่ายเผ่าหมานการระเบิดคอกม้าทางใต้และทางเหนือเป็นเพียงการหลอกล่อเท่านั้น เพื่อทำให้ศัตรูตกหลุมพรางที่ตนวางไว้เป้าหมายของจ้านเฉิงอิ้นตั้งแต่ต้น
หลัวเก๋อถูกระเบิดจริง!น่าเสียดายที่คร่าชีวิตเขาไม่ได้ม้าศึกของเขาตัวใหญ่นัก บังระเบิดส่วนใหญ่ไม่ให้เขาได้รับบาดเจ็บแต่ขาทั้งสองข้างของเขาถูกระเบิดจนพิการนับแต่นั้น หลัวเก๋อกลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้ เนื่องจากผู้นำทัพได้รับบาดเจ็บสาหัส ขวัญกำลังใจของทหารกองหนุนเผ่าหมานพลันดับสูญ ฝ่ายของพวกเขาถูกระเบิดบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จึงถอยทัพอย่างต่อเนื่องระเบิดทำให้ม้าตกใจยากควบคุม มันแบกทหารบนหลังหนีเตลิด วิ่งเข้าสู่ส่วนลึกของทุ่งหญ้า ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งอีกต่อไปเดิมกองทัพเผ่าหมานก็หย่อนยานอยู่แล้ว ครั้งนี้ยิ่งสับสนอลหม่านสิ้นดีเฉินขุยและเปี้ยนจื่อผิงรีบนำทหารสามพันนายออกจากจุดซุ่มโจมตี“บุกสังหาร เหล่านักรบ จงสังหารเผ่าหมานให้ราบ พิทักษ์ต้าฉี่ของเรา!”“ตัดได้หนึ่งศีรษะ แลกรางวัลข้าวสารสิบชั่ง บะหมี่ห้าชั่ง...พี่น้องทั้งหลาย จงบดขยี้พวกมันกับข้า พวกมันล้วนเป็นแค่เศษสวะ!”กองทัพตระกูลจ้านฮึกเหิม เดือดพล่านสุดขีดทหารที่สวมชุดเกราะหนัก ถือดาบม่อเตาเป็นผู้นำรบออกหน้า วิ่งปรี่ไปยังค่ายศัตรูตามด้วยลูกศรของหน่วยหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน เสริมด้วยธนูและศรปิดท้ายด้วยการโจมตีซ้ำจากนายทหารน
ต่อให้เป็นก่อนถูกล้อมเอาไว้ในเมือง พวกเขาก็ไม่เคยมีชีวิตที่ดีขนาดนี้บัดนี้ กองทัพตระกูลจ้านชนะศึกกลับมา พวกเขาราวกับได้เห็นชีวิตดี ๆ กำลังกวักมือเรียกเหล่าชาวบ้านมีน้ำตาอุ่นร้อนคลอหน่วยทหารที่ยังไม่ได้ออกจากเมืองไปสู้รบ รวมทั้งทหารใหม่ ล้วนอยากจะเข้าสู่สมรภูมิไปคร่าศัตรูฆ่าเผ่าหมานหนึ่งคน แลกข้าวสารสิบชั่ง และบะหมี่ห้าชั่ง อาหารจำนวนนี้สามารถเลี้ยงหนึ่งครอบครัวได้หนึ่งเดือน หากประหยัดโดยการต้มโจ๊ก จะอยู่ได้หนึ่งเดือนครึ่งพวกเขาไม่หวั่นไหวก็คงจะแปลกโดยเฉพาะทหารใหม่ ที่เข้าร่วมกองทัพเพื่อรับข้าวสารสี่ชั่งและบะหมี่หนึ่งชั่งต่อเดือนตอนนี้เห็นเสบียงทหารจำนวนมากกองอยู่ตรงหน้า พวกเขาแทบอยากจะลงสนามรบเดี๋ยวนี้เลย“แม่ทัพเฉินขุย สังหารข้าศึกไปทั้งสิ้นสองร้อยสี่สิบราย ได้รับข้าวสารสองพันสี่ร้อยชั่ง บะหมี่หนึ่งพันสองร้อยชั่ง” ทหารชั้นผู้ช่วยของเฉินขุย ผู้ติดตาม องครักษ์...ล้วนอาศัยอยู่ในจวนของเฉินขุยเมื่อรวมส่วนของคนเหล่านี้ คิดเป็นรางวัลข้าวสารห้าพันชั่ง บะหมี่อีกกว่าสองพันชั่งพวกเขายินดีปรีดาอยู่ที่หน้าแถวสุด แบกกระสอบอาหารไว้บนหลัง แล้วเดินไปที่จวนแม่ทัพเฉินขุยอย่างชื่
เขาพูดต่อ “ท่านแม่ทัพ ข้าเห็นหลัวเก๋อถูกแรงระเบิดพลัดจากหลังม้า ป่านนี้เขาน่าจะตายไปแล้ว”เหล่านายทหารมองไปที่เฉินอู่เป็นตาเดียวดวงตาตกตะลึง ประหลาดใจและเหลือเชื่อ!หลัวเก๋อถูกระเบิดจริงหรือ?แม้แต่มั่วฝานคนเคร่งขรึมยังถามเขาว่า “เจ้าแน่ใจหรือ? เขาเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของม่อเป่ยอ๋อง ราชสำนักม่อเป่ยไว้วางใจเขามาก จึงมอบกองกำลังสามแสนนายให้เขาบุกโจมตีเมืองนี้” “ข้าแน่ใจ เพราะข้าจับตาดูเขาอยู่ตลอด ทั้งตั้งคันธนูและศร จุดน้ำมันตะเกียง ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น ข้าก็ยิงธนูจุดระเบิดที่ใต้เกือกม้าของเขา”“เป็นไปตามคาด เขาถูกระเบิดคนแรก ตามด้วยคนที่อยู่ข้างหลังเขา ทหารม้าเผ่าหมานจำนวนหนึ่งถูกระเบิด ทั้งคนและม้าล้มตายอลหม่าน!” เฉินอู่ยิ้มภูมิใจจนเห็นฟันซี่ใหญ่ “ข้ากล้ายืนยันว่าเขาตายแล้ว หรือต่อให้ไม่ตาย ก็ต้องบาดเจ็บสาหัส” “ระเบิดที่ท่านเทพมอบให้นั้นมีประโยชน์มาก วันนี้เราสังหารทหารเผ่าหมานได้สี่หมื่นนาย สามหมื่นในนั้นตายเพราะแรงระเบิด นี่คือข้อได้เปรียบของพวกเรา”“ท่านแม่ทัพ ขอระเบิดจากท่านเทพเพิ่มได้หรือไม่? ระเบิดนี้เป็นกุญแจสำคัญให้กองทัพเราชนะโดยสูญเสียน้อยลง” จ้านเฉิงอิ้น
วันนี้ผู้อาวุโสมู่พาลูกศิษย์มาด้วยสองคน ยังดูวัยรุ่นกันอยู่ผู้อาวุโสมู่เห็นเย่มู่มู่ผมฟู อยู่ในชุดนอน ดูยังไม่ตื่นเต็มตา “ผมมาเช้าไปหน่อย เมื่อคืนคุณนอนดึกเหรอครับ?”เย่มู่มู่หาวหวอด “ฉันนอนดึกไปหน่อย ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ” ยากที่จะเห็นผู้อาวุโสมู่แต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการ กวาดตามองสวนของบ้านเย่มู่มู่ มันเต็มไปด้วยวัชพืช กุหลาบไม่ได้ลิดกิ่ง อดบ่นเหมือนคนแก่ไม่ได้ “ทำไมไม่ดูแลสวนเลย ดูสิต้นหญ้าสูงกว่าดอกไม้หมดแล้ว”“ฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาเลยค่ะ”เธอเชิญผู้อาวุโสมู่เข้ามาในห้องรับแขก จากนั้นก็เดินขึ้นชั้นบนเพื่อหยิบจานกระเบื้องลงมาชั้นล่าง ผู้อาวุโสมู่และลูกศิษย์ทั้งสองกำลังนั่งยอง ๆ อยู่หน้าแจกัน เพื่อศึกษาผู้อาวุโสมู่ถือแว่นขยายอยู่ด้วยเย่มู่มู่แอบพึมพำ “ซวยแล้ว ลืมซ่อนแจกันจนได้”เธอยกจานกระเบื้องลงมาที่ชั้นหนึ่ง ผู้อาวุโสมู่ถามว่า “คุณจะขายแจกันใบนี้ไหมครับ?”เย่มู่มู่ตอบ “ไม่ขายค่ะ มันเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ ฉันจะไม่ขายมันเด็ดขาด”ผู้อาวุโสมู่มองเธอด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่ยิ้มไม่ขายมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษอะไรกัน แต่ของโบราณหลายชิ้นที่เธอขายยังวางอยู่ที่บ้านเขา ช
“มารับความตายเถอะ! คนทรยศ…”กว่างอิงเซิ่งชักดาบใหญ่ออกมาฟันลงทิศทางเซี่ยเวย!แกร๊ง~อาวุธสองเล่มปะทะกลางอากาศ แตกระเบิดเป็นประกายไฟกว่างอิงเซิ่งได้รับแรงกดดันมหาศาล เขาควบม้าถอยหลังไปหลายก้าว ดาบใหญ่ของเขามีรอยแหว่งเขามองอาวุธในมือที่แตกเป็นร่องขนาดใหญ่อันหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง!“นี่เป็นไปได้อย่างไร!”“ทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งเช่นนี้!”หลังจากเขาชะงักไม่กี่วินาที จากนั้นเขาหัวเราะลั่นโดยไม่มองเซี่ยเวยอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย!“เจ้านึกว่าชนะแล้ว สามารถกลับไปอย่างปลอดภัยและสงบสุข? ข้าจะบอกให้ ไม่มีทาง!”“เมื่อเจ้าลงจากหอประตูเมือง อยู่ห่างจากจ้านเฉิงอิ้น ตอนจบของเจ้า…มีเพียงความตาย!”“ฮ่องเต้ ข้าและขุนนางแคว้นเยี่ยนล้วนคาดหวังให้เจ้าตาย! มีแต่ปากคนตายเท่านั้นที่ปิดสนิทและความลับบางอย่าง ดีที่สุดก็ควรฝังในใต้ดินตลอดกาล!”เหตุผลที่เซี่ยเวยต้องหนีออกจากแคว้นเยี่ยน เขาจะไม่ให้โลกภายนอกรู้เป็นอันขาดไม่เช่นนั้นไม่เพียงแค่เขา แต่ทั้งแคว้นต้าเยี่ยน จะเสียชื่อ เกียรติภูมิและฉาวโฉ่ไปทั่วทุกสารทิศ!กว่างอิงเซิ่งยกมือขึ้นขณะที่หัวเราะอย่างจองหอง พร้อมกล่าวเสียงดัง“ยิงธนู!”
ขณะที่เฉินขุยใช้ลำโพงประกาศเสียงกล่าว เฉินอู่กับจวงเหลียงรีบดึงเซี่ยเวยมาตรงมุม ทำการถอดชุดเกราะซอมซ่อและกระชากเสื้อที่ขาดหลุดลุ่ยของเขาออกจากนั้นใส่เครื่องแบบทหารตัวใหม่ให้เขา ทับด้วยเสื้อเกราะกันกระสุนแบบเต็มตัวและสวมชุดเกราะเป็นชั้นชุดท้ายหลังจากช่วยเขาสวมเครื่องแบบทหารเสร็จ เซี่ยเวยรู้สึกถึงน้ำหนักหลายกิโลกรัมที่มาจากร่างกายเขาน้ำหนักมากถึงเพียงนี้ จะเอาชนะกว่างอิงเซิ่งอย่างไร?โดยเฉพาะหมวกกันน็อกบนศีรษะ เฉินขุยสาธิตให้เขาหลายครั้งว่าวางหน้ากากอย่างไรหน้ากากประหลาดอย่างยิ่ง เป็นสีดำ หลังจากวางลงกลับเห็นทุกอย่างรอบ ๆ อย่างชัดเจน!ในมือเขายังถูกยัดดาบม่อเตาราชวงศ์ถังหนักสิบห้ากิโลกรัมไว้อีกเล่มดาบม่อเตายาวสองเมตรกว่า ด้ามจับกับใบมีดแบ่งเป็นครึ่งเท่ากัน ทำจากเหล็กชั้นดี ใบมีดแหลมคมเปล่งแสงเย็นเยือกในยามมืดมิดเฉินขุยกล่าวกับเขา “เจ้าลองอาวุธดูก่อน…”เห็นเขาจับอาวุธและแสดงอาการลังเลอยู่บ้างเฉินขุยจึงกล่าวปลอบใจ “วางใจเถอะ เอาชนะแน่นอน!”เซี่ยเวยรู้สึกหนักไปทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ยังอยู่ในช่วงทำความคุ้นเคย!เขาตวัดดาบตามความสะดวกมือ ดาบม่อเตาพลางส่งเสียงชิ้งกลางอากาศ แต
กว่างอิงเซิ่งชะงักอึ้งกับคำพูดเฉินขุยและไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกองทัพตระกูลจ้านจริง ๆแต่กวนโทสะพวกเขา พวกเขาจะล้อมเมืองอย่างบ้าระห่ำ ไม่มีทางยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่ไม่ใช่แค่ให้พวกเขามอบตัวเซี่ยเวย เพื่อแลกเสบียงอาหารกับน้ำจำนวนหนึ่งหรอกหรือ?ทำไมถึงไม่ให้ความร่วมมือ?ในเวลาเดียวกันนี้ เซี่ยเวย จ้าวเฉียน ซ่งตั๋วทั้งสามคนควบม้าวิ่งมาอย่างเอิกเกริกเหล่าทหารเห็นเซี่ยเวยครั้งแรกและมองเขาหัวจรดเท้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายแม่ทัพผู้ถูกกดดันจนหนีมาด่านเจิ้นกวนผู้นี้ อายุราวยี่สิบห้าปี ผิวพรรณสีเข้ม รูปร่างค่อนผอม ดวงตาสองข้างแวววาวแหลมคม!เขาสวมชุดเกราะสีดำของแคว้นเยี่ยน หากมองใกล้ ๆ ชุดเกราะเป็นสนิมอย่างหนักเสื้อผ้าใต้ชุดเกราะขาดหลุดลุ่ยเหลือทนด้านหลังรองเท้าคู่นั้นสึกหรอจนแบนราบและฝ่าเท้าก็เผยออกมาเช่นนั้นนี่คือเสื้อผ้าของผู้นำทัพแคว้นหนึ่งไม่แปลกใจเลยที่ซ่งตั๋วจะเห็นอกเห็นใจเขา สภาพเช่นนี้ คล้ายกับกองทัพตระกูลจ้านเมื่อหลายเดือนก่อนมากในตอนนั้น พวกเขาสวมเสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยเช่นเดียวกัน รองเท้าของแม่ทัพหลายคนก็ผุพังเหลือทนเช่นกันเซี่ยเวยลงจากหลังม้า เด
กว่างอิงเซิ่งเชื่อว่า เงินทองอยู่ตรงหน้า จ้านเฉิงอิ้นไม่คุ้มที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อแคว้นเยี่ยนเพื่อเซี่ยเวยไม่คาดคิดเลยว่า จ้านเฉิงอิ้นจะประกาศคำสั่ง “ยิงธนู!”สวบ…เสียงลูกธนูทะลุกลางอากาศดังขึ้นในค่ำคืนอันมืดมิดทหารแคว้นเยี่ยนที่ยกกล่องข้ามสัญลักษณ์เขตแดนมีสามสิบคน ล้วนถูกหน้าไม้ราชวงศ์ฉินยิงและล้มตรงหน้ากองทัพหลายแสนคนของแคว้นเยี่ยน!การเสียชีวิตของพวกเขาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกือบจะเพียงเอื้อมมือเยี่ยนซวี่คิดไม่ถึง จ้านเฉิงอิ้นจะกล้ายิงสังหารทหารแคว้นเยี่ยนต่อหน้าเขา!เขาพลันยืนขึ้นบนเกี้ยว ความโกรธโหมทะลักจ้านเฉิงอิ้นไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ เป็นแค่นายทหารพิทักษ์เมืองคนหนึ่ง กลับกล้ามองข้ามเขาถึงเพียงนี้เขาประกาศคำสั่งใต้ความโกรธ “มีใครอยู่ตรงนั้น บุกทะลวงเมืองให้ข้าซะ…”กว่างอิงเซิ่งรีบเร่งกล่าวห้าม “ฝ่าบาท ไม่ควรบุกเมืองบุ่มบ่ามนะพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ลืมจุดประสงค์ของการมาด่านเจิ้นกวนแล้วหรือ?”ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น สามพันธมิตรพร้อมกองกำลังห้าแสนห้าหมื่นคนในตอนนั้น ยังไม่สามารถเอาชนะด่านเจิ้นกวนได้ พวกเขามีเพียงหนึ่งแสนกว่าคนจะเอาชนะได้อย่างไร?เยี่ยนซวี่สีหน้ามืดหม่
เฉินขุยเกาศีรษะอย่างอิหลักอิเหลื่อ “ก็ตอนนี้ข้าเข้าใจเขาแล้วไม่ใช่หรือ?”“กองทัพตระกูลจ้านเราถูกเผ่าหมานปิดล้อมร่วมหนึ่งปี ทำศึกทหารตายไปมากมาย ข้าคิดว่าพวกเราก็น่าเวทนาพอแล้ว”“เมื่อเทียบจุดนี้กับเซี่ยเวย เขาถูกคนของตัวเองกินทหารไปครึ่งหนึ่ง ทว่าจนปัญญา ภายในใจยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ”“คิด ๆ ดูแล้วเขายากลำบากยิ่งนัก ต่อไปดึงเข้ามาเป็นพวกแล้ว ก็ทำดีกับเขาหน่อยแล้วกัน!”มั่วฝานชำเลืองมองเฉินขุยทีหนึ่ง ทว่าไม่ได้พูดอะไรอีกทัพใหญ่หนึ่งแสนกว่าคนของจ้านเฉิงอิ้น รวมตัวกันอยู่เบื้องหลังเครื่องหมายเขตแดนเขาตะโกนเสียงดัง “ทหาร เปิดไฟดวงใหญ่!”รถออฟโรดสิบคันเปิดไฟดวงใหญ่ ส่องจนคนตรงหน้าลืมตาไม่ขึ้นจ้านเฉิงอิ้นยกมือขึ้น พร้อมเอ่ยกับหน่วยหน้าไม้ที่อยู่เบื้องหลังว่า “ง้างธนู เตรียมตัวยิง!”หน้าไม้ราชวงศ์ฉินนับไม่ถ้วนถูกง้างขึ้นมาทั้งหมดเยี่ยนซวี่ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนได้ยินพลังของหน้าไม้มานานแล้ว ระยะยิงของหน้าไม้ราชวงศ์ฉินไกลเป็นอย่างมาก มากกว่าหกร้อยหมี่!หากทัพใหญ่หนึ่งแสนกว่านายเข้ามาในเขตระยะยิงของหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน ไม่มีใครหนีรอดไปได้แน่!ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พวกเขาไม่ขาดหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน
ครั้นซ่งตั๋วฟังถึงตรงนี้ ขอบตาก็แดงก่ำไปหมด“ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยน เขาว่าอย่างไร?”“เขาบอกว่าก็แค่กินคนห้าหมื่นคนเองไม่ใช่หรือ? จะร้อนใจอะไร ตอนนี้ท้องพระคลังว่างเปล่า ทั้งแคว้นไม่มีเสบียงอาหาร ต้องเลี้ยงชีวิตกองกำลังของกว่างอิงเซิ่งสองแสนนาย เสียสละนิด ๆ หน่อย ๆ เป็นสิ่งที่ต้องทำ!”“เขายังออกพระราชโองการ ไม่ให้ข้าไปสืบหาความจริง แลพราชสำนักจะไม่ส่งเสบียงอาหารและหญ้าที่ใช้เลี้ยงม้ามาอีก ทหารเบื้องล่างข้ากินชาวบ้านในเมืองประทังหิวได้!”“พอได้รับพระราชโองการ ข้าก็รู้ว่าแคว้นเยี่ยนเน่าเฟะแล้ว เน่าเฟะตั้งแต่เบื้องบนจนถึงเบื้องล่าง!”“มีฮ่องเต้ไร้ซึ่งความดีใด ๆ เช่นนี้ มีแม่ทัพที่กินทหารเบื้องล่าง แคว้นนี้ควรค่าให้เราขายชีวิตปกป้องหรือ?”“ข้าไม่ยอมให้กินชาวบ้านทั้งเมือง พวกเขาคือชาวบ้านที่ใช้ชีวิตปกป้องเมือง จะกินได้อย่างไร?”“ข้าจึงตัดสินใจพาทหารขึ้นเหนือ มาพึ่งพากองทัพตระกูลจ้าน หากแม่ทัพรับพวกเราเอาไว้ ให้พวกเราได้มีชีวิตต่อ ก็จะดีเป็นอย่างยิ่ง”“หากไม่รับ เขาก็ไม่ฆ่าพวกเรา เพราะข้าไม่เคยได้ยินว่ากองทัพตระกูลจ้านกินเนื้อคน!”“พวกชาวบ้านในเมืองแคว้นเยี่ยน ข้าให้พวกเขาออกจากเมืองไปทั
รองแม่ทัพที่คุกเข่าเป็นคนแรกชื่อว่าจ้าวเฉียน เสียงเคร้งดังขึ้นเสียงหนึ่ง อาวุธที่อยู่ในมือเขาตกลงบนพื้นเขาเอ่ยกับเซี่ยเวยด้วยความโศกเศร้าว่า “ท่านแม่ทัพ ต่อให้มอบความกล้าให้ข้าน้อยสิบกระบุง ข้าน้อยก็ไม่กล้าแตะต้องชาวบ้านที่เพาะปลูกต่อหน้ากองทัพตระกูลจ้าน?”“ข้าน้อยเพียงแค่คิด พวกเราไม่ควรทำให้แม่ทัพใหญ่ลำบาก เขารับพวกเราเอาไว้ ให้ของกินเครื่องดื่มแก่พวกเรา หากทัพใหญ่แคว้นเยี่ยนบุกประชิดพรมแดน ต้องมีคนไปกดไฟโทสะของฮ่องเต้เอาไว้!”“ข้าน้อยยอมให้ตัวตาย แบกรับเรื่องนี้เอาไว้แทนท่าน ข้าน้อยกลับไปมอบตัว แม่ทัพใหญ่ส่งตัวคนไป ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนเองก็จับตัวคนได้แล้ว เขาไม่มีเหตุผลให้ต้องล่วงล้ำด่านเจิ้นกวนต่อ!”เซี่ยเวยมองรองแม่ทัพที่ติดตามมาหลายปี เดือดดาลจนตาทั้งสองข้างแดงก่ำเขาเอ่ยตำหนิอย่างเดือดดาลปนเสียงสะอื้น “เลอะเลือน เจ้ามันเลอะเลือน!”“เจ้าคิดว่าตัวเองพาคนไปพบฮ่องเต้แล้วเขาจะช่างมันไปทั้งอย่างนี้หรือ?”“ผิดแล้ว เขานำทัพใหญ่มาด่านเจิ้นกวน ไม่ใช่เพื่อจับตัวพวกเรากลับไป จับตัวคนเป็นแค่ข้ออ้างของเขาเท่านั้น”“เขาไม่จำเป็นต้องเคลื่อนพลมาโจมตีด่านเจิ้นกวน เขาไม่มีความกล้านี้”“แม้
เมื่อเฉินขุยเห็นภาพนี้ ดวงตาก็เบิกโพลง ก่อนจะดึงตัวซ่งตั๋วมาน้ำเสียงของเขาดังก้องกังวาน ตะคอดจนนายทหารโดยรอบต่างหันมามอง“เจ้าดูเอาเองเถิด ข้าบอกแล้วว่าจะเชื่อใจคนเยี่ยนง่าย ๆ ไม่ได้ ข้ายอมรับชาวบ้านแคว้นฉู่ แต่ไม่มีทางเชื่อว่าทหารชาวเยี่ยนจะมาพึ่งพาพวกเราโดยไร้ซึ่งเหตุผล!”“ดูสิ ทัพใหญ่ของฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนบุกประชิดพรมแดน ทหารชาวเยี่ยนที่อยู่เบื้องหลังสวมใส่เสื้อเกราะ มือถืออาวุธ พวกเขาคิดจะทำอะไร?”“คิดจะลงมือกับชาวบ้านของด่านเจิ้นกวนหรือ?”ซ่งตั๋วเห็นภาพในอากาศยานไร้คนขับ เห็นนายทหารเบื้องล่างเซี่ยเวยกลับสวมชุดเกราะมือถืออาวุธ ออกมาจากฐานที่มั่นอย่างลับ ๆ ล่อ ๆเขาสงบนิ่งเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเขาเชื่อใจเซี่ยเวย จัดฐานที่มั่นที่ใกล้กับริมแม่น้ำให้พวกเขา ต้านทานแรงกดดันมีปากเสียงกับเฉินขุยผลสุดท้าย?ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะกล้าลงมือกับชาวบ้านที่มือเปล่า?ซ่งตั๋วพลิกตัวขึ้นหลังม้า แล้วห้อตะบึงไปยังค่ายทหารของเซี่ยเวยอย่างรวดเร็วจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้ห้ามเขาหากทหารเบื้องล่างของเซี่ยเวย ใช้แผนด้านนอกด้านในตีขนาบประสานกันกับทหารที่อยู่ด้านนอก เช่นนั้นหาหมื่นคนนี้ก็ควรตายทั้งหมด
จ้านเฉิงอิ้นเรียกให้เขาหยุด “ส่งอากาศยานไร้คนขับ ไปตรวจสอบดูสถานการณ์ที่ประจำการของเซี่ยเวย!”“ขอรับ!”“เปี้ยนจื่อผิง หลี่หยวนจง เฉิงจื่อเซียว พวกเจ้าปกป้องฐานที่มั่นเอาไว้ พื้นที่เหล่านี้เป็นที่ที่พวกชาวบ้านปลูกมาอย่างยากลำบาก อย่ายอมให้รุกล้ำแม้แต่นิ้วเดียว”เหล่านายทหารพยักหน้า “ขอรับ แม่ทัพใหญ่!”“หากครานี้ถอนทัพกลับไป แล้วพวกเขาไม่มีอะไรกิน ก็จะมาปล้นด่านเจิ้นกวน กองทัพตระกูลจ้านต้องคิดหาวิธีรับมือกับพวกเขา บีบคอให้ตายในเปล!”“ล่าถอยเถอะ ติดอุปกรณ์ให้ครบครัน รีบกลับไปป้องกันโดยเร็ว!”“ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่ง!”จ้านเฉิงอิ้นขี่ขึ้นหลังม้า นำเหล่านายทหารมุ่งหน้าไปทางตะวันออกที่แล้วทางทิศตะวันออกขยายไปถึงอาณาเขตแคว้นฉี ยึดพื้นที่เพาะปลูกที่ดีที่สุดในก่อนหน้านี้ของประชาชนแคว้นฉีกระทั่งแม่น้ำที่แห้งขอดมานาน ขุดลอกทรายที่ทับถมออกมากองไว้บนพื้น ปล่อยน้ำไปกักเก็บเอาไว้...ที่ดินทางทิศตะวันออกเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดมันฝรั่ง มันเทศ ฟักทอง ข้าวโพดที่ปลูก แนวโน้มดีขึ้นเป็นพิเศษมันเทศบางส่วนขุดออกมาได้แล้ว แต่ละหัวขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ กินดิบ ๆ ได้รสชาติหวานหอม อีกหนึ่งเดือ