“หลูซีเขาเด็กเกินไป ข้าจะส่งหลูหมิงไปด้วย จะได้สมปรารถนาสองพี่น้อง มีเขาสองคนอยู่ทางนั้นข้าค่อยวางใจหน่อย”เย่มู่มู่ยิ้มกล่าว “จริงรึ? เช่นนั้นแล้วสถานะทาสของหลูซีกับหลูหมิง…”“ข้าจะเขียนจดหมายถึงตระกูลมั่ว แค่หน่วยกล้าตายสองคน พวกเขาจะเห็นแก่หน้าของข้า และยอมปล่อยคนพร้อมคืนสำเนาสถานะให้!”เย่มู่มู่หัวเราะอย่างมีความสุข “ดีจังเลย จ้านเฉิงอิ้น ขอบคุณเจ้านะ!”จ้านเฉิงอิ้นได้ยินเสียงหัวเราะดั่งกระดิ่งพร้อมสัมผัสได้ว่าช่วงเวลานี้เธอมีความสุขเพียงใด“ไม่เป็นไรขอรับท่านเทพ…ข้าพบโรงงานผลิตระเบิดและแหล่งขุดเหมืองแร่ของกองทัพธงเหลืองแล้ว”“ข้าจะทำลายโรงงานผลิตระเบิดโดยเร็ว กำจัดเหมืองแร่และสถานที่ผลิตอาวุธ…”“ข้าจัดกำลังพลไว้แล้วและจะเดินทางในอีกสามวันหลังจากนี้!”เย่มู่มู่พลางคิดว่าจะระเบิดโรงงานผลิตระเบิด ขั้นตอนแรกก็ต้องมีระเบิดจำนวนมาก“จ้านเฉิงอิ้น เดี๋ยวข้าไปเร่งระเบิดให้อีกครั้ง จะให้เขามาส่งภายในสามวัน จากนั้นข้าจะใส่ไว้ในที่ว่างเปล่าเป็นอันดับแรก”“เพียงแต่หินแร่เหล็ก…ข้าจะไปซื้อเศษถ่านหินอีกสองสามคันรถให้เจ้านะ!”“ท่านเทพ ตอนนี้ยังไม่ต้องใช้เศษถ่านหิน เพียงแต่ว่าจำนวนรถไม่เ
หน่วยกล้าตายสิบหกคนเดินเข้ากระโจมจ้านเฉิงอิ้นและคุกเข่าข้างเดียวทั้งหมดพวกเขาทุกคนยังหนุ่มมาก คนที่อายุมากที่สุดคือยี่สิบหกปีอายุน้อยที่สุดสิบแปดปีใส่ชุดสีดำที่เป็นหนึ่งเดียวกันของจวนรัฐทายาทและสวมรองเท้าผ้าใบที่มั่วฝานฝากเย่มู่มู่สั่งซื้อรองเท้าไม่ได้ซักมานาน ฝุ่นจึงเกาะเต็มไปหมดตั้งแต่ท่าคุกเข่ารวมถึงท่ากำดาบของพวกเขา ค่อนข้างแตกต่างจากทหารผ่านศึกแต่ทุกคนต่างหน้าม่อยคอตก สีหน้าหม่นหมองการหายตัวไปของมั่วฝานส่งกระทบพวกเขาอย่างหนักจ้านเฉิงอิ้นกวาดตามองทั้งสิบหกคนและเอ่ยถาม “ผู้ใดคือหลูหมิง?”หนุ่มวัยยี่สิบปีคนหนึ่งที่อยู่ริมสุดพลันเงยหน้าขึ้นมา ฝุ่นเกาะตามใบหน้า แต่หน้าตายังถือว่าเป็นปกติเขาตอบกลับ “แม่ทัพ ข้าน้อยคือหลูหมิง ทางฝั่งหลูซีเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่ขอรับ?”จ้านเฉิงอิ้นกล่าว “ไม่มีอะไร เขากับมั่วฝานอยู่กับท่านเทพ พวกเขาสบายดีมาก พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”หน่วยกล้าตายหลายคนพลันเงยหน้าขึ้นพร้อมแสดงแววตาประหลาดใจและไม่อยากเชื่อจากนั้นทุกคนหันขวับทอดมองจวงเหลียงที่ยืนข้าง ๆ พร้อมกันแม่ทัพใหญ่พูดว่ารัฐทายาทอยู่กับท่านเทพและสบายดีมากแต่ทว่าเหตุใดเขาจึงได้แส
“ไม่ต้องขอบคุณข้า เป็นความประสงค์ของท่านเทพหน่ะ ท่านอยากให้หลูซีอยู่ต่อและได้ทำบัตรประชาชนกับทะเบียนบ้านของฝั่งนั้นให้หลูซี จากนี้ไปหลูซีกลายเป็นคนในโลกของท่านเทพแล้ว”“เมื่อเจ้าข้ามไป จำไว้ว่าชีวิตของเจ้ากับหลูซีเป็นของท่านเทพและต่อจากนี้ก็จงปกป้องท่านด้วยชีวิต”หลูหมิงน้ำตาไหลสองข้าง สีหน้ากลับเข็มขึงมากท่านเทพมอบชีวิตครั้งที่สองให้พวกเขา“ข้าเต็มใจสาบานด้วยชีวิตว่าจะปกป้องท่านเทพจนชีวิตจะหาไม่!”“ดี วันนี้ท่านเทพถูกลอบสังหารด้วยนักฆ่า เมื่อเจ้าข้ามไปแล้ว อย่าคิดว่าโลกของท่านเทพสันติสุขแล้วไร้ซึ่งความอันตราย”“จงระวังให้มาก ให้รู้สึกมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ ถ้าท่านเทพเป็นอะไรไป”“ข้า ผู้นำทัพทุกคน กองทัพตระกูลจ้านจวบจนต้าฉี่ล้วนอาจดับสลาย!”หลูหมิงเข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้ เขาวางดาบลงและหมอบกราบจ้านเฉิงอิ้นอย่างลุ่มลึกเขาใช้กำลังที่แรงมากจนหน้าผากเปลี่ยนเป็นสีแดง“หลูหมิงขอสาบาน ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ท่านเทพก็จะอยู่!”“ดี ไปเตรียมตัวตอนนี้ พรุ่งนี้ข้าจะส่งเจ้าไป!”หลูหมิงยืนขึ้นพร้อมดวงตาที่ยังแดงเช่นเดิม เขาฉีกปากและยิ้มแย้ม“แม่ทัพใหญ่ หลูหมิงขอตัวขอรับ!”“ไปเถอะ!”หลูห
มั่วฝานบอกกล่าวไม่กี่คำเสร็จก็ไปเรียนรู้เรื่องไฟฟ้าหลูซีพาหลูหมิงขึ้นไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเดิมทีเย่มู่มู่จะจัดห้องใหม่ให้หลูหมิง แต่หลังจากที่เขาเข้ามาในห้องหลูซี เขาถึงกับชะงักห้องทั้งกว้างใหญ่และสว่างมีโคมระย้าผลึกแก้วที่แวววาว มีโทรทัศน์ผลึกแก้วที่ใหญ่มหึมาและโต๊ะเก้าอี้ที่สวยงามแม้แต่เตียงนอนก็ยังเป็นเตียงขนาดใหญ่มากในค่ายพักของหน่วยกล้าตายอย่างพวกเขา นอนหลับตามพื้นดิน ตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่เคยได้นอนบนเตียงด้วยซ้ำห้องนอนที่สวยงามเพียงนี้ เตียงนอนที่ใหญ่ขนาดนี้ มันใหญ่พอสำหรับเขากับหลูซีแล้วเขาจึงปฏิเสธห้องที่ท่านเทพจัดให้เย่มู่มู่คิดว่าสองพี่น้องคงมีเรื่องราวที่พูดด้วยกันไม่หมดแน่ จึงไม่บังคับให้แยกกันอีกหลังจากหลูซีเข้าเรียนแล้ว ค่อยจัดห้องใหม่อีกครั้งทั้งสองคนค่อนข้างประพฤติตัวดี หลูหมิงอาบน้ำสระผมเปลี่ยนเสื้อผ้าและกินอาหารเช้าที่หลากหลายมากมายเสร็จ ก็ถูกหลูซีพาไปทำงานตรงพื้นที่ก่อสร้างพื้นที่ก่อสร้างคือบ้านหลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างตรงบ้านพักตากอากาศมั่วฝานหนีไปแล้ว วันนี้หลูซีพาอีกหนึ่งคนด้วย ทุกคนจึงดีใจมากเดิมทีหลูหมิงไม่อยากไป หลูซีกล่าวว่า ทำงา
หลัวอี๋กับรถขนเสบียงห้าคัน รถบรรทุกน้ำมันหนึ่งคันและหนึ่งร้อยคนเฝ้าติดตามเหมืองแร่คืนนี้ ทุกคนจะออกเดินทางพร้อมกันโดยแยกออกเป็นสี่กลุ่มตอนที่เซี่ยเวยเหอส่งจางเฉากับหลัวอี๋ เขาใช้คำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงจัง “สองเรื่องนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จำไว้ เมื่อชนะแล้ว จากนี้ไปพวกเราจะได้รับตำแหน่งและยศบรรดาศักดิ์ไปพร้อมกับแม่ทัพและมีชีวิตที่ดี!”“หากว่าวันหนึ่ง เขารวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเจ้าก็คือขุนนางผู้สถาปนาแคว้น!”หว่างคิ้วของจางเฉากับหลัวอี๋พลันกระตุก ไม่คิดเลยว่าแม่ทัพจะกล่าวออกมาอย่างไม่หลีกเลี่ยงถึงเพียงนี้พวกเขารู้ว่าแม่ทัพใหญ่กำลังจะก่อกบฏต่อฮ่องเต้น้อยแคว้นฉี่เรื่องนี้ได้ตอกตะปูไว้บนกระดานเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว!เพียงแต่ ถ้ารวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียวกันรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกันเลยนะ!นับจากหัวเซี่ย มีบ้านเมืองและชนเผ่าจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีผู้ใดเคยรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้สักคนแม่ทัพใหญ่ เขา~จะทำได้จริง ๆ หรือ?ถ้าทำสำเร็จขึ้นมาพวกเขาก็จะกลายเป็นขุนนางผู้สถานปนาแคว้นไม่พูดถึงชื่อเสียงเลื่องลือไปสู่รุ่นหลานหรือชั่วกัลปาวสาน ถึงจะเป็นเช่นนั้น
จ้านเฉิงอิ้นถามจวงเหลียง “ประชากรเมืองต้ายงก่อนเกิดทุพภิกขภัยมีจำนวนเท่าไหร่ เจ้าเมืองเป็นใคร? มีใครเฝ้ารักษาเมืองบ้าง?”“เรียนแม่ทัพ ยุคสมัยที่เมืองต้ายงเจริญรุ่งเรืองสูงสุด มีจำนวนประชากรสี่แสนแปดหมื่นคน ก่อนเกิดทุพภิกขภัยมีสี่แสนสองหมื่นคน”“เจ้าเมืองคือเหวยหง ผู้รักษาเมืองคือชิวเฉิงอวี่ จัดระดมสามพันคนคอยเฝ้ารักษาเมือง!”“ภายในเมืองมีการค้าขายที่เจริญก้าวหน้า เป็นเมืองที่นำจ่ายภาษีประจำปีสูงสุดในบรรดาหัวเมืองใกล้เคียงสิบแห่ง”จวงเหลียงประกบหนังสือรายงาน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่าว “วันนี้ ไม่รู้เช่นกันว่าเมืองต้ายงที่ครั้งหนึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองนั้นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”จ้านเฉิงอิ้นถามซ่งตั๋ว “อีกนานเท่าไหร่กว่าจะถึง?”“จะเข้าเมืองหลังจากฟ้าสว่าง แม่ทัพจะส่งคนไปแจ้งเจ้าเมืองก่อนหรือไม่?”“เจ้าส่งคนไปเถอะ!”“ขอรับ”หลังจากรีบออกเดินทางตลอดทั้งคืน ทุกคนจึงมาถึงนอกเมืองก่อนฟ้าส่างยามเช้า เมื่อมองดูแต่ไกลหัวเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตชีวา ตอนนี้กลับเงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวอย่างน้อยก็ไม่เห็นใครเดินทางเข้าเมืองเลยยิ่งไปกว่านั้นไม่มีแม้แต่ทหารเฝ้ารักษากา
เฉินอู่กล่าวเตือน “ถ้าทางข้างหน้ามีกองทัพธงเหลืองขวางทาง ข้างหลังจะมีทหารไล่ตาม?”“พวกเราจะกลัวพวกมันรึ? เรามีหน้าไม้ราชวงศ์ฉินและระเบิดอยู่ในมือ!”“ถ้าพวกเขากล้าไล่ตาม เราก็ฝังระเบิดไว้ที่ข้างหลัง!”เมื่อเป็นเช่นนี้ จ้านเฉิงอิ้นพลางกล่าว “ใช้ทางอ้อม ก็แค่ต้องเดินเพิ่มขึ้นไม่กี่วันแค่นั้น ไม่ทำให้ขาดแคลนละครโทรทัศน์นี่หรอก!”ซ่งตั๋วยิ้มแย้มกล่าว “แม่ทัพช่างฉลาดเลิศ!”เฉินขุยยังลืมหญิงเต้นรำจากเขตตะวันตกไม่ลืม “เสียดายจัง คงไม่ได้เห็นหน้าอีกแล้ว!”ซ่งตั๋วมองตาขวางเฉินขุยอย่างแรงหนึ่งที“ฮึ หญิงเต้นรำจากเขตตะวันตกอะไร ข้าจะบอกฮูหยินเฉินตอนนี้เลย ให้นางควบคุมเจ้าให้เข้มงวด!”กองกำลังชุดใหญ่หยุดเดินทาง ทุกคนเริ่มหาสถานที่ตั้งค่ายพักพื้นที่ผืนนี้เป็นที่ราบ ไม่มีภูเขาและถ้ำและไม่มีสถานที่ให้ความร่มเงาจึงจำต้องกางกระโจมโชคดีที่เย่มู่มู่ส่งกระโจมกันแดดมาให้ทุกคน ทุก ๆ กระโจมจะมีพัดลมตัวเล็กหนึ่งเครื่อง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ครั้นติดตั้งกระโจมเสร็จ พัดลมก็เริ่มทำงานทันที ทุกคนปูเสื่อที่พื้นและคลุมทับด้วยผ้าห่มจ้านเฉิงอิ้นให้เถียนฉินบังคับอากาศยานไร้คนขับอีกครั้งภายใ
กองทัพหนึ่งแสนนายต่างก็ถอยหลังทั้งหมด ถอยไปสามลี้ทุกคนหมอบราบพลธนูหนึ่งร้อยนายยิงธนู จุดไฟที่หัวลูกศร ยิงไปยังศพที่ประตูเมืองฟิ้ว~ลูกธนูจำนวนมากพุ่งไปยังประตูเมืองศพที่ประตูเมืองพลันลุกไหม้อย่างรวดเร็วแต่ไม่มีการระเบิด!เซี่ยเวยและคนอื่น ๆ ก็หมอบราบมองดูอยู่บนพื้น คิดว่าแม่ทัพคาดการณ์ผิด และกำลังจะลุกขึ้น!เฉินขุยบอกให้ทุกคนเงียบ“ชู่ อย่าพูด รอก่อน...”เฉินขุยพูดจบ ก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นที่ประตูเมือง กำแพงเมืองเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ไม่รู้ว่าพวกเขาฝังระเบิดไว้มากแค่ไหน แผ่นดินไหวสะเทือน ประตูเมืองและกำแพงเมืองพังทลายลงในทันที กลายเป็นซากปรักหักพังพวกเขาอยู่ห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตร ยังมีเศษหินกระเด็นตกลงมาทหารผ่านศึกยกโล่ขึ้นมาป้องกันเศษหินกระแทกโล่อย่างต่อเนื่อง เสียงดังไม่หยุดจากนั้นก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ติดต่อกัน ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!ลุกลามจากประตูเมืองไปยังใจกลางเมืองถนนหลายสายที่ตัดกันถูกฝังระเบิด...ในชั่วพริบตา ครึ่งหนึ่งของเมืองถูกทำลายพวกเขาดูเหมือนจะได้ยินเสียงร้องไห้ของชาวบ้านจำนวนมากที่หลบหนีจ้านเฉิงอิ้นบอกซ่งตั๋ว “รีบบินอากาศย
หากว่าถูกเผ่าหมานเผาจนตาย หรือแม้กระทั่งโดนกิน มั่วฝานคงจะรับไม่ได้!นี่ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นบุตรของแม่ทัพลู่หรือไม่ แต่ว่าทุกการกระทำของเผ่าหมาน ล้วนมาถึงจุดที่แม้แต่สวรรค์หรือมนุษย์ต่างก็พากันแค้นคืองแล้วเขาทำได้เพียงจงเกลียดจงชังตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเด็กได้เท่านั้นจ้านเฉิงอิ้นให้จวงเหลียงหยุดรถจวงเหลียงหยุดรถ พลางหันไปมองจ้านเฉิงอิ้น“เกิดอันใดขึ้นขอรับ? ท่านแม่ทัพ!”หากขับรถไล่ตามให้เร็วขึ้น อาจจะยังทันแต่ถ้าหยุดอยู่กลางทาง จะต้องไม่ทันกาลเป็นแน่!จ้านเฉิงอิ้นเปิดวิทยุสื่อสาร กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เฉินขุย เฉินอู่ ประเดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ให้เดินหน้าอย่างเต็มกำลัง!”ในวิทยุสื่อสาร มีเสียงของทั้งสองคนดังออกมา “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”“ซ่งตั๋ว ต้องสอดประสานกับเฉินขุยให้ดี!”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”จ้านเฉิงอิ้นลงจากรถมั่วฝานได้ตามลงมาจากรถด้วยหน้าจอของอากาศยานไร้คนขับที่อยู่ในมือของเขา กำลังแสดงภาพของแม่ทัพภายใต้การบัญชาการของหลัวซู่กำลังถือคบเพลิง และจุดกองฟืน... ฝืนนั้นแห้งเกินไป ไฟจึงลุกไหม้ในทันทีเด็กทั้งสองร้องไห้อย่างน่าเวทนามากยิ่งขึ้น!จ้านเฉิงอิ้นวาง
แม้แต่กองกำลังรักษาพระองค์ภายใต้การนำของผู้บัญชาการลั่ว ก็ล้วนถูกบรรยากาศ ณ ตรงนั้นดูดกลืนไปด้วยกองกำลังรักษาพระองค์จำนวนสองร้ายนายติดอาวุธครบมือ อยากที่จะเข้าสู่สนามรบเพื่อสังหารศัตรูแน่นอนว่า สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดก็คือศีรษะมนุษย์ ถึงอย่างไรศีรษะมนุษย์หนึ่งหัว ก็มีค่าเท่ากับข้าวสารสิบชั่ง แป้งสาลีห้าชั่ง ขอเพียงสังหารเผ่าหมานได้สามคน ก็จะสามารถนำธัญพืชกลับมาได้สี่สิบห้าชั่งแล้ว!ภายในสองเดือนนี้ครอบครัวก็จะไม่อดตาย เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว“ผู้บัญชาการ พวกเราก็ออกรบด้วยเถิดขอรับ! เผ่าหมานบุกรุกดินแดนต้าฉี่ สังหารราษฎรแคว้นต้าฉี่ของพวกเรา ถึงแม้พวกเราจะเป็นกองกำลังรักษาพระองค์ แต่ก็ต้องคิดเพื่อแคว้นต้าฉี่อย่างเต็มกำลัง!”“ใช่แล้วขอรับ ในครอบครัวของเหล่าสหายต่างก็ขาดแคลนเสบียงอาหาร ตอนนี้มีโอกาสรับรางวัลเป็นเสบียงอาหารแล้ว ผู้บัญชาการ ให้ทุกคนเข้าสู่สนามรบเถิดขอรับ!”“ผู้บัญชาการ ตอนนี้มีโอกาสได้รับเสบียงอาหารแล้ว พวกเราก็อยากไปลองดูเช่นกันขอรับ!"ลั่วปินรู้จักฐานะทางบ้านของเหล่าสหายทุกคนดี มีคนที่ต้องอดตายแทบจะทุกครอบครัวตอนนี้เมื่อมีโอกาสได้รับรางวัลเป็นเสบียงอาหารแล้ว จ
นายทหารทุกนายกึ่งคุกเข่าลง “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”มั่วฝานชี้ตัวเอง แล้วสลับไปชี้จ้านเฉิงอิ้น“แล้วพวกเราล่ะ?”“ช่วยเด็ก!”“จะช่วยอย่างไร?”“ให้หน่วยกล้าตายของเจ้าขับรถ ภายใต้การคุ้มกันของเฉินขุยและซ่งตั๋ว บุกโจมตีเข้าไปโดยตรงแล้วชิงตัวเด็กขึ้นรถ จากนั้นก็ขับรถออกมา...”“ขับรถบรรทุกสองสามคันไปรั้งท้ายขบวนคอยคุ้มกันด้านหลัง!”“แบบนี้จะได้ผลจริง ๆ หรือ?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า “ได้ผล เจ้าไปเลือกหน่วยกล้าตายมา เอาคนที่ขับรถเก่ง ฝีมือคล่องแคล่วปราดเปรียว”“จัดแจงคนโยนระเบิดไปในรถบรรทุกด้วย หากเผ่าหมานกล้าตาม ก็ระเบิดเลย!!”มั่วฝานพยักหน้า “ขอรับ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”“เดี๋ยวก่อน เอาอากาศยานไร้คนขับ วิทยุสื่อสารให้พวกเขาไปด้วย หากช่วยคนออกมาได้ หน่วยกล้าตายทั้งหมดจะเป็นอิสระจากบัญชีทาส และให้ตำแหน่งยศนายกองขึ้นไป!”“ทุกคนจะได้รถบ้านเป็นรางวัลคนละหนึ่งคัน!”หน่วยกล้าตายที่อยู่เบื้องหลังมั่วฝาน ต่างดีใจกับสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายแม้ช่วยเด็กจะอันตราย ทว่าแม่ทัพเฉินและแม่ทัพซ่งตั๋วจะเป็นผู้คุ้มกันให้พวกเขาพวกเขายังจะได้รถบ้านเป็นรางวัลอีกนี่เป็นรถบ้านเชียวนะ ต่อไปไม่ได้เป็นหน
จ้านเฉิงอิ้นอ่านสารลับจบ ก็ส่งให้เฉินขุยเฉินอู่เวียนกันอ่านหลังพวกเขาอ่านจบ ก็ส่งให้มั่วฝาน จวงเหลียงและซ่งตั๋วหยางชิงเหอเองก็ได้อ่านเช่นกันหยางชิงเหอเอ่ย “ช่วย!”“แม้จะช่วยออกมาไม่ได้ ก็ได้พยายามแล้ว เมื่อแม่ทัพลู่เห็นความจริงใจของเรา เขาไม่มีทางร่วมหัวจมท้ายกับเผ่าหมานแน่นอน”เฉินอู่กล่าว “แม่ทัพลู่เกลียดเผ่าหมาน!”“ใช่แล้ว ฮ่องเต้น้อยอยากขอให้เขาไปภูเขาเหมือง ล้อมปราบกองทัพตระกูลจ้านร่วมกับกองทัพธงเหลือง แคว้นเยี่ยนและเผ่าหมาน เขาคือผู้ที่ไม่กระตือรือร้นที่สุด เพียงแค่ไปตามน้ำเท่านั้น”“ตอนที่มู่ฉีซิวถอยทัพ เขาวิ่งเร็วที่สุด ท่านแม่ทัพใหญ่เองก็ไม่อยากทำให้เขาลำบาก!”“เช่นนั้นตอนนี้จะทำเช่นไรดี? หากสู้รบกันขึ้นมา เผ่าหมานเอาตัวเองยังไม่รอด เด็กสองคนนั้นอาจถูกพวกเขาพลอยฆ่าไปด้วย!”ทันใดนั้น หน่วยกล้าตายของมั่วฝานก็หยิบโทรศัพท์สังเกตการณ์มาข้างกายเขาครั้นมั่วฝานเห็นภาพบนหน้าจอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเขาส่งหน้าจอให้จ้านเฉิงอิ้นดูจ้านเฉิงอิ้นเห็นว่าตรงหน้าหลัวซู่แห่งเผ่าหมาน มีกองฟืนกองใหญ่กองอยู่และข้าง ๆ กองฟืนเป็นเด็กที่อยู่ในชุดผ้าฝ้าย เด็กสองคนนั้น อายุแปดขวบคนหนึ่ง สิ
อีกฝั่งหนึ่ง ขณะเป็นทหารใต้บังคับบัญชาของมู่ฉีซิว พวกเขาเคยเห็นมาก่อนว่าเผ่าหมานโหดเหี้ยมอำมหิตแค่ไหนพวกเขาไม่มีผู้ใดทนดูได้เลยแม้แต่คนเดียว ต่างคิดว่าที่เผ่าหมานเผาฆ่าปล้นจี้ในดินแดนต้าฉี่ ช่างชั่วช้าต่ำตมยิ่งนัก!ในใจของทุกคนอดกลั้นความเดือดดาลเอาไว้สายหนึ่ง!ตอนนี้ ในที่สุดก็สามารถฆ่าเผ่าหมานอย่างเปิดเผยได้แล้วทุกคนมีขวัญกำลังใจล้นเปี่ยม คันไม้คันมืออยากต่อสู้ กำลังเตรียมพร้อมจะรบ หลังทุกคนมารวมตัวกันเสร็จ...รอเพียงท่านแม่ทัพใหญ่สั่งลงมาคำเดียวเท่านั้น พวกเขาก็จะพุ่งไปฆ่าเผ่าหมานทันทีแย่งศีรษะคนกันอย่างบ้าคลั่ง!ในวินาทีนี้ จู่ ๆ ก็มีคนมารายงานว่า “ท่านแม่ทัพ จดหมายด่วนของท่านแม่ทัพขอรับ!”มีทหารชั้นผู้น้อยจากศาลาพักม้าขี่ม้าเร็ว บุกเข้ามาในค่ายพักของกองทัพตระกูลจ้านทหารชั้นผู้น้อยคนนี้ไม่ใช่คนของกองทัพตระกูลจ้าน เขาสวมเสื้อเกราะ แบกอาวุธไว้บนหลัง แค่มองก็รู้ว่าเป็นทหารของต้าฉี่จ้านเฉิงอิ้นโบกมือให้ทุกคนเปิดทางทหารชั้นผู้น้อยขี่มาเร็วมาตรงหน้าจ้านเฉิงอิ้น เนื่องจากเหน็ดเหนื่อย จึงพลัดตกลงมาจากหลังม้าเถียรฉินและสวี่หมิงรีบประคองเขาขึ้นมาหวังเซิ่งตักน้ำให้ทหารช
“รายงาน...”มีม้าเร็วห้อตะบึงมา เหล่าทหารของเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยรีบเปิดทางให้ทันทีทหารเผ่าหมานลงจากม้า คุกเข่าลงตรงหน้าหลัวซู่ และล้วงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอก“ท่านอ๋อง ลู่หลางส่งจดหมายมาขอรับ!”“เอามา!”นายทหารส่งจดหมายให้หลัวซู่ เขาคลี่จดหมายออกเห็นเพียงด้านในเขียนว่า “จะฆ่าจะห้ำหั่น ก็แล้วแต่เจ้า แต่จะให้ข้าผู้แซ่ลู่ร่วมหัวจมท้ายกับเผ่าหมาย ไม่มีทางเป็นอันขาด!”หลัวซู่ยกจดหมายขึ้นอย่างเดือดดาล ก่อนจะฟันขาดออกจากกัน เศษกระดาษกระจัดกระจายร่วงหล่นลงไปเขาก่นด่าอย่างเดือดดาล“ลู่หลางดื้อด้าน เขาไม่สนลูกทั้งสองแล้วหรือ?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทหาร เผาเด็กสองคนนี้เสีย!”แม่ทัพคนอื่นต่างพากันคล้อยตามศึกที่ภูเขาเหมืองจ้านเฉิงอิ้นปล่อยลู่หลางไป ไม่ได้ตามฆ่าเขาทว่าลู่หลางกลับลอบติดตามเผ่าหมานกับกองทัพธงเหลืองมาตลอดทาง ประมาณหนึ่งถึงสองร้อยลี้ คอยตามอยู่ไม่ใกล้และไม่ไกล!เขารู้ว่าคนของแม่ทัพลู่อยู่ใกล้ ๆบอกว่าเขาขี้ขลาดก็ได้!ตอนแรกฮ่องเต้ต้าฉี่เชิญเขากับฮ่องเต้แคว้นเยี่ยน ไปล้อมปราบกองทัพตระกูลจ้านที่ภูเขาเหมืองด้วยกันเขานำทหารไปถึงตามที่คาดเอาไว้!บอกว่าเขาขี้ขลาดก็ได้~
พวกเขาจับชาวบ้านหลานหมื่นคนมาทำเป็นอาหาร ยังกินได้อีกระยะหนึ่งทว่า~พวกเขาไม่มีแหล่งน้ำ ทำสงครามยืดเยื้อกับกองทัพตระกูลจ้านมาเป็นเวลานาน และไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบการโต้กลับของพวกเขาในครั้งนี้ เป็นเพราะจวนตัวและกำลังจะหาทางรอดให้ได้หากไม่ตายในสนามรบ!ก็ต้องแย่งแผ่นดินต้าฉี่มาให้ได้!จ้านเฉิงอิ้นเปิดแผนที่ที่จวงเหลียงใช้อากาศยานไร้คนขับสร้างขึ้นเขากล่าวว่า “เฉินอู่ เจ้าพาคนขับรถบรรทุกไปหนึ่งร้อยคัน อ้อมด้านหลังแล้วตัดเข้าด้านข้าง บดขยี้ตายได้เท่าไรก็เท่านั้น!”“ทำให้พวกเขาหวาดกลัวและแตกตื่นก็ใช้ได้แล้ว!”“รถทุกคันเว้นระยะห่างกันหน่อย บนรถจัดแจงทหารผ่านศึกไปสามสิบ เอาหน้าไม้ราชวงศ์ฉินและธนูทดกำลังไปด้วย!”“แล้วก็ จำเอาไว้ว่าต้องระวังวัตถุระเบิดด้วย!”เผ่าหมานเองก็ฝังวัตถุระเบิดเช่นกัน เพียงแต่ที่ฝังลึกลับเป็นอย่างมากเฉินอู่กึ่งคุกเข่าคารวะ “ข้าจะสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาเอง ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ วันนี้ข้าพาทหารผ่านศึกออกไปเท่าไร ก็จะพากลับมาเท่านั้น!”“ดี ไปเถอะ!”เฉินอู่ไปเตรียมตัวก่อนแล้ว“มั่วฝาน เตรียมอากาศยานไร้คนขับและวัตถุระเบิด...”มั่วฝานลุกขึ้นยืน สายตาของเขาเป็น
ฮ่าวอี้ขู่เขาแรง ๆ “แล้วก็ เรื่องในวันนี้มีคนรู้แค่ห้าคนเท่านั้น!”เขาทำท่าปาดคอ“หลูหมิงจะปิดปากเอาได้!”หวังเสี่ยวเฉิงรีบพยักหน้า “ผมรู้แล้วครับพี่ พวกเขาไม่ใช่แค่ปิดปากเท่านั้น ยังจะกำจัดเราทิ้งไม่เหลือซากด้วยดอกบัวเพลิงขนาดใหญ่ด้วย!”ฮ่าวอี้จ้องเขาเขม็งทีหนึ่ง “ดอกบัวเพลิงขนาดใหญ่อะไร นั่นมีแต่ในนิยายแฟนตาซีเท่านั้นแหละ”หวังเสี่ยวเฉิงเกาท้ายทอยอย่างอิหลักอิเหลื่อ “พี่ ผมจำผิดแล้ว! ที่ผู้บำเพ็ญเซียนใช้กันคือแหล่งกำเนิดเพลิงหนึ่งรอบนักษัตร แต่ก็แผดเผาจนเราไม่เหลือแม้แต่ขนเส้นเดียวได้เหมือนกัน!”“เมฆฝนสลายไปหมดแล้ว ไม่มีเสียงลมฝน หลูหมิงจะเห็นพวกเราได้ รีบลงเขาเร็วเข้า!”“ครับ!”ทั้งสองคนขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าลงจากเขาไปหลูหมิงมองไปยังทิศทางที่พวกเขาจากไปอย่างสงบทีหนึ่ง*ตงโจวหลังพูดคุยกันยาว ๆ มาทั้งคืน ทีแรกกองกำลังรักษาพระองค์และขันทีจะออกไปแล้วในจังหวะนี้เอง จู่ ๆ เผ่าหมานก็แสดงศักยภาพด้วยการบุกเข้ามา นอกรัศมีห้าสิบลี้ ค่อย ๆ เข้ามาใกล้ ๆผู้บัญชาการลั่วและหวงกงกงไม่สามารถออกไปได้เพื่อให้กองทัพตระกูลจ้านแทรกซึมเข้าไปในวัง แล้วช่วยบิดามารดา พี่ใหญ่ ครอบครัวพี่รอง แ
พวกเขาหาเจอแค่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสองคัน รีบฝ่าลมแรงมายังข้างเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดที่คนในพื้นที่กักเก็บน้ำและผลิตกระแสไฟฟ้าตามการนำทางของแผนที่ ก่อนที่ฝนห่าใหญ่จะมาถึงฮ่าวอี้กับหวังเสี่ยวเฉิงตามพวกเขาไปเริ่มมีเม็ดฝนขนาดเล็กตกลงมาจากท้องฟ้า ลมค่อนข้างแรง คนแทบจะยืนไม่อยู่หวังเสี่ยวเฉิงเห็นทั้งสองคนขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไปยังเขื่อนด้วยความรวดเร็วเขารีบเอ่ยขึ้นว่า “พี่อี้ พวกเขาสองคนบ้าไปแล้วเหรอ? อากาศย่ำแย่ขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่ายังจะไปเขื่อนอีก!”“เดี๋ยวฝนก็จะตกหนักแล้ว สิ่งที่จะถูกทำลายเป็นอันดับแรกก็คือเขื่อน!”“ขวางพวกเขาเอาไว้ เร็วเข้า!”“ไปหารถมาเดี๋ยวนี้!”พวกเขาลุกลี้ลุกลนจนหามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเจอ ฝ่าลมและฝน ขี่ขึ้นไปบนเนินเขาอย่างยากลำบาก จนมาถึงบริเวณใกล้กับเขื่อนจากนั้นก็เห็นภาพที่น่าตกตะลึงที่สุดในชีวิตในจุดที่สูงที่สุดของเขื่อน ในตำแหน่งที่สะดุดตาที่สุด มีแจกันใบหนึ่งวางอยู่ท้องฟ้าบนแจกันมีทั้งฟ้าร้องฟ้าฝ่า ฝนห่าใหญ่เทลงมาทว่าเม็ดฝนนับไม่ถ้วนถูกดูดเข้าไปในแจกันทั้งหมดไม่ใช่เพียงฝนที่ถูกดูดเข้าไปในแจกัน กระทั่งน้ำในเขื่อน มวลคลื่นขนาดมหึมา ถูกม้วนเข้าไปในแจกันทั้งหมด