แม่ทัพที่ชื่อสวีจือ พูดขึ้นด้วยเสียงสะอื้น เบ้าตาแดงก่ำ “แม่ทัพเฉิน ข้านำอาหารกลับไปให้ภรรยาได้หรือไม่? นางแต่งงานกับข้ามา ไม่เคยมีวันไหนได้อยู่ดีมีสุขเลย เมื่อคืนยังตกใจจนสลบไปอีก!”“นางเกือบถูกพวกเผ่าหมานฆ่า ถ้าไม่ใช่เพราะคนรับใช้เข้ามาขวางดาบ เกรงว่าคงต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาแล้ว!”เฉินขุยได้ยินดังนั้นก็ด่าสวีหวย “เจ้าแก่นี่! ครั้งก่อนที่ข้าไปถึงค่าย ข้าน่าจะแทงเขาให้ตายตั้งแต่ตอนนั้น จะได้ไม่ต้องมีคนต้องตายมากมายแบบนี้”“พวกเจ้าอยากนำอาหารกลับไปให้ครอบครัว ก็เอาไปเถิด!”“ถ้าไม่พอ บอกให้พ่อครัวทำเพิ่มได้เลย!”เหล่าผู้บังคับบัญชาหลายคนถึงกับน้ำตาคลอเบ้าในทันที ตั้งท่าจะคุกเข่าลงขอบคุณแต่เฉินขุยรีบยื่นมือมาประคองไว้พวกเขาใช้แขนเสื้อปาดน้ำตา ก่อนจะพูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “ขอบคุณท่านแม่ทัพเฉินเป็นอย่างมาก!”เฉินขุยโบกมือ “ต่อไปวันดี ๆ แบบนี้จะมีให้มาก!”เขาไม่รบกวนการกินอาหารของพวกเขา เมื่อเขาเดินออกจากกระโจมเฉิงจื่อเซียวก็ตามเขาออกมาด้วย“ท่านน้าเขย...”เฉินขุยมองเจ้าเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นักหลานสาวของเขาต้องทนลำบากมากมายเพราะเขา แถมลูกน้อยร่างกายก็อ่อน
จ้านเฉิงอิ้นมองสายตาแน่วแน่ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เป็นไปไม่ได้! ท่านเทพเป็นเทพองค์เดียวในโลก!”มั่วฝานยักไหล่ พลางวางขวดเปล่าลง“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น เพราะกองทัพธงเหลืองไม่เพียงแต่มีอาวุธที่ล้ำหน้าเท่านั้น”“กองทัพธงเหลืองยังมีเสบียงอาหาร...ที่จำนวนคนในกองทัพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เพราะชาวบ้านใกล้จะอดตายกันหมด ขอแค่มีคนให้ข้าวกิน ไม่ใช่แค่ยอมเข้าร่วมกองทัพ แต่ถึงขั้นยอมสละชีวิตให้ด้วยซ้ำ!”“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้บอกท่าน แม่ทัพลู่เคยนำทหารสองแสนไปต่อสู้กับกองทัพธงเหลืองเมื่อครึ่งเดือนก่อน แต่พ่ายแพ้...”“ตอนนั้นกองทัพธงเหลืองมีคนแค่หลักหมื่นเท่านั้น เหตุที่ไม่มีข่าวแพร่ออกไป เพราะทางราชสำนักปิดเรื่องนี้ไว้”“ตอนนี้กองกำลังภายใต้แม่ทัพลู่ ไม่เหลือสองแสนอีกแล้ว คงราว ๆ หนึ่งแสนห้าหมื่นเท่านั้น”“หากพวกเขาไม่เปลี่ยนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีกว่านี้ การเผชิญหน้ากับกองทัพธงเหลืองจะไม่มีทางชนะได้!”“ท่านแม่ทัพ คิดว่าวิธีนี้คล้ายกับวิธีที่ท่านใช้ในการปกป้องด่านเจิ้นกวนจากศัตรูหรือไม่?”เมื่อคำพูดของมั่วฝานจบลงแล้ว คิ้วของจ้านเฉิงอิ้นก็ขมวดแน่น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด
เจียงหยวนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นว่า “รัฐทายาท ท่านไม่กลัวหรือว่าฝ่ายนั้นก็มีท่านเทพเหมือนกัน?”“ถึงจะมี แต่จะแข็งแกร่งกว่าท่านเทพของเราหรือไม่เล่า?”เจียงหยวนย่อมปกป้องท่านเทพของฝ่ายตน“แน่นอนว่าไม่มี!”“นั่นก็พอแล้ว!”“ไป กลับจวนไปพักผ่อนกัน!”*ในที่สุดเย่มู่มู่ก็ได้รับอาวุธชุดที่สามในครั้งนี้ มีหน้าไม้ราชวงศ์ฉินจำนวนห้าหมื่นคัน ดาบม่อเตาเตาสามหมื่นเล่ม ลูกธนูหนึ่งล้านห้าแสนดอกอาวุธหลากหลายชนิด เช่น หอก โล่ เกอ และง้าว...อย่างละหนึ่งพันชิ้นชุดเกราะอีกห้าพันชุด!ยังมีดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังส่งมาอีกสองพันกว่าเล่ม ซึ่งทั้งหมดลับคมพร้อมใช้งานเขานำดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังเหล่านี้มาให้เย่มู่มู่ลอง หากเธอไม่รับ ก็จะส่งคืนกลับไปเย่มู่มู่ชักดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังออกมาทดลอง!เพียงโบกดาบ เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้นดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังมีคมดาบที่แหลมคม ลับคมทางด้านซ้าย ตัวดาบยาวมาก กว่าหนึ่งหนึ่งจุดหกหมี่...น้ำหนักเบากว่าดาบม่อเตา สะดวกต่อการพกพาเย่มู่มู่รับดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังสองพันเล่มไว้ทั้งหมด และสั่งเพิ่มอีกสามหมื่นเล่มเธอคิดว่าจ้านเฉิงอิ้นและพลทหารใต้บัญชาของเขาน่าจะชื่นชอบ
“ปลายข้าวนี้เป็นข้าวใหม่หรือข้าวเก่า?” เย่มู่มู่เอ่ยถาม“เป็นข้าวใหม่ครับ เป็นฤดูเดียวกันกับข้าวสารที่ผมขายให้คุณ”“ปลายข้าวจากโรงงานของพี่เขยผมที่ขายให้คุณจะไม่เป็นที่จับตามองของทางการแน่นอน”ปลายข้าวในแต่ละปีมักถูกขายให้โรงงานผลิตอาหารสัตว์ จะไม่นำเข้าตลาด แต่ปีนี้ คนเลี้ยงหมูลดน้อยลง โรงงานผลิตอาหารสัตว์จึงลดการผลิต ดังนั้นปลายข้าวจึงเหลือมากขึ้นพี่เขยของเขาที่เป็นเจ้าของโรงงาน มองกองปลายข้าวเหล่านี้ กังวลจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับเขาได้แต่ลองขายให้เย่มู่มู่ดู!เย่มู่มู่ถามเขาว่า “ตอนนี้มีปลายข้าวเหลืออยู่เท่าไหร่?”“มีเยอะเลยครับ ราว ๆ ห้าร้อยตัน!”“ถ้างั้นฉันขอซื้อทั้งหมด คุณไปเอาปลายข้าวไปส่งที่บ้านพักตากอากาศ!”“ได้เลยครับ!”หลังจากพูดคุยกับเจ้าของร้านขายข้าวเสร็จแล้ว เย่มู่มู่ก็ได้รับข้อความจากนักออกแบบร้านขายวัตถุโบราณบอกว่า การปรับปรุงพื้นหลังและตกแต่งภายในร้านเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งวิดีโอถ่ายทั่วร้านมาให้เธอตรวจสอบตู้สินค้าไม้สีดำสนิท แท่นจัดวางโชว์สินค้า ห้องน้ำชา...การตกแต่งสไตล์จีนโบราณที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ ช่างเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศของร้านขา
เขาให้ลูกน้องยกหอกตั้งตรง แล้วฟันฉับไปในแนวนอนเสียงแกรกดังขึ้น หอกทองสัมฤทธิ์ยาวหักออกในทันทีผู้บังคับบัญชาทั้งเก้าคนเบิกตากว้าง จ้องดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังในมือของเฉิงจื่อเซียว“นี่...นี่มันอาวุธแหลมคมรวมกับเฉือนเหล็กได้เหมือนโคลน!”จ้านเฉิงอิ้นและเฉินขุยกับพรรคพวก ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านนอก จึงพากันออกมาดู เมื่อเห็นเฉิงจื่อเซียวใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาดูคล้ายมีความบ้าคลั่งเล็กน้อย พลางมองดาบในมือของเขา...ไม่ใช่แค่เขา คนอื่น ๆ ในหมู่ผู้บังคับบัญชาเองก็ต้องตกตะลึงกับความคมกริบของดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังเช่นกัน!เมื่อเห็นจ้านเฉิงอิ้นเดินออกมา ผู้บังคับบัญชาทั้งเก้าคนจึงพากันยกกำปั้นขึ้นคารวะอย่างพร้อมเพรียง “ท่านแม่ทัพใหญ่!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มเล็กน้อยพร้อมพยักหน้า “ทุกคนคิดว่าอาวุธชุดนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”เฉิงจื่อเซียวกำดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังในมือแน่น ไม่ยอมปล่อยจากมือ“ท่านแม่ทัพใหญ่ ดาบเล่มนี้คมกริบยิ่งนัก ทั่วต้าฉี่...ไม่สิ ทั่วทั้งหัวเซี่ยก็คงไม่มีดาบเล่มไหนเทียบได้~”เขามองไปยังกองดาบหลายพันเล่มที่วางอยู่บนพื้นในใจก็ตื้นตันหากได้ติดอาวุธดาบเหล่านี้ให้กับทหารใต
จ้านเฉิงอิ้นขี่ม้าไปที่คันนาของพื้นที่เพาะปลูก เมื่อชาวบ้านเห็นเขา ก็พากันคุกเข่าลง!จ้านเฉิงอิ้นรีบให้เหล่าราษฎรลุกขึ้นมาหลังทุกคนลุกขึ้นมา ก็แยกย้ายกันไปไถหว่านที่นาอย่างกระตือรือร้นจ้านเฉิงอิ้นเห็นมั่วฝานกำลังบุกตะลุยอย่างอิสรเสรีอยู่ในทุ่งหญ้ารกร้างเขาค้นพบเคล็ดลับในการขับรถไถแล้ว จึงใช้งานรถไถได้อย่างคุ้นเคยในรถมีแอร์ เย็นสบายอย่างมาก แถมยังสามารถเปิดเพลงได้ด้วยด้วยเหตุนี้ เขาจึงขับตะบึงรถไถไปในทุ่งนาอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า พร้อมเสียงหัวเราะอันเบิกบาน!เมื่อจวงเหลียงเห็นจ้านเฉิงอิ้นมาตรวจการ ก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ประสานคารวะต่อเขา“ท่านแม่ทัพ ต่อให้พื้นที่ว่างทั้งหมดถูกเพาะปลูกแล้ว เสบียงอาหารที่เพาะปลูกออกมาก็ยังไม่เพียงพอให้คนในเมืองได้รับประทานขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นมองไปรอบ ๆ ที่เชิงเขามีพื้นที่ว่างอยู่บริเวณหนึ่งจำนวนคนในด่านเจิ้นกวนเพิ่มขึ้นไม่หยุด ต่อให้บุกเบิกที่ดินทั้งหมด เสบียงที่เพาะปลูกออกมาก็ยังไม่เพียงพอให้ราษฎรทั้งเมืองกิน“ท่านแม่ทัพ ข้าอยากจะขยายด่านเจิ้นกวนออกไปอีกสามเท่า! แต่จะกินบริเวณไปถึงอาณาเขตของเผ่าหมาน และแคว้นฉู่และฉีทั้งสองแคว้นขอรับ”จ้
มือของเขาสั่นเล็กน้อยเป็นความตื่นเต้น!เมื่อก่อนทำตัวเป็นเต่าหดหัว ถูกเผ่าหมานรังแกมาหนึ่งปียามนี้ได้โอกาสเชิดหน้าชูตาแล้ว!สาแกใจยิ่งนัก!หลังเถียนฉินออกจากจวนแม่ทัพ เฉินขุย เฉินอู่ เฉินจวิ้นหลิน แม้แต่มั่วฝานก็มาแล้วแม่ทัพทั้งหลายหายใจหอบ พุ่งตรงไปที่ห้องหนังสือของจวนแม่ทัพทันทีที่เฉินขุยเข้าไปในห้องหนังสือ ก็ตะโกนว่า “ท่านแม่ทัพ ไม่ดีแล้วขอรับ ฮ่องเต้มีราชโองการลงมา!”มั่วฝานที่ลงมาจากรถไถนา วิ่งมาจนสีหน้าแดงก่ำเขาหาเก้าอี้มานั่งลงอย่างไม่ใส่ใจ เปิดพัดลมตัวน้อยออก แล้วพูดวัตถุประสงค์ที่มาออกมา“ข้าเดาไม่ผิด ฮ่องเต้น้อยสั่งให้เจ้านำทัพกลับเมืองหลวง เพื่อปราบกองทัพธงเหลือง!”จ้านเฉิงอิ้นขมวดคิ้วถามว่า “แม่ทัพลู่เล่า? เหตุใดจึงต้องให้ข้ากลับเมืองหลวงด้วย?”“เขาแพ้อีกแล้ว กองทัพธงเหลืองมีห้าแสนคนแล้ว!”ทันใดนั้น ไม่เพียงเฉินขุยและเฉินอู่ ทว่าแม้แต่เฉินจวิ้นหลินและเหอหงก็ประหลาดใจแล้ว…กองทัพตระกูลจ้านของพวกเขาต่อสู้อย่างยากลำบากมานานเพียงนี้ ก็ยังมีกำลังทหารเพียงแสนสี่หมื่นนายเท่านั้นกองทัพธงเหลืองเพิ่งจัดตั้งได้เพียงสามเดือน จู่ ๆ ก็ขยายกำลังทหารไปถึงห้าแสนนายแล้ว!
แม้แต่เฉินจวิ้นหลินก็อดกล่าวกับจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้ว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านยังคงอย่าเพิ่งกลับเมืองหลวงเลยขอรับ หากไม่วางใจเรื่องคนที่บ้าน สามารถส่งคนไปที่เมืองหลวง เพื่อรับญาติของท่านกลับมาได้ขอรับ”เฉินจวิ้นหลินซึ่งเป็นจอหงวนบู๊ผู้นี้ เคยเข้าประชุมราชสำนักเพียงครั้งเดียวจึงไม่รู้ว่าวังหลวงมีการคุ้มกันแน่นหนา ต่อให้ส่งคนกลับเมืองหลวงก็ไม่สามารถรับคนกลับมาได้มั่วฝานโน้มน้าวว่า “ไทเฮาจะดูแลพวกเขาให้ปลอดภัยเอง!”ห้องหนังสือตกอยู่ในความเงียบงันกองทัพตระกูลจ้านสามารถขับไล่กองทัพพันธมิตรของเผ่าหมาน และแคว้นฉู่แคว้นฉีได้ ก็ย่อมสามารถปราบปรามกองทัพธงเหลืองได้เช่นกันแต่ จะต้องจ่ายในราคามหาศาลต่อให้กองทัพธงเหลืองไม่เคยได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพ แต่อาวุธของพวกเขาก็ไม่ใช่ของที่กองทัพแคว้นฉู่และฉีจะเปรียบได้ อีกทั้งจำนวนคนยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยส่วนทางด่านเจิ้นกวน จ้านเฉิงอิ้นก็ไม่อาจถอนตัวได้ ทันทีที่ข่าวเรื่องเขาพาคนจากไปลือไปถึงแคว้นฉู่และแคว้นฉีสองแคว้นจะต้องวกกลับมาอีกแน่มีเพียงรับสมัครทหารและซื้อม้าต่อไป ขยายจำนวนคนให้ถึงสามแสน แล้วระดมกำลังสองแสนนายเข้าปราบกองทัพธงเหลืองอีกห
“ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่ชอบไปเที่ยวที่หอโคมเขียวบ่อย ๆ ไม่ใช่หรือ? ทำไมยังหน้าแดงอีกเล่า?”หลูซีมองหญิงสาวที่สวมกระโปรงสั้น เผยให้เห็นต้นขาขาวผ่องออกมา เขากล่าวอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านเทพ ที่ต้าฉี่ไม่มีผู้ใดใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ แม้จะเป็นขอทานก็ปิดมิดชิดทุกส่วน!”เย่มู่มู่ตอบกลับ “นั่นถือว่ายังมีจรรยาบรรณทางวิชาชีพทีเดียว”“แม้ท่านรัฐทายาทจะเป็นลูกผู้ดีมีเงิน ไปค้างคืนที่หอโคมเขียวบ่อย ๆ แต่เขาก็ไม่เคยค้างคืนกับหญิงสาวที่หอโคมเขียว...”“ฉะนั้น นี่เขายังซิงอยู่หรือ?”หลูซีไม่เข้าใจอะไรที่เรียกว่าซิง เขาเอียงศีรษะน้อย ๆ พลางครุ่นคิดแล่วเอ่ยขึ้นว่า “อืม เขาบอกว่าผู้หญิงที่หอโคมเขียวเองก็ไม่ง่าย หากเขาค้างคืนด้วย แล้วรู้ว่านี่คือคนของเขา ก็จะไม่มีขุนนางชั้นสูงและคนตระกูลชั้นสูงผู้อื่นมาซื้อ และอาจมารังแกพวกนางได้!”เย่มู่มู่อดไม่ได้ที่จะมองรัฐทายาทน้อยตรง ๆ “นับว่าเขาเป็นคนดีทีเดียว!”“แน่นอนอยู่แล้วขอรับ...เขาเองก็ปฏิบัติกับหน่วยกล้าตายไม่เลวเช่นกัน!”ทันใดนั้น หลูซีก็ยืนตัวตรงพร้อมกำดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังในมือแน่นสีหน้าเคร่งเครียด เขาแหงนหน้าขึ้นไป สายตาของนัยน์ตาดำขลับมองไปยังที่ที่
“ทุกท่าน เพื่อให้อนาคตมีอาวุธที่หลอมจากเหล็กใช้ไม่ขาดมือ ต้องชิงที่แห่งนี้มาให้ได้!”“ข้าคิดจะชิงตัดแหล่งที่มาของอาวุธพวกเขา ก่อนจะโจมตีกองทัพธงเหลือง”“ต้องส่งคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าติดตามทางนั้นก่อน หานายทหารที่ไหวพริบดี ชำนาญการซ่อนตัวไปไปบางส่วน”“ให้ซุนเฮ่อหาชาวบ้านที่เคยขุดเหมืองมาสักสองสามคน ขับรถไปพร้อมกัน เตรียมเสบียงอาหารให้เยอะขึ้นอีกหน่อย!”เหล่านายทหารได้ยินดังนั้น นี่คือภูเขาเหมืองแร่เหล็กที่กลั่นเหล็กกล้าเลยนะหัวเซี่ยผืนแผ่นดินใหญ่ มีกองทหารของแว่นแคว้นมากมาย ทว่ายังใช้อาวุธทองสัมฤทธิ์อยู่หากเอาภูเขาเหมืองแร่หินมาได้ ก็เท่ากับแหล่งที่มาของอาวุธที่มีให้ใช้ไม่ขาดมือต้องชิงที่นี่มาให้ได้จ้าวเฉียน สวีจื่อหลิง เฉินเซียนซง จางเฉา หลัวอวี๋...ต่างคุกเข่าลงในทันใดอยากจะขอคำสั่งบุกแม้อยู่ด้วยกันมาก็ช่วงหนึ่งแล้ว ทว่าอันที่จริงจ้านเฉิงอิ้นก็ไม่ได้เข้าใจนิสัยของบรรดาผู้นำทัพเยี่ยนมากมายนักเขามองไปที่เซี่ยเวย “แม่ทัพเซี่ยคิดว่าจะส่งผู้ใดล่วงหน้าไป?”เซี่ยเวยตอบ “ท่านแม่ทัพ ระเบิดโรงงานดินปืน ให้จางเฉานำคนไปเถิด เขาคุ้นเคยกับการสู้รบตอนกลางคืน หากเป็นตอนกลางคืนอัตราความส
จ้านเฉิงอิ้นไม่ได้พูดตอบใด ๆเปลี่ยนไปจิตใจดีอะไรกัน เพียงแต่นึกไปถึงว่าหากต้าฉี่ต้องล่มสลาย เลยจะดึงเขามาเป็นพวกล่วงหน้าเท่านั้นหากมีไทเฮาคอยดูแลท่านแม่และบ้านน้องรองอยู่ในวัง เขาก็จะได้เบาใจไปสองสามส่วนจ้านเฉิงอิ้นกล่าวกับจวงเหลียงว่า “เจ้าเผยข่าวเรื่องที่ข้าถูกลอบโจมตี และได้รับบาดเจ็บหนักให้ไทเฮาทรงทราบเสีย”“แจ้งลงไป พักอยู่ที่ช่องเขาเป้าเสียสามวัน จนกว่าท่านเทพจะนำวัตุระเบิดมาไว้ในที่ว่างเปล่า แล้วค่อยออกเดินทาง”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”*ตอนบ่ายเย่มู่มู่ไปยังพื้นที่ก่อสร้างท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาเธอเห็นรัฐทายาทน้อยที่เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยโคลน กำลังเข็นรถเข็นสามล้อคันน้อยพร้อมออกแรงสุดชีวิตภายในรถเข็นคันน้อยใส่หินเอาไว้เต็มคันรถเขากำลังเข็นไปยังใต้กำแพงทั้งเหงื่อท่วมหัว จากนั้นก็ย้ายขึ้นไปกองยังชั้นสามทีละก้อน ๆก่อนจะเดินลงมาทั้งขากะเผลกตลอดทั้งทางอีกครั้งส้นเท้าถูกบดจนเลือดออก นิ้วเต็มไปด้วยตุ่มพอง“มั่วฝาน หลูซี...ไป ข้าจะพาพวกเจ้าไปทำซิมการ์ดกับบัตรธนาคาร!”ทั้งสองคนวางงานในมือลง แล้วรีบวิ่งมาทันทีบนใบหน้ามอมแมมไปหมด บนร่างกายเองก็ไม่มีจุดไหนที่สะอาดเช่นกัน
ซ่งอวิ๋นฮุยรีบป้อนยาให้จ้านเฉิงอิ้น รอเขาสงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย ค่อยจับชีพจรต่อเขากล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ต้องห้ามมีอารมณ์พลุ่งพล่านเกินไปเป็นอันขาด มันไม่ดีต่อการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของท่าน!”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า!ต่อต้านต้องต่อต้าน!ทว่าตอนนี้ต้องจัดการกองทัพธงเหลืองก่อนและต้องพาครอบครัวที่อยู่เมืองหลวงออกมาบัดนี้บิดามารดาของเฉินขุยเฉินอู่...และมารดา พี่ใหญ่ ทั้งครอบครัวพี่รองของเขา...ถูกขังอยู่ในวัง!จวนตระกูลจ้านยังมีท่านย่า น้องชายสี่ น้องหญิงห้า...ต้องพาทุกคนออกมาครอบครัวของนายทหารส่วนใหญ่ล้วนอยู่ที่เมืองหลวง ต้องลอบย้ายคนออกมาอย่างลับ ๆจ้านเฉิงอิ้นมองไปที่เฉินขุย เฉินอู่ เฉินจวิ้นหลินและซ่งตั๋ว...“เฉินขุย เฉินอู่ พวกเจ้าไปถามพวกทหารผ่านศึกว่า ผู้ใดยังมีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวงอีกบ้าง และทำบันทึกเอาไว้”“นายทหารที่ตายไปเหล่านั้นหากมีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวง ก็อย่าให้ตกหล่นเป็นอันขาด”“เฉินจวิ้นหลิน เจ้านำกองกำลังกองหนึ่งล่วงหน้าเข้าเมือง โยกย้ายครอบครัวออกมาจากเมืองหลวงอย่างลับ ๆ ก่อน ไม่จำเป็นต้องโยกย้ายจำนวนมาก นำคนออกจากเมืองชุดหนึ่งทุก ๆ สองสามวัน กระทั่งจะ
หลังจากกลุ่มคนจากไป จวงเหลียงก็หยิบพระราชโองการลับของไทเฮาออกมาไทเฮาทรงเขียนถึงมั่วฝาน เพียงแต่เขาไม่อยู่ จวงเหลียงจึงเปิดพระราชโองการออกด้านบนเขียนไว้ว่า แคว้นฉู่ แคว้นฉี แคว้นเยี่ยน เผ่าหมาน... ล้วนส่งสาส์นตราแผ่นดินมายังฮ่องเต้แคว้นต้าฉี่พวกเขามีเจตนาที่จะผูกมิตรไมตรีกับแคว้นต้าฉี่ยินดีลงนามในข้อตกลงหยุดสงครามเป็นเวลาห้าสิบปีพวกเขายินดีที่จะยกเมืองบางเมืองให้ เผ่าหมานส่งวัวและแกะมาถวาย...ข้อเรียกร้องเพียงข้อเดียวของข้อตกลงหยุดสงคราม เนื่องมาจากจ้านเฉิงอิ้นสังหารทหารของพวกเขาไปมากมายในเมื่อลงนามในข้อตกลงหยุดสงครามแล้ว จ้านเฉิงอิ้นก็ไร้ประโยชน์พวกเขาเรียกร้องให้ฮ่องเต้น้อยสังหารจ้านเฉิงอิ้นแล้วค่อยลงนามในข้อตกลงจ้านเฉิงอิ้นเห็นจดหมายลับฉบับนี้ โทสะก็ลุกโชน เส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนเขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อแคว้นต้าฉี่กองทัพตระกูลจ้านสองแสนนายของเขา บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เหลือไม่ถึงสองหมื่นนายฮ่องเต้น้อยไม่เพียงแต่ไม่เลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เขาผู้มีคุณูปการใหญ่หลวงแต่ยังแสดงเจตนาสังหารอย่างชัดเจน!ในจดหมายลับ ไทเฮากล่าวถึงฮ่องเต้น้อยทรงสนพระทัยการเจรจาสันติภ
ซุนหลินก็เข้ามาในกระโจมด้วย รีบคุกเข่าลงข้าง ๆ ซุนเฮ่อ“ท่านแม่ทัพ ท่านลุงสามรู้สถานที่ตั้งของเหมืองแร่เหล็กจริง ๆ ขอท่านให้โอกาสเขา เขาเพียงแค่ถูกกองทัพธงเหลืองล้างสมอง ถึงได้บังอาจซ่อนระเบิดเพื่อระเบิดท่าน!”จ้านเฉิงอิ้นพูดกับซุนเฮ่อ “ลุกขึ้นก่อน!”“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”พวกเขาสี่ร้อยคนถูกทิ้งไว้ในกองทัพตระกูลจ้าน มีหน้าที่ต้มโจ๊กให้ทหารโดยเฉพาะได้เห็นว่าทรัพยากรของกองทัพตระกูลจ้านนั้นอุดมสมบูรณ์เพียงใดได้รู้ว่าน้ำของกองทัพตระกูลจ้าน บรรจุด้วยรถคันใหญ่ มีไม่จำกัด ดื่มได้ไม่อั้นทุกวัน!แค่สองวันนี้ พวกเขาอ้วนขึ้นแล้วแก้มที่ตอบก็มีเนื้อขึ้นมาและตอนต้มโจ๊ก อ้างว่าชิมรสชาติ ใช้ชามเล็กแอบกิน ถูกคนในโรงครัวเห็น ก็ไม่มีใครว่าพวกเขาพวกเขาล้วนอยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากกลับไปยังเมืองที่กองทัพธงเหลืองยึดครองอีกแล้วซุนเฮ่อเตรียมตัวมาอย่างดี หยิบแผนที่ที่ซ่อนไว้ออกมาเป็นแผนที่ที่วาดบนหนังวัวที่ตั้งอยู่ในภูเขาลึกทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองหยงโจวท่านเทพส่งเหมืองแร่เหล็กให้เขา หนังสือเหมืองถ่านหินก็ถูกระบุไว้เช่นกันท่านเทพระบุไว้ว่า เหมืองแร่เหล็กหมู่บ้านฮั่นจงโกว...จ้านเฉิงอิ้นหยิ
ในสายตาของนักปราชญ์อย่างจวงเหลียง การแต่งกายเช่นนี้ถือว่าผิดจริยธรรมมันยิ่งกว่าการแต่งตัวของขอทานที่...ขาดรุ่งริ่งเสียอีกทายาทตระกูลมั่วผู้สง่างาม หลานชายแท้ ๆ ของไทเฮา เหตุใดจึงตกต่ำถึงเพียงนี้“ท่านแม่ทัพ ให้รัฐทายาทน้อยกลับมาเถิด!”แต่จ้านเฉิงอิ้นกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องดี อย่างน้อยในโลกของท่านเทพ มั่วฝานก็สามารถหางานทำเลี้ยงตัวเองได้อย่างน้อยก็ไม่ต้องให้ท่านเทพเลี้ยงดู และเพิ่มภาระให้ท่านเทพ!“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้เขาทำงานได้ ก็ดีแล้ว!”“แต่...”“มั่วฝานสมัครใจเอง หากเขาไม่ต้องการทำงาน ท่านเทพก็คงบังคับเขาไม่ได้”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่จวงเหลียงมองดูแล้วก็อดปวดใจไม่ได้เขาอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตอย่างไร ทุกวันนั่งอยู่ในรถ เปิดแอร์เย็น ดื่มเครื่องดื่มเย็นกินข้าวสวย มีคนจากจวนรัฐทายาทคอยปรุงอาหารวันละสามมื้อให้เขากินเขาเคยลำบากแบบนี้เมื่อไหร่กันจ้านเฉิงอิ้นเห็นเขายังคงเหม่อลอย จึงถามว่า “เป็นอะไร?”เขาส่งจดหมายลับในมือให้ด้วยมือทั้งสอง“หวังเซิ่งจากกองทัพธงเหลืองส่งข่าวมา พวกเขาเพิ่มกำลังการผลิตระเบิด สถานที่ผลิตระเบิดอยู่ในภูเขาของอวิ๋นโจว ห่างจากเมืองทั้งห้ามาก อยู่ห่างจา
เย่มู่มู่ยังโยนแท็บเล็ตเข้าไปในแจกันด้วยตุ้บ แท็บเล็ตหล่นลงมาจ้านเฉิงอิ้นหยิบขึ้นมา เปิดอัลบั้มรูปในแท็บเล็ตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยสองคนสวมเสื้อยืดแขนสั้นรูปแบบทันสมัย ร่างกายสกปรกมีจุดปูนซีเมนต์ติดอยู่พวกเขากำลังขนอิฐในพื้นที่ก่อสร้างใหม่โดยเฉพาะมั่วฝาน ที่มองไม่ออกเลยว่าเคยเป็นรัฐทายาทเมืองหลวงเจ้าสำราญมาก่อนมีภาพถ่ายหลายภาพที่แสดงให้เห็นว่า มีคนงานคนหนึ่งส่งบุหรี่ให้มั่วฝาน แต่เขากลับโบกมือปฏิเสธ และยังโค้งคำนับเพื่อขอบคุณอีกด้วยสองหนุ่มน้อยทั้งสุภาพและนอบน้อม อีกทั้งยังหน้าตาดี ทำให้พวกเขาได้รับความชื่นชอบจากเพื่อนร่วมงานในพื้นที่ก่อสร้างเป็นอย่างมากเย่มู่มู่เคาะแจกันเบา ๆ แล้วพูดว่า “เห็นหรือเปล่า?”จ้านเฉิงอิ้นมองมั่วฝานที่ใบหน้าเลอะเทอะไปด้วยคราบสกปรก และอดถามไม่ได้ “นี่มั่วฝานจริง ๆ หรือ?”“ของแท้แน่นอน ไม่ใช่ของปลอม!”“ดีมาก ปล่อยให้เขาอยู่ทางนั้น หาเงินสร้างบ้านต่อไปเถอะ หากเขาอยู่สบายเกินไปเมื่อไร ก็ค่อยส่งเขากลับมา!”เย่มู่มู่ “…”นางรู้สึกเหมือนจะได้ยินน้ำเสียงของจ้านเฉิงอิ้นแฝงความอิจฉาเล็กน้อยนี่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ใช่ไหม?การแบกอิฐในพื้นที่ก่อสร้างม
“จริงแท้แน่นอน ข้าน้อยไม่กล้าปิดบัง!”“เจ้าเห็นด้วยตาตัวเองหรือ?”“ขอรับ ท่านแม่ทัพใหญ่เพียงสัมผัสแจกัน จากนั้นแจกันก็พ่นกล่องอาหารออกมา และ...และยัง...”“และอะไร?”“ซ่งอวิ๋นฮุยหมอประจำกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ได้แปลกใจ รีบหยิบกล่องอาหารขึ้นมาให้ข้าน้อยสามกล่อง และยังแบ่งอีกยี่สิบกว่ากล่องไปให้แม่ทัพคนอื่นได้ร่วมรับประทานด้วย!”“ท่านแม่ทัพ ตำนานกระถางวิเศษเป็นเรื่องจริง แจกันนี้สามารถพ่นสิ่งของที่ต้องการออกมาได้ตามใจ!”เมื่อทหารผ่านศึกพูดจบ บรรยากาศในกระโจมก็ตกอยู่ในความเงียบงันอย่างประหลาด“แบบนี้ก็หมายความว่า รถและสิ่งของทั้งหมดอาจถูกท่านแม่ทัพเก็บไว้ในกระถางวิเศษ”“ใช่ รถคันใหญ่ขนาดนั้น ในพื้นที่รกร้างแบบนี้ไม่มีทางซ่อนได้แน่!”“แล้วอาหารพวกนี้กินได้หรือเปล่า? ข้าหิวมากแล้ว”ข้าวสิบกล่องพอดีสำหรับแบ่งกันคนละกล่องพอดีเซี่ยเวยเลือกที่จะประหยัดเสบียง โดยหยิบอาหารออกมาเพียงห้ากล่อง และให้ทุกคนเอาชามสเตนเลสของตัวเองออกมาข้าวแต่ละคนได้แบ่งเพียงครึ่งกล่องกับข้าวก็แบ่งกันคนละครึ่งกล่องเช่นกันจ้าวเฉียนเป็นคนแรกที่เริ่มกิน เขาหยิบน่องไก่ชิ้นใหญ่ขึ้นมา และกัดไปหนึ่งคำ รสชาติหอมกรุ