แม่ทัพที่ชื่อสวีจือ พูดขึ้นด้วยเสียงสะอื้น เบ้าตาแดงก่ำ “แม่ทัพเฉิน ข้านำอาหารกลับไปให้ภรรยาได้หรือไม่? นางแต่งงานกับข้ามา ไม่เคยมีวันไหนได้อยู่ดีมีสุขเลย เมื่อคืนยังตกใจจนสลบไปอีก!”“นางเกือบถูกพวกเผ่าหมานฆ่า ถ้าไม่ใช่เพราะคนรับใช้เข้ามาขวางดาบ เกรงว่าคงต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาแล้ว!”เฉินขุยได้ยินดังนั้นก็ด่าสวีหวย “เจ้าแก่นี่! ครั้งก่อนที่ข้าไปถึงค่าย ข้าน่าจะแทงเขาให้ตายตั้งแต่ตอนนั้น จะได้ไม่ต้องมีคนต้องตายมากมายแบบนี้”“พวกเจ้าอยากนำอาหารกลับไปให้ครอบครัว ก็เอาไปเถิด!”“ถ้าไม่พอ บอกให้พ่อครัวทำเพิ่มได้เลย!”เหล่าผู้บังคับบัญชาหลายคนถึงกับน้ำตาคลอเบ้าในทันที ตั้งท่าจะคุกเข่าลงขอบคุณแต่เฉินขุยรีบยื่นมือมาประคองไว้พวกเขาใช้แขนเสื้อปาดน้ำตา ก่อนจะพูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “ขอบคุณท่านแม่ทัพเฉินเป็นอย่างมาก!”เฉินขุยโบกมือ “ต่อไปวันดี ๆ แบบนี้จะมีให้มาก!”เขาไม่รบกวนการกินอาหารของพวกเขา เมื่อเขาเดินออกจากกระโจมเฉิงจื่อเซียวก็ตามเขาออกมาด้วย“ท่านน้าเขย...”เฉินขุยมองเจ้าเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นักหลานสาวของเขาต้องทนลำบากมากมายเพราะเขา แถมลูกน้อยร่างกายก็อ่อน
จ้านเฉิงอิ้นมองสายตาแน่วแน่ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เป็นไปไม่ได้! ท่านเทพเป็นเทพองค์เดียวในโลก!”มั่วฝานยักไหล่ พลางวางขวดเปล่าลง“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น เพราะกองทัพธงเหลืองไม่เพียงแต่มีอาวุธที่ล้ำหน้าเท่านั้น”“กองทัพธงเหลืองยังมีเสบียงอาหาร...ที่จำนวนคนในกองทัพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เพราะชาวบ้านใกล้จะอดตายกันหมด ขอแค่มีคนให้ข้าวกิน ไม่ใช่แค่ยอมเข้าร่วมกองทัพ แต่ถึงขั้นยอมสละชีวิตให้ด้วยซ้ำ!”“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้บอกท่าน แม่ทัพลู่เคยนำทหารสองแสนไปต่อสู้กับกองทัพธงเหลืองเมื่อครึ่งเดือนก่อน แต่พ่ายแพ้...”“ตอนนั้นกองทัพธงเหลืองมีคนแค่หลักหมื่นเท่านั้น เหตุที่ไม่มีข่าวแพร่ออกไป เพราะทางราชสำนักปิดเรื่องนี้ไว้”“ตอนนี้กองกำลังภายใต้แม่ทัพลู่ ไม่เหลือสองแสนอีกแล้ว คงราว ๆ หนึ่งแสนห้าหมื่นเท่านั้น”“หากพวกเขาไม่เปลี่ยนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีกว่านี้ การเผชิญหน้ากับกองทัพธงเหลืองจะไม่มีทางชนะได้!”“ท่านแม่ทัพ คิดว่าวิธีนี้คล้ายกับวิธีที่ท่านใช้ในการปกป้องด่านเจิ้นกวนจากศัตรูหรือไม่?”เมื่อคำพูดของมั่วฝานจบลงแล้ว คิ้วของจ้านเฉิงอิ้นก็ขมวดแน่น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด
เจียงหยวนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นว่า “รัฐทายาท ท่านไม่กลัวหรือว่าฝ่ายนั้นก็มีท่านเทพเหมือนกัน?”“ถึงจะมี แต่จะแข็งแกร่งกว่าท่านเทพของเราหรือไม่เล่า?”เจียงหยวนย่อมปกป้องท่านเทพของฝ่ายตน“แน่นอนว่าไม่มี!”“นั่นก็พอแล้ว!”“ไป กลับจวนไปพักผ่อนกัน!”*ในที่สุดเย่มู่มู่ก็ได้รับอาวุธชุดที่สามในครั้งนี้ มีหน้าไม้ราชวงศ์ฉินจำนวนห้าหมื่นคัน ดาบม่อเตาเตาสามหมื่นเล่ม ลูกธนูหนึ่งล้านห้าแสนดอกอาวุธหลากหลายชนิด เช่น หอก โล่ เกอ และง้าว...อย่างละหนึ่งพันชิ้นชุดเกราะอีกห้าพันชุด!ยังมีดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังส่งมาอีกสองพันกว่าเล่ม ซึ่งทั้งหมดลับคมพร้อมใช้งานเขานำดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังเหล่านี้มาให้เย่มู่มู่ลอง หากเธอไม่รับ ก็จะส่งคืนกลับไปเย่มู่มู่ชักดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังออกมาทดลอง!เพียงโบกดาบ เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้นดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังมีคมดาบที่แหลมคม ลับคมทางด้านซ้าย ตัวดาบยาวมาก กว่าหนึ่งหนึ่งจุดหกหมี่...น้ำหนักเบากว่าดาบม่อเตา สะดวกต่อการพกพาเย่มู่มู่รับดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังสองพันเล่มไว้ทั้งหมด และสั่งเพิ่มอีกสามหมื่นเล่มเธอคิดว่าจ้านเฉิงอิ้นและพลทหารใต้บัญชาของเขาน่าจะชื่นชอบ
“ปลายข้าวนี้เป็นข้าวใหม่หรือข้าวเก่า?” เย่มู่มู่เอ่ยถาม“เป็นข้าวใหม่ครับ เป็นฤดูเดียวกันกับข้าวสารที่ผมขายให้คุณ”“ปลายข้าวจากโรงงานของพี่เขยผมที่ขายให้คุณจะไม่เป็นที่จับตามองของทางการแน่นอน”ปลายข้าวในแต่ละปีมักถูกขายให้โรงงานผลิตอาหารสัตว์ จะไม่นำเข้าตลาด แต่ปีนี้ คนเลี้ยงหมูลดน้อยลง โรงงานผลิตอาหารสัตว์จึงลดการผลิต ดังนั้นปลายข้าวจึงเหลือมากขึ้นพี่เขยของเขาที่เป็นเจ้าของโรงงาน มองกองปลายข้าวเหล่านี้ กังวลจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับเขาได้แต่ลองขายให้เย่มู่มู่ดู!เย่มู่มู่ถามเขาว่า “ตอนนี้มีปลายข้าวเหลืออยู่เท่าไหร่?”“มีเยอะเลยครับ ราว ๆ ห้าร้อยตัน!”“ถ้างั้นฉันขอซื้อทั้งหมด คุณไปเอาปลายข้าวไปส่งที่บ้านพักตากอากาศ!”“ได้เลยครับ!”หลังจากพูดคุยกับเจ้าของร้านขายข้าวเสร็จแล้ว เย่มู่มู่ก็ได้รับข้อความจากนักออกแบบร้านขายวัตถุโบราณบอกว่า การปรับปรุงพื้นหลังและตกแต่งภายในร้านเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งวิดีโอถ่ายทั่วร้านมาให้เธอตรวจสอบตู้สินค้าไม้สีดำสนิท แท่นจัดวางโชว์สินค้า ห้องน้ำชา...การตกแต่งสไตล์จีนโบราณที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ ช่างเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศของร้านขา
เขาให้ลูกน้องยกหอกตั้งตรง แล้วฟันฉับไปในแนวนอนเสียงแกรกดังขึ้น หอกทองสัมฤทธิ์ยาวหักออกในทันทีผู้บังคับบัญชาทั้งเก้าคนเบิกตากว้าง จ้องดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังในมือของเฉิงจื่อเซียว“นี่...นี่มันอาวุธแหลมคมรวมกับเฉือนเหล็กได้เหมือนโคลน!”จ้านเฉิงอิ้นและเฉินขุยกับพรรคพวก ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านนอก จึงพากันออกมาดู เมื่อเห็นเฉิงจื่อเซียวใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดวงตาดูคล้ายมีความบ้าคลั่งเล็กน้อย พลางมองดาบในมือของเขา...ไม่ใช่แค่เขา คนอื่น ๆ ในหมู่ผู้บังคับบัญชาเองก็ต้องตกตะลึงกับความคมกริบของดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังเช่นกัน!เมื่อเห็นจ้านเฉิงอิ้นเดินออกมา ผู้บังคับบัญชาทั้งเก้าคนจึงพากันยกกำปั้นขึ้นคารวะอย่างพร้อมเพรียง “ท่านแม่ทัพใหญ่!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มเล็กน้อยพร้อมพยักหน้า “ทุกคนคิดว่าอาวุธชุดนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”เฉิงจื่อเซียวกำดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังในมือแน่น ไม่ยอมปล่อยจากมือ“ท่านแม่ทัพใหญ่ ดาบเล่มนี้คมกริบยิ่งนัก ทั่วต้าฉี่...ไม่สิ ทั่วทั้งหัวเซี่ยก็คงไม่มีดาบเล่มไหนเทียบได้~”เขามองไปยังกองดาบหลายพันเล่มที่วางอยู่บนพื้นในใจก็ตื้นตันหากได้ติดอาวุธดาบเหล่านี้ให้กับทหารใต
จ้านเฉิงอิ้นขี่ม้าไปที่คันนาของพื้นที่เพาะปลูก เมื่อชาวบ้านเห็นเขา ก็พากันคุกเข่าลง!จ้านเฉิงอิ้นรีบให้เหล่าราษฎรลุกขึ้นมาหลังทุกคนลุกขึ้นมา ก็แยกย้ายกันไปไถหว่านที่นาอย่างกระตือรือร้นจ้านเฉิงอิ้นเห็นมั่วฝานกำลังบุกตะลุยอย่างอิสรเสรีอยู่ในทุ่งหญ้ารกร้างเขาค้นพบเคล็ดลับในการขับรถไถแล้ว จึงใช้งานรถไถได้อย่างคุ้นเคยในรถมีแอร์ เย็นสบายอย่างมาก แถมยังสามารถเปิดเพลงได้ด้วยด้วยเหตุนี้ เขาจึงขับตะบึงรถไถไปในทุ่งนาอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า พร้อมเสียงหัวเราะอันเบิกบาน!เมื่อจวงเหลียงเห็นจ้านเฉิงอิ้นมาตรวจการ ก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ประสานคารวะต่อเขา“ท่านแม่ทัพ ต่อให้พื้นที่ว่างทั้งหมดถูกเพาะปลูกแล้ว เสบียงอาหารที่เพาะปลูกออกมาก็ยังไม่เพียงพอให้คนในเมืองได้รับประทานขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นมองไปรอบ ๆ ที่เชิงเขามีพื้นที่ว่างอยู่บริเวณหนึ่งจำนวนคนในด่านเจิ้นกวนเพิ่มขึ้นไม่หยุด ต่อให้บุกเบิกที่ดินทั้งหมด เสบียงที่เพาะปลูกออกมาก็ยังไม่เพียงพอให้ราษฎรทั้งเมืองกิน“ท่านแม่ทัพ ข้าอยากจะขยายด่านเจิ้นกวนออกไปอีกสามเท่า! แต่จะกินบริเวณไปถึงอาณาเขตของเผ่าหมาน และแคว้นฉู่และฉีทั้งสองแคว้นขอรับ”จ้
มือของเขาสั่นเล็กน้อยเป็นความตื่นเต้น!เมื่อก่อนทำตัวเป็นเต่าหดหัว ถูกเผ่าหมานรังแกมาหนึ่งปียามนี้ได้โอกาสเชิดหน้าชูตาแล้ว!สาแกใจยิ่งนัก!หลังเถียนฉินออกจากจวนแม่ทัพ เฉินขุย เฉินอู่ เฉินจวิ้นหลิน แม้แต่มั่วฝานก็มาแล้วแม่ทัพทั้งหลายหายใจหอบ พุ่งตรงไปที่ห้องหนังสือของจวนแม่ทัพทันทีที่เฉินขุยเข้าไปในห้องหนังสือ ก็ตะโกนว่า “ท่านแม่ทัพ ไม่ดีแล้วขอรับ ฮ่องเต้มีราชโองการลงมา!”มั่วฝานที่ลงมาจากรถไถนา วิ่งมาจนสีหน้าแดงก่ำเขาหาเก้าอี้มานั่งลงอย่างไม่ใส่ใจ เปิดพัดลมตัวน้อยออก แล้วพูดวัตถุประสงค์ที่มาออกมา“ข้าเดาไม่ผิด ฮ่องเต้น้อยสั่งให้เจ้านำทัพกลับเมืองหลวง เพื่อปราบกองทัพธงเหลือง!”จ้านเฉิงอิ้นขมวดคิ้วถามว่า “แม่ทัพลู่เล่า? เหตุใดจึงต้องให้ข้ากลับเมืองหลวงด้วย?”“เขาแพ้อีกแล้ว กองทัพธงเหลืองมีห้าแสนคนแล้ว!”ทันใดนั้น ไม่เพียงเฉินขุยและเฉินอู่ ทว่าแม้แต่เฉินจวิ้นหลินและเหอหงก็ประหลาดใจแล้ว…กองทัพตระกูลจ้านของพวกเขาต่อสู้อย่างยากลำบากมานานเพียงนี้ ก็ยังมีกำลังทหารเพียงแสนสี่หมื่นนายเท่านั้นกองทัพธงเหลืองเพิ่งจัดตั้งได้เพียงสามเดือน จู่ ๆ ก็ขยายกำลังทหารไปถึงห้าแสนนายแล้ว!
แม้แต่เฉินจวิ้นหลินก็อดกล่าวกับจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้ว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านยังคงอย่าเพิ่งกลับเมืองหลวงเลยขอรับ หากไม่วางใจเรื่องคนที่บ้าน สามารถส่งคนไปที่เมืองหลวง เพื่อรับญาติของท่านกลับมาได้ขอรับ”เฉินจวิ้นหลินซึ่งเป็นจอหงวนบู๊ผู้นี้ เคยเข้าประชุมราชสำนักเพียงครั้งเดียวจึงไม่รู้ว่าวังหลวงมีการคุ้มกันแน่นหนา ต่อให้ส่งคนกลับเมืองหลวงก็ไม่สามารถรับคนกลับมาได้มั่วฝานโน้มน้าวว่า “ไทเฮาจะดูแลพวกเขาให้ปลอดภัยเอง!”ห้องหนังสือตกอยู่ในความเงียบงันกองทัพตระกูลจ้านสามารถขับไล่กองทัพพันธมิตรของเผ่าหมาน และแคว้นฉู่แคว้นฉีได้ ก็ย่อมสามารถปราบปรามกองทัพธงเหลืองได้เช่นกันแต่ จะต้องจ่ายในราคามหาศาลต่อให้กองทัพธงเหลืองไม่เคยได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพ แต่อาวุธของพวกเขาก็ไม่ใช่ของที่กองทัพแคว้นฉู่และฉีจะเปรียบได้ อีกทั้งจำนวนคนยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยส่วนทางด่านเจิ้นกวน จ้านเฉิงอิ้นก็ไม่อาจถอนตัวได้ ทันทีที่ข่าวเรื่องเขาพาคนจากไปลือไปถึงแคว้นฉู่และแคว้นฉีสองแคว้นจะต้องวกกลับมาอีกแน่มีเพียงรับสมัครทหารและซื้อม้าต่อไป ขยายจำนวนคนให้ถึงสามแสน แล้วระดมกำลังสองแสนนายเข้าปราบกองทัพธงเหลืองอีกห
คนพวกนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็เอาชีวิตมากฝังกลบไว้ที่นี่มู่ฉีซิวพาคนมาด้วยราว ๆ หนึ่งแสนห้าหมื่นคน ไม่เกินสองแสนเขานำพาคนจำนวนสี่หมื่นคนฝ่าวงล้อมออกไป แล้วทิ้งคนเอาไว้หนึ่งแสนคน ที่ท้ายที่สุดแล้วก็จะถูกฝังเอาไว้บนภูเขาตลอดกาลนี่เป็นครั้งแรกที่กองทัพตระกูลจ้านกับกองทัพลู่เจ๋อมาบรรจบกันผู้นำของกองทัพลู่เจ๋อ เป็นชายอ้วนพุงพลุ้ยผู้หนึ่งเป็นคนอ้วนที่อายุสามสิบกว่าปี และก่อนหน้านี้ทำการค้าเดิมทีกองทัพลู่เจ๋อเป็นพวกบรรดาพ่อค้า ที่ออกเงินก่อตั้งกองกำลังกบฏชาวนา ทหารส่วนใหญ่มาจากเขตลู่เจ๋อ!ชายอ้วนผู้นี้มีชื่อว่าเฉียนเซียงตัว...บิดาของเขาลงทุนมากที่สุด เขาจึงถูกผลักดันให้เป็นผู้นำของกองทัพลู่เจ๋อในช่วงแรก บิดาของเขาสามารถสนับสนุนเงินได้อย่างต่อเนื่องทว่าเมื่อเนิ่นนานไป ในจวนไม่มีข้าว และไม่มีเงินสนับสนุนกองกำลังกบฏอีกต่อไปแล้วเดิมทีเขาคิดจะกลับบ้านทว่าเมื่อทุกคนมองดูแล้ว ก็เห็นว่าผู้นำคนนี้ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ดีถึงจะบอกว่าผู้มีเมตตาไม่สามารถปกครองทหารได้ ทว่าเขาเป็นคนใจดี ไม่เคยแตกคอกับผู้อื่นไม่ว่านายทหารหรือว่าทหารชั้นผู้น้อยจะทะเลาะกัน เขาล้วนทำหน้าที่เป็นผู้รักษาสันติทุ
แม่ทัพผู้เฒ่าผู้นั้นแค่มองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นจ้านเฉิงอิ้น ผู้ที่ยิงสังหารฮ่องเต้แห่งแคว้นเยี่ยนมือที่กำด้ามดาบของเขากำลังสั่นเทาแต่ไหนแต่ไรเขาก็เกลียดชังจ้านเฉิงอิ้นมากมาโดยตลอด ทว่าเพื่อชีวิตของคนนับแสนคนแล้ว เขาจำต้องกัดฟันถามหาคำมั่นจากจ้านเฉิงอิ้น!“เจ้าบอกว่าจะไม่สังหารพวกเขางั้นหรือ!”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า “แต่ไหนแต่ไรกองทัพตระกูลจ้านก็ไม่ทารุณเฉลยศึกอยู่แล้ว ทว่างานที่ประชาชนทั่วไปควรกระทำ พวกเขาก็ต้องกระทำด้วยเช่นกัน พวกเราไม่เลี้ยงพวกไร้ประโยชน์!”เมื่อได้ฟังคำตอบเช่นนี้ ก็นับว่าเขาได้ให้คำมั่นแล้วแม่ทัพผู้เฒ่าที่มีผมสีดอกเลาหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง รอยยิ้มโศกเศร้าและสิ้นหวัง ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ พลางหลั่งน้ำตาออกมา“ข้าคือแม่ทัพแห่งแคว้นเยี่ยน บัดนี้เยี่ยนอ๋องแห่งแคว้นเยี่ยนได้ตายไป และไม่มีแคว้นเยี่ยนอีกต่อไปแล้ว เช่นนั้นข้ามีชีวิตต่อไปก็คงไม่มีความหมาย! ”“ข้าเกิดมาเพื่อปกป้องแคว้นเยี่ยน ทว่าเยี่ยนอ๋องได้ตายไปแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะติดตามไป…”จากนั้นเขาชูดาบใหญ่ขึ้นมา ครั้นเฉินขุยจะหยุดเขา ก็สายเกินไปเสียแล้ว…เขาปาดลำคอของตนเองอย่างรุนแรง จากนั้นก็
เหล่าทหารเจนศึกหลายคนกำลังพยายามประคับประคองอย่างยากลำบาก ทว่าพวกเขาเป็นเพียงไม้โดดเดี่ยวที่ยากจะประคองเอาไว้ได้ เนื่องจากฮ่องเต้แห่งแคว้นเยี่ยนได้สิ้นพระชมน์อย่างกะทันหัน พระองค์ไม่มีทายาท แคว้นเยี่ยนไม่มีผู้ใดให้สืบทอดในตอนแรกทุกคนต่างก็มีใจทว่าไร้แรงกำลัง กองทัพที่ไร้เครื่องยึดเหนี่ยว ก็เหมือนกับผืนทรายที่กระจัดดระจายบางทีพวกเขาเองอาจจะสิ้นหวังจนหมดสิ้น เพราะไร้หนทางที่จะออกไปจากวงล้อมที่แน่นหนาเช่นนี้ได้มีบางคนที่จับจ้องไปทางศพของเยี่ยนซวี่อยู่ตลอดเวลา การเคลื่อนไหวของมือจึงยิ่งงุ่มง่ามมากขึ้นเรื่อย ๆ มีบางคนที่นอนลงไปบนพื้นทั้งอย่างนั้น ไม่มีความปรารถนาที่จะต่อสู้เริ่มมีคนปลดอาวุธยอมจำนนแล้วทั้งยังมีคนที่นั่งลงไปกับพื้น แล้วพึมพำกับตัวเองว่า “สิ้นแล้ว ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว กองทัพแคว้นเยี่ยนพ่ายแพ้แล้ว กลับไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!”“พวกเราต้องตายในต่างแคว้นแดนไกล ไม่สามารถกลับไปที่แคว้นเยี่ยนได้อีกต่อไปแล้ว ท่านแม่ น้องหญิง ลูก ๆ ทุกคน ข้าต้องขอโทษพวกเจ้าด้วยจริง ๆ ”เหล่าทหารหันไปทางแคว้นเยี่ยนแล้วโขกศีรษะคารวะจากนั้นก็หยิบมีดสั้นขึ้นมาหมายที่จะบั่นคอของตนเอง ทว่าใน
หยางชิงเหอ ซื่อเมิ่งและเสียวอู่ยืนอยู่บนที่สูง ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นมุมมองได้กว้าง หยางชิงเหอถามเสียวอู่ว่า “สามาถยิงสังหารได้หรือไม่?”“ระยะห่างเกินไป ไม่ได้หรอก!”จากนั้น เขาก็หยิบนกหวีดขึ้นมาแล้วส่งมันให้กับหยางชิงเหอ“หากเป่าสิ่งนี้ พี่เซิ่งก็จะรู้ว่าเจ้าตัดสินใจที่จะสังหารมู่ฉีซิว และเขาจะพยายามทำทุกวิถีทางทำมันให้สำเร็จ”หยางชิงเหอมองดูนกหวีดรูปสัตว์ที่ทำมาจากทองสัมฤทธิ์ พลางส่ายหน้า“เขาคนเดียวอันตรายเกินไป ช่างมันเถิด!”เสียวอู่เอานกหวีดเก็บกลับเข้าไปในอกเขายิ้มออกมาด้วยประหลาดใจ นี่พี่เซิ่งมีโอกาสแล้วสินะ!สงครามครั้งใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป กองทัพหกแสนคนต้านทานเอาไว้อย่างเด็ดเดี่ยวอย่างไรก็ตามกองทัพตระกูลจ้าน ได้โรมรันกับพวกมันอย่างยากลำบากมากเช่นกันทหารใหม่กับประชาชน ต่างก็ใช้ธนูทดกำลัง และใช้ดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังไล่ฟันกองทัพแคว้นเยี่ยนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งกองทัพลู่เจ๋อได้สกัดกั้นกองทัพธงเหลืองที่หลบหนีไปที่แนวหน้าเอาไว้ เมื่อศัตรูได้มาเผชิญหน้ากัน ก็ยิ่งโกรธแค้นกันมากขึ้นทั้งสองฝ่ายโรมรันฆ่าฟันกันอย่างดุเดือดเนื่องจากกองทัพลู่เจ๋อมีอุปกรณ์สวมใส่ที่
ทหารเพิ่งเข้ามาในทัพ ยังไม่เคยผ่านการฝึกฝนระบบทางการ จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร?สิ่งที่เขาต้องจัดการก็คือ ทหารผ่านศึกที่ผ่านมาร้อยสนามรบ มีประสบการณ์ที่จ้านเฉิงอิ้นพาออกมาจากด่านเจิ้นกวน อีกอย่างคือ ห้าหมื่นคนที่เซี่ยเวยนำไปยังแคว้นเยี่ยนที่สายของเขากล่าวในสาส์นลับ...ขอเพียงเขาไปขอให้ฮ่องเต้ต้าฉี่โยกย้ายกองทัพตระกูลจ้านแม้ฆ่าจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้ ก็ยังทำให้เมืองหลวงต้าฉี่ว่างลงได้เขาแบ่งส่วนหนึ่งขึ้นเหนือ แล้วเอาเมืองหลวงที่ว่างลงมาโค่นล่มการปกครองของราชวงศ์ต้าฉี่!เขาแบ่งเป็นสองทางการจู่โจมจ้านเฉิงอิ้นไม่ใช่เป้าหมายหลัก เป้าหมายหลักก็คือการโจมตีเมืองหลวง ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์สูงสุดทว่าตอนนี้...บางทีผู้นำใต้บัญชาของเขาอาจเข้าเมืองหลวงได้สำเร็จแต่เขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดเขาประเมินจ้านเฉิงอิ้นต่ำเกินไปไม่คิดเลยว่าเขาจะรอจังหวะบุกโจมตี และซื้อตัวกองทัพลู่เจ๋อซื้อตัวหยางชิงเหอที่สมควรตายที่สุดก็คือ หยางชิงเหอผลิตปืนใหญ่ออกมา!ตอนนี้จะทำเช่นไร?เขาถูกองครักษ์ปกป้องเอาไว้ตรงกลาง หลีกเลี่ยงการเหยียบย่ำฝูงชน หลบไปทางที่คนน้อย ๆเขา จะได้อยู่ที่นี่ไม่ไ
เสียวอู่วางหน้าไม้ราชวงศ์ฉินลง เขายิงลูกศรสองดอกออกไปพร้อมกัน เรี่ยวแรงแข็งแกร่งไม่เท่าพี่หวังเซิ่ง เล็งเป้าบิดเบี้ยว...ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทัพใหญ่เจ็ดแสนก็ถูกทำให้ตกใจกลัวและหลับไปทั้งอย่างนี้เขาพลันเลื่อมใสในตัวแม่นางหยางผู้นี้ขึ้นมาวิธีนี้ของแม่นางหยาง ไม่เพียงช่วยกองทัพตระกูลจ้านเอาไว้ได้ แต่ยังช่วยชาวบ้านรอบ ๆ ไปด้วย...และยังดึงสุดยอดโรงงาน ภูเขาเหมืองกลับมา บุกเบิกที่หลายพันหมู่รอบ ๆชาวบ้านไม่ต้องเร่ร่อนไปทั่วอีกต่อไปสายตาของหยางชิงเหอมองไปที่เสียวอู่ “ยิงหน้าไม้ราชวงศ์ฉินได้ไม่เลวนี่ ข้าจะบอกกับท่านแม่ทัพใหญ่ ให้เขาตบรางวัลให้เจ้า!”พูดจบ หยางชิงเหอก็หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา แล้วเปิดช่องสื่อสาร“เห็นหรือไม่ พวกเขาถอยทัพแล้ว สกัดกั้นตอนนี้ยังทัน...”วินาทีถัดมาก็ได้ยินจ้านเฉิงอิ้นตะโกนขึ้นว่า “เตรียมหิน ผลัก...”หลังจากนั้นก็มีเสียงชาวบ้านพร้อมใจกันผลักดันแว่วดังขึ้นมาจากในวิทยุสื่อสารเสียงหินภูเขากลิ้งตกปนกับเสียงระเบิดเป็นบรรดาระเบิดกระบอกไม้ไผ่ที่ซื่อเมิ่งผลิตออกมาเมื่อวาน ตอนนี้ส่งไปใช้ในสนามรบหลังจากนั้น เสียงเข่นฆ่านานาชนิดก็แว่วดังขึ้นมา*บนเขา จ้านเฉ
ทัพใหญ่หยุดชะงักในฝูงชนแหวกออกเป็นทางขึ้นมาเส้นหนึ่งกองทัพธงเหลืองครั้นได้ยินว่าไม่ต้องทำศึกแล้ว ทั้งหมดก็ปกปิดรอยยิ้มแล้วออกไปตามมู่ฉีซิวพร้อมกันพวกเขาเป็นเพียงกองกำลังกบฏ แม้กองทัพตระกูลจ้านจะมีเพียงห้าหมื่นคนแต่ ได้ยินมาว่าอุปกรณ์สวมใส่ของกองทัพตระกูลจ้านดี!อาวุธของกองทัพตระกูลจ้านแหลมคมกองทัพตระกูลจ้านมีดินระเบิดที่มีพลานุภาพสูง...วันนี้นับว่าได้เห็นจะ ๆ กับตาแล้วดินระเบิดสองครั้ง ระเบิดพวกเขาไปยี่สิบกว่าคน หากตกลงท่ามกลางผู้คน คงจะระเบิดตายเป็นเบือมากขึ้นหากรู้ พวกเขาไม่ได้แตะกระทั่งชายเสื้อของกองทัพตระกูลจ้านผู้นำจะถอยทัพพวกเขาอยากรีบถอยทัพใจจะขาดพวกเขาทำเพื่อประทังชีวิตเท่านั้น เพื่อให้ได้มีชิวิตอยู่ในกลียุค ก็ล้วนเสียดายชีวิตมากทั้งสิ้น!ทหารเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยเห็นกองทัพธงเหลืองของมู่ฉีซิวไปแล้ว ต่างก็พากันมองไปที่หลัวซู่ม่อเป่ยอ๋อง...พวกเขาล้วนมีปมในใจเพราะดินระเบิดแล้ว!เมื่อครู่ยิงกระสุนปืนใหญ่มาสองครั้ง ทั้งหมดล้วนล้มตัวนอนลง พลางใช้สองมือกอดหัว หลบอยู่เบื้องหลังสิ่งกำบังความกลัวที่พวกเขามีต่อดินระเบิด ก่อตัวเป็นเงื่อนไขการตอบสนองกลับ มีการตอบส
ครั้นมู่ฉีซิวเห็นภาพนี้ นัยน์ตาก็สั่นเครือ เขาหันหัวม้า แล้วตะโกนกับอีกสามคนว่า“วิ่ง วิ่งเร็วเข้า สู้ไม่ไหว...”“พวกเขามีปืนใหญ่!”พูดจบเขาก็ควบม้าเผ่นแนบออกไปองครักษ์อย่างไม่คิดชีวิตเขาเพิ่งหนีออกไปได้ไม่ถึงยี่สิบเมตร หินก้อนใหญ่ตรงที่ยืนเมื่อครู่ ก็เกิดเสียงอึกทึกตึงตังหินก้อนใหญ่พลันระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระเด็นออก แตกกระจัดกระจายร่วงลงมานายทหารนับสิบที่ยืนอยู่ตรงนั้นถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บหลายคนถูกระเบิดตายคาที่!ทว่าครั้นหลัวซู่ม่อเป่ยอ๋องเห็นภาพนี้ มือที่กุมบังเหียนอยู่ก็กำขึ้นเป็นหมัด เส้นเลือดดำที่หลังมือปูดขึ้นมาภาพนี้ เขาคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งทัพกองกำลังหลักม่อเป่ยของเขา ก็พ่ายแพ้ให้กับดินระเบิดของกองทัพตระกูลจ้านตอนนี้ไม่คิดเลยว่าดินระเบิดของพวกเขาจะยกระดับแล้ว สามารถใช้อุปกรณ์ติดตั้งทำให้เกิดการลุกไหม้ได้ตลอดเวลา มิหนำซ้ำยังกำหนดจุดระเบิดได้อีกด้วยมู่ฉีซิวเองก็เกือบถูกระเบิดตายแล้วหากเขาช้าไปอีกก้าวหนึ่ง...ต้องถูกระเบิดตายอย่างแน่นอน!แม้ว่าตอนนี้ เหล่าองครักษ์ของเขาจะช่วยเขาสกัดกั้นควันหลงของดินระเบิดมีองครักษ์ถูกระเบิดตายส่วนหลังของเขาเต็มไป
กระบอกไม้ไผ่สิบกว่าอัน ใหญ่กว่าที่ทำเมื่อวานหนึ่งเท่าหยางชิงเหอเห็น ก็เป็นกังวลเล็กน้อย“ไม่แน่ว่าจะใส่หน้าไม้ราชวงศ์ได้!”หวังเซิ่งกล่าว “ข้าขอลองหน่อย!”เขาใช้สายสองเส้นตรึงกระบอกไม้ไผ่ก่อนยิงออกไป ดึงสายจุดไฟ...ครั้นยิงหน้าไม้ออกไป...มู่ฉีซิว เยี่ยนซวี่ แม่ทัพลั่ว หลัวซู่ม่อเป่ยอ๋องทุกคนอยู่หน้าสุดของกองกำลังพวกเขาเพิ่งเดินมาถึงใต้หุบเขาแห่งหนึ่ง...ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอึกทึกดังตูมเสียงหนึ่งจู่ ๆ บนยอดเขาก็มีเสียงระเบิดดังอึกทึกหลังจากนั้น ม้าก็อยากวิ่งหนีไปทุกทิศทุกทาง ราวกับตกใจทว่าวินาทีถัดมา ก็มีหินก้อนมหึมากลิ้งตกลงมาจากบนยอดเขาเนื่องจากหลุมลึกที่เกิดจากการระเบิด ทำให้หินผุกร่อนกลิ้งตกลงมาอย่างต่อเนื่องม้าของทหารม้าด้านหน้า วิ่งเตลิดไปคนละทิศคนละทาง เหยียบทหารไปไม่น้อยส่วนทหารที่อยู่เบื้องหลัง ครั้นเห็นดังนั้นก็รีบถอยหลังคนที่อยู่ด้านหน้าถอยหลัง คนที่อยู่ด้านหลังเบียดไปด้านหน้า การเดินหน้าของทัพใหญ่พลันเข้าสู่การชะงักหลัวซู่ม่อเป่ยอ๋องรีบรั้งบังเหียน พร้อมตะโกน “ทุกคนทำให้ม้าสงบ สงบสติ...”เมื่อเยี่ยนซวี่ได้ยินเสียงแสนคุ้นเคยนี้ สีหน้าก็ซีดเผือด