แชร์

บทที่ 272

ผู้เขียน: มู่โร่ว
มือของเขาสั่นเล็กน้อย

เป็นความตื่นเต้น!

เมื่อก่อนทำตัวเป็นเต่าหดหัว ถูกเผ่าหมานรังแกมาหนึ่งปี

ยามนี้ได้โอกาสเชิดหน้าชูตาแล้ว!

สาแกใจยิ่งนัก!

หลังเถียนฉินออกจากจวนแม่ทัพ เฉินขุย เฉินอู่ เฉินจวิ้นหลิน แม้แต่มั่วฝานก็มาแล้ว

แม่ทัพทั้งหลายหายใจหอบ พุ่งตรงไปที่ห้องหนังสือของจวนแม่ทัพ

ทันทีที่เฉินขุยเข้าไปในห้องหนังสือ ก็ตะโกนว่า “ท่านแม่ทัพ ไม่ดีแล้วขอรับ ฮ่องเต้มีราชโองการลงมา!”

มั่วฝานที่ลงมาจากรถไถนา วิ่งมาจนสีหน้าแดงก่ำ

เขาหาเก้าอี้มานั่งลงอย่างไม่ใส่ใจ เปิดพัดลมตัวน้อยออก แล้วพูดวัตถุประสงค์ที่มาออกมา

“ข้าเดาไม่ผิด ฮ่องเต้น้อยสั่งให้เจ้านำทัพกลับเมืองหลวง เพื่อปราบกองทัพธงเหลือง!”

จ้านเฉิงอิ้นขมวดคิ้วถามว่า “แม่ทัพลู่เล่า? เหตุใดจึงต้องให้ข้ากลับเมืองหลวงด้วย?”

“เขาแพ้อีกแล้ว กองทัพธงเหลืองมีห้าแสนคนแล้ว!”

ทันใดนั้น ไม่เพียงเฉินขุยและเฉินอู่ ทว่าแม้แต่เฉินจวิ้นหลินและเหอหงก็ประหลาดใจแล้ว…

กองทัพตระกูลจ้านของพวกเขาต่อสู้อย่างยากลำบากมานานเพียงนี้ ก็ยังมีกำลังทหารเพียงแสนสี่หมื่นนายเท่านั้น

กองทัพธงเหลืองเพิ่งจัดตั้งได้เพียงสามเดือน จู่ ๆ ก็ขยายกำลังทหารไปถึงห้าแสนนายแล้ว!
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 273

    แม้แต่เฉินจวิ้นหลินก็อดกล่าวกับจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้ว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านยังคงอย่าเพิ่งกลับเมืองหลวงเลยขอรับ หากไม่วางใจเรื่องคนที่บ้าน สามารถส่งคนไปที่เมืองหลวง เพื่อรับญาติของท่านกลับมาได้ขอรับ”เฉินจวิ้นหลินซึ่งเป็นจอหงวนบู๊ผู้นี้ เคยเข้าประชุมราชสำนักเพียงครั้งเดียวจึงไม่รู้ว่าวังหลวงมีการคุ้มกันแน่นหนา ต่อให้ส่งคนกลับเมืองหลวงก็ไม่สามารถรับคนกลับมาได้มั่วฝานโน้มน้าวว่า “ไทเฮาจะดูแลพวกเขาให้ปลอดภัยเอง!”ห้องหนังสือตกอยู่ในความเงียบงันกองทัพตระกูลจ้านสามารถขับไล่กองทัพพันธมิตรของเผ่าหมาน และแคว้นฉู่แคว้นฉีได้ ก็ย่อมสามารถปราบปรามกองทัพธงเหลืองได้เช่นกันแต่ จะต้องจ่ายในราคามหาศาลต่อให้กองทัพธงเหลืองไม่เคยได้รับการฝึกฝนอย่างมืออาชีพ แต่อาวุธของพวกเขาก็ไม่ใช่ของที่กองทัพแคว้นฉู่และฉีจะเปรียบได้ อีกทั้งจำนวนคนยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยส่วนทางด่านเจิ้นกวน จ้านเฉิงอิ้นก็ไม่อาจถอนตัวได้ ทันทีที่ข่าวเรื่องเขาพาคนจากไปลือไปถึงแคว้นฉู่และแคว้นฉีสองแคว้นจะต้องวกกลับมาอีกแน่มีเพียงรับสมัครทหารและซื้อม้าต่อไป ขยายจำนวนคนให้ถึงสามแสน แล้วระดมกำลังสองแสนนายเข้าปราบกองทัพธงเหลืองอีกห

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 274

    เย่มู่มู่นำกล่องสีดำมิดหมีใบหนึ่ง มาถึงถนนย่านวัตถุโบราณเธอเพิ่งจอดรถเสร็จ ผู้อาวุโสมู่ก็ออกมาจากร้านมารับด้วยตนเอง พร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มใบหน้าแล้วในตอนที่เขาเห็นเย่มู่มู่อุ้มกล่องสีดำสนิท ตัวกล่องแกะสลักลวดลายโบราณไว้ มีการปิดทองประดับไว้ ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาในฉับพลันกล่องนี้ ก็เป็นของเก่าเช่นกัน!หากเดาไม่ผิด ก็น่าจะเป็นของยุคของแคว้นต้าฉี่เช่นเดียวกันผู้อาวุโสมู่หัวเราะเสียงดังพลางกล่าวกับเย่มู่มู่ว่า “รีบมาเร็วเข้า นักออกแบบรอคุณอยู่นานแล้ว”เย่มู่มู่มาถึงร้านวัตถุโบราณการตกแต่งของร้านเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ประตูโค้งทรงพัด โคมไฟระย้าแบบโบราณ เฟอร์นิเจอร์ไม้ดำ…ร้านขายวัตถุโบราณได้รับการตกแต่งให้มีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์เป็นอย่างมากทั้งตู้โชว์ โต๊ะโชว์ แท่นโชว์…ล้วนออกแบบตามสไตล์โบราณ!เธอพอใจอย่างมากนักออกแบบแนะนำแรงบันดาลใจในการออกแบบ และโต๊ะโชว์ ตู้โชว์ ให้เธอฟังทีละรายการเมื่อขึ้นมาด้านบน ชั้นบนมีพื้นที่รับแขกส่วนตัวอยู่ด้านหลังห้องหนึ่ง และเหลืออีกห้องหนึ่งไว้เป็นห้องเก็บของที่ติดตั้งระบบกันขโมยระดับธนาคารนี่เป็นคำแนะนำจากผู้อาวุโสมู่ยังไม่ได้ติดตั้ง ร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 275

    เมื่อเห็นตัวอักษรที่ถูกสลักไว้ แม้แต่มือของผู้อาวุโสสวี่ก็สั่นแล้ว เขาหยิบกล่องแว่นตาออกมาจากอกเสื้อกล่องหนึ่ง แล้วสวมแว่นสายตายาวอย่างสั่นเทาเขาหยิบชามกระเบื้องเคลือบไปส่องดูใต้แสงไฟอย่างละเอียด ด้านข้างของตราประทับมีตัวอักษรเล็ก ๆ“จวนรัฐทายาทแห่งตระกูลมั่ว”น้ำเสียงของผู้อาวุโสสวี่ตื่นเต้นขึ้นมาทันที“ตระกูลมั่ว เป็นตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดของแคว้นต้าฉี่ ฮองเฮาแห่งแคว้นต้าฉี่ล้วนมาจากตระกูลมั่ว ลูกหลานและชนรุ่นหลังล้วนปรากฏผู้มีชื่อเสียงสืบต่อมา…”“ในอดีต ตอนที่แคว้นฉี่ล่มสลาย ตระกูลมั่วกลับได้รับการปกปักรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ หลายร้อยปีให้หลัง สถานศึกษาของตระกูลมั่วก็เป็นที่โด่งดังไปทั่วดินแดน”“เย่มู่มู่ไม่กล้าเชื่อ ก็คือตระกูลมั่วอันนั้นหรือคะ?”“ใช่แล้ว!”ว่ากันว่ามั่วฝานอายุยี่สิบ รุ่นราวคราวเดียวกับจ้านเฉิงอิ้นความประทับใจที่เย่มู่มู่มีต่อเขา เอนไปทางจอมเสเพลตัวน้อยที่ไร้เดียงสาอยู่บ้างเงินเยอะและยังใจกว้างด้วย!เป็นคนที่ให้เงินเยอะที่สุดนอกจากจ้านเฉิงอิ้น!“ชามใบนี้ผมเอาแล้ว!” ผู้อาวุโสสวี่พูดอย่างเริงร่าและตรงไปตรงมาผู้อาวุโสยื่นมือออกมา บังชามเอาไว้“ไม่ได้ ต้

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 276

    “เพราะพวกเขาโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทำให้ความแข็งแกร่งของแว่นแคว้นเสื่อมถอย หลายปีถัดมา ก็ถูกความวุ่นวายภายในเปลี่ยนราชวงศ์”“แคว้นฉู่ ยังคงชื่อฉู่ เพียงแต่ฮ่องเต้ไม่ใช่ฉู่อ๋องในรัชสมัยก่อนแล้ว”“ส่วนแคว้นฉีล่มสลาย ถูกแคว้นเยี่ยนและแคว้นอวี่กลืนกิน”“เผ่าหมาน ยังคงเป็นชนเผ่าเร่ร่อน มีชาวบ้านของแคว้นต้าฉี่จำนวนมากถูกพวกเขากินไป ทำให้รอดจากยุคแห่งทุพภิกขภัยมาได้”เย่มู่มู่ขมวดคิ้วฟังกองทัพธงเหลืองร้ายกาจ ถึงกับทำลายกองทัพแคว้นฉู่ลงได้ลง!ถ้าอย่างนั้น กองกำลังกบฏนี้ ไม่เท่ากับอยู่รอดถึงตอนสุดท้ายเหรอ“ในหนังสือประวัติศาสตร์มีเขียนไว้ไหมคะว่า ยุคแห่งทุพภิกขภัยนานแค่ไหน”“ผมลองนึกดูก่อน ช่วงเวลาแห่งความอดอยากแร้นแค้นที่คนกินคนเป็นอาหาร ก็น่าจะนานประมาณสามปี”เย่มู่มู่อ้าปากกว้าง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตกตะลึง“สามปี? นานขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”ผู้อาวุโสมู่จิบน้ำชาคำหนึ่ง ค่อย ๆ เล่าอย่างละเอียดต่อไปว่า“นี่ยังไม่จบนะ หลังจากสามปีนั้นก็เป็นภัยหิมะอีก…ทำให้จำนวนประชากรในหัวเซี่ยลดลงอย่างรวดเร็ว เหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบเท่านั้น!“หลายแคว้นล่มสลาย แต่แคว้นอวี่ แคว้นเยี่ยน กับแคว่นฉู่รอดมาได้ ส่ว

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 277

    เย่มู่มู่กล่าวว่า “ได้ค่ะ คุณแนะนำมาได้เลย ฉันจะสัมภาษณ์ดูสักรอบ ถ้าคนไม่เลวก็จะรับตัวไว้ แต่คุณก็รู้ว่า ร้านของฉันเล็ก คงเสนอค่าจ้างสูงเหมือนโรงงานใหญ่ไม่ได้หรอกนะคะ”ผู้อาวุโสจางพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ไม่หิวตายก็พอแล้ว เรื่องเงินเดือนคุณให้ตามที่เห็นสมควรเถอะ!”“อีกครู่ ผมจะให้เขาส่งเรซูเม่มาให้คุณ พรุ่งนี้คุณสัมภาษณ์ดู ถ้าใช้ได้คุณก็เก็บคนไว้ได้เลย”“ได้ค่ะ คนที่ผู้อาวุโสจางแนะนำมา ฉันวางใจอยู่แล้ว!”เมื่อผู้อาวุโสมู่กลับมาก็พบว่า ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์เอ้ย ตาเฒ่าที่ไร้ยางอายสองคนนี้ ถึงกับจองตำแหน่งผู้จัดการร้านกับนักบัญชีไปแล้วแม้แต่แม่บ้านทำความสะอาดก็ไม่เว้น จะแนะนำคนมาด้วย!ผู้อาวุโสมู่รีบหยุดพวกเขาไว้ มองสหายเก่าทั้งสองคนด้วยแววตาที่ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย“หาแม่บ้านทำความสะอาดมาทำไม นักเรียนสองคนนั้น ให้พวกเขาเช็ดโต๊ะกวาดพื้นไปสิ ร้านวัตถุโบราณไม่ใช่ห้างสักหน่อย ที่จะได้มีคนมาตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ”“ต้องให้พวกเขาทำงาน จะได้ไม่อยู่ว่างเกินไป!”ผู้อาวุโสสวี่และผู้อาวุโสจางปิดปากไปแล้วชามใบนี้ สุดท้ายถูกผู้อาวุโสจางซื้อไปในราคาสามร้อยล้านคนทั้งหลายสนทนากับเย่ม

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 278

    เถ้าแก่โรงสีข้าวเป็นชายวัยกลางคนที่พุงค่อนข้างโต เขาสวมนาฬิกาข้อมือโรเล็กซ์ หนีบกระเป๋าเอกสารท่าทางเหมือนพวกข้าราชการที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ในเสี้ยววินาทีที่เถ้าแก่หลินเห็นเย่มู่มู่ แววตาของเขาก็เป็นประกาย แล้วจับมือกับเย่มู่มู่อย่างกระตือรือร้น“คุณหนูเย่ ร้อยคำกล่าวไม่เท่ากับได้เห็นด้วยตนเองจริง ๆ ในที่สุดผมก็ได้เจอตัวจริงแล้ว”“คิดไม่ถึงว่าคุณอายุน้อยขนาดนี้ก็สร้างธุรกิจจนใหญ่โตแบบนี้แล้ว ภูเขาทั้งลูกล้วนเป็นของคุณ”“แถมบ้านพักตากอากาศสำหรับการหยุดพักผ่อนที่โด่งดังในอินเทอร์เน็ตไปทั่วประเทศ ก็กำลังขยายเพิ่มอีกอีก กิจการนี้ของคุณทำจนใหญ่กว่าของผมมากเลยนะครับ!”เย่มู่มู่เผยยิ้มทางธุรกิจออกมาบาง ๆ ว่า “ที่ไหนกันคะ ที่ไหนกัน”คนขับรถบรรทุกหันท้ายรถเข้าไปที่ประตูโกดังเธอดูคนงานเอาของลง เจ้าของร้านขายข้าวให้เธอดูน้ำหนักรวมทั้งหมดของสินค้า เมื่อตรวจสอบแล้วไม่มีข้อผิดพลาดจึงจ่ายเงินงวดสุดท้ายหน้างานเลยพี่เขยของเขาดูกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่ได้กดราคา หรือผัดผ่อนเวลาการชำระเงินหลังการชำระเงินเสร็จสิ้น เถ้าแก่หลินก็ยิ้มอย่างเบิกบานว่า “คุณหนูเย่เป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็ว ตรงไป

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 279

    เหตุผลที่เย่มู่มู่คิดจะเปิดบริษัทเทรดดิ้ง ก็เพื่อเตรียมการสำหรับความแร้นแค้นและภัยหิมะในอีกสองปีให้หลังที่ต้องกักตุนไม่ใช่เพียงข้าวสาร ข้าวสาลี…แต่ยังของชนิดอื่นอีกในปริมาณมากด้วยเธอสามารถหาซื้อเสบียงธัญญาหารจากในประเทศได้ แต่เนื่องจากจำนวนมีมากเกินไป ช้าเร็วจะต้องถูกเบื้องบนจับตามองแน่เพื่อเตรียมการล่วงหน้า เธอต้องจัดตั้งบริษัทเทรดดิ้งขึ้นมา เพื่อจัดซื้อสินค้าจากต่างประเทศคนทั้งสามตกลงร่วมกันว่าอีกสองสามวันจะไปจดทะเบียนบริษัทด้วยกันเนื่องจากทั้งเถ้าแก่ชีและเถ้าแก่หลินต่างก็มีกิจการในชื่อของตัวเอง และเมื่อรวมกันแล้ว พวกเขาถือหุ้นเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นส่วนเย่มู่มู่ถือหุ้นเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ดังนั้นจึงจดทะเบียนในนามของเธอส่วนทุนจดทะเบียนของบริษัทกับที่อยู่ที่ใช้ในการจดทะเบียนนั้น ให้เธอเป็นคนตัดสินใจทั้งหมดเย่มู่มู่ได้ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังจริง ๆเมื่อกลับมาถึงบ้านพักตากอากาศอีกครั้ง ฟ้าก็มืดแล้วข้างแจกันดอกไม้มีกระดาษสีขาวหลายใบร่วงหล่นอยู่จ้านเฉิงอิ้นรายงานสถานการณ์การรบของด่านเจิ้นกวนในปัจจุบันหนึ่งผ่านการหารือของเหล่าผู้บัญชาการ กำแพงเมืองของด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 280

    “หากท่านเทพต้องการ ในลานบ้านของช่างไม้มีกองอยู่เต็มไปหมดขอรับ”“พรุ่งข้าจะพาคนไปขุดในหุบเขาขอรับ ยังมีอีกเยอะเลย!”จ้านเฉิงอิ้นกล่าวว่า “เจ้าอย่าเพิ่งไปจับสายลับ ส่งไม้ทั้งหมดในลานบ้านของช่างไม้ มาที่จวนแม่ทัพก่อน”“แล้วเริ่มจากพรุ่งนี้ เจ้าพาคนไปขุดไม้ในเขา ท่านเทพบอกว่ามีประโยชน์มาก เช่นนั้นก็มอบให้นางไปทั้งหมดเสียเลย”“อาศัยนางมานาน นี่เป็นเพียงเรื่องเดียวที่พวกเราสามารถทำได้”เฉินขุยประสานคำนับว่า “ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่ง!”ก็แค่ขุดท่อนไม้มิใช่หรือไร?ยังดีกว่าเขาจับไส้ศึก อย่างไร้วี่แววอยู่ตลอดบ่ายมากนักเขาจัดกำลังคน ไปเก็บไม้ที่ลานบ้านของช่างไม้อย่างมีความสุขแล้วหลังจากจ้านเฉิงอิ้นหย่อนกระดาษลงไป เย่มู่มู่ก็มองจดหมายของเขาด้วยอาการปากอ้าตาค้างอะไรนะ?ไม้หนานมู่เนื้อทอง ที่ยุคนี้หนึ่งชั่งแลกเป็นทองได้ถึงสิบเจ็ดจุดเจ็ดกรัม ตอนอยู่ในยุคโบราณถึงกับไร้ค่าขนาดเอามาเผาเป็นฟืนแม้แต่ในการสร้างบ้านก็โยนทิ้ง เพราะรังเกียจว่าแข็งเกินไปช่างเป็นการทำลายข้าวของเหลือเกิน!ถ้าส่งมาในยุคปัจจุบัน สามารถทำเงินได้มหาศาลเลยนะเจ้าพวกผลาญสมบัตินี่!เย่มู่มู่ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก็บ

บทล่าสุด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 520

    กระทั่งสื่อยังหันกล้องมาจ่อเขาหลังจากนั้นหลูหมิงและหลูซีที่อยู่บนรถก็ลงมาวันนี้ทั้งสองคนบรรจงแต่งตัว สวมชุดคลุมยาวเนื้อผ้าเดียวกับมั่วฝาน ทว่าคนละแบบ และผูกผมยาวไว้ตรงท้ายทอยหลูซีกระทั่งลวดมือหยิบกระบี่ยาววัสดุสไตล์โบราณเอาไว้ตลอดกระบี่ยาวอยู่ในมือเขา กลับกลมกลืนอย่างคาดไม่ถึง!เย่มู่มู่ให้เขาเลือกมาหนึ่งเล่ม จากในบรรดากระบี่ชื่อดังสิบกว่าเล่มที่เถ้าแก่โรงงานเลียนแบบของโบราณเคยส่งมา!เขาเลือกกระบี่มังกรเล่มหนึ่ง!ในวินาทีที่เย่มู่มู่ลงมาจากรถ เมื่อรองผู้อำนวยการจางได้ยินเสียงข่าว ก็ออกมาต้อนรับพวกเขาเข้าไปด้วยตนเอง“มู่ม่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ผมคิดว่าคุณจะมาถึงสายกว่านี้ซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะมาเร็วที่สุด!”“มา ๆ เชิญชั้นบนเลย!”“พวกผู้อาวุโสจาง ผู้อาวุโสสวี่ ผู้อาวุโสมู่เขามาหรือยังคะ?”“ยังครับ เหล่าจางยังไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน เหล่ามู่ยังเข้าสอนนักเรียนอยู่ ผู้อาวุโสสวี่อีกคนติดต่อไม่ได้ ไม่เป็นไรครับ ติดต่อกับผู้ช่วยของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ต้องมาอย่างแน่นอน เกรงก็แต่ว่าไม่ถึงวินาทีสุดท้ายของพิธีตัดริบบิ้น จะไม่โผล่หัวมา!”“คุณวางใจเถอะครับ ขอแค่คุณมาถึงแล้ว พวกเขาจะต้องมา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 519

    มั่วฝานจะไปยับยั้งการร่วมมือของราชสำนักกับกองทัพธงเหลือง โดยผ่านมุมมองนี้ได้ เป็นสิ่งที่เธอคิดไม่ถึงในบันทึกประวัติศาสตร์ไม่เป็นทางการ การตายของฮ่องเต้น้อย เกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพธงเหลืองบุกเข้าไปในเมืองหลวง ฆ่าเขาขณะเกิดการนองเลือดในราชวังแน่นอนว่าในหนังสือประวัติศาสตร์บันทึกอย่างไม่เป็นทางการจดบันทึกอย่างเร่งรีบข้ามไปข้ามมา ไม่มีประโยคเพิ่มเติมมาเขียนถึงฮ่องเต้น้อยเลยคงเป็นเพราะตายในการนองเลือดที่ราชวัง!ทว่าตอนนี้มั่วฝานร้อนใจอยากจะฆ่าเขาให้ตาย เย่มู่มู่ไม่มีอะไรจะพูด“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าของให้เจ้าประสบความสำเร็จ”“แน่นอนว่า ก่อนเจ้าจะกลับไปต้าฉี่ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปที่หนึ่งก่อน!”มั่วฝานถามขึ้นว่า “สำคัญมากหรือไม่?”ตอนนี้เขาค่อนข้างร้อนใจกับต้าฉี่เย่มู่มู่ตอบ “สำคัญมาก พรุ่งนี้เช้าเราจะไปนั่งรถไฟความเร็วสูงกัน!”“คืนนี้พวกเจ้าพักผ่อนให้สบายใจ ทางนั้นยังมีจ้านเฉิงอิ้นอยู่”“เขาเป็นถึงโหวขั้นหนึ่งที่มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย เติบโตมาอยู่ในค่ายทหารตั้งแต่เด็ก เคยรับมือกับแม่ทัพใหญ่ในสงครามมานับไม่ถ้วน!”“กะอีแค่การโจมตีของพันธมิตรไม่กี่ฝ่ายไม่ใช่หรือ? เ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 518

    มั่วฝานถามหลูหมิง หลูหมิงจึงบอกสถานการณ์ยากลำบากของกองทัพตระกูลจ้านเมื่อเขารู้ว่าฮ่องเต้น้อยร่วมมือกับกองทัพธงเหลืองก็พลันโพล่งเสียงหัวเราะออกมาขำไป ๆ ก็คุกเข่าร้องไห้กับพื้นเขารู้ทิศทางของประวัติศาสตร์ผู้อาวุโสยังถ่ายบันทึกประวัติศาสตร์อย่างไม่เป็นทางการ ที่บันทึกเกี่ยวกับต้าฉี่และจ้านเฉิงอิ้นมาให้เย่มู่มู่อ่านจากในหนังสือสะสมที่ไม่ได้เผยแพร่จากพิพิธภัณฑ์เย่มู่มู่พิมพ์ออกมา แล้วให้คนโบราณทั้งสามคนอ่านทิศทางสุดท้ายของประวัติศาสตร์จ้านเฉิงอิ้นตายอยู่ที่ด่านเจิ้นกวน กองทักตระกูลจ้านแหลกสลายตายทั้งกองทัพจริง ๆชาวบ้านด่านเจิ้นกวนถูกเผ่าหมาน แคว้นฉู่และฉีสังหารไปกึ่งหนึ่งในวันนั้นเลย!พวกเขาสังหารยังไม่พอ ไม่คิดเลยว่าจะย่างกินด้วยกินอยู่สามวันสามคืน และนำคนที่เหลือมาทำเป็นของแห้ง ขับไล่บุกโจมตีหัวเมืองอื่น ๆ ของต้าฉี่ตลอดทั้งทางเดิมทียังเจอการต้านทานบางส่วนอีกด้วย กองกำลังเล็ก ๆ ของสวีหวยหนึ่งแสนคนต้านทานเอาไว้ครู่หนึ่งแต่พบว่าสู้ไม่ได้ จึงรีบเผ่นออกไปทันทีเขารวมกับกองกำลังสองแสนคนของแม่ทัพลู่เดิมทีพวกเขาสามแสนคน ยังพอมีกำลังทำศึก ต้านทานทัพพันธมิตรฉู่ ฉีและเผ่า

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 517

    หลังเย่มู่มู่ส่งของไป ก็หยุดไม่ได้เนื่องจากกองทัพตระกูลจ้านขาดคนไปห้าหมื่นคนในฉับพลัน ต้องรีบรับสมัครทหารใหม่หน้าไม้ราชวงศ์ฉิน ดาบม่อเตา ชุดเกราะ...ต้องสั่งมาอีกชุด!เกราะกันกระสุนต้องเติมสต็อกต่อให้ของเซี่ยเวยเอาไปหมดแล้ว กองทัพตระกูลจ้านที่เหลืออยู่ล่ะ?เธอติดต่อซื้อปลายข้าวกับเจ้าของร้านขายข้าวอีกแน่นอนว่าตอนต่อสายไปหาเขาก็เป็นเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วแม้ทั้งสองคนจะเป็นพาร์ตเนอร์เปิดบริษัทการค้าต่างประเทศ ทว่าเขากับพี่เขยแทบจะไม่สนใจเลยกระทั่งเขายังคิดจะถอนหุ้นเสียด้วยซ้ำเนื่องจากเดือนที่แล้วเขาเปิดร้านสินค้าเกษตรและโภคภัณฑ์อีกร้านหนึ่ง ธุรกิจไม่ค่อยดีนัก กักตุนสินค้าไว้จำนวนมาก เงินทุนหมุนเวียนติดขัดเมื่อเอ่ยปากกับเย่มู่มู่ ความตั้งใจเดิมคือคิดจะยืมเงินเธอทว่าเย่มู่มู่เข้าใจปิด ถอนหุ้นให้เขาทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงโอนเงินไปยังบัญชีเขาแม้จะบอกว่าความร่วมมือไม่สำเร็จ ทว่าการซื้อขายยังอยู่ หากเย่มู่มู่แสดงออกว่าต้องการ จะยังซื้อข้าวจากร้านของเขาต่อประโยคเดียวทำเอาเจ้าของร้านขายข้าวอัดอั้นแทบแย่ทว่าเย่มู่มู่จะซื้อธัญพืชตอนดึกดื่นเที่ยงคืน ทำเอาเขาดีใจเป็นอย่า

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 516

    ด้านในล้างจนสะอาดหมดแล้วเย่มู่มู่กลิ้งถังน้ำเข้าไปในบ่อน้ำข้าง ๆ โดยตรง ใส่น้ำเข้าไปโดยอัตโนมัติครึ่งชั่วโมง ทั้งหมดก็ถูกใส่จนเต็มนาทีสุดท้ายในสี่ชั่วโมง รถบรรทุกน้ำมันยี่สิบคันขับเข้ามาอีกฝ่ายสวมหน้ากากอนามัยและแว่นดำ ไร้ซึ่งความเกรงใจ ให้เย่มู่มู่โอนทั้งหมดจ่ายเงินของรถบรรทุกน้ำมันพร้อมกันทีเดียวหลังเย่มู่มู่จ่ายเงิน สีหน้าของคนที่นำขบวนมาถึงค่อย ๆ ผ่อนคลายขึ้นมาพวกเขาขับรถเก๋งสองสามคันกลับไปเวลานี้ฟ้ามืดสนิทแล้วเย่มู่มู่มองเวลา ระยะเวลาสี่ชั่วโมงยังเหลือไม่กี่นาทีสุดท้ายเธอใส่รถบรรทุกน้ำมันทั้งหมดเข้าไปในที่ว่างเปล่าตอนนี้ที่เธอทำได้ก็ทำหมดแล้วที่ช่วยได้ก็พยายามช่วยสุดความสามารถส่วนทางกองกำลังห้าหมื่นคนของเซี่ยเวยนั้น จะปกป้องแคว้นเยี่ยนเอาไว้ได้หรือไม่เธอทำได้เพียงรอดูแล้วแต่เธอหวังว่าเซี่ยเวยจะปกป้องเอาไว้ได้หากราบรื่นก็ผลัดเปลี่ยนแผ่นดินแคว้นเยี่ยนเช่นนั้นความปรารถนาที่จะรวมทั้งใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียว แว่นแคว้นแรกก็บรรลุผลแล้วเมื่อเย่มู่มู่คิดมาถึงตรงนี้ ความรู้สึกเหนื่อยล้าก็แผ่ซ่านขึ้นมาทั้งตัวแวบหนึ่งพร้อมกับพลันตื่นเต้นขึ้นมาเธอหวังเป็นอย

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 515

    เวินลี่ตอบตกลงว่าจะหารถบรรทุกน้ำมันมาให้ ภายใต้การรับรองซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเย่มู่มู่ส่วนจำนวนที่แน่ชัด ยังตอบตกลงไม่ได้เย่มู่มู่กระทั่งพูดกับเธออย่างกล้าหาญว่า หวังว่าจะรวมไปถึงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งด้วยแบบนั้นจะได้ขนน้ำมันมาได้อย่างต่อเนื่องในเวลานี้เอง เวินลี่ก็ตัดสายทิ้งไปเลยรวมถึงปั๊มน้ำมันด้วยภูมิหลังไม่เท่าไร ไม่มีเส้นสายบริษัทน้ำมัน จึงไม่ได้โควตา...ยากเป็นอย่างมาก!สำเร็จเรียบร้อย เย่มู่มู่ยังหาโรงงานที่ทำขนส่งถังใส่น้ำในพื้นที่ และเหมาสต็อกทั้งหมดเงื่อนไขเพียงหนึ่งเดียวคือต้องล้างภายในถังเหล็กให้สะอาด และฆ่าเชื้อให้เรียบร้อยขนมาภายในสามชั่วโมงเธอต้องการบรรจุน้ำใส่ถังใหญ่เหล่านี้ให้เรียบร้อย แล้วใส่ในที่ว่างเปล่าภายในแจกันผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถขนส่งหลาบขบวน ขับมาถึงใต้ตีนเขาเย่มู่มู่ตรวจสอบถังน้ำมัน ทั้งหมดถูกเติมจนเต็มแล้วน้ำมันเครื่อง น้ำยาล้างกระจกและอะไหล่ต่าง ๆ เตรียมไว้ครบหมดแล้วขบวนรถล็อตแรกยี่สิบคัน เธอจ่ายเงินค่าเช่าหนึ่งปีเลยเงินนี้แทบจะซื้อรถบรรทุกเก่า ๆ ได้สักคันแล้วหัวหน้าของขบวนรถที่มองอยู่อึ้งไปเลย เธอแก้ไขสัญญากับมือ บอกว่าหากหนึ่งปียั

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 514

    ความกดดันที่เขาเผชิญในตอนนี้ มากมายเสียยิ่งกว่าพวกเขากลับไปป้องกันแคว้นเยี่ยนเสียอีกทว่ากลับตัดสินใจให้พวกเขากลับไปปกป้องเมืองอย่างแน่วแน่ความเชื่อใจนี้ บุญคุณนี้ พวกเขาหกคนจะไม่มีวันลืมทั้งหกคนลุกขึ้นขอตัวลากับจ้านเฉิงอิ้นทันทีจ้านเฉิงอิ้นให้เวลาพวกเขาได้เตรียมตัวเพียงสองชั่วยามเท่านั้นผ่านไปสองชั่วยาม ต้องออกเดินทางกลับแคว้นเยี่ยนเมื่อเย่มู่มู่ได้ยินเรื่องนี้ ก็ถามจ้านเฉิงอิ้น...“ตอนนี้มีรถกี่คัน? อาหารกับแหล่งน้ำล่ะ?”คนห้าหมื่นคนกลับไปรักษาป้องกัน และช่วงชิงเวลากับแคว้นฉู่และฉีสองแคว้นตามแผนที่ที่จ้านเฉิงอิ้นส่งมา และคำอธิบายของหลูซีกับหลูหมิง แคว้นฉู่และฉีอยู่ใกล้กับแคว้นเยี่ยนมากกว่า...พวกเขารีบกลับไปป้องกัน...และยังต้องต้องแก้ปัญหาอาหารการกิน และน้ำท่าของราษฎรเมืองหลวงแคว้นเยี่ยนให้เรียบร้อย ราษฎรแคว้นเยี่ยนจะได้มีกำลังมาสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่อย่าว่าแต่ผลัดเปลี่ยนแผ่นดินเลย ขอเพียงพวกเขามีน้ำและอาหาร ก็ถูกสนับสนุนให้เป็นฮ่องเต้แล้วฉะนั้น ตอนนี้จ้านเฉิงอิ้นยังมีเสบียงอีกเท่าไร?จ้านเฉิงอิ้นกล่าว “รถบรรทุกยี่สิบคัน รถบรรทุกขนาดกลางสามสิบคัน รถเล็กสิบค

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 513

    เหตุใดจ้านเฉิงอิ้นจะไม่รู้ถึงความกดดันของห้าหมื่นคน ที่ต้องเผชิญหน้ากับคนห้าแสนคนแม้จะช่วงชิงภูเขาเหมืองและระเบิดโรงงานดินปืนทิ้งไปแล้ว สูญเสียไปหนึ่งแสนคนยังมีอีกสี่แสนคนแต่เขาเองก็รู้ว่า จะให้ไปเฝ้าเมืองหลวงแคว้นเยี่ยนเอาไว้ มีเพียงเซี่ยเวยที่มีเหตุผลและน่าเชื่อถือที่สุดจ้านเฉิงอิ้นสั่งให้เถียนฉินตามตัวเซี่ยเวยและทหารกลุ่มหนึ่งมาพวกเขาทุกคนกึ่งคุกเข่าพร้อมพยักหน้าจ้านเฉิงอิ้นมองพวกเขา หลังจากอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง ความรู้สึกของทุกคนก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นวันนี้เมื่อยืนยันว่าฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนนำกองกำลังทหารทั้งหมดมายังต้าฉี่จะต้องมีกองกำลังแคว้นอื่นที่ฉวยโอกาสช่วงโกลาหลเข้ามาแน่พวกเขาจะต้องเฝ้าเอาไว้ให้ดีจ้านเฉิงอิ้นกล่าว “ตามรายงานที่น่าเชื่อถือได้ เยี่ยนซวี่รวบรวมกองกำลังสองแสนห้าหมื่นนายสุดท้ายของแคว้นเยี่ยนนำมาที่ต้าฉี่ เพื่อจัดการข้าและกองทัพตระกูลจ้าน...”พวกเซี่ยเวย จ้าวเฉียนต่างพากันเงยหน้าขึ้นมา พวกเขาเผยสีหน้าคาดไม่ถึงออกมาในทันใดกระทั่งเซี่ยเวยเอ่ยปากออกมาด้วยความตกตะลึง “เขาบ้าไปแล้วหรือ? รวบรวมกำลังทหารทั้งหมดมาที่ต้าฉี่ เพื่อจัดการท่านเนี่ยนะ?”“หากแ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 512

    ขับตรงไปยังเมืองหลวงของแคว้นเยี่ยนโดยตรง ชักอาวุธออกมา กวาดล้างกองทหารประจำการณ์ในเมืองหลวงของพวกเขา ฆ่าขุนนางในราชสำนัก ให้ดีที่สุดต้องเอาเลือดของราชวงศ์แคว้นเยี่ยนล้างรอบหนึ่งด้วยหากให้คนพวกเขาได้อีกสองสามหมื่นคน เขาสามารถผลัดเปลี่ยนแผ่นดินแคว้นเยี่ยนได้เลย!เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่หยวนจงก็อดรนทนไม่ไหวที่จะออกเดินทางเมื่อเลือกจำนวนคนเรียบร้อยแล้ว ก็เลือกทหารผ่านศึกของกองทัพตระกูลจ้านสองในสามส่วนเมื่อจ้านเฉิงอิ้นไป ทิ้งทหารผ่านศึกเอาไว้สองสามพันนายคนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกน้องเบื้องล่างของหลี่หยวนจงและยังมีทหารเบื้องล่างของอู๋ลี่ที่ฝีมือไม่เลวส่วนหนึ่งพวกเขาไม่เคยผ่านกลิ่นคาวเลือดและความโหดร้ายของสนามรบมาก่อน ครั้งนี้ถือเสียว่าเป็นประสบการณ์ขับรถไปกลับรวดเร็วเป็นอย่างมาก!หลังทั้งสองคนหารือกันเสร็จ ตอนค่ำก็ออกเดินทางวันนี้ อู๋ลี่กับหน่วยเก่าของสวีหวยทะเลาะกัน จะแพร่งพรายออกไปทั้งค่ายทหาร และแพร่งพรายไปทั่วทั้งด่านเจิ้นกวน...หัวข้อบทสนทนาหลังกินข้าวที่ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานไม่หยุด คืออู๋ลี่เลาะกับเว่ยโจวกองกำลังทั้งสองฝั่งลงไม้ลงมือ ซัดกันจนกระโจมพังไปหมดผลลั

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status