นี่คือข้าวสารสามร้อยชั่งเชียวนะหากครอบครัวยากจนมีข้าวสารสามร้อยชั่ง ก็อยู่ได้เกินครึ่งปีเห็นได้ชัดเลยว่า สิ่งของเหล่านี้มีค่ามากแค่ไหนมีคนร่ำรวยในเมืองนี้นำทอง เงิน และเครื่องประดับออกมาแลกแชมพูและครีมอาบน้ำกับพวกทหารทองคำหนึ่งกล่องสามารถแลกแชมพูได้หนึ่งขวดก่อนเกิดความอดอยาก ทองคำหนึ่งกล่องเพียงพอให้ครอบครัวหนึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องของกินของใช้ไปตลอดชีวิตได้ทหารชั้นผู้น้อยถึงได้ให้ความสำคัญขนาดนี้จ้านเฉิงอิ้นมองแชมพูกลิ่นกล้วยไม้ท่านเทพชอบกล้วยไม้หรือ?น่าเสียดายที่หัวเซี่ยแห้งแล้ง ยากที่จะหาดอกกล้วยไม้พบเมื่ออุณหภูมิดีขึ้น เขาจะมอบกล้วยไม้ให้ท่านเทพอย่างแน่นอนจ้านเฉิงอิ้นเดินลงจากกำแพงเมืองเห็นคนต่อแถวยาวเพื่อแลกรางวัลแต่คนที่นำข้าวสารและแป้งสาลีมาที่โกดัง กลับมีน้อยมากดูเหมือนว่า ทุกคนไม่ขาดแคลนเสบียงแล้ว*เย่มู่มู่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดไป เป็นเวลาสิบโมงแล้วเธอไปดูแจกันก่อนอันดับแรกกระดาษขาวหลายแผ่นอยู่ด้านล่างแจกันเธอรีบลงจากเตียง แล้วหยิบกระดาษสีขาวที่อยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วเห็นบนกระดาษขาวเขียนว่า “ท่านเทพ ข้ากลับมาแล้ว!”ที่แท้ในสองวันที่จ
เพราะเรื่องที่เย่ซินถูกจับ คนตระกูลมู่จึงคิดหาทุกวิถีทางเพื่อตามหาเย่มู่มู่ถึงขั้นยอมใช้เงินจำนวนมากจ้างนักสืบเอกชน เพื่อตามหาที่อยู่ปัจจุบันของเย่มู่มู่พวกเขายังได้ข่าวว่าบ้านพักตากอากาศเซียนหยวนเดิมทีเป็นทรัพย์สินภายใต้ชื่อของเย่มู่มู่บ้านพักตากอากาศแห่งนี้มีชื่อเสียงไปทั่วเมือง กระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศเป็นสถานที่พักผ่อนท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่าคนดังในเน็ตมาเช็คอินแน่นอนว่าที่คนตระกูลเย่มาในวันนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องเย่ซินเท่านั้นคนในตระกูลรู้สึกว่าที่พ่อของเธอร่ำรวยได้ และที่เธอมีทรัพย์สินมหาศาลในชื่อของเธอตั้งแต่อายุยังน้อย ก็เป็นผลมาจากการคุ้มครองของบรรพบุรุษเธอจำเป็นต้องให้เงินเพื่อตอบแทนตระกูลบ้านพักตากอากาศเซียนหยวนก็ไม่เลวพวกเขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับบริษัทจดทะเบียนได้ แต่ถ้าได้บ้านพักตากอากาศเซียนหยวนมาครอบครองก็ยังดีอย่างไรก็แล้วแต่ สาวน้อยอายุแค่นี้ จะถือเงินมากมายขนาดนี้ได้ยังไง!ไหนจะเรื่องเย่ซินอีก หากว่าเธอไม่เซ็นหนังสือยอมความชีวิตนี้ของเย่ซินต้องถูกทำลายแน่พวกเขายังอยากเกลี้ยกล่อมให้เธอเซ็นหนังสือยอมความ ให้เย่ซินได้รับโทษเบาลงชายส
แต่ลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ อาหญิง อาเขย อาเล็ก อาสะใภ้ของตระกูลเย่ยังมีสีหน้าปกติเพราะเย่มู่มู่ไม่ให้ความร่วมมือ สีหน้าของพวกเขาเลยดูโกรธเล็กน้อยโกรธที่เย่มู่มู่ทำให้พวกเขาอับอาย!เป็นไปตามที่คิด มนุษย์หน้าไม่อาย ย่อมไม่แพ้ผู้ใดในใต้หล้าเย่มู่มู่ไม่อยากสนใจพวกเขา หลังจากโทรหาทนายสวีแล้ว จึงหันหลังคิดจะจากไปพอลุงใหญ่ตระกูลเย่เห็นว่าเธอจะไป จึงตะโกนเสียงดัง “เธอหยุดเดี๋ยวนี้นะ พาเสี่ยวซินออกมาให้ฉัน ได้ยินไหม”“ฉันเตือนเธอแล้วนะ ถ้าเสี่ยวซินตาย เธอก็อย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตอยู่”หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็เห็นเย่มู่มู่ไม่หันมาจึงนอนลงบนถนนที่ทางเข้าหน้าหมู่บ้านย่าก็ให้ความร่วมมือร้องไห้พร้อมตะโกนทั้งน้ำตา “สร้างเวรสร้างกรรมแล้ว หลานสาวฆ่าคน ใส่ร้ายหลานชายสุดที่รักของฉันเข้าคุก”“เทวดาฟ้าดิน ท่านสงสารฉันหญิงชราคนนี้ด้วยเถิด เอาชีวิตของฉันไป แลกกับการให้หลานชายของฉันได้มีชีวิตอยู่ต่อ”“ส่วนหลานสาวคนนั้น ฉันขอสาปแช่งให้เธอตายเร็วเหมือนกับแม่ของเธอ!”เมื่อเย่มู่มู่ได้ยิน ก็อยากหันกลับไปด่าหญิงชราแต่ก็ถูกพี่ซุนและภรรยาของเขาห้ามเอาไว้“อย่าไปเลยครับ คนแบบนี้ยิ่งคุณสนใจมากเท่าไหร่ เธอก็
ตอนที่เขาไม่สามารถตอบจดหมายได้ เย่มู่มู่ก็เคยสัญญาว่าจะส่งอัลบั้มภาพให้เขา เพื่อสร้างร่างทองเปิดหน้าแต่เธอแค่ปลอบประโลมเขาเท่านั้น รีบร้อนตอบจดหมายกลับ เพื่อจะได้รีบดีขึ้นเธอไม่ได้มีเจตนาอื่นจริง ๆ!ท่านแม่ทัพคงจะโกรธถ้ารู้ว่าเธอโกหกคนโบราณให้ความสำคัญกับคำสัญญา รับปากแล้วไม่คืนคำในอัลบั้มรูปภาพมือถือล่าสุดของเธอ ไม่มีรูปถ่ายชุดโบราณ!ในคฤหาสน์มีชุดโบราณที่เป็นงานฝีมือซับซ้อนและประณีตหลายชุด เธอจ่ายเงินไปจำนวนมากเพื่อสั่งทำจากร้านในเถาเป่ารอชุดอยู่หลายเดือนบังเอิญ ผู้จัดการบ้านพักตากอากาศบอกว่ามีกลุ่มคนมาสัมภาษณ์ เป็นช่างไฟคนหนึ่ง ช่างภาพคนหนึ่ง และช่างแต่งหน้าสองคนทั้งมีประสบการณ์การทำงานมาหลายปีเย่มู่มู่เขียนจดหมาย แล้วใส่ลงไปในแจกัน“จ้านเฉิงอิ้น รอข้าสักสองสามชั่วโมง ข้าขอไปจัดสถานที่ก่อน แล้วจะถ่ายรูปส่งให้เจ้าดู!”เย่มู่มู่หยิบชุดโบราณหลายชุดออกมาจากตู้เสื้อผ้าในห้องนิรภัยใต้ดิน เธอเลือกเครื่องประดับที่จ้านเฉิงอิ้นส่งมา แล้วหยิบออกมาจากกล่องหลังจากช่างภาพช่างแต่งหน้ามาถึงคฤหาสน์เย่มู่มู่จึงให้ผู้สัมภาษณ์ช่วยแต่งหน้า ทำผม จัดไฟ แล้วถ่ายรูป...ไม่ว่าจะรับ
เย่มู่มู่เก็บปิ่นปักผมขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ใส่ลงกล่องไม้จันทน์แดงก่อนจะเขียนจดหมายตอบกลับจ้านเฉิงอิ้น“ไม่ต้องส่งมาแล้ว ส่งแท็บเล็ตที่ข้าส่งไปให้มา ข้าจะส่งรูปภาพไปให้”ตึง~เสียงแท็บเล็ตตกพื้นก็ดังขึ้นเย่มู่มู่หยิบแท็บเล็ตขึ้นมา ปลดล็อกหน้าจออย่างชำนาญรูปถ่ายส่งไปในอัลบั้มภาพ และใส่รหัสผ่านทีละรูป ๆใช้เครื่องปริ้น ปริ้นภาพสีหยาบดูไม่เหมือนจริง หลังจากเป่าแห้งแล้วก็ส่งไปพร้อมกับกระดาษเธอเขียนจดหมาย“รูปที่ปริ้นออกมาหยาบเกินไป ข้าส่งรูปไปทั้งหกชุดแล้ว เจ้าดูแล้วก็เลือกว่ารูปไหนเหมาะ”“จริงสิ โรคระบาดเป็นอย่างไรบ้าง?”“ยังอยากได้ยาหรือเสบียงอาวุธเพิ่มหรือไม่? ข้าสั่งเสื้อเกราะกันกระสุนที่ป้องกันทั้งหมดมาสองชุด สินค้าชุดแรก อีกสิบกว่าวันจะส่งมาถึง ถ้าเกิดกองทัพถูกโจมตี ต้องอดทนเอาไว้ก่อนนะ!”เย่มู่มู่นำภาพที่ปริ้นออกมาใส่เข้าไปในแจกันพร้อมกระดาษ*วันนี้พักผ่อน จ้านเฉิงอิ้นกลับไปอาบน้ำทำความสะอาดที่จวนแม่ทัพ เขารออยู่นานมาก ท่านเทพก็ไม่ส่งภาพมาสักทีท่านเทพ จะโกหกไม่ได้!แต่นางก็บ่ายเบี่ยงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ได้ส่งภาพมาให้จริง ๆสร้างศาลขึ้นมาสามแห่ง ภายในศาลว่างเปล
เว่ยกวงสายตาเฉียบแหลม เขาเห็นท่านแม่ทัพเลือดกำเดาไหลเขาหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วพูดกับเถียนฉินสวี่หมิงทั้งสองคนที่กำลังตะลึง “พวกเจ้าสองคนอย่าไปรบกวนท่านแม่ทัพเลย เขาแค่โตแล้วเท่านั้น!”เสี่ยวลิ่วจื่อถามด้วยความไม่เข้าใจ “พี่เว่ย โตแล้วต้องเลือดกำเดาไหลด้วยหรือ? ถ้าอย่างนั้นข้าไม่อยากโตแล้ว!”“เจ้าเด็กโง่ ถ้าเจ้าไม่โต แล้วจะกลายเป็นบุรุษที่แท้จริงได้อย่างไร จะแต่งภรรยาได้อย่างไร?”เสี่ยวลิ่วจื่อเบือนหน้ากลับมา แล้วถามเว่ยกวง “แต่ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเลือดกำเดาไหล?”ต้องเกี่ยวอยู่แล้วสิ!คนที่ฉลาดมองปราดเดียวก็ดูออก ว่าท่านแม่ทัพกำลังเป็นหนุ่มในเรื่องอายุ ท่านแม่ทัพอายุน้อยกว่าเว่ยกวงไม่กี่ปีดูเหมือนว่าท่านแม่ทัพจะมีคนที่ชอบแล้ว!*จ้านเฉิงอิ้นไม่กล้ามองรูปภาพในอัลบั้มนั้นอีก หนึ่งเพราะกลัวเลือดกำเดาจะไหลออกมาอีก สองมันจะเป็นการลบหลู่ท่านเทพเกินไปเขาไม่ควรมีความคิดที่ไม่สมควรมีต่อภาพของท่านเทพท่านเทพดีกับพวกเขาถึงเพียงนี้!เขาจะลบหลู่ได้อย่างไร!ดังนั้น เขาจึงนำเครื่องลายครามที่ประณีตงดงามควรค่าแก่การเก็บสะสมที่เว่ยก่วงนำไปแลกชามแสตนเลส กะละมังแสตนเลสก่อนหน้านี
เหล่าช่างแกะสลักพยักหน้า“ได้ขอรับท่านแม่ทัพใหญ่!”พวกเขาล้วนแต่เป็นช่างเก่าแก่อยู่ในอาชีพนี้มาสิบยี่สิบปี สำหรับหญิงงามเช่นนี้ เกรงว่าทั้งชีวิตพวกเขาก็ไม่มีวันลืมการแกะสลักร่างจริงด้วยรูปลักษณ์ของนาง จะดึงดูดให้ผู้คนทั้งเมืองแห่กันมาคุกเข่ากราบไหว้“เอาละ ถ้าสร้างเสร็จแล้ว ข้ามีรางวัลให้อย่างงาม!”เหล่าช่างฝีมือพากันดีใจมาก คุกเข่าส่งแม่ทัพออกไปจ้านเฉิงอิ้นพับภาพวาดแล้วใส่เข้าไปในอกอย่างระมัดระวังขณะที่กำลังจะไป เฉินขุยและเฉินอู่สองพี่น้องกำลังตามหาเขาพอดีพวกเขาเหมือนจะมีเรื่องเร่งด่วน สองพี่น้องขี่ม้าไปตามถนน วิ่งมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบแล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาเฉินขุยดึงบังเหียน ก่อนจะพลิกตัวลงจากม้าเฉินขุยยกมือคำนับกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ มีเรื่องจะรายงานขอรับ...”“เรื่องอะไร?”เฉินขุยกระซิบข้างหูเขา“สวีหวยกับกำลังพลหนึ่งแสนนาย ประจำการอยู่ห่างจากประตูทิศตะวันตกสามสิบลี้ เขาขอให้ในเมืองส่งน้ำ ส่งข้าวสาร แป้งสาลี น้ำมันและเสบียงพวกผักและเนื้อไปที่ค่ายของเขาขอรับ”“ทั้งยังบอกว่ากำลังพลหนึ่งแสนนายกำลังลำบากยากแค้น ไม่มีเสบียงอาหารแล้ว ขอร้องให้ท่านส่งไปโดยเร็วขอร
เหล่าทหารทุกคนต่างประณามในพฤติกรรมอันไร้ยางอายของสวีหวยอย่างรุนแรง“ท่านแม่ทัพ จะให้น้ำให้อาหารกับเขาไม่ได้เด็ดขาด สิ่งเหล่านี้ท่านเทพเป็นผู้ประทานให้แก่ท่านขอรับ”“ใช่ขอรับ เขาเคยทำอะไรช่วยเหลือกองทัพตระกูลจ้านบ้าง เอาชนะกองทัพศัตรูได้สักคนหรือไม่? เขามีสิทธิ์อะไรมาเอ่ยปากขอ?”“สวีหวยคิดว่าอยู่ระดับไหน พรุ่งนี้ข้าจะพาคนออกไป ยิงหน้าไม้ราชวงศ์ฉินพาใส่เขา!”พวกทหารต่างเห็นพ้องต้องกันว่า อย่าให้น้ำให้อาหารกับสวีหวยเป็นอันขาดพวกเขาเคยเห็นแต่ขอทานที่ถ่อมตัวไม่เคยเห็นผู้ใดมาขอข้าวอย่างมั่นอกมั่นใจเช่นนี้มาก่อน!เฉินจวิ้นหลินหยิบจดหมายลับที่ฮ่องเต้น้อยส่งมาออกมาจากอกอย่างเงียบ ๆเขาได้รับจดหมายลับมาสามฉบับเมื่อก่อน เขาจะส่งให้จ้านเฉิงอิ้นเป็นการส่วนตัวตอนนี้ ทุกคนต่างเป็นตั๊กแตนที่ถูกมัดบนเชือกเดียวกัน ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันหลายครั้งแล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบัง!จ้านเฉิงอิ้นรับมา แล้วเปิดจดหมายลับจดหมายฉบับแรก เป็นคำสั่งลับให้เฉินจวิ้นหลินลงมือสังหารจ้านเฉิงอิ้นจดหมายฉบับที่สอง ยังคงเกี่ยวกับการลอบสังหารจ้านเฉิงอิ้นจดหมายฉบับที่สาม ไม่จำเป็นต้องฆ่าจ้านเฉิงอิ้นแล้ว บังค
“ข้าจะออกจากเมืองไปฆ่าเขาเอง!”แม่ทัพผู้ทรยศต่อบ้านเมืองขาดน้ำไร้เสบียงคนหนึ่ง กลับยังกล้าไม่เห็นหัวพวกเขาให้เกียรติมันเกินไปแล้ว! จ้านเฉิงอิ้นเอ่ยขึ้นว่า “เขาอยากได้ด่านเจิ้นกวน พวกเราก็ย่อมหมายจะได้กองกำลังของเขาเช่นกัน!” “คอยดูเถิด อีกหน่อย สวีหวยจะล้มเอง” สิ้นคำพูดของเขา ทันใดนั้น จากมุมอับหนึ่งของกระโจมข้าง ๆ ปืนล่าสัตว์ก็ยื่นออกมา มือปืนเหนี่ยวไก ยิงกระสุนตรงเข้าหัวใจของสวีหวย ปัง~ ระยะที่ใกล้เกินไป ทำให้สวีหวยและหลี่หู่รู้สึกตัว แต่ก็สายเกินกว่าจะหลบหลีกได้ ทั้งสองรู้จักเพียงคันธนู แต่ไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าปืน สวีหวยที่ถูกยิงก็ล้มลงทันที...หลี่หู่รีบตะโกนอย่างร้อนรน “มีนักฆ่า ทหาร”“เร็ว มาช่วยแม่ทัพ...”พลทหารในกระโจมใกล้เคียง เมื่อได้ยินเสียงผิดปกติ ก็คว้าดาบพุ่งเข้ามายังที่ซ่อนของเฉินขุยและพรรคพวกทันที... ฟิ้ว~ ดาบที่เพิ่งถูกยกขึ้น ก็ถูกหน้าไม้ราชวงศ์ฉินบนกำแพงเมืองตะวันตกยิงเข้าอย่างแม่นยำ ร่างนั้นล้มลงในทันที เสียงจากลำโพงบนกำแพงเมืองดังกึกก้อง ในค่ำคืนอันเงียบสงัด เสียงนั้นยิ่งชัดเจน! “หากคิดจะเข้าด่านเจิ้นกวน อย่าได้ประมาทหรือ
จ้านเฉิงอิ้นเดินออกจากกระโจม ร่วมดื่มเหล้าและกินเนื้อกับเหล่าทหาร ในช่วงเที่ยง พ่อครัวยุ่งวุ่นวายกับการจัดเตรียมอาหารสำหรับชาวเมือง มีทั้งปลานึ่ง เป็ดแย่ง ไก่ตุ๋น...กลิ่นหอมอบอวลของอาหารเหล่านี้แผ่กระจายไปทั่วทั้งค่ายทหาร ชาวบ้านที่เคยกินเพียงข้าวต้มขาวทุกวัน บางครั้งถึงกับต้องเอาข้าวสารไปแลกเนื้อม้ากับโรงครัวเพื่อประทังชีวิต แต่งานเลี้ยงฉลองชัยในวันนี้ กลับมีปลานึ่งที่ชาวบ้านจำนวนมากไม่เคยเห็นมาก่อน ในพื้นที่ตอนเหนือ แม้ก่อนจะเกิดภัยแล้ง ฝนก็ตกน้อยมาก ปลาจึงกลายเป็นของหายาก! จะพบได้เฉพาะในแม่น้ำชานเมืองใกล้เมืองหลวง ซึ่งแม่น้ำถูกชนชั้นสูงเหมาไว้เลี้ยงปลาปลาจึงเป็นอาหารที่ราคาแพงอย่างยิ่งในเมืองหลวง วันนี้ ชาวเมืองทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กต่างได้ลิ้มรสเนื้อปลาเป็นครั้งแรก รอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏบนใบหน้าของทุกคน พวกเขากินกันอย่างเอร็ดอร่อย นอกจากนี้ ยังมีไก่ตุ๋น เป็ดย่าง... และอาหารอร่อยอื่น ๆ อีกมากมาย ชาวบ้านที่ตรากตรำทำงานหนักตลอดชีวิต ไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน สุราขาวและเบียร์มากกว่าพันลังถูกนำออกมา เหล่าทหารดื่มกินกันอย่างเต็
*หลังจากซ่อมกระโจมของจ้านเฉิงอิ้นเสร็จ เถียนฉินเดินเข้ามารายงาน“แม่ทัพ สวีหวยกับกองกำลังคนและม้าหนึ่งแสนคน ตั้งค่ายพักที่ประตูทิศตะวันออก ไม่ยอมจากไปขอรับ”“สมาชิกในครอบครัวของพวกทหารล่ะ?”เถียนฉินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เมื่อคืน เพื่อล่อให้ท่านออกจากเมือง สมาชิกในครอบครัวหนึ่งหมื่นกว่าคนของทหาร ถูกฆ่าตายหกพันคน เหลือเพียงผู้หญิงและเด็กที่บาดเจ็บจำนวนหนึ่งเท่านั้น!”“พวกนางอยากเข้าด่านเจิ้นกวน แต่สวีหวยไม่ยอมปล่อยคน”“วันนี้ แม่ทัพเฉินขุยเฉินอู่เกณฑ์ทหาร มีคนสนใจจำนวนมากขอรับ แต่กลับถูกสวีหวยฆ่าตายถึงสามคนที่ตรงนั้น คนที่เหลือเลยไม่มีใครกล้าขยับตัวอีก!”ในเวลาเดียวกัน เฉินขุยเปิดม่านกระโจมเดินเข้ามาหลังจากเขานั่งลง เขาดื่มน้ำคำใหญ่ก่อน จากนั้นเริ่มระบายความโกรธด่าทอสวีหวย“ในมือเขาไม่มีเสบียงอาหารแต่ก็ไม่ยอมให้นายทหารใต้บัญชาเข้าเมือง!”“และยังเชือดไก่ให้ลิงดู!”“คนที่ติดตามเขา นับว่าโชคร้ายแปดชั่วอายุคน”“วางใจเถอะ สามีของหลานสาวข้าเฉิงจื่อเซียว กล่วว่าคืนนี้จะนำคนกลุ่มหนึ่งเข้าเมือง เขาทนการฆ่าผู้บริสุทธิ์ของสวีหวยไม่ไหวแล้วเช่นกัน”สวีหวยทำเช่นนี้ เขากำลังเดิมพันเดิมพั
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเธอซื้อของใช้ประจำวันมากหน่อยและส่งไปด่านเจิ้นกวนหลังจากพูดคุยกับจ้านเฉิงอิ้นเสร็จเธอชำระล้างง่าย ๆ แล้วลงไปข้างล่างเธอกินอาหารเช้าพร้อมใช้มือถือสั่งของผู้หญิงล้วนชอบซื้อของทุกคนเธอซื้อของอย่างมีความสุขมากเธอเข้าไปร้านค้าออนไลน์ของศูนย์การค้าท้องถิ่น สั่งซื้อน้ำหอม ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางค์ ลิปสติก ปากกาเขียนคิ้ว อายแชโดว์ รองพื้น โฟมล้างหน้าก่อน…ให้พี่ขนส่งหรือพี่รับจัดการเรื่องแทนส่งมาให้จากนั้นเธอซื้อของใช้มีประโยชน์เช่น ผ้าเช็ดทำความสะอาด ทรายขัดผิว สบู่กำมะถัน รองเท้าแตะ ถุงเท้า ถุงมือแรงงานและยากำจัดเหาต่อ…หนึ่งร้อยลังเป็นอย่างต่ำ เธอพูดคุยกับร้านค้า ให้เจ้าของร้านส่งของถึงหน้าประตู!หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าของร้านข้าวมาพร้อมกับแอลกอฮอล์หนึ่งคันรถพี่ซุนเรียกยามมาช่วยขนถ่ายสินค้าเมื่อมีคนมาก การขนถ่ายจึงรวดเร็ว ของที่สั่งล้วนวางไว้ข้างในโกดังจอดรถของคฤหาสน์ หลังจากคนเดินออกไปแล้ว เย่มู่มู่ดึงประตูม้วนโกดังลงมาและทำการส่งแอลกอฮอล์เครื่องดื่มไปให้จากนั้นคนขับหวงขับรถมาส่งเนื้อสัตว์ไม่มีใครช่วยคนขับหวงขนถ่าย เธอจึงให้คนข
*จ้านเฉิงอิ้นนั่งลง หยิบกระดาษจับพู่กันแล้วตอบจดหมายเย่มู่มู่“ท่านเทพ ตื่นแล้วหรือ?”เย่มู่มู่มองเวลาเก้าโมงเช้า ยังดี ถือว่าตื่นเช้า!“ด่านเจิ้นกวนเริ่มงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จแล้วหรือ?”“ใช่ กำลังกินขอรับ”“ในค่ายทหารทำของอร่อยอะไรบ้าง?”“เมื่อคืนนำเนื้อม้ากลับมาได้จำนวนมาก จึงทำเนื้อม้าเป็นกะมะลังใหญ่ ยังมีพืชผักที่ส่งมาเมื่อครั้งก่อน มีข้าวสารนึ่งสุก พลเมืองทั่วทั้งเมืองมาร่วมกินด้วยกันทุกคน ทุกคนดีใจมาก...”กระบี่คมกริบที่แขวนไว้ในด่านเจิ้นกวนหายไปแล้วเย่มู่มู่จินตนาการได้ว่าทุกคนดีใจเพียงใดหนึ่งปี!หนึ่งปีเต็ม ๆ กองทัพตระกูลจ้านต้องสูญเสียคนถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นคนชาวเมืองด่านเจิ้นกวนสองแสนคนล้มตายเสียชีวิตจากนี้ไป ทุกคนสามารถดำรงชีวิตต่อไปและเดินทางเข้าออกเมืองได้อย่างอิสระ จะไม่มีกองทัพศัตรูปิดล้อมพวกเขาอีกแล้ว!“ทำดีมาก! นักเรียนจ้านเฉิงอิ้น เมื่อคืนเจ้าทำตัวกล้าหาญองอาจเป็นอย่างมาก!”“ท่านเทพยกยอเกินไป เป็นเพราะท่านเทพส่งเสื้อเกราะกันกระสุนกับปืนล่าสัตว์มาได้ทันเวลา ทำให้หน่วยดาบม่อเตาที่เป็นแนวหน้า ฆ่าฟันศัตรูได้ตามใจชอบราวกับเข้าไปในดินแดนไร้คน…”“อืม ในเม
จ้านเฉิงอิ้นกล่าวหยุดเฉินขุย“เจ้าออกไปทางลับ ถ้ามีคนยอมติดตามกองทัพตระกูลจ้าน นำตัวกลับเข้ากองทัพ!”“ขอรับ แม่ทัพ!”“สำหรับสวีหวย ข้าไม่ลงมือฆ่าเขาด้วยตนเอง ถือว่าให้ความเมตตาที่สุดแล้ว!”“พระราชโองการนั่นที่เขากล่าวถึง ข้าออกรบชนะศึก ฮ่องเต้จะยกให้คนอื่นมารับช่วงด่านเจิ้นกวนต่อได้อย่างไร ต้องเป็นของปลอมแน่!”เฉินขุยเฉินอู่พยักหน้าซ้ำ ๆ เห็นด้วย“ใช่ เป็นของปลอม สวีหวยประกาศพระราชโองการปลอม ความผิดของเขาต้องฆ่าทิ้งทันที!”“เพื่อเพิ่มความปรีดาให้แก่ท่าน ข้าน้อยจะไปกวาดล้างคนเลวข้างกายฮ่องเต้ ตัดหัวสวีหวยผู้ประกาศพระราชโองการปลอมเดี๋ยวนี้!”สองพี่น้องนำคนและม้าออกจากเมืองไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรจ้านเฉิงอิ้นจึงนั่งลงอีกครั้ง เห็นมั่วฝานทอดมองแผ่นหลังที่กำลังจากไปของสองพี่น้องพร้อมกับขมวดคิ้วเขาจึงถามมั่วฝาน “เป็นอะไรไป?”“ตอนนี้ยังฆ่าสวีหวยไม่ได้!”“เพราะเหตุใด?”มั่วฝานนำสารลับที่ได้รับวันนี้จากไทเฮา ยื่นให้จ้านเฉิงอิ้นจ้านเฉิงอิ้นเปิดสารลับอ่าน คิ้วยาวดุจดาบพลางขมวดเล็กน้อยมั่วฝานกล่าวต่อ “บุตรสาวของสวีหวยได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมากในพระราชวังถูกแต่งตั้งให้เป็นกุ้
อำนาจทางการทหารของกองทัพตระกูลจ้านจะถูกส่งต่อให้กับคนอื่นกองทัพตระกูลจ้านไม่เป็นที่พอใจในสายตาของฮ่องเต้ตั้งแต่ต้นวันนี้พวกเขามีเสบียงมีน้ำ มีอุปกรณ์ติดตัวที่ยอดเยี่ยม…สมาชิกราชวงศ์ต้าฉี่ประพฤติตนไร้สาระ เสนาบดีซูขูดรีดพลเมืองสภาพการณ์ของชาวเมือง ไม่ต่างจากด่านเจิ้นกวนในเวลานั้นภายในแคว้นต้าฉี่มีอิทธิพลหลายกลุ่มเริ่มผนึกตัว เพียงแต่ถูกกำลังทหารสองแสนคนขวางไว้ถ้าชาวเมืองมีชีวิตต่อไปได้ ใครจะรวมพลก่อกบฏอีกเล่าทุกคนล้วนอยู่ภายใต้หนทางตัน สุดท้ายจึงจำใจเลือกเส้นทางนี้จ้านเฉิงอิ้นทำลายกองทัพพันธมิตรของแคว้นฉู่กับแคว้นฉีอย่างแสนสาหัส ทำให้กองทัพเผ่าหมานต้องถอยทัพด้วยความปราชัย ชื่อเสียงของเขาในหมู่พลเมือง อยู่เหนือกว่าสมาชิกราชวงศ์ไปมากฮ่องเต้ไม่อาจยอมรับเขาได้ถอดชุดเกราะเป็นเพียงก้าวแรก ยึดอำนาจทางการทหารของแม่ทัพแล้วยังไม่สบายใจต้องประหารชีวิตแม่ทัพอย่างแน่นอน!พวกเขามีมิตรภาพที่ผ่านความตายมาด้วยกันทั้งนั้น เผชิญความอดอยากด้วยกันในด่านเจิ้นกวน ฆ่าศัตรูในสนามรบไปด้วยกันยิ่งไปกว่านั้น แม่ทัพสามารถติดต่อกับท่านเทพเช่นนั้นแม่ทัพจะกลับเข้าเมืองหลวงไม่ได้ในเวลานี้ ทุ
ลำโพงประกาศเสียงบนกำแพงเมืองราวกับเสียงประหลาดที่ดังก้องหู มันเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทหารใต้บังคับบัญชาของสวีหวยล้วนรู้สึกสนใจ!ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ สำหรับข่าวคราวที่ว่าด่านเจิ้นกวนมีน้ำมีเสบียงอาหาร บางทียังยึดมั่นในความสงสัยวันนี้เมื่อเห็นบนกำแพงมีทหารชั้นผู้น้อยเฝ้าประตูเมือง กินข้าวโดยใช้กะละมังและดื่มน้ำอย่างตามใจโดยไม่รู้สึกสิ้นเปลือง!ชีวิตดี ๆ ที่พวกเขามี เทียบได้กับช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยไม่ ดีกว่าช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยเสียอีกชีวิตของทหารในด่านเจิ้นกวน เทียบเท่ากับตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างนับไม่ถ้วนล้วนเกิดแรงปรารถนาพวกเขาอยากเข้าไปในเมือง อยากเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้าน อยากมีข้าวสวยกินทุกวัน อยากมีน้ำที่ดื่มไม่หมดทุกคน!สวีหวยโมโหและดุด่า “ไปเรียกจ้านเฉิงอิ้นออกมา ข้ามารับช่วงด่านเจิ้นกวนพร้อมด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้!”ครั้งนี้ คนที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองไม่กี่คน มองสวีหวยคราหนึ่งโดยไม่แสดงอารมณ์ใดในสายตานั้น ไร้ซึ่งความเคารพและความกลัวของทหารที่พึงมีต่อแม่ทัพอย่างสิ้นเชิงใช้แววตาเรียบนิ่งมองสวีหวย กระทั่งแฝงความรังเกียจ
นายทหารหนึ่งในนั้นกลับยกกาน้ำแล้วเริ่มดื่มน้ำเนื่องจากดื่มเร็วและรีบเกินไป น้ำจึงไหลตามมุมปากลงมาที่ลำคอและทำให้คอเสื้อเปียกเขาไม่ประหยัดน้ำแม้แต่น้อย!จวบจนวินาทีนี้ ทุกคนจึงมั่นใจว่าในเมืองด่านเจิ้นกวนมีน้ำ มีเสบียง…นายทหารข้างล่างกำแพงเมือง เผยดวงตาอันแดงก่ำพวกเขาแทบอดไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปบนกำแพงแล้วแย่งน้ำมาดื่มเองแย่งข้าวสารของพวกเขาแล้วกินเข้าไปเอง!พวกเขาอยากดื่มน้ำ อยากกินเนื้อมากจริง ๆที่ทำเกินไปยิ่งกว่านั้น โต๊ะที่ห่างจากกำแพงเมืองโต๊ะนั้น มีทหารหนึ่งคนถือกะละมังเคลือบเซรามิกไว้อันหนึ่ง ข้างในมีข้าวหุงสุกข้าวหุงสุกเป็นเม็ด ๆ ชัดเจน พวกเขาใช้กะละมังเคลือบเซรามิกที่ใหญ่กว่าหม้อมาใส่ข้าว และราดเต็มไปด้วยเนื้อกับผักเขานั่งยองบนกำแพงเมือง ใช้ตะเกียบหนึ่งคู่ปัดเข้าปากอย่างเต็มกำลังเขากินอย่างรวดเร็วและรีบเร่ง…จนนายทหารข้างล่างที่ทอดมองมา พากันกลืนน้ำลายไม่หยุดถ้าสามารถบินได้ พวกเขาจะบินขึ้นบนกำแพงเมืองและแย่งข้าวหุงสุกกะละมังนั้นมาจากเขาให้จงได้ทหารชั้นผู้น้อยที่เฝ้าเมืองคนนี้ เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก อันเนื่องจากจ้านเฉิงอิ้นเดินทางไปกลับเมื่อคืนเขาเหนื่อ