ตอนนี้ ก็ดูแค่ว่าใครจะทนไม่ไหวก่อนกัน!จวงเหลียงก็เห็นด้วยกับคำพูดของจ้านเฉิงอิ้น“ครั้งก่อนที่มาตีกำแพงเมือง ทั้งสองแคว้นล้วนพ่ายแพ้อย่างอนาถ ดังนั้น พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวอย่างหุนหันเป็นแน่”“นอกเสียจากจะมีความมั่นใจเต็มสิบส่วน มิเช่นนั้นไม่มีทางมาตีเมืองแน่!”“ตอนนี้ พวกเราได้แต่ภาวนา ให้ท่านเทพรีบส่งอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์มาเร็วไว หากเป็นเช่นนั้น อาจพอมีกำลังให้สู้ได้อีกครั้ง”ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ มีเพียงใช้ระเบิด จึงจะสามารถทำให้ถอยทัพได้ดังนั้น แม้จะส่งหน้าไม้มาก็อาจไร้ประโยชน์ เพราะเหล่าทหารติดโรคระบาด ไม่อาจง้างสายธนูได้ทุกคนล้วนกลัดกลุ้มใจ ต่างคิดหาทุกวิธีเพื่อถ่วงเวลาทำศึก!ในเวลานี้ มีทหารชั้นผู้น้อยมารายงานอีกครั้ง“รายงานท่านแม่ทัพ กองทัพเผ่าหมานปรากฏตัวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ขอรับ!”ทัพเผ่าหมานเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?พวกเขาคิดว่า เผ่าหมานล้มเลิกความคิดเกี่ยวกับด้านเจิ้นกวนไปแล้ว เพราะฝ่ายนั้นสูญเสียทหารไปกว่าแสนนายและผู้นำทัพก็มิได้อยู่ประจำการมานานแล้ว…คิดไม่ถึงว่า พวกมันยังกล้าบุกมาอีก!จ้านเฉิงอิ้นรีบเดินไปที่กำแพงเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อย่างรวดเร็ว
ดินแดนของแคว้นฉี่ จะถูกพวกเขาตัดแบ่งแว่นแคว้นที่คงอยู่ในประวัติศาสตร์มาหลายสิบปี จะไม่มีแม้แต่คุณสมบัติ ที่จะถูกบันทึกไว้ในพงศาวดารได้แต่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์อย่างไม่เป็นทางการเท่านั้นเมื่อคิดถูกจุดนี้ น้ำตาของเฉินอู่ก็ไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุม“ข้าทำใจไม่ได้จริง! ทั้งที่พวกเรารบชนะตั้งหลายรอบขนาดนั้น แถมพวกเรายังเคยรบชนะแคว้นฉู่แคว้นฉี ทั้งสองแคว้นอีก… ”“ตอนนี้ทั้งเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และรถไถนาก็มีหมดแล้ว” “รอหว่านเมล็ดพันธุ์ลงไป ผ่านไปไม่กี่เดือนก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว กำลังจะมีชีวิตที่ดีแล้วแท้ ๆ!”จ้านเฉิงอิ้นตบไหล่ของเขา “ใครบอกว่า พวกเราจะแพ้กันล่ะ?”“ยังไม่ถึงวินาทีสุดท้าย ผู้ใดจะชนะ ผู้ใดจะพ่าย ก็ยังไม่แน่”ทุกคนพากันเงยหน้า มองไปทางแม่ทัพด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังพวกเขาสามารถชนะได้หรือ?มีความหวังที่จะรอดชีวิตต่อไปหรือ?ท่านเทพจะช่วยพวกเขาอีกครั้ง?ในขณะที่จ้านเฉิงอิ้นคิดจะอธิบาย…ลูกน้องของเหอหงก็เข้ารายงาน“รายงานท่านแม่ทัพ ผู้ติดเชื้อห้าพันคนภายในเมือง ได้ถูกแยกกักตัวแล้วขอรับ!”เหอหงถามเขาว่า “จำนวนผู้เสียชีวิตล่ะ?”“ตอนนี้ยังไม่มีขอรับ แต่ในผ
เมื่อเหล่าทหารได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวดังออกมาจากห้องโถงหารือ ก็รู้ในทันทีว่า!ท่านเทพได้ส่งสิ่งของมาให้อีกแล้ว!เป็นอาวุธมาถึงแล้วหรือ?หรือเป็นยาที่สามารถรักษาโรคระบาดได้?เหล่าบุรุษชาติอาชาไนย ต่างพากันแอบปาดน้ำตาที่หางตาจนแห้ง จากนั้นก็พุ่งไปที่ห้องโถงหารือทุกคนเห็นว่า ในโถงหารือเต็มไปด้วยกล่องกระดาษหลายร้อยใบมีทั้งยาแผนจีน แผนตะวันตก หน้ากากอนามัย ชุดป้องกันเชื้อ และน้ำยาฆ่าเชื้อ…เป็นยาจริงๆ!เมื่อยาชุดนี้มาถึง ก็แปลว่าโรคระบาดมีทางรักษาแล้วใช่หรือไม่?ทุกคนต่างร้องไห้ด้วยความดีใจ!ในสถานการณ์ที่สามทัพบุกประชิดกำแพงเมือง และภายในเมืองก็เกิดโรคระบาดแพร่กระจายไปทั่วท่านเทพมิได้ทอดทิ้งพวกเขา!ยาชุดนี้ มาได้ทันเวลายิ่งนัก!หากช้ากว่านี้ไปไม่อีกกี่ชั่วยาม คนกว่าครึ่งเมืองคงติดโรค และเกิดการล้มตายเป็นร้อยเป็นพันเมื่อถึงเวลานั้น ด่านเจิ้นกวน ก็จะเปลี่ยนจากเมืองที่เต็มไปด้วยความหวังไปเป็นอเวจีในแดนมนุษย์แล้วหลายคนพากันหันไปทางท้องฟ้า คุกเข่าลงโขกศีรษะจากส่วนลึกของจิตใจให้ท่านเทพ“ขอบพระคุณท่านเทพ ที่ช่วยประชาชนในด่านเจิ้นกวนอีกครั้ง”“เหล่าทหาร ขอกราบขอบพระคุณท่า
เด็กรับใช้แพทย์รีบเก็บไปทันทีมือของซ่งอวิ๋นฮุยลูบหน้าผากของเด็กรับใช้แพทย์ เขาก็กำลังเป็นไข้เช่นกัน ทว่าเด็กตัวน้อยกลับมิได้ร่ำร้องแสดงความเจ็บปวดออกมาเขาหยิบน้ำจากโต๊ะขวดหนึ่งยัดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาด้วยความสงสาร“เจ้าเองก็จงกินลงไปครึ่งเม็ดเถิด ดื่มร่วมกับน้ำ เด็กดี รีบไปเร็วเข้า!”เด็กรับใช้แพทย์รับคำอย่างเชื่อฟัง “ขอรับ ท่านอาจารย์”หลังเด็กรับใช้แพทย์จากไปแล้ว ซ่งอวิ๋นฮุยก็มิได้อยู่เฉยเขาจัดลังยาร่วมกับทหารอีกหลายนายในตอนที่ซ่งอวิ๋นฮุยเห็นชุดป้องกัน หน้ากากอนามัย และถุงมือ…น้ำยาฆ่าเชื้อเป็นถัง ๆ และถังพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อขนาดใหญ่เขาก็ดีใจราวกับคลุ้มคลั่ง รีบพูดกับจ้านเฉิงอิ้นว่า “ท่านเทพกล่าวถูกแล้ว ต่อให้ไม่มีโกฐจุฬา ก็ต้องฆ่าเชื้อทั่วทั้งเมืองสักรอบ”ในด่านเจิ้นกวนมีคนติดเชื้อกว่าห้าพันคน คนอื่น ๆ จึงมีโอกาสที่จะติดโรคเช่นเดียวกันแต่หากทำการฆ่าเชื้อให้สะอาด โอกาสเสี่ยงที่จะติดโรคก็จะลดลงมากจ้านเฉิงอิ้นมอบเรื่องนี้ให้เหอหงจัดการภายใต้การบังคับบัญชาของเขามีคนกว่าสองพันคน รับผิดชอบเรื่องโรคระบาดโดยเฉพาะม้าในคอกม้า และรถสามล้ออีกสิบคัน ล้วนมอบสิทธิ์ให้เขาใช้ได
ทั้งสองฝ่ายต่างตั้งกระบวนทัพอย่างพรักพร้อมสำหรับโจมตี ทว่า ต่างฝ่ายต่างรักษาท่าทีไม่มีความคืบหน้า เมื่อเวลาผ่านไป เหล่าทหารที่ทำหน้าที่รักษากำแพงเมือง ค่อย ๆ มีสีหน้าแดงก่ำและไอออกมา บางคนก็เริ่มมีไข้สูง จากเดิมที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองอย่างมั่นคง สุดท้ายไม่ทันระวัง ก็ร่วงตกลงมาจากกำแพงเมือง ตกลงมาตายต่อหน้าทุกคน ภายใต้การเผชิญหน้าของสองทัพ เมื่อเฉินขุยเห็นเช่นนั้น ก็บันดาลโทสะขึ้นมา“ไม่รู้จักยืนถอยไปหน่อยหรือไง? เฝ้ากำแพงเมืองมานานเพียงนี้แล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นคนตกลงมาตาย”ทหารหลายนาย ตกใจจนรีบวางหอกในมือลง คุกเข่าลงให้เขา“ท่านแม่ทัพ ข้าเป็นไข้สูงแล้วขอรับ รู้สึกทรมานยิ่งนัก ยิ่งเมื่อถูกแสงอาทิตย์ร้อนแรงแผดเผา ยิ่งรู้สึกว่าใกล้จะทนไม่ไหวแล้วขอรับ”“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อย ข้าน้อยรู้สึกว่าหายใจลำบาก ปวดหัวจนจะเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วขอรับ…”เฉินขุยยังคิดจะบันดาลโทสะต่อไปอีกทว่า เฉินอู่กลับส่ายหน้าให้เขาเฉินอู่กล่าวว่า “ผู้ที่เป็นไข้ ให้ถอยลงไป ไปรับยาที่รองแม่ทัพเหอหง แล้วแยกไปกักตัวซะ”“ส่วนผู้ที่ไม่ได้เป็นไข้ จงรีบเข้าประจำการแทนเสีย!”นายทหารที่มีอาการตัวร้อน
โดยเฉพาะบุตรชายทั้งสองคนของเขา สีหน้ายินดียากจะอธิบายออกมา ราวด่านเจิ้นกวนเป็นสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าของพวกเขา ที่สามารถได้มาครอบครองโดยไม่ต้องลงแรงกระนั้นฉีซวนเหิงเย้ยหยันว่า “ช่างเป็นคนชั่วลำพองจริง ๆ ข้าสงสัยเหลือเกินว่า ที่หลิงเซี่ยวเฟิงชนะศึกติดต่อกันมาสามสิบกว่าครั้ง คิดใช่ได้มาเพราะวิธีการแพร่โรคระบาดทั้งหมดหรอกนะ!”เยว่หงก็รู้สึกดูแคลนเช่นกันแม้วิธีการของทัพต้าฉี่จะสกปรกจริง ๆ เริ่มจากขโมยม้าก่อน จากนั้นก็เป็นการวางเพลิงทว่า คนเขาเคลื่อนไหวในยามวิกาลอย่างตรงไปตรงมา มิได้ใช้เล่ห์อุบายเช่นการวางยาพิษเป็นพวกเขาที่ป้องกันไว้ไม่ได้เองแคว้นฉีถูกขโมยม้าไปสามพันตัว ส่วนแคว้นฉู่ถูกขโมยไปห้าพันตัวแคว้นฉีถูกเผากระโจมไปร้อยกว่าหลัง แคว้นฉู่ถูกเผาไปสามร้อยกระโจม เผาตายไปสองพันกว่าคนเป็นเพราะแคว้นฉีค้นพบได้เร็ว และก็มิได้ไล่ตามคนวางเพลิงไปอย่างหน้ามืดตามัว จึงแทบไม่มีผู้เสียชีวิตทัพฉู่ดูเหมือนจะมีวินัยทหารเข้มงวด เปี่ยมประสบการณ์ชาญศึก ชนะการรบมากครั้งทว่าเยว่หงคิดว่า ผลงานการรบที่ชนะติดต่อกันเพราะอาศัยการวางยาพิษนั้น ช่างปลอมยิ่งนักฉีซวนเหิงพูดขี้นอีกว่า “ข้าได้ยินมาอีก
ฉีซวนเหิงเก็บท่าทางล้อเล่นไม่จริงจัง กำชับเยว่หงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า“หากถูกกองทัพฉู่ได้ตัวไปก่อน ก็จงฆ่าปิดปากจ้านเฉิงอิ้นเสีย” “หรือหากกองทัพฉู่ถามถึงเรื่องเทพเจ้า หรือของวิเศษใดขึ้นมา ก็จงสังหารเขาเสีย ณ เพลานั้นเลย!”ดวงตาของเขาเยียบเย็นแข็งกร้าว ผสานจิตสังหารอยู่ภายใน ขณะมองดูหลิงเซี่ยวเฟิงที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำกองทัพแห่งแคว้นฉู่ และบุตรชายผู้โง่เขลาทั้งสองของเขาหากแคว้นฉีไม่อาจได้ของวิเศษมา ก็ย่อมไม่อาจให้แคว้นฉู่ได้ไป!เขายอมที่จะทำลายมันทิ้ง แต่จะไม่ยอมให้แคว้นฉู่ได้พัฒนากำลัง!เยว่หงคุกเข่าลงครึ่งหนึ่งแล้วก้มศีรษะลง มือซ้ายวางทาบอยู่บนหน้าอกด้านขวา นางค้อมศีรษะลงด้วยความเคารพอย่างจริงใจ“หม่อมฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพคะ”“อื้ม จ้านเฉิงอิ้นติดโรคระบาด จากนี้ไม่กี่ชั่วยามจะไข้ขึ้นสูงจนตาย ก่อนเขาตาย สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องหาตัวเทพเจ้าออกมาให้ได้”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”เมื่อเยว่หงถอยออกมา ก็เรียกผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจได้ไปดำเนินการแล้วเรียกตัวหน่วยลอบสังหารมาห้าสิบคนพวกเขาไม่จำเป็นต้องตีเมือง เพียงต้องจับตามองหลิงเซี่ยวเฟิง หลิงอวิ๋นเจ๋อ และหลิงซื่อเฉินไว้ให
พบว่าอุณหภูมิกลับต่ำกว่ามือของเขาเสียอีก ศิษย์น้อยหายไข้แล้วจริง ๆ!“ศิษย์ข้า เจ้ากินยาแล้วหรือ?”เด็กรับใช้แพทย์ตัวน้อยหยิบไอบูโพรเฟนครึ่งเม็ดออกมา โบกไปมาที่เบื้องหน้าของซ่งอวิ๋นฮุย“ท่านอาจารย์ หลังจากที่ข้ากินยาเม็ดนี้ลงไป แล้วงีบหลับไปในห้องของบรรดาน้องชายและน้องสาวครู่หนึ่ง พอตื่นมาก็ไม่ปวดหัวแล้วขอรับ”“ใช่แล้วขอรับ พวกเขาก็กินยาชนิดเดียวกับข้า เวลานี้ พวกเขาสามารถดื่มน้ำและกินโจ๊กใสได้เล็กน้อยแล้ว เมื่อครู่ท่านหมอหลินก็ไปดูแล้วขอรับ!"ศิษย์น้อยบรรยายอย่างออกรส แสดงสีหน้าท่าทางนั้นถูกแสดงออกมาอย่างเกินจริง“ท่านหมอหลินถึงกับคุกเข่าลงกับพื้นเลยขอรับ ตะโกนว่าสวรรค์ทรงเมตตา ในที่สุดโรคระบาดในด่านเจิ้นกวนของพวกเราก็มีทางช่วยแล้วขอรับ!"ขาของเฉินขุยที่ก้าวออกไป ถูกชักกลับมาในทันที เขาหันมาถามเด็กรับใช้แพทย์ตัวน้อยว่า“ยานี้ ได้ผลขนาดนี้เชียวหรือ?”เด็กรับใช้แพทย์พยักหน้าหงึกหงึก “เป็นเรื่องจริงขอรับ ท่านแม่ทัพ”เฉินขุยพึมพำกับตนเอง “มีทางรอดแล้ว ด่านเจิ้นกวนมีทางรอดแล้ว!”“ล้วนเป็นเพราะท่านเทพ…มิเช่นนั้น ภายนอกมีทัพใหญ่ประชิดเข้ามา ภายในก็มีโรคระบาดแพร่ไปทั่ว ด่านเจิ้นกว
ฝักดาบประดับด้วยอัญมณีล้ำค่า เมื่อดึงฝักดาบออก แสงสีเงินอันเย็นยะเยือกสะท้อนอยู่บนตัวดาบที่ตกแต่งด้วยไหมสีเงิน…ผู้อาวุโสจางอดรนทนไม่ไหว เมื่อหยิบเล่มนี้ดาบขึ้นมาก็มองเห็นด้านบนเขียนเพียงว่า ‘ดาบจงกั๋วกง ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่ทรงพระราชทาน’ “ดาบเล่มนี้ฮ่องเต้แคว้นฉู่เป็นผู้ทรงพระราชทาน ฮ่องเต้แคว้นฉู่ทรงพระราชทาน!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ได้ เรื่องของคุณผมจะจัดการให้เอง เตรียมเงินเอาไว้ห้าพันล้าน อย่างมากที่สุดครึ่งเดือนผมจะทำให้คุณได้กำไรเป็นเท่าตัว!”เย่มู่มู่ดีใจกับเรื่องที่คาดไม่ถึงนี้ “ขอบคุณมากค่ะผู้อาวุโสจาง!”ผู้อาวุโสสวี่มองดูดาบด้วยใจที่คันคะเยอ เขาก็อยากได้เหมือนกันนี่นาของที่ดีขนาดนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยจะมีของล้ำค่าอยู่ก้นหีบ ทั้งยังเอาเสื้อคลุมสองตัวมาปิดเอาไว้อีกหลอกลวงกันนี่นาผู้อาวุโสจางหัวเราะพลางกล่าวว่า “เบื้องหลังของเหล่าสวี่แข็งแกร่งกว่าพวกเรามาก แม้ว่าผมจะมั่งคั่งร่ำรวย ก็เป็นเพียงนักธุรกิจที่ไร้อำนาจเท่านั้น ไม่เหมือนกันกับเขา”“ก่อนที่จะเกษียณ ตอนที่เขาอยู่ที่กองทัพก็เป็นแบบนี้ ลูก ๆ ของเขาทำได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในแวดวงธุรกิจ การเมืองแล้วก็การทหาร ทั้งยังเชื่
ผู้อาวุโสสวี่กับผู้อาวุโสจางรู้ดีว่าทำไมเย่มู่มู่ถึงได้ต้องการขายของเก่าดูเหมือนว่าเธอจะขาดเงินอย่างหนัก ต้องการเงินเป็นจำนวนมากว่ากันตามเหตุผลแล้ว ของโบราณที่เธอขายในช่วงสามเดือนมานี้ มีมูลค่าห้าหมื่นล้านบาทเข้าไปแล้วสาวน้อยเพียงคนเดียว ถึงจะใช้เงินเก่งแค่ไหน แต่จะใช้เงินหลายหมื่นล้านหมดภายในสามเดือนเชียวเหรอ?แต่ว่าเธอดันใช้จ่ายไปแล้ว!และก็ใช้ไปจนหมดแล้วด้วย!นี่ก็เอาของโบราณมาขายอีกหนึ่งกล่องแล้วเธอทำอะไรกันแน่?ถึงได้ใช้เงินเก่งขนาดนี้!ต่อให้ลงทุนในบริษัทไลฟ์ช่วยเหลือเกษตรกร บริษัทก็มีกำไร และกำไรก็ไม่ได้ต่ำด้วย สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองหลวง พวกต่างก็ลงทุนไปแล้ว เงินพวกนี้เพียงพอที่จะครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายในการเช่าอาคารเธอยังลงทุนในตลาดสินค้าเกษตรของหมู่บ้านและเมืองต่าง ๆ อีกด้วย ไม่กี่ล้านบาทนั่นก็เพียงพอแล้วต่อให้ลงทุนกับหน่วยขนส่ง หน่วยขนส่งใหม่ทั้งหมดบวกกับเงินเดือนและค่าน้ำมัน ห้าสิบกว่าล้านก็นับว่าสูงแล้วเธอทำอะไรกันแน่ชายชราทั้งสามคนต่างก็สงสัยเป็นอย่างมาก!ตอนนี้ เธอเอาของโบราณมาหนึ่งกล่อง บวกกับของขวัญที่ส่งมาเมื่อวานก็ถือว่าได้แสดงความความจริงใจ
และหลูซีจะถูกพวกเขาตราหน้าว่ามีภูมิหลังของครอบครัวในระดับที่ต่ำที่สุดแน่นอนว่าหลูซีไม่ถึงขั้นที่จะเกิดเรื่อง ด้วยฝีมือของเขา เย่มู่มู่เป็นห่วงว่าฝ่ายตรงข้ามจะเกิดเรื่องเสียมากกว่าดังนั้น จึงพยายามที่จะมารับไปส่งเขาเท่าที่จะทำได้และบอกกับนักเรียนคนอื่น ๆ ว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่มี แต่เขาแค่ไม่ยินยอมเท่านั้น!สาวน้อยน่ารักคนนั้นร่ำลาเย่มู่มู่ “พี่สาวลาก่อนค่ะ?”เย่มู่มู่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ลาก่อน!”หลังจากที่หลูซีเข้าประตูโรงเรียนไปแล้ว เย่มู่มู่ถึงได้ไปเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสสวี่เมื่อมาถึงคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสวี่...ว้าว คฤหาสน์ใหญ่มากจริง ๆ !ที่ดินในเมืองทุกตารางนิ้วล้วนมีราคาสูง คฤหาสน์ที่ใหญ่โตหรูหรา และครอบคลุมพื้นที่เกือบสิบไร่เช่นนี้ ไม่อาจวัดมูลค่าได้ภูเขาที่อยู่ด้านหลังของคฤหาสน์ พื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ ล้วนแต่เป็นของผู้อาวุโสสวี่ทันทีที่รถของเย่มู่มู่ขับเข้าประตู ผู้อาวุโสสวี่กับผู้ช่วยพ่อบ้านก็ออกมาตอนรับพร้อมกันเย่มู่มู่รีบลงมาจากรถสวี่หมิงที่อยู่ข้าง ๆ เธอ กำลังถือกล่องไม้กล่องหนึ่งด้วยมือทั้งสองข้างลวดลายแกะสลักสไตล์โบราณบนกล่องไม้ ทำให้ดวงตาของผู้อาวุโสสวี่เป็น
เย่มู่มู่กำลังคิดว่าข่าวของผู้อาวุโสมู่ค่อนข้างเร็วทีเดียววันนี้เธอนำสิ่งของหลายอย่างมาเยี่ยมเยียนท่านผู้เฒ่าทั้งสองจริง ๆ นางต้องการสนับสนุนจ้านเฉิงอิ้นฟื้นฟูดินแดนรกร้าง กักตุนเสบียงอาหาร ยึดครองเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่ และพิชิตใต้หล้าต้องใช้การลงทุนจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง!เงินพวกนี้พึ่งพาการขายของโบราณเพียงอย่างเดียงคงเป็นไปได้ยากเธอต้องหาเงิน!หาเงินให้มากพอที่จะสนับสนุนให้จ้านเฉิงอิ้นรวมชาติได้ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าผู้อาวุโสสวี่กับผู้อาวุโสจางมีเบื้องหลังเช่นไร ทว่าครั้งก่อนที่ร้านขายวัตถุโบราณเปิดกิจการ มีผู้ทรงอิทธิพลมากมายที่ปรากฎอยู่ในภาคการเงินและเศรษฐกิจ มาขอเข้าพบพวกเขาเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนมีเบื้องลึกที่ไม่ธรรมดา!วันนี้เธอจึงตั้งใจเลือกของขวัญมาหนึ่งกล่องชุดน้ำชาทองคำที่ฮ่องเต้ทรงใช้ กาน้ำชาฉลุลายมังกรขดที่ทำมาจากทองคำหนึ่งใบถ้วยชาลายมังกรทองสี่ใบชุดน้ำชาชุดนี้ยังมีถาดทองคำอีกหนึ่งใบด้วยเป็นชุดที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ภายนอกเป็นรูปแบบโบราณที่เรียบง่ายและงดงาม ฝีมือประณีตสามารถหลงเหลือชุดน้ำชาในสมัยโบราณที่ประณีตและงดงามขนาดนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง
หยางชิงเหอแย้มยิ้มในฉับพลัน “ไปไปไป พวกเราไปเลือกรถกัน ข้าเห็นว่ามีรถบ้านขนาดใหญ่อยู่ด้วย”“สามารถอยู่กับชีเหนียง หยางซี แล้วก็เสี่ยวเถาได้แล้ว...ต่อไปนี้พวกเขาก็ไม่ต้องใช้กระโจม นอนกลางดินกินกลางทรายอีกแล้ว”หยางชิงเหอขี่รถสามล้อไฟฟ้า แล้วเลือกรถบ้านขนาดใหญ่ไปหนึ่งคันรถบ้านขนาดใหญ่มีโครงสร้างสูง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีห้องส่วนตัว และโซฟามีห้องทั้งหมดสองห้องนางอยู่หนึ่งห้อง ชีเหนียง และเสี่ยวเถาอยู่หนึ่งห้องส่วนหยางซีนอนโซฟาชั้นบนสุดของรถนอน ปูด้วยแผงไฟพลังงานแสงอาทิตย์ และท้ายรถยังมีรถจักรยานยนต์แขวนไว้หนึ่งคันด้วยไม่ใช่รถไฟฟ้า แต่เป็นรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันแล้วก็มีห้องครัวแบบเปิด กับตู้เย็นตั้งพื้นด้วย!ระบบทำความเย็นมีอยู่อย่างเพียงพอกระทั่งโทรทัศน์ก็ยังใหญ่กว่ารถบ้านทั่ว ๆ ถึงหนึ่งเท่าตอนที่พวกนางทั้งสี่คนย้ายเข้ามา จึงดีใจอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเสี่ยวเถากับชีเหนียง พวกนางสามารถอาบน้ำในห้องน้ำบนรถได้ โดยไม่ต้องไปกางกระโจมกลางดินกลางทรายเวลาลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกก็ต้องระมัดระวังอย่างมากแต่ว่าตอนนี้แก้ไขได้ด้วยห้องน้ำที่อยู่บนรถบ้านแล้วสามาร
จัดสรรบุคลากรเสร็จสมบูรณ์ ลงทะเบียน และเริ่มต้นการฝึกแล้วกองทัพตระกูลจ้านไม่หละหลวมเหมือนกับกองทัพธงเหลือง กฎของกองทัพเด็ดขาด การฝึกเข้มงวด ดังนั้น เพื่อที่จะได้กินเนื้อสัตว์ กินข้าวอิ่ม กองทัพธงเหลืองแต่ละคนต่างก็เพียรพยายามดาบม่อเตานั้นหนักมาก เดิมทีผู้ที่มีรูปร่างเล็กจึงไม่อาจทนไหวแต่เพื่อสังหารศัตรูได้มากขึ้นในสนามรบ และได้รับเสบียงอาหารเป็นรางวัลพวกเขาจึงทุ่มเทอย่างหนัก เพียรพยามอย่างไม่เกรงกลัวความลำบากยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในกองทัพธงเหลือง!หยางชิงเหอไม่เชี่ยวชาญในการฝึกทหาร จึงมอบทหารสองหมื่นนายให้หวังเซิ่งเป็นคนจัดการนางขับรถสามล้อไฟฟ้าไปที่หลุมขนาดใหญ่ที่มู่ฉีซิวถูกระเบิดจนตาย!กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ที่พื้นยังคงหลงเหลือเศษชิ้นส่วนของแขนขามีผู้ถูกระเบิดตายมากมายเกินไป จนไม่สามารถเอาชิ้นส่วนมารวมกันเป็นรูปเป็นร่างโดยสมบูรณ์ได้นางมองลงไปยังหลุมขนาดใหญ่อย่างเงียบงันนางกับมู่ฉีซิวรู้จักกันมาสองชาติแล้ว ในยุคปัจจุบันรักกันมาห้าปี จนถึงขั้นพูดคุยถึงเรื่องการแต่งงานทว่าจู่ ๆ ก็ข้ามกาลเวลามายุคโบราณ ในตอนแรกนางไม่สามารถปรับตัวได้ในทุก ๆ ด้านตอนนั้นเขายังคงรักนางอยู
“หากใช้ไฟเยอะ รถของเจ้าใช้ไฟไม่ได้ ก็จะขับไม่ได้!”“หากเจ้ารู้สึกร้อน เปิดแอร์ก็สิ้นเรื่องแล้ว!”ในจังหวะนี้เอง หยางชิงเหอก็กดรีโมทเปิดแอร์ลมเย็น ๆ พัดลอยมาทหารผ่านศึกทุกนายต่างตาดงกันหมดแล้วลมเย็นจริง ๆ เย็นเหมือนกับในห้องคนขับของรถยนต์เป๊ะ ๆลมร้อนที่พัดลมพัดออกมา เทียบกับลมเย็นนี้ไม่ได้เลยจริง ๆพวกเขาทุกคนต่างอิจฉาตาร้อนเป็นอย่างมากโอกาสที่ดีอย่างเมื่อวาน ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะจะฆ่าไม่พอ หากนับรวมแล้วจะได้รถบ้านคันแบบนี้ต่อไปไม่ต้องใช้ท้องฟ้าเป็นผ้าห่ม ใช้ดินเป็นเสื่อ และนอนในที่โล่งอยู่บนพื้นในถิ่นทุรกันดารอีกต่อไปแล้วน่าอิจฉามากจริง ๆ!ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก!เนื่องจากคุณภาพเมื่อเทียบกับราคาค่อนข้างสูง สะดวกมาก ๆ เทียบเท่ากับบ้านเคลื่อนที่ได้เลยได้รับการต้อนรับในหมู่ทหารผ่านศึกเป็นอย่างมากฉะนั้น ครั้งนี้มีห้าคนที่ได้รับรถบ้านสำเร็จส่วนคนที่เหลือ บ้างฆ่าได้ห้าสิบคน เจ็ดสิบคน ยอมไม่เอาอะไรทั้งสิ้น สะสมกับครั้งต่อไปให้ฆ่าได้หนึ่งร้อยคนและจะได้รับรถบ้านเช่นกันรถบ้านมีจำนวนจำกัด และจำนวนถึงก่อนได้ก่อนผู้ที่ได้เลือกก่อน อุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันผู้ที่เ
เชลยศึกจากกองทัพธงเหลืองที่นั่งอยู่บนพื้นเหล่านั้น ถูไถกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนทั้งหมดเมื่อครู่ตอนที่พวกเขาต่อแถวตักโจ๊ก มีคนกึ่งหนึ่งกำลังดิ้นรนกันอยู่!วันนี้ครั้นได้ยินเรื่องรางวัลของกองทัพตระกูลจ้าน พวกเขาก็ไม่อยากเชื่อเมื่อวาน ผู้ที่พุ่งไปอยู่หน้าสุดกองทัพตระกูลจ้านอย่างห้าวหาญ อย่างน้อยก็ฆ่าคนได้นับสิบเช่นนั้นจะได้รางวัลเท่าไร?มีชายหนุ่มร่างบึกบึนผู้หนึ่งก้าวออกมา วางหูขวากระสอบหนึ่งไว้บนโต๊ะจดบันทึกน้ำเสียงของเขาหยาบคายและดัง “ข้านับมาแล้ว หนึ่งร้อยยี่สิบข้าง!”“ข้าไม่เอาเสบียงอาหารแล้ว เยอะจนเก็บไม่พอแล้ว ครอบครัวก็ไม่มีแล้ว ข้าเองก็กินไม่หมด ท่านแม่ทัพเฉินอู่บอกว่า ฆ่าได้หนึ่งร้อยคนจะตบรางวัลเป็นรถบรรทุกหนึ่งคัน ข้าต้องการรถ!!”แปะ ๆมีเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมยินดีระเบิดขึ้นในกองทัพตระกูลจ้าน นายทหารกองทัพตระกูลจ้านจำนับไม่ถ้วนโห่ร้องว่ายอดเยี่ยมนายกองพันผู้นี้ เป็นหนึ่งในทหารผ่านศึกของกองทัพตระกูลจ้าน ร่างกายสูงใหญ่ แข็งแกร่งมีพละกำลัง...ทุกครั้งที่ทำศึกเขาจะอยู่หน้าสุด ฆ่าทัพศัตรูได้เยอะที่สุด!คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะต้องการรถในขณะนี้ เฉินอู่เดินม
ดูสิเมื่อวานพวกเขาถูกควบคุมตัวมาที่นี่ ตรงหน้าพวกเขามีโจ๊ก และน้ำสะอาดหลายถังวางเอาไว้...ไม่มีใครทักทายพวกเขา กองทัพตระกูลจ้านเห็นว่าพวกเขาไม่มีตัวตนอยากกินก็กิน ไม่กินก็เก็บกลับไป ยุ่งเป็นอย่างมาก ไม่มีเวลามาสนใจพวกเขาทว่าชาวบ้านและกองทัพธงเหลืองคนอื่น ๆ มาพูดโน้มน้าวมาดูการยืนหยัดของตัวเองในตอนนี้แล้ว ช่างน่าขันจริง ๆฉะนั้น จึงมีคนลุกขึ้นยืน แล้วเดินมาหน้าถังโจ๊กอย่างเลื่อนลอยเมื่อคืนพวกเขาทนหิวมาตลอดทั้งคืน บวกกับได้รับบาดเจ็บ จึงเดินไม่ค่อยมั่นคงแล้วโจ๊กเย็นหมดแล้วคราบน้ำมันที่ลอยอยู่ด้านบน และเนื้อบดละเอียด เหนียวติดอยู่ด้วยกันแข็งอย่างมากไม่คล้ายกับน้ำซุปใส ๆ แบบนั้น ทว่าเป็นของกินที่สามารถทำให้อิ่มท้องได้หยิบถ้วยมาจากตะกร้าด้านข้างหนึ่งใบ จากนั้นใช้กระบวยตักโจ๊กมาหนึ่งถ้วยและกินลงไปในวินาทีที่เข้าปากไป กลิ่นหอมกรุ่นนุ่มละมุน แม้จะเย็นแล้ว ทว่าก็ยังอร่อยมากในนั้นไม่ได้มีเพียงเศษเนื้อ ทว่ายังใส่ไข่และผักกาดขาวลงไปด้วยยังมีกลิ่นเกลืออีกด้วยที่จริงในค่ายทหารกองทัพธงเหลืองไม่ขาดเกลือ ทว่าไม่ได้ใช้เกลือที่ดีที่สุด ใช้เป็นเกลือหยาบที่กินแล้วมีรสขมเสบียงอ