เมื่อเหล่าทหารได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวดังออกมาจากห้องโถงหารือ ก็รู้ในทันทีว่า!ท่านเทพได้ส่งสิ่งของมาให้อีกแล้ว!เป็นอาวุธมาถึงแล้วหรือ?หรือเป็นยาที่สามารถรักษาโรคระบาดได้?เหล่าบุรุษชาติอาชาไนย ต่างพากันแอบปาดน้ำตาที่หางตาจนแห้ง จากนั้นก็พุ่งไปที่ห้องโถงหารือทุกคนเห็นว่า ในโถงหารือเต็มไปด้วยกล่องกระดาษหลายร้อยใบมีทั้งยาแผนจีน แผนตะวันตก หน้ากากอนามัย ชุดป้องกันเชื้อ และน้ำยาฆ่าเชื้อ…เป็นยาจริงๆ!เมื่อยาชุดนี้มาถึง ก็แปลว่าโรคระบาดมีทางรักษาแล้วใช่หรือไม่?ทุกคนต่างร้องไห้ด้วยความดีใจ!ในสถานการณ์ที่สามทัพบุกประชิดกำแพงเมือง และภายในเมืองก็เกิดโรคระบาดแพร่กระจายไปทั่วท่านเทพมิได้ทอดทิ้งพวกเขา!ยาชุดนี้ มาได้ทันเวลายิ่งนัก!หากช้ากว่านี้ไปไม่อีกกี่ชั่วยาม คนกว่าครึ่งเมืองคงติดโรค และเกิดการล้มตายเป็นร้อยเป็นพันเมื่อถึงเวลานั้น ด่านเจิ้นกวน ก็จะเปลี่ยนจากเมืองที่เต็มไปด้วยความหวังไปเป็นอเวจีในแดนมนุษย์แล้วหลายคนพากันหันไปทางท้องฟ้า คุกเข่าลงโขกศีรษะจากส่วนลึกของจิตใจให้ท่านเทพ“ขอบพระคุณท่านเทพ ที่ช่วยประชาชนในด่านเจิ้นกวนอีกครั้ง”“เหล่าทหาร ขอกราบขอบพระคุณท่า
เด็กรับใช้แพทย์รีบเก็บไปทันทีมือของซ่งอวิ๋นฮุยลูบหน้าผากของเด็กรับใช้แพทย์ เขาก็กำลังเป็นไข้เช่นกัน ทว่าเด็กตัวน้อยกลับมิได้ร่ำร้องแสดงความเจ็บปวดออกมาเขาหยิบน้ำจากโต๊ะขวดหนึ่งยัดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาด้วยความสงสาร“เจ้าเองก็จงกินลงไปครึ่งเม็ดเถิด ดื่มร่วมกับน้ำ เด็กดี รีบไปเร็วเข้า!”เด็กรับใช้แพทย์รับคำอย่างเชื่อฟัง “ขอรับ ท่านอาจารย์”หลังเด็กรับใช้แพทย์จากไปแล้ว ซ่งอวิ๋นฮุยก็มิได้อยู่เฉยเขาจัดลังยาร่วมกับทหารอีกหลายนายในตอนที่ซ่งอวิ๋นฮุยเห็นชุดป้องกัน หน้ากากอนามัย และถุงมือ…น้ำยาฆ่าเชื้อเป็นถัง ๆ และถังพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อขนาดใหญ่เขาก็ดีใจราวกับคลุ้มคลั่ง รีบพูดกับจ้านเฉิงอิ้นว่า “ท่านเทพกล่าวถูกแล้ว ต่อให้ไม่มีโกฐจุฬา ก็ต้องฆ่าเชื้อทั่วทั้งเมืองสักรอบ”ในด่านเจิ้นกวนมีคนติดเชื้อกว่าห้าพันคน คนอื่น ๆ จึงมีโอกาสที่จะติดโรคเช่นเดียวกันแต่หากทำการฆ่าเชื้อให้สะอาด โอกาสเสี่ยงที่จะติดโรคก็จะลดลงมากจ้านเฉิงอิ้นมอบเรื่องนี้ให้เหอหงจัดการภายใต้การบังคับบัญชาของเขามีคนกว่าสองพันคน รับผิดชอบเรื่องโรคระบาดโดยเฉพาะม้าในคอกม้า และรถสามล้ออีกสิบคัน ล้วนมอบสิทธิ์ให้เขาใช้ได
ทั้งสองฝ่ายต่างตั้งกระบวนทัพอย่างพรักพร้อมสำหรับโจมตี ทว่า ต่างฝ่ายต่างรักษาท่าทีไม่มีความคืบหน้า เมื่อเวลาผ่านไป เหล่าทหารที่ทำหน้าที่รักษากำแพงเมือง ค่อย ๆ มีสีหน้าแดงก่ำและไอออกมา บางคนก็เริ่มมีไข้สูง จากเดิมที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองอย่างมั่นคง สุดท้ายไม่ทันระวัง ก็ร่วงตกลงมาจากกำแพงเมือง ตกลงมาตายต่อหน้าทุกคน ภายใต้การเผชิญหน้าของสองทัพ เมื่อเฉินขุยเห็นเช่นนั้น ก็บันดาลโทสะขึ้นมา“ไม่รู้จักยืนถอยไปหน่อยหรือไง? เฝ้ากำแพงเมืองมานานเพียงนี้แล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นคนตกลงมาตาย”ทหารหลายนาย ตกใจจนรีบวางหอกในมือลง คุกเข่าลงให้เขา“ท่านแม่ทัพ ข้าเป็นไข้สูงแล้วขอรับ รู้สึกทรมานยิ่งนัก ยิ่งเมื่อถูกแสงอาทิตย์ร้อนแรงแผดเผา ยิ่งรู้สึกว่าใกล้จะทนไม่ไหวแล้วขอรับ”“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อย ข้าน้อยรู้สึกว่าหายใจลำบาก ปวดหัวจนจะเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วขอรับ…”เฉินขุยยังคิดจะบันดาลโทสะต่อไปอีกทว่า เฉินอู่กลับส่ายหน้าให้เขาเฉินอู่กล่าวว่า “ผู้ที่เป็นไข้ ให้ถอยลงไป ไปรับยาที่รองแม่ทัพเหอหง แล้วแยกไปกักตัวซะ”“ส่วนผู้ที่ไม่ได้เป็นไข้ จงรีบเข้าประจำการแทนเสีย!”นายทหารที่มีอาการตัวร้อน
โดยเฉพาะบุตรชายทั้งสองคนของเขา สีหน้ายินดียากจะอธิบายออกมา ราวด่านเจิ้นกวนเป็นสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าของพวกเขา ที่สามารถได้มาครอบครองโดยไม่ต้องลงแรงกระนั้นฉีซวนเหิงเย้ยหยันว่า “ช่างเป็นคนชั่วลำพองจริง ๆ ข้าสงสัยเหลือเกินว่า ที่หลิงเซี่ยวเฟิงชนะศึกติดต่อกันมาสามสิบกว่าครั้ง คิดใช่ได้มาเพราะวิธีการแพร่โรคระบาดทั้งหมดหรอกนะ!”เยว่หงก็รู้สึกดูแคลนเช่นกันแม้วิธีการของทัพต้าฉี่จะสกปรกจริง ๆ เริ่มจากขโมยม้าก่อน จากนั้นก็เป็นการวางเพลิงทว่า คนเขาเคลื่อนไหวในยามวิกาลอย่างตรงไปตรงมา มิได้ใช้เล่ห์อุบายเช่นการวางยาพิษเป็นพวกเขาที่ป้องกันไว้ไม่ได้เองแคว้นฉีถูกขโมยม้าไปสามพันตัว ส่วนแคว้นฉู่ถูกขโมยไปห้าพันตัวแคว้นฉีถูกเผากระโจมไปร้อยกว่าหลัง แคว้นฉู่ถูกเผาไปสามร้อยกระโจม เผาตายไปสองพันกว่าคนเป็นเพราะแคว้นฉีค้นพบได้เร็ว และก็มิได้ไล่ตามคนวางเพลิงไปอย่างหน้ามืดตามัว จึงแทบไม่มีผู้เสียชีวิตทัพฉู่ดูเหมือนจะมีวินัยทหารเข้มงวด เปี่ยมประสบการณ์ชาญศึก ชนะการรบมากครั้งทว่าเยว่หงคิดว่า ผลงานการรบที่ชนะติดต่อกันเพราะอาศัยการวางยาพิษนั้น ช่างปลอมยิ่งนักฉีซวนเหิงพูดขี้นอีกว่า “ข้าได้ยินมาอีก
ฉีซวนเหิงเก็บท่าทางล้อเล่นไม่จริงจัง กำชับเยว่หงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า“หากถูกกองทัพฉู่ได้ตัวไปก่อน ก็จงฆ่าปิดปากจ้านเฉิงอิ้นเสีย” “หรือหากกองทัพฉู่ถามถึงเรื่องเทพเจ้า หรือของวิเศษใดขึ้นมา ก็จงสังหารเขาเสีย ณ เพลานั้นเลย!”ดวงตาของเขาเยียบเย็นแข็งกร้าว ผสานจิตสังหารอยู่ภายใน ขณะมองดูหลิงเซี่ยวเฟิงที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำกองทัพแห่งแคว้นฉู่ และบุตรชายผู้โง่เขลาทั้งสองของเขาหากแคว้นฉีไม่อาจได้ของวิเศษมา ก็ย่อมไม่อาจให้แคว้นฉู่ได้ไป!เขายอมที่จะทำลายมันทิ้ง แต่จะไม่ยอมให้แคว้นฉู่ได้พัฒนากำลัง!เยว่หงคุกเข่าลงครึ่งหนึ่งแล้วก้มศีรษะลง มือซ้ายวางทาบอยู่บนหน้าอกด้านขวา นางค้อมศีรษะลงด้วยความเคารพอย่างจริงใจ“หม่อมฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพคะ”“อื้ม จ้านเฉิงอิ้นติดโรคระบาด จากนี้ไม่กี่ชั่วยามจะไข้ขึ้นสูงจนตาย ก่อนเขาตาย สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องหาตัวเทพเจ้าออกมาให้ได้”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”เมื่อเยว่หงถอยออกมา ก็เรียกผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจได้ไปดำเนินการแล้วเรียกตัวหน่วยลอบสังหารมาห้าสิบคนพวกเขาไม่จำเป็นต้องตีเมือง เพียงต้องจับตามองหลิงเซี่ยวเฟิง หลิงอวิ๋นเจ๋อ และหลิงซื่อเฉินไว้ให
พบว่าอุณหภูมิกลับต่ำกว่ามือของเขาเสียอีก ศิษย์น้อยหายไข้แล้วจริง ๆ!“ศิษย์ข้า เจ้ากินยาแล้วหรือ?”เด็กรับใช้แพทย์ตัวน้อยหยิบไอบูโพรเฟนครึ่งเม็ดออกมา โบกไปมาที่เบื้องหน้าของซ่งอวิ๋นฮุย“ท่านอาจารย์ หลังจากที่ข้ากินยาเม็ดนี้ลงไป แล้วงีบหลับไปในห้องของบรรดาน้องชายและน้องสาวครู่หนึ่ง พอตื่นมาก็ไม่ปวดหัวแล้วขอรับ”“ใช่แล้วขอรับ พวกเขาก็กินยาชนิดเดียวกับข้า เวลานี้ พวกเขาสามารถดื่มน้ำและกินโจ๊กใสได้เล็กน้อยแล้ว เมื่อครู่ท่านหมอหลินก็ไปดูแล้วขอรับ!"ศิษย์น้อยบรรยายอย่างออกรส แสดงสีหน้าท่าทางนั้นถูกแสดงออกมาอย่างเกินจริง“ท่านหมอหลินถึงกับคุกเข่าลงกับพื้นเลยขอรับ ตะโกนว่าสวรรค์ทรงเมตตา ในที่สุดโรคระบาดในด่านเจิ้นกวนของพวกเราก็มีทางช่วยแล้วขอรับ!"ขาของเฉินขุยที่ก้าวออกไป ถูกชักกลับมาในทันที เขาหันมาถามเด็กรับใช้แพทย์ตัวน้อยว่า“ยานี้ ได้ผลขนาดนี้เชียวหรือ?”เด็กรับใช้แพทย์พยักหน้าหงึกหงึก “เป็นเรื่องจริงขอรับ ท่านแม่ทัพ”เฉินขุยพึมพำกับตนเอง “มีทางรอดแล้ว ด่านเจิ้นกวนมีทางรอดแล้ว!”“ล้วนเป็นเพราะท่านเทพ…มิเช่นนั้น ภายนอกมีทัพใหญ่ประชิดเข้ามา ภายในก็มีโรคระบาดแพร่ไปทั่ว ด่านเจิ้นกว
“ด่านเจิ้งกวนรอดแล้ว แคว้นฉู่แคว้นฉีคิดจะใช้โรคระบาดทำลายพวกเรา พวกเขาคำนวณผิดไปแล้ว เพราะพวกเรามีท่านเทพ!”“ท่านเทพได้ช่วยพวกเราจากความทุกข์ยากอีกครั้งแล้ว!”อู๋ซานหลางตาแดง กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “แม้แต่พินัยกรรมข้าก็เขียนไว้เรียบร้อยแล้ว ยาพิษของทุกคนในบ้าน รวมถึงเหล่าข้าทาสบริวารก็เตรียมไว้แล้ว คิดไม่ถึงว่า ยานี่จะลดไข้ได้จริง ๆ!”จ้านเฉิงอิ้นตบไหล่อู๋ซานหลาง“ท่านเทพไม่มีทางไม่สนใจพวกเรา ตั้งสติหน่อย จากนี้ไป การร่วมมือกันโจมตีเมืองของศัตรูทั้งสามฝ่ายกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว!"ทุกคนต่างก็สงบสติอารมณ์ลง จากนั้นเริ่มรับมืออย่างจริงจังเพราะต่างเข้าใจดีว่า ก่อนที่ท่านเทพจะส่งระเบิดและอาวุธมา ต่อให้พวกเขาจะมียาลดไข้ แต่กำลังการต่อสู้ก็มิได้ฟื้นฟูไปถึงจุดสูงสุดในอดีต จำนวนของทัพศัตรูมีมากเกินไปจริง ๆ แม้จะใช้ทหารของทัพศัตรูสิบคนรับมือกับทหารต้าฉี่หนึ่งคน ก็ยังเหลือเลยครั้งก่อนที่พวกชนะได้ ล้วนอาศัยอุปกรณ์ที่มีความล้ำหน้าเข้าช่วยทั้งสิ้นทว่ายามนี้…ทุกคนต่างมองไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยความกังวลมือของจ้านเฉิงอิ้นจับกระดาษสีขาวแน่น เขากุมพู่กันไว้ทุกครั้ง เมื่อพวกเขาพบเรื
กองทหารชาวหมานสองแสนนาย ยิ่งเข้าใกล้ด่านเจิ้นกวนเข้ามามากขึ้นทุกที!ผู้นำคือม่อเป่ยอ๋องหลัวซู่ ดวงเนตรอันน่าหวาดหวั่นดั่งพญาอินทรีของเขา คอยเพ่งมองอากาศยานไร้คนขับที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไปอย่างไม่ละสายตาในตอนที่มั่วฝานคิดจะบินต่ำไปยั่วยุเขานั้น…เขาก็รับธนูใหญ่คันหนึ่งจากองครักษ์ที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นก็เล็งไปที่อากาศยานไร้คนขับ…มั่วฝานบังคับให้อากาศยานไร้คนขับบินสูงขึ้น คิดจะหลบจากระยะของลูกธนูฟิ้ว!อากาศยานไร้คนขับตัวที่สองถูกยิงโดน ตกลงสู่พื้นจากนั้นก็ถูกม้าตัวใหญ่ที่หลัวซู่ขี่ ย่ำจนแหลกเป็นชิ้น ๆ ในทีเดียว!มั่วฝานเคยพบกับความอัปยศเยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อใด เขาตะโกนอย่างหยิ่งผยองว่า “เขาดูถูกข้า เขาดูถูกข้าอย่างโจ่งแจ้งเลย!”“สักวัน ข้า รัฐทายาทผู้นี้จะต้องฆ่าเขาแน่!”เฉินขุยกล่าวว่า “อย่าได้ร้อนใจไป มีโอกาสอีกมากมาย!”หลังจากนั้นทุกคนก็ปรึกษาหารือกันว่า หากทัพศัตรูโจมตีเมือง ควรทำเช่นไรดี?จ้านเฉิงอิ้นกล่าวว่า “ตลอดเช้า ข้ามิได้ปรากฏตัวบนกำแพงเมืองเลย พวกเขาย่อมจะคิดว่าข้าติดโรคระบาดแล้ว”“ข้าจะนำกองทหารดาบม่อเตาสองพันนาย ออกจากทางลับเข้าโจมตีที่ด้านข้าง”“ส่วนพวกเจ
ตอนที่เธออายุประมาณห้าขวบ เคยพบเคยพบลู่ฉิงยวนครั้งหนึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมประจำปีขององค์กร ลู่ฉิงยวนถูกลุงพามาจากเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟู่ลี่กรุ๊ปเวลานั้นแม่ถามเธอว่า “ชอบพี่ชายตัวน้อยคนนั้นไหมจ๊ะ? ให้เขาเป็นแฟนของหนูดีไหม?”ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ฟันยังไม่ทันขึ้นครบเธอกำลังกินเค้กก้อนเล็ก ๆ พลางถามมารดาด้วยท่าทางน่ารัก “คุณแม่คะ แฟนคืออะไรเหรอคะ กินได้หรือเปล่า?”ผลลัพธ์ก็คือคำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงของลู่ฉิงยวนกับบิดาของเธอรู้สึกขบขัน!แต่ว่าเธอกับลู่ฉิงยวนเคยพบกันแค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพบกันอีกเลยตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่ฉิงยวนไม่ได้มาไว้ทุกข์ ทว่าลุงของเขาส่งของมาร่วมพิธี!แต่ว่าคนไม่ได้มา!แน่นอนว่าเย่มู่มู่สามารถเข้าใจได้ พอหมดอำนาจคนก็ลาจาก เด็กกำพร้าเช่นเธอไม่ค่าพอที่จะแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถอนตัวจากการบริหารฟู่ลี่กรุ๊ปทุกคนรู้ดีว่าเอาอกเอาใจเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ มีคนไปมาหาสู่อยู่บ้างทว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต ก็ไม่มีใครมาสนใจอีกเล
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงหลิวจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสู้ยิบตา จนคุณชายลู่รู้สึกเสียใจในภายหลังเขาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว ตบหน้า และสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าบอกว่าไม่ยินยอมหย่าร้าง ขอร้องให้คุณผู้หญิงหลิวให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจ เขาจึงลบข้อมูลการติดต่อของผู้หญิงทุกคนทิ้งไปจนหมด ต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิวทั้งยังเปิดเผยข่าวอื้อฉาวของนักแสดงที่เคยมาก่อเรื่องต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว และทำลายอาชีพของเธอ!นอกจากนี้ยังทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องตกงาน และถูกแบนในธุรกิจนั้นด้วยเขาเอาบ้าน และรถที่จ่ายเงินซื้อให้กับคุณหญิงลู่ กลับคืนมาทั้งหมด!บางทีคณผู้ชายลู่อาจจะแสดงเก่งจนเกินไป บางทีลูกอาจจะเล็กจนเกินไป จึงไม่อยากให้ลูกที่พอเกิดมาก็กลายเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณผู้หญิงหลิวจึงใจอ่อนเธอยอมรับคุณผู้ชายลู่ และชิงบริษัทที่อยู่ในมือของคุณชายลู่กลับคืนมาญาติพี่น้องและเพื่อนที่คุณชายลู่เอาเข้ามาก่อนหน้านี้ ถูกไล่ออกไปจนหมดเชิญพนักงานเก่ากลับเข้ามาโรงงานภายใต้การบริหารของคุณผู้หญิงลู่ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งและในครั้งนี้ คุณผู้หญิงหลิวได้บีบคุณผู้ชายลู่ให้ล
หากว่าทางจ้านเฉิงอิ้นสามารถเอาชนะการรบได้ เธอจะต้องเฉลิมฉลองให้สักครั้งอย่างแน่นอนเธอกับหลูหมิงคืนจักรยานไฟฟ้าอย่างมีความสุข และขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงฮ่าวอี้และเสี่ยวเฉิงที่เฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไป ก็ขับรถตามไปอยู่ห่าง ๆจนถึงวันนี้หวังเสี่ยวเฉิงก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ว่าเจ้านายของตนเองเป็นผู้บำเพ็ญเซียน“พี่ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม คุณหนูเย่เป็นนักศึกษาที่อายุยังน้อยแล้วก็สวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”“พี่ว่า ผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นไปขอให้เธอทดสอบหินวิญญาณให้ดีไหม ไม่แน่ผมอาจมีความสามารถในการบำเพ็ญเซียนเหมือนกันก็ได้?”ฮ่าวอี้กำลังมองคนปัญญาอ่อนที่ฝันกลางวันมาตลอดทั้งวัน “หุบปาก เย่มู่มู่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ผมรู้อยู่แล้วน่า ว่าเธอเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวเป็นคนธรรมดาเท่านั้น พี่ว่าตอนนี้เธอบรรลุถึงขั้นไหนแล้ว?”“ฝึกลมปราณ สร้างรากฐาน หรือว่าแก่นปราณทองคำ? สามารถดูดซับสายฟ้า เคลื่อนย้ายพายุฝน ขั้นต่อไปก็พลักภูเขาผลิกทะเล
แคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ หรือแม้กระทั่งแคว้นอวี่ กับแคว้นหย่งต่างก็กำลังจับจ้องกองทัพเผ่าหมาน...ทำไมงั้นหรือ?พวกเขาต่างก็ต้องการเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของแคว้นต้าฉี่เพราะความโง่เขลาและเหี้ยมโหดของฮ่องเต้น้อย ไม่แบ่งแยกถูกผิด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้านเฉิงอิ้นพวกเขาจึงต่างคิดว่าแคว้นต้าฉี่อ่อนแอข่มเหงได้ง่าย!หากในหกแคว้น แคว้นใดที่ล้มลงไวที่สุดย่อมต้องเป็นแคว้นฉี่ที่ปราศจากจ้านเฉิงอิ้นอย่างแน่นอนดังนั้น การที่เผ่าหมานแห่งม่อเป่ยบุกโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทุกแคว้นของหัวเซี่ยจึงจ้องกันตาเป็นมันหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยทำสำเร็จแคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ก็จะถอนทัพออกจากแคว้นเยี่ยนโดยทันที และยกกำลังทหารทั้งหมดไปที่แคว้นต้าฉี่ล่าสังหารราษฎรของแคว้นต้าฉี่มาเป็นเสบียงอาหารอย่างป่าเถื่อน เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งสองปีที่อันตรายที่สุดหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไรทหารเผ่าหมานที่กล้าหาญและสันทัดในการรบสองแสนคน ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็สามารถลดทอนกำลังของกองทัพตระกูลจ้านลงได้เมื่อพวกเขาบุกเข้าแคว้นต้าฉี่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นจุดจบเป็นเช่นไร พวกเขาเพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ดูไฟจา
ขอเพียงสามารถยึดครองทัพกระกูลจ้าน พวกเขาก็จะสามารถบุกเข้าเมืองหลวง และแช่งยิงแผ่นดินต้าฉี่มาได้ ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะถูกจ้านเฉิงอิ้นทำให้เสียเรื่องเขามองเข้าไปยังสนามรบ ที่ยังคงโรมรันกับกองทัพตระกูลจ้าน ทหารเผ่าหมานต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก จะให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ละทิ้งเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่เช่นนี้งั้นหรือ?ไม่มีทาง!เขายกดาบม่อเตาที่อยู่ในมือ จับจ้องไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว“ข้า ม่อเป่ยอ๋อง จะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”จ้านเฉิงถือดาบม่อเตาด้วยมือเดียว กระชับบังเหียนม้าและเดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา“หลัวซู่ เจ้าหมดหวังแล้ว เจ้าไม่อาจเอาชนะกองทัพตระกูลจ้านได้หรอก!”“ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”หลัวซู่ปักมีดลงไปในดินโคลน สายตาของเขาเย็นชา “ข้าเป็นบุรุษแห่งทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวความตาย!”“เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เหตุใดข้าจึงได้พ่ายแพ้เจ้าอย่างไร้สาระเช่นนี้ พ่ายแพ้เจ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”การศึกในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากกองทัพตระกูลจ้านของจ้านเฉิงอิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ขวัญกำลังใจ หรือว่าจำนวนคนที่ติดอาวุธ...ไม่ว่าจะ
หลัวซู่กับจ้านเฉิงอิ้นซึ่งเป็นผู้นำหลักของทั้งสองฝ่าย กำลังโรมรันกันอยู่ในสนามรบตอนที่ทหารเผ่าหมานทั้งหมดกำลังจดจ่ออยู่กับจ้านเฉิงอิ้นและหลัวซู่อยู่นั้นทันใดนั้นเอง รถบรรทุกสองคัน ก็พุ่งชนเข้ามาอย่างอุตลุด และพุ่งตรงไปทางกองฟืนทหารเผ่าหมานเห็นสิ่งที่ใหญ่มหึมาก็หน้าเปลี่ยนสี ทุกคนต่างก็วิ่งหนีแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางอย่างไม่คิดชีวิตเด็กสองคนที่ถูกขึงไว้บนท่อนไม้ ไม่มีคนคอยจับตาดูเอาไว้รถบรรทุกสองคันจอดอยู่รอบ ๆ กองฟืนกองทัพตระกูลจ้านที่อยู่บนท้ายรถ ยิงธนู ยิงปืน และยิงธนูทดกำลัง ขับไล่กองทัพเผ่าหมานที่อยู่บริเวณโดยรอบออกไปจนหมดทหารที่อยู่ท้ายรถบรรทุก กระโดดลงจากรถโดยทันที จากนั้นก็ตัดเชือกให้ขาดด้วยดาบเดียวในวินาทีที่เด็กร่วงลงมาก็รับไว้ได้อย่างมั่นคงอุ้มเด็กขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในด้านหลังของห้องโดยสารนับจากที่เด็กน้อยร้องให้งอแง จากนั้นก็ถูกช่วยเหลือ และยัดใส่ห้องโดยสาร…สำเร็จภายในอึดใจเดียว!ถึงขนาดที่แม้กระทั่งรถออฟโรดขนาดเล็กก็ยังไม่ได้เอาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถด้วยซ้ำในตอนนี้ทหารของกองทัพเผ่าหมานถึงได้รู้ตัวว่าพวกเขาถูกหลอกเข้าให้แล้วฝ่ายตรงข้ามไม่ได้บุ
“พยายามช่วยเหลือเด็กกับราษฎรห้าหมื่นคนออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกลัวดินระเบิดของพวกมัน คาดว่าตอนนี้คงเปียกโชกไปจนหมดแล้ว!”เฉินขุยหัวเราะเสียงดัง “เดิมทีท่านบอกว่ามีวิธี เป็นวิธีเช่นนี้นี่เองสินะขอรับ ท่านแม่ทัพใหญ่ การศึกในครั้งนี้พวกเราจะต้องมีชัยกลับมาอย่างแน่นอน!”พอวางจากวิทยุสื่อสารแล้ว จ้านเฉิงอิ้นก็นำแจกันเข้าไปเก็บในรถเขากล่าวกับมั่วฝานว่า “เดินหน้าเต็มที่ จู่โจมเต็มกำลัง...”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”มั่วฝานหยิบแท่งขยายเสียงออกมา ส่วนลำโพงประกาศเสียงขนาดใหญ่วางไว้ที่ด้านหลังของรถกระบะเขากล่าวเสียงดัง “ท่านแม่ทัพมีคำสั่ง จู่โจมเต็มกำลัง...”*เผ่าหมานคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนที่พวกเขากำลังเฉลิมฉลองกับฝนที่ตกหนักอยู่นั้นจะมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างกะทันหันตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นสียงฟ้าร้อง จึงไม่ได้ให้ความสำคัญอันใด!เนื่องจากเสียงฟ้าร้องยังคงอยู่ และมีฟ้าผ่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักทว่าเมื่อฟังอย่างละเอียด กลับดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้อย่างมาก!จนกระทั่ง มีระเบิดตกลงมาข้างกายพวกเขา มีคนหลายร้อยคนถูกระเบิดจนตายพวกเขาจึงได้ค้นพบว่า...มารดามันเถิด ตอนที่พวกเขากำลังเฉลิมฉลองกับฝนท
เมื่อมั่วฝานได้ยินคำพูดเช่นนี้ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ“เป็นเจ้าจริง ๆ งั้นหรือ?”จ้านเฉินอิ้นยิ้มพลางส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ข้า แต่เป็นท่านเทพ...”“เป็นนางงั้นหรือ?”“นางดูดน้ำฝนเข้ามาในแจกัน และข้าก็เคลื่อนย้ายน้ำฝนจากแจกันมายังแผ่นดินอันแห้งแล้งของตงโจว...”เมื่อมั่วฝานได้ฟัง ก็หัวเราะเสียงดังในทันที“เช่นนั้น พวกเจ้าทั้งสองร่วมแรงกันลำเลียงน้ำฝนจากยุคปัจจุบันมาที่นี่กระนั้นหรือ?”“ใช่!”“ดียิ่งนักจ้านเฉิงอิ้น! ต้าฉี่ของพวกเรามีทางรอดแล้ว แม่น้ำแห้งเหือด แผ่นดินแตกระแหงแล้วอย่างไรเล่า...”“พวกเจ้าสามารถลำเลียงน้ำได้นี่นา ฮ่าฮ่าฮ่า สวรรค์ไม่ปล่อยให้กองทัพตระกูลจ้านของข้าต้องพินาศ!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าลองบินอากาศยานไร้คนขับดูหน่อย ข้าควบคุมขอบเขตของฝนตกเอาไว้แล้ว ลองดูว่าสถานที่ที่ฝังดินระเบิดเอาไว้ โดนฝนจนเปียกไปแล้วหรือไม่!”“ได้!”มั่วฝานสั่งให้หน่วยกล้าตายผู้หนึ่งบินอากาศยานไร้คนขับขนาดกลาง เพราะว่าไม่ต้องเกรงกลัวสภาพอากาศฟ้าร้องและฟ้าผ่า และบินได้ไกลขึ้นเล็กน้อยมุมมองภาพของอากาศยานไร้คนขับ นอกเมืองตงโจวยังคงแห้งแล้งดวงอาทิตย์ที่แผดเผาทำให้อากาศข
หากว่าถูกเผ่าหมานเผาจนตาย หรือแม้กระทั่งโดนกิน มั่วฝานคงจะรับไม่ได้!นี่ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นบุตรของแม่ทัพลู่หรือไม่ แต่ว่าทุกการกระทำของเผ่าหมาน ล้วนมาถึงจุดที่แม้แต่สวรรค์หรือมนุษย์ต่างก็พากันแค้นคืองแล้วเขาทำได้เพียงจงเกลียดจงชังตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเด็กได้เท่านั้นจ้านเฉิงอิ้นให้จวงเหลียงหยุดรถจวงเหลียงหยุดรถ พลางหันไปมองจ้านเฉิงอิ้น“เกิดอันใดขึ้นขอรับ? ท่านแม่ทัพ!”หากขับรถไล่ตามให้เร็วขึ้น อาจจะยังทันแต่ถ้าหยุดอยู่กลางทาง จะต้องไม่ทันกาลเป็นแน่!จ้านเฉิงอิ้นเปิดวิทยุสื่อสาร กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เฉินขุย เฉินอู่ ประเดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ให้เดินหน้าอย่างเต็มกำลัง!”ในวิทยุสื่อสาร มีเสียงของทั้งสองคนดังออกมา “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”“ซ่งตั๋ว ต้องสอดประสานกับเฉินขุยให้ดี!”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”จ้านเฉิงอิ้นลงจากรถมั่วฝานได้ตามลงมาจากรถด้วยหน้าจอของอากาศยานไร้คนขับที่อยู่ในมือของเขา กำลังแสดงภาพของแม่ทัพภายใต้การบัญชาการของหลัวซู่กำลังถือคบเพลิง และจุดกองฟืน... ฝืนนั้นแห้งเกินไป ไฟจึงลุกไหม้ในทันทีเด็กทั้งสองร้องไห้อย่างน่าเวทนามากยิ่งขึ้น!จ้านเฉิงอิ้นวาง