แชร์

บทที่ 140

ผู้เขียน: มู่โร่ว
“มา เสี่ยวซินกล่าวขอโทษมู่มู่เร็วเข้า ลูกพี่ลูกน้องอย่างแก เอาแต่รังแกน้องสาวได้ยังไง”

มีเสียงหงุดหงิดของเย่ซินดังเข้ามาในโทรศัพท์

“แม่จะให้ผมขอโทษเธอ เธอมีสิทธิ์อะไร ครั้งก่อนเธอทำให้ผมถูกกักขังครึ่งเดือน ผมยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลย”

“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอยึดครองทรัพย์สินของผม ตอนนี้ผมคงแต่งงานมีภรรยา แม่เองคงได้อุ้มหลานแล้วด้วย”

“ผมไม่มีทางพูดขอโทษเธอแน่นอน!”

อาเล็กงี่เง่าไม่มีเหตุผล แย่งมือถือพร้อมพูดเกลี้ยกล่อม

“มู่มู่จ้ะ อากับพี่ใหญ่ปรึกษากันแล้ว พวกเราจะไม่ทะเลาะกับหนูแล้ว”

“อาเพิ่งออกมาจากสถานีตำรวจ ถูกคนไล่ตามต่อว่าตลอดทาง”

“ตอนนี้ในโลกออนไลน์รู้เรื่องนี้กันหมด ล้วนต่อว่าพวกเราโลภมากไม่รู้จักพอ พูดว่าพวกเราขโมยเงินลูกหลานใช้ พวกเราไม่ได้หมายความแบบนั้นจริง ๆ”

“พวกอะไรนะ บ้านกับรถถ้าขายแล้วเราจะเพิ่มให้ครบจำนวน เธออย่าฟ้องอีกเลยนะ อาไม่อยากติดคุกจริง ๆ!”

เย่มู่มู่เข้าใจสีหน้าและฝีปากของคนกลุ่มนี้เป็นอย่างดี

พวกเขาได้รับสิ่งกระตุ้นอะไร ถึงได้เปลี่ยนใจกะทันหัน!

เพราะตำรวจให้การศึกษาเชิงความคิดกับพวกเขา?

หรือเพราะได้สัมผัสความลำบากข้างในสถานที่คุมขังผู้ต้องสงสัย และไม่อยา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 141

    เธอไม่กล้าลืมตา เพราะกลัวว่าจะเห็นแจกันแตกหากมันแตกแล้ว ต่อไปก็จะติดต่อกับจ้านเฉิงอิ้นไม่ได้อีกด่านเจิ้นกวนจะกลับไปเป็นเมืองที่ตายแล้วเหมือนอย่างหนึ่งเดือนก่อนสุดท้ายจ้านเฉิงอิ้นก็จะตายอยู่ในสนามรบ ด่านเจิ้นกวนถูกทำลาย ชาวบ้านนับแสนคนก็จะกลายเป็นวัตถุดิบทำอาหาร!เธอยอมรับผลลัพธ์นี้ไม่ได้!เย่มู่มู่กำมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น แล้วลืมตาขึ้นมาในทันทีแจกันที่ถูกมัดอยู่บนที่นั่งข้างคนขับยังสมบูรณ์ไม่มีความเสียหายแต่อย่างใดตัวแจกันถูกห่อด้วยถุงลมนิรภัย ไม่ได้ถูกชนเสียหาย!ยังดี ยังดี...ยังไม่แตก!อีกนิดเดียว แค่นิดเดียวเท่านั้น!เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างแรง สายตาเหมือนคบเพลิงมองไปที่รถอู่หลิงหงกวงที่ขับมาชนด้านหน้าของรถอู่หลิงหงกวงผิดรูป โครงแตกกระจายรถกระบะบรรทุกหนักของเธอ ทำจากวัสดุทนทาน มีน้ำหนักมาก กันชนหน้ารถถูกชนจนผิดรูปด้านหลังรถถูกชนท้ายจนไฟท้ายรถแตกโชคดีที่ตัวรถไม่ได้เสียหายเธอหยิบประแจแหวนอันใหญ่ออกมาจากช่องเก็บของในรถแล้วพรวดพราดลงจากรถไป ก่อนจะเดินไปที่รถอู่หลิงหงกวงด้วยท่าทางดุดัน ใช้ประแจเคาะไปที่กระจกรถเธอพูดด้วยความโกรธ “ลงมา รีบไสหัวลงมาเดี

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 142

    “ท่านแน่ใจเหรอครับว่าเป็นฝีมือของคนตระกูลเย่?”“ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่นอกจากพวกเขาที่จะได้ประโยชน์จากการตายของฉันแล้ว ยังจะมีใครอีกที่อยากให้ฉันตาย?”ทนายสวีเงียบไปเขาเป็นทนายความที่อ่านพินัยกรรมในห้องไว้ทุกข์ของพ่อแม่เย่มู่มู่ที่ผ่านมาก็เป็นพยานได้ว่าคนตระกูลเย่ยุ่งวุ่นวายมากเพียงใดคนตระกูลเย่ทั้งหมดจ้องเด็กสาวกำพร้าตาเป็นมัน อยากจะเอามรดกมหาศาลนี้เป็นของตนพวกเขาพยายามหาเงินอย่างเต็มที่ แต่คิดไม่ถึงว่าเย่มู่มู่จะเข้าหายากขนาดนี้คนกลุ่มนี้มีเจตนาอยากฆ่าคนจริง ๆเช่นนี้ ทนายสวีจึงพูดว่า “จับฆาตกรได้หรือเปล่าครับ?”“มีคนโทรแจ้งตำรวจแล้ว เขาถือมีด ตอนนี้ถูกจับไว้ในรถ เพราะเสพมาก็เลยไม่กล้าปล่อยออกมา กลัวว่าจะทำร้ายคนสัญจรไปมา”ทนายสวีพูดว่า “อยู่ไหนครับ ผมจะรีบไป!”เย่มู่มู่แจ้งที่อยู่ให้ทนายสวีทราบทนายสวีมาพร้อมกับตำรวจและรถพยาบาลทนายสวีแสดงบัตรประจำตัวของเขา และแสดงให้เห็นว่าฆาตกรมีเจตนาฆ่า ตั้งใจชนรถของเย่มู่มู่เมื่อเย่มู่มู่ไปตบประตูรถ เพื่อเรียกร้องค่าชดเชยจากเขา เขาก็เอามีดออกมาถ้าไม่ใช่เพราะคนสัญจรไปมา เกรงว่าเขาคงทำให้เย่มู่มู่บาดเจ็บไปแล้วพวกคนสัญจรไปมาก็พ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 143

    ทนายสวีพูดเสียงหนักแน่น “เรื่องที่เหลือ คุณก็น่าจะรู้”เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าคนตระกูลเย่จะเสียสติได้ขนาดนี้“คุณเย่ นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุจราจรธรรมดา ๆ แต่มันเกี่ยวข้องกับการจ้างวานฆ่า เสพยา ขายยา...”“ตำรวจกำลังจับตาดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด คราวก่อนเรื่องที่คุณกับคนตระกูลเย่ทะเลาะกันก็โด่งดังจนติดอันดับการค้นหายอดฮิต นักข่าวบางคนรู้เรื่องนี้ เลยไปปิดล้อมขอสัมภาษณ์อยู่ที่สถานีตำรวจ”“ช่วงนี้ก็พยายามอย่าออกจากบ้าน ถ้าจะออกก็ต้องมีบอดีการ์ด!”เย่มู่มู่เงียบไปครู่หนึ่ง “ฉันเข้าใจแล้ว เย่ซินจะถูกตัดสินจำคุกนานแค่ไหน?”“เพิ่งจะออกมาก็จ้างวานฆ่า น่าจะถูกตัดสินโทษสูงสุด”“ตอนเขาถูกจับ หญิงชราตระกูลเย่ก็เป็นลมทันที ส่วนคู่สามีภรรยาก็ร้องห่มร้องไห้!”“ผมคิดว่าพวกเขาจะต้องมาหาคุณ มารบกวนคุณ และบังคับให้คุณเซ็นหนังสือยอมความแน่ คุณควรเลี่ยงหน่อย”เย่มู่มู่กล่าวว่า “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว เรื่องที่เหลือ รบกวนคุณด้วยนะทนายสวี”“เป็นเรื่องที่ผมสมควรทำครับ ผมกับพ่อของคุณเป็นเพื่อนสนิทกันมานานหลายปีแล้ว ดูจากความคับแค้นใจที่คนตระกูลเย่มีต่อคุณ พ่อของคุณในปรโลกก็คงยากที่จะหมดห่วง” “ตอนแรกผมก็เคยเตือนเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 144

    พี่ซุนดีใจกับข่าวที่คาดไม่ถึงนี้มาก “จริงเหรอครับ ผมจะได้เงินสี่หมื่นบาทต่อเดือนจริงๆ เหรอ? แล้วผมยังได้สวัสดิการห้าอย่างอีกต่างหาก?”“ใช่ เมื่อก่อนผู้จัดการไม่เคยให้คุณเหรอ?”“ถ้าให้ เงินเดือนที่ได้ก็จะน้อยลงครับ ดังนั้น…” พี่ซุนเกาหัว ไม่ได้พูดต่อเย่มู่มู่กล่าวต่อ “คุณกับยามจะมีเงินบำนาญและประกันสุขภาพ คุณไปถามคนในหมู่บ้านก็ได้ อายุสามสิบสี่สิบก็ได้หมด รู้จักนิสัยใจคอ เป็นคนซื่อสัตย์เชื่อถือได้!”“ได้ครับ ช่วงนี้มีคนกลับหมู่บ้านเยอะมาก พวกเขารับจ้างทำงานอยู่ข้างนอก หนึ่งเดือนยังหาเงินได้ไม่ถึงสามหมื่น แถมงานนี้เจ้านายยังช่วยจ่ายค่าประกันภัยอีก!”“ผมจะไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเดี๋ยวนี้ แล้วเรียกทุกคนมารวมตัวครับ”พี่ซุนขี่มอเตอร์ไซค์จากไปอย่างมีความสุขสองชั่วโมงต่อมา พี่ซุนโทรมาบอกว่าในหมู่บ้านมีวัยรุ่นว่างงานยี่สิบกว่าคนมาสมัครงานเย่มู่มู่โทรหาผู้จัดการบ้านพักตากอากาศเซียนหยวน ให้เขาไปสัมภาษณ์ เลือกผู้สมัครที่ดีที่สุดพนักงานต้องได้รับการฝึกอบรมหลายวันก่อนจึงจะเข้ามาทำงานได้ส่วนชุดยาม กระบองไฟฉาย ป้ายชื่อ ให้ผู้จัดการซื้อมาพร้อมกันเงินเดือนยามกับสวัสดิการห้าอย่าง บันทึกในน

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 145

    วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเกินไป เย่มู่มู่จึงอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ แต่เมื่อเธอเห็นจดหมายของจ้านเฉิงอิ้นเขาต้องการส่งเงินทองและเครื่องประดับมากมายมาให้เย่มู่มู่ก็เลยอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อยมีผู้หญิงคนไหนบ้างไม่ชอบเครื่องประดับสวย ๆ เย่มู่มู่เขียนจดหมายตอบกลับเขาว่า “จ่ายเงินไปเยอะก็จริง แต่เงินทองและเครื่องประดับที่เจ้าส่งมาก่อนหน้านี้ก็เยอะมาก ตอนนี้ข้าเลยไม่ขาดเงินเท่าไหร่!”“ถ้าด่านเจิ้งกวนฝ่าวงล้อมโจมตีได้สำเร็จ เจ้าจำเป็นต้องใช้เงินเลี้ยงกองทัพอีกจำนวนมาก เจ้าเก็บเงินเอาไว้ใช้เถอะ!”จ้านเฉิงอิ้นปฏิเสธเย่มู่มู่ส่งของจำนวนมากมาให้แม้ว่าเขาจะไม่รู้ราคา แต่มันก็ต้องราคาสูงมากแน่นอน!“ข้าเองไม่ได้ขาดอะไร สิ่งที่ท่านเทพส่งมาให้ ดูแลได้ทุกด้านจริง ๆ”“เงินจำนวนนี้ล้วนเป็นความเต็มใจของเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งในด่านเจิ้งกวนมอบให้ ให้ข้าวสาร แป้งสาลีและน้ำมันกับพวกเขา พวกเขาก็ไม่ขาดทุนแล้ว!”เมื่อเห็นว่าจ้านเฉิงอิ้นมุ่งมั่นขนาดนั้น เย่มู่มู่ก็ได้แต่รับไว้“ก็ได้ งั้นข้าจะรับไว้!”เย่มู่มู่วางแจกันไว้กลางห้องรับแขกขนาดใหญ่ นั่งยอง ๆ อยู่กับพื้น สองมือเท้าคางรอคอย!หลังจากนั้นไม่กี

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 146

    ช่วงเวลากลางคืน ไร้แสงจันทร์และลมแรงทหารสวมเสื้อเกราะกันกระสุน แบกหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน ขี่อยู่บนหลังม้ากองทัพของพวกเขามีประมาณร้อยคนเห็นจะได้จ้านเฉิงอิ้นส่งพวกเขาออกไปด้วยตัวเอง กำชับพวกเขาว่าความปลอดภัยต้องมาก่อนหนึ่งร้อยคนแบ่งออกเป็นสองหน่วย หนึ่งหน่วยโจมตีค่ายพักแคว้นฉู่หน่วยหนึ่งโจมตีค่ายพักแคว้นฉีเชื้อเพลิงที่นำมาวันนี้คือน้ำมันดีเซลทุกคนลองใช้น้ำมันดีเซลเพื่อดูว่าจะสามารถเผาไหม้ได้มากแค่ไหนเมื่อมาถึงจุดที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ทุกคนลงจากหลังม้าพวกทหารพากันซุ่มอยู่ในทุ่งหญ้ารกร้าง มั่วฝานกำลังบังคับอากาศยานไร้คนขับอากาศยานไร้คนขับบินเข้าไปในค่ายของกองทัพแคว้นฉู่ เพื่อดูว่ามีทหารลาดตระเวนกี่คน และกระโจมแม่ทัพอยู่ตรงไหนตำแหน่งของรถกระทุ้งกำแพงเมือง หน้าไม้ราชวงศ์ฉินจะสามารถยิงไปถึงหรือไม่ทุกคนมารวมตัวกันข้างอากาศยานไร้คนขับของเขา หลังจากหารือกันสักพัก จึงตัดสินใจโจมตีค่ายพักก่อนหลังจากกองทัพแคว้นฉู่เกิดความโกลาหล ค่อยโจมตีไปที่รถกระทุ้งกำแพงเมืองรอจนถึงเวลาที่เหมาะสม...เฉินขุยสั่งการ “จุ่มน้ำมันดีเซล จุดไฟ หน้าไม้ราชวงศ์ฉินเตรียมพร้อม... ยิง!”ฟิ้ว~เสียง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 147

    ขณะที่จ้านเฉิงอิ้นกำลังคิดเรื่องอนาคตบรรยายถึงอนาคตอันยิ่งใหญ่และกิจการอันยิ่งใหญ่~ซ่งอวิ๋นฮุยพาผู้ช่วยแพทย์สองคนเข้ามาอย่างรีบร้อนสีหน้าของเขาดูกังวล วิ่งจนเหงื่อออกเต็มหัว!เพราะใจร้อนเกินไป เข็มขัดเสื้อผ้าจึงคลายออก แต่กลับไม่รู้ตัว!“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว! ในเมืองมีโรคระบาด”เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของจ้านเฉิงอิ้นก็เปลี่ยนไปมาก “เกิดอะไรขึ้น? ในเมืองเกิดโรคระบาดได้อย่างไร?”“ต้นตอของโรคระบาดมาจากไหนไม่รู้ เมื่อเช้ามีคนตายไปสามคนแล้ว แถมยังมีคนติดเชื้ออีกห้าสิบคน”“พวกเขามีไข้สูง ข้ามองไม่ออกเลยว่าเป็นโรคระบาดอะไร!”“ข้าแยกคนติดเชื้อออกไปแล้ว พวกเขาอยู่ในคฤหาสน์หลังหนึ่ง รวมทั้งหมดห้าสิบสามคนขอรับ”โรคระบาดมาเร็วและรุนแรง ผู้ตายมีไข้สูงเมื่อคืนนี้ กลางดึกก็หมดสติไม่ฟื้นขึ้นมาพอไปดูอีกเมื่อเช้านี้ คนก็ไม่หายใจแล้วซ่งอวิ๋นฮุยไม่เคยเห็นโรคระบาดที่รุนแรงขนาดนี้ในบันทึกมาก่อน ตำราแพทย์ที่ท่านเทพส่งมา ก็ไม่มีบันทึกไว้“ท่านแม่ทัพ ข้ามีลางสังหรณ์ว่าถ้าควบคุมโรคระบาดไม่ได้ มันจะแพร่ระบาดไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว”ซ่งอวิ๋นฮุยพูดอย่างเป็นกังวล “เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราจะไม่อดต

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 148

    เขาและซ่งอวิ๋นฮุยขี่ม้าไปที่ค่ายพักเขามองไปที่แจกัน เย่มู่มู่ไม่ได้ตอบจดหมายกลับมาเวลานี้ ดวงอาทิตย์เพิ่งจะขึ้น ตามวิธีพูดของท่านเทพ ยังไม่ถึงแปดโมง นางกำลังพักผ่อนอยู่โรคระบาดเป็นเรื่องที่เร่งรีบ รอไม่ได้แล้วเขาหาแท็บเลต ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ห้านาทีแล้วส่งกระดาษเหมือนกันไปด้วยบนกระดาษเขียนอาการของโรคระบาดร่างกายรู้สึกร้อนวูบวาบ เหมือนถูกไฟไหม้เหงื่อแตกจนทำให้เตียงเปียกได้ และเริ่มพูดเพ้อเจ้อสองชั่วยามต่อมา ชีพจรอ่อนแอลง ลมหายใจเริ่มติด ๆ ขัด ๆพอผ่านไปอีกหนึ่งหรือสองชั่วยาม ตอนที่พบ ก็หมดลมหายใจแล้วอุณหภูมิร่างกายของศพยังสูงมาก!*เย่มู่มู่ที่นอนหลับสนิทได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเธอลุกขึ้นจากเตียง ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ได้ยินเสียงแท็บเลตมือสองดังขึ้นใต้แจกันมีกระดาษสีขาวสองแผ่นตกอยู่ข้าง ๆกระดาษหนึ่งแผ่นถูกเขียนไว้เต็มหน้า ส่วนอีกแผ่นเขียนสองสามบรรทัด!เธอหยิบกระดาษขาวที่เขียนไว้ขึ้นมาลายมือสะเปะสะปะ ปากกาลูกลื่นเขียนเร็วและรีบร้อนหรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ด่านเจิ้นกวน?เธออ่านทั้งหมดแล้ว เหงื่อก็แตกพลั่กทันที!เกิดโรคระบาดในด้านเจิ้นกวน!โรคระบาด!

บทล่าสุด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 400

    ไม่ หากให้พูดอย่างชัดเจนเลยก็คือ แจกันส่งคนได้แล้วจ้านเฉิงอิ้นดีใจเป็นอย่างยิ่งหลังหายใจเพียงแพล็บเดียวเท่านั้น เขาก็กลับมาไม่วางใจอีกครั้ง ไม่แน่ใจว่ามั่วฝานถูกส่งไปยังโลกของท่านเทพจริง ๆ หรือเปล่าเขาฟังเสียงที่แว่วมาจากแจกันอย่างตั้งใจเป็นอย่างที่คิด เขาได้ยินเสียงโหวกเหวกแหลมจี๊ดคุยโวโอ้อวดของมั่วฝาน“ข้า ข้าถูกส่งมาที่ใด? เทพยดาปีศาจทุกองค์ฟังนะ ข้าเป็นหลานชายของขุนนางชั้นสูงที่สืบทอดตระกูลมั่วแห่งแคว้นต้าฉี่...”ทันใดนั้น มั่วฝานก็เปลี่ยนคำพูด ราวกับพบบุคคลที่น่าอัศจรรย์อะไรเข้า“เอ๊ะ ท่าน ท่านหน้าตาละม้ายคล้ายรูปปั้นเสมือนในวัดเลยนี่!”ทันใดนั้นมั่วฝานก็ตะโกนเรียกด้วยความดีใจปนความตกตะลึง“ท่าน...ท่านเทพ ท่านคือท่านเทพจริง ๆ ด้วย...”ครั้นได้ยินถึงตรงนี้ จ้านเฉิงอิ้นก็วางใจอย่างสมบูรณ์มั่วฝานกับหน่วยกล้าตายของเขา ไม่ได้ถูกส่งตัวไปผิดโลก ทว่าถูกส่งไปข้างกายท่านเทพแม้มั่วฝานจะมีหลายครั้งที่เชื่อถือไม่ได้ ทว่าก็ปกป้องท่านเทพได้แน่มิหนำซ้ำหน่วยกล้าตายข้างกายเขา เป็นยอดฝีมือที่ผ่านการเลือกหลายชั้น และเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานเพีบงแต่ จ้านเฉิงอิ้นโทษที่ตัวเองได้รับบ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 399

    หลังจ้านเฉิงอิ้นหมดสติไปอีกครั้ง มั่วฝาน จวงเหลียงและบรรดาทหารผ่านศึกที่ป่วยวุ่นวายอลหม่านไปหมดในวินาทีสำคัญ กลับหาตัวซ่งอวิ๋นฮุยไม่เจอทุกคนย้ายตัวจ้านเฉิงอิ้นออกมาจากถนนลูกรัง แล้วนำเขาไปวางไว้บนพื้นเรียบในบรรดาผู้บัญชาการของทัพแคว้นเยี่ยนของเซี่ยเวย มีทหารผ่านศึกนายหนึ่งชำนาญศาสตร์การแพทย์ เป็นหมอประจำกองทัพที่ติดตามทัพเขาพกเข็มสำหรับการฝังเข็มและครอบแก้ว ผ้าพันแปล และสมุนไพรบางส่วนติดตัวมาด้วย...เขาจับชีพจรจ้านเฉิงอิ้นก่อน จากนั้นก็เป็นอันต้องขมวดคิ้วตามมามั่วฝานกับจวงเหลียงจ้องเขาตาไม่กะพริบ พร้อมเอ่ยถามอย่างกระวนกระวายใจ “เป็นอย่างไรบ้าง?”ทหารผ่านศึกตอบ “ยังทันขอรับ ปกติร่างกายของท่านแม่ทัพก็ดีอยู่แล้ว ยังช่วยชีวิตได้!”ทั้งสองคนถอนหายใจเบา ๆ เฮือกหนึ่ง!หมอประจำกองทัพจุดตะบันไฟ เผาเข็มรอบหนึ่ง จากนั้นก็ทิ่มเข้าไปในจุดฝังเข็มบนร่างจ้านเฉิงอิ้น เพื่อห้ามไม่ให้เลือดออกตรงมุมปากของจ้านเฉิงอิ้นไม่มีเลือดออกมาอีกตรงบาดแผลใช้เหล้ามาฆ่าเชื้อ ก่อนจะพันด้วยผ้าพันแผลสุดท้ายก็ยัดยาลูกกลอนเม็ดเล็ก ๆ สีดำเม็ดหนึ่งเข้าไปในปากของจ้านเฉิงอิ้น...หลังทำทุกอย่างเสร็จ ก็จับชีพ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 398

    เขาไม่อยากเสียโอกาสนี้ไปแต่งงานกับเย่มู่มู่เป็นวิธีแก้สถานการณ์เพียงวิธีเดียวก่อนมาที่นี่ เขาเคยคิดว่าเย่มู่มู่เป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ หรือไม่ก็เป็นผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดาไม่ได้สะดุดตาอะไรหรืออาจเป็นผู้หญิงที่ชอบเขาตั้งแต่แรกเห็น และคลั่งไคล้เขาตั้งแต่เด็กเขาเคยเห็นผู้หญิงพรรค์นี้มามากมายหากเป็นแบบนี้จริง ๆ ก็จัดการง่ายแล้วเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า เย่มู่มู่จะสวยและมีความคิดเป็นของตัวเองขนาดนี้สิ่งที่ทำให้เขายากจะรับได้ก็คือ เย่มู่มู่ไม่ชอบเขาใช่แล้ว เขาจะบอกว่าชอบเย่มู่มู่ตั้งแต่แรกพบไม่ได้ทว่าครั้งแรกที่เห็นก็ตกตะลึงในตัวเธอ และมีความรู้สึกดี ๆ เลยเขาไม่สามารถรับได้ว่าเย่มู่มู่กลับไม่ชอบเขาหากไม่ชอบเขา แล้วลู่ซื่อกรุ๊ปจะแก้สถานการณ์อย่างไรเขาขยันขนาดนี้มาตั้งแต่เด็ก แข่งขันกับพี่ใหญ่มาสารพัดอย่าง ยังไม่ทันถึงนาทีสุดท้าย หรือว่าจะต้องยอมแพ้แล้วงั้นเหรอ?ไม่ เขาจะไม่ยอมแพ้เป็นอันขาดเย่มู่มู่ไม่มีทางไม่ชอบเขา!เห็นใบหน้าของลู่ฉีหยางคล้ำดำหมองไปหมด แล้วเข้ามาใกล้เธอ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆเย่มู่มู่กอดแจกันขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว หลับอยู่ในซอกห้องรับแขก“นี่ นี่พวกคุณกำล

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 397

    “ขอโทษด้วยจริง ๆ ฉันรับเอาไว้ไม่ได้...”เย่มู่มู่ปฏิเสธลู่ฉีหยางอย่างมีเหตุผลเต็มประดาครั้นลู่ฉีหยางได้ยินประโยคนี้ นิสัยเดิมก็เผยออกมาเขาสะบัดดอกไม้ไปบนพื้นอย่างแรงในทันใด กลีบดอกไม้ร่วงอยู่เต็มพรมและพื้นท่าทีสดใสงดงามในทีแรก สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเป็นขึงขังอย่างไร้ที่เปรียบ “เธอปฏิเสธฉันเหรอ?”เขากล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบน่าขนลุกเย่มู่มู่หลบไปข้าง ๆ เธอกลัวลู่ฉีหยางเล็กน้อยคนคนนี้เปลี่ยนสีหน้าเร็วกว่าเปิดหน้าหนังสือเสียอีกหลังจากนั้น ลู่ฉีหยางก็แสยะยิ้ม“เย่มู่มู่ ฉันให้เกียรติเธอ ถึงได้ให้เธอเป็นแฟนของฉัน เธอคิดว่า ตอนนี้เธอยังมีทางเลือกอีกเหรอ?” หลังจากนั้นลู่ฉีหยางก็ดีดนิ้วทีหนึ่งบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่นอกห้อง เข้ามาภายในห้องทั้งหมด พวกเขายืนตั้งแถวอยู่ตรงหน้าประตู ขวางทางออกทางเดียวของเย่มู่มู่เอาไว้ครั้นเย่มู่มู่เห็นภาพฉากนี้ ก็แอบคิดในใจจบเห่แล้วเดิมทีลู่ฉีหยางกับแม่เขาไม่ใช่คนสุภาพอะไรแม้จะบอกว่าเป็นบุคคลในสังคมชั้นสูง ปีนขึ้นมาได้ถึงตำแหน่งในตอนนี้ วิธีการต้องสกปรกโสมมกว่านักธุรกิจธรรมดาไม่เช่นนั้น พวกเขาคงไม่มีทางหยุดรถของเธอบนถนนใหญ่ และพาตัวเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 396

    “เครื่องประดับชุดนี้ ฉันประมูลมาจากงานประมูลสี่ร้อยล้าน”“ฉีหยางเจ้าลูกตัวแสบนั่น บอกว่าในงานเลี้ยงครบรอบสาขาย่อยคราวก่อน ไปทำให้เธอโกรธเข้า ถึงขั้นที่เธอออกไปโดยไม่ลา และทิ้งเขาไว้ที่งานเลี้ยง”“เรื่องนี้เขาเป็นคนผิด ควรขอโทษเธอ เครื่องประดับชุดนี้ ถ้าเธอรับเอาไว้ น้าก็จะทำเป็นว่าเธอให้อภัยเขาแล้ว”พูดพลางคุณหญิงลู่ก็ดันกล่องไปให้เย่มู่มู่เย่มู่มู่มองอย่างไม่แยแสทีหนึ่ง จากนั้นก็รีบชักสายตากลับไปแม้เครื่องประดับชุดนี้จะราคาแพงมาก แต่ใช่ว่าในตู้เซฟของแม่เธอจะไม่มีและเครื่องประดับที่จ้านเฉิงอิ้นส่งให้เธอ ทั้งราคาแพงและหายากกว่าชุดสร้อยพลอยชุดนี้กว่าเยอะเธอไม่ได้รับเอาไว้ และดันกล่องกลับไปอีกครั้ง“คุณน้าเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ เรื่องนี้ฉันเองก็มีส่วนผิด วันนั้นฉันไม่ควรไปร่วมงานเลย!”“และฉันเองก็คิดไม่ถึงว่า เขาจะวางแผนใหญ่โตขนาดนี้รอหนู”คำพูดที่เย่มู่มู่กล่าวออกมานี้ คุณหญิงไม่อยากที่จะได้ยินเลยสักนิดสำหรับเธอนั้น ลู่ฉีหยางลูกชายของเธอผลการเรียนยอดเยี่ยมมาตั้งแต่เด็ก ไม่ทำให้เธอเป็นกังวล ในแวดวงบรรดาเศรษฐินีเขาคือลูกบ้านอื่นมาตั้งแต่เด็กหน้าตาเขาหล่อเหลา ผลการเรียนดีเย

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 395

    ขณะที่สองมือของเศรษฐินีแตะตัวเย่มู่มู่ เย่มู่มู่เบือนตัวหลีกทันทีเศรษฐินีคนนี้ทำอย่างกับรู้จักมักคุ้นกันมานานเกินไปแล้วเธอไม่ได้รู้จักเศรษฐินีคนนี้สักหน่อยมิหนำซ้ำยังไม่ใช่เพื่อนสนิทของแม่อีกในขณะนี้เอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ลู่ฉีหยางที่ตั้งใจแต่งตัวอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวก็เดินออกมาครั้นเขาเห็นเย่มู่มู่ ดวงตาทั้งสองก็พลันเปล่งประกาย“มู่มู่ เธอมาแล้วเหรอ?”“แม่ฉันอยากเจอเธอมากแล้ว ตั้งแต่บินมาเมืองหลวง เธอก็ด่าฉันสาดเสียเทเสียยกหนึ่ง ว่าฉันเปิดเผยภูมิหลังและตัวตนของเธอ ทั้งที่ฉันไม่ได้บอกเธอสักคำได้ยังไง”“แต่เธอวางใจนะ ฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สื่อและนักข่าวจะไม่มีทางปล่อยข่าวออกไปแน่นอน แล้วก็หาภูมิหลังของเธอบนเน็ตไม่เจอด้วย”“แล้วก็ เธอสนใจไลฟ์สดที่เธอทำมาก ๆ ถามว่าเธอสนใจจะก่อตั้งบริษัทอินคิวไอดอลเอ็มซีเอ็นไหม...”คุณหญิงลู่คว้ามือของเย่มู่มู่เอาไว้อย่างกระตือรือร้น พร้อมลากเธอไปนั่งลงบนโซฟา“ไลฟ์ช่วยเกษตรกรที่เธอทำนั่น ได้เป็นที่นิยมในเน็ตมาก ๆ ได้รับความนิยมเยอะมาก ๆ ระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงสามเดือน ยอดแฟนคลับของห้องไลฟ์สดทั้งสองห้องก็สูงถึงสามสิบล้าน”“กระท

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 394

    บีบให้เธอต้องหยุดรถเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์สีดำคันหนึ่ง มีผู้ชายสวมชุดสูทสีดำ ใส่แว่นดำ รูปร่างสูงใหญ่ห้าคนลงมาจากรถดูแล้วพวกเขาคล้ายกับบอดีการ์ดมีผู้ชายสวมหมวกคนหนึ่ง มาตรงหน้ากระจกรถเย่มู่มู่ ก่อนจะเคาะกระจกรถเย่มู่มู่ลดกระจกลงท่าทีของผู้ชายคนนั้นมีมารยาทเป็นอย่างมาก หลังเขาถอดหมวกออกและเป็นฝ่ายคำนับให้เธอก่อน“คุณหนูเย่ ใช่ไหมครับ?”เย่มู่มู่พยักหน้า ในมือเธอกดเบอร์โทร 191 ไว้แล้ว หากอีกฝ่ายกระทำอะไรเกินขอบเขตออกมา...เธอจะต่อสายแจ้งตำรวจทันทีเพียงแต่อีกฝ่ายถามเธอด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม “คุณหญิงกับคุณชายบ้านผม อยากจะเชิญคุณไปทานข้าวสักมื้อน่ะครับ”ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสอง อีกสามชั่วโมงถึงจะเป็นเวลาอาหารเย็นข้ออ้างนี้จะเกินจริงไปหน่อยหรือเปล่าเย่มู่มู่ส่ายศีรษะ แล้วกล่าวปฏิเสธ “ฉันไม่มีเวลา!”“คุณหนูเย่ผมเห็นของที่คุณใส่ไว้เต็มรถ คุณจะส่งไปไหนเหรอครับ พวกเราช่วยไปส่งให้คุณได้นะครับ”“รบกวนคุณช่วยรับคำเชิญไปทานข้าวกับคุณผู้หญิงและคุณชายบ้านเราด้วยนะครับ”พูดพลางเหล่าบอดีการ์ด ก็เตรียมจะเปิดประตูด้วยท่าทีอันธพาล พวกเขาเข้าไปในรถบรรทุกคันน้อย แล้ว ‘เชิญ’ เย่มู

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 393

    ม้าขาวของจ้านเฉิงอิ้นพุ่งออกมาราวกับตกใจ เบื้องหลังม้าขาวมีผู้บัญชาการกลุ่มใหญ่กำลังไล่ตามมาเซี่ยเวย จ้าวเฉียน สวีจื่อหลิงต่างตะโกนใส่มั่วฝานว่า “สกัดเอาไว้ เร็วเข้า สกัดม้าเอาไว้...”“ท่านแม่ทัพใหญ่ได้รับบาดเจ็บหนัก ให้ม้าหยุด”มั่วฝานสั่งหน่วยกล้าตาย “ขวางม้าเอาไว้!”หน่วยกล้าตายล้วงเชือกออกมา แล้วคล้องคอม้าเอาไว้อย่างรวดเร็วม้าถูกหน่วยกล้าตายตรึงไว้อย่างแรงทั้งสี่ มันยกเท้าหน้าขึ้นสูง พร้อมคำรามด้วยความหวาดกลัว!ขณะนี้จ้านเฉิงอิ้นที่อยู่บนหลังม้ากำลังจะร่วงลงมาเหล่าทหารผ่านศึกมือเร็วตาไว รับตัวจ้านเฉิงอิ้นเอาไว้ทั้งเนื้อตัวของจ้านเฉิงอิ้นเต็มไปด้วยเลือด ถูกม้าทำให้สั่นโคลงเคลงอย่างแรง เดิมทีหมดสติไปแล้ว ทว่าตอนนี้ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทหารผ่านศึกตะโกนดังลั่น “ท่านรัฐทายาท ท่านแม่ทัพฟื้นแล้วขอรับ”มั่วฝานกล่าวอย่างร้อนใจ “เรียกหมอประจำกองทัพ เร็วเข้า...”วินาทีถัดมา มือที่เปื้อนเลือดสดของจ้านเฉิงอิ้นก็คว้าปกเสื้อของมั่วฝานเอาไว้ เนื่องจากเขาเห็นแจกันในอ้อมอกของมั่วฝานมั่วฝานรีบคุกเข่าลง พร้อมประคองเขาเอาไว้จ้านเฉิงอิ้นอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ครั้นอ้าปากก็อันกระอักเลือด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 392

    ทีแรกทั้งสองฝ่ายสู้กันมือเปล่า ทัพพันธมิตรสี่แคว้นด้วยจำนวนคนมาก จึงได้เปรียบอยู่เล็กน้อยหลังจ้านเฉิงอิ้นใช้วัตถุระเบิดจนหมดส่วนพวกเซี่ยเวยและจ้าวเฉียน นำห้าหมื่นคนเข้าสู่สนามรบสถานการณ์พลันพลิกกลับอาวุธของพวกเขาล้ำสมัยยิ่งนัก แม้ยังฝึกใช้ดาบม่อเตาไม่คล่อง ทว่าชุดเกราะและเสื้อกันกระสุนก็ป้องกันได้สองชั้นอาวุธของทัพศัตรูไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้ทัพแคว้นเยี่ยค่อย ๆ ถอยทัพทีละก้าว ๆคนเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆห้าหมื่นนายถูกระเบิดตายไปหลายพันนายเข่นฆ่ากับจ้านเฉิงอิ้นตายไปอีกบางส่วนตอนนี้เซี่ยเวยนำห้าหมื่นคนเข้าสู่สนามรบจำนวนของทหารแคว้นเยี่ยน กำลังลดลงไปอย่างรวดเร็วจากสี่หมื่นสองพันคน เพียงระยะเวลาไม่ถึงครึ่งถ้วยชา ลดลงไปถึงสามหมื่นสองหมื่น...ขณะที่ในสนามรบเหลือไม่ถึงหนึ่งหมื่นคนเยี่ยนเย่รู้ว่าสู้ไม่ไหวแล้วเขาหวังเพียงว่าคนอื่นจะช่วยเขาได้ทว่าครั้นเขาหันหลังกลับไปมองเจียงเหว่ยกับเกาอี้กลับนำคนเข้ามามีเพียงมู่ซาและกำลังพลห้าหมื่นนายของเขาขวางไว้ได้เพียงครู่หนึ่ง หลังพวกเขาลิ้มลอง ก็ค้นพบว่าอุปกรณ์ของกองทัพตระกูลจ้านร้ายแรงเพียงใดมู่ซาเองก็ต้านไม่อยู่ ตายไปหนึ่ง

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status