พี่ซุนดีใจกับข่าวที่คาดไม่ถึงนี้มาก “จริงเหรอครับ ผมจะได้เงินสี่หมื่นบาทต่อเดือนจริงๆ เหรอ? แล้วผมยังได้สวัสดิการห้าอย่างอีกต่างหาก?”“ใช่ เมื่อก่อนผู้จัดการไม่เคยให้คุณเหรอ?”“ถ้าให้ เงินเดือนที่ได้ก็จะน้อยลงครับ ดังนั้น…” พี่ซุนเกาหัว ไม่ได้พูดต่อเย่มู่มู่กล่าวต่อ “คุณกับยามจะมีเงินบำนาญและประกันสุขภาพ คุณไปถามคนในหมู่บ้านก็ได้ อายุสามสิบสี่สิบก็ได้หมด รู้จักนิสัยใจคอ เป็นคนซื่อสัตย์เชื่อถือได้!”“ได้ครับ ช่วงนี้มีคนกลับหมู่บ้านเยอะมาก พวกเขารับจ้างทำงานอยู่ข้างนอก หนึ่งเดือนยังหาเงินได้ไม่ถึงสามหมื่น แถมงานนี้เจ้านายยังช่วยจ่ายค่าประกันภัยอีก!”“ผมจะไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเดี๋ยวนี้ แล้วเรียกทุกคนมารวมตัวครับ”พี่ซุนขี่มอเตอร์ไซค์จากไปอย่างมีความสุขสองชั่วโมงต่อมา พี่ซุนโทรมาบอกว่าในหมู่บ้านมีวัยรุ่นว่างงานยี่สิบกว่าคนมาสมัครงานเย่มู่มู่โทรหาผู้จัดการบ้านพักตากอากาศเซียนหยวน ให้เขาไปสัมภาษณ์ เลือกผู้สมัครที่ดีที่สุดพนักงานต้องได้รับการฝึกอบรมหลายวันก่อนจึงจะเข้ามาทำงานได้ส่วนชุดยาม กระบองไฟฉาย ป้ายชื่อ ให้ผู้จัดการซื้อมาพร้อมกันเงินเดือนยามกับสวัสดิการห้าอย่าง บันทึกในน
วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเกินไป เย่มู่มู่จึงอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ แต่เมื่อเธอเห็นจดหมายของจ้านเฉิงอิ้นเขาต้องการส่งเงินทองและเครื่องประดับมากมายมาให้เย่มู่มู่ก็เลยอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อยมีผู้หญิงคนไหนบ้างไม่ชอบเครื่องประดับสวย ๆ เย่มู่มู่เขียนจดหมายตอบกลับเขาว่า “จ่ายเงินไปเยอะก็จริง แต่เงินทองและเครื่องประดับที่เจ้าส่งมาก่อนหน้านี้ก็เยอะมาก ตอนนี้ข้าเลยไม่ขาดเงินเท่าไหร่!”“ถ้าด่านเจิ้งกวนฝ่าวงล้อมโจมตีได้สำเร็จ เจ้าจำเป็นต้องใช้เงินเลี้ยงกองทัพอีกจำนวนมาก เจ้าเก็บเงินเอาไว้ใช้เถอะ!”จ้านเฉิงอิ้นปฏิเสธเย่มู่มู่ส่งของจำนวนมากมาให้แม้ว่าเขาจะไม่รู้ราคา แต่มันก็ต้องราคาสูงมากแน่นอน!“ข้าเองไม่ได้ขาดอะไร สิ่งที่ท่านเทพส่งมาให้ ดูแลได้ทุกด้านจริง ๆ”“เงินจำนวนนี้ล้วนเป็นความเต็มใจของเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งในด่านเจิ้งกวนมอบให้ ให้ข้าวสาร แป้งสาลีและน้ำมันกับพวกเขา พวกเขาก็ไม่ขาดทุนแล้ว!”เมื่อเห็นว่าจ้านเฉิงอิ้นมุ่งมั่นขนาดนั้น เย่มู่มู่ก็ได้แต่รับไว้“ก็ได้ งั้นข้าจะรับไว้!”เย่มู่มู่วางแจกันไว้กลางห้องรับแขกขนาดใหญ่ นั่งยอง ๆ อยู่กับพื้น สองมือเท้าคางรอคอย!หลังจากนั้นไม่กี
ช่วงเวลากลางคืน ไร้แสงจันทร์และลมแรงทหารสวมเสื้อเกราะกันกระสุน แบกหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน ขี่อยู่บนหลังม้ากองทัพของพวกเขามีประมาณร้อยคนเห็นจะได้จ้านเฉิงอิ้นส่งพวกเขาออกไปด้วยตัวเอง กำชับพวกเขาว่าความปลอดภัยต้องมาก่อนหนึ่งร้อยคนแบ่งออกเป็นสองหน่วย หนึ่งหน่วยโจมตีค่ายพักแคว้นฉู่หน่วยหนึ่งโจมตีค่ายพักแคว้นฉีเชื้อเพลิงที่นำมาวันนี้คือน้ำมันดีเซลทุกคนลองใช้น้ำมันดีเซลเพื่อดูว่าจะสามารถเผาไหม้ได้มากแค่ไหนเมื่อมาถึงจุดที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ทุกคนลงจากหลังม้าพวกทหารพากันซุ่มอยู่ในทุ่งหญ้ารกร้าง มั่วฝานกำลังบังคับอากาศยานไร้คนขับอากาศยานไร้คนขับบินเข้าไปในค่ายของกองทัพแคว้นฉู่ เพื่อดูว่ามีทหารลาดตระเวนกี่คน และกระโจมแม่ทัพอยู่ตรงไหนตำแหน่งของรถกระทุ้งกำแพงเมือง หน้าไม้ราชวงศ์ฉินจะสามารถยิงไปถึงหรือไม่ทุกคนมารวมตัวกันข้างอากาศยานไร้คนขับของเขา หลังจากหารือกันสักพัก จึงตัดสินใจโจมตีค่ายพักก่อนหลังจากกองทัพแคว้นฉู่เกิดความโกลาหล ค่อยโจมตีไปที่รถกระทุ้งกำแพงเมืองรอจนถึงเวลาที่เหมาะสม...เฉินขุยสั่งการ “จุ่มน้ำมันดีเซล จุดไฟ หน้าไม้ราชวงศ์ฉินเตรียมพร้อม... ยิง!”ฟิ้ว~เสียง
ขณะที่จ้านเฉิงอิ้นกำลังคิดเรื่องอนาคตบรรยายถึงอนาคตอันยิ่งใหญ่และกิจการอันยิ่งใหญ่~ซ่งอวิ๋นฮุยพาผู้ช่วยแพทย์สองคนเข้ามาอย่างรีบร้อนสีหน้าของเขาดูกังวล วิ่งจนเหงื่อออกเต็มหัว!เพราะใจร้อนเกินไป เข็มขัดเสื้อผ้าจึงคลายออก แต่กลับไม่รู้ตัว!“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว! ในเมืองมีโรคระบาด”เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของจ้านเฉิงอิ้นก็เปลี่ยนไปมาก “เกิดอะไรขึ้น? ในเมืองเกิดโรคระบาดได้อย่างไร?”“ต้นตอของโรคระบาดมาจากไหนไม่รู้ เมื่อเช้ามีคนตายไปสามคนแล้ว แถมยังมีคนติดเชื้ออีกห้าสิบคน”“พวกเขามีไข้สูง ข้ามองไม่ออกเลยว่าเป็นโรคระบาดอะไร!”“ข้าแยกคนติดเชื้อออกไปแล้ว พวกเขาอยู่ในคฤหาสน์หลังหนึ่ง รวมทั้งหมดห้าสิบสามคนขอรับ”โรคระบาดมาเร็วและรุนแรง ผู้ตายมีไข้สูงเมื่อคืนนี้ กลางดึกก็หมดสติไม่ฟื้นขึ้นมาพอไปดูอีกเมื่อเช้านี้ คนก็ไม่หายใจแล้วซ่งอวิ๋นฮุยไม่เคยเห็นโรคระบาดที่รุนแรงขนาดนี้ในบันทึกมาก่อน ตำราแพทย์ที่ท่านเทพส่งมา ก็ไม่มีบันทึกไว้“ท่านแม่ทัพ ข้ามีลางสังหรณ์ว่าถ้าควบคุมโรคระบาดไม่ได้ มันจะแพร่ระบาดไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว”ซ่งอวิ๋นฮุยพูดอย่างเป็นกังวล “เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราจะไม่อดต
เขาและซ่งอวิ๋นฮุยขี่ม้าไปที่ค่ายพักเขามองไปที่แจกัน เย่มู่มู่ไม่ได้ตอบจดหมายกลับมาเวลานี้ ดวงอาทิตย์เพิ่งจะขึ้น ตามวิธีพูดของท่านเทพ ยังไม่ถึงแปดโมง นางกำลังพักผ่อนอยู่โรคระบาดเป็นเรื่องที่เร่งรีบ รอไม่ได้แล้วเขาหาแท็บเลต ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ห้านาทีแล้วส่งกระดาษเหมือนกันไปด้วยบนกระดาษเขียนอาการของโรคระบาดร่างกายรู้สึกร้อนวูบวาบ เหมือนถูกไฟไหม้เหงื่อแตกจนทำให้เตียงเปียกได้ และเริ่มพูดเพ้อเจ้อสองชั่วยามต่อมา ชีพจรอ่อนแอลง ลมหายใจเริ่มติด ๆ ขัด ๆพอผ่านไปอีกหนึ่งหรือสองชั่วยาม ตอนที่พบ ก็หมดลมหายใจแล้วอุณหภูมิร่างกายของศพยังสูงมาก!*เย่มู่มู่ที่นอนหลับสนิทได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเธอลุกขึ้นจากเตียง ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ได้ยินเสียงแท็บเลตมือสองดังขึ้นใต้แจกันมีกระดาษสีขาวสองแผ่นตกอยู่ข้าง ๆกระดาษหนึ่งแผ่นถูกเขียนไว้เต็มหน้า ส่วนอีกแผ่นเขียนสองสามบรรทัด!เธอหยิบกระดาษขาวที่เขียนไว้ขึ้นมาลายมือสะเปะสะปะ ปากกาลูกลื่นเขียนเร็วและรีบร้อนหรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ด่านเจิ้นกวน?เธออ่านทั้งหมดแล้ว เหงื่อก็แตกพลั่กทันที!เกิดโรคระบาดในด้านเจิ้นกวน!โรคระบาด!
สถิติคร่าว ๆ ในตอนนี้ ผู้ติดเชื้อโรคระบาดมีประมาณพันคนคนพวกนี้ จะให้กักตัวก็คงสายไปแล้วบางทีจำนวนผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มเป็นหมื่นคน!ขณะที่จ้านเฉิงอิ้นกังวลกับโรคระบาด...ทหารที่คอยสังเกตการณ์กองทัพของแคว้นฉู่และแคว้นฉี ก็กลับมารายงานอย่างรวดเร็ว“รายงานท่านแม่ทัพ...มีการเคลื่อนไหวแปลก ๆ ที่แคว้นฉู่และแคว้นฉีขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นไปดูภาพสังเกตการณ์ตอนนี้จากอากาศยานไร้คนขับเมื่อคืนนี้ถูกไฟไหม้หนักค่ายทหารของแคว้นฉู่ทรุดโทรมอย่างหนัก กระโจมจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านมีศพที่ถูกเผาจำนวนมากวางอยู่นอกค่ายพักกองทัพแคว้นฉู่ไม่ได้ฝังศพ แต่โยนศพไปข้าง ๆในเวลานี้ หลิงเซี่ยวเฟิงออกคำสั่งให้ทหารทุกคนรวมตัว สวมชุดเกราะ ถืออาวุธในมือ เตรียมพร้อมออกเดินทางพวกเขากำลังเตรียมโจมตีด่านเจิ้นกวนหรือ?จ้านเฉิงอิ้นมาที่กำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว เห็นธงมังกรดำของแคว้นฉีอยู่ไม่ไกลทหารแคว้นฉียืนเต็มพื้นที่ กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาทางกำแพงเมืองระหว่างฟ้าดิน สิ่งที่เห็นคือสีดำที่มืดมัว!เกี้ยวที่อยู่ตรงกลางถูกล้อมรอบด้วยกองทัพแคว้นฉี ฮ่องเต้ฉีซวนเหิงสวมชุดหรูหราสีเหลืองสดใส นั่งอยู่บนเกี้ย
“โรงหมอกองทัพไม่สามารถจัดการกับโรคระบาดนี้ได้ หมอประจำกองทัพหลายคนก็ไร้ความสามารถ!”หลี่หยวนจงถามว่า “ระเบิดล่ะ? จะมาถึงเมื่อไหร่?”ดวงตาของจ้านเฉิงอิ้นมืดมน ขณะที่กำลังมองไปที่กองทัพใต้กำแพงเมืองที่บุกมาประชิดกำแพงเขากล่าวว่า “ระเบิดจะมาถึงตอนค่ำ ส่วนหน้าไม้ราชวงศ์ฉินกับดาบม่อเตาจะมาช่วงบ่าย!”แต่ตอนนี้~เหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วยามก่อนที่อาวุธจะส่งมาแต่ภายในไม่กี่ชั่วยามนี้ ส่วนใหญ่ในด่านเจิ้นกวนจะต้องร้อนระอุเถียนฉินและสวี่หมิงปิดปากปิดจมูก พยายามระงับอาการไอพวกเขาติดโรคระบาดแล้วเช่นนี้ แม่ทัพล่ะ...ใบหน้าของจ้านเฉิงอิ้นยังไม่ได้แปลกใจ!อย่างไรก็ตาม เถียนฉินและสวี่หมิงก็ไม่รอดเขาเองก็อาจจะติดเชื้อไปแล้วเฉินอู่มองไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยสายตากังวล “ท่านแม่ทัพ ร่างกายของท่าน...”เขาส่ายหัว “ไม่เป็นไร!”ปัญหาแรกตอนนี้คือการทำให้ศัตรูล่าถอยก่อนแม้ว่าหน้าไม้ราชวงศ์ฉินและดาบม่อเตาจะถูกส่งมาตอนบ่ายในเวลานั้น มีคนติดเชื้ออยู่เท่าไหร่ มีกี่คนที่สามารถดึงหน้าไม้ราชวงศ์ฉินได้หน้าไม้ราชวงศ์ฉินต้องใช้กำลังทั้งหมดของร่างกาย เท้าต้องเหยียบที่สายธนูเพื่อยิงทหารที่เป็นไข้สู
ตอนนี้ ก็ดูแค่ว่าใครจะทนไม่ไหวก่อนกัน!จวงเหลียงก็เห็นด้วยกับคำพูดของจ้านเฉิงอิ้น“ครั้งก่อนที่มาตีกำแพงเมือง ทั้งสองแคว้นล้วนพ่ายแพ้อย่างอนาถ ดังนั้น พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวอย่างหุนหันเป็นแน่”“นอกเสียจากจะมีความมั่นใจเต็มสิบส่วน มิเช่นนั้นไม่มีทางมาตีเมืองแน่!”“ตอนนี้ พวกเราได้แต่ภาวนา ให้ท่านเทพรีบส่งอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์มาเร็วไว หากเป็นเช่นนั้น อาจพอมีกำลังให้สู้ได้อีกครั้ง”ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ มีเพียงใช้ระเบิด จึงจะสามารถทำให้ถอยทัพได้ดังนั้น แม้จะส่งหน้าไม้มาก็อาจไร้ประโยชน์ เพราะเหล่าทหารติดโรคระบาด ไม่อาจง้างสายธนูได้ทุกคนล้วนกลัดกลุ้มใจ ต่างคิดหาทุกวิธีเพื่อถ่วงเวลาทำศึก!ในเวลานี้ มีทหารชั้นผู้น้อยมารายงานอีกครั้ง“รายงานท่านแม่ทัพ กองทัพเผ่าหมานปรากฏตัวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ขอรับ!”ทัพเผ่าหมานเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?พวกเขาคิดว่า เผ่าหมานล้มเลิกความคิดเกี่ยวกับด้านเจิ้นกวนไปแล้ว เพราะฝ่ายนั้นสูญเสียทหารไปกว่าแสนนายและผู้นำทัพก็มิได้อยู่ประจำการมานานแล้ว…คิดไม่ถึงว่า พวกมันยังกล้าบุกมาอีก!จ้านเฉิงอิ้นรีบเดินไปที่กำแพงเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อย่างรวดเร็ว
ตอนที่เธออายุประมาณห้าขวบ เคยพบเคยพบลู่ฉิงยวนครั้งหนึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมประจำปีขององค์กร ลู่ฉิงยวนถูกลุงพามาจากเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟู่ลี่กรุ๊ปเวลานั้นแม่ถามเธอว่า “ชอบพี่ชายตัวน้อยคนนั้นไหมจ๊ะ? ให้เขาเป็นแฟนของหนูดีไหม?”ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ฟันยังไม่ทันขึ้นครบเธอกำลังกินเค้กก้อนเล็ก ๆ พลางถามมารดาด้วยท่าทางน่ารัก “คุณแม่คะ แฟนคืออะไรเหรอคะ กินได้หรือเปล่า?”ผลลัพธ์ก็คือคำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงของลู่ฉิงยวนกับบิดาของเธอรู้สึกขบขัน!แต่ว่าเธอกับลู่ฉิงยวนเคยพบกันแค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพบกันอีกเลยตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่ฉิงยวนไม่ได้มาไว้ทุกข์ ทว่าลุงของเขาส่งของมาร่วมพิธี!แต่ว่าคนไม่ได้มา!แน่นอนว่าเย่มู่มู่สามารถเข้าใจได้ พอหมดอำนาจคนก็ลาจาก เด็กกำพร้าเช่นเธอไม่ค่าพอที่จะแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถอนตัวจากการบริหารฟู่ลี่กรุ๊ปทุกคนรู้ดีว่าเอาอกเอาใจเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ มีคนไปมาหาสู่อยู่บ้างทว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต ก็ไม่มีใครมาสนใจอีกเล
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงหลิวจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสู้ยิบตา จนคุณชายลู่รู้สึกเสียใจในภายหลังเขาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว ตบหน้า และสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าบอกว่าไม่ยินยอมหย่าร้าง ขอร้องให้คุณผู้หญิงหลิวให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจ เขาจึงลบข้อมูลการติดต่อของผู้หญิงทุกคนทิ้งไปจนหมด ต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิวทั้งยังเปิดเผยข่าวอื้อฉาวของนักแสดงที่เคยมาก่อเรื่องต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว และทำลายอาชีพของเธอ!นอกจากนี้ยังทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องตกงาน และถูกแบนในธุรกิจนั้นด้วยเขาเอาบ้าน และรถที่จ่ายเงินซื้อให้กับคุณหญิงลู่ กลับคืนมาทั้งหมด!บางทีคณผู้ชายลู่อาจจะแสดงเก่งจนเกินไป บางทีลูกอาจจะเล็กจนเกินไป จึงไม่อยากให้ลูกที่พอเกิดมาก็กลายเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณผู้หญิงหลิวจึงใจอ่อนเธอยอมรับคุณผู้ชายลู่ และชิงบริษัทที่อยู่ในมือของคุณชายลู่กลับคืนมาญาติพี่น้องและเพื่อนที่คุณชายลู่เอาเข้ามาก่อนหน้านี้ ถูกไล่ออกไปจนหมดเชิญพนักงานเก่ากลับเข้ามาโรงงานภายใต้การบริหารของคุณผู้หญิงลู่ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งและในครั้งนี้ คุณผู้หญิงหลิวได้บีบคุณผู้ชายลู่ให้ล
หากว่าทางจ้านเฉิงอิ้นสามารถเอาชนะการรบได้ เธอจะต้องเฉลิมฉลองให้สักครั้งอย่างแน่นอนเธอกับหลูหมิงคืนจักรยานไฟฟ้าอย่างมีความสุข และขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงฮ่าวอี้และเสี่ยวเฉิงที่เฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไป ก็ขับรถตามไปอยู่ห่าง ๆจนถึงวันนี้หวังเสี่ยวเฉิงก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ว่าเจ้านายของตนเองเป็นผู้บำเพ็ญเซียน“พี่ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม คุณหนูเย่เป็นนักศึกษาที่อายุยังน้อยแล้วก็สวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”“พี่ว่า ผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นไปขอให้เธอทดสอบหินวิญญาณให้ดีไหม ไม่แน่ผมอาจมีความสามารถในการบำเพ็ญเซียนเหมือนกันก็ได้?”ฮ่าวอี้กำลังมองคนปัญญาอ่อนที่ฝันกลางวันมาตลอดทั้งวัน “หุบปาก เย่มู่มู่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ผมรู้อยู่แล้วน่า ว่าเธอเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวเป็นคนธรรมดาเท่านั้น พี่ว่าตอนนี้เธอบรรลุถึงขั้นไหนแล้ว?”“ฝึกลมปราณ สร้างรากฐาน หรือว่าแก่นปราณทองคำ? สามารถดูดซับสายฟ้า เคลื่อนย้ายพายุฝน ขั้นต่อไปก็พลักภูเขาผลิกทะเล
แคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ หรือแม้กระทั่งแคว้นอวี่ กับแคว้นหย่งต่างก็กำลังจับจ้องกองทัพเผ่าหมาน...ทำไมงั้นหรือ?พวกเขาต่างก็ต้องการเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของแคว้นต้าฉี่เพราะความโง่เขลาและเหี้ยมโหดของฮ่องเต้น้อย ไม่แบ่งแยกถูกผิด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้านเฉิงอิ้นพวกเขาจึงต่างคิดว่าแคว้นต้าฉี่อ่อนแอข่มเหงได้ง่าย!หากในหกแคว้น แคว้นใดที่ล้มลงไวที่สุดย่อมต้องเป็นแคว้นฉี่ที่ปราศจากจ้านเฉิงอิ้นอย่างแน่นอนดังนั้น การที่เผ่าหมานแห่งม่อเป่ยบุกโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทุกแคว้นของหัวเซี่ยจึงจ้องกันตาเป็นมันหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยทำสำเร็จแคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ก็จะถอนทัพออกจากแคว้นเยี่ยนโดยทันที และยกกำลังทหารทั้งหมดไปที่แคว้นต้าฉี่ล่าสังหารราษฎรของแคว้นต้าฉี่มาเป็นเสบียงอาหารอย่างป่าเถื่อน เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งสองปีที่อันตรายที่สุดหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไรทหารเผ่าหมานที่กล้าหาญและสันทัดในการรบสองแสนคน ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็สามารถลดทอนกำลังของกองทัพตระกูลจ้านลงได้เมื่อพวกเขาบุกเข้าแคว้นต้าฉี่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นจุดจบเป็นเช่นไร พวกเขาเพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ดูไฟจา
ขอเพียงสามารถยึดครองทัพกระกูลจ้าน พวกเขาก็จะสามารถบุกเข้าเมืองหลวง และแช่งยิงแผ่นดินต้าฉี่มาได้ ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะถูกจ้านเฉิงอิ้นทำให้เสียเรื่องเขามองเข้าไปยังสนามรบ ที่ยังคงโรมรันกับกองทัพตระกูลจ้าน ทหารเผ่าหมานต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก จะให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ละทิ้งเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่เช่นนี้งั้นหรือ?ไม่มีทาง!เขายกดาบม่อเตาที่อยู่ในมือ จับจ้องไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว“ข้า ม่อเป่ยอ๋อง จะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”จ้านเฉิงถือดาบม่อเตาด้วยมือเดียว กระชับบังเหียนม้าและเดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา“หลัวซู่ เจ้าหมดหวังแล้ว เจ้าไม่อาจเอาชนะกองทัพตระกูลจ้านได้หรอก!”“ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”หลัวซู่ปักมีดลงไปในดินโคลน สายตาของเขาเย็นชา “ข้าเป็นบุรุษแห่งทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวความตาย!”“เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เหตุใดข้าจึงได้พ่ายแพ้เจ้าอย่างไร้สาระเช่นนี้ พ่ายแพ้เจ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”การศึกในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากกองทัพตระกูลจ้านของจ้านเฉิงอิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ขวัญกำลังใจ หรือว่าจำนวนคนที่ติดอาวุธ...ไม่ว่าจะ
หลัวซู่กับจ้านเฉิงอิ้นซึ่งเป็นผู้นำหลักของทั้งสองฝ่าย กำลังโรมรันกันอยู่ในสนามรบตอนที่ทหารเผ่าหมานทั้งหมดกำลังจดจ่ออยู่กับจ้านเฉิงอิ้นและหลัวซู่อยู่นั้นทันใดนั้นเอง รถบรรทุกสองคัน ก็พุ่งชนเข้ามาอย่างอุตลุด และพุ่งตรงไปทางกองฟืนทหารเผ่าหมานเห็นสิ่งที่ใหญ่มหึมาก็หน้าเปลี่ยนสี ทุกคนต่างก็วิ่งหนีแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางอย่างไม่คิดชีวิตเด็กสองคนที่ถูกขึงไว้บนท่อนไม้ ไม่มีคนคอยจับตาดูเอาไว้รถบรรทุกสองคันจอดอยู่รอบ ๆ กองฟืนกองทัพตระกูลจ้านที่อยู่บนท้ายรถ ยิงธนู ยิงปืน และยิงธนูทดกำลัง ขับไล่กองทัพเผ่าหมานที่อยู่บริเวณโดยรอบออกไปจนหมดทหารที่อยู่ท้ายรถบรรทุก กระโดดลงจากรถโดยทันที จากนั้นก็ตัดเชือกให้ขาดด้วยดาบเดียวในวินาทีที่เด็กร่วงลงมาก็รับไว้ได้อย่างมั่นคงอุ้มเด็กขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในด้านหลังของห้องโดยสารนับจากที่เด็กน้อยร้องให้งอแง จากนั้นก็ถูกช่วยเหลือ และยัดใส่ห้องโดยสาร…สำเร็จภายในอึดใจเดียว!ถึงขนาดที่แม้กระทั่งรถออฟโรดขนาดเล็กก็ยังไม่ได้เอาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถด้วยซ้ำในตอนนี้ทหารของกองทัพเผ่าหมานถึงได้รู้ตัวว่าพวกเขาถูกหลอกเข้าให้แล้วฝ่ายตรงข้ามไม่ได้บุ
“พยายามช่วยเหลือเด็กกับราษฎรห้าหมื่นคนออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกลัวดินระเบิดของพวกมัน คาดว่าตอนนี้คงเปียกโชกไปจนหมดแล้ว!”เฉินขุยหัวเราะเสียงดัง “เดิมทีท่านบอกว่ามีวิธี เป็นวิธีเช่นนี้นี่เองสินะขอรับ ท่านแม่ทัพใหญ่ การศึกในครั้งนี้พวกเราจะต้องมีชัยกลับมาอย่างแน่นอน!”พอวางจากวิทยุสื่อสารแล้ว จ้านเฉิงอิ้นก็นำแจกันเข้าไปเก็บในรถเขากล่าวกับมั่วฝานว่า “เดินหน้าเต็มที่ จู่โจมเต็มกำลัง...”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”มั่วฝานหยิบแท่งขยายเสียงออกมา ส่วนลำโพงประกาศเสียงขนาดใหญ่วางไว้ที่ด้านหลังของรถกระบะเขากล่าวเสียงดัง “ท่านแม่ทัพมีคำสั่ง จู่โจมเต็มกำลัง...”*เผ่าหมานคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนที่พวกเขากำลังเฉลิมฉลองกับฝนที่ตกหนักอยู่นั้นจะมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างกะทันหันตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นสียงฟ้าร้อง จึงไม่ได้ให้ความสำคัญอันใด!เนื่องจากเสียงฟ้าร้องยังคงอยู่ และมีฟ้าผ่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักทว่าเมื่อฟังอย่างละเอียด กลับดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้อย่างมาก!จนกระทั่ง มีระเบิดตกลงมาข้างกายพวกเขา มีคนหลายร้อยคนถูกระเบิดจนตายพวกเขาจึงได้ค้นพบว่า...มารดามันเถิด ตอนที่พวกเขากำลังเฉลิมฉลองกับฝนท
เมื่อมั่วฝานได้ยินคำพูดเช่นนี้ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ“เป็นเจ้าจริง ๆ งั้นหรือ?”จ้านเฉินอิ้นยิ้มพลางส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ข้า แต่เป็นท่านเทพ...”“เป็นนางงั้นหรือ?”“นางดูดน้ำฝนเข้ามาในแจกัน และข้าก็เคลื่อนย้ายน้ำฝนจากแจกันมายังแผ่นดินอันแห้งแล้งของตงโจว...”เมื่อมั่วฝานได้ฟัง ก็หัวเราะเสียงดังในทันที“เช่นนั้น พวกเจ้าทั้งสองร่วมแรงกันลำเลียงน้ำฝนจากยุคปัจจุบันมาที่นี่กระนั้นหรือ?”“ใช่!”“ดียิ่งนักจ้านเฉิงอิ้น! ต้าฉี่ของพวกเรามีทางรอดแล้ว แม่น้ำแห้งเหือด แผ่นดินแตกระแหงแล้วอย่างไรเล่า...”“พวกเจ้าสามารถลำเลียงน้ำได้นี่นา ฮ่าฮ่าฮ่า สวรรค์ไม่ปล่อยให้กองทัพตระกูลจ้านของข้าต้องพินาศ!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าลองบินอากาศยานไร้คนขับดูหน่อย ข้าควบคุมขอบเขตของฝนตกเอาไว้แล้ว ลองดูว่าสถานที่ที่ฝังดินระเบิดเอาไว้ โดนฝนจนเปียกไปแล้วหรือไม่!”“ได้!”มั่วฝานสั่งให้หน่วยกล้าตายผู้หนึ่งบินอากาศยานไร้คนขับขนาดกลาง เพราะว่าไม่ต้องเกรงกลัวสภาพอากาศฟ้าร้องและฟ้าผ่า และบินได้ไกลขึ้นเล็กน้อยมุมมองภาพของอากาศยานไร้คนขับ นอกเมืองตงโจวยังคงแห้งแล้งดวงอาทิตย์ที่แผดเผาทำให้อากาศข
หากว่าถูกเผ่าหมานเผาจนตาย หรือแม้กระทั่งโดนกิน มั่วฝานคงจะรับไม่ได้!นี่ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นบุตรของแม่ทัพลู่หรือไม่ แต่ว่าทุกการกระทำของเผ่าหมาน ล้วนมาถึงจุดที่แม้แต่สวรรค์หรือมนุษย์ต่างก็พากันแค้นคืองแล้วเขาทำได้เพียงจงเกลียดจงชังตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเด็กได้เท่านั้นจ้านเฉิงอิ้นให้จวงเหลียงหยุดรถจวงเหลียงหยุดรถ พลางหันไปมองจ้านเฉิงอิ้น“เกิดอันใดขึ้นขอรับ? ท่านแม่ทัพ!”หากขับรถไล่ตามให้เร็วขึ้น อาจจะยังทันแต่ถ้าหยุดอยู่กลางทาง จะต้องไม่ทันกาลเป็นแน่!จ้านเฉิงอิ้นเปิดวิทยุสื่อสาร กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เฉินขุย เฉินอู่ ประเดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ให้เดินหน้าอย่างเต็มกำลัง!”ในวิทยุสื่อสาร มีเสียงของทั้งสองคนดังออกมา “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”“ซ่งตั๋ว ต้องสอดประสานกับเฉินขุยให้ดี!”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”จ้านเฉิงอิ้นลงจากรถมั่วฝานได้ตามลงมาจากรถด้วยหน้าจอของอากาศยานไร้คนขับที่อยู่ในมือของเขา กำลังแสดงภาพของแม่ทัพภายใต้การบัญชาการของหลัวซู่กำลังถือคบเพลิง และจุดกองฟืน... ฝืนนั้นแห้งเกินไป ไฟจึงลุกไหม้ในทันทีเด็กทั้งสองร้องไห้อย่างน่าเวทนามากยิ่งขึ้น!จ้านเฉิงอิ้นวาง