แชร์

บทที่ 92

ผู้เขียน: กระจอก
อู๋กังกัดฟันกำหมัดสองข้างแน่น พูดกับโจวเทียนเฟิ่งด้วยสีหน้าไม่เต็มใจว่า “เจ๊! เมื่อกี้ผมแค่ประมาทไปชั่วคราว ถ้าเกิดให้โอกาสผมอีกสักครั้ง...”

“เถียงข้าง ๆ คู ๆ!”

นัยน์ตางดงามของโจวเทียนเฟิ่งเบิกกว้าง ตำหนิด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ประมาทไปชั่วคราว? ขนาดฝาถ้วยนายยังรับไม่ได้เลย ต่อให้นายไม่ได้ประมาท นายจะทำอะไรได้อีก?”

“ฉันไม่อยากทวนคำพูดเมื่อกี้ซ้ำเป็นรอบที่สองหรอกนะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อู๋กังก็อดเดือดเป็นฟืนเป็นไฟไม่ได้

แต่คำพูดของโจวเทียนเฟิ่งมาถึงขนาดนี้แล้ว หากเขายืนกรานต่อไปอีกก็เป็นการต่อต้านโจวเทียนเฟิ่งแล้ว

พอคิดถึงตรงนี้ อู๋กังก็ฝืนข่มกลั้นความโกรธในใจ เดินเข้าไปใกล้ฉู่เฉินแล้วคุกเข่าลงกับพื้นดังตุบก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า “ขอโทษด้วยครับ”

ฉู่เฉินกวาดตามองอู๋กังเหมือนขี้เกียจจะยุ่งกับเขาแล้วโบกมือเอ่ยว่า “ก็แค่นั้น”

จากนั้นเขาก็หันหน้ามองไปทางโจวเทียนเฟิ่งอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “คุณรู้ที่อยู่ของซ่งหู่ไหม?”

การจัดการกับซ่งหู สำหรับฉู่เฉินแล้วเป็นเพียงเรื่องง่าย ๆ เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นสำนักเฟิ่งมีความสำคัญมากต่อฉู่เฉินในเวลานี้

ยาบำรุงปราณจะสามารถเปิดตลาดชั้นสูงได้อย่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 93

    ถึงอย่างไรการขอความช่วยเหลือแบบนี้ ถ้าเกิดไม่บอกกล่าวล่วงหน้าก็ยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ฉู่เฉินเกิดความระแวงได้ “ไม่เป็นไรครับ ถ้าเกิดเขาจัดการซ่งหู่ได้ก็ ผมก็จะได้ไม่ต้องออกแรงเอง” ฉู่เฉินไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เขาพูดกับโจวเทียนเฟิ่งอีกหลายประโยคแล้วก็วางสายโทรศัพท์ หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว ฉู่เฉินก็ศึกษาค่ายกลในวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ต่อเพียงแต่ว่าระดับของเขาในตอนนี้ไม่เพียงพอ ดังนั้นค่ายกลที่สามารถศึกษาได้เลยมีจำกัดอย่างมาก อย่างไรก็ตามเคล็ดวิชาค่ายกลกันเสียงในนั้นกลับทำให้ฉู่เฉินค่อนข้างรู้สึกสนใจ ฉู่เฉินเขียนตัวอักษรโบราณสมัยราชวงศ์ฉินที่ซับซ้อนหลายตัวกลางอากาศตามที่บันทึกไว้ในนั้นแล้วก็สั่งเบา ๆ ว่า “ลุกขึ้น!” ตูม!พริบตานั้นเหมือนกับมีม่านแสงสีขาวระเบิดขึ้นทั่วทั้งห้อง แต่ก็เป็นแค่ชั่วแวบเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นฉู่เฉินก็หาเครื่องบันทึกเสียงรุ่นเก่ามาปรับเสียงให้ดังที่สุดแล้วค่อยถอยไปที่ลานบ้านคิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้ยินเสียงรอบ ๆ บริเวณเลยแม้แต่น้อย ประสิทธิผลของการกันเสียงดีมากจริง ๆ นอกจากนี้ฉู่เฉินยังค้นพบอย่างปาฏิหาริย์ว่าค่ายกลกันเสียงนี้ไม่เพียงสามารถเสียงได้เท่า

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 94

    จงอาหู่พาฉู่เฉินมาที่ห้องส่วนตัวหรูหราชั้นบนสุดของภัตตาคารตรงข้ามศาลาเจียงซิน เวลานี้โจวเทียนเฟิ่งกับอู๋กังรวมถึงหัวหน้าหลายคนของสำนักเฟิ่งต่างนั่งล้อมวงอยู่ในห้องส่วนตัว เมื่อเห็นฉู่เฉินมาถึง โจวเทียนเฟิ่งก็ลุกขึ้นมาต้อนรับก่อน “ปรมาจารย์ฉู่ เชิญนั่งเลยค่ะ”โจวเทียนเฟิ่งกล่าวจบก็รินน้ำชายื่นให้ฉู่เฉินด้วยตัวเอง คืนนี้โจวเทียนเฟิ่งสวมชุดกี่เพ้าผ่าสูงสีขาวลายดอกไม้แดง ขับเน้นทรวดทรงโค้งเว้าของเธอให้ดูเย้ายวนเป็นพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดหยกตรงหน้าอกสองลูกนั้น ดูไปแล้วยิ่งใหญ่อลังการมากขณะที่เธอยกขาขึ้นแล้ววางเท้าลงเผยให้เห็นชายลูกไม้สีชมพูวับ ๆ แวม ๆ ยิ่งสังหารผู้ชายนับไม่ถ้วน แม้แต่ท่อนไม้อย่างฉู่เฉินก็อดมองหลายครั้งไม่ได้แม้ว่าโจวเทียนเฟิ่งอายุเกินสามสิบแล้ว แต่เธอเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดลักษณะท่าทางเหมือนสาวเซ็กซี่รุ่นใหญ่ ทำให้หยุดปรารถนาไม่ได้ ผู้หญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่และแฝงไปด้วยออร่าของผู้มีอำนาจเช่นนี้ไม่ใช่คนที่พวกสาวสวยเยาว์วัยเหล่านั้นเทียบได้เลยภายใต้การขับเน้นของแสงไฟยามค่ำคืน โจวเทียนเฟิ่งดูงดงามราวกับงานศิลปะชิ้นหนึ่งจริง ๆ “คนแซ่ฉู่ นายมองอะไรน่ะ!”

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 95

    จินเจิ้นหลง!เจ้าของสำนักมวยทั้งสี่แห่งของเจียงจง ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ที่มีอยู่ไม่กี่คนในเจียงจงด้วยแค่อำนาจกดดันน่าสะพรึงกลัวเฉพาะตัวผู้ฝึกยุทธ์ก็ทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้สัมผัสได้ถึงความรู้สึกกดดันอันน่ากลัวกันหมดแล้ว ด้านหลังเขายังมีลูกศิษย์เยาว์วัยสวมชุดนักดาบตามมาอีกสองคนแค่กลิ่นอายรอบตัวลูกศิษย์สองคนนั้นก็ไม่ด้อยไปกว่าอู๋กังเลยแม้แต่น้อย “คารวะท่านปรมาจารย์จิน!”“คารวะเจ้าสำนักจิน!” หลายคนที่นำโดยอู๋กังรีบลุกขึ้นประสานมือคำนับจินเจิ้นหลง โจวเทียนเฟิ่งก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน เธอเดินเข้าไปต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะผงกศีรษะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าสำนักจิน ขอบคุณที่ให้เกียรติมานะคะ” จินเจิ้นหลงพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเย่อหยิ่งเย็นชา สายตาทอดมองไปที่ฉู่เฉินโดยไม่ได้ตั้งใจก่อนจะอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้แม้แต่เจ้าสำนักเฟิ่งก็ลุกขึ้นมาต้อนรับด้วยตัวเอง แต่ไอ้เด็กนี่ยังคงนิ่งเหมือนกับภูเขาไท่ซานเนี่ยนะ?“สหายน้อยคนนี้แตกต่างจากคนอื่นจริง ๆ”จินเจิ้นหลงเอ่ยเป็นนัยก่อนจะแค่นหัวเราะ มองฉู่เฉินอย่างละเอียดพลางกล่าว“คนแซ่ฉู่ นายยังกล้าทำตัวกำเริบเสิบ

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 96

    ฉู่เฉินดื่มน้ำชาหนึ่งอึกแล้วเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ขอโทษด้วยนะครับ คุณยังไม่คู่ควรพอที่จะรู้ชื่อของท่านอาจารย์”นี่ไม่ใช่ว่าฉู่เฉินตั้งใจดูหมิ่นจินเจิ้นหลง แต่ว่าปรมาจารย์ตัวเล็ก ๆ อย่างเขายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้นามอันยิ่งใหญ่ของราชันมังกรแห่งแดนเหนือจริง ๆ เพียงแต่ว่าคนรอบข้างกลับไม่คิดเช่นนี้ ในความคิดของพวกเขา ฉู่เฉินรนหาที่ตายเสียแล้วถึงแม้ว่าจินเจิ้นหลงเรียกนายว่าปรมาจารย์ แต่นายคิดว่าตัวเองเป็นปรมาจารย์ระดับเดียวกับเขาจริง ๆ เหรอ? หากนี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายแล้วเป็นอะไร? จินเจิ้นหลงหรี่ตา เขากัดฟันมองฉู่เฉินอย่างละเอียดแล้วกล่าวว่า “เหอะ ถึงแม้คนหนุ่มสาวต้องการแสดงความสามารถ แต่บางครั้งแสดงออกมากเกินกลับทำให้อายุสั้นลงได้นะ”อู๋กังก็แค่นเสียงเย็นเช่นกันแล้วเอ่ยกับฉู่เฉินด้วยสีหน้าดูแคลนว่า “คนแซ่ฉู่ นายรู้ไหมว่าคนที่อยู่ตรงหน้านายคือใคร? เขาคือยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ของเจียงจงเรานะ!” “ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเจ้าสำนักจินไม่อยากลดตัวมาคิดเล็กคิดน้อยกับคนไร้ชื่อเสียงเรียงนามอย่างนาย ตอนนี้หญ้าบนหลุมฝังศพของนายคงสูงสองฟุตไปแล้ว!”“ยังไม่รีบขอโทษเจ้าสำนักจินอีก!” ลูกศิษย์สองค

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 97

    เมื่อเห็นจางคุนจ้องมองตนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ฉู่เฉินก็เอ่ยปากอย่างเฉยชาว่า “ในเมื่อเขากล้าบุกมาอย่างเปิดเผยก็ต้องมีการเตรียมการไว้นานแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ทางที่ดีอย่าพูดให้แน่นอนเกินไป”“ไม่อย่างนั้น หมัดเท้าไม่มีตา ดาบกระบี่ไม่มีความปรานีหรอกนะครับ” “นายว่าไงนะ!” จางคุนโกรธหน้าดำหน้าแดง ถ้าเกิดบอกว่าเมื่อกี้เป็นเพียงความบังเอิญ เช่นนั้นตอนนี้ยืนยันแล้วว่าเมื่อกี้ฉู่เฉินกำลังเย้ยหยันเขา “คุณจาง ช่างเถอะค่ะ คุณฉู่ก็พูดด้วยความหวังดี” โจวเทียนเฟิ่งรีบลุกขึ้นมาไกล่เกลี่ย และส่งสัญญาณให้ฉู่เฉินว่าอย่าทำลายมิตรภาพเป็นอันขาด ฉู่เฉินส่ายหน้าอย่างจนใจ ขี้เกียจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากกว่านี้แล้วพูดตามตรง ตั้งแต่ที่พวกจินเจิ้นหลงเข้ามา ฉู่เฉินก็ทำการสังเกตพวกเขาแล้วอันที่จริงถึงแม้จางคุนผู้นี้จะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับกำลังภายใน แต่รากฐานไม่แข็งแรง ขอเพียงเจอยอดฝีมือย่อมเสียเปรียบอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างซ่งหู่ที่มาเพื่อแก้แค้นยิ่งไม่มีทางออมมือให้ เมื่อถึงเวลานั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะจบลงอย่างน่าเศร้าถ้าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส ในเมื่อคนเขาไม่รับน้ำใจ ฉู่เฉินก็

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 98

    เมื่อเดินมาถึงบริเวณที่ใกล้กับศาลาเจียงซิน ฉู่เฉินก็กวาดตามองไปรอบ ๆ ในพุ่มไม้ริมแม่น้ำ สามารถมองเห็นลูกน้องสำนักเทียนเฟิ่งที่สวมชุดดำถือมีดหลายสิบคนได้ราง ๆ ส่วนสองข้างทางของถนนที่อยู่ใกล้เคียงก็แทบไม่มีคนเดินผ่านเลย มีพ่อค้าเร่อยู่ไม่กี่คน พวกเขาก็เหมือนกับรู้ข่าวอะไรบางอย่าง รีบเข็นรถขายอาหารวิ่งหนีไปไกล ๆ “เจ้าสำนักโจว คุณเป็นคนจัดเตรียมคนพวกนี้เหรอครับ?” ฉู่เฉินเอ่ยถามอย่างเฉยชา โจวเทียนเฟิ่งพยักหน้าอย่างหนักแน่นและเอ่ยว่า “อื้อ” “หลายปีก่อนปล่อยให้ซ่งหู่ฉวยโอกาสตอนที่วุ่นวายหนีออกไปจากเจียงจงถึงได้ฝังรากเหง้าของเภทภัยเอาไว้ ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงก็จะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้อีกแล้ว” ฉู่เฉินยิ้มเจื่อนพลางส่ายหน้ากล่าวว่า “เจ้าสำนักโจว คุณคิดว่าการเตรียมการพวกนี้จะมีประโยชน์เหรอ?” “ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับที่มีกำลังภายใน เขาจะมีความรู้สึกไวสุดขีดต่อจิตสังหารรอบ ๆ คนพวกนี้นอกจากจะทำให้เขาเพิ่มความระมัดระวังตัวแล้วก็ไม่มีประโยชน์เลยสักนิดเดียว” “นอกจากนี้ถ้าเกิดซ่งหู่ได้รับชัยชนะ อย่างมากสุดคนพวกนี้ก็เป็นแค่ตัวรับกระสุนเท่านั้น ถ้าเกิดซ่งหู่แพ้ คุณคิดว่าเขาจะมีโอ

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 99

    พวกจินเจิ้นหลงเองก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอย่างรุนแรงพุ่งเข้ามาเช่นกัน พวกเขาพากันมองไปยังเงาดำนั้น “เป็นซ่งหู่!” อู๋กังมองแวบเดียวก็จำคนที่เดินบนน้ำได้ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเหลือเชื่อนิดหน่อย ตามหลักแล้วผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ระดับกำลังภายในไม่มีทางเดินบนน้ำเหมือนซ่งหู่ได้เลย หรือว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์?ไม่เพียงแต่อู๋กังที่ตกตะลึงเล็กน้อย แม้กระทั่งนัยน์ตางดงามของโจวเทียนเฟิ่งก็มีร่องรอยความหวาดกลัวพาดผ่าน “เขามาแล้ว” โจวเทียนเฟิ่งกล่าวพลางลุกขึ้นมาอย่างช้า ๆ จ้องมองซ่งหู่ที่ทะยานข้ามกลางแม่น้ำ ฉู่เฉินก็มองร่างที่อยู่ตรงข้ามเช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เกรงว่าเจ้าสำนักจินจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขานะ” “นายว่าไงนะ!” จางคุนได้ยินคำกล่าวก็หันหน้ามาฉับพลันแล้วจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธ จินเจิ้นหลงก็ขมวดคิ้วเช่นกันก่อนจะเบนสายตาเล็กน้อย ถลึงตาใส่ฉู่เฉินด้วยความไม่พอใจสุดขีด ไอ้คนปากเสียคนนี้คอยสาปแช่งเขามาตลอดตั้งแต่ที่เจอหน้ากันอีกเดี๋ยวจัดการซ่งหู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสั่งสอนบทเรียนให้เขาสักหน่อย! ให้เขาเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าไม่อาจหมิ่นเกียรติปรมาจารย์ เมื่อดู

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 100

    “ฮ่า ๆๆ!” ซ่งหู่เห็นจางคุนพุ่งมาหาเขาก็แหงนหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่งหลายครั้ง ก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า “ไอ้คนรนหาที่ตาย ตายซะเถอะ!”เมื่อสิ้นเสียงพูด ซ่งหู่ก็เหวี่ยงแขนข้างหนึ่ง หมัดหนัก ๆ สังหารตรงเข้าใส่หน้าอกของจางคุน โครม! หลังจากที่เขาต่อยหมัดนี้ออกไปก็มีเสียงแหวกอากาศระเบิดขึ้นรอบ ๆ บริเวณทันที ทุกคนมองเห็นชัดเจนว่าอากาศรอบตัวซ่งหู่เกิดระลอกคลื่นซี้ด!พลังปราณน่ากลัวมาก!แม้แต่อู๋กังก็อดสูดลมหายใจเย็นยะเยือกไม่ได้ ต่อให้ความสามารถของเขาอยู่ในขั้นกำลังภายในระดับสูงสุดก็ไม่สามารถต่อยแหวกอากาศเหมือนซ่งหู่ได้ ฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “บอกตั้งนานแล้วว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย จะไปตายให้ได้” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จินเจิ้นหลงก็อดทำหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธไม่ได้! แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากสั่งสอนฉู่เฉินก็ได้ยินเสียงที่ดังเข้ามาอย่างชัดเจนมากต่อจากนั้น ร่างหนึ่งที่มีเลือดติดอยู่ก็ลอยออกไปเจ็ดแปดเมตร ตูม! ร่างของจางคุนกระแทกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงราวกับกระสุนปืนใหญ่ แม้แต่พื้นหินอ่อนก็โดนกระแทกจนเกิดรอยร้าวราวกับใยแมงมุม“พรวด!”

บทล่าสุด

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 832

    ด้วยเหตุนี้เองถึงทำให้เกาเซิ่งอี้บ้าคลั่งขึ้นมาโดยสิ้นเชิง “ครับ! พอถึงเวลานั้น ผมจะให้เฮ่อเซวียนบีบบังคับให้แม่ลูกตระกูลหลิ่วมอบของออกมา” ฉีอวี่ไท่เอ่ยด้วยความมั่นใจแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหยกโลหิตกิเลนมีประโยชน์อะไร แต่ว่าขอเพียงได้ของชิ้นนี้มาก็เท่ากับทำให้ตระกูลฉีมีต้นทุนที่จะได้ก้าวขึ้นไปสู่ตระกูลชั้นนำอย่างแท้จริง ตามผลประโยชน์ที่เกาเซิ่งอี้รับปากว่าจะมอบให้ตระกูลฉี ลูกหลานของตระกูลฉีในสามรุ่นจะสามารถกราบเข้าสำนักบำเพ็ญเพียรได้ทั้งหมด ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่ถึงสิบปี ตระกูลฉีก็สามารถก้มลงมองไปยังตระกูลธุรกิจกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้แล้ว หากทำงานให้สมาคมกิเลนสำเร็จ ตระกูลฉีจะสามารถใช้โอกาสนี้เป็นสะพานเชื่อมเพื่อเข้าร่วมสมาคมกิเลนอย่างเป็นทางการเช่นนั้นก็หมายความว่าตระกูลฉีจะมีเส้นสายกับคนที่น่ากลัวในโลกแห่งการหยั่งรู้ได้ อนาคตในวันข้างหน้าก็จะไร้ขีดจำกัด.....เพิ่งจะกลับมาถึงเจียงจง โทรศัพท์ของฉู่เฉินก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขแปลก ฉู่เฉินก็ลังเลไปชั่วครู่ก่อนจะกดรับสาย“คุณฉู่ ตอนนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ?”ไม่นานก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนของจางม่านดังมาจากป

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 831

    เมื่อเห็นท่าทางอ่อนต่อโลกของโฮ่วเจี้ยนอิง ฉู่เฉินถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างน่าพรั่นพรึงว่า “ต้นทุนยาบำรุงปราณไม่ถึงหนึ่งร้อย แต่ราคาตลาดขายได้หลายล้านต่อเม็ดไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่เห็นแก่ที่พวกคุณต้องการปริมาณมาก ห้าแสนผมก็ไม่ขายหรอก”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเจื่อนพลางพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าจัดหาให้ได้เดือนละเท่าไหร่ครับ?”“สัปดาห์ละหนึ่งร้อยเม็ด นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว อีกอย่างยาชนิดนี้ไม่มีผลกับคนตาย ตนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หนึ่งปีมีแค่ไม่กี่ราย จำนวนเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งอันที่จริงวิธีการหลอมยาสร้างกล้ามเนื้อไม่ได้ซับซ้อนเลย เพียงแต่ว่าตอนที่ใช้ไฟกลั่นขั้นสุดท้าย จำเป็นต้องใช้เปลวไฟหยินบริสุทธิ์ในการกลั่นเท่านั้นด้วยเหตุนี้ในแง่ของการผลิตจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉู่ซื่อกรุ๊ป สิ่งที่ฉู่เฉินต้องทำก็คือไปกลั่นไฟทุกอาทิตย์แต่ในระดับขั้นของฉู่เฉินในตอนนี้ การหลอมยาชั้นหนึ่งจำนวนหนึ่งร้อยเม็ดก็เป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้วเห็นได้ชัดว่าโฮ่วเจี้ยนอิงไม่พอใจกับจำนวนเท่านี้ แต่เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนปรน ก็ได้แต่คว้าสิ่งที่ดีรองลงมา ถ

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 830

    “งั้นก็ได้ครับ ยังไงผมก็จำเป็นต้องกลับไปกับคุณฉู่อยู่แล้ว”หลูติ้งไห่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง“ได้ครับ คุณฉู่ เชิญด้านนี้ครับ”ขณะที่กำลังพาฉู่เฉินไปที่ห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิง โจวอวี้หมิงก็สั่งให้ทหารคนสนิทพาหลูติ้งไห่ไปยังห้องพักเมื่อเปิดประตูห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิงออก โจวอวี้หมิงก็เริ่มเข้ามาแนะนำโฮ่วเจี้ยนอิงให้ฉู่เฉินได้รู้จักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณฉู่ นี่คือท่านโฮ่วเจี้ยนอิงผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในแปดเทพนักรบแห่งแดนมังกรของเรา”ฉู่เฉินและโฮ่วเจี้ยนอิงสบตากัน ราวกับว่าพวกเขากำลังจะปล่อยประกายไฟที่รุนแรงออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน โฮ่วเจี้ยนอิงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณเป็นเด็กหนุ่มคนแรกที่สามารถจ้องตาผมได้นานขนาดนี้”“คุณเองก็เป็นชายแก่คนแรกที่ยังไม่ถูกคลื่นลูกใหม่ผลักตกจากชายหาดนะ”ฉู่เฉินยิ้มเยาะ“เหอะ ๆ คุณพูดอะไรน่ะ!”โจวอวี้หมิงรีบสะกิดไปที่ไหล่ของฉู่เฉิน และส่งสายตาเตือนเขาโฮ่วเจี้ยนอิงถูกย้ายไปที่มณฑลเจียงแล้ว ซึ่งทำให้เขาอารมณ์เสียมากพออยู่แล้ว แต่ฉู่เฉินยังมายั่วโมโหเขาอีก นี่มันหาเรื่องมีปากเสียงกันไม่ใช่เหรอ?“คุณมีความสามารถมากจริง ๆ”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเล็กน้

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 829

    เซียวเฟิงถูกฉู่เฉินซักถามจนหน้าตาแดงก่ำ เขาอยากจะด่ากลับไปจริง ๆ แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนหลายพันคน เขาด่าออกไปไม่ได้จริง ๆ “ผู้นำเซียว เขาพูดอะไรน่ะ กลางวันอะไร ชาวบ้านทำนาอะไร?” หานหลิงผ้าเช็ดหน้าให้เซียวเสวี่ยอิ๋งถามขึ้นอย่างสงสัย“หุบปาก!”ดวงตางามของเซียวเสวี่ยอิ๋งพลันเย็นชา แล้วถลึงตาใส่หานหลิงหนัก ๆไม่ได้เรียนหนังสือหรือไงแม้แต่ชาวบ้านทำนาในตอนกลางวันก็ยังไม่รู้อีก“ฉู่เฉิน! คุณเลิกพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนี้ได้แล้วนะ การประลองในวันนี้ถือว่าเสมอกันไป”เซียวเสวี่ยอิ๋งกัดฟันแน่นและจ้องฉู่เฉินอย่างแน่วแน่ฉู่เฉินยิ้มเยาะ “ไม่ต้องรีบหรอก ยังไงสักวันหนึ่ง ผมก็จะทำให้คุณยอมผมทั้งกายทั้งใจ และเป็นฝ่ายเดินเข้ามาในโลกของผมด้วยตัวเองอย่างเต็มใจ”พูดจบฉู่เฉินก็โยนยาสร้างกล้ามเนื้อไปให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง“ฉัน...ฉันไม่ต้องการ”ถึงแม้ปากจะพูดออกมาแบบนั้น แต่เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ยังคงเก็บยาสร้างกล้ามเนื้อไว้ในแขนเสื้อตามจิตใต้สำนึกของดีขนาดนี้เธอแค่ไม่อยากใช้มันสุ่มสี่สุ่มห้าเท่านั้นเองอีกอย่าง บาดแผลบนร่างกายของเธอก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ทนอีกสองวันก็หายแล้ว ที่เธอเก็บยาของฉู่เฉินเอ

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 828

    ในฐานะผู้นำเขตทหารยศสองดาว หลัวคายไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนจากแดนมังกรได้ เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติของกองทัพจนหมดสิ้นในขณะนั้น ความอัดอั้นในใจของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้หลัวคายกระอักเลือดออกมา“ผู้นำหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปยังหลัวคายที่อยู่ข้างล่างเวทีประลองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปกติแล้วเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเซียวเสวี่ยอิ๋ง หลัวคายน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตลก ที่ถูกฉู่เฉินกดไว้กับพื้นและลากถูไปมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่นางฟ้าในใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรไปเจอเซียวเสวี่ยอิ๋งได้อีก? ตอนนี้เขาแทบจะอยากจะมุดดินหนี“สบายใจได้ เขาไม่ตายหรอก ปกติแล้วเวลาที่ผมต่อสู้ก็มักจะมีขอบเขตเสมอ แค่แขนหักไปข้างหนึ่ง เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดี”ฉู่เฉินปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลัวคายก็ถึงกับสบถด่าแม่ของเขาในใจชนะก็ชนะไปแล้ว ยังจะคุยโวอีกทำไมกันจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างไม่ได้เลยเหรอ?หลัวคายในตอนนี้แทบจะเหมือนกิ้งก่าท

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 827

    ปัง!เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน คลื่นพลังสีเงินขาวก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแม้แต่เวทีการประลองที่สร้างจากแผ่นหินสีเขียวก็ยังเกิดรอยแยกลึกกว่าหนึ่งฟุต เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน เศษหินถูกพลังหมัดอันน่ากลัวของทั้งสองคนพัดปลิวขึ้นไปในอากาศ“อ๊ากกก!”ในวินาทีถัดมา เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดก็ดังลั่นสนั่นพร้อมกับที่ร่างหนึ่งพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนตุบ! ร่างนั้นพุ่งไปกระแทกเสาหินข้าง ๆ จนขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะล้มลงไปยังด้านล่างของอัฒจันทร์อย่างแรงในขณะนั้น เวลาก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งเซียวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่บนเวทีประลองมองภาพนั้นด้วยความงงงวยเซียวเฟิงและหลูติ้งไห่ที่อยู่ข้างล่างช็อกนิ่งไปแม้แต่โหวเจี้ยนอิงและโจวอวี้หมิงก็ยังลุกขึ้นยืนและมองไปที่ผู้ชายร่างกายอันสูงใหญ่บนเวทีประลองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“เป็นไปไม่ได้!”โหวเจี้ยนอิงเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างกำแน่น ก่อนจะคำรามออกมาเสียงต่ำในขณะนั้นเอง หลัวคายที่อยู่ด้านล่าง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและกำลังกอดแขนที่ขาดอยู่ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่ยอม“แก...แกซ่อนเข

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 826

    “แต่ตอนนี้ พวกคุณคิดที่จะใช้วิธีการต่อสู้แบบผลัดเปลี่ยนโจมตีคุณฉู่เหรอครับ?”ทั่วทั้งกองทัพรักษาการณ์มียอดฝีมือเก่ง ๆ แบบหลัวคายอย่างน้อยสามสี่คนถ้าทุกคนผลัดกันขึ้นมาท้าประลองกับฉู่เฉินคนละรอบ ฉู่เฉินก็คงจะเหนื่อยจนตายไปเสียก่อนนอกจากนี้ จากเครื่องหมายดาวสองดวงบนไหล่ของหลัวคาย ก็ไม่ยากที่จะคาดเดาเขาคือยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สอง ซึ่งเหนือกว่าฉู่เฉินถึงหนึ่งระดับหากต้องการจะกลั่นแกล้ง ก็ไม่ควรจะใช้วิธีนี้กลั่นแกล้งสิโฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มอย่างไม่แยแส ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินบนเวทีประลอง “จะยอมรับการท้าประลองหรือไม่นั้น สามารถให้คุณฉู่ตัดสินใจเองได้ ถ้าหากคุณฉู่ไม่อยากสู้ต่อ การประลองครั้งนี้ก็ถือว่าพวกเราแพ้ไป”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปที่โฮ่วเจี้ยนอิงอย่างไม่ยอม “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ฉัน…”โฮ่วเจี้ยนอิงส่ายหน้าเล็กน้อยให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เสวี่ยอิ๋ง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกอย่าง เขายอมให้คุณมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้น ท่าอุ้มทุ่มเมื่อกี้คุณคงตายไปแล้ว”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งถึงกับไม่กล้าเชื่อสิ่งที่หูตัวเองได้ยินฉู่เฉินยอมให้เธอมา

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 825

    “กล้าหยามเกียรติฉัน แกสมควรตาย!”เซียวเสวี่ยอิ๋งในตอนนี้ ดวงตาคู่สวยของเธอกำลังเป็นสีแดงเพลิง พลังการต่อสู้ของเธอสูงจนเกินขีดสุดไปแล้ว แม้แต่โฮ่วเจี้ยนอิงยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับรัว ๆ ในพริบตาเดียว เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ต้อนฉู่เฉินจนจนมุม ทำให้ผู้ชมที่นั่งอยู่ข้างล่างตื่นเต้นถึงขีดสุดนี่แหละคือลักษณะของนักรบหญิงอันดับหนึ่งแห่งกองทัพควรจะมีเมื่อเซียวเฟิงเห็นว่าฉู่เฉินกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ความโกรธในใจของเขาก็ลดลงไปไม่น้อย เขามองฉู่เฉินบนเวทีด้วยสายตาแข็งกร้าวแล้วพูดขึ้น “ฉู่เฉิน ยั่วโมโหน้องสาวฉัน นายคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกนาน ๆ สินะ”แต่เมื่อฉู่เฉินถูกเซียวเสวี่ยอิ๋งบีบให้ถอยไปเรื่อย ๆ การโจมตีของเซียวเสวี่ยอิ๋งเองก็ถูกฉู่เฉินจับทางได้อย่างหมดเปลือกแค่ท่าของสิบสามกระบวนท่าเตะกับลูกเตะนกกระยางดาวตกเท่านั้นยังไงซะเซียวเสวี่ยอิ๋งไม่มีการสืบทอดพลังที่น่ากลัวเหมือนกับฉู่เฉิน การที่เธอสามารถฝึกฝนสองท่านี้จนถึงระดับสูงสุดได้ ก็ถือว่าหาได้ยากนักเมื่อจับทางวิธีการต่อสู้ของเซียวเสวี่ยอิ๋งได้แล้ว ฉู่เฉินก็ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ผมจะเอาจริงแล้วนะ”ทันทีที่พูดจบ

  • ปีศาจหมอเจ้าเสน่ห   บทที่ 824

    นี่มันเวทีการประลองหรือเวทีแสดงความรักกันแน่!?โดยเฉพาะหลัวคาย นายพลสองดาวที่ตามจีบเซียวเสวี่ยอิ๋งอย่างบ้าคลั่งมานานเกือบปี เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาก็กัดฟันแน่นจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆนั่นมันนางฟ้าของเขานะ!ไอ้คนแซ่ฉู่กล้าดียังไง!เซียวเฟิงเองก็ลุกพรวดขึ้นเช่นกัน เขาชี้นิ้วไปที่ฉู่เฉินก่อนตะโกนลั่นด้วยความโกรธ “ฉู่เฉิน ปล่อยน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้!”ไอ้เด็กฉู่เฉิน กล้าฉวยโอกาสน้องสาวเขาโดยอ้างว่าเป็นการประลองใช่ไหม?แบบนี้จะยอมได้ยังไง!แต่ในขณะเดียวกัน โจวอวี้หมิงที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์ก็หันไปพูดกับโฮ่วเจี้ยนอิง “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ยอดฝีมือแค่ขยับมือนิดหน่อยก็รู้ผลแล้ว ผมว่าการประลองครั้งนี้ คงไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นอีกแล้วใช่ไหม?”“หึ!”โฮ่วเจี้ยนอิงแค่นหัวเราะเบา ๆ “ไม่แน่เสมอไป”ทันทีที่โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบ เซียวเสวี่ยอิ๋งที่ถูกฉู่เฉินกอดไว้ ในอ้อมแขน เธอทั้งอายทั้งโกรธ เธอยกขาขึ้นแล้วหมุนตัวเตะไปยังจุดยุทธศาสตร์ของฉู่เฉินอย่างไม่ลังเล!ซี้ด!เมื่อเห็นว่าลูกเตะตัดทายาทนี้พุ่งเข้าใส่ฉู่เฉินรวดเร็วดั่งสายฟ้า หลูติ้งไห่ก็ถึงกับหลับตาปี๋โดยไม่รู้ตัวจบแล้ว!ระยะประชิดขนาดนี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status