หลี่จิงจิงไม่คิดว่าฉู่เฉินจะพูดง่ายขนาดนี้ พอรู้สึกตื่นเต้น เธอก็กอดฉู่เฉินไว้แน่นเหมือนกับปลาหมึกยักษ์……อีกด้านหนึ่ง หญิงวัยกลางคนกลับเข้ามาในห้องด้วยใจที่กังวล หลังจากลังเลอยู่นานจึงพูดกับฟางอวี่เจิ้งอย่างระมัดระวังว่า “ประ...ประธานฟางคะ ผู้อำนวยการหลี่กับฉู่...”ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ฟางอวี่เจิ้งก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สิ่งที่เธอควรจะรู้ เธอสามารถรู้ได้ แต่สิ่งที่ไม่ควรรู้ ก็ควรทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”“ถ้าหากมีข่าวลือหลุดออกไป ฉันว่าเธอคงจะทำงานเป็นตัวแทนการแพทย์ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”คำพูดแค่ประโยคเดียว ทำให้หญิงวัยกลางคนตกใจจนรีบเงียบปากทันทีเธอเป็นแค่ตัวแทนการแพทย์ให้กับโรงงานผลิตยาแห่งหนึ่ง ครั้งนี้เธอมาหาฟางอวี่เจิ้งโดยเฉพาะ เพื่อหวังจะให้ยาที่โรงงานของเธอผลิตส่งเข้าโรงพยาบาลประชาชนพอดีว่าฟางอวี่เจิ้งเองก็อยากเชิญฉู่เฉินมาทานข้าวอยู่แล้ว จึงพาเธอมาด้วยแต่ผู้หญิงคนนี้หวงเนื้อหวงตัวเกินไป เมื่อกี้ฟางอวี่เจิ้งแค่สัมผัสหลังมือของเธอ เธอก็รีบชักมือกลับราวกับว่าทำอะไรผิดหากฟางอวี่เจิ้งรู้แต่แรกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมถวายกายให้เช่นนี้ เขาคงไม่พาเธอมาที่นี่หาเหาใส
เจียงถิง?ฉู่เฉินขมวดคิ้ว วางแก้วเหล้าในมือลงแล้วเปิดประตูห้องส่วนตัว มองออกไปที่ระเบียงทางเดินเมื่อเห็นเจียงถิงในสภาพเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย วิ่งออกมาจากห้องส่วนตัวตรงปลายสุดของระเบียงทางเดินโดยที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง ยังมีชายร่างกำยำที่สวมชุดคล่องตัวตามหลังเธอมาอีกสองคนเกิดอะไรขึ้น?ยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก ฉู่เฉินก็ก้าวออกไปข้างหน้า ปกป้องเจียงถิงไว้ข้างหลังทันที“คุณฉู่?”เจียงถิงมองฉู่เฉินด้วยความตกใจ เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอฉู่เฉินในเวลานี้ฉู่เฉินเบนศีรษะเล็กน้อย มองเจียงถิงที่ยังตกใจไม่หาย เสื้อผ้าตรงช่วงอกถูกฉีกขาดจนหมด เผยให้เห็นชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำด้านใน ก่อนจะขมวดคิ้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ?”“ด้วยอิทธิพลของตระกูลหลูในเจียงจง ยังมีคนกล้าใช้กำลังกับ คุณอีกเหรอ?”เจียงถิงได้ยินคำพูดนี้ ดวงหน้าเล็กก็แดงขึ้นมา กัดริมฝีปากก่อนเอ่ยว่า “คือว่า... คนในห้องส่วนตัวนั้นไม่ใช่คนของเจียงจง ได้ยินว่าเป็นผู้มีอิทธิพลใหญ่ของบริษัทสื่อแห่งหนึ่งค่ะ”“ผู้อำนวยการสถานีของเราให้ฉันมาดื่มเป็นเพื่อน แต่ฉันเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าฉันเพิ่งจะนั่งลง เขาก็ลวนลามฉันแล้ว แถม...แถมยังจะล่วงเกินฉั
ต่อให้เป็นช่วงที่ตระกูลหลูรุ่งเรืองที่สุดก็ไม่อาจเทียบได้เลยตอนนี้คนเดียวที่ปกป้องเธอได้อาจจะมีแค่ฉู่เฉินเท่านั้น ถ้าเกิดตอนนี้แม้แต่ฉู่เฉินไม่อยากช่วยเธอละก็ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เธอก็ยากจะหนีรอดจากกรงเล็บมารแล้วจริง ๆแทนที่เธอจะถูกบีบบังคับให้ยอมพลีกายให้ชายแก่วัยห้าสิบกว่าอย่างหลัวจื้อหย่ง เธอยอมให้ฉู่เฉินเอาเปรียบดีกว่า พลีกายเหมือนกัน ใครจะไม่อยากหาคนที่หนุ่มแน่นล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น เธอเคยรับรู้ถึงอำนาจอิทธิพลของฉู่เฉินในเจียงจงด้วยตัวเองมาแล้ว โทรศัพท์แค่ไม่กี่สายก็สามารถกดตระกูลหลูจนโงหัวไม่ขึ้นได้ สำหรับเจียงถิงแล้ว การติดตามบุคคลเช่นนี้ก็เป็นเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นอย่างหนึ่ง! อย่างน้อยต่อไป ผู้อำนวยการสถานีของพวกเธอย่อมไม่กล้าอ้างชื่อต่าง ๆ สั่งให้เธอไปเป็นเพื่อนดื่มกับชายแก่มากตัณหาเหล่านั้นแน่นอนฉู่เฉินค่อย ๆ หันตัวไปมองชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูท ผูกเนกไทเอียง ๆ ไว้ทรงผมหัวล้านกลางศีรษะ อายุราว ๆ ห้าสิบปีที่อยู่ด้านหลัง“พูดกับแกนั่นแหละ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”ชายวัยกลางคนเอามือชี้ไปที่ฉู่เฉิน ตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว สาวเท้าพุ่งเข้ามาอย่างเร็วไวเวลานี้เอง คนอื่น ๆ ใน
ฉู่เฉินได้ยินคำกล่าวก็หันหน้าไปมองหลัวจื้อหย่งแวบหนึ่ง ก่อนจะจูงเจียงถิงกลับไปยังห้องส่วนตัวเทียนจื่อหมายเลขหนึ่งโดยไม่หันหน้ากลับไปอีก เมื่อมองแผ่นหลังที่เดินไปอย่างสง่าผ่าเผยของฉู่เฉิน หลัวจื้อหย่งก็โกรธจนอกกระเพื่อมแรง แต่ว่าก่อนที่กำลังเสริมจะมาถึง เขายังไม่กล้าไปหาเรื่องฉู่เฉินจริง ๆต้องรู้เอาไว้ว่า บอดี้การ์ดสองคนข้างกายเขานั้นเป็นยอดฝีมือระดับฝึกปราณชั้นห้า แต่ถูกฉู่เฉินจัดการจนไม่รู้ว่าเป็นหรือตายแล้วคนธรรมดาอย่างเขาบุกเข้าไปก็ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย“คุณหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม กลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเถอะครับ ผมจะส่งคนไปดูไอ้หมอนั่นเอง”ผู้อำนวยการสถานีจางกัดฟันกรอดพลางมองไปทางห้องส่วนตัวเทียนจื่อหมายเลขหนึ่ง“ไม่จำเป็น อีกไม่นานคนของฉันก็มาถึงแล้ว”หลวงจื้อหย่งกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม.....เมื่อกลับมาถึงห้องส่วนตัวเทียนจื่อหมายเลขหนึ่ง ฟางอวี่เจิ้งเห็นฉู่เฉินจูงสาวงามหยาดฟ้ามาดินอีกคนกลับเข้ามาในห้องก็ยิ่งยากจะปกปิดความอิจฉาบนใบหน้าถ้าหมอนี่จะโชคดี ขวางอย่างไรก็ขวางไม่อยู่จริง ๆ!เพิ่งจัดการกับหลี่จิงจิงไป นี่ก็มีพิธีกรสาวสวยมาอีกคน ถ้าเกิดสุขภาพร่า
ไม่อย่างนั้นก็คงยืนหยัดในสถานที่แบบนั้นไม่ได้เลยโดยเฉพาะสาวงามหยาดฟ้ามาดินที่หุ่นดีหน้าตาสะสวยอย่างเจียงถิงยิ่งยากจะหนีพื้นเงื้อมมือมารไปได้“วางใจเถอะค่ะ ต่อไปติดตามคุณฉู่แล้ว ต่อให้จางหมิงมีความกล้ากว่านี้อีกสิบเท่า เขาก็ไม่กล้ามอบคุณให้ใครอีก” เมื่อหลี่จิงจิงเอ่ยคำพูดนี้ออกมา เจียงถิงก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมีอะไรกับฉู่เฉินด้วย “แหม ยังจะเขินอีก มีอะไรต้องเขินด้วย” หลี่จิงจิงเห็นดวงหน้าเล็กของเจียงถิงพลันแดงไปจนถึงลำคอ ทำท่าทางหลุบตาลง เกรงว่าคงจะเขินอายกับคำพูดเมื่อกี้ของตัวเองเธอเม้มปากยิ้มแล้วพูดว่า “ผู้หญิงอย่างเราอยู่ในสังคมที่คนกินกันเองนี้ ถ้าอยากยืนหยัดได้อย่างมั่นคง อยากเดินไปได้ไกลก็ต้องพึ่งพาผู้ชายที่มีความสามารถสักคนสองคน”“คุณฉู่ทั้งเป็นหนุ่มหล่อทั้งร่ำรวยมาก มีอะไรไม่ดีกัน ถ้าฉันยังสาวกว่านี้อีกสักหน่อย ไม่ว่ายังไงก็ต้องตามจีบเขาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”หลี่จิงจิงพูดพลางยื่นมือเล็ก ๆ ข้ามเจียงถิงไปจับฉู่เฉินไว้แล้วยังออกแรงบีบสองทีหืม...ฉู่เฉินกำลังดื่มน้ำแกงไก่อยู่ ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนลวนลามตัวเอง แต่ยังไม่
สายตาสองคู่ประสานกัน ฉู่เฉินตะลึงงัน หยวนคุนก็ตะลึงงันเช่นกันพูดตามตรง ความประทับใจที่หยวนคุนมอบให้ฉู่เฉินถือว่าไม่เลวเลย นอกจากนี้เรื่องการบูรณะสะพานเจียง ฉู่เฉินก็นึกถึงคนคนนี้อยู่เหมือนกันเพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอหน้ากันครั้งที่สองภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งคิดไม่ถึงว่าหยวนคุนจะมีบารมีสูงส่งขนาดนี้ในเจียงจง ขนาดเมื่อกี้ฟางอวี่เจิ้งก็ยังบอกใบ้ชัดเจนว่าให้เขายอมแพ้หยวนคุนถึงอย่างไรฟางอวี่เจิ้งก็รู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่เฉินกับเฉียวเทียนฉี่ นั่นก็หมายความว่าในความคิดของฟางอวี่เจิ้ง แม้แต่เฉียวเทียนฉี่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยวนคุนในบางด้าน สมาคมหงเหมินมีขุมอำนาจมากขนาดนี้จริง ๆ เหรอ?“เป็นคุณ?” หยวนคุนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน เอ่ยด้วยเสียงหัวเราะสดใสว่า “ดูเหมือนว่าผมกับน้องชายจะมีวาสนาต่อกันจริง ๆ ด้วย”ฉู่เฉินก็ยิ้มเช่นกัน ก่อนจะชี้ไปยังเก้าอี้ว่างข้าง ๆ แล้วพูดว่า “คุณหยวน เชิญนั่งครับ”"ขอบคุณครับ"หยวนคุนประสานหมัดคารวะฉู่เฉิน จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของพวกหลัวจื้อหย่งและจางหมิงเมื่อเขานั่งลงไปอย่างไม่ใส่ใจแบบนี้ ทำเอาหลัวจื้อหย่งมีสีหน้าหลาก
หยวนคุนเอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่งว่า “คุณฉู่โปรดวางใจ สมาคมหงเหมินไม่ใช่สถานที่ไร้กฎเกณฑ์”หยวนคุนพูดจบ สีหน้าพลันเย็นชาขึ้นมา ก่อนจะเบนศีรษะเล็กน้อยแล้วพูดกับถังหลงที่อยู่ข้างหลังว่า “หลัวจื้อหย่งลวนลามสุภาพสตรี ลงโทษตามกฎสมาคม!”“ครับ!”ถังหลงตอบรับคำ ก่อนจะก้าวไปหาหลัวจื้อหย่ง“ไว้ชีวิตด้วยครับ คุณฉู่... ผมผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ ช่วยพูดให้ผมด้วยเถอะ ผมผิดไปแล้วจริง ๆ ผมมันไม่ใช่คน... อ๊าก!”หลัวจื้อหย่งเพิ่งพูดได้ครึ่งเดียวก็เห็นถังหลงเข้ามาใกล้ ก่อนจะยื่นมือไปจับแขนของหลัวจื้อหย่ง แล้วใช้เข่าข้างหนึ่งกระแทกเข้าที่ลำคอของหลัวจื้อหย่ง“กร๊อบ!” เสียงดังชัดเจน ถังหลงกระชากแขนข้างหนึ่งของหลัวจื้อหย่งลงมาอย่างรุนแรงหลัวจื้อหย่งเจ็บจนร้องโหยหวน หมดสติไปทันทีถังหลงโยนแขนโชกเลือดให้ชายชุดดำคนหนึ่งที่อยู่ทางด้านข้าง ก่อนจะเอามือชี้ไปที่หลัวจื้อหย่งแล้วพูดกับสองคนที่อยู่ข้างหลังว่า “พาตัวไป!” “ครับ!”พวกเขาหามหลัวจื้อหย่งที่บาดเจ็บจนลุกไม่ไหว แล้วเดินออกไปจากห้องส่วนตัวอย่างรวดเร็วแม้แต่ฉู่เฉินที่เห็นฉากนี้ก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ มองไปทางหยวนคุนด้วยความประหลาดใจอย่างมากหยวนคุนยิ้มเล
สัมผัสที่นุ่มลื่นทำให้ฉู่เฉินอดมองไปทางเจียงถิงด้วยความประหลาดใจไม่ได้ยัยนี่คงไม่ได้โดนอะไรกระตุ้นมาใช่ไหม?ทำไมจู่ ๆ ถึงได้โผเข้ามาในอ้อมกอดเองล่ะ“คุณฉู่ ฉันมีข้อสงสัยมาตลอด ทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงช่วยตระกูลหลูคว้าโครงการบูรณะสะพานเจียงมาได้ล่ะ ฉันคิดว่าด้วยเส้นสายของคุณฉู่ ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาใจตระกูลหลูเลยนะ?” เจียงถิงพูดพลางค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะโน้มตัวลงมานั่งคร่อมตักของฉู่เฉินทันทีเส้นผมสีดำเต็มศีรษะของเธอปล่อยสยายลงมา กลิ่นหอมสดชื่นโชยเข้ามาในจมูกของฉู่เฉินริมฝีปากเล็กสีเชอร์รี่นั้นพลันแตะบนริมฝีปากของฉู่เฉินราวกับแมลงปอสัมผัสน้ำ ก่อนจะผละออกมาอย่างรวดเร็วหน้าอกนุ่มนิ่มสองข้างแนบชิดหน้าอกของฉู่เฉิน“คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปลูบคลำเอวบางของเจียงถิงจำเป็นต้องพูดว่าถึงแม้เจียงถิงจะเป็นพี่สะใภ้ของเจียงอิ่ง แต่ความจริงแล้ว เธออายุน้อยกว่าเจียงอิ่งสองปีไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือว่าผิวพรรณล้วนดูแลรักษาได้ดีกว่าเจียงอิ่งนอกจากนี้ด้วยลักษณะงานของเจียงถิง ทำให้ตัวเธอมีความสง่างามเป็นเอกลักษณ์พิธีกร ตรงกันข้ามกับสไตล์ใสซื่อบริสุท
ราวกับลีน่าได้ตื่นขึ้นมาจากความฝัน เก็บมือที่อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างกลับมาแล้วยืนตัวตรงทันที จากนั้นสางผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยเมื่อประตูห้องเปิดออก ต้าหลิงจื่อที่เสื้อผ้ายับยู่ยี่ก็โผล่หน้าออกมาชนเข้ากับลีน่าที่อยู่หน้าประตูเข้าอย่างจัง“ว้าย!”ต้าหลิงจื่อตกใจเป็นอย่างมากจึงรีบติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย ใบหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าและกล่าว “คุณ…คุณนายลีน่า คุณ…คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”ลีน่ายิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ฉันรอพวกคุณเกือบจะสองชั่วโมงแล้วล่ะ”กล่าวเสร็จไม่รอต้าหลิงจื่อตอบสนองใด ๆ ลีน่าก็ผลักประตูเข้าไปข้างในฉู่เฉินได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลังก็เก็บกางเกงบ็อกเซอร์ขึ้นมาโดยไม่ลนลาน แล้วหันหลังใส่มันช้า ๆ จากนั้นหยิบบุหรี่หนึ่งในขึ้นมาจุดและกล่าวพร้อมชำเลืองมองลีน่า “มีธุระเหรอ?”ลีน่ามองสำรวจกล้ามเนื้อทั้งร่างกายของฉู่เฉินด้วยใบหน้าแดงก่ำและยิ้มน้อยกล่าว “คุณฉู่ สามีฉันคิดว่าการร่วมธุรกิจระหว่างพวกเรายังสามารถเจรจากันอีกได้ค่ะ”“เงื่อนไขสามารถปรับเปลี่ยนได้ อีกทั้งสภาพแวดล้อมในห้องทำงานก็เคร่งเครียดเกินไป เขาจึงจองห้องอาหารส่วนตัวที่ภัตตาคารไห่เฟิงไว้แล้ว หวังว่าคุณฉู่จะให้เกียรติมาร่
เมื่อเห็นว่ารอบนี้ลีน่าเอาจริง แรนด์จึงเริ่มร้อนใจและคว้าข้อมือของลีน่าไว้พร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ลีน่า ความรู้สึกที่ยาวนานขนาดนั้นของพวกเรา…”ความรู้สึก?ลีน่าอยากจะขำให้ท้องแข็งตายเมื่อได้ยินคำนี้ ตอบพร้อมกลอกตาใส่แรนด์ด้วยสีหน้ารังเกียจ “คุณป่วยหนักอยู่นะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันสนใจในทรัพย์สมบัติของคุณ คุณคิดว่าฉันจะมาคบคุณเหรอ?”“คุณทั้งแก่และขี้เหร่ หลงใหลระยะสั้นๆ ทำมาพูดเรื่องความรู้สึกรักชอบ ช่างน่าเสียความรู้สึกจริง ๆ โอเคไหม?”ไม่เสแสร้งแล้ว เปิดใจทั้งหมดใบหน้าชราของแรนด์อมทุกข์จนราวกับจะมีน้ำตาหยดลงมา แต่ก็ไม่มีปัญญา ใครให้ผู้หญิงคนนี้ชำนาญในด้านนั้นกันล่ะหลังจากหายใจเข้าลึก ๆ แล้วแรนด์ก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาจึงกัดฟันพูดขึ้นว่า “คุณ…คุณโทรไปเรียกเขามาสิ ผมเป็นเจ้าภาพเอง ให้ไปกินข้าวและพูดคุยกันที่ภัตตาคารไห่เฟิง”แรนด์ไม่อาจยอมได้ แต่ก็พ่ายแพ้ในการพูดคุยแล้ว สิ่งที่เขาสูญเสียนั้นมากเกินไปแล้วจริง ๆไม่เพียงถูกคนจากฝ่ายทหารตามไล่ฆ่า แถมผู้หญิงข้างกายเขาก็จะจากเขาไปไกลอีกถ้าเป็นแค่ผู้หญิงทั่วไปก็ช่างเถอะปัญหาคือขาทั้งสองข้างของลีน่าแรงดีมาก แล้วยังหนีบเก่งอีกสิ่งที
วินาทีต่อมา เธอเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบแหวกชุดทำงานออก แล้วแกะกระดุมตรงหน้าอกออกสองเม็ด ก่อนจะก้มหน้ามองหน้าอกทั้งสองข้างจากนั้นก็เห็นว่ารอยแผลตกสะเก็ดหลุดออกหมดแล้ว ผิวที่เกิดใหม่เรียบเนียนราวกับของใหม่ทำให้ต้าหลิงจื่อตะลึงงัน ฉู่เฉินมองลูกแพร์ขนาดใหญ่สองลูกที่ส่องประกายแวววาวก็ตกตะลึงไปเช่นกัน“ว้าย” ผ่านไปพักใหญ่ ต้าหลิงจื่อถึงค่อยสังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักของฉู่เฉิน แถมยังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างกึ่งโป๊กึ่งมิดชิด เธอรู้สึกเขินอายมากทันที ก่อนจะรีบยืนตัวตรง เอามือดึงกางเกงที่แทบจะถกมาถึงต้นขา“คะ...คุณชายฉู่ ขะ...ขอโทษด้วยค่ะ เมื่อกี้ฉัน...”ยังไม่ทันที่ต้าหลิงจื่อจะพูดจบ ปากขนาดใหญ่ก็ปิดริมฝีปากแดงของเธอกลิ่นอายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของชายชาตรีถาโถมใส่หน้า ต้าหลิงจื่อสิ้นฤทธิ์ในพริบตา เธอไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว โดยเฉพาะเมื่อโดนแขนที่ทรงพลังโอวเอวไว้ ราวกับเขื่อนที่พังทลาย ไม่อาจควบคุมได้เลย“แควก!” ฉู่เฉินฉีกถุงน่องของต้าหลิงจื่อออกทันที ก่อนจะพลิกมือกดต้าหลิงจื่อลงบนโต๊ะทำงาน“คุณชายฉู่ บะ...เบาหน่อยค่ะ ฉันไม่ได้ทำแบบนี้
แม้แต่ต้าหลิงจื่อที่ยืนอยู่ทางด้านข้างก็ยังตกตะลึงกับสิ่งที่ฉู่เฉินทำตอนที่หลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วชิงเหอแม่ลูกเจรจาความร่วมมือกับคนอื่น เธอก็อยู่ด้วย แต่ว่าสามปีมานี้ เธอยังไม่เคยเห็นการเจรจาความร่วมมือแบบนี้มาก่อนเลยมิน่าล่ะหลิ่วหรูเยียนถึงบอกให้ฉู่เฉินมาเจรจา บารมีบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน ชั่วขณะหนึ่ง ภาพลักษณ์ของฉู่เฉินในใจของต้าหลิงจื่อคล้ายกับยิ่งใหญ่ขึ้นไม่น้อย“ฮึ คุณฉู่ นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของคุณก็ได้ ในเมื่อคุณไม่เห็นค่า งั้นพวกเราก็ขอตัวแล้ว” แรนด์กระแทกถ้วยกาแฟในมือลงบนโต๊ะอย่างหนักหน่วงดังปัง จากนั้นก็ลุกขึ้นมาด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะดึงลีน่าขึ้นมาแล้วหันกายเดินจากไป “เอ๊ะ...”เมื่อเห็นสามีภรรยาแรนด์เดินจากไปแล้วจริงๆ ต้าหลิงจื่อกำลังคิดจะเรียกพวกเขาให้หยุด แต่โดนฉู่เฉินยื่นมือมาขวางไว้“คุณฉู่...”“ให้พวกเขาไสหัวไป”เสียงของฉู่เฉินไม่ดังไม่เบา แต่สามีภรรยาแรนด์กลับได้ยินชัดเจน “คุณ...”แรนด์หันหน้ามาถลึงตาใส่ฉู่เฉินด้วยความแค้นใจ คำว่าไสหัวไปครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ให้แม้กระทั่งทางลงกับเขาเลยจริง ๆในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่อยากไปก็ไม่ได้แล้วดูท่าข้อมู
หน้าอกใหญ่สองลูกนั้นราวกับอาวุธสังหารที่สั่นไหวเล็กน้อยไปตามลมหายใจ เหมือนจะดันเสื้อเชิ้ตสีเบจบนตัวเธอให้ปริได้ทุกเมื่อ ส่วนเรียวขาใหญ่ยาวงดงามที่แข็งแรงและไม่เสียทรงสองข้างเปล่งประกายสีทองแดงแวววาวจากการอาบแดดบนชายหาดแม้ว่าผิวจะไม่ขาวเนียน ทว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าให้ความรู้สึกงดงามสุขภาพดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งริมฝีปากที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนนั้น แค่มองก็ทำให้คนเกิดความคิดหุนหันอยากจะถูกเธออมไว้ในปากนัยน์ตาโตสีฟ้า ประกอบกับขนตาเรียวยาว แค่กะพริบตาเหลือบมองกลับมาก็เปี่ยมไปด้วยความเสน่หานี่แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นผลผลิตจากอำนาจของเงินตราเมื่อเห็นฉู่เฉิน สามีภรรยาคู่นี้ก็อึ้งไปก่อน จากนั้นเป็นสาวสวยชาวตะวันตกคนนั้นที่ยิ้มให้ฉู่เฉินก่อนแล้วพูดว่า “คุณน่าจะเป็นคุณฉู่เฉินสินะ?” สาวสวยชาวตะวันตกพูดพลางส่ายเรียวขางามแข็งแรงอยู่บนรองเท้าสายรัดส้นเข็ม เดินเข้ามาหาฉู่เฉิน ก่อนจะยื่นมือไปจับมือกับฉู่เฉิน “ผมคือฉู่เฉิน ไม่ทราบว่าพวกคุณคือ?”ฉู่เฉินจับมือเรียวงามนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูกของสาวสวยชาวตะวันตกอย่างเป็นมิตรมาก สายตากวาดมองหน้าอกของเธอแวบหนึ่ง ร่องอกนั้นสามารถซุกคนทั้งเป็นเข้าไปได้เลย
บ้าเอ๊ย!แม้แต่ลมหายใจของฉู่เฉินก็ถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย นี่ถ้าเกิดเป็นการต่อสู้จริงละก็ ตอนนี้เขาคงสิ้นชีพไปแล้วจนกระทั่งตอนนี้เอง ในที่สุดฉู่เฉินก็รู้แน่ชัดถึงช่องว่างของระดับพลังสร้างรากฐานแล้วยกตัวอย่างเช่น เมื่อคืนนี้เผชิญหน้ากับเย่หัวที่เหนือกว่าเขาหนึ่งขั้น แม้ว่าฉู่เฉินจะตกเป็นฝ่ายรับ แต่ก็มีพลังต่อสู้อยู่แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่เหนือกว่าเขาหลายขั้นอย่างเจ้าทึ่ม เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะลงมือ“ตอนนี้นายเทียบเท่าระดับสร้างรากฐานประมาณขั้นไหนแล้ว?”ฉู่เฉินปัดฝุ่นบนตัวพลางขมวดคิ้วเอ่ยถาม“ขั้นเก้า”เจ้าทึ่มเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าอะไรนะ?ฉู่เฉินกลืนน้ำลายหนัก ๆ ความเร็วในการพัฒนานี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึงนิดหน่อยจริง ๆ “งั้นผู้ชายผู้หญิงที่ลงมาจากรถเมื่อคืน นายเองก็เห็นแล้ว คิดว่าเอาชนะได้หรือเปล่า?” ฉู่เฉินเลิกคิ้วเอ่ยกับเจ้าทึ่ม“ได้ ผมรู้สึกได้ว่าพวกเขาอ่อนแอมาก” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ รัศมีแสงสีฟ้าภายในดวงตาของเจ้าทึ่มพลันส่องประกายหลายครั้ง ยังจงใจเอาลิ้นสีแดงคาวเลียริมฝีปากแห้งผาก“นายแค่กินคนก็สามารถเลื่อนระดับพลังได้แล้วเหรอ?”ฉู่เฉินเอามือไพล่หลังเดิ
แม้ว่าตอนนี้จะถูกแบนจากฝ่ายต่าง ๆ แต่คิดว่าคงไม่ได้แบนนานมากนัก“โอเคค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว งั้นฉันจะโทรหาคุณฉู่เดี๋ยวนี้เลย นัดเวลาเจอกัน?”ต้าหลิงจื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนสอบถาม “อืม จัดการตามที่ฉันบอกละกัน...อ่า...”หลิ่วหรูเยียนอ้าปากหาวอีกครั้ง ก่อนจะลากร่างกายที่เหนื่อยล้าให้ลุกขึ้นมาพูดว่า “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉัน...หาว...ฉันกลับไปนอนก่อนนะ มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอดเวลา” หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบก็คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นมา ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปพร้อมกับต้าหลิงจื่อ เมื่อมาถึงถนน หลิ่วหรูเยียนยื่นมือออกไปเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเฉียนหลงวิลล่าหลังจากส่งหลิ่วหรูเยียนแล้ว ต้าหลิงจื่อถึงค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฉู่เฉินเวลานี้ ฉู่เฉินเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ แตกต่างจากพวกสาว ๆ อย่างหลิ่วหรูเยียนที่ผ่านศึกใหญ่มาทั้งคืน แต่ตอนนี้ฉู่เฉินกลับสดใสร่าเริง กระปรี้กระเปร่าเป็นร้อยเท่าจำเป็นต้องพูดว่ามรดกของมังกรเฒ่ามหัศจรรย์มากจริง ๆ การบำเพ็ญคู่ไม่เพียงสามารถเพิ่มพละกำลังให้แข็งแกร่งขึ้น ยิ่งทำให้กำลังวังชาของเขาเหนือกว่าคนทั่วไปมากนัก ต่อให้ทำศึกใหญ่ติดต่อกัน
คืนนั้น ฉู่เฉินปลดปล่อยเพลิงมังกรหยางที่ยากจะควบคุมลงบนตัวหลิ่วหรูเยียนและสองพี่ต้องตระกูลต้วนเมื่อฉู่เฉินทะลวงสู่ระดับสร้างรากฐานชั้นห้า พลังรบก็เพิ่มขึ้นหนึ่งขั้นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ต้วนหลิงเวยที่มีความอดทนมากที่สุดก็อ้อนวอนติดต่อกัน ยอมแพ้หลายต่อหลายครั้งเช้าวันถัดมา หลิ่วหรูเยียนลากร่างกายที่เหนื่อยล้ารีบไปทำงานที่บริษัท ถึงขนาดที่ไม่สนใจจะกินอาหารเช้าเลยด้วยซ้ำเธอกลัวจริง ๆ ทำไมตอนนี้ฉู่เฉินดูเหมือนป้อนอย่างไรก็ไม่เต็มอิ่มเลยละเธอกลัวจริง ๆ ว่าตัวเองจะเหนื่อยตายคาเตียงของฉู่เฉิน รุ่งเช้า ต้าหลิงจื่อเพิ่งมาถึงบริษัท เดินเข้ามาในห้องทำงานของหลิ่วหรูเยียนด้วยใบหน้าดีอกดีใจ เมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของหลิ่วหรูเยียน แถมยังมีรอยใต้ตาคล้ำวงใหญ่สองข้างบนใบหน้าเลยเอ่ยด้วยความเป็นห่วงว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ เมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทเหรอคะ? “ฮึ!” หลิ่วหรูเยียนได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกฉุนเฉียว เธอนอนหลับไม่สนิทที่ไหนกันล่ะ ไม่ได้นอนหลับสนิททั้งคืนชัด ๆ “ช่างเถอะ มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ฉันเหนื่อยแล้ว อยากนอนสักหน่อย” หลิ่วหรูเยียนพูดพลางหาวยาว ๆ ทั้ง
ถึงอย่างไรเธอก็อยู่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพมาหลายร้อยปีแล้ว หากไม่มีพลังบำเพ็ญเพียร เธอจะกลายเป็นหญิงชราโดยสิ้นเชิงในคราวเดียว แค่คิดว่าตัวเองอาจจะมีริ้วรอยเหี่ยวย่น ชราภาพ อวี้ลู่ก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจฉู่เฉินเห็นอวี้ลู่มีท่าทางเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างยิ่งก็ได้แต่สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ นี่ยังมียาโลหิตวิญญาณอยู่นิดหน่อย ถ้าเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้ พี่ก็กินเข้าไปสองเม็ด” ฉู่เฉินพูดพลางล้วงยาโลหิตวิญญาณขวดหนึ่งออกมาจากในอกแล้ววางไว้ในฝ่ามือของอวี้ลู่ แต่ทันทีที่สัมผัสโดนมือเล็ก ๆ ของอวี้ลู่ อุณหภูมิร่างกายที่ร้อนผ่าวส่งผ่านเข้ามา แม้แต่ฉู่เฉินก็ต้องชื่นชมความอดทนของอวี้ลู่อดกลั้นไว้จนเป็นแบบนี้เลยเหรอ?ผู้หญิงเนี่ยนะ ทำไมต้องทรมานตัวเองด้วยก่อนจะออกมา ฉู่เฉินชะงักฝีเท้าแล้วหันหน้ามาพูดว่า “ถ้าเกิดมีอะไรอยากให้ช่วยก็เรียกผมได้ตลอดเวลานะ” “ไม่จำเป็น!”อวี้ลู่ตะโกนเสียงดังพลางหอบหายใจแรง ฉู่เฉินส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แล้วเดินออกไปนอกถ้ำอินซู่ซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบไล่ตามออกมา พูดกับฉู่เฉินว่า “นายท่าน นี่ผู้อาวุโสเป็นอะไรไปเหรอคะ?”ไม่แ