“คุณฉู่”เมื่อหลูไคหมิงเห็นฉู่เฉินก้มหน้ากดเบอร์โทรอีกก็หวาดกลัวจนตัวสั่น เกือบเผลอคุกเข่าให้ฉู่เฉินต่อหน้าทุกคนแล้ว“ฉันจำได้ว่าตระกูลหลูของพวกแกเหมือนจะมีกิจการสถานบันเทิงไม่น้อย ในเมื่อรากเหง้าก็ไม่มีแล้ว อย่าเก็บไว้อีกเลย เปลืองพลังงานเปล่าๆ ฉันจะช่วยแกให้มีชีวิตที่ราบเรียบเอง”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็กดเบอร์โทรหาจางหลง“คุณฉู่ คุณหาผมเหรอครับ?”น้ำเสียงจางหลงมีความเคารพนอบน้อมสุดขีดในช่วงก่อนหน้านี้พรรคมังกรหาญได้กลับตัวกลับใจและชำระล้างตัวเองอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นกองกำลังใต้ดินเพียงกลุ่มเดียวที่ทำแต่สิ่งดีๆในมณฑลเจียงแห่งนี้และเขายังพบว่ากำไรจากการเก็บสมุนไพรวัตถุดิบยาให้ฉู่เฉินยังสร้างรายได้ให้มากกว่าธุรกิจสีเทาเหล่านั้นมากจริงๆเหตุผลหนึ่งคือฉู่เฉินให้ราคาส่วนต่างสูงมากพอ ทั้งยังหลังจากที่ยาบำรุงปราณผลิตออกมาแล้วก็จะเพิ่มกำไรให้เพิ่มอีกร้อยละห้ามีบางครั้งที่รายได้เข้าบัญชีมากกว่าห้าสิบล้าน จางหลงมีความสุขมากจนยิ้มไม่หุบแล้วถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่ามีธุรกิจที่ดีขนาดนี้ ใครมันจะไปทำเรื่องที่ผิดกฎหมายกัน?พูดจริงๆ คือ พวกที่คลุกคลีกับวงการใต้ดินอย่างจางหลงก็คิดจะปกป้องเมียและลูก
เวลานี้เอง หลิ่วหรูเยียนที่เพิ่งจะเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสั้นสำหรับทำงานก็ผลักประตูเข้ามา และได้เห็นฉากที่หลูไคหมิงโขกศีรษะให้ฉู่เฉินพอดี เธอยืนมองจนตะลึงนั่นคือหลูไคหมิงผู้นำรุ่นที่สองของตระกูลหลูที่ทุกคนในเมืองเจียงจงสั่นผวาเหมือนเห็นเสือเห็นหมาป่าเชียวนะนี่… นี่มีเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หลิ่วชิงเหอไม่สามารถซ่อนความตกใจในใจได้ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะความตื่นเต้นหรือความกลัวกันแน่ที่ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านไม่หยุดจนก้อนกลมทั้งสองข้างบนหน้าอกสั่นสะเทือนตามไปด้วย“คุณฉู่…”เพียะ!หลูไคหมิงเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมายังไม่ทันได้เปิดปาก ฉู่เฉินก็สะบัดมือตบเข้าที่ใบหน้าของเขาจนเกิดเสียงดังตบจนหลูไคหมิงหน้าหันชนขอบเก้าอี้ด้านข้างเลือดไหลพุ่งขึ้นมาทันทีแต่หลูไคหมิงในเวลานี้กลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่ผายลมก็ยังไม่กล้า และยิ่งไม่กล้าร้องว่าเจ็บออกมาต่อหน้าฉู่เฉิน“ตระกูลหลูคุณเจ๋งไม่ใช่เหรอ?”“ผู้หญิงของฉัน ผมบทจะตบก็ตบ? ใครแม่งให้ความกล้าคุณมาวะ!”ฉู่เฉินในขณะนี้ดูแตกต่างไปเมื่อกี้ราวกับเป็นคนละคน ความเย็นชาอำมหิตปรากฏในดวงตาจ้องมองหลูไคหมิงจนเขารู้สึกขนลุก ถึงขั้นที่ไม่กล้าเงยหน้าสบตาฉู่เฉิน“
อู่เย่าปังมองหลูไคหมิงที่ก้มหน้าก้มตา แล้วรีบเอาตัวมุดเข้าไปอยู่ใต้กระโปรงของหลิ่วชิงเหอ อู่เย่าปังถึงกับตกใจจนเลือดแทบจับตัวนั่นเป็นถึงที่พักพิงและเสาหลักที่สำคัญของเขา ตอนนี้แม้แต่หลูไคซานก็ถูกฉู่เฉินกำราบจนอยู่หมัดแล้ว เขาจะทำอะไรได้ล่ะ?เมื่อคิดได้ เขาก็ไม่รอให้ฉู่เฉินเรียกเขา อู่เย่าปังรีบเข้าไปดึงอู่จวิ้นเจี๋ย เขารีบเดินตรงดิ่งไปข้างหน้าฉู่เฉินและสองแม่ลูกตระกูลหลิ่ว ตามด้วยคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุ้บ“คุณฉู่ ผมผิดไปแล้ว ประธานหลิ่ว ผู้จัดการหลิ่ว ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ก่อนหน้านี้พวกเรามันตาถั่วเอง เงินกู้ธนาคารก้อนนั้นพวกผมไม่เอาแล้วครับ ขอร้องท่านผู้สูงส่งปล่อยพวกเราไปเถอะนะครับ”อู่เย่าปังสองพ่อลูกพูดจบ ก็โขกหัวลงกับพื้นดังลั่นเหมือนกับไก่กำลังจิกอาหารตอนนี้หลูไคซานเกลียดสองพ่อลูกเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา ตระกูลหลูต้องมาประสบความลำบากแบบนี้?ถ้าไม่ใช่เพราะออกหน้าให้พวกเขา เขาจะเผลอไปล่วงเกินคนที่สูงส่งแบบฉู่เฉินได้ยังไง?ตอนนี้เขาอยากจะให้ฉู่เฉินโยนสองคนพ่อลูกนี่ออกลงไปข้างล่างตึกใจจะขาดฉู่เฉินมองสองพ่อลูกที่กำลังโขกหัวอย่างบ้าคลั่ง หัวเราะออกมาอย่างนิ่งๆ “ผู
แม้แต่ตระกูลหลูก็ยังถูกโทรศัพท์แค่ไม่กี่สายจากฉู่เฉินทำให้พังพินาศไปแล้ว แม้ว่าตระกูลของเขาจะเป็นตระกูลใหญ่และมีฐานะ แต่ใครจะกล้าเทียบกับตระกูลหลูล่ะ?แม้แต่หลูไคหมิงก็ถูกจัดการจนสงบเสงี่ยมไปเลย พวกเขาจะกล้าทำตัวแบบนั้นได้ยังไง?“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก รอให้ฉันเลี้ยงข้าวตรุษจีนเหรอ?”ฉู่เฉินถีบเข้าไปที่ก้นของพวกลูกน้องที่อยู่ตรงหน้าอย่างจังเมื่อได้ยินคำนี้ พวกเขาก็เหมือนได้รับการให้อภัย หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบแยกย้ายวิ่งออกไปข้างนอก ฉู่เฉินขมวดคิ้ว พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “หยุด!”ซี้ด!เท้าของพวกเขาก้าวออกไปเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็เหมือนหยุดกลางอากาศ“นำตัวสองคนนั้นออกไปด้วย”“ครับๆๆ !”พวกเขารีบหันหลังกลับมา ยกตัวคนที่ฉู่เฉินตบจนหมดสติ แล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องประชุม“คุณฉู่ ผมว่าตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”เจียงเหวินป๋อก็พูดขึ้นมาอย่างรู้สถานการณ์“อืม ไปเถอะ”ฉู่เฉินโบกมือให้เจียงเหวินป๋อ เจียงเหวินป๋อถึงโบกมือให้กับเหล่าตำรวจที่กำลังยืนอึ้งอยู่บริเวณนั้น “แยกย้าย! ใครเอาเรื่องวันนี้ออกไปเผยแพร่ ฉันจะจัดการให้หมด!”ก่
ตึง!หลิ่วชิงเหอพึ่งเดินเข้ามาในห้องทำงาน ฉู่เฉินก็ปิดประตูห้อง“แก...”เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินกำลังเดินมาทางตัวเอง หลิ่วชิงเหอก็ย่อตัวลงด้วยสัญชาตญาณทำไงได้ ท่าทางของเธอดูคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยล่ะอีกทั้งผ่านการวันเวลามานับครั้งไม่ถ้วน เธอก็รู้จักรสนิยมของฉู่เฉินเป็นอย่างดี แม้ว่าเธอจะยอมรับฉู่เฉินแล้ว กระทั่งที่ว่าให้เขาเป็นที่พึ่งพิงของพวกเธอสองแม่ลูก เธอไม่มีอะไรจะต้องต่อต้านแล้วถ้าจะให้ยอมรับอย่างจำใจ สู้เธอเลือกสนุกเองดีกว่า“เธอจะทำอะไร?”ฉู่เฉินเมื่อเห็นว่าหลิ่วชิงเหอจู่ๆ ก็นั่งยองลงต่อหน้าและกำลังยื่นมือมาปลดเข็มขัดของเขา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้ว พร้อมทั้งแย่งเข็มเข็ดมา แล้วใส่เข้าไปอีกครั้ง“พึ่บ!”ฉู่เฉินนำซองจดหมายโยนลงบนโต๊ะทำงาน พูดกับหลิ่วชิงเหอว่า “รถในรูปเธอน่าจะรู้จักใช่ไหม?”หลิ่วชิงเหอลุกขึ้นมาอย่างงงๆ แล้วเดินมายังข้างหน้าโต๊ะทำงาน หยิบซองจดหมายขึ้นมาเมื่อเธอเห็นรูปภาพที่ถูกเทออกมาจากข้างใน ม่านตาของเธอก็หดลง สีหน้าของเธอซีดลงทันที เงยหน้ามองฉู่เฉินด้วยความประหลาดใจ “รูปพวกนี้แกไปได้มาจากไหน?”ในรูปเป็นรถตู้สีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ในที่รกร้างกลางป่า ประตูรถเปิดกว้า
“แต่ว่าตั้งแต่วันนั้น พวกเขาก็หายตัวไปในกลีบเมฆ ไม่พบเจออีกเลย”นี่มัน...หลิ่วชิงเหอถูกฉู่เฉินจี้ถามจนพูดตะกุกตะกักเธออยากจะบอกจริงๆ ว่าพ่อมแม่ของฉู่เฉินไม่ได้ไปเมืองเอกของมณฑลเพียงเพราะคำพูดของเธอ แต่เป็นคำพูดของคนอื่นเพียงแต่ว่าคำพูดพวกนี้ เธอไม่กล้าพูดออกไปเพียงแค่พูดชื่อของคนนั้นออกไป ทุกสิ่งที่เธอมีอยู่ตอนนี้ หรือแม้แต่สิ่งที่ฉู่เฉินกำลังมีอยู่ตอนนี้อาจจะหายไปในพริบตา“ฉู่เฉิน ถ้าแกอยากจะรู้ว่าในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น งั้นแกก็ไปสืบเอาเอง ถ้าแกหาเบาะแสอะไรไม่เจอ แม้ว่าฉันจะบอกทุกอย่างกับแกไป แล้วแกจะทำอะไรพวกเขาได้?”หลิ่วชิงเหอพูดปลอบและพยายามเกลี้ยกล่อมฉู่เฉินกระตุกคิ้ว หรี่ตาจ้องมองไปที่หลิ่วชิงเหอแล้วพูดขึ้นมาว่า “เรื่องในตอนนั้นฉันต้องสืบเองแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าให้ฉันรู้ล่ะว่าเธอมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่”เมื่อเผชิญกับสายตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยความอาฆาตของฉู่เฉิน หลิ่วชิงเหอก็กลัวจนเซถอยไปหลายก้าว“ฉู่เฉิน ฉันบอกไปแล้วนะว่าฉันสามารถสาบานกับฟ้าดินเลยก็ได้ ฉันไม่มีส่วนรู้เห็นจริงๆ เรื่องในตอนนั้นมันซับซ้อนกว่าที่แกคิดไว้มาก ฉั
หลูเจิ้นหยวนพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหานายท่านใหญ่เฉียวโทรศัพท์ก็ดังอยู่สิบกว่าครั้งก็ไม่มีท่าทีว่านายท่านใหญ่เฉียวจะรับ หลูเจิ้นหยวนจึงเริ่มร้อนใจมองดูชะตาของตระกูลหลูโดนตัดขาดไปแบบนี้ แม้ว่าจะแค่วินาทีเดียวเขาก็ทนรอไม่ได้หรอกเมื่อคิดได้ หลูเจิ้นหยวนก็วางโทรศัพท์ในมือลงและพูดกับหลูไคหมิงว่า “ไคหมิง ไปเตรียมของขวัญติดไม้ติดมือแล้วตามฉันมา”เมื่อเห็นว่าหลูเจิ้นหยวนถึงกับออกนอกหน้าเอง หลูไคหมิงก็กลับมามีความมั่นใจเล็กน้อยถึงแม้เฉียวเทียนฉี่จะฟังคำสั่งของฉู่เฉิน แต่นั่นก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าของนายท่านใหญ่เฉียว ขอเพียงแค่นายท่านใหญ่เฉียวช่วยพูดให้ โครงการต่างๆ ในเจียงจงไม่นานก็จะกลับมาอยู่ในมือของตระกูลหลูอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นจะจัดการฉู่เฉินก็ยังไม่สายเมื่อคิดถึงตรงนี้ หลูไคหมิงก็ให้เจียงถิงไปเตรียมของขวัญจำนวนหนึ่ง แล้วตามไปกับหลูเจิ้นหยวนแล้วรีบไปยังคฤหาสน์ตระกูลเฉียวในตอนนั้นเอง ในหลังสวนดอกไม้ของคฤหาสน์ตระกูลเฉียว เฉียวเทียนฉี่กำลังรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับนายท่านใหญ่เฉียวฟัง“แกหมายความว่า แกยกเลิกโครงการทั้งหมดของตระกูลหลู และยังไล่หลูไคซานออกอีกงั
“คงจะไม่ยอมให้เจ้าเด็กเมื่อวานซืนที่แซ่ฉู่นั่น มาขี่หัวตระกูลหลูของผม...”นายท่านใหญ่เฉียวได้ยินประโยคนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา “ท่านหลู ท่านพูดแบบนี้มันจะเกินไปหน่อยนะครับ”“อีกอย่าง ท่านคิดว่าตระกูลเฉียวกลายเป็นที่พึ่งพาของคุณฉู่งั้นเหรอครับ?”หืม?หลูเจิ้นหยวนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา หรือว่าฉู่เฉินยังมีที่พึ่งอื่นอีกเหรอ?“ท่านหลูเรื่องบางเรื่อง ผมต้องขอเตือนคุณไว้ก่อนว่าให้อดทนไว้บ้าง สถานการณ์คลี่คลาย ถอยมาหนึ่งก้าว แล้วท่านจะพบกับทะเลที่กว้างใหญ่”เมื่อได้ยินดังนั้น ท่านเฉียวก็หยุดชะงักไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ฉู่เฉินพึ่งช่วยชีวิตท่านหัวหน้ามา ถ้าฉู่เฉินนำเรื่องนี้ไปบอกให้ท่านหัวหน้าฟัง ท่านว่ายังจะมีอยู่ตระกูลหลูอยู่ในเจียงจงอยู่อีกไหม?”ซี้ดๆ!หลูเจิ้นหยวนเมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของเขาก็ซีดทันทีเพราะความตกใจ!ท่านหลงเป็นคนเที่ยงตรง ถ้ารู้เรื่องนี้เข้า บรรพบุรุษของตระกูลหลูคงถูกขุดออกมาจากหลุมศพแน่ๆ“อีกอย่างตามที่ผมรู้มา ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของคุณฉู่ไม่ได้มีเพียงแต่ท่านหัวหน้าเท่านั้น
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ