“คุณฉู่”เมื่อหลูไคหมิงเห็นฉู่เฉินก้มหน้ากดเบอร์โทรอีกก็หวาดกลัวจนตัวสั่น เกือบเผลอคุกเข่าให้ฉู่เฉินต่อหน้าทุกคนแล้ว“ฉันจำได้ว่าตระกูลหลูของพวกแกเหมือนจะมีกิจการสถานบันเทิงไม่น้อย ในเมื่อรากเหง้าก็ไม่มีแล้ว อย่าเก็บไว้อีกเลย เปลืองพลังงานเปล่าๆ ฉันจะช่วยแกให้มีชีวิตที่ราบเรียบเอง”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็กดเบอร์โทรหาจางหลง“คุณฉู่ คุณหาผมเหรอครับ?”น้ำเสียงจางหลงมีความเคารพนอบน้อมสุดขีดในช่วงก่อนหน้านี้พรรคมังกรหาญได้กลับตัวกลับใจและชำระล้างตัวเองอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นกองกำลังใต้ดินเพียงกลุ่มเดียวที่ทำแต่สิ่งดีๆในมณฑลเจียงแห่งนี้และเขายังพบว่ากำไรจากการเก็บสมุนไพรวัตถุดิบยาให้ฉู่เฉินยังสร้างรายได้ให้มากกว่าธุรกิจสีเทาเหล่านั้นมากจริงๆเหตุผลหนึ่งคือฉู่เฉินให้ราคาส่วนต่างสูงมากพอ ทั้งยังหลังจากที่ยาบำรุงปราณผลิตออกมาแล้วก็จะเพิ่มกำไรให้เพิ่มอีกร้อยละห้ามีบางครั้งที่รายได้เข้าบัญชีมากกว่าห้าสิบล้าน จางหลงมีความสุขมากจนยิ้มไม่หุบแล้วถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่ามีธุรกิจที่ดีขนาดนี้ ใครมันจะไปทำเรื่องที่ผิดกฎหมายกัน?พูดจริงๆ คือ พวกที่คลุกคลีกับวงการใต้ดินอย่างจางหลงก็คิดจะปกป้องเมียและลูก
เวลานี้เอง หลิ่วหรูเยียนที่เพิ่งจะเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสั้นสำหรับทำงานก็ผลักประตูเข้ามา และได้เห็นฉากที่หลูไคหมิงโขกศีรษะให้ฉู่เฉินพอดี เธอยืนมองจนตะลึงนั่นคือหลูไคหมิงผู้นำรุ่นที่สองของตระกูลหลูที่ทุกคนในเมืองเจียงจงสั่นผวาเหมือนเห็นเสือเห็นหมาป่าเชียวนะนี่… นี่มีเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หลิ่วชิงเหอไม่สามารถซ่อนความตกใจในใจได้ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะความตื่นเต้นหรือความกลัวกันแน่ที่ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านไม่หยุดจนก้อนกลมทั้งสองข้างบนหน้าอกสั่นสะเทือนตามไปด้วย“คุณฉู่…”เพียะ!หลูไคหมิงเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมายังไม่ทันได้เปิดปาก ฉู่เฉินก็สะบัดมือตบเข้าที่ใบหน้าของเขาจนเกิดเสียงดังตบจนหลูไคหมิงหน้าหันชนขอบเก้าอี้ด้านข้างเลือดไหลพุ่งขึ้นมาทันทีแต่หลูไคหมิงในเวลานี้กลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่ผายลมก็ยังไม่กล้า และยิ่งไม่กล้าร้องว่าเจ็บออกมาต่อหน้าฉู่เฉิน“ตระกูลหลูคุณเจ๋งไม่ใช่เหรอ?”“ผู้หญิงของฉัน ผมบทจะตบก็ตบ? ใครแม่งให้ความกล้าคุณมาวะ!”ฉู่เฉินในขณะนี้ดูแตกต่างไปเมื่อกี้ราวกับเป็นคนละคน ความเย็นชาอำมหิตปรากฏในดวงตาจ้องมองหลูไคหมิงจนเขารู้สึกขนลุก ถึงขั้นที่ไม่กล้าเงยหน้าสบตาฉู่เฉิน“
อู่เย่าปังมองหลูไคหมิงที่ก้มหน้าก้มตา แล้วรีบเอาตัวมุดเข้าไปอยู่ใต้กระโปรงของหลิ่วชิงเหอ อู่เย่าปังถึงกับตกใจจนเลือดแทบจับตัวนั่นเป็นถึงที่พักพิงและเสาหลักที่สำคัญของเขา ตอนนี้แม้แต่หลูไคซานก็ถูกฉู่เฉินกำราบจนอยู่หมัดแล้ว เขาจะทำอะไรได้ล่ะ?เมื่อคิดได้ เขาก็ไม่รอให้ฉู่เฉินเรียกเขา อู่เย่าปังรีบเข้าไปดึงอู่จวิ้นเจี๋ย เขารีบเดินตรงดิ่งไปข้างหน้าฉู่เฉินและสองแม่ลูกตระกูลหลิ่ว ตามด้วยคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุ้บ“คุณฉู่ ผมผิดไปแล้ว ประธานหลิ่ว ผู้จัดการหลิ่ว ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ก่อนหน้านี้พวกเรามันตาถั่วเอง เงินกู้ธนาคารก้อนนั้นพวกผมไม่เอาแล้วครับ ขอร้องท่านผู้สูงส่งปล่อยพวกเราไปเถอะนะครับ”อู่เย่าปังสองพ่อลูกพูดจบ ก็โขกหัวลงกับพื้นดังลั่นเหมือนกับไก่กำลังจิกอาหารตอนนี้หลูไคซานเกลียดสองพ่อลูกเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา ตระกูลหลูต้องมาประสบความลำบากแบบนี้?ถ้าไม่ใช่เพราะออกหน้าให้พวกเขา เขาจะเผลอไปล่วงเกินคนที่สูงส่งแบบฉู่เฉินได้ยังไง?ตอนนี้เขาอยากจะให้ฉู่เฉินโยนสองคนพ่อลูกนี่ออกลงไปข้างล่างตึกใจจะขาดฉู่เฉินมองสองพ่อลูกที่กำลังโขกหัวอย่างบ้าคลั่ง หัวเราะออกมาอย่างนิ่งๆ “ผู
แม้แต่ตระกูลหลูก็ยังถูกโทรศัพท์แค่ไม่กี่สายจากฉู่เฉินทำให้พังพินาศไปแล้ว แม้ว่าตระกูลของเขาจะเป็นตระกูลใหญ่และมีฐานะ แต่ใครจะกล้าเทียบกับตระกูลหลูล่ะ?แม้แต่หลูไคหมิงก็ถูกจัดการจนสงบเสงี่ยมไปเลย พวกเขาจะกล้าทำตัวแบบนั้นได้ยังไง?“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก รอให้ฉันเลี้ยงข้าวตรุษจีนเหรอ?”ฉู่เฉินถีบเข้าไปที่ก้นของพวกลูกน้องที่อยู่ตรงหน้าอย่างจังเมื่อได้ยินคำนี้ พวกเขาก็เหมือนได้รับการให้อภัย หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบแยกย้ายวิ่งออกไปข้างนอก ฉู่เฉินขมวดคิ้ว พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “หยุด!”ซี้ด!เท้าของพวกเขาก้าวออกไปเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็เหมือนหยุดกลางอากาศ“นำตัวสองคนนั้นออกไปด้วย”“ครับๆๆ !”พวกเขารีบหันหลังกลับมา ยกตัวคนที่ฉู่เฉินตบจนหมดสติ แล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องประชุม“คุณฉู่ ผมว่าตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”เจียงเหวินป๋อก็พูดขึ้นมาอย่างรู้สถานการณ์“อืม ไปเถอะ”ฉู่เฉินโบกมือให้เจียงเหวินป๋อ เจียงเหวินป๋อถึงโบกมือให้กับเหล่าตำรวจที่กำลังยืนอึ้งอยู่บริเวณนั้น “แยกย้าย! ใครเอาเรื่องวันนี้ออกไปเผยแพร่ ฉันจะจัดการให้หมด!”ก่
ตึง!หลิ่วชิงเหอพึ่งเดินเข้ามาในห้องทำงาน ฉู่เฉินก็ปิดประตูห้อง“แก...”เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินกำลังเดินมาทางตัวเอง หลิ่วชิงเหอก็ย่อตัวลงด้วยสัญชาตญาณทำไงได้ ท่าทางของเธอดูคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยล่ะอีกทั้งผ่านการวันเวลามานับครั้งไม่ถ้วน เธอก็รู้จักรสนิยมของฉู่เฉินเป็นอย่างดี แม้ว่าเธอจะยอมรับฉู่เฉินแล้ว กระทั่งที่ว่าให้เขาเป็นที่พึ่งพิงของพวกเธอสองแม่ลูก เธอไม่มีอะไรจะต้องต่อต้านแล้วถ้าจะให้ยอมรับอย่างจำใจ สู้เธอเลือกสนุกเองดีกว่า“เธอจะทำอะไร?”ฉู่เฉินเมื่อเห็นว่าหลิ่วชิงเหอจู่ๆ ก็นั่งยองลงต่อหน้าและกำลังยื่นมือมาปลดเข็มขัดของเขา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้ว พร้อมทั้งแย่งเข็มเข็ดมา แล้วใส่เข้าไปอีกครั้ง“พึ่บ!”ฉู่เฉินนำซองจดหมายโยนลงบนโต๊ะทำงาน พูดกับหลิ่วชิงเหอว่า “รถในรูปเธอน่าจะรู้จักใช่ไหม?”หลิ่วชิงเหอลุกขึ้นมาอย่างงงๆ แล้วเดินมายังข้างหน้าโต๊ะทำงาน หยิบซองจดหมายขึ้นมาเมื่อเธอเห็นรูปภาพที่ถูกเทออกมาจากข้างใน ม่านตาของเธอก็หดลง สีหน้าของเธอซีดลงทันที เงยหน้ามองฉู่เฉินด้วยความประหลาดใจ “รูปพวกนี้แกไปได้มาจากไหน?”ในรูปเป็นรถตู้สีขาวคันหนึ่งจอดอยู่ในที่รกร้างกลางป่า ประตูรถเปิดกว้า
“แต่ว่าตั้งแต่วันนั้น พวกเขาก็หายตัวไปในกลีบเมฆ ไม่พบเจออีกเลย”นี่มัน...หลิ่วชิงเหอถูกฉู่เฉินจี้ถามจนพูดตะกุกตะกักเธออยากจะบอกจริงๆ ว่าพ่อมแม่ของฉู่เฉินไม่ได้ไปเมืองเอกของมณฑลเพียงเพราะคำพูดของเธอ แต่เป็นคำพูดของคนอื่นเพียงแต่ว่าคำพูดพวกนี้ เธอไม่กล้าพูดออกไปเพียงแค่พูดชื่อของคนนั้นออกไป ทุกสิ่งที่เธอมีอยู่ตอนนี้ หรือแม้แต่สิ่งที่ฉู่เฉินกำลังมีอยู่ตอนนี้อาจจะหายไปในพริบตา“ฉู่เฉิน ถ้าแกอยากจะรู้ว่าในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น งั้นแกก็ไปสืบเอาเอง ถ้าแกหาเบาะแสอะไรไม่เจอ แม้ว่าฉันจะบอกทุกอย่างกับแกไป แล้วแกจะทำอะไรพวกเขาได้?”หลิ่วชิงเหอพูดปลอบและพยายามเกลี้ยกล่อมฉู่เฉินกระตุกคิ้ว หรี่ตาจ้องมองไปที่หลิ่วชิงเหอแล้วพูดขึ้นมาว่า “เรื่องในตอนนั้นฉันต้องสืบเองแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าให้ฉันรู้ล่ะว่าเธอมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่”เมื่อเผชิญกับสายตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยความอาฆาตของฉู่เฉิน หลิ่วชิงเหอก็กลัวจนเซถอยไปหลายก้าว“ฉู่เฉิน ฉันบอกไปแล้วนะว่าฉันสามารถสาบานกับฟ้าดินเลยก็ได้ ฉันไม่มีส่วนรู้เห็นจริงๆ เรื่องในตอนนั้นมันซับซ้อนกว่าที่แกคิดไว้มาก ฉั
หลูเจิ้นหยวนพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหานายท่านใหญ่เฉียวโทรศัพท์ก็ดังอยู่สิบกว่าครั้งก็ไม่มีท่าทีว่านายท่านใหญ่เฉียวจะรับ หลูเจิ้นหยวนจึงเริ่มร้อนใจมองดูชะตาของตระกูลหลูโดนตัดขาดไปแบบนี้ แม้ว่าจะแค่วินาทีเดียวเขาก็ทนรอไม่ได้หรอกเมื่อคิดได้ หลูเจิ้นหยวนก็วางโทรศัพท์ในมือลงและพูดกับหลูไคหมิงว่า “ไคหมิง ไปเตรียมของขวัญติดไม้ติดมือแล้วตามฉันมา”เมื่อเห็นว่าหลูเจิ้นหยวนถึงกับออกนอกหน้าเอง หลูไคหมิงก็กลับมามีความมั่นใจเล็กน้อยถึงแม้เฉียวเทียนฉี่จะฟังคำสั่งของฉู่เฉิน แต่นั่นก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าของนายท่านใหญ่เฉียว ขอเพียงแค่นายท่านใหญ่เฉียวช่วยพูดให้ โครงการต่างๆ ในเจียงจงไม่นานก็จะกลับมาอยู่ในมือของตระกูลหลูอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นจะจัดการฉู่เฉินก็ยังไม่สายเมื่อคิดถึงตรงนี้ หลูไคหมิงก็ให้เจียงถิงไปเตรียมของขวัญจำนวนหนึ่ง แล้วตามไปกับหลูเจิ้นหยวนแล้วรีบไปยังคฤหาสน์ตระกูลเฉียวในตอนนั้นเอง ในหลังสวนดอกไม้ของคฤหาสน์ตระกูลเฉียว เฉียวเทียนฉี่กำลังรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับนายท่านใหญ่เฉียวฟัง“แกหมายความว่า แกยกเลิกโครงการทั้งหมดของตระกูลหลู และยังไล่หลูไคซานออกอีกงั
“คงจะไม่ยอมให้เจ้าเด็กเมื่อวานซืนที่แซ่ฉู่นั่น มาขี่หัวตระกูลหลูของผม...”นายท่านใหญ่เฉียวได้ยินประโยคนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา “ท่านหลู ท่านพูดแบบนี้มันจะเกินไปหน่อยนะครับ”“อีกอย่าง ท่านคิดว่าตระกูลเฉียวกลายเป็นที่พึ่งพาของคุณฉู่งั้นเหรอครับ?”หืม?หลูเจิ้นหยวนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา หรือว่าฉู่เฉินยังมีที่พึ่งอื่นอีกเหรอ?“ท่านหลูเรื่องบางเรื่อง ผมต้องขอเตือนคุณไว้ก่อนว่าให้อดทนไว้บ้าง สถานการณ์คลี่คลาย ถอยมาหนึ่งก้าว แล้วท่านจะพบกับทะเลที่กว้างใหญ่”เมื่อได้ยินดังนั้น ท่านเฉียวก็หยุดชะงักไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ฉู่เฉินพึ่งช่วยชีวิตท่านหัวหน้ามา ถ้าฉู่เฉินนำเรื่องนี้ไปบอกให้ท่านหัวหน้าฟัง ท่านว่ายังจะมีอยู่ตระกูลหลูอยู่ในเจียงจงอยู่อีกไหม?”ซี้ดๆ!หลูเจิ้นหยวนเมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของเขาก็ซีดทันทีเพราะความตกใจ!ท่านหลงเป็นคนเที่ยงตรง ถ้ารู้เรื่องนี้เข้า บรรพบุรุษของตระกูลหลูคงถูกขุดออกมาจากหลุมศพแน่ๆ“อีกอย่างตามที่ผมรู้มา ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของคุณฉู่ไม่ได้มีเพียงแต่ท่านหัวหน้าเท่านั้น
ราวกับลีน่าได้ตื่นขึ้นมาจากความฝัน เก็บมือที่อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างกลับมาแล้วยืนตัวตรงทันที จากนั้นสางผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยเมื่อประตูห้องเปิดออก ต้าหลิงจื่อที่เสื้อผ้ายับยู่ยี่ก็โผล่หน้าออกมาชนเข้ากับลีน่าที่อยู่หน้าประตูเข้าอย่างจัง“ว้าย!”ต้าหลิงจื่อตกใจเป็นอย่างมากจึงรีบติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย ใบหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าและกล่าว “คุณ…คุณนายลีน่า คุณ…คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”ลีน่ายิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ฉันรอพวกคุณเกือบจะสองชั่วโมงแล้วล่ะ”กล่าวเสร็จไม่รอต้าหลิงจื่อตอบสนองใด ๆ ลีน่าก็ผลักประตูเข้าไปข้างในฉู่เฉินได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลังก็เก็บกางเกงบ็อกเซอร์ขึ้นมาโดยไม่ลนลาน แล้วหันหลังใส่มันช้า ๆ จากนั้นหยิบบุหรี่หนึ่งในขึ้นมาจุดและกล่าวพร้อมชำเลืองมองลีน่า “มีธุระเหรอ?”ลีน่ามองสำรวจกล้ามเนื้อทั้งร่างกายของฉู่เฉินด้วยใบหน้าแดงก่ำและยิ้มน้อยกล่าว “คุณฉู่ สามีฉันคิดว่าการร่วมธุรกิจระหว่างพวกเรายังสามารถเจรจากันอีกได้ค่ะ”“เงื่อนไขสามารถปรับเปลี่ยนได้ อีกทั้งสภาพแวดล้อมในห้องทำงานก็เคร่งเครียดเกินไป เขาจึงจองห้องอาหารส่วนตัวที่ภัตตาคารไห่เฟิงไว้แล้ว หวังว่าคุณฉู่จะให้เกียรติมาร่
เมื่อเห็นว่ารอบนี้ลีน่าเอาจริง แรนด์จึงเริ่มร้อนใจและคว้าข้อมือของลีน่าไว้พร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ลีน่า ความรู้สึกที่ยาวนานขนาดนั้นของพวกเรา…”ความรู้สึก?ลีน่าอยากจะขำให้ท้องแข็งตายเมื่อได้ยินคำนี้ ตอบพร้อมกลอกตาใส่แรนด์ด้วยสีหน้ารังเกียจ “คุณป่วยหนักอยู่นะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันสนใจในทรัพย์สมบัติของคุณ คุณคิดว่าฉันจะมาคบคุณเหรอ?”“คุณทั้งแก่และขี้เหร่ หลงใหลระยะสั้นๆ ทำมาพูดเรื่องความรู้สึกรักชอบ ช่างน่าเสียความรู้สึกจริง ๆ โอเคไหม?”ไม่เสแสร้งแล้ว เปิดใจทั้งหมดใบหน้าชราของแรนด์อมทุกข์จนราวกับจะมีน้ำตาหยดลงมา แต่ก็ไม่มีปัญญา ใครให้ผู้หญิงคนนี้ชำนาญในด้านนั้นกันล่ะหลังจากหายใจเข้าลึก ๆ แล้วแรนด์ก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาจึงกัดฟันพูดขึ้นว่า “คุณ…คุณโทรไปเรียกเขามาสิ ผมเป็นเจ้าภาพเอง ให้ไปกินข้าวและพูดคุยกันที่ภัตตาคารไห่เฟิง”แรนด์ไม่อาจยอมได้ แต่ก็พ่ายแพ้ในการพูดคุยแล้ว สิ่งที่เขาสูญเสียนั้นมากเกินไปแล้วจริง ๆไม่เพียงถูกคนจากฝ่ายทหารตามไล่ฆ่า แถมผู้หญิงข้างกายเขาก็จะจากเขาไปไกลอีกถ้าเป็นแค่ผู้หญิงทั่วไปก็ช่างเถอะปัญหาคือขาทั้งสองข้างของลีน่าแรงดีมาก แล้วยังหนีบเก่งอีกสิ่งที
วินาทีต่อมา เธอเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบแหวกชุดทำงานออก แล้วแกะกระดุมตรงหน้าอกออกสองเม็ด ก่อนจะก้มหน้ามองหน้าอกทั้งสองข้างจากนั้นก็เห็นว่ารอยแผลตกสะเก็ดหลุดออกหมดแล้ว ผิวที่เกิดใหม่เรียบเนียนราวกับของใหม่ทำให้ต้าหลิงจื่อตะลึงงัน ฉู่เฉินมองลูกแพร์ขนาดใหญ่สองลูกที่ส่องประกายแวววาวก็ตกตะลึงไปเช่นกัน“ว้าย” ผ่านไปพักใหญ่ ต้าหลิงจื่อถึงค่อยสังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักของฉู่เฉิน แถมยังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างกึ่งโป๊กึ่งมิดชิด เธอรู้สึกเขินอายมากทันที ก่อนจะรีบยืนตัวตรง เอามือดึงกางเกงที่แทบจะถกมาถึงต้นขา“คะ...คุณชายฉู่ ขะ...ขอโทษด้วยค่ะ เมื่อกี้ฉัน...”ยังไม่ทันที่ต้าหลิงจื่อจะพูดจบ ปากขนาดใหญ่ก็ปิดริมฝีปากแดงของเธอกลิ่นอายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของชายชาตรีถาโถมใส่หน้า ต้าหลิงจื่อสิ้นฤทธิ์ในพริบตา เธอไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว โดยเฉพาะเมื่อโดนแขนที่ทรงพลังโอวเอวไว้ ราวกับเขื่อนที่พังทลาย ไม่อาจควบคุมได้เลย“แควก!” ฉู่เฉินฉีกถุงน่องของต้าหลิงจื่อออกทันที ก่อนจะพลิกมือกดต้าหลิงจื่อลงบนโต๊ะทำงาน“คุณชายฉู่ บะ...เบาหน่อยค่ะ ฉันไม่ได้ทำแบบนี้
แม้แต่ต้าหลิงจื่อที่ยืนอยู่ทางด้านข้างก็ยังตกตะลึงกับสิ่งที่ฉู่เฉินทำตอนที่หลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วชิงเหอแม่ลูกเจรจาความร่วมมือกับคนอื่น เธอก็อยู่ด้วย แต่ว่าสามปีมานี้ เธอยังไม่เคยเห็นการเจรจาความร่วมมือแบบนี้มาก่อนเลยมิน่าล่ะหลิ่วหรูเยียนถึงบอกให้ฉู่เฉินมาเจรจา บารมีบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน ชั่วขณะหนึ่ง ภาพลักษณ์ของฉู่เฉินในใจของต้าหลิงจื่อคล้ายกับยิ่งใหญ่ขึ้นไม่น้อย“ฮึ คุณฉู่ นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของคุณก็ได้ ในเมื่อคุณไม่เห็นค่า งั้นพวกเราก็ขอตัวแล้ว” แรนด์กระแทกถ้วยกาแฟในมือลงบนโต๊ะอย่างหนักหน่วงดังปัง จากนั้นก็ลุกขึ้นมาด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะดึงลีน่าขึ้นมาแล้วหันกายเดินจากไป “เอ๊ะ...”เมื่อเห็นสามีภรรยาแรนด์เดินจากไปแล้วจริงๆ ต้าหลิงจื่อกำลังคิดจะเรียกพวกเขาให้หยุด แต่โดนฉู่เฉินยื่นมือมาขวางไว้“คุณฉู่...”“ให้พวกเขาไสหัวไป”เสียงของฉู่เฉินไม่ดังไม่เบา แต่สามีภรรยาแรนด์กลับได้ยินชัดเจน “คุณ...”แรนด์หันหน้ามาถลึงตาใส่ฉู่เฉินด้วยความแค้นใจ คำว่าไสหัวไปครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ให้แม้กระทั่งทางลงกับเขาเลยจริง ๆในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่อยากไปก็ไม่ได้แล้วดูท่าข้อมู
หน้าอกใหญ่สองลูกนั้นราวกับอาวุธสังหารที่สั่นไหวเล็กน้อยไปตามลมหายใจ เหมือนจะดันเสื้อเชิ้ตสีเบจบนตัวเธอให้ปริได้ทุกเมื่อ ส่วนเรียวขาใหญ่ยาวงดงามที่แข็งแรงและไม่เสียทรงสองข้างเปล่งประกายสีทองแดงแวววาวจากการอาบแดดบนชายหาดแม้ว่าผิวจะไม่ขาวเนียน ทว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าให้ความรู้สึกงดงามสุขภาพดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งริมฝีปากที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนนั้น แค่มองก็ทำให้คนเกิดความคิดหุนหันอยากจะถูกเธออมไว้ในปากนัยน์ตาโตสีฟ้า ประกอบกับขนตาเรียวยาว แค่กะพริบตาเหลือบมองกลับมาก็เปี่ยมไปด้วยความเสน่หานี่แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นผลผลิตจากอำนาจของเงินตราเมื่อเห็นฉู่เฉิน สามีภรรยาคู่นี้ก็อึ้งไปก่อน จากนั้นเป็นสาวสวยชาวตะวันตกคนนั้นที่ยิ้มให้ฉู่เฉินก่อนแล้วพูดว่า “คุณน่าจะเป็นคุณฉู่เฉินสินะ?” สาวสวยชาวตะวันตกพูดพลางส่ายเรียวขางามแข็งแรงอยู่บนรองเท้าสายรัดส้นเข็ม เดินเข้ามาหาฉู่เฉิน ก่อนจะยื่นมือไปจับมือกับฉู่เฉิน “ผมคือฉู่เฉิน ไม่ทราบว่าพวกคุณคือ?”ฉู่เฉินจับมือเรียวงามนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูกของสาวสวยชาวตะวันตกอย่างเป็นมิตรมาก สายตากวาดมองหน้าอกของเธอแวบหนึ่ง ร่องอกนั้นสามารถซุกคนทั้งเป็นเข้าไปได้เลย
บ้าเอ๊ย!แม้แต่ลมหายใจของฉู่เฉินก็ถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย นี่ถ้าเกิดเป็นการต่อสู้จริงละก็ ตอนนี้เขาคงสิ้นชีพไปแล้วจนกระทั่งตอนนี้เอง ในที่สุดฉู่เฉินก็รู้แน่ชัดถึงช่องว่างของระดับพลังสร้างรากฐานแล้วยกตัวอย่างเช่น เมื่อคืนนี้เผชิญหน้ากับเย่หัวที่เหนือกว่าเขาหนึ่งขั้น แม้ว่าฉู่เฉินจะตกเป็นฝ่ายรับ แต่ก็มีพลังต่อสู้อยู่แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่เหนือกว่าเขาหลายขั้นอย่างเจ้าทึ่ม เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะลงมือ“ตอนนี้นายเทียบเท่าระดับสร้างรากฐานประมาณขั้นไหนแล้ว?”ฉู่เฉินปัดฝุ่นบนตัวพลางขมวดคิ้วเอ่ยถาม“ขั้นเก้า”เจ้าทึ่มเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าอะไรนะ?ฉู่เฉินกลืนน้ำลายหนัก ๆ ความเร็วในการพัฒนานี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึงนิดหน่อยจริง ๆ “งั้นผู้ชายผู้หญิงที่ลงมาจากรถเมื่อคืน นายเองก็เห็นแล้ว คิดว่าเอาชนะได้หรือเปล่า?” ฉู่เฉินเลิกคิ้วเอ่ยกับเจ้าทึ่ม“ได้ ผมรู้สึกได้ว่าพวกเขาอ่อนแอมาก” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ รัศมีแสงสีฟ้าภายในดวงตาของเจ้าทึ่มพลันส่องประกายหลายครั้ง ยังจงใจเอาลิ้นสีแดงคาวเลียริมฝีปากแห้งผาก“นายแค่กินคนก็สามารถเลื่อนระดับพลังได้แล้วเหรอ?”ฉู่เฉินเอามือไพล่หลังเดิ
แม้ว่าตอนนี้จะถูกแบนจากฝ่ายต่าง ๆ แต่คิดว่าคงไม่ได้แบนนานมากนัก“โอเคค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว งั้นฉันจะโทรหาคุณฉู่เดี๋ยวนี้เลย นัดเวลาเจอกัน?”ต้าหลิงจื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนสอบถาม “อืม จัดการตามที่ฉันบอกละกัน...อ่า...”หลิ่วหรูเยียนอ้าปากหาวอีกครั้ง ก่อนจะลากร่างกายที่เหนื่อยล้าให้ลุกขึ้นมาพูดว่า “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉัน...หาว...ฉันกลับไปนอนก่อนนะ มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอดเวลา” หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบก็คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นมา ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปพร้อมกับต้าหลิงจื่อ เมื่อมาถึงถนน หลิ่วหรูเยียนยื่นมือออกไปเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเฉียนหลงวิลล่าหลังจากส่งหลิ่วหรูเยียนแล้ว ต้าหลิงจื่อถึงค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฉู่เฉินเวลานี้ ฉู่เฉินเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ แตกต่างจากพวกสาว ๆ อย่างหลิ่วหรูเยียนที่ผ่านศึกใหญ่มาทั้งคืน แต่ตอนนี้ฉู่เฉินกลับสดใสร่าเริง กระปรี้กระเปร่าเป็นร้อยเท่าจำเป็นต้องพูดว่ามรดกของมังกรเฒ่ามหัศจรรย์มากจริง ๆ การบำเพ็ญคู่ไม่เพียงสามารถเพิ่มพละกำลังให้แข็งแกร่งขึ้น ยิ่งทำให้กำลังวังชาของเขาเหนือกว่าคนทั่วไปมากนัก ต่อให้ทำศึกใหญ่ติดต่อกัน
คืนนั้น ฉู่เฉินปลดปล่อยเพลิงมังกรหยางที่ยากจะควบคุมลงบนตัวหลิ่วหรูเยียนและสองพี่ต้องตระกูลต้วนเมื่อฉู่เฉินทะลวงสู่ระดับสร้างรากฐานชั้นห้า พลังรบก็เพิ่มขึ้นหนึ่งขั้นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ต้วนหลิงเวยที่มีความอดทนมากที่สุดก็อ้อนวอนติดต่อกัน ยอมแพ้หลายต่อหลายครั้งเช้าวันถัดมา หลิ่วหรูเยียนลากร่างกายที่เหนื่อยล้ารีบไปทำงานที่บริษัท ถึงขนาดที่ไม่สนใจจะกินอาหารเช้าเลยด้วยซ้ำเธอกลัวจริง ๆ ทำไมตอนนี้ฉู่เฉินดูเหมือนป้อนอย่างไรก็ไม่เต็มอิ่มเลยละเธอกลัวจริง ๆ ว่าตัวเองจะเหนื่อยตายคาเตียงของฉู่เฉิน รุ่งเช้า ต้าหลิงจื่อเพิ่งมาถึงบริษัท เดินเข้ามาในห้องทำงานของหลิ่วหรูเยียนด้วยใบหน้าดีอกดีใจ เมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของหลิ่วหรูเยียน แถมยังมีรอยใต้ตาคล้ำวงใหญ่สองข้างบนใบหน้าเลยเอ่ยด้วยความเป็นห่วงว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ เมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทเหรอคะ? “ฮึ!” หลิ่วหรูเยียนได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกฉุนเฉียว เธอนอนหลับไม่สนิทที่ไหนกันล่ะ ไม่ได้นอนหลับสนิททั้งคืนชัด ๆ “ช่างเถอะ มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ฉันเหนื่อยแล้ว อยากนอนสักหน่อย” หลิ่วหรูเยียนพูดพลางหาวยาว ๆ ทั้ง
ถึงอย่างไรเธอก็อยู่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพมาหลายร้อยปีแล้ว หากไม่มีพลังบำเพ็ญเพียร เธอจะกลายเป็นหญิงชราโดยสิ้นเชิงในคราวเดียว แค่คิดว่าตัวเองอาจจะมีริ้วรอยเหี่ยวย่น ชราภาพ อวี้ลู่ก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจฉู่เฉินเห็นอวี้ลู่มีท่าทางเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างยิ่งก็ได้แต่สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ นี่ยังมียาโลหิตวิญญาณอยู่นิดหน่อย ถ้าเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้ พี่ก็กินเข้าไปสองเม็ด” ฉู่เฉินพูดพลางล้วงยาโลหิตวิญญาณขวดหนึ่งออกมาจากในอกแล้ววางไว้ในฝ่ามือของอวี้ลู่ แต่ทันทีที่สัมผัสโดนมือเล็ก ๆ ของอวี้ลู่ อุณหภูมิร่างกายที่ร้อนผ่าวส่งผ่านเข้ามา แม้แต่ฉู่เฉินก็ต้องชื่นชมความอดทนของอวี้ลู่อดกลั้นไว้จนเป็นแบบนี้เลยเหรอ?ผู้หญิงเนี่ยนะ ทำไมต้องทรมานตัวเองด้วยก่อนจะออกมา ฉู่เฉินชะงักฝีเท้าแล้วหันหน้ามาพูดว่า “ถ้าเกิดมีอะไรอยากให้ช่วยก็เรียกผมได้ตลอดเวลานะ” “ไม่จำเป็น!”อวี้ลู่ตะโกนเสียงดังพลางหอบหายใจแรง ฉู่เฉินส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แล้วเดินออกไปนอกถ้ำอินซู่ซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบไล่ตามออกมา พูดกับฉู่เฉินว่า “นายท่าน นี่ผู้อาวุโสเป็นอะไรไปเหรอคะ?”ไม่แ