หุ่นฟางปลุกเสกเป็นเทคนิคที่ใช้ในคุณไสยการควบคุมศพของเซียงซี!แม้จะนับว่าเป็นหนึ่งในวิชาแห่งสำนักเต๋า แต่ถือว่าพบเจอได้ยาก!ฉู่เฉินสามารถรับรองได้ว่า มีผู้บำเพ็ญเต๋ากำลังเพ่งเล็งเขาจากที่ไกลๆ อีกทางหนึ่งอาจพูดได้ว่าพวกเขาตั้งใจที่จะใช้วิธีนี้“อย่ากลัวไปครับ นี่เป็นหุ่นฟางครับ”ฉู่เฉินสวมเสื้อผ้าไปด้วย พร้อมทั้งชักกระบี่อ่อนจากเอวออกมา ส่งไปให้ในมือของเจียงอิ่ง “รับมันไว้นะครับ ผมจะออกไปดูก่อน หากมีหุ่นฟางโจมตีคุณ คุณใช้กระบี่นี่ฟันมันให้ขาดเลยนะครับ”“ฉัน... ฉันไม่กล้าค่ะ”เจียงอิ่งตกใจกลัวจนหน้าซีด ตัวของเธอหดเลยนิดเดียวยิ่งเจียงอิ่งรู้ว่าข้างนอกคือหุ่นฟาง เธอก็ยิ่งกลัวขึ้นไปอีกหุ่นฟางจะขยับได้ยังไง?เธอเจอผีหลอกแล้วมั้งเนี่ย!ฉู่เฉินขมวดคิ้วแน่น ราวกับว่าเข้าว่าเจียงอิ่งคิดอะไรอยู่ “สบายใจได้ครับ นี่ไม่ใช่ผี แต่นี่มีคนเล่นตลกอยู่ข้างหลังหุ่นฟางนี่ต่างหากครับ”“กระบี่เล่มนี้ของผมมีปราณมังกรเพลิง ไม่ว่าเป็นผีจริงหรือไม่จริง ถึงแม้ว่าจะเป็นผีจริงกระบี่เล่มนี้ก็สามารถฆ่ามันได้”ฉู่เฉินไม่ได้พูดโอ้อวดกระบี่เล่มนี้ของเขา หลังจากที่ผ่านการฝึกฝนมาเมื่อคืนนี้ แม้ว่าในวันนี้จะย
“วิชาตามหาวิญญาณ!”พูดจบ ลำแสงสีแดงสองลำก็ปรากฏออกมาจากม่านตาของฉู่เฉินทันทีทันใดนั้นเอง ลำแสงสีแดงทั้งสองลำก็ทะลุผ่านความมืดโดยรอบ เผยให้เห็นเส้นใยสีดำที่มองเห็นได้เลือนรางซึ่งเชื่อมระหว่างหุ่นฟางแต่ละตัวเข้าด้วยกันเห็นได้ชัดว่านักไสยศาสตร์ผู้นั้นไม่ได้อยู่แถวนี้ แต่กลับใช้วิธีควบคุมระยะไกล ควบคุมหุ่นฟางให้โจมตีฉู่เฉินถึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเพียงแต่ว่าคนปลุกไม่อยู่แถวนี้ก็จัดการได้ง่ายขึ้น ไม่มีเจียงอิ่งเป็นตัวถ่วง ฉู่เฉินมั่นใจว่าแค่ท่าไม้ตายไม้เดียวเขาสามารถเอาชีวิตของคนนั้นได้เลยพลังของฝ่ายตรงข้ามแม้ว่าไม่ต่ำกว่าฝึกปราณระดับแปด บางทีอาจจะเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าฝึกปราณระดับเก้าก็เป็นได้ แต่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระยะฝึกปราณตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เฉินความต่างระหว่างระยะสร้างรากฐานและระยะฝึกปราณไม่สามารถใช้คำพูดมาอธิบายได้ เพราะว่าทั้งสองอย่างนั้นคนละอย่างกันเลยนี่ก็เหมือนกับการขึ้นเขา ระยะฝึกปราณแม้แต่ประตูสุสานก็ยังไม่ได้เข้าประตูภูเขา แต่ถ้าเป็นระยะสร้างรากฐานกลับยืนอยู่ในประตูของภูเขาแล้วทั้งสองสิ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง“คุณโอเคไหมครับ?”ฉู่เฉินเปิดประตูรถ เข้าไปนั
ในขณะที่อินซู่ซู่รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นจากคมมีดที่สัมผัสกับผิวตรงหน้าอกของเธอทันใดนั้น!ลูกเล็กขาวราวกับหยกดึงไหล่ของอินซู่ซู่ไว้ เธอเขวี้ยงร่างของอินซู่ซู่ออกไปไกลกว่าสองเมตรกว่าๆตู้ม!อินซู่ซู่ล้มลงที่ลานบ้าน จนกระทั่งความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง อินซู่ซู่ถึงรู้สึกเหมือนตื่นจากฝัน ได้สติกลับมาเหตุการณ์เมื่อกี้ทำเธอตกใจเป็นอย่างมากใบหน้าที่ขาวซีดราวกับกระดาษ รวมทั้งดวงตาคู่นั้นที่แดงก่ำ อีกทั้งยังมีหัวที่เหมือนกับหุ่นไล่กาที่มีหัวเหมือนไม้กวาด ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนสัตว์ประหลาด“ซู่ซู่ เธอโอเคไหม?”ต้วนหลิงเวยในมือถือกระบี่สั้นไว้ มองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง เอ่ยถามออกมา“มะ... ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฉันแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะ”อินซู่ซู่พูดขึ้นมาอย่างหอบพร้อมด้วยภายในใจที่ยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในมือของต้วนหลิงเสวี่ยก็ถือปืนสไนเปอร์ไว้อยู่ เธอบินขึ้นไปบนหลังคาบ้าน แล้วดึงไกปืนไปที่หุ่นฟางตัวนั้นโดยตรง!ปัง!เปลวไฟพ่นออกมา กระสุนที่ทำขึ้นมาพิเศษก็ทะลุกลางหัวของหุ่นฟางฟิ้ว!ก้อนฟางกระจัดกระจายไปทั่ว แต่หุ่นฟางนั้นโซเซเล็กน้อย แต่กลับไ
ยังดีที่มีอวี้ลู่อยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเธอสามคนคงจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย“ขะ... ขอบคุณมากๆ ค่ะ... ท่านผู้อาวุโส”สองสาวต้วนหลิงเวยและต้วนหลิงเสวี่ย เหนื่อยจนหายใจหอบ เหงื่อไหลพลั่กราวกับสายฝน ทำเอาชายเอของพวกเธอเปียกชุ่มไปหมดอวี้ลู่ขมวดคิ้ว เหลือบมองไปที่สามคนพี่น้อง “พวกเจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญเต๋านี่ ทำไมกับอีแค่คุณวิชาควบคุมศพระดับต่ำแบบนี้พวกเจ้าถึงทำลายไม่ได้?”แม้ว่าความสามารถของพวกเธอจะขาดตกบกพร่องไปบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นที่ถูกหุ่นฟางพวกนี้ทำร้ายจนสภาพดูไม่ได้แบบนี้นี่หากเปลี่ยนเป็นแดนเซียน ลูกศิษย์ฝ่ายนอกสำนักทั่วไปไม่ต้องออกแรงมาก ก็สามารถจัดการเจ้าพวกหุ่นฟางได้อย่างหมดจดหากเทียบกันแล้ว ผู้บำเพ็ญเต๋าในโลกมนุษย์ยังอ่อนแอเกินไป“วิ... วิชาควบคุมศพงั้นเหรอคะ?”ต้วนหลิงเสวี่ยฝืนยิ้มพูดขึ้นมาว่า “ท่านผู้อาวุโส พวกเรา... พวกเราไม่เคยเรียนวิชาเขียนยันต์มาก่อนเลยค่ะ ส่วนวิชาควบคุมศพพวกเรายิ่งไม่รู้จักเลยค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้ลู่ก็มองไปที่ต้วนหลิงเวยด้วยความกลัดกลุ้มใจสายตานั้นราวกับกำลังถามว่า แม้แต่เธอก็ไม่เป็นงั้นเหรอ?ต้วนหลิงเวยพยักหน้าที่เต็มไปด้วยความละอายพูดตา
“ช้าก่อน!”ชายแก่กลัวจนสติกระเจิง รีบโบกมือให้อวี้ลู่ “แม่หนู ฉัน... ฉันเป็นคนของสำนักอวี้ซือ ธะ... เธอน่าจะเคยได้ยินเรื่องการควบคุมศพมาก่อนใช่ไหม?”“บรร... บรรพจารย์ของฉันคือเจียงเฉิน”เพี๊ยะๆๆ !เจียงเฉินบ้านเจ้าสิ!ต่อหน้าสตรีศักดิ์สิทธิ์แบบเธอ ไม่ว่าใครก็ต้องชิดซ้าย!เจ้าเอาเจียงเฉินมาขู่ข้างั้นเหรอ?อวี้ลู่ไม่พูดอะไรออกมา เธอใช้มือซ้ายและมือขวาของเธอตบเข้าไปที่หน้าของชายแก่หลายครั้ง ทำให้เขาตาพร่าและสับสนอย่าง โดยมีแสงสีทองหมุนอยู่เบื้องหน้าของเขา“ถ้าไม่พูด ข้าจะทำลายสำนักอวี้ซือของเจ้าซะ!”รังสีรอบตัวของอวี้ลู่ระเบิดออกมาเต็มที่ และพร้อมกับรอยแตก อิฐสี่เหลี่ยมบนพื้นก็ถูกบดให้เป็นผงละเอียดโดยรังสีของเธอซี้ดๆ !ชายแก่คิดแค่ว่าออกแรงตบก็สามารถทำให้อิฐสี่เหลี่ยมที่อยู่รอบๆ กลายเป็นผุยผงได้ ทันใดนั้นกลัวจนฉี่ราดกางเกงแม่งเอ๊ยนี่มันไม่ใช่ความสามารถของระยะรากฐานแล้ว!ฉิบหาย!ระดับทารกวิญญาณ หรืออาจจะระดับเทวะเลยก็เป็นได้!หวาดกลัวสองคำนี้ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ของเขาได้แล้วเจียงเฉินที่เขาพูดออกมาเมื่อกี้ก็อยู่แค่ระดับทารกวิญญาณความสามารถถูกเธอบดขยี้อย่างแน่
......อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินที่กำลังสู้รบจนจะถึงจุดสูงสุด ทันใดนั้นเขาก็ถูกเสียงโทรศัพท์ขัดจังหวะเขาก้มหน้ามองโทรศัพท์ เห็นว่าเป็นหลิ่วหรูเยียนโทรมา เขาก็กดวางสายทันทีโทรมาตอนไหนไม่โทร ดันโทรมาตอนที่คนเขากำลังมีความสุขหลิ่วหรูเยียนที่อยู่อีกด้าน ตอนนี้เธอเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสั้นลายเสือดาวสุดเซ็กซี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งเธอยังจงใจแต่งหน้าแบบฟุ้งๆ มาอีกด้วย ขาของเธอสวมใส่ถุงน่องตาข่ายที่พึ่งซื้อมา ใส่กับรองเท้าส้นสูงสีดำ รอการมาหาของฉู่เฉินเกือบทั้งคืนฉู่เฉินก็ตัวดี ไม่บอกอะไรเธอสักคำ โทรหาก็ตัดสายอีก?!ทำเอาหลิ่วหรูเยียนโกรธจนหน้าอกกระเพื่อม ใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็ซีดเซียวไปหมด ไม่มีร่องรอยของรอยเลือดเลย!“ฉู่เฉิน แกมันไอ้สารเลว!”หลิ่วหรูเยียนโกรธจนปาโทรศัพท์ลงบนโซฟา พร้อมทั้งกระทืบเท้าเล็กทำอย่างกับว่าฉันสมยอมให้บริการแกงั้นแหละ?ถ้าไม่ใช่ทำเพื่อให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปผ่านความลำบากนี้ไปได้ ฉันไม่มีทางมองคนอย่างแกหรอก ถ้ามองถือว่าฉันแพ้!“หรูเยียนเป็นอะไรไปลูก?”หลิ่วชิงเหอเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนโกรธจนหน้าตาซีดเซียว ใบหน้าของเธอไม่มีรอยฝาดของเลือด หลิ่วชิงเหอจนถามขึ้นมาด้
“มะ... แม่... แม่ตบหน้าหนูเพื่อฉู่เฉิน... งั้นเหรอครับ?”ดวงตาสวยของหลิ่วหรูเยียนน้ำตารื้น มองไปที่หลิ่วชิงเหอด้วยความไม่เชื่อสายตาตั้งแต่เล็กจนโต หลิ่วหรูเยียนก็เหมือนกับไข่มุกในมือที่ถูกทะนุถนอมของหลิ่วชิงเหออย่าพูดถึงเรื่องทุบตีเธอเลย แม้แต่ตะคอกใส่เธอสักครั้งยังไม่เคยแต่ตอนนี้หลิ่วชิงเหอกลับตบหน้าเธอเพื่อไอ้สวะฉู่เฉินงั้นเหรอ?“หรูเยียน...”เมื่อหลิ่วชิงเหอตบหน้าเสร็จแล้ว หลิ่วชิงเหอถึงตระหนักได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป เธอรีบเข้าไปรั้งหลิ่วหรูเยียนไว้ พูดอธิบายขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “แม่ไม่ได้ตั้งใจนะลูก แม่... แม่แค่อยากให้ลูกได้สติ”“ผู้ชายแบบราชันมังกรไม่ใช่คนที่พวกเราสองคนแม่ลูกจะพึ่งพาได้”“หรือว่าตอนนี้ลูกยังไม่เห็นอีกเหรอว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ ไม่มีใครเคารพพวกเราสองคนแม่ลูกทั้งนั้น”“หากเรายังไม่รีบผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปโดยเร็ว สิ่งที่รอเราอยู่อาจจะไม่ใช่แค่ล้มละลาย พวกเราเผชิญวิกฤตที่ใหญ่ขนาดนี้ ใครที่ช่วยเราผ่านพ้นไปได้ ลูกมองไม่ออกจริงๆ งั้นเหรอ?”“แม่ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน อีกทั้งยังเคยเป็นคนที่มีประสบการณ์มาก่อนลูก แม่รู้ดีมากกว
“หน้าอกใครจะไปกองอยู่ตรงนั้นกันเล่า”เจียงอิ่งกระตุกยิ้ม พร้อมทั้งตีฉู่เฉิน รีบดึงขึ้นมา จัดตำแหน่งให้ถูกต้อง หลังจากนั้นก็ติดตะขอยื้อยุดไปสักพักหนึ่ง เจียงอิ่งถึงจะสามารถหยิบชุดเครื่องแบบสีขาวที่เปียกปอนมาสวมใส่ได้บนเสื้อผ้าเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อของฉู่เฉิน แต่เธอไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากมายหรอก ในเมื่อบนรถก็ไม่มีเสื้อผ้าตัวอื่นให้เปลี่ยนแล้ว“บนเสื้อมีแต่กลิ่นของผม หลูไคซานคงจะไม่ได้กลิ่นใช่ไหมครับ?”ฉู่เฉินขับรถไปด้วย หันหน้าไปพูดกับเจียงอิ่งที่นั่งข้างๆ คนขับ“ฮึ! เขาได้กลิ่นแล้วจะทำยังไงได้ล่ะคะ? ในรถไม่มีเสื้อตัวอื่นให้เปลี่ยนแล้วค่ะ อ้ออีกอย่าง”เจียงอิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก เธอก็พูดกับฉู่เฉินอย่างกะทันหันว่า “ข้างหลังรถของคุณยังมีที่ว่างอยู่ พรุ่งนี้ฉันเอาเสื้อผ้ามาไว้ที่รถคุณสักสองตัว ต่อไปจะได้ไม่ต้องใส่ชุดเปียกๆ ไม่สบายตัวสุดๆ ไปเลยค่ะ”ฉู่เฉินได้ยินดังนั้นก็ขยิบตา ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พูดขึ้นมาว่า “อย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ สมมุติโดนผู้หญิงคนอื่นจับได้เข้าจะเกินเรื่องใหญ่เอาน่ะครับ”“คุณหมายถึงฉีฉีเหรอคะ?”ในหัวของเจียงอิ่งฉายภาพของเซี่ยฉีฉีขึ้นมาฉู่เฉินตอบขึ้นมาอย่
“เหลืออีกไม่ถึงสามเดือนก็จะถึงวันที่สิบยอดขุนพลดินแดนมังกรแย่งชิงตำแหน่งสี่ขุนพลเทพพิทักษ์ชาติ ถ้าศิษย์น้องไม่ได้ยาโลหิตวิญญาณเพิ่มระดับพลังแล้วละก็ ทันทีที่ตกรอบ แผนที่ท่านอาจารย์ผู้เฒ่าวางไว้คงจะแพ้หมดรูปแน่”คิ้วสวยน่ามองของจื่อเยว่ขมวดเล็กน้อย มองไปยังหลิ่วชิงเหอที่กำลังตกใจจนตัวสั่น “เธอมีวิธีทำให้คนที่ฉู่เฉินคนนั้นมอบเลือดบริสุทธิ์มาให้สักหน่อยไหม?”อะไรนะ?หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็ส่ายหน้าอย่างแรงราวกับกลองคลื่น พร้อมกล่าววิงวอน “ท่านประมุข ขอร้องคุณอย่าได้บังคับฉันเลย คุณไม่ทราบช่วงเวลาก่อนหน้านี้พวกเราสองแม่ลูกต้องประสบกับการล้างแค้นยังไงจากฉู่เฉิน”“ฉันยอมรับว่าสามปีมานี้ฉันผิดต่อเขา แต่…แต่เขาไม่ควรปู้ยี่ปู้ยำพวกเราสองแม่ลูกอย่างนั้น”“ท่านประมุข อย่าว่าแต่ให้เขามอบเลือดบริสุทธิ์ให้เลย แค่เขามีปัญหาเล็กน้อยก็จะทำกับพวกเราสองแม่ลูก…”หลิ่วชิงเหอพูดแค่นี้แล้วก็ยังบีบน้ำตาออกมาสองหยด“เหอะ!”หลิงรั่วทำเสียงฮึดฮัดและกล่าวกับจื่อเยว่ “ศิษย์พี่ใหญ่ ฉันจะลงเขาไปคุยกับคนแซ่ฉู่นั่นเอง ถ้าเขาหัวแข็ง ฉันจะใช้ยันต์โลหิตวิญญาณทำให้เขาอ้อนวอนขอตายก็ตายไม่ได้เอง!”“ดูสิว่าเขาจะกล้าไ
หญิงสาวยื่นมือแกะผ้าปิดตาหลิ่วชิงเหอ และกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านประมุขรอคุณอยู่ที่ตำหนักใหญ่”กล่าวเสร็จก็ใช้นิ้วไปยังตำหนักมโหฬารที่อยู่เหนือขั้นบันไดหลายร้อยขั้น“ค่ะ ฉันจะไปพบท่านประมุขเดี๋ยวนี้ค่ะ”หลิ่วชิงเหอในเวลานี้ จะไปมีท่าทางสูงส่งเหมือนช่วงปกติได้ที่ไหนล่ะ?แม้ว่าวังจื่อเซียวจะมีลูกศิษย์ไม่ถึงร้อยคน แต่ขนาดเกาเซิ่งอี้ที่อยู่เบื้องหลังหอการค้ากิเลนยังหวั่นเกรงด้วยเหตุนี้จึงเดาไม่ยากเลยว่าวังจื่อเซียวนั้นน่าสะพรึงแค่ไหน!หลิ่วชิงเหอใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการเดินขึ้นบันไดหลายร้อยขั้นนี้ได้ ปาดเหงื่อแล้วเดินเข้าไปในตำหนักใหญ่ของวังจื่อเซียว ขณะนี้บนตำแหน่งหลักบนสุดของห้องโถงในตำหนักนี้มีหญิงสาวที่งดงามมีผิวราวกับน้ำแข็งและมีใบหน้าที่เย็นชาเมื่อพิจารณาจากอายุแล้วประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกเท่านั้น ใบหน้างามนั้นราวกับนางฟ้านางสวรรค์ในดินแดนเทพเซียนผมสีดำยาวสลวยของเธอห้อยลงมาถึงเอวราวกับน้ำตก ดวงตาของเธอลึกล้ำและกระจ่างราวกับดวงดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืน และรูปลักษณ์ใบหน้าของเธอแลดูน่าเกรงขามชุดกระโปรงสีขาวราวหิมะ เผยให้เห็นผิวเนียนบริสุทธิ์ผุดผ่องนั้นท่านประมุขวังจื่อเซีย
“วางใจได้ค่ะ หนูคิดว่าฉู่เฉินไม่ได้สนใจหอการค้าตะวันออกใหญ่เลยสักนิด หนูเดาว่า เป็นไปได้สูงว่าเขาคงจะทำการยุบหอการค้าตะวันออกใหญ่ไปตั้งแต่แรกแล้วถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงแซ่เจียงคนนั้นละก็นะ”หลิ่วหรูเยียนนึกย้อนถึงฉากที่เกิดขึ้นตอนกลางวัน และกล่าวตามสิ่งที่คิดไว้หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็เงียบไปก็จริง มียาบำรุงปราณและยาบำรุงสวรรค์ในมือ ฉู่เฉินยังต้องการหอการค้าตะวันออกใหญ่ไปทำไม?ไม่จำเป็นเลยสักนิด“ก็ได้ เรื่องอะไรก็ตามลูกก็ระมัดระวังหน่อยแล้วกัน ใช่แล้ว ลูกวางแผนจะย้ายเข้าเฉียนหลงวิลล่าเมื่อไหร่? ฉู่เฉินมีท่าทีอะไรไหม?”หลิ่วชิงเหอถามต่อ“เขาไม่สนใจเฉียนหลงวิลล่าหรอกค่ะ มอบเฉียนหลงวิลล่าให้พวกเราทันทีแบบไม่คิดด้วยซ้ำ พรุ่งนี้เช้าหนูจะย้ายเข้าไป คฤหาสน์ตระกูลฉู่เล็กเกินไปจริง ๆ ”หลิ่วหรูเยียนขยับเล็บที่เพิ่งไปทำมาใหม่เล่น และเปลี่ยนเรื่องถามไถ่ “ทางนั้นเป็นยังไงบ้างคะแม่ ยังราบรื่นไหม?”“เฮ้อ”หลิ่วชิงเหอถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวอย่างกังวลใจ “ยังรอเข้าพบอยู่เลยจ้ะ พรุ่งนี้ละมั้ง อาจจะได้ผลลัพธ์ ถึงตอนนั้นแม่ค่อยโทรหาลูกนะ”กล่าวจบหลิ่วชิงเหอก็วางสายไป……ในเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ห
ที่จริงแล้วดินแดนลึกลับก็คือคนในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียน วิชาที่ใช้โดยทั่วไปก็คือวิชาพรางตาป้องกันคนภายนอกสอดแนมโดยทั่วไปถ้ามองจากภายนอกอาจจะเห็นเป็นเนินเล็ก ๆ แต่ถ้าเข้าไปข้างในนั้นได้ก็จะพบว่าภายในมีจักรวาลฟ้าดินอีกแห่ง พื้นที่กว้างใหญ่ ยอดภูเขาตั้งซ้อนสลับกันแต่ตามที่เซียวถิงฮั่นกล่าวมา นั่นก็เท่ากับสิ่งที่เรียกว่าสี่ยอดขุนเขาศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นก็ใช้วิธีพรางตาแบบเดียวกันมีแต่จะใช้คาถาหรือวิชาลับพิเศษจึงจะสามารถเข้าไปในสี่ยอดขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงได้คนธรรมดา ต่อให้ใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่ล้ำสมัยที่สุดก็ไม่มีทางหาทางเจอฉู่เฉินพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกับเซียวถิงฮั่นไม่กี่ประโยคแล้ว สองพ่อลูกเซียวถิงฮั่นก็ลุกขึ้นขอตัวลา……อีกทางด้านหนึ่ง จุดที่ลึกสุดของภูเขาหลางจวีซวี บนยอดเขาสูงตระหง่านมีวิหารมากมายในขณะนี้เอง ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ในวิหารหลักของวังเทียนเจียน ซึ่งกำลังมองแผ่นหยกที่แตกหักในมือของเขาด้วยสีหน้าเศร้าหมองอย่างยิ่ง จิตสังหารพลุ่งพล่านอยู่ในดวงตาของเขา“ท่านปรมาจารย์ เกาเซิ่งอี้เสียชีวิตแล้ว ต้องรีบส่งคนไปตระกูลฉู่ที่เมืองเจียงจงเพื่อตามหาหยกโลหิตกิเ
เซียวถิงฮั่นกล่าวพร้อมประสานมือคารวะฉู่เฉินจากนั้นเซียวจี้เซียนรีบนำโสมแก่ร้อยปีสามต้นยื่นให้ตรงหน้าฉู่เฉินเห็นโสมสามต้นแล้วฉู่เฉินก็ฉีกยิ้มบาง ๆ กล่าว “ผู้อาวุโสเซียว เป็นไปตามที่คุณพูด ผมกับตระกูลเซียวคุณไม่ได้มีความแค้นอะไร ดังนั้นเรื่องของเซียวจี้กวางก็ถือจบกันไปแล้วกัน”“แต่ว่า ผมมีหนึ่งเรื่องอยากจะถามคุณหน่อย”ได้ยินแล้วเซียวถิงฮั่นก็รีบกล่าวพร้อมมือประสาน “คุณฉู่ มีคำถามอะไรถามมาได้เลยครับ ถ้าผมรู้ผมจะตอบทุกอย่างเลยครับ”ฉู่เฉินครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสเซียว ในปีนั้นตกลงแล้วเกาเซิ่งอี้ได้รับคำสั่งมาจากใครให้ไปลักพาตัวพ่อแม่ของผมกันแน่?”เซียวถิงฮั่นได้ยินแล้วก็ส่ายหน้าขมวดคิ้วแน่นพร้อมตอบ “คุณฉู่ ขอบอกตามตรงโดยไม่ปกปิดนะ ตระกูลเซียวของเราเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ ไม่ค่อยได้ติดต่อคนจากโลกแห่งการหยั่งรู้สักเท่าไหร่”“ผมก็รู้แค่ว่าเรื่องในปีนั้นเกาเซิ่งอี้ได้รับคำสั่งจากสำนักใหญ่สำนักหนึ่งที่อยู่ภูเขาหลางจวีซวี แต่เป็นใครนั้นผมก็ไม่สามารถล้วงลึกได้ และไม่กล้าสืบต่อ”พูดถึงตรงนี้แล้วเซียวถิงฮั่นก็หยุดไป จากนั้นพูดต่อ “ผมมีคำพูดจะเตือน ในเมื่อเรื่องในปีนั
เซียวเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเหยเกเช่นกัน “ปู่ พ่อ พวกเราจำเป็นต้องไปประจบฉู่เฉินด้วยหรือ?”“ตระกูลเซียวของพวกเรา ต่อให้ออกจากหอการค้าตะวันออกใหญ่ไปก็ไม่ถึงขั้นที่สิ้นไร้ไม้ตอกนี่?”เซียวจี้เซียนถอนหายใจหนักใจตอบ “เฮ้อ พวกลูกยังเด็กเกินไป ตระกูลเซียวมาถึงทุกวันนี้ได้ด้วยอะไร?”“อย่าคิดว่าตอนนี้พวกลูกคนหนึ่งอยู่แก๊งมังกร ส่วนอีกคนอยู่ในกองทัพทหารหน้าที่การงานรุ่งโรจน์ แต่ทันทีที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ หรือถูกกีดกันจากตระกูลใหญ่ตระกูลอื่น ๆ พวกลูกไม่เพียงไม่ก้าวหน้าขึ้น แม้แต่กิจการของตระกูลเซียวยังจะถูกคนอื่นกลืนกินจนหมดแน่”“เมื่อถึงตอนนั้นค่อยไปประจบเอาใจ ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว”ได้ยินคำว่าประจบเอาใจแล้ว ความโมโหที่สะสมมานานของเซียวเสวี่ยอิ๋งก็พุ่งปรี๊ดอาศัยอะไรสั่งให้เธอไปประจบเอาใจฉู่เฉิน?!“ถึงยังไงหนูก็ไม่สน ใครอยากไปประจบฉู่เฉิน มันก็ไม่เกี่ยวกับหนู แต่อย่าคิดจะให้หนูไปเยือนถึงประตูบ้านเขาเลย” เซียวเสวี่ยอิ๋งหน้าแดงก่ำและกล่าวอย่างไม่ยินยอม“พี่ พี่จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ เราแค่คลี่คลายบุญคุณความแค้น ไม่ใช่ไปประจบหรือเอาใจ”เซียวจี้หงรีบลุกขึ้นมาทำเรื่องให้จบแต่ห้องโถงยังคงมีบ
ไม่นาน รถก็แล่นมาจอดที่หน้าทางเข้าโรงแรมที่มีชื่อว่าลั่งซาเลิฟโฮเต็ลตาของฉู่เฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันทีที่เดินเข้าไปในห้องชุดชั้นในเซ็กซี่หลากหลายสไตล์ถูกจัดเรียงไว้อย่างดี ตรงปลายไม้แขวนเสื้อมีเชือกยาวประมาณสามเมตรเส้นหนึ่งห้อยอยู่นี่มันอะไรกัน?ฉู่เฉินยกเชือกที่หยาบและเล็กเท่านิ้วมือนั้นขึ้นมามองด้วยความสงสัยหลิ่วหรูเยียนเม้มปากหัวเราะและกล่าว “ไม่เคยเล่นสินะ? นายรอฉันแป๊บหนึ่งก่อน”ขณะพูดหลิ่วหรูเยียนก็รับเชือกเส้นนั้นมาแล้วรีบวิ่งเหยาะเข้าไปยังห้องอาบน้ำห้องอาบน้ำของโรงแรมแห่งนี้สร้างด้วยกระจก ทั้งยังเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นได้แบบเบลอ ๆ แม้จะอยู่ไกลก็ยังเห็นร่างอรชรขาวเนียนของหลิ่วหรูเยียนได้อย่างชัดเจนเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเอาเชือกเส้นนั้นพันรอบร่างกายบอบบางที่ไร้อาภรณ์ผ่านไปแค่เวลาสั้น ๆ เมื่อหลิ่วหรูเยียนมาปรากฏตัวตรงหน้าฉู่เฉินอีกครั้ง ฉู่เฉินก็เข้าใจวิธีใช้อันมหัศจรรย์ของเชือกเส้นนั้นได้ในทันทีฉู่เฉินลุกขึ้นดึงปลายเชือกแล้วกดหลิ่วหรูเยียนไว้ที่โซฟา ชื่นชมบั้นท้ายอวบอิ่มและแผ่นหลังที่สวยงามของเธอ ปราณมังกรพลังหยางก็พุ่งถึงจุดสูงสุดภายในห้องก็มีเสียงร้อ
หลิ่วหรูเยียนหน้าแดงและกัดริมฝีปากพร้อมกล่าว “ใครให้พิชิตใจฉันได้ล่ะ เดี๋ยวนี้ทุกคืนพอหลับตาลงก็จะนึกถึงความทรงพลังของนาย”ในขณะพูดหลิ่วหรูเยียนหนีบขาและเสียดสีไปมา ฉากนี้ทำเอาเจ้าใหญ่นายโตต่างกลืนน้ำลายดังเฮือกทว่าผู้หญิงของฉู่เฉิน พวกเขาทำได้แค่มองและไม่กล้าคิดเกินเลย“หวังว่าเธอคงไม่ได้ดีแต่ปากนะ”ฉู่เฉินกล่าวอย่างราบเรียบ“ขอแค่นายชอบ ดีแต่ปากก็ฝึกจนชำนาญได้”หลิ่วหรูเยียนพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียริมฝีปากอย่างว่องไว“เอาละ พวกคุณกลับไปเถอะ”ฉู่เฉินบีบบั้นท้ายเด้งของหลิ่วหรูเยียน และกล่าวพร้อมยกมือให้คนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น“ขอบพระคุณคุณฉู่”ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นเพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าวหลิ่วหรูเยียนก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเย็นชาอย่างกะทันหัน “รอเดี๋ยว!”บรรดาคนที่เดินออกไปต่างรีบหยุดแล้วหันมามองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าและสายตาประจบประแจง“ภายในสามวัน แจ้งชื่อบริษัทและรายงานคอนเซ็ปต์ธุรกิจของพวกคุณทุกคนตามความเป็นจริง ฉันจะรอข่าวคราวของพวกคุณอยู่ที่ห้องทำงานประธานฉู่ซื่อกรุ๊ป”สิ้นเสียงหลิ่วหรูเยียนก็เอามือกอดอกหรี่ตาคมกริบและกล่าว “ที่ฉันมีคลิปในวันนี้อยู่นะ ถ้าหลังจากสา
“เหอะ ๆ...นะ....นี่เป็นฟ้า...ลิขิต...”ฉีอวี่ไท่พูดจบก็คอเอียง และสิ้นลมหายใจคาที่จนกระทั่งทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่มาร่วมงานเลี้ยงถึงค่อยยืนตรงตัวสั่นระริก มองฉู่เฉินด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจกลัว“คุณฉู่ พะ...พวกเราเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาของหอการค้าตะวันออกใหญ่เท่านั้นนะ บุญคุณความแค้นระหว่างพวกคุณไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยนะครับ!”ชายวัยกลางคนที่เยาะหยันฉู่เฉินก่อนหน้านี้ ขาอ่อนยวบก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นเมื่อเห็นเขาคุกเข่า ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ แทบจะคุกเข่าลงไปตาม ๆ กันถึงแม้เฉียนหลงวิลล่าจะสร้างขึ้นมาอย่างใหญ่โตโอ่อ่า แต่ปัญหาคือที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองมากเกินไป ต่อให้ฉู่เฉินฆ่าพวกเขาไปด้วยแล้วป้อนให้ผีดิบเลือดคลั่งกินจนหมด ก็คงไม่มีใครรู้เลยนอกจากนี้ ต่อให้สืบได้ว่าพวกเขาโดนผีดิบเลือดคลั่งกลืนกินทั้งเป็นแล้วจะทำอย่างไรได้?ใครจะต่อกรกับเจ้านั่นได้?ว่ากันว่าใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำ เพียงแต่ยังไม่ถึงช่วงเวลาความเป็นความตาย เมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว คุกเข่าโขกหัวจะนับเป็นอะไรได้?“คุณฉู่ พวกเราไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นะครับ นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าเกาเซิ่งอี้จ