......อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินที่กำลังสู้รบจนจะถึงจุดสูงสุด ทันใดนั้นเขาก็ถูกเสียงโทรศัพท์ขัดจังหวะเขาก้มหน้ามองโทรศัพท์ เห็นว่าเป็นหลิ่วหรูเยียนโทรมา เขาก็กดวางสายทันทีโทรมาตอนไหนไม่โทร ดันโทรมาตอนที่คนเขากำลังมีความสุขหลิ่วหรูเยียนที่อยู่อีกด้าน ตอนนี้เธอเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสั้นลายเสือดาวสุดเซ็กซี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งเธอยังจงใจแต่งหน้าแบบฟุ้งๆ มาอีกด้วย ขาของเธอสวมใส่ถุงน่องตาข่ายที่พึ่งซื้อมา ใส่กับรองเท้าส้นสูงสีดำ รอการมาหาของฉู่เฉินเกือบทั้งคืนฉู่เฉินก็ตัวดี ไม่บอกอะไรเธอสักคำ โทรหาก็ตัดสายอีก?!ทำเอาหลิ่วหรูเยียนโกรธจนหน้าอกกระเพื่อม ใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็ซีดเซียวไปหมด ไม่มีร่องรอยของรอยเลือดเลย!“ฉู่เฉิน แกมันไอ้สารเลว!”หลิ่วหรูเยียนโกรธจนปาโทรศัพท์ลงบนโซฟา พร้อมทั้งกระทืบเท้าเล็กทำอย่างกับว่าฉันสมยอมให้บริการแกงั้นแหละ?ถ้าไม่ใช่ทำเพื่อให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปผ่านความลำบากนี้ไปได้ ฉันไม่มีทางมองคนอย่างแกหรอก ถ้ามองถือว่าฉันแพ้!“หรูเยียนเป็นอะไรไปลูก?”หลิ่วชิงเหอเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนโกรธจนหน้าตาซีดเซียว ใบหน้าของเธอไม่มีรอยฝาดของเลือด หลิ่วชิงเหอจนถามขึ้นมาด้
“มะ... แม่... แม่ตบหน้าหนูเพื่อฉู่เฉิน... งั้นเหรอครับ?”ดวงตาสวยของหลิ่วหรูเยียนน้ำตารื้น มองไปที่หลิ่วชิงเหอด้วยความไม่เชื่อสายตาตั้งแต่เล็กจนโต หลิ่วหรูเยียนก็เหมือนกับไข่มุกในมือที่ถูกทะนุถนอมของหลิ่วชิงเหออย่าพูดถึงเรื่องทุบตีเธอเลย แม้แต่ตะคอกใส่เธอสักครั้งยังไม่เคยแต่ตอนนี้หลิ่วชิงเหอกลับตบหน้าเธอเพื่อไอ้สวะฉู่เฉินงั้นเหรอ?“หรูเยียน...”เมื่อหลิ่วชิงเหอตบหน้าเสร็จแล้ว หลิ่วชิงเหอถึงตระหนักได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป เธอรีบเข้าไปรั้งหลิ่วหรูเยียนไว้ พูดอธิบายขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “แม่ไม่ได้ตั้งใจนะลูก แม่... แม่แค่อยากให้ลูกได้สติ”“ผู้ชายแบบราชันมังกรไม่ใช่คนที่พวกเราสองคนแม่ลูกจะพึ่งพาได้”“หรือว่าตอนนี้ลูกยังไม่เห็นอีกเหรอว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ ไม่มีใครเคารพพวกเราสองคนแม่ลูกทั้งนั้น”“หากเรายังไม่รีบผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปโดยเร็ว สิ่งที่รอเราอยู่อาจจะไม่ใช่แค่ล้มละลาย พวกเราเผชิญวิกฤตที่ใหญ่ขนาดนี้ ใครที่ช่วยเราผ่านพ้นไปได้ ลูกมองไม่ออกจริงๆ งั้นเหรอ?”“แม่ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน อีกทั้งยังเคยเป็นคนที่มีประสบการณ์มาก่อนลูก แม่รู้ดีมากกว
“หน้าอกใครจะไปกองอยู่ตรงนั้นกันเล่า”เจียงอิ่งกระตุกยิ้ม พร้อมทั้งตีฉู่เฉิน รีบดึงขึ้นมา จัดตำแหน่งให้ถูกต้อง หลังจากนั้นก็ติดตะขอยื้อยุดไปสักพักหนึ่ง เจียงอิ่งถึงจะสามารถหยิบชุดเครื่องแบบสีขาวที่เปียกปอนมาสวมใส่ได้บนเสื้อผ้าเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อของฉู่เฉิน แต่เธอไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากมายหรอก ในเมื่อบนรถก็ไม่มีเสื้อผ้าตัวอื่นให้เปลี่ยนแล้ว“บนเสื้อมีแต่กลิ่นของผม หลูไคซานคงจะไม่ได้กลิ่นใช่ไหมครับ?”ฉู่เฉินขับรถไปด้วย หันหน้าไปพูดกับเจียงอิ่งที่นั่งข้างๆ คนขับ“ฮึ! เขาได้กลิ่นแล้วจะทำยังไงได้ล่ะคะ? ในรถไม่มีเสื้อตัวอื่นให้เปลี่ยนแล้วค่ะ อ้ออีกอย่าง”เจียงอิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก เธอก็พูดกับฉู่เฉินอย่างกะทันหันว่า “ข้างหลังรถของคุณยังมีที่ว่างอยู่ พรุ่งนี้ฉันเอาเสื้อผ้ามาไว้ที่รถคุณสักสองตัว ต่อไปจะได้ไม่ต้องใส่ชุดเปียกๆ ไม่สบายตัวสุดๆ ไปเลยค่ะ”ฉู่เฉินได้ยินดังนั้นก็ขยิบตา ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พูดขึ้นมาว่า “อย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ สมมุติโดนผู้หญิงคนอื่นจับได้เข้าจะเกินเรื่องใหญ่เอาน่ะครับ”“คุณหมายถึงฉีฉีเหรอคะ?”ในหัวของเจียงอิ่งฉายภาพของเซี่ยฉีฉีขึ้นมาฉู่เฉินตอบขึ้นมาอย่
สิ่งที่ไร้หนทางที่สุดในชีวิตของคนคนหนึ่งก็คือ ทั้งๆ ที่รู้ว่าโดนสวมเขาอยู่ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย อีกทั้งยังไม่กล้าทำอะไรกับเมียของตัวเองอีกตอนนี้หลูไคซานหมดหนทางจริงๆจะให้ไปหาเรื่องฉู่เฉินงั้นเหรอ?ตอนนี้ฉู่เฉินเป็นคนที่ตระกูลเฉียวไว้ใจแบบสุดๆ ไปเลยการกล้ายุ่งกับฉู่เฉินก็เหมือนกับไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของตระกูลเฉียว ต่อให้หลูไคซานกินดีเสือมา เขาก็ยังไม่กล้าถ้าจะให้ซักถามกับเจียงอิ่ง งั้นเขาก็จะเป็นไอ้โง่คนหนึ่งคาดว่าเจียงอิ่งมาทางฉู่เฉินแบบนี้แล้ว เธอคงอยากจะหลุดพ้นจากการควบคุมของตระกูลหลู แล้วเข้าไปสู่อ้อมกอดของฉู่เฉินหากหลูไคซานถามเธอไปในตอนนี้ เขาจะจบลงด้วยสิ่งที่ไม่ได้อะไรเลย เหมือนกับการตักน้ำด้วยตะกร้าไม้ไผ่ตอนนี้เขารับรู้ได้แล้วล่ะว่าอะไรคือการอดกลั้น ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโมโห ตามหลังไปก้าวหนึ่งยิ่งคิดก็ยิ่งเสียเปรียบ หลูไคซานหันกลับไปมองแวบหนึ่ง แม้แต่เจียงอิ่งเวลาเดินยังต้องจับกำแพงเพื่อพยุงเลย หลูไคซานก็เกิดโทสะภายในใจนังแพศยาคนนี้!เขาต้องอดทนที่จะเข้าไปตบเจียงอิ่ง หลูไคซานสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้ม รีบเดินเข้าไปประคองเจียงอิ่ง
“ข้าทำไม หรือว่าข้าถูกอะไรผิดอย่างนั้นหรือ?”ฉู่เฉินแสร้งทำเป็นนวดแขน กวักมือเรียกต้วนหลิงเวยให้เข้ามาในห้องลับเมื่อเห็นแผ่นหลังของฉู่เฉิน อวี้ลู่ก็โมโหจนกระทืบเท้า ทิ้งพู่กันในมือ เดินกลับห้องตัวเองด้วยความโกรธเคืองเธอไม่เคยเห็นใครที่ไร้เหตุผลแบบนี้มาก่อน!ทั้งๆ ที่เธอช่วยฉู่เฉินไว้ครั้งใหญ่ อีกทั้งยังช่วยสาวรับใช้ของฉู่เฉินไว้อีกด้วยแล้วฉู่เฉินล่ะ?แม้แต่ประโยคขอบคุณสักคำยังไม่มีอีกทั้งยังผลักความรับผิดชอบทั้งหมดมาให้เธอ นี่... นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดีหน้าประตูห้องลับ ต้วนหลิงเวยหันไปมองที่ห้องของอวี้ลู่ พูดขึ้นมาอย่างเบาๆ ว่า “นายท่าน ท่านผู้อาวุโสเธอ...”“อย่าสนใจเธอ บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”สีหน้าของฉู่เฉินเปลี่ยนเป็นจริงจังทันทีเขาไม่มีทางประเมินสำนักอวี้ซือต่ำอยู่แล้ว ที่พูดไปเมื่อกี้ก็เพื่อให้อวี้ลู่ไม่อวดดีอีกหลังจากอยู่ด้วยกันมาไม่กี่วันนี้ ฉู่เฉินสรุปหลักการได้หนึ่งอย่างผู้หญิงแบบอวี้ลู่ไม่ควรให้หน้าเธอในด้านที่เธอถนัดเด็ดขาดยิ่งเขายิ่งกดเธอให้ต่ำเท่าไหร่ เธอจะยิ่งอยากพิสูจน์ตัวเอง แบบนี้อวี้ลู่ถึงจะไปจากบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ในระยะเวลานี้ตอนนี้สถานกา
“เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะช่วยเจ้าจำกัดสำนักอวี้ซือเลย!”อวี้ลู่หยิบทิชชูเปียกขึ้นมาเช็ดคราบน้ำมันที่ติดตรงมุมปาก เธอหายใจหอบหนักขณะที่แลบลิ้นน้อยๆ ออกมา เห็นได้ชัดว่ารู้สึกเผ็ดร้อนมากแต่แบบนั้นก็ไม่สามารถหยุดยั้งมือน้อยๆ ของเธอที่ไปหยิบบาร์บิคิวด้วยความรวดเร็วยิ่งเผ็ดยิ่งฟิน ยิ่งเผ็ดยิ่งอยากกินตอนนี้เธอตกอยู่ในกับดักของอร่อยที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถหนีได้ และเธอก็ไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้เช่นกัน“พี่สบายใจเถอะครับ ผมไม่มีทางให้พี่เข้าไปเกี่ยวข้องเด็ดขาด พี่ทำแค่มองดูความครึกครื้นจากข้างหลังผมก็พอ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหยาง หรือสำนักอวี้ซือ ผมสามารถจัดการได้ครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะหืม?อวี้ลู่ได้ยินประโยคนี้ เธอก็อึ้งไปเลย อมลูกชิ้นปลาเอาไว้ในปาก กะพริบตา ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความหมายของฉู่เฉินทันทีมีเธอระดับเทวะมากความสามารถแบบนี้คอยหนุนหลังฉู่เฉินไว้ ใครจะกล้าทำอะไรฉู่เฉินล่ะ?สำนักอวี้ซืองั้นเหรอ?หากพูดในสายตาของทุกคน แม้แต่ผู้บำเพ็ญเต๋าระดับทารกวิญญาณก็ยังไม่มี เมื่อถึงตอนนั้นสำนักอวี้ซือคงจะอยู่ในน้ำมือของเขาคนที่สามารถกำราบสำนักอวี้ซือได้นั่นก็คืออวี้ลู่ แต่ฉู
“นายท่านใหญ่ ไอ้เจ้าฉู่เฉินนี่ผมว่าไม่ใช่คนที่ตระกูลหยางของเราจะเข้าไปยุ่งด้วยได้ ผู้หญิงคนนั้นก่อนที่จะฆ่าผู้อาวุโสต่ง เธอยังประกาศว่าจะจำกัดสำนักอวี้ซือให้สิ้นซาก”หยางเทียนหมิงสีหน้าไร้หนทางมองไปยังหยางติ่งเทียนเมื่อถึงคราวที่ต้องต่อสู้กันระหว่างผู้บำเพ็ญเต๋า พวกเขาไม่สนใจเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ตระกูลหยางก็ไม่ได้ทำถูกต้องตั้งแต่แรกแล้วสมมุติฝ่ายตรงข้ามบุกเข้ามายังสำนักอวี้ซือ ผลลัพธ์คงไม่อาจคาดเดาแน่ๆ !หยางติ่งเทียนหรี่ตาลง สีหน้าดูวิตกกังวลเล็กน้อย “อย่าพึ่งกังวลไป ให้ฉันคิดก่อน”เมื่อพูดถึงตรงนี้ หยางติ่งเทียนเดินไปเดินมาในห้องโถง“นายท่านใหญ่ ตระกูลหยางของเราจะล่มสลายเพราะหยางเส้าหัวคนเดียวไม่ได้นะครับ!”หยางเทียนฉีที่ก่อนหน้าเอาแต่เรียกร้องให้ฉีกร่างฉู่เฉินออกเป็นชิ้นๆ แต่ตอนนี้กลับยอมแพ้กลัวหัวหดในเมื่อหยางเทียนฉีเป็นแค่สมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลหยางวันนี้แม้ว่าทายาทจะถูกสังหาร แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบมากมายกับตระกูลหยางในเมืองหลงเฉิงแต่ว่าหากไปยั่วยุคนที่ไม่ควรยั่วยุแล้ว ตระกูลหยางก็จะตกอยู่ในความอันตรายหยางเทียนเสียงลุกยืนพร้อมพูดขึ้นมาว่า “นายท่านใหญ่ ในฐานะล
ต้วนหลิงเวยสองพี่น้อง ก็ตามหลังของฉู่เฉินเดินออกไปที่ประตูใหญ่ด้วยกันในตอนที่ถึงหน้าประตูแล้ว ก็อึ้งเกือบทุกคนพวกเขาเห็นชายแก่หัวขาว พาหยางเทียนหลงและชายวัยกลางคนอีกคน และชายหนุ่มอีกยี่สิบกว่าคนคุกเข่าที่หน้าประตูบ้านใหญ่ตระกูลฉู่แม้แต่ฉู่เฉินก็มองไปที่ชายแก่หัวขาวด้วยความสงสัย “ท่านผู้เฒ่า ท่านกำลัง...”“ผมคือหยางติ่งเทียน ตั้งใจมาขอโทษและน้อมรับความผิดกับคุณฉู่ครับ!”ในระหว่างที่พูด หยางติ่งเทียนก็ใช้ไม้เท้าที่อยู่ในมือสะกิดหยางเทียนหลงที่อยู่ข้างๆหยางเทียนหลงก็รับคุกเข่าคลานไปข้างหน้าฉู่เฉิน “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะผมมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คุณฉู่ได้โปรดเมตรและปล่อยตระกูลหยางของผมด้วยเถอะครับ”พูดจบหยางเทียนหลงก็หมอบลงไปที่พื้น พร้อมทั้งโขกหัวไปที่พื้นเสียงดังลั่นฉู่เฉินใช้สายตามองหยางเทียนหลงและหยางติ่งเทียนทั้งสองคน ผ่านไปสักพักถึงจะหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไมเหรอครับ ส่งคนมาฆ่าผมแต่ไม่สำเร็จ แล้วยังจะอยากใช้ไม้อ่อนจัดการผมอีกเหรอครับ?”ประโยคนี้ออกไป หยางติ่งเทียนและคนอื่นๆ รีบส่ายมือ “ไม่กล้าหรอกครับ ผมไม่กล้าหรอกครับ”“คุณฉู่ ก่อนหน้าน
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ
“ติ๊ง!”เวลานี้เอง ภายในสนามกีฬาเจียงจง หลี่จวิ้นเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนพลันได้ยินเสียงใสกังวานดังขึ้นข้างหูสำเร็จแล้ว!หลี่จวิ้นเฟิงลืมตาขึ้นฉับพลัน ท่าทางดูล้ำลึกจนยากจะคาดเดา เขายกเตาหลอมโอสถบนพื้นขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว แล้วเอ่ยปากพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ยาเทวดาสำเร็จแล้ว สามารถทดสอบผลลัพธ์ได้ทันที!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่จวิ้นเฟิงก็เปิดฝาเตาหลอมโอสถ ยาสีดำสามเม็ดกลิ้งจากเตาหลอมโอสถมาที่มือของหลี่จวิ้นเฟิงไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เลือกผู้โชคดีสามคนจากที่นั่งผู้ชมด้านล่างเวที ทั้งสามคนล้วนเป็นผู้สูงวัยอายุเกิดหกสิบปี นอกจากนี้ยังมีคนหนึ่งถือผลตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล ป่วยเป็นโรคระบบหัวใจหลอดเลือดอย่างรุนแรง ใส่ขดลวดหัวใจไว้ในร่างกายสามอันแล้วหลี่จวิ้นเฟิงส่งยาในมือให้คนผู้นั้นหนึ่งเม็ดทันที แล้วยื่นน้ำแร่ไปให้อีกหนึ่งขวดผู้สูงอายุทั้งสามคนกินยาของหลี่จวิ้นเฟิงลงไปแล้ว อาการป่วยก็ดีขึ้นมากจริง ๆ ถึงขนาดที่ผู้ป่วยอาการหนักที่สุดคนนั้น จากเดิมที่ถูกลูกชายลูกสาวประคองขึ้นเวที แต่หลังจากกินยาเข้าไปก็ยืดตัวตรง เดินลงจากเวทีด้วยตัวเอง เมื่อเห็นฉากนี้ หลายคนที่ก่อนหน้านี้วิพากษ์วิ
แต่ยาลูกกลอนที่กระถางยาของเขาหลอมออกมาได้ก็สาเหตุมาจากยันต์อักขระเหล่านั้น ราวกับผลิตออกมาจากสายการผลิตไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหรือคุณภาพของยาที่หลอมสำเสร็จ เทียบไม่ได้กับกระถางยาทองคำม่วงที่อยู่ในมือของฉู่เฉินแม้แต่น้อยหลี่จวิ้นเฟิงอดหัวเราะขำขันออกมาไม่ได้หลังจากเห็นกระถางยาที่ขึ้นสนิมในมือฉู่เฉิน จึงชี้ไปยังกระถางยาทองคำม่วงในมือฉู่เฉินพร้อมกล่าวขึ้น “คนแซ่ฉู่ ไม่ใช่ว่ากะอีแค่กระถางยาที่ดีกว่านี้หน่อยยังซื้อไม่ไหวหรอกนะ”“นี่เก็บสินค้าแผงลอยจากตลาดขยะที่ไหนมา ยังกล้าเอามาหลอมโอสถอีก ไม่กลัวคนกินแล้วตายหรือไง”ฉู่เฉินคร้านจะสนใจเขาเลยหยิบวัตถุดิบยาสองสามชนิดออกมาจากในกองสมุนไพร แล้วใช้มือเดียวบี้บดจนวัตถุดิบเหล่านั้นเป็นผง จากนั้นจึงโยนผงยาที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ทิ้งไปขณะที่ผงสมุนไพรเข้าสู่กระถางยาทองคำม่วง ฉู่เฉินก็ถ่ายพลังวิญญาณมายังกลางฝ่ามือต่อจากนั้นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของฉู่เฉินราวกับเล่นกลหลี่จวิ้นเฟิงไม่กล่าววาจาใดอีก คว้าวัตถุดิบยาแล้วก็นำวัตถุดิบยาทั้งหมดใส่เข้าไปในกระถางยาเป็นไปตามที่อวี้ลู่คาดการณ์ไว้เลย ในกระบวนการหลอมโอสถทั้งหมด หลี่จวิ้นเฟิง
“หรูเยียน ที่ลูกพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ”หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้างถ้าเป็นอย่างที่หลิ่วหรูเยียนพูดมาจริง ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าก็หลอกล่อเอาสูตรยาบำรุงปราณมาจากฉู่เฉินในช่วงที่ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด ฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะได้มียาบำรุงปราณขายด้วยเช่นกันแล้วนี่?คิดเรื่องพวกนี้แล้วหลิ่วชิงเหอก็กลับมานั่งลงที่เดิม จากที่ตอนแรกกะจะลุกขึ้นเตรียมออกจากสนามแข่งขันนี้ไป“จริงแท้แน่นอน หลี่จวิ้นเฟิงบอกกับหนูเองเลยนะ อีกอย่าง ถ้าเขาไม่มั่นใจก็คงไม่เลือกการแข่งขันหลอมโอสถหรอกค่ะ”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางยิ้มชั่วร้ายแม้ฉู่เฉินชนะไปรอบหนึ่งแล้ว ยังไงการแข่งขันรอบสองก็ถือว่าเสมอกันขอแค่หลี่จวิ้นเฟิงชนะการแข่งขันรอบที่สาม ผลก็จะออกมาเสมอกันทุกคนฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะไม่ขายหน้า และในทางตรงกันข้ามก็ยังได้รับความนิยมและประโยชน์โดยอาศัยการแข่งขันรอบที่สามนี้ด้วย ……อีกด้านหนึ่ง ถังจิ้งจือที่นั่งอยู่ตำแหน่งกรรมการก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป เยาะเย้ยกล่าว “ใช่แล้วยังไงล่ะ หรือว่าการแข่งขันรอบสามนี้ไม่ยอดเยี่ยมน่าชมหรอกเหรอ”“พวกคุณอย่าลืมซะล่ะ สามารถจัดการแข่งขันแพทย์แผนจีนตลอดทั้งปีนี้ได้ก็เพร
หลินจื้อหงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะกล่าวเสียงดังลั่น“ท่านหลิน ผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดคุณ!”ถังจิ้งจือเบะปากกล่าว “การแข่งขันแพทย์แผนจีนคราวก่อนก็จับฉลากได้ผู้ป่วยอาการแตกต่างกัน หรือใครจับได้โรคอาการรุนแรงก็ถือว่าคนนั้นชนะเหรอ?”“กฎก็เขียนชัดเจนอยู่แล้วว่าตัดสินจากการรักษา”“ไม่ใช่ความผิดของคุณหลี่ที่หยิบได้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ก็คงกล่าวได้ว่าคุณหลี่มีคุณธรรมสูงส่งโชคเข้าข้างเขาก็เท่านั้น”“ส่วนฉู่เฉินรักษาคนไข้โรคฝีหนองทั้งร่างนั้นหายได้ก็เป็นวาสนาของคนไข้รายนั้น ไม่ใช่ผลงานของฉู่เฉินฝ่ายเดียว ดังนั้นฉันคิดว่าการแข่งขันนี้ต้องตัดสินเสมอกันเท่านั้น”แม่ง!จางเสวี่ยเหยียนเริ่มเกิดความคิดอยากจะตบปากคน!ฮว่าจิ่วหยางสูดลมหายใจลึก ถึงยังไงพวกเขาไม่กี่คนก็ล้วนเป็นกรรมการ หากมีการทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างกรรมการด้วยกันเอง จะทำให้คนอื่นเห็นวงการแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องตลกฮว่าจิ่วหยางคิดแล้วก็หันหน้าไปกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณยอมรับคำตัดสินของท่านถังนี้หรือไม่” ฉู่เฉินยิ้มเยาะ มองสำรวจหลี่จวิ้นเฟิงและถังจิ้งจือ แล้วพยักหน้ากล่าว “ก็ได้ ถ้าผมไม่ยอมรับ เจ้าสอ