ฉู่เฉินหัวเราะหยัน มองเนินอกขาวเนียนของหลิ่วหรูเยียนอย่างละเอียดแล้วพูดว่า “โรงพยาบาลนี้ไม่ได้ดำเนินกิจการโดยครอบครัวของพวกเธอ มีสิทธิอะไรที่ฉันจะมาไม่ได้?” “อีกอย่าง การที่พวกเธอได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลประชาชนก็เป็นเพราะฉันผลักดันให้เกิดขึ้น จะไม่พูดขอบคุณสักคำเลยหรือไง?” ไม่เอ่ยคำพูดนี้ก็ยังดี แต่ทันทีที่ฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ ดวงหน้างดงามของหลิ่วหรูเยียนก็เย็นชาลงในพริบตา“ฉู่เฉิน แกมันไอ้คนสารเลว ยังอยากให้ฉันขอบคุณแกอีกเหรอ? แกทำอะไรเอาไว้ แกรู้ดีแก่ใจตัวเอง!”หลิ่วหรูเยียนกัดฟันจนแทบจะแตกแล้ว!เมื่อคืนตอนที่หลิ่วชิงเหอกลับไปที่บ้าน กระโปรงบนตัวไม่เพียงแต่ขาดเท่านั้น แม้แต่ตอนเดินก็ยังกะโผลกกะเผลกด้วยไม่ต้องถาม หลิ่วหรูเยียนก็เข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉู่เฉินรังแกคนเกินไปแล้ว! “อ้อ? ฉันทำอะไรล่ะ? นั่นเป็นสิ่งที่หลิ่วชิงเหออาสาเองนะ ทุกคนยื่นหมูยื่นแมวกัน แลกเปลี่ยนกันด้วยความเท่าเทียมล้วน ๆ ทำไมพอมาจากปากของเธอ เหมือนฉันทำความผิดมหันต์อะไรเลยล่ะ?” ฉู่เฉินมองหลิ่วหรูเยียนพลางหัวเราะเบา ๆ“แก...”หลิ่วหรูเยียนกัดริมฝีปาก แทบอยากจะฉีกปากของฉู่เฉินให้เละ! “แกอะไร? พ
หลิ่วหรูเยียนไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยว่า ข้อความเดียวของฉู่เฉินก็สามารถดับความหวังสุดท้ายของฉู่ซื่อกรุ๊ปได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น“หน้าไม่อาย? เทียบกับพวกเธอแม่ลูกแล้ว ฉันคิดว่าฉันเป็นคนดีมากที่สุดในโลกนี้เลยนะ”ฉู่เฉินกล่าวจบก็หัวเราะเบา ๆ ลูบผมสีดำนุ่มลื่นดุจไหมของหลิ่วหรูเยียน เอ่ยพลางชื่นชมเรียวขางามเย้ายวนใจคู่นั้นของเธอ “คิดดีแล้วหรือยัง?” “ฉันรีบอยู่นะ”เงียบกริบ! แนวป้องกันทางจิตใจสุดท้ายของหลิ่วหรูเยียนก็พังทลายลงโดยสิ้นเชิง ก็เหมือนกับที่หลิ่วชิงเหอพูดไว้ พวกเธอสองแม่ลูกแบกรับผลร้ายแรงที่ตามมาจากการล้มละลายของฉู่ซื่อกรุ๊ปไม่ไหว“ได้...แต่ว่า!” หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลิ่วหรูเยียนถึงค่อยกัดฟันกล่าวว่า “แกต้องรับประกันว่าเงื่อนไขในสัญญาจะลงนามตามข้อกำหนดของฉู่ซื่อกรุ๊ปเรา!” “ไม่มีปัญหา เรื่องจิ๊บจ๊อย” ฉู่เฉินยิ้มแล้วโอบเอวบางเล็กของหลิ่วหรูเยียนจากทางด้านหลัง ก่อนจะแนบชิดข้างหูของเธอแล้วกระซิบว่า “แต่เธอก็ต้องทำให้ฉันพอใจด้วยเหมือนกัน” “กลับไปแล้ว ศึกษากับหลิ่วชิงเหอให้มาก ๆ ทักษะปากของเธอยังมีจุดที่ต้องให้พัฒนาอีกเยอะ” “ฉันหวังว่าวันนี้จะได้เห็นความก้าวหน้าของเธอ”
“ฉันกับพี่เจียงเป็นเพื่อนบ้านกันมานานหลายสิบปีแล้ว ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ?”เซี่ยฉีฉีเม้มริมฝีปากของเธอแล้วยิ้มออกมา หลังจากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าควงแขนของฉู่เฉินไว้เมื่อเห็นท่าทางของเธอ ดวงตาสวยของเจียงอิ่งหรี่ลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อยเป็นไปได้ไหมว่าเซี่ยฉีฉีกับฉู่เฉินจะเป็นแฟนกัน?ถ้าอย่างนั้นเธอก็กลายเป็นมือที่สามไม่ใช่เหรอ?แต่ว่าไม่นานเจียงอิ่งก็หัวเราะเยาะตัวเอง ที่แท้เธอก็น่าจะเป็นมือที่สามใช่ไหม?ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นภรรยาของหลูไคซาน เธอไม่มีสิทธิ์จะให้ฉู่เฉินรับปากอะไรกับเธอ และไม่มีเหตุผลที่จะไปแทรกแซงชีวิตส่วนตัวของฉู่เฉินเมื่อคิดได้ดังนั้น เจียงอิ่งก็กลับมานั่งที่เดิมอย่างหดหู่ พลิกรายงานการทดลองในมือของเธอ จู่ๆ ดวงตาของเธอก็มีหมอกมาบดบังอย่างไม่รู้ตัว“กวนเหล่ย ทำไมคุณไม่เสิร์ฟชาให้หัวหน้าเจียงล่ะครับ? ซินฉู่ฟาร์มาติคอลของเราปฏิบัติต่อแขกแบบนี้เหรอครับ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองไปที่กวนเหล่ย“อะ โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปรินชาให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”พูดตามตรง กวนเหล่ยสนใจแค่แต่งตัวเท่านั้นเพราะกว่าฉู่เฉินจะเข้าบริษัทสักที หากเธอไม่สามารถรักษาโอกาสนี้ไว้ได้
เมื่อเซี่ยฉีฉีเดินออกไปไกลแล้ว เจียงอิ่งถึงจะยื่นรายงานการทดลองให้กับฉู่เฉิน “มีรายงานการทดลองพวกนี้แล้ว ยาบำรุงปราณก็สามารถจำหน่ายไปทั่วประเทศได้แล้ว อีกทั้งทางด้านประธานฟางก็ได้เตรียมการเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ”ฉู่เฉินรับรายงานมา แล้วอ่านดูคร่าวๆ สมแล้วที่เป็นมืออาชีพ จัดการเรื่องนี้ได้อย่างคล่องแคล่วมืออาชีพ และน่าเชื่อถือมากกว่ารายงานของคนที่กู้รั่วเสวี่ยหามาเสียอีก “ได้ ถ้าอย่างงั้นขอบคุณหัวหน้าเจียงมากๆ นะครับ ไว้วันหลังผมของเลี้ยงข้าวคุณนะครับ”ฉู่เฉินหัวเราะร่ายื่นรายงานให้กับกวนเหล่ยพูดตามตรง เขาไม่ได้ให้ความใส่ใจกับยัยแสบกวนเหล่ยมานานแล้ว ตอนที่เพิ่งเข้ามาเขาก็รู้สึกประหลาดใจกับยัยเด็กแสบคนนี้ตอนแรกเขาตั้งใจว่าหลังจากที่ส่งเจียงอิ่งกลับไปแล้ว ก็จะกลับมาดูแลใส่ใจเธอ แต่ยังไม่ทันจะลงมือทำ เจียงอิ่งกลับเอ่ยคำเชิญชวนฉู่เฉินออกมาก่อน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณสะดวกไหมคะ?”“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยเป็นการส่วนตัวกับคุณสักหน่อยน่ะค่ะ”ฉู่เฉินลังเลสักพักหนึ่ง เขาเหลือบมองไปที่ขาสวยอันแสนเย้ายวนของกวนเหล่ยที่อยู่ข้างๆ เขากระแอมออกมา “ครับ เราไปคุยในรถเถอะครับ”พูดจบ ฉู่เฉินก็จูงเจี
แม้ว่าเจียงอิ่งจะพยายามควบคุมความถี่และเสียงของลมหายใจอย่างเต็มที่แล้ว แต่เสียงลมหายใจที่ดิบเถื่อนฉู่เฉินก็ถูกหลูไคซานที่อยู่ปลายสายได้ยินอย่างชัดเจน“เสียวอิ่ง คุณอยู่ที่ไหน?”หลูไคซานที่อยู่ปลายสาย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความระแวงเจียงอิ่งรีบยกมือขึ้นมาปิดไมค์โทรศัพท์ไว้ หายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง กักเก็บความอยากครวญครางเอาไว้ “ฉะ... ฉันอยู่ ฉันอยู่ที่ฟิตเนสยังไงคะ”พูดจบเธอก็รีบยกมือขึ้นมาปิดลำโพงไว้ หายใจของลึกๆ สองสามครั้งไม่ว่าเธอจะพยายามควบคุมมันไว้แค่ไหน แต่ว่าเสียงในคอก็ยังคงหลุดเสียงครวญครางออกมาเธอระงับมันไว้มันทรมานมากๆ แต่เธอก็ไม่กล้าวางสายไปตอนนี้ นั่นยิ่งไม่ใช่ว่าเป็นการร้อนตัวไม่ใช่เหรอ?“ออกกำลังกาย?”เห็นได้ชัดว่าหลูไคซานสงสัยกับคำตอบของเจียงอิ่งเป็นอย่างมากโดยเฉพาะที่เขาได้ยินเมื่อกี้ เสียงลมหายใจที่ดิบเถื่อน นั่นมันคือเสียงของผู้ชายชัดๆถึงแม้จะอยู่ที่ฟิตเนส แต่คงจะไม่อยู่ใกล้ขนาดนี้หรอกมั้ง?“คุณอยู่ฟิตเนสตรงไหน? ผมจะไปหาคุณตอนนี้!”หลูไคซานที่อยู่ปลายสาย น้ำเสียงยิ่งพูดยิ่งเย็นเยือกมากขึ้นเรื่อยๆแค่คำถามนี้ก็ทำเอาสมองของเจียงอิ่งขาวโพลนประเด็นไ
เจียงอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย “อืม ถือว่าช่วยค่ะ ถือซะว่าฉันชดเชยให้หลูไคซานแล้วกันค่ะ แต่ว่าคุณมั่นใจไหมคะ? ช่วงนี้ผู้ว่าการเฉียวคอยดูแลแต่นายท่านใหญ่ เขาจะมีอารมณ์มาฟังคุยพูดเรื่องนี้เหรอคะ?”ถ้าให้พูดตามที่เฉียวเทียนฉี่ที่เจียงอิ่งรู้จัก ไม่ว่าฟ้าจะถล่มก็ไม่มีอะไรสำคัญกว่านายท่านใหญ่แม้จะได้ยินมาว่านายท่านใหญ่จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้หายดีเป็นปลิดทิ้ง จนถึงตอนนี้เขายังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประชาชนอยู่เลย“สบายใจเถอะครับ ขอเพียงแค่ผมเอ่ยปาก เขาไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น แต่คุณไม่รู้สึกเสียเปรียบเหรอครับ? โครงการปรับปรุงสะพานเจียง เป็นโครงการที่มีมูลค่าอย่างน้อยห้าพันล้านถึงหนึ่งหมื่นล้านบาท ให้ตระกูลหลูทำ สู้คุณทำเองไม่ดีกว่าเหรอครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างเรียบๆเรื่องนี้ฉู่เฉินพูดจริงจังเจียงอิ่งเป็นผู้หญิงของเขา ในขณะที่ตระกูลหลูไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดกับฉู่เฉินเลยโครงการใหญ่มูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท หากมอบให้เจียงอิ่ง บางทีเธออาจจะหลุดพ้นจากความทุกข์ของตระกูลหลูไปได้“ฉันเหรอคะ? อืม...”เจียงอิ่งราวกับว่าถูกจี้จุด เธอหลับตาลงทันควัน ผ่านไปสักพัก เธอเกี่ยวผมที่ห
หุ่นฟางปลุกเสกเป็นเทคนิคที่ใช้ในคุณไสยการควบคุมศพของเซียงซี!แม้จะนับว่าเป็นหนึ่งในวิชาแห่งสำนักเต๋า แต่ถือว่าพบเจอได้ยาก!ฉู่เฉินสามารถรับรองได้ว่า มีผู้บำเพ็ญเต๋ากำลังเพ่งเล็งเขาจากที่ไกลๆ อีกทางหนึ่งอาจพูดได้ว่าพวกเขาตั้งใจที่จะใช้วิธีนี้“อย่ากลัวไปครับ นี่เป็นหุ่นฟางครับ”ฉู่เฉินสวมเสื้อผ้าไปด้วย พร้อมทั้งชักกระบี่อ่อนจากเอวออกมา ส่งไปให้ในมือของเจียงอิ่ง “รับมันไว้นะครับ ผมจะออกไปดูก่อน หากมีหุ่นฟางโจมตีคุณ คุณใช้กระบี่นี่ฟันมันให้ขาดเลยนะครับ”“ฉัน... ฉันไม่กล้าค่ะ”เจียงอิ่งตกใจกลัวจนหน้าซีด ตัวของเธอหดเลยนิดเดียวยิ่งเจียงอิ่งรู้ว่าข้างนอกคือหุ่นฟาง เธอก็ยิ่งกลัวขึ้นไปอีกหุ่นฟางจะขยับได้ยังไง?เธอเจอผีหลอกแล้วมั้งเนี่ย!ฉู่เฉินขมวดคิ้วแน่น ราวกับว่าเข้าว่าเจียงอิ่งคิดอะไรอยู่ “สบายใจได้ครับ นี่ไม่ใช่ผี แต่นี่มีคนเล่นตลกอยู่ข้างหลังหุ่นฟางนี่ต่างหากครับ”“กระบี่เล่มนี้ของผมมีปราณมังกรเพลิง ไม่ว่าเป็นผีจริงหรือไม่จริง ถึงแม้ว่าจะเป็นผีจริงกระบี่เล่มนี้ก็สามารถฆ่ามันได้”ฉู่เฉินไม่ได้พูดโอ้อวดกระบี่เล่มนี้ของเขา หลังจากที่ผ่านการฝึกฝนมาเมื่อคืนนี้ แม้ว่าในวันนี้จะย
“วิชาตามหาวิญญาณ!”พูดจบ ลำแสงสีแดงสองลำก็ปรากฏออกมาจากม่านตาของฉู่เฉินทันทีทันใดนั้นเอง ลำแสงสีแดงทั้งสองลำก็ทะลุผ่านความมืดโดยรอบ เผยให้เห็นเส้นใยสีดำที่มองเห็นได้เลือนรางซึ่งเชื่อมระหว่างหุ่นฟางแต่ละตัวเข้าด้วยกันเห็นได้ชัดว่านักไสยศาสตร์ผู้นั้นไม่ได้อยู่แถวนี้ แต่กลับใช้วิธีควบคุมระยะไกล ควบคุมหุ่นฟางให้โจมตีฉู่เฉินถึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเพียงแต่ว่าคนปลุกไม่อยู่แถวนี้ก็จัดการได้ง่ายขึ้น ไม่มีเจียงอิ่งเป็นตัวถ่วง ฉู่เฉินมั่นใจว่าแค่ท่าไม้ตายไม้เดียวเขาสามารถเอาชีวิตของคนนั้นได้เลยพลังของฝ่ายตรงข้ามแม้ว่าไม่ต่ำกว่าฝึกปราณระดับแปด บางทีอาจจะเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าฝึกปราณระดับเก้าก็เป็นได้ แต่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระยะฝึกปราณตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เฉินความต่างระหว่างระยะสร้างรากฐานและระยะฝึกปราณไม่สามารถใช้คำพูดมาอธิบายได้ เพราะว่าทั้งสองอย่างนั้นคนละอย่างกันเลยนี่ก็เหมือนกับการขึ้นเขา ระยะฝึกปราณแม้แต่ประตูสุสานก็ยังไม่ได้เข้าประตูภูเขา แต่ถ้าเป็นระยะสร้างรากฐานกลับยืนอยู่ในประตูของภูเขาแล้วทั้งสองสิ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง“คุณโอเคไหมครับ?”ฉู่เฉินเปิดประตูรถ เข้าไปนั
เซียวถิงฮั่นกล่าวพร้อมประสานมือคารวะฉู่เฉินจากนั้นเซียวจี้เซียนรีบนำโสมแก่ร้อยปีสามต้นยื่นให้ตรงหน้าฉู่เฉินเห็นโสมสามต้นแล้วฉู่เฉินก็ฉีกยิ้มบาง ๆ กล่าว “ผู้อาวุโสเซียว เป็นไปตามที่คุณพูด ผมกับตระกูลเซียวคุณไม่ได้มีความแค้นอะไร ดังนั้นเรื่องของเซียวจี้กวางก็ถือจบกันไปแล้วกัน”“แต่ว่า ผมมีหนึ่งเรื่องอยากจะถามคุณหน่อย”ได้ยินแล้วเซียวถิงฮั่นก็รีบกล่าวพร้อมมือประสาน “คุณฉู่ มีคำถามอะไรถามมาได้เลยครับ ถ้าผมรู้ผมจะตอบทุกอย่างเลยครับ”ฉู่เฉินครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสเซียว ในปีนั้นตกลงแล้วเกาเซิ่งอี้ได้รับคำสั่งมาจากใครให้ไปลักพาตัวพ่อแม่ของผมกันแน่?”เซียวถิงฮั่นได้ยินแล้วก็ส่ายหน้าขมวดคิ้วแน่นพร้อมตอบ “คุณฉู่ ขอบอกตามตรงโดยไม่ปกปิดนะ ตระกูลเซียวของเราเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ ไม่ค่อยได้ติดต่อคนจากโลกแห่งการหยั่งรู้สักเท่าไหร่”“ผมก็รู้แค่ว่าเรื่องในปีนั้นเกาเซิ่งอี้ได้รับคำสั่งจากสำนักใหญ่สำนักหนึ่งที่อยู่ภูเขาหลางจวีซวี แต่เป็นใครนั้นผมก็ไม่สามารถล้วงลึกได้ และไม่กล้าสืบต่อ”พูดถึงตรงนี้แล้วเซียวถิงฮั่นก็หยุดไป จากนั้นพูดต่อ “ผมมีคำพูดจะเตือน ในเมื่อเรื่องในปีนั
เซียวเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเหยเกเช่นกัน “ปู่ พ่อ พวกเราจำเป็นต้องไปประจบฉู่เฉินด้วยหรือ?”“ตระกูลเซียวของพวกเรา ต่อให้ออกจากหอการค้าตะวันออกใหญ่ไปก็ไม่ถึงขั้นที่สิ้นไร้ไม้ตอกนี่?”เซียวจี้เซียนถอนหายใจหนักใจตอบ “เฮ้อ พวกลูกยังเด็กเกินไป ตระกูลเซียวมาถึงทุกวันนี้ได้ด้วยอะไร?”“อย่าคิดว่าตอนนี้พวกลูกคนหนึ่งอยู่แก๊งมังกร ส่วนอีกคนอยู่ในกองทัพทหารหน้าที่การงานรุ่งโรจน์ แต่ทันทีที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ หรือถูกกีดกันจากตระกูลใหญ่ตระกูลอื่น ๆ พวกลูกไม่เพียงไม่ก้าวหน้าขึ้น แม้แต่กิจการของตระกูลเซียวยังจะถูกคนอื่นกลืนกินจนหมดแน่”“เมื่อถึงตอนนั้นค่อยไปประจบเอาใจ ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว”ได้ยินคำว่าประจบเอาใจแล้ว ความโมโหที่สะสมมานานของเซียวเสวี่ยอิ๋งก็พุ่งปรี๊ดอาศัยอะไรสั่งให้เธอไปประจบเอาใจฉู่เฉิน?!“ถึงยังไงหนูก็ไม่สน ใครอยากไปประจบฉู่เฉิน มันก็ไม่เกี่ยวกับหนู แต่อย่าคิดจะให้หนูไปเยือนถึงประตูบ้านเขาเลย” เซียวเสวี่ยอิ๋งหน้าแดงก่ำและกล่าวอย่างไม่ยินยอม“พี่ พี่จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ เราแค่คลี่คลายบุญคุณความแค้น ไม่ใช่ไปประจบหรือเอาใจ”เซียวจี้หงรีบลุกขึ้นมาทำเรื่องให้จบแต่ห้องโถงยังคงมีบ
ไม่นาน รถก็แล่นมาจอดที่หน้าทางเข้าโรงแรมที่มีชื่อว่าลั่งซาเลิฟโฮเต็ลตาของฉู่เฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันทีที่เดินเข้าไปในห้องชุดชั้นในเซ็กซี่หลากหลายสไตล์ถูกจัดเรียงไว้อย่างดี ตรงปลายไม้แขวนเสื้อมีเชือกยาวประมาณสามเมตรเส้นหนึ่งห้อยอยู่นี่มันอะไรกัน?ฉู่เฉินยกเชือกที่หยาบและเล็กเท่านิ้วมือนั้นขึ้นมามองด้วยความสงสัยหลิ่วหรูเยียนเม้มปากหัวเราะและกล่าว “ไม่เคยเล่นสินะ? นายรอฉันแป๊บหนึ่งก่อน”ขณะพูดหลิ่วหรูเยียนก็รับเชือกเส้นนั้นมาแล้วรีบวิ่งเหยาะเข้าไปยังห้องอาบน้ำห้องอาบน้ำของโรงแรมแห่งนี้สร้างด้วยกระจก ทั้งยังเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นได้แบบเบลอ ๆ แม้จะอยู่ไกลก็ยังเห็นร่างอรชรขาวเนียนของหลิ่วหรูเยียนได้อย่างชัดเจนเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเอาเชือกเส้นนั้นพันรอบร่างกายบอบบางที่ไร้อาภรณ์ผ่านไปแค่เวลาสั้น ๆ เมื่อหลิ่วหรูเยียนมาปรากฏตัวตรงหน้าฉู่เฉินอีกครั้ง ฉู่เฉินก็เข้าใจวิธีใช้อันมหัศจรรย์ของเชือกเส้นนั้นได้ในทันทีฉู่เฉินลุกขึ้นดึงปลายเชือกแล้วกดหลิ่วหรูเยียนไว้ที่โซฟา ชื่นชมบั้นท้ายอวบอิ่มและแผ่นหลังที่สวยงามของเธอ ปราณมังกรพลังหยางก็พุ่งถึงจุดสูงสุดภายในห้องก็มีเสียงร้อ
หลิ่วหรูเยียนหน้าแดงและกัดริมฝีปากพร้อมกล่าว “ใครให้พิชิตใจฉันได้ล่ะ เดี๋ยวนี้ทุกคืนพอหลับตาลงก็จะนึกถึงความทรงพลังของนาย”ในขณะพูดหลิ่วหรูเยียนหนีบขาและเสียดสีไปมา ฉากนี้ทำเอาเจ้าใหญ่นายโตต่างกลืนน้ำลายดังเฮือกทว่าผู้หญิงของฉู่เฉิน พวกเขาทำได้แค่มองและไม่กล้าคิดเกินเลย“หวังว่าเธอคงไม่ได้ดีแต่ปากนะ”ฉู่เฉินกล่าวอย่างราบเรียบ“ขอแค่นายชอบ ดีแต่ปากก็ฝึกจนชำนาญได้”หลิ่วหรูเยียนพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียริมฝีปากอย่างว่องไว“เอาละ พวกคุณกลับไปเถอะ”ฉู่เฉินบีบบั้นท้ายเด้งของหลิ่วหรูเยียน และกล่าวพร้อมยกมือให้คนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น“ขอบพระคุณคุณฉู่”ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นเพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าวหลิ่วหรูเยียนก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเย็นชาอย่างกะทันหัน “รอเดี๋ยว!”บรรดาคนที่เดินออกไปต่างรีบหยุดแล้วหันมามองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าและสายตาประจบประแจง“ภายในสามวัน แจ้งชื่อบริษัทและรายงานคอนเซ็ปต์ธุรกิจของพวกคุณทุกคนตามความเป็นจริง ฉันจะรอข่าวคราวของพวกคุณอยู่ที่ห้องทำงานประธานฉู่ซื่อกรุ๊ป”สิ้นเสียงหลิ่วหรูเยียนก็เอามือกอดอกหรี่ตาคมกริบและกล่าว “ที่ฉันมีคลิปในวันนี้อยู่นะ ถ้าหลังจากสา
“เหอะ ๆ...นะ....นี่เป็นฟ้า...ลิขิต...”ฉีอวี่ไท่พูดจบก็คอเอียง และสิ้นลมหายใจคาที่จนกระทั่งทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่มาร่วมงานเลี้ยงถึงค่อยยืนตรงตัวสั่นระริก มองฉู่เฉินด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจกลัว“คุณฉู่ พะ...พวกเราเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาของหอการค้าตะวันออกใหญ่เท่านั้นนะ บุญคุณความแค้นระหว่างพวกคุณไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยนะครับ!”ชายวัยกลางคนที่เยาะหยันฉู่เฉินก่อนหน้านี้ ขาอ่อนยวบก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นเมื่อเห็นเขาคุกเข่า ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ แทบจะคุกเข่าลงไปตาม ๆ กันถึงแม้เฉียนหลงวิลล่าจะสร้างขึ้นมาอย่างใหญ่โตโอ่อ่า แต่ปัญหาคือที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองมากเกินไป ต่อให้ฉู่เฉินฆ่าพวกเขาไปด้วยแล้วป้อนให้ผีดิบเลือดคลั่งกินจนหมด ก็คงไม่มีใครรู้เลยนอกจากนี้ ต่อให้สืบได้ว่าพวกเขาโดนผีดิบเลือดคลั่งกลืนกินทั้งเป็นแล้วจะทำอย่างไรได้?ใครจะต่อกรกับเจ้านั่นได้?ว่ากันว่าใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำ เพียงแต่ยังไม่ถึงช่วงเวลาความเป็นความตาย เมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว คุกเข่าโขกหัวจะนับเป็นอะไรได้?“คุณฉู่ พวกเราไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นะครับ นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าเกาเซิ่งอี้จ
“ฉู่เฉิน กะ...นายแกทำอะไร? เลี้ยงศพฆ่าคนเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ!” เมื่อเห็นผีดิบเลือดคลั่ง เสิ่นเจี้ยนเฟิงก็ตื่นตระหนกทันทีสิ่งที่เขาฝึกฝนคือวิชาประตูกลมหัศจรรย์ และเคยได้ยินเรื่องของผีดิบเลือดคลั่งมาบ้าง เขายิ่งไม่อยากโดนผีดิบเลือดคลั่งกลืนกินทั้งเป็นฉู่เฉินไม่สนใจเสิ่นเจี้ยนเฟิงเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าย่อตัวลงมาตบหน้าเกาเซิ่งอี้แล้วพูดว่า “บอกมา ปีนั้นคุณลักพาตัวพ่อแม่ของผมไปใช่ไหม ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน!”ม่านตาของเกาเซิ่งอี้หดลงเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้ารัว ๆ แล้วพูดว่า “ผมไม่รู้ ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”“อ้อ? เหรอครับ? ดูเหมือนว่าต้องช่วยคุณฟื้นความทรงจำให้ดีสักหน่อยแล้วสินะ”เมื่อสิ้นเสียงพูดของฉู่เฉิน เขาก็เอานิ้วชี้ไปยังเสิ่นเจี้ยนเฟิงที่ทรุดอยู่กับพื้นแล้วเอ่ยว่า “เจ้าทึ่ม กินอาหารได้แล้ว” “โฮก!”เมื่อเห็นเสิ่นเจี้ยนเฟิงที่หายใจรวยริน ภายในม่านตาที่มืดดำคู่นั้นของเจ้าทึ่มพลันเปล่งแสงสีฟ้าอ่อน ก่อนส่งเสียงคำรามที่น่าพรั่นพรึงออกมาพวกผู้ทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจที่อยู่ในที่แห่งนี้ตกใจกลัวจนขดตัว ไม่กล้ามองอีกเลย “ไอ้คนแซ่ฉู่ แกแม่งจะต้องไม่ตายดี!”เสิ่นเจี้ยนเฟิงถูกเจ้าทึ่มค
สำนักใหญ่ของโลกบำเพ็ญเพียรเกือบทั้งหมดล้วนรวมตัวกันอยู่ในเขตอันกว้างใหญ่นี้ส่วนพวกเขาอย่างมากสุดก็เป็นได้แค่ปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้นหากต่อสู้กับฉู่เฉินอย่างถึงที่สุดจริง ๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขาเลย“ใช่แล้ว ขอเพียงแกปล่อยพวกเราไป พวกเราจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกไปเด็ดขาด แกก็จะหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนโลกแห่งการหยั่งรู้ตามฆ่าได้ด้วย” เสิ่นเจี้ยนเฟิงเอ่ยเสริมโดยที่แฝงการข่มขู่ไว้กึ่งหนึ่งเช่นกัน“ฉู่เฉิน หยุดดีกว่านะ พวกเราหาเรื่องคนพวกนี้ไม่ไหวหรอก”หลิ่วหรูเยียนเห็นฉู่เฉินยังคงเงียบไม่พูดไม่จาก็รีบลุกออกมาพูดเกลี้ยกล่อมในความคิดของเธอ วันนี้ฉู่เฉินได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาแล้วนอกจากนี้ ตั้งแต่นี้ไป มณฑลเจียงจะไม่มีหอการค้าตะวันออกใหญ่อะไรอีก ส่วนบรรดาผู้มีอิทธิพลในวงการธุรกิจที่อยู่ในที่แห่งนี้ก็ได้เห็นความสามารถของฉู่เฉินกับตาตัวเองแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือ แทบทุกคนต่างรู้แล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉู่เฉินเช่นนี้ไม่ว่าวันหน้าฉู่ซื่อกรุ๊ปจะไปหาใครที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ อีกฝ่ายล้วนต้องช่วยเหลือฉู่ซื่อกรุ๊ปโดยไม่มีเงื่อนไขสำหรับหลิวหรูเยียนแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นผลประโย
“เมื่อกี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา ผมไม่เดินเข้ามา แล้วคุณจะฆ่าผมได้ยังไงล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้ม เพียงแต่ในความคิดของเกาเซิ่งอี้ รอยยิ้มของเขาน่าหวาดหวั่นเกินไป ทำให้คนตกใจกลัวมากเกินไปจริง ๆ“มะ...เมื่อกี้เห็นชัด ๆ ว่าแกโดนวิชาหุ่นเชิดของฉันไปแล้ว โดนฝังลึกอยู่ใต้ดินไปแล้ว เป็นไปได้ยังไง...” เสิ่นเจี้ยนเฟิงเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก มองไปทางฉู่เฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม นี่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยเขาถึงขนาดใช้วิชาหุ่นเชิดที่เคยสังหารยอดฝีมือระดับเดียวกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน คนพวกนั้นแต่ละคนล้วนเป็นพวกมีประสบการณ์โชกโชนที่ผ่านศึกมานับร้อยแม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจหนีพ้นเคราะห์ไปได้ ฉู่เฉินทำได้ยังไง...ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ว่า “คุณหมายถึงเจ้านี่เหรอ?”สิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็หยิบหุ่นฟางออกมาจากด้านหลัง หุ่นฟาง?!ม่านตาของเสิ่นเจี้ยนเฟิงหดลงเล็กน้อย เขาคุ้นเคยกับหุ่นฟางตัวนั้นเป็นอย่างดี สำนักอวี้ซือ แต่เจ้าสำนักอวี้ซือเพิ่งจะฝึกปรือถึงระดับสร้างรากฐานชั้นสาม ฉู่เฉินไม่มีทางป็นคนของสำนักอวี้ซือได้เลย “วิชาหุ่นเชิดของคุณไม่เลวเอามาก ๆ เลยจริง ๆ แต่ว่าเมื่อเทียบกับ
แม้ว่าฉู่เฉินจะมีมรดกของมังกรเฒ่า แต่เวลานี้เขาตกอยู่ท่ามกลางอาคมประตูกลมหัศจรรย์โดยสิ้นเชิงแล้วตั้งแต่โบราณมาวิชาประตูกลมหัศจรรย์ก็คือวิชาลี้ลับที่แย่งชิงพลังจากฟ้าเพื่อสร้างโชค ลึกลับอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเห็นใต้เท้าของฉู่เฉินเกิดเป็นน้ำวน “กินคน” เสิ่นเจี้ยนเฟิงรีบตะโกนเสียงดังบอกเกาเซิ่งอี้ว่า “รีบไปเร็วเข้า! ที่นี่กำลังจะถล่มแล้ว!”เมื่อสิ้นเสียงพูด เสิ่นเจี้ยนเฟิงก็พุ่งปราดออกไป เกาเซิ่งอี้เองก็ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างกาย รีบทะยานออกไปอย่างรวดเร็วโครม!วินาทีต่อมา ทั่วทั้งห้องโถงถล่มลงไปจริง ๆ เกิดเป็นหลุมลึกที่มองไม่เห็นพื้นขึ้นมาที่ใต้ดินโครมคราม!ชั่วขณะหนึ่ง อาณาเขตคฤหาสน์กว่าครึ่งคล้ายกับอยู่ท่ามกลางทรายดูดในทะเลทราย แม้แต่ตัวคฤหาสนทั้งหลังก็จมลงไปในหลุมลึกเช่นกันส่วนฉู่เฉินก็จมลงไปสู่ใต้ดินตามคฤหาสน์ไปเช่นเดียวกัน“ฮ่า ๆๆ...”เสิ่นเจี้ยนเฟิงเห็นฉู่เฉินโดนฝังลึกอยู่ในใต้ดินแล้ว เขาก็อดแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังไม่ได้แล้วพูดว่า “ไอ้เด็กไม่รู้ความ ยังกล้าอวดดีต่อหน้าพวกเราอีกเหรอ? นี่ก็คือจุดจบของแก!”จางจิ่งหลงมองคฤหาสน์ที่โดนฝังลึกอยู่ในใต้ดินแวบหนึ่ง ก่อนจ