เมื่อเซี่ยฉีฉีเดินออกไปไกลแล้ว เจียงอิ่งถึงจะยื่นรายงานการทดลองให้กับฉู่เฉิน “มีรายงานการทดลองพวกนี้แล้ว ยาบำรุงปราณก็สามารถจำหน่ายไปทั่วประเทศได้แล้ว อีกทั้งทางด้านประธานฟางก็ได้เตรียมการเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ”ฉู่เฉินรับรายงานมา แล้วอ่านดูคร่าวๆ สมแล้วที่เป็นมืออาชีพ จัดการเรื่องนี้ได้อย่างคล่องแคล่วมืออาชีพ และน่าเชื่อถือมากกว่ารายงานของคนที่กู้รั่วเสวี่ยหามาเสียอีก “ได้ ถ้าอย่างงั้นขอบคุณหัวหน้าเจียงมากๆ นะครับ ไว้วันหลังผมของเลี้ยงข้าวคุณนะครับ”ฉู่เฉินหัวเราะร่ายื่นรายงานให้กับกวนเหล่ยพูดตามตรง เขาไม่ได้ให้ความใส่ใจกับยัยแสบกวนเหล่ยมานานแล้ว ตอนที่เพิ่งเข้ามาเขาก็รู้สึกประหลาดใจกับยัยเด็กแสบคนนี้ตอนแรกเขาตั้งใจว่าหลังจากที่ส่งเจียงอิ่งกลับไปแล้ว ก็จะกลับมาดูแลใส่ใจเธอ แต่ยังไม่ทันจะลงมือทำ เจียงอิ่งกลับเอ่ยคำเชิญชวนฉู่เฉินออกมาก่อน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณสะดวกไหมคะ?”“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยเป็นการส่วนตัวกับคุณสักหน่อยน่ะค่ะ”ฉู่เฉินลังเลสักพักหนึ่ง เขาเหลือบมองไปที่ขาสวยอันแสนเย้ายวนของกวนเหล่ยที่อยู่ข้างๆ เขากระแอมออกมา “ครับ เราไปคุยในรถเถอะครับ”พูดจบ ฉู่เฉินก็จูงเจี
แม้ว่าเจียงอิ่งจะพยายามควบคุมความถี่และเสียงของลมหายใจอย่างเต็มที่แล้ว แต่เสียงลมหายใจที่ดิบเถื่อนฉู่เฉินก็ถูกหลูไคซานที่อยู่ปลายสายได้ยินอย่างชัดเจน“เสียวอิ่ง คุณอยู่ที่ไหน?”หลูไคซานที่อยู่ปลายสาย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความระแวงเจียงอิ่งรีบยกมือขึ้นมาปิดไมค์โทรศัพท์ไว้ หายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง กักเก็บความอยากครวญครางเอาไว้ “ฉะ... ฉันอยู่ ฉันอยู่ที่ฟิตเนสยังไงคะ”พูดจบเธอก็รีบยกมือขึ้นมาปิดลำโพงไว้ หายใจของลึกๆ สองสามครั้งไม่ว่าเธอจะพยายามควบคุมมันไว้แค่ไหน แต่ว่าเสียงในคอก็ยังคงหลุดเสียงครวญครางออกมาเธอระงับมันไว้มันทรมานมากๆ แต่เธอก็ไม่กล้าวางสายไปตอนนี้ นั่นยิ่งไม่ใช่ว่าเป็นการร้อนตัวไม่ใช่เหรอ?“ออกกำลังกาย?”เห็นได้ชัดว่าหลูไคซานสงสัยกับคำตอบของเจียงอิ่งเป็นอย่างมากโดยเฉพาะที่เขาได้ยินเมื่อกี้ เสียงลมหายใจที่ดิบเถื่อน นั่นมันคือเสียงของผู้ชายชัดๆถึงแม้จะอยู่ที่ฟิตเนส แต่คงจะไม่อยู่ใกล้ขนาดนี้หรอกมั้ง?“คุณอยู่ฟิตเนสตรงไหน? ผมจะไปหาคุณตอนนี้!”หลูไคซานที่อยู่ปลายสาย น้ำเสียงยิ่งพูดยิ่งเย็นเยือกมากขึ้นเรื่อยๆแค่คำถามนี้ก็ทำเอาสมองของเจียงอิ่งขาวโพลนประเด็นไ
เจียงอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย “อืม ถือว่าช่วยค่ะ ถือซะว่าฉันชดเชยให้หลูไคซานแล้วกันค่ะ แต่ว่าคุณมั่นใจไหมคะ? ช่วงนี้ผู้ว่าการเฉียวคอยดูแลแต่นายท่านใหญ่ เขาจะมีอารมณ์มาฟังคุยพูดเรื่องนี้เหรอคะ?”ถ้าให้พูดตามที่เฉียวเทียนฉี่ที่เจียงอิ่งรู้จัก ไม่ว่าฟ้าจะถล่มก็ไม่มีอะไรสำคัญกว่านายท่านใหญ่แม้จะได้ยินมาว่านายท่านใหญ่จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้หายดีเป็นปลิดทิ้ง จนถึงตอนนี้เขายังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประชาชนอยู่เลย“สบายใจเถอะครับ ขอเพียงแค่ผมเอ่ยปาก เขาไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น แต่คุณไม่รู้สึกเสียเปรียบเหรอครับ? โครงการปรับปรุงสะพานเจียง เป็นโครงการที่มีมูลค่าอย่างน้อยห้าพันล้านถึงหนึ่งหมื่นล้านบาท ให้ตระกูลหลูทำ สู้คุณทำเองไม่ดีกว่าเหรอครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างเรียบๆเรื่องนี้ฉู่เฉินพูดจริงจังเจียงอิ่งเป็นผู้หญิงของเขา ในขณะที่ตระกูลหลูไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดกับฉู่เฉินเลยโครงการใหญ่มูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท หากมอบให้เจียงอิ่ง บางทีเธออาจจะหลุดพ้นจากความทุกข์ของตระกูลหลูไปได้“ฉันเหรอคะ? อืม...”เจียงอิ่งราวกับว่าถูกจี้จุด เธอหลับตาลงทันควัน ผ่านไปสักพัก เธอเกี่ยวผมที่ห
หุ่นฟางปลุกเสกเป็นเทคนิคที่ใช้ในคุณไสยการควบคุมศพของเซียงซี!แม้จะนับว่าเป็นหนึ่งในวิชาแห่งสำนักเต๋า แต่ถือว่าพบเจอได้ยาก!ฉู่เฉินสามารถรับรองได้ว่า มีผู้บำเพ็ญเต๋ากำลังเพ่งเล็งเขาจากที่ไกลๆ อีกทางหนึ่งอาจพูดได้ว่าพวกเขาตั้งใจที่จะใช้วิธีนี้“อย่ากลัวไปครับ นี่เป็นหุ่นฟางครับ”ฉู่เฉินสวมเสื้อผ้าไปด้วย พร้อมทั้งชักกระบี่อ่อนจากเอวออกมา ส่งไปให้ในมือของเจียงอิ่ง “รับมันไว้นะครับ ผมจะออกไปดูก่อน หากมีหุ่นฟางโจมตีคุณ คุณใช้กระบี่นี่ฟันมันให้ขาดเลยนะครับ”“ฉัน... ฉันไม่กล้าค่ะ”เจียงอิ่งตกใจกลัวจนหน้าซีด ตัวของเธอหดเลยนิดเดียวยิ่งเจียงอิ่งรู้ว่าข้างนอกคือหุ่นฟาง เธอก็ยิ่งกลัวขึ้นไปอีกหุ่นฟางจะขยับได้ยังไง?เธอเจอผีหลอกแล้วมั้งเนี่ย!ฉู่เฉินขมวดคิ้วแน่น ราวกับว่าเข้าว่าเจียงอิ่งคิดอะไรอยู่ “สบายใจได้ครับ นี่ไม่ใช่ผี แต่นี่มีคนเล่นตลกอยู่ข้างหลังหุ่นฟางนี่ต่างหากครับ”“กระบี่เล่มนี้ของผมมีปราณมังกรเพลิง ไม่ว่าเป็นผีจริงหรือไม่จริง ถึงแม้ว่าจะเป็นผีจริงกระบี่เล่มนี้ก็สามารถฆ่ามันได้”ฉู่เฉินไม่ได้พูดโอ้อวดกระบี่เล่มนี้ของเขา หลังจากที่ผ่านการฝึกฝนมาเมื่อคืนนี้ แม้ว่าในวันนี้จะย
“วิชาตามหาวิญญาณ!”พูดจบ ลำแสงสีแดงสองลำก็ปรากฏออกมาจากม่านตาของฉู่เฉินทันทีทันใดนั้นเอง ลำแสงสีแดงทั้งสองลำก็ทะลุผ่านความมืดโดยรอบ เผยให้เห็นเส้นใยสีดำที่มองเห็นได้เลือนรางซึ่งเชื่อมระหว่างหุ่นฟางแต่ละตัวเข้าด้วยกันเห็นได้ชัดว่านักไสยศาสตร์ผู้นั้นไม่ได้อยู่แถวนี้ แต่กลับใช้วิธีควบคุมระยะไกล ควบคุมหุ่นฟางให้โจมตีฉู่เฉินถึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเพียงแต่ว่าคนปลุกไม่อยู่แถวนี้ก็จัดการได้ง่ายขึ้น ไม่มีเจียงอิ่งเป็นตัวถ่วง ฉู่เฉินมั่นใจว่าแค่ท่าไม้ตายไม้เดียวเขาสามารถเอาชีวิตของคนนั้นได้เลยพลังของฝ่ายตรงข้ามแม้ว่าไม่ต่ำกว่าฝึกปราณระดับแปด บางทีอาจจะเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าฝึกปราณระดับเก้าก็เป็นได้ แต่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระยะฝึกปราณตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เฉินความต่างระหว่างระยะสร้างรากฐานและระยะฝึกปราณไม่สามารถใช้คำพูดมาอธิบายได้ เพราะว่าทั้งสองอย่างนั้นคนละอย่างกันเลยนี่ก็เหมือนกับการขึ้นเขา ระยะฝึกปราณแม้แต่ประตูสุสานก็ยังไม่ได้เข้าประตูภูเขา แต่ถ้าเป็นระยะสร้างรากฐานกลับยืนอยู่ในประตูของภูเขาแล้วทั้งสองสิ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง“คุณโอเคไหมครับ?”ฉู่เฉินเปิดประตูรถ เข้าไปนั
ในขณะที่อินซู่ซู่รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นจากคมมีดที่สัมผัสกับผิวตรงหน้าอกของเธอทันใดนั้น!ลูกเล็กขาวราวกับหยกดึงไหล่ของอินซู่ซู่ไว้ เธอเขวี้ยงร่างของอินซู่ซู่ออกไปไกลกว่าสองเมตรกว่าๆตู้ม!อินซู่ซู่ล้มลงที่ลานบ้าน จนกระทั่งความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง อินซู่ซู่ถึงรู้สึกเหมือนตื่นจากฝัน ได้สติกลับมาเหตุการณ์เมื่อกี้ทำเธอตกใจเป็นอย่างมากใบหน้าที่ขาวซีดราวกับกระดาษ รวมทั้งดวงตาคู่นั้นที่แดงก่ำ อีกทั้งยังมีหัวที่เหมือนกับหุ่นไล่กาที่มีหัวเหมือนไม้กวาด ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนสัตว์ประหลาด“ซู่ซู่ เธอโอเคไหม?”ต้วนหลิงเวยในมือถือกระบี่สั้นไว้ มองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง เอ่ยถามออกมา“มะ... ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฉันแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะ”อินซู่ซู่พูดขึ้นมาอย่างหอบพร้อมด้วยภายในใจที่ยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในมือของต้วนหลิงเสวี่ยก็ถือปืนสไนเปอร์ไว้อยู่ เธอบินขึ้นไปบนหลังคาบ้าน แล้วดึงไกปืนไปที่หุ่นฟางตัวนั้นโดยตรง!ปัง!เปลวไฟพ่นออกมา กระสุนที่ทำขึ้นมาพิเศษก็ทะลุกลางหัวของหุ่นฟางฟิ้ว!ก้อนฟางกระจัดกระจายไปทั่ว แต่หุ่นฟางนั้นโซเซเล็กน้อย แต่กลับไ
ยังดีที่มีอวี้ลู่อยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเธอสามคนคงจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย“ขะ... ขอบคุณมากๆ ค่ะ... ท่านผู้อาวุโส”สองสาวต้วนหลิงเวยและต้วนหลิงเสวี่ย เหนื่อยจนหายใจหอบ เหงื่อไหลพลั่กราวกับสายฝน ทำเอาชายเอของพวกเธอเปียกชุ่มไปหมดอวี้ลู่ขมวดคิ้ว เหลือบมองไปที่สามคนพี่น้อง “พวกเจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญเต๋านี่ ทำไมกับอีแค่คุณวิชาควบคุมศพระดับต่ำแบบนี้พวกเจ้าถึงทำลายไม่ได้?”แม้ว่าความสามารถของพวกเธอจะขาดตกบกพร่องไปบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นที่ถูกหุ่นฟางพวกนี้ทำร้ายจนสภาพดูไม่ได้แบบนี้นี่หากเปลี่ยนเป็นแดนเซียน ลูกศิษย์ฝ่ายนอกสำนักทั่วไปไม่ต้องออกแรงมาก ก็สามารถจัดการเจ้าพวกหุ่นฟางได้อย่างหมดจดหากเทียบกันแล้ว ผู้บำเพ็ญเต๋าในโลกมนุษย์ยังอ่อนแอเกินไป“วิ... วิชาควบคุมศพงั้นเหรอคะ?”ต้วนหลิงเสวี่ยฝืนยิ้มพูดขึ้นมาว่า “ท่านผู้อาวุโส พวกเรา... พวกเราไม่เคยเรียนวิชาเขียนยันต์มาก่อนเลยค่ะ ส่วนวิชาควบคุมศพพวกเรายิ่งไม่รู้จักเลยค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้ลู่ก็มองไปที่ต้วนหลิงเวยด้วยความกลัดกลุ้มใจสายตานั้นราวกับกำลังถามว่า แม้แต่เธอก็ไม่เป็นงั้นเหรอ?ต้วนหลิงเวยพยักหน้าที่เต็มไปด้วยความละอายพูดตา
“ช้าก่อน!”ชายแก่กลัวจนสติกระเจิง รีบโบกมือให้อวี้ลู่ “แม่หนู ฉัน... ฉันเป็นคนของสำนักอวี้ซือ ธะ... เธอน่าจะเคยได้ยินเรื่องการควบคุมศพมาก่อนใช่ไหม?”“บรร... บรรพจารย์ของฉันคือเจียงเฉิน”เพี๊ยะๆๆ !เจียงเฉินบ้านเจ้าสิ!ต่อหน้าสตรีศักดิ์สิทธิ์แบบเธอ ไม่ว่าใครก็ต้องชิดซ้าย!เจ้าเอาเจียงเฉินมาขู่ข้างั้นเหรอ?อวี้ลู่ไม่พูดอะไรออกมา เธอใช้มือซ้ายและมือขวาของเธอตบเข้าไปที่หน้าของชายแก่หลายครั้ง ทำให้เขาตาพร่าและสับสนอย่าง โดยมีแสงสีทองหมุนอยู่เบื้องหน้าของเขา“ถ้าไม่พูด ข้าจะทำลายสำนักอวี้ซือของเจ้าซะ!”รังสีรอบตัวของอวี้ลู่ระเบิดออกมาเต็มที่ และพร้อมกับรอยแตก อิฐสี่เหลี่ยมบนพื้นก็ถูกบดให้เป็นผงละเอียดโดยรังสีของเธอซี้ดๆ !ชายแก่คิดแค่ว่าออกแรงตบก็สามารถทำให้อิฐสี่เหลี่ยมที่อยู่รอบๆ กลายเป็นผุยผงได้ ทันใดนั้นกลัวจนฉี่ราดกางเกงแม่งเอ๊ยนี่มันไม่ใช่ความสามารถของระยะรากฐานแล้ว!ฉิบหาย!ระดับทารกวิญญาณ หรืออาจจะระดับเทวะเลยก็เป็นได้!หวาดกลัวสองคำนี้ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ของเขาได้แล้วเจียงเฉินที่เขาพูดออกมาเมื่อกี้ก็อยู่แค่ระดับทารกวิญญาณความสามารถถูกเธอบดขยี้อย่างแน่
เซียวถิงฮั่นกล่าวพร้อมประสานมือคารวะฉู่เฉินจากนั้นเซียวจี้เซียนรีบนำโสมแก่ร้อยปีสามต้นยื่นให้ตรงหน้าฉู่เฉินเห็นโสมสามต้นแล้วฉู่เฉินก็ฉีกยิ้มบาง ๆ กล่าว “ผู้อาวุโสเซียว เป็นไปตามที่คุณพูด ผมกับตระกูลเซียวคุณไม่ได้มีความแค้นอะไร ดังนั้นเรื่องของเซียวจี้กวางก็ถือจบกันไปแล้วกัน”“แต่ว่า ผมมีหนึ่งเรื่องอยากจะถามคุณหน่อย”ได้ยินแล้วเซียวถิงฮั่นก็รีบกล่าวพร้อมมือประสาน “คุณฉู่ มีคำถามอะไรถามมาได้เลยครับ ถ้าผมรู้ผมจะตอบทุกอย่างเลยครับ”ฉู่เฉินครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสเซียว ในปีนั้นตกลงแล้วเกาเซิ่งอี้ได้รับคำสั่งมาจากใครให้ไปลักพาตัวพ่อแม่ของผมกันแน่?”เซียวถิงฮั่นได้ยินแล้วก็ส่ายหน้าขมวดคิ้วแน่นพร้อมตอบ “คุณฉู่ ขอบอกตามตรงโดยไม่ปกปิดนะ ตระกูลเซียวของเราเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ ไม่ค่อยได้ติดต่อคนจากโลกแห่งการหยั่งรู้สักเท่าไหร่”“ผมก็รู้แค่ว่าเรื่องในปีนั้นเกาเซิ่งอี้ได้รับคำสั่งจากสำนักใหญ่สำนักหนึ่งที่อยู่ภูเขาหลางจวีซวี แต่เป็นใครนั้นผมก็ไม่สามารถล้วงลึกได้ และไม่กล้าสืบต่อ”พูดถึงตรงนี้แล้วเซียวถิงฮั่นก็หยุดไป จากนั้นพูดต่อ “ผมมีคำพูดจะเตือน ในเมื่อเรื่องในปีนั
เซียวเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเหยเกเช่นกัน “ปู่ พ่อ พวกเราจำเป็นต้องไปประจบฉู่เฉินด้วยหรือ?”“ตระกูลเซียวของพวกเรา ต่อให้ออกจากหอการค้าตะวันออกใหญ่ไปก็ไม่ถึงขั้นที่สิ้นไร้ไม้ตอกนี่?”เซียวจี้เซียนถอนหายใจหนักใจตอบ “เฮ้อ พวกลูกยังเด็กเกินไป ตระกูลเซียวมาถึงทุกวันนี้ได้ด้วยอะไร?”“อย่าคิดว่าตอนนี้พวกลูกคนหนึ่งอยู่แก๊งมังกร ส่วนอีกคนอยู่ในกองทัพทหารหน้าที่การงานรุ่งโรจน์ แต่ทันทีที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ หรือถูกกีดกันจากตระกูลใหญ่ตระกูลอื่น ๆ พวกลูกไม่เพียงไม่ก้าวหน้าขึ้น แม้แต่กิจการของตระกูลเซียวยังจะถูกคนอื่นกลืนกินจนหมดแน่”“เมื่อถึงตอนนั้นค่อยไปประจบเอาใจ ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว”ได้ยินคำว่าประจบเอาใจแล้ว ความโมโหที่สะสมมานานของเซียวเสวี่ยอิ๋งก็พุ่งปรี๊ดอาศัยอะไรสั่งให้เธอไปประจบเอาใจฉู่เฉิน?!“ถึงยังไงหนูก็ไม่สน ใครอยากไปประจบฉู่เฉิน มันก็ไม่เกี่ยวกับหนู แต่อย่าคิดจะให้หนูไปเยือนถึงประตูบ้านเขาเลย” เซียวเสวี่ยอิ๋งหน้าแดงก่ำและกล่าวอย่างไม่ยินยอม“พี่ พี่จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ เราแค่คลี่คลายบุญคุณความแค้น ไม่ใช่ไปประจบหรือเอาใจ”เซียวจี้หงรีบลุกขึ้นมาทำเรื่องให้จบแต่ห้องโถงยังคงมีบ
ไม่นาน รถก็แล่นมาจอดที่หน้าทางเข้าโรงแรมที่มีชื่อว่าลั่งซาเลิฟโฮเต็ลตาของฉู่เฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันทีที่เดินเข้าไปในห้องชุดชั้นในเซ็กซี่หลากหลายสไตล์ถูกจัดเรียงไว้อย่างดี ตรงปลายไม้แขวนเสื้อมีเชือกยาวประมาณสามเมตรเส้นหนึ่งห้อยอยู่นี่มันอะไรกัน?ฉู่เฉินยกเชือกที่หยาบและเล็กเท่านิ้วมือนั้นขึ้นมามองด้วยความสงสัยหลิ่วหรูเยียนเม้มปากหัวเราะและกล่าว “ไม่เคยเล่นสินะ? นายรอฉันแป๊บหนึ่งก่อน”ขณะพูดหลิ่วหรูเยียนก็รับเชือกเส้นนั้นมาแล้วรีบวิ่งเหยาะเข้าไปยังห้องอาบน้ำห้องอาบน้ำของโรงแรมแห่งนี้สร้างด้วยกระจก ทั้งยังเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นได้แบบเบลอ ๆ แม้จะอยู่ไกลก็ยังเห็นร่างอรชรขาวเนียนของหลิ่วหรูเยียนได้อย่างชัดเจนเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเอาเชือกเส้นนั้นพันรอบร่างกายบอบบางที่ไร้อาภรณ์ผ่านไปแค่เวลาสั้น ๆ เมื่อหลิ่วหรูเยียนมาปรากฏตัวตรงหน้าฉู่เฉินอีกครั้ง ฉู่เฉินก็เข้าใจวิธีใช้อันมหัศจรรย์ของเชือกเส้นนั้นได้ในทันทีฉู่เฉินลุกขึ้นดึงปลายเชือกแล้วกดหลิ่วหรูเยียนไว้ที่โซฟา ชื่นชมบั้นท้ายอวบอิ่มและแผ่นหลังที่สวยงามของเธอ ปราณมังกรพลังหยางก็พุ่งถึงจุดสูงสุดภายในห้องก็มีเสียงร้อ
หลิ่วหรูเยียนหน้าแดงและกัดริมฝีปากพร้อมกล่าว “ใครให้พิชิตใจฉันได้ล่ะ เดี๋ยวนี้ทุกคืนพอหลับตาลงก็จะนึกถึงความทรงพลังของนาย”ในขณะพูดหลิ่วหรูเยียนหนีบขาและเสียดสีไปมา ฉากนี้ทำเอาเจ้าใหญ่นายโตต่างกลืนน้ำลายดังเฮือกทว่าผู้หญิงของฉู่เฉิน พวกเขาทำได้แค่มองและไม่กล้าคิดเกินเลย“หวังว่าเธอคงไม่ได้ดีแต่ปากนะ”ฉู่เฉินกล่าวอย่างราบเรียบ“ขอแค่นายชอบ ดีแต่ปากก็ฝึกจนชำนาญได้”หลิ่วหรูเยียนพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียริมฝีปากอย่างว่องไว“เอาละ พวกคุณกลับไปเถอะ”ฉู่เฉินบีบบั้นท้ายเด้งของหลิ่วหรูเยียน และกล่าวพร้อมยกมือให้คนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น“ขอบพระคุณคุณฉู่”ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นเพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าวหลิ่วหรูเยียนก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเย็นชาอย่างกะทันหัน “รอเดี๋ยว!”บรรดาคนที่เดินออกไปต่างรีบหยุดแล้วหันมามองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าและสายตาประจบประแจง“ภายในสามวัน แจ้งชื่อบริษัทและรายงานคอนเซ็ปต์ธุรกิจของพวกคุณทุกคนตามความเป็นจริง ฉันจะรอข่าวคราวของพวกคุณอยู่ที่ห้องทำงานประธานฉู่ซื่อกรุ๊ป”สิ้นเสียงหลิ่วหรูเยียนก็เอามือกอดอกหรี่ตาคมกริบและกล่าว “ที่ฉันมีคลิปในวันนี้อยู่นะ ถ้าหลังจากสา
“เหอะ ๆ...นะ....นี่เป็นฟ้า...ลิขิต...”ฉีอวี่ไท่พูดจบก็คอเอียง และสิ้นลมหายใจคาที่จนกระทั่งทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่มาร่วมงานเลี้ยงถึงค่อยยืนตรงตัวสั่นระริก มองฉู่เฉินด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจกลัว“คุณฉู่ พะ...พวกเราเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาของหอการค้าตะวันออกใหญ่เท่านั้นนะ บุญคุณความแค้นระหว่างพวกคุณไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยนะครับ!”ชายวัยกลางคนที่เยาะหยันฉู่เฉินก่อนหน้านี้ ขาอ่อนยวบก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นเมื่อเห็นเขาคุกเข่า ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ แทบจะคุกเข่าลงไปตาม ๆ กันถึงแม้เฉียนหลงวิลล่าจะสร้างขึ้นมาอย่างใหญ่โตโอ่อ่า แต่ปัญหาคือที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองมากเกินไป ต่อให้ฉู่เฉินฆ่าพวกเขาไปด้วยแล้วป้อนให้ผีดิบเลือดคลั่งกินจนหมด ก็คงไม่มีใครรู้เลยนอกจากนี้ ต่อให้สืบได้ว่าพวกเขาโดนผีดิบเลือดคลั่งกลืนกินทั้งเป็นแล้วจะทำอย่างไรได้?ใครจะต่อกรกับเจ้านั่นได้?ว่ากันว่าใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำ เพียงแต่ยังไม่ถึงช่วงเวลาความเป็นความตาย เมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว คุกเข่าโขกหัวจะนับเป็นอะไรได้?“คุณฉู่ พวกเราไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นะครับ นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าเกาเซิ่งอี้จ
“ฉู่เฉิน กะ...นายแกทำอะไร? เลี้ยงศพฆ่าคนเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ!” เมื่อเห็นผีดิบเลือดคลั่ง เสิ่นเจี้ยนเฟิงก็ตื่นตระหนกทันทีสิ่งที่เขาฝึกฝนคือวิชาประตูกลมหัศจรรย์ และเคยได้ยินเรื่องของผีดิบเลือดคลั่งมาบ้าง เขายิ่งไม่อยากโดนผีดิบเลือดคลั่งกลืนกินทั้งเป็นฉู่เฉินไม่สนใจเสิ่นเจี้ยนเฟิงเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าย่อตัวลงมาตบหน้าเกาเซิ่งอี้แล้วพูดว่า “บอกมา ปีนั้นคุณลักพาตัวพ่อแม่ของผมไปใช่ไหม ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน!”ม่านตาของเกาเซิ่งอี้หดลงเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้ารัว ๆ แล้วพูดว่า “ผมไม่รู้ ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”“อ้อ? เหรอครับ? ดูเหมือนว่าต้องช่วยคุณฟื้นความทรงจำให้ดีสักหน่อยแล้วสินะ”เมื่อสิ้นเสียงพูดของฉู่เฉิน เขาก็เอานิ้วชี้ไปยังเสิ่นเจี้ยนเฟิงที่ทรุดอยู่กับพื้นแล้วเอ่ยว่า “เจ้าทึ่ม กินอาหารได้แล้ว” “โฮก!”เมื่อเห็นเสิ่นเจี้ยนเฟิงที่หายใจรวยริน ภายในม่านตาที่มืดดำคู่นั้นของเจ้าทึ่มพลันเปล่งแสงสีฟ้าอ่อน ก่อนส่งเสียงคำรามที่น่าพรั่นพรึงออกมาพวกผู้ทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจที่อยู่ในที่แห่งนี้ตกใจกลัวจนขดตัว ไม่กล้ามองอีกเลย “ไอ้คนแซ่ฉู่ แกแม่งจะต้องไม่ตายดี!”เสิ่นเจี้ยนเฟิงถูกเจ้าทึ่มค
สำนักใหญ่ของโลกบำเพ็ญเพียรเกือบทั้งหมดล้วนรวมตัวกันอยู่ในเขตอันกว้างใหญ่นี้ส่วนพวกเขาอย่างมากสุดก็เป็นได้แค่ปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้นหากต่อสู้กับฉู่เฉินอย่างถึงที่สุดจริง ๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขาเลย“ใช่แล้ว ขอเพียงแกปล่อยพวกเราไป พวกเราจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกไปเด็ดขาด แกก็จะหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนโลกแห่งการหยั่งรู้ตามฆ่าได้ด้วย” เสิ่นเจี้ยนเฟิงเอ่ยเสริมโดยที่แฝงการข่มขู่ไว้กึ่งหนึ่งเช่นกัน“ฉู่เฉิน หยุดดีกว่านะ พวกเราหาเรื่องคนพวกนี้ไม่ไหวหรอก”หลิ่วหรูเยียนเห็นฉู่เฉินยังคงเงียบไม่พูดไม่จาก็รีบลุกออกมาพูดเกลี้ยกล่อมในความคิดของเธอ วันนี้ฉู่เฉินได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาแล้วนอกจากนี้ ตั้งแต่นี้ไป มณฑลเจียงจะไม่มีหอการค้าตะวันออกใหญ่อะไรอีก ส่วนบรรดาผู้มีอิทธิพลในวงการธุรกิจที่อยู่ในที่แห่งนี้ก็ได้เห็นความสามารถของฉู่เฉินกับตาตัวเองแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือ แทบทุกคนต่างรู้แล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉู่เฉินเช่นนี้ไม่ว่าวันหน้าฉู่ซื่อกรุ๊ปจะไปหาใครที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ อีกฝ่ายล้วนต้องช่วยเหลือฉู่ซื่อกรุ๊ปโดยไม่มีเงื่อนไขสำหรับหลิวหรูเยียนแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นผลประโย
“เมื่อกี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา ผมไม่เดินเข้ามา แล้วคุณจะฆ่าผมได้ยังไงล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้ม เพียงแต่ในความคิดของเกาเซิ่งอี้ รอยยิ้มของเขาน่าหวาดหวั่นเกินไป ทำให้คนตกใจกลัวมากเกินไปจริง ๆ“มะ...เมื่อกี้เห็นชัด ๆ ว่าแกโดนวิชาหุ่นเชิดของฉันไปแล้ว โดนฝังลึกอยู่ใต้ดินไปแล้ว เป็นไปได้ยังไง...” เสิ่นเจี้ยนเฟิงเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก มองไปทางฉู่เฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม นี่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยเขาถึงขนาดใช้วิชาหุ่นเชิดที่เคยสังหารยอดฝีมือระดับเดียวกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน คนพวกนั้นแต่ละคนล้วนเป็นพวกมีประสบการณ์โชกโชนที่ผ่านศึกมานับร้อยแม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจหนีพ้นเคราะห์ไปได้ ฉู่เฉินทำได้ยังไง...ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ว่า “คุณหมายถึงเจ้านี่เหรอ?”สิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็หยิบหุ่นฟางออกมาจากด้านหลัง หุ่นฟาง?!ม่านตาของเสิ่นเจี้ยนเฟิงหดลงเล็กน้อย เขาคุ้นเคยกับหุ่นฟางตัวนั้นเป็นอย่างดี สำนักอวี้ซือ แต่เจ้าสำนักอวี้ซือเพิ่งจะฝึกปรือถึงระดับสร้างรากฐานชั้นสาม ฉู่เฉินไม่มีทางป็นคนของสำนักอวี้ซือได้เลย “วิชาหุ่นเชิดของคุณไม่เลวเอามาก ๆ เลยจริง ๆ แต่ว่าเมื่อเทียบกับ
แม้ว่าฉู่เฉินจะมีมรดกของมังกรเฒ่า แต่เวลานี้เขาตกอยู่ท่ามกลางอาคมประตูกลมหัศจรรย์โดยสิ้นเชิงแล้วตั้งแต่โบราณมาวิชาประตูกลมหัศจรรย์ก็คือวิชาลี้ลับที่แย่งชิงพลังจากฟ้าเพื่อสร้างโชค ลึกลับอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเห็นใต้เท้าของฉู่เฉินเกิดเป็นน้ำวน “กินคน” เสิ่นเจี้ยนเฟิงรีบตะโกนเสียงดังบอกเกาเซิ่งอี้ว่า “รีบไปเร็วเข้า! ที่นี่กำลังจะถล่มแล้ว!”เมื่อสิ้นเสียงพูด เสิ่นเจี้ยนเฟิงก็พุ่งปราดออกไป เกาเซิ่งอี้เองก็ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างกาย รีบทะยานออกไปอย่างรวดเร็วโครม!วินาทีต่อมา ทั่วทั้งห้องโถงถล่มลงไปจริง ๆ เกิดเป็นหลุมลึกที่มองไม่เห็นพื้นขึ้นมาที่ใต้ดินโครมคราม!ชั่วขณะหนึ่ง อาณาเขตคฤหาสน์กว่าครึ่งคล้ายกับอยู่ท่ามกลางทรายดูดในทะเลทราย แม้แต่ตัวคฤหาสนทั้งหลังก็จมลงไปในหลุมลึกเช่นกันส่วนฉู่เฉินก็จมลงไปสู่ใต้ดินตามคฤหาสน์ไปเช่นเดียวกัน“ฮ่า ๆๆ...”เสิ่นเจี้ยนเฟิงเห็นฉู่เฉินโดนฝังลึกอยู่ในใต้ดินแล้ว เขาก็อดแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังไม่ได้แล้วพูดว่า “ไอ้เด็กไม่รู้ความ ยังกล้าอวดดีต่อหน้าพวกเราอีกเหรอ? นี่ก็คือจุดจบของแก!”จางจิ่งหลงมองคฤหาสน์ที่โดนฝังลึกอยู่ในใต้ดินแวบหนึ่ง ก่อนจ