เมื่อเซี่ยฉีฉีเดินออกไปไกลแล้ว เจียงอิ่งถึงจะยื่นรายงานการทดลองให้กับฉู่เฉิน “มีรายงานการทดลองพวกนี้แล้ว ยาบำรุงปราณก็สามารถจำหน่ายไปทั่วประเทศได้แล้ว อีกทั้งทางด้านประธานฟางก็ได้เตรียมการเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ”ฉู่เฉินรับรายงานมา แล้วอ่านดูคร่าวๆ สมแล้วที่เป็นมืออาชีพ จัดการเรื่องนี้ได้อย่างคล่องแคล่วมืออาชีพ และน่าเชื่อถือมากกว่ารายงานของคนที่กู้รั่วเสวี่ยหามาเสียอีก “ได้ ถ้าอย่างงั้นขอบคุณหัวหน้าเจียงมากๆ นะครับ ไว้วันหลังผมของเลี้ยงข้าวคุณนะครับ”ฉู่เฉินหัวเราะร่ายื่นรายงานให้กับกวนเหล่ยพูดตามตรง เขาไม่ได้ให้ความใส่ใจกับยัยแสบกวนเหล่ยมานานแล้ว ตอนที่เพิ่งเข้ามาเขาก็รู้สึกประหลาดใจกับยัยเด็กแสบคนนี้ตอนแรกเขาตั้งใจว่าหลังจากที่ส่งเจียงอิ่งกลับไปแล้ว ก็จะกลับมาดูแลใส่ใจเธอ แต่ยังไม่ทันจะลงมือทำ เจียงอิ่งกลับเอ่ยคำเชิญชวนฉู่เฉินออกมาก่อน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณสะดวกไหมคะ?”“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยเป็นการส่วนตัวกับคุณสักหน่อยน่ะค่ะ”ฉู่เฉินลังเลสักพักหนึ่ง เขาเหลือบมองไปที่ขาสวยอันแสนเย้ายวนของกวนเหล่ยที่อยู่ข้างๆ เขากระแอมออกมา “ครับ เราไปคุยในรถเถอะครับ”พูดจบ ฉู่เฉินก็จูงเจี
แม้ว่าเจียงอิ่งจะพยายามควบคุมความถี่และเสียงของลมหายใจอย่างเต็มที่แล้ว แต่เสียงลมหายใจที่ดิบเถื่อนฉู่เฉินก็ถูกหลูไคซานที่อยู่ปลายสายได้ยินอย่างชัดเจน“เสียวอิ่ง คุณอยู่ที่ไหน?”หลูไคซานที่อยู่ปลายสาย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความระแวงเจียงอิ่งรีบยกมือขึ้นมาปิดไมค์โทรศัพท์ไว้ หายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง กักเก็บความอยากครวญครางเอาไว้ “ฉะ... ฉันอยู่ ฉันอยู่ที่ฟิตเนสยังไงคะ”พูดจบเธอก็รีบยกมือขึ้นมาปิดลำโพงไว้ หายใจของลึกๆ สองสามครั้งไม่ว่าเธอจะพยายามควบคุมมันไว้แค่ไหน แต่ว่าเสียงในคอก็ยังคงหลุดเสียงครวญครางออกมาเธอระงับมันไว้มันทรมานมากๆ แต่เธอก็ไม่กล้าวางสายไปตอนนี้ นั่นยิ่งไม่ใช่ว่าเป็นการร้อนตัวไม่ใช่เหรอ?“ออกกำลังกาย?”เห็นได้ชัดว่าหลูไคซานสงสัยกับคำตอบของเจียงอิ่งเป็นอย่างมากโดยเฉพาะที่เขาได้ยินเมื่อกี้ เสียงลมหายใจที่ดิบเถื่อน นั่นมันคือเสียงของผู้ชายชัดๆถึงแม้จะอยู่ที่ฟิตเนส แต่คงจะไม่อยู่ใกล้ขนาดนี้หรอกมั้ง?“คุณอยู่ฟิตเนสตรงไหน? ผมจะไปหาคุณตอนนี้!”หลูไคซานที่อยู่ปลายสาย น้ำเสียงยิ่งพูดยิ่งเย็นเยือกมากขึ้นเรื่อยๆแค่คำถามนี้ก็ทำเอาสมองของเจียงอิ่งขาวโพลนประเด็นไ
เจียงอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย “อืม ถือว่าช่วยค่ะ ถือซะว่าฉันชดเชยให้หลูไคซานแล้วกันค่ะ แต่ว่าคุณมั่นใจไหมคะ? ช่วงนี้ผู้ว่าการเฉียวคอยดูแลแต่นายท่านใหญ่ เขาจะมีอารมณ์มาฟังคุยพูดเรื่องนี้เหรอคะ?”ถ้าให้พูดตามที่เฉียวเทียนฉี่ที่เจียงอิ่งรู้จัก ไม่ว่าฟ้าจะถล่มก็ไม่มีอะไรสำคัญกว่านายท่านใหญ่แม้จะได้ยินมาว่านายท่านใหญ่จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้หายดีเป็นปลิดทิ้ง จนถึงตอนนี้เขายังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประชาชนอยู่เลย“สบายใจเถอะครับ ขอเพียงแค่ผมเอ่ยปาก เขาไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น แต่คุณไม่รู้สึกเสียเปรียบเหรอครับ? โครงการปรับปรุงสะพานเจียง เป็นโครงการที่มีมูลค่าอย่างน้อยห้าพันล้านถึงหนึ่งหมื่นล้านบาท ให้ตระกูลหลูทำ สู้คุณทำเองไม่ดีกว่าเหรอครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างเรียบๆเรื่องนี้ฉู่เฉินพูดจริงจังเจียงอิ่งเป็นผู้หญิงของเขา ในขณะที่ตระกูลหลูไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดกับฉู่เฉินเลยโครงการใหญ่มูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท หากมอบให้เจียงอิ่ง บางทีเธออาจจะหลุดพ้นจากความทุกข์ของตระกูลหลูไปได้“ฉันเหรอคะ? อืม...”เจียงอิ่งราวกับว่าถูกจี้จุด เธอหลับตาลงทันควัน ผ่านไปสักพัก เธอเกี่ยวผมที่ห
หุ่นฟางปลุกเสกเป็นเทคนิคที่ใช้ในคุณไสยการควบคุมศพของเซียงซี!แม้จะนับว่าเป็นหนึ่งในวิชาแห่งสำนักเต๋า แต่ถือว่าพบเจอได้ยาก!ฉู่เฉินสามารถรับรองได้ว่า มีผู้บำเพ็ญเต๋ากำลังเพ่งเล็งเขาจากที่ไกลๆ อีกทางหนึ่งอาจพูดได้ว่าพวกเขาตั้งใจที่จะใช้วิธีนี้“อย่ากลัวไปครับ นี่เป็นหุ่นฟางครับ”ฉู่เฉินสวมเสื้อผ้าไปด้วย พร้อมทั้งชักกระบี่อ่อนจากเอวออกมา ส่งไปให้ในมือของเจียงอิ่ง “รับมันไว้นะครับ ผมจะออกไปดูก่อน หากมีหุ่นฟางโจมตีคุณ คุณใช้กระบี่นี่ฟันมันให้ขาดเลยนะครับ”“ฉัน... ฉันไม่กล้าค่ะ”เจียงอิ่งตกใจกลัวจนหน้าซีด ตัวของเธอหดเลยนิดเดียวยิ่งเจียงอิ่งรู้ว่าข้างนอกคือหุ่นฟาง เธอก็ยิ่งกลัวขึ้นไปอีกหุ่นฟางจะขยับได้ยังไง?เธอเจอผีหลอกแล้วมั้งเนี่ย!ฉู่เฉินขมวดคิ้วแน่น ราวกับว่าเข้าว่าเจียงอิ่งคิดอะไรอยู่ “สบายใจได้ครับ นี่ไม่ใช่ผี แต่นี่มีคนเล่นตลกอยู่ข้างหลังหุ่นฟางนี่ต่างหากครับ”“กระบี่เล่มนี้ของผมมีปราณมังกรเพลิง ไม่ว่าเป็นผีจริงหรือไม่จริง ถึงแม้ว่าจะเป็นผีจริงกระบี่เล่มนี้ก็สามารถฆ่ามันได้”ฉู่เฉินไม่ได้พูดโอ้อวดกระบี่เล่มนี้ของเขา หลังจากที่ผ่านการฝึกฝนมาเมื่อคืนนี้ แม้ว่าในวันนี้จะย
“วิชาตามหาวิญญาณ!”พูดจบ ลำแสงสีแดงสองลำก็ปรากฏออกมาจากม่านตาของฉู่เฉินทันทีทันใดนั้นเอง ลำแสงสีแดงทั้งสองลำก็ทะลุผ่านความมืดโดยรอบ เผยให้เห็นเส้นใยสีดำที่มองเห็นได้เลือนรางซึ่งเชื่อมระหว่างหุ่นฟางแต่ละตัวเข้าด้วยกันเห็นได้ชัดว่านักไสยศาสตร์ผู้นั้นไม่ได้อยู่แถวนี้ แต่กลับใช้วิธีควบคุมระยะไกล ควบคุมหุ่นฟางให้โจมตีฉู่เฉินถึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเพียงแต่ว่าคนปลุกไม่อยู่แถวนี้ก็จัดการได้ง่ายขึ้น ไม่มีเจียงอิ่งเป็นตัวถ่วง ฉู่เฉินมั่นใจว่าแค่ท่าไม้ตายไม้เดียวเขาสามารถเอาชีวิตของคนนั้นได้เลยพลังของฝ่ายตรงข้ามแม้ว่าไม่ต่ำกว่าฝึกปราณระดับแปด บางทีอาจจะเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าฝึกปราณระดับเก้าก็เป็นได้ แต่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระยะฝึกปราณตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เฉินความต่างระหว่างระยะสร้างรากฐานและระยะฝึกปราณไม่สามารถใช้คำพูดมาอธิบายได้ เพราะว่าทั้งสองอย่างนั้นคนละอย่างกันเลยนี่ก็เหมือนกับการขึ้นเขา ระยะฝึกปราณแม้แต่ประตูสุสานก็ยังไม่ได้เข้าประตูภูเขา แต่ถ้าเป็นระยะสร้างรากฐานกลับยืนอยู่ในประตูของภูเขาแล้วทั้งสองสิ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง“คุณโอเคไหมครับ?”ฉู่เฉินเปิดประตูรถ เข้าไปนั
ในขณะที่อินซู่ซู่รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นจากคมมีดที่สัมผัสกับผิวตรงหน้าอกของเธอทันใดนั้น!ลูกเล็กขาวราวกับหยกดึงไหล่ของอินซู่ซู่ไว้ เธอเขวี้ยงร่างของอินซู่ซู่ออกไปไกลกว่าสองเมตรกว่าๆตู้ม!อินซู่ซู่ล้มลงที่ลานบ้าน จนกระทั่งความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง อินซู่ซู่ถึงรู้สึกเหมือนตื่นจากฝัน ได้สติกลับมาเหตุการณ์เมื่อกี้ทำเธอตกใจเป็นอย่างมากใบหน้าที่ขาวซีดราวกับกระดาษ รวมทั้งดวงตาคู่นั้นที่แดงก่ำ อีกทั้งยังมีหัวที่เหมือนกับหุ่นไล่กาที่มีหัวเหมือนไม้กวาด ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนสัตว์ประหลาด“ซู่ซู่ เธอโอเคไหม?”ต้วนหลิงเวยในมือถือกระบี่สั้นไว้ มองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง เอ่ยถามออกมา“มะ... ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฉันแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะ”อินซู่ซู่พูดขึ้นมาอย่างหอบพร้อมด้วยภายในใจที่ยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในมือของต้วนหลิงเสวี่ยก็ถือปืนสไนเปอร์ไว้อยู่ เธอบินขึ้นไปบนหลังคาบ้าน แล้วดึงไกปืนไปที่หุ่นฟางตัวนั้นโดยตรง!ปัง!เปลวไฟพ่นออกมา กระสุนที่ทำขึ้นมาพิเศษก็ทะลุกลางหัวของหุ่นฟางฟิ้ว!ก้อนฟางกระจัดกระจายไปทั่ว แต่หุ่นฟางนั้นโซเซเล็กน้อย แต่กลับไ
ยังดีที่มีอวี้ลู่อยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเธอสามคนคงจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย“ขะ... ขอบคุณมากๆ ค่ะ... ท่านผู้อาวุโส”สองสาวต้วนหลิงเวยและต้วนหลิงเสวี่ย เหนื่อยจนหายใจหอบ เหงื่อไหลพลั่กราวกับสายฝน ทำเอาชายเอของพวกเธอเปียกชุ่มไปหมดอวี้ลู่ขมวดคิ้ว เหลือบมองไปที่สามคนพี่น้อง “พวกเจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญเต๋านี่ ทำไมกับอีแค่คุณวิชาควบคุมศพระดับต่ำแบบนี้พวกเจ้าถึงทำลายไม่ได้?”แม้ว่าความสามารถของพวกเธอจะขาดตกบกพร่องไปบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นที่ถูกหุ่นฟางพวกนี้ทำร้ายจนสภาพดูไม่ได้แบบนี้นี่หากเปลี่ยนเป็นแดนเซียน ลูกศิษย์ฝ่ายนอกสำนักทั่วไปไม่ต้องออกแรงมาก ก็สามารถจัดการเจ้าพวกหุ่นฟางได้อย่างหมดจดหากเทียบกันแล้ว ผู้บำเพ็ญเต๋าในโลกมนุษย์ยังอ่อนแอเกินไป“วิ... วิชาควบคุมศพงั้นเหรอคะ?”ต้วนหลิงเสวี่ยฝืนยิ้มพูดขึ้นมาว่า “ท่านผู้อาวุโส พวกเรา... พวกเราไม่เคยเรียนวิชาเขียนยันต์มาก่อนเลยค่ะ ส่วนวิชาควบคุมศพพวกเรายิ่งไม่รู้จักเลยค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้ลู่ก็มองไปที่ต้วนหลิงเวยด้วยความกลัดกลุ้มใจสายตานั้นราวกับกำลังถามว่า แม้แต่เธอก็ไม่เป็นงั้นเหรอ?ต้วนหลิงเวยพยักหน้าที่เต็มไปด้วยความละอายพูดตา
“ช้าก่อน!”ชายแก่กลัวจนสติกระเจิง รีบโบกมือให้อวี้ลู่ “แม่หนู ฉัน... ฉันเป็นคนของสำนักอวี้ซือ ธะ... เธอน่าจะเคยได้ยินเรื่องการควบคุมศพมาก่อนใช่ไหม?”“บรร... บรรพจารย์ของฉันคือเจียงเฉิน”เพี๊ยะๆๆ !เจียงเฉินบ้านเจ้าสิ!ต่อหน้าสตรีศักดิ์สิทธิ์แบบเธอ ไม่ว่าใครก็ต้องชิดซ้าย!เจ้าเอาเจียงเฉินมาขู่ข้างั้นเหรอ?อวี้ลู่ไม่พูดอะไรออกมา เธอใช้มือซ้ายและมือขวาของเธอตบเข้าไปที่หน้าของชายแก่หลายครั้ง ทำให้เขาตาพร่าและสับสนอย่าง โดยมีแสงสีทองหมุนอยู่เบื้องหน้าของเขา“ถ้าไม่พูด ข้าจะทำลายสำนักอวี้ซือของเจ้าซะ!”รังสีรอบตัวของอวี้ลู่ระเบิดออกมาเต็มที่ และพร้อมกับรอยแตก อิฐสี่เหลี่ยมบนพื้นก็ถูกบดให้เป็นผงละเอียดโดยรังสีของเธอซี้ดๆ !ชายแก่คิดแค่ว่าออกแรงตบก็สามารถทำให้อิฐสี่เหลี่ยมที่อยู่รอบๆ กลายเป็นผุยผงได้ ทันใดนั้นกลัวจนฉี่ราดกางเกงแม่งเอ๊ยนี่มันไม่ใช่ความสามารถของระยะรากฐานแล้ว!ฉิบหาย!ระดับทารกวิญญาณ หรืออาจจะระดับเทวะเลยก็เป็นได้!หวาดกลัวสองคำนี้ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ของเขาได้แล้วเจียงเฉินที่เขาพูดออกมาเมื่อกี้ก็อยู่แค่ระดับทารกวิญญาณความสามารถถูกเธอบดขยี้อย่างแน่
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ