แม้ว่าเจียงอิ่งจะพยายามควบคุมความถี่และเสียงของลมหายใจอย่างเต็มที่แล้ว แต่เสียงลมหายใจที่ดิบเถื่อนฉู่เฉินก็ถูกหลูไคซานที่อยู่ปลายสายได้ยินอย่างชัดเจน“เสียวอิ่ง คุณอยู่ที่ไหน?”หลูไคซานที่อยู่ปลายสาย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความระแวงเจียงอิ่งรีบยกมือขึ้นมาปิดไมค์โทรศัพท์ไว้ หายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง กักเก็บความอยากครวญครางเอาไว้ “ฉะ... ฉันอยู่ ฉันอยู่ที่ฟิตเนสยังไงคะ”พูดจบเธอก็รีบยกมือขึ้นมาปิดลำโพงไว้ หายใจของลึกๆ สองสามครั้งไม่ว่าเธอจะพยายามควบคุมมันไว้แค่ไหน แต่ว่าเสียงในคอก็ยังคงหลุดเสียงครวญครางออกมาเธอระงับมันไว้มันทรมานมากๆ แต่เธอก็ไม่กล้าวางสายไปตอนนี้ นั่นยิ่งไม่ใช่ว่าเป็นการร้อนตัวไม่ใช่เหรอ?“ออกกำลังกาย?”เห็นได้ชัดว่าหลูไคซานสงสัยกับคำตอบของเจียงอิ่งเป็นอย่างมากโดยเฉพาะที่เขาได้ยินเมื่อกี้ เสียงลมหายใจที่ดิบเถื่อน นั่นมันคือเสียงของผู้ชายชัดๆถึงแม้จะอยู่ที่ฟิตเนส แต่คงจะไม่อยู่ใกล้ขนาดนี้หรอกมั้ง?“คุณอยู่ฟิตเนสตรงไหน? ผมจะไปหาคุณตอนนี้!”หลูไคซานที่อยู่ปลายสาย น้ำเสียงยิ่งพูดยิ่งเย็นเยือกมากขึ้นเรื่อยๆแค่คำถามนี้ก็ทำเอาสมองของเจียงอิ่งขาวโพลนประเด็นไ
เจียงอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย “อืม ถือว่าช่วยค่ะ ถือซะว่าฉันชดเชยให้หลูไคซานแล้วกันค่ะ แต่ว่าคุณมั่นใจไหมคะ? ช่วงนี้ผู้ว่าการเฉียวคอยดูแลแต่นายท่านใหญ่ เขาจะมีอารมณ์มาฟังคุยพูดเรื่องนี้เหรอคะ?”ถ้าให้พูดตามที่เฉียวเทียนฉี่ที่เจียงอิ่งรู้จัก ไม่ว่าฟ้าจะถล่มก็ไม่มีอะไรสำคัญกว่านายท่านใหญ่แม้จะได้ยินมาว่านายท่านใหญ่จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้หายดีเป็นปลิดทิ้ง จนถึงตอนนี้เขายังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประชาชนอยู่เลย“สบายใจเถอะครับ ขอเพียงแค่ผมเอ่ยปาก เขาไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น แต่คุณไม่รู้สึกเสียเปรียบเหรอครับ? โครงการปรับปรุงสะพานเจียง เป็นโครงการที่มีมูลค่าอย่างน้อยห้าพันล้านถึงหนึ่งหมื่นล้านบาท ให้ตระกูลหลูทำ สู้คุณทำเองไม่ดีกว่าเหรอครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างเรียบๆเรื่องนี้ฉู่เฉินพูดจริงจังเจียงอิ่งเป็นผู้หญิงของเขา ในขณะที่ตระกูลหลูไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดกับฉู่เฉินเลยโครงการใหญ่มูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท หากมอบให้เจียงอิ่ง บางทีเธออาจจะหลุดพ้นจากความทุกข์ของตระกูลหลูไปได้“ฉันเหรอคะ? อืม...”เจียงอิ่งราวกับว่าถูกจี้จุด เธอหลับตาลงทันควัน ผ่านไปสักพัก เธอเกี่ยวผมที่ห
หุ่นฟางปลุกเสกเป็นเทคนิคที่ใช้ในคุณไสยการควบคุมศพของเซียงซี!แม้จะนับว่าเป็นหนึ่งในวิชาแห่งสำนักเต๋า แต่ถือว่าพบเจอได้ยาก!ฉู่เฉินสามารถรับรองได้ว่า มีผู้บำเพ็ญเต๋ากำลังเพ่งเล็งเขาจากที่ไกลๆ อีกทางหนึ่งอาจพูดได้ว่าพวกเขาตั้งใจที่จะใช้วิธีนี้“อย่ากลัวไปครับ นี่เป็นหุ่นฟางครับ”ฉู่เฉินสวมเสื้อผ้าไปด้วย พร้อมทั้งชักกระบี่อ่อนจากเอวออกมา ส่งไปให้ในมือของเจียงอิ่ง “รับมันไว้นะครับ ผมจะออกไปดูก่อน หากมีหุ่นฟางโจมตีคุณ คุณใช้กระบี่นี่ฟันมันให้ขาดเลยนะครับ”“ฉัน... ฉันไม่กล้าค่ะ”เจียงอิ่งตกใจกลัวจนหน้าซีด ตัวของเธอหดเลยนิดเดียวยิ่งเจียงอิ่งรู้ว่าข้างนอกคือหุ่นฟาง เธอก็ยิ่งกลัวขึ้นไปอีกหุ่นฟางจะขยับได้ยังไง?เธอเจอผีหลอกแล้วมั้งเนี่ย!ฉู่เฉินขมวดคิ้วแน่น ราวกับว่าเข้าว่าเจียงอิ่งคิดอะไรอยู่ “สบายใจได้ครับ นี่ไม่ใช่ผี แต่นี่มีคนเล่นตลกอยู่ข้างหลังหุ่นฟางนี่ต่างหากครับ”“กระบี่เล่มนี้ของผมมีปราณมังกรเพลิง ไม่ว่าเป็นผีจริงหรือไม่จริง ถึงแม้ว่าจะเป็นผีจริงกระบี่เล่มนี้ก็สามารถฆ่ามันได้”ฉู่เฉินไม่ได้พูดโอ้อวดกระบี่เล่มนี้ของเขา หลังจากที่ผ่านการฝึกฝนมาเมื่อคืนนี้ แม้ว่าในวันนี้จะย
“วิชาตามหาวิญญาณ!”พูดจบ ลำแสงสีแดงสองลำก็ปรากฏออกมาจากม่านตาของฉู่เฉินทันทีทันใดนั้นเอง ลำแสงสีแดงทั้งสองลำก็ทะลุผ่านความมืดโดยรอบ เผยให้เห็นเส้นใยสีดำที่มองเห็นได้เลือนรางซึ่งเชื่อมระหว่างหุ่นฟางแต่ละตัวเข้าด้วยกันเห็นได้ชัดว่านักไสยศาสตร์ผู้นั้นไม่ได้อยู่แถวนี้ แต่กลับใช้วิธีควบคุมระยะไกล ควบคุมหุ่นฟางให้โจมตีฉู่เฉินถึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเพียงแต่ว่าคนปลุกไม่อยู่แถวนี้ก็จัดการได้ง่ายขึ้น ไม่มีเจียงอิ่งเป็นตัวถ่วง ฉู่เฉินมั่นใจว่าแค่ท่าไม้ตายไม้เดียวเขาสามารถเอาชีวิตของคนนั้นได้เลยพลังของฝ่ายตรงข้ามแม้ว่าไม่ต่ำกว่าฝึกปราณระดับแปด บางทีอาจจะเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าฝึกปราณระดับเก้าก็เป็นได้ แต่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระยะฝึกปราณตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เฉินความต่างระหว่างระยะสร้างรากฐานและระยะฝึกปราณไม่สามารถใช้คำพูดมาอธิบายได้ เพราะว่าทั้งสองอย่างนั้นคนละอย่างกันเลยนี่ก็เหมือนกับการขึ้นเขา ระยะฝึกปราณแม้แต่ประตูสุสานก็ยังไม่ได้เข้าประตูภูเขา แต่ถ้าเป็นระยะสร้างรากฐานกลับยืนอยู่ในประตูของภูเขาแล้วทั้งสองสิ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง“คุณโอเคไหมครับ?”ฉู่เฉินเปิดประตูรถ เข้าไปนั
ในขณะที่อินซู่ซู่รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นจากคมมีดที่สัมผัสกับผิวตรงหน้าอกของเธอทันใดนั้น!ลูกเล็กขาวราวกับหยกดึงไหล่ของอินซู่ซู่ไว้ เธอเขวี้ยงร่างของอินซู่ซู่ออกไปไกลกว่าสองเมตรกว่าๆตู้ม!อินซู่ซู่ล้มลงที่ลานบ้าน จนกระทั่งความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง อินซู่ซู่ถึงรู้สึกเหมือนตื่นจากฝัน ได้สติกลับมาเหตุการณ์เมื่อกี้ทำเธอตกใจเป็นอย่างมากใบหน้าที่ขาวซีดราวกับกระดาษ รวมทั้งดวงตาคู่นั้นที่แดงก่ำ อีกทั้งยังมีหัวที่เหมือนกับหุ่นไล่กาที่มีหัวเหมือนไม้กวาด ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนสัตว์ประหลาด“ซู่ซู่ เธอโอเคไหม?”ต้วนหลิงเวยในมือถือกระบี่สั้นไว้ มองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง เอ่ยถามออกมา“มะ... ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฉันแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะ”อินซู่ซู่พูดขึ้นมาอย่างหอบพร้อมด้วยภายในใจที่ยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในมือของต้วนหลิงเสวี่ยก็ถือปืนสไนเปอร์ไว้อยู่ เธอบินขึ้นไปบนหลังคาบ้าน แล้วดึงไกปืนไปที่หุ่นฟางตัวนั้นโดยตรง!ปัง!เปลวไฟพ่นออกมา กระสุนที่ทำขึ้นมาพิเศษก็ทะลุกลางหัวของหุ่นฟางฟิ้ว!ก้อนฟางกระจัดกระจายไปทั่ว แต่หุ่นฟางนั้นโซเซเล็กน้อย แต่กลับไ
ยังดีที่มีอวี้ลู่อยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเธอสามคนคงจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย“ขะ... ขอบคุณมากๆ ค่ะ... ท่านผู้อาวุโส”สองสาวต้วนหลิงเวยและต้วนหลิงเสวี่ย เหนื่อยจนหายใจหอบ เหงื่อไหลพลั่กราวกับสายฝน ทำเอาชายเอของพวกเธอเปียกชุ่มไปหมดอวี้ลู่ขมวดคิ้ว เหลือบมองไปที่สามคนพี่น้อง “พวกเจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญเต๋านี่ ทำไมกับอีแค่คุณวิชาควบคุมศพระดับต่ำแบบนี้พวกเจ้าถึงทำลายไม่ได้?”แม้ว่าความสามารถของพวกเธอจะขาดตกบกพร่องไปบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นที่ถูกหุ่นฟางพวกนี้ทำร้ายจนสภาพดูไม่ได้แบบนี้นี่หากเปลี่ยนเป็นแดนเซียน ลูกศิษย์ฝ่ายนอกสำนักทั่วไปไม่ต้องออกแรงมาก ก็สามารถจัดการเจ้าพวกหุ่นฟางได้อย่างหมดจดหากเทียบกันแล้ว ผู้บำเพ็ญเต๋าในโลกมนุษย์ยังอ่อนแอเกินไป“วิ... วิชาควบคุมศพงั้นเหรอคะ?”ต้วนหลิงเสวี่ยฝืนยิ้มพูดขึ้นมาว่า “ท่านผู้อาวุโส พวกเรา... พวกเราไม่เคยเรียนวิชาเขียนยันต์มาก่อนเลยค่ะ ส่วนวิชาควบคุมศพพวกเรายิ่งไม่รู้จักเลยค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้ลู่ก็มองไปที่ต้วนหลิงเวยด้วยความกลัดกลุ้มใจสายตานั้นราวกับกำลังถามว่า แม้แต่เธอก็ไม่เป็นงั้นเหรอ?ต้วนหลิงเวยพยักหน้าที่เต็มไปด้วยความละอายพูดตา
“ช้าก่อน!”ชายแก่กลัวจนสติกระเจิง รีบโบกมือให้อวี้ลู่ “แม่หนู ฉัน... ฉันเป็นคนของสำนักอวี้ซือ ธะ... เธอน่าจะเคยได้ยินเรื่องการควบคุมศพมาก่อนใช่ไหม?”“บรร... บรรพจารย์ของฉันคือเจียงเฉิน”เพี๊ยะๆๆ !เจียงเฉินบ้านเจ้าสิ!ต่อหน้าสตรีศักดิ์สิทธิ์แบบเธอ ไม่ว่าใครก็ต้องชิดซ้าย!เจ้าเอาเจียงเฉินมาขู่ข้างั้นเหรอ?อวี้ลู่ไม่พูดอะไรออกมา เธอใช้มือซ้ายและมือขวาของเธอตบเข้าไปที่หน้าของชายแก่หลายครั้ง ทำให้เขาตาพร่าและสับสนอย่าง โดยมีแสงสีทองหมุนอยู่เบื้องหน้าของเขา“ถ้าไม่พูด ข้าจะทำลายสำนักอวี้ซือของเจ้าซะ!”รังสีรอบตัวของอวี้ลู่ระเบิดออกมาเต็มที่ และพร้อมกับรอยแตก อิฐสี่เหลี่ยมบนพื้นก็ถูกบดให้เป็นผงละเอียดโดยรังสีของเธอซี้ดๆ !ชายแก่คิดแค่ว่าออกแรงตบก็สามารถทำให้อิฐสี่เหลี่ยมที่อยู่รอบๆ กลายเป็นผุยผงได้ ทันใดนั้นกลัวจนฉี่ราดกางเกงแม่งเอ๊ยนี่มันไม่ใช่ความสามารถของระยะรากฐานแล้ว!ฉิบหาย!ระดับทารกวิญญาณ หรืออาจจะระดับเทวะเลยก็เป็นได้!หวาดกลัวสองคำนี้ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ของเขาได้แล้วเจียงเฉินที่เขาพูดออกมาเมื่อกี้ก็อยู่แค่ระดับทารกวิญญาณความสามารถถูกเธอบดขยี้อย่างแน่
......อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินที่กำลังสู้รบจนจะถึงจุดสูงสุด ทันใดนั้นเขาก็ถูกเสียงโทรศัพท์ขัดจังหวะเขาก้มหน้ามองโทรศัพท์ เห็นว่าเป็นหลิ่วหรูเยียนโทรมา เขาก็กดวางสายทันทีโทรมาตอนไหนไม่โทร ดันโทรมาตอนที่คนเขากำลังมีความสุขหลิ่วหรูเยียนที่อยู่อีกด้าน ตอนนี้เธอเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสั้นลายเสือดาวสุดเซ็กซี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งเธอยังจงใจแต่งหน้าแบบฟุ้งๆ มาอีกด้วย ขาของเธอสวมใส่ถุงน่องตาข่ายที่พึ่งซื้อมา ใส่กับรองเท้าส้นสูงสีดำ รอการมาหาของฉู่เฉินเกือบทั้งคืนฉู่เฉินก็ตัวดี ไม่บอกอะไรเธอสักคำ โทรหาก็ตัดสายอีก?!ทำเอาหลิ่วหรูเยียนโกรธจนหน้าอกกระเพื่อม ใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็ซีดเซียวไปหมด ไม่มีร่องรอยของรอยเลือดเลย!“ฉู่เฉิน แกมันไอ้สารเลว!”หลิ่วหรูเยียนโกรธจนปาโทรศัพท์ลงบนโซฟา พร้อมทั้งกระทืบเท้าเล็กทำอย่างกับว่าฉันสมยอมให้บริการแกงั้นแหละ?ถ้าไม่ใช่ทำเพื่อให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปผ่านความลำบากนี้ไปได้ ฉันไม่มีทางมองคนอย่างแกหรอก ถ้ามองถือว่าฉันแพ้!“หรูเยียนเป็นอะไรไปลูก?”หลิ่วชิงเหอเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนโกรธจนหน้าตาซีดเซียว ใบหน้าของเธอไม่มีรอยฝาดของเลือด หลิ่วชิงเหอจนถามขึ้นมาด้
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ
“ติ๊ง!”เวลานี้เอง ภายในสนามกีฬาเจียงจง หลี่จวิ้นเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนพลันได้ยินเสียงใสกังวานดังขึ้นข้างหูสำเร็จแล้ว!หลี่จวิ้นเฟิงลืมตาขึ้นฉับพลัน ท่าทางดูล้ำลึกจนยากจะคาดเดา เขายกเตาหลอมโอสถบนพื้นขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว แล้วเอ่ยปากพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ยาเทวดาสำเร็จแล้ว สามารถทดสอบผลลัพธ์ได้ทันที!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่จวิ้นเฟิงก็เปิดฝาเตาหลอมโอสถ ยาสีดำสามเม็ดกลิ้งจากเตาหลอมโอสถมาที่มือของหลี่จวิ้นเฟิงไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เลือกผู้โชคดีสามคนจากที่นั่งผู้ชมด้านล่างเวที ทั้งสามคนล้วนเป็นผู้สูงวัยอายุเกิดหกสิบปี นอกจากนี้ยังมีคนหนึ่งถือผลตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล ป่วยเป็นโรคระบบหัวใจหลอดเลือดอย่างรุนแรง ใส่ขดลวดหัวใจไว้ในร่างกายสามอันแล้วหลี่จวิ้นเฟิงส่งยาในมือให้คนผู้นั้นหนึ่งเม็ดทันที แล้วยื่นน้ำแร่ไปให้อีกหนึ่งขวดผู้สูงอายุทั้งสามคนกินยาของหลี่จวิ้นเฟิงลงไปแล้ว อาการป่วยก็ดีขึ้นมากจริง ๆ ถึงขนาดที่ผู้ป่วยอาการหนักที่สุดคนนั้น จากเดิมที่ถูกลูกชายลูกสาวประคองขึ้นเวที แต่หลังจากกินยาเข้าไปก็ยืดตัวตรง เดินลงจากเวทีด้วยตัวเอง เมื่อเห็นฉากนี้ หลายคนที่ก่อนหน้านี้วิพากษ์วิ
แต่ยาลูกกลอนที่กระถางยาของเขาหลอมออกมาได้ก็สาเหตุมาจากยันต์อักขระเหล่านั้น ราวกับผลิตออกมาจากสายการผลิตไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหรือคุณภาพของยาที่หลอมสำเสร็จ เทียบไม่ได้กับกระถางยาทองคำม่วงที่อยู่ในมือของฉู่เฉินแม้แต่น้อยหลี่จวิ้นเฟิงอดหัวเราะขำขันออกมาไม่ได้หลังจากเห็นกระถางยาที่ขึ้นสนิมในมือฉู่เฉิน จึงชี้ไปยังกระถางยาทองคำม่วงในมือฉู่เฉินพร้อมกล่าวขึ้น “คนแซ่ฉู่ ไม่ใช่ว่ากะอีแค่กระถางยาที่ดีกว่านี้หน่อยยังซื้อไม่ไหวหรอกนะ”“นี่เก็บสินค้าแผงลอยจากตลาดขยะที่ไหนมา ยังกล้าเอามาหลอมโอสถอีก ไม่กลัวคนกินแล้วตายหรือไง”ฉู่เฉินคร้านจะสนใจเขาเลยหยิบวัตถุดิบยาสองสามชนิดออกมาจากในกองสมุนไพร แล้วใช้มือเดียวบี้บดจนวัตถุดิบเหล่านั้นเป็นผง จากนั้นจึงโยนผงยาที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ทิ้งไปขณะที่ผงสมุนไพรเข้าสู่กระถางยาทองคำม่วง ฉู่เฉินก็ถ่ายพลังวิญญาณมายังกลางฝ่ามือต่อจากนั้นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของฉู่เฉินราวกับเล่นกลหลี่จวิ้นเฟิงไม่กล่าววาจาใดอีก คว้าวัตถุดิบยาแล้วก็นำวัตถุดิบยาทั้งหมดใส่เข้าไปในกระถางยาเป็นไปตามที่อวี้ลู่คาดการณ์ไว้เลย ในกระบวนการหลอมโอสถทั้งหมด หลี่จวิ้นเฟิง
“หรูเยียน ที่ลูกพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ”หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้างถ้าเป็นอย่างที่หลิ่วหรูเยียนพูดมาจริง ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าก็หลอกล่อเอาสูตรยาบำรุงปราณมาจากฉู่เฉินในช่วงที่ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด ฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะได้มียาบำรุงปราณขายด้วยเช่นกันแล้วนี่?คิดเรื่องพวกนี้แล้วหลิ่วชิงเหอก็กลับมานั่งลงที่เดิม จากที่ตอนแรกกะจะลุกขึ้นเตรียมออกจากสนามแข่งขันนี้ไป“จริงแท้แน่นอน หลี่จวิ้นเฟิงบอกกับหนูเองเลยนะ อีกอย่าง ถ้าเขาไม่มั่นใจก็คงไม่เลือกการแข่งขันหลอมโอสถหรอกค่ะ”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางยิ้มชั่วร้ายแม้ฉู่เฉินชนะไปรอบหนึ่งแล้ว ยังไงการแข่งขันรอบสองก็ถือว่าเสมอกันขอแค่หลี่จวิ้นเฟิงชนะการแข่งขันรอบที่สาม ผลก็จะออกมาเสมอกันทุกคนฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะไม่ขายหน้า และในทางตรงกันข้ามก็ยังได้รับความนิยมและประโยชน์โดยอาศัยการแข่งขันรอบที่สามนี้ด้วย ……อีกด้านหนึ่ง ถังจิ้งจือที่นั่งอยู่ตำแหน่งกรรมการก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป เยาะเย้ยกล่าว “ใช่แล้วยังไงล่ะ หรือว่าการแข่งขันรอบสามนี้ไม่ยอดเยี่ยมน่าชมหรอกเหรอ”“พวกคุณอย่าลืมซะล่ะ สามารถจัดการแข่งขันแพทย์แผนจีนตลอดทั้งปีนี้ได้ก็เพร
หลินจื้อหงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะกล่าวเสียงดังลั่น“ท่านหลิน ผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดคุณ!”ถังจิ้งจือเบะปากกล่าว “การแข่งขันแพทย์แผนจีนคราวก่อนก็จับฉลากได้ผู้ป่วยอาการแตกต่างกัน หรือใครจับได้โรคอาการรุนแรงก็ถือว่าคนนั้นชนะเหรอ?”“กฎก็เขียนชัดเจนอยู่แล้วว่าตัดสินจากการรักษา”“ไม่ใช่ความผิดของคุณหลี่ที่หยิบได้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ก็คงกล่าวได้ว่าคุณหลี่มีคุณธรรมสูงส่งโชคเข้าข้างเขาก็เท่านั้น”“ส่วนฉู่เฉินรักษาคนไข้โรคฝีหนองทั้งร่างนั้นหายได้ก็เป็นวาสนาของคนไข้รายนั้น ไม่ใช่ผลงานของฉู่เฉินฝ่ายเดียว ดังนั้นฉันคิดว่าการแข่งขันนี้ต้องตัดสินเสมอกันเท่านั้น”แม่ง!จางเสวี่ยเหยียนเริ่มเกิดความคิดอยากจะตบปากคน!ฮว่าจิ่วหยางสูดลมหายใจลึก ถึงยังไงพวกเขาไม่กี่คนก็ล้วนเป็นกรรมการ หากมีการทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างกรรมการด้วยกันเอง จะทำให้คนอื่นเห็นวงการแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องตลกฮว่าจิ่วหยางคิดแล้วก็หันหน้าไปกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณยอมรับคำตัดสินของท่านถังนี้หรือไม่” ฉู่เฉินยิ้มเยาะ มองสำรวจหลี่จวิ้นเฟิงและถังจิ้งจือ แล้วพยักหน้ากล่าว “ก็ได้ ถ้าผมไม่ยอมรับ เจ้าสอ