“พี่ตามผมมาทำไม”ฉู่เฉินได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลังจึงขมวดคิ้วและหยุดเดิน“ทำไมเล่า หรือเจ้าซ่อนความลับอันใดไว้ แค่ห้องกลั่นยาห้องหนึ่ง กลัวคนจะเห็นอะไรเข้าหรืออย่างไร”อวี้ลู่เอ่ยจบก็ไม่รอให้ฉู่เฉินพูดอะไร เธอบุกเข้าไปในห้องลับของฉู่เฉินโดยพลการเมื่อเห็นสิ่งของต่างๆ ที่ต้องใช้ในการกลั่นยาและสร้างอาวุธวางเรียงรายไว้บนชั้นวางไม้สองตัวที่วางอยู่สองฝั่ง อวี้ลู่อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย เจ้าสร้างอาวุธเป็นด้วยหรือ”ขณะเอ่ย อวี้ลู่หยิบกระบี่วิญญาณที่ฉู่เฉินสร้างเองขึ้นมาเพ่งพินิจ จากนั้นก็ทดลองจับดู ก่อนจะขว้างทิ้งราวกับทิ้งขยะไร้ประโยชน์ชิ้นหนึ่ง“คุณภาพต่ำเกินไป ไม่ควรค่ากับเงินแม้แต่อีแปะเดียว”เอ่ยจบ นางหันไปมองกระบี่ชื่อหลงที่มีสภาพสมบุกสมบันที่วางอยู่ด้านหนึ่ง อวี้ลู่สัมผัสได้ถึงปราณมังกรชื่อหลง นางพยักหน้าเล็กน้อย “นับว่าพอจะเป็นของวิเศษระดับพิภพได้ น่าเสียดายที่วิญญาณกระบี่เสียหายหนักเกินไป ทำให้ไร้ซึ่งคุณค่าใดๆ แล้ว”ฉู่เฉินรีบก้าวเท้าเข้าไปเมื่อเห็นว่าอวี้ลู่ทำท่าจะขว้างของทิ้งอีกครั้ง เขาพูดห้ามว่า “นี่ พี่สาว ผมว่าพี่คิดว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองไปแล้วจริงๆ ล่
คิดได้ดังนั้น นัยน์ตางดงามของอวี้ลู่ก็พลันปรากฏไอสังหารอันเข้มข้น!นี่นางโดนไอ้มังกรลามกบัดซบหลอกงั้นหรือ?!ชั่วพริบตาหนึ่ง บ้านใหญ่ตระกูลฉู่ถูกไอสังหารอันเข้มข้นแผ่ปกคลุมไปทั้งหลังอุณหภูมิรอบด้านพลันติดลบในทันใดฉู่เฉินเองก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขายักคิ้ว มองหน้าอวี้ลู่ “พี่สาว นี่บ้านผมนะ พี่…”“ตายเสียเถอะ!”ฉู่เฉินยังพูดไม่ทันจบ อวี้ลู่พลันสับฝ่ามือเข้ามาเชี่ย!ยัยคนนี้เปลี่ยนสีหน้าเร็วกว่าพลิกหนังสือซะอีกฉู่เฉินตะลึงพรึงเพริด เขาเขย่งปลายเท้าโฉบตัวไปที่ประตูด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฝ่ามือลมของอวี้ลู่ไล่ตามมาติดๆ ราวกับเงา วินาทีต่อมาตามติดมาใกล้ฉู่เฉินอยู่ในระยะไม่ถึงสามนิ้วแล้วหากถูกฝ่ามือของอวี้ลู่โจมตีเข้า ฉู่เฉินมีสิบชีวิตก็ยังไม่รอดในวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวาน สัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดของฉู่เฉินถูกกระตุ้นออกมา พลังวิญญาณที่อยู่รอบตัวถูกขับเคลื่อนให้ปั่นป่วนราวกับคลื่นลูกใหญ่พริบตาต่อมา เขาไหวตัวไปด้านข้างด้วยท่าร่างที่รวดเร็วดุจสายฟ้าครืน!กำแพงที่อยู่ด้านข้างถูกฉู่เฉินพุ่งชนจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ ฉู่เฉินที่วิ่งทะลุกำแพงเพิ่งจะหยุดยืนในลานบ้าน อวี้ลู่ก็ตามติดม
ฉู่เฉินขัดขืนอยู่สองสามที แต่เมื่อพบว่าสู้มือเล็กๆ ที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าของอวี้ลู่ไม่ได้ จึงยอมแพ้ด้านการต่อสู้ทางร่างกาย และใช้การโจมตีด้วยเล่ห์กลแทน“จะ… เจ้าพูดเหลวไหลอะไร! สิ่ง… สิ่งนั้นจะงอกขึ้นมาเพื่อให้ผู้อื่นมองได้อย่างไรกัน!”อวี้ลู่เม้มปากเล็กๆ ย้อนถามอย่างโมโห“อย่างนั้นพี่บอกผมมาสิ ถ้าไม่ได้งอกขึ้นมาให้คนอื่นดู แล้วงอกขึ้นมาเพื่ออะไร ทำไมผมถึงไม่มีล่ะ”ข้า…อวี้ลู่ถูกถามจนถึงกับพูดไม่ออกนั่นสิ เหตุใดผู้ชายจึงไม่มีล่ะนางถามตนเองในใจ พลางยกมือเล็กๆ ขึ้นบีบดูสองสามครั้งครั้นนางยกมือขึ้นบีบ ก้อนกลมๆ สองก้อนนั้นก็กระเด้งไปมาอยู่ต่อหน้าฉู่เฉินทั้งอย่างนั้นฉู่เฉินเลือดกำเดาแทบพุ่ง“เหอะ! ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป หากยังมีครั้งหน้า คอยดูข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกมาเสีย!”อวี้ลู่สะบัดมือข้างที่บิดหูของฉู่เฉินออก ก่อนจะดุนก้อนกลมๆ สองก้อนนั้นขึ้นอย่างโกรธๆ และดึงสายเอี๊ยมให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ครั้นนางดึงสายเอี๊ยมขึ้น ด้านล่างกลับมีความยาวไม่เพียงพออีกขอบลูกไม้สีชมพู รวมถึงต้นขาด้านในที่ขาวเนียนดุจหิมะถูกฉู่เฉินเห็นเข้าเต็มตาอีกครั้งขาคู่นั้น ยังไงก็ยาวมากพอที่จะ
เชี่ย!ต้วนหลิงเวยกับต้วนหลิงเสวี่ยที่แอบดูอยู่ด้านหนึ่งตะลึงค้างกับการกระทำนี้ของฉู่เฉินนายท่านช่างกล้าหลอกลวงคนอื่นจริงๆบ้านเก่าๆ กับลานสวนซอมซ่อนี่ไม่มีคนอาศัยอยู่มายี่สิบสามสิบปีแล้วมั้งนอกจากนี้ อาการบวมแดงที่ไหล่ของฉู่เฉินก็หายแล้ว ท่าทางเหมือนไม่ต้องให้ใครมาคอยปกป้องแล้วไม่ใช่เหรอที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือ คำพูดก่อนหน้าที่ฉู่เฉินบอกว่าตัวเองชอบช่วยเหลือคนอื่นแต่จะว่าไปแล้วก็ใช่ เขายุ่งอยู่กับการช่วยทำลูกให้หลายๆ ครอบครัวทุกวี่ทุกวันจริงๆเมื่อวานก็ไปสร้างความสุขให้กับหญิงหม้ายคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าตั้งท้องแล้วหรือยัง“เจ้ายังต้องการอะไรอีก อย่างมากข้าก็แค่สั่งให้คนสร้างลานบ้านที่เหมือนกันทุกประการขึ้นมาใหม่ก็ได้”อวี้ลู่ถึงขั้นหมดคำพูดแล้วจริงๆ ถึงแม้นางเพิ่งมาถึงโลกมนุษย์ได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่นางก็เคยเห็นโฆษณาเกี่ยวกับบ้านเรือนอาคาร บ้านเก่าๆ หลังนี้ของฉู่เฉิน ตั้งอยู่ในที่ลับตาคนไม่พอ กำแพงอิฐก็แตกร้าวหมดแล้วนั่นขายในราคาห้าแสนก็ยังขายไม่ออกเลยกระมัง“ผมว่านะพี่สาว พี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า บ้านเก่าหลังนี้ของผมเป็นมรดกตกทอดกันมาสิบกว่ารุ่นแล้วนะ”ฉู่เฉินชี้กำแพงด้านที
“พวกเธอสองคนอย่ามัวแต่แอบดู ไปทำความสะอาดห้องให้พี่อวี้ลู่ของพวกเธอหนึ่งห้อง จำไว้ ต้องใช้ผ้าปูเตียงใหม่ด้วย” สองพี่น้องพยักหน้ารับพร้อมกัน มีหรือจะกล้าตั้งคำถามเพียงไม่ถึงสิบนาที พวกเธอก็จัดแจงห้องพักให้อวี้ลู่เสร็จเรียบร้อยแล้วอวี้ลู่กวาดมองการตกแต่งในห้องแวบหนึ่ง แม้จะเรียบง่าย แต่ผ้าปูเตียงล้วนเป็นของใหม่ แถมยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้จางๆ ปกคลุมอยู่ นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ไม่มีอะไรแล้ว พวกเธอไปนอนได้ ฉันกับพี่อวี้ลู่ของพวกเธอยังมีเรื่องสำคัญต้องคุยกันต่ออีก ถ้าไม่มีธุระห้ามเข้ามารบกวน”“ค่ะ นายท่าน!”สองพี่น้องสกุลต้วนรีบออกจากห้องของอวี้ลู่ แต่ยังคงเงี่ยหูฟังเสียงเคลื่อนไหวทางฝั่งอวี้ลู่อย่างไม่ยอมลดละพวกเธอสองคนอยากรู้ว่าเสียงของยอดฝีมืออย่างอวี้ลู่เวลาทำเรื่องอย่างนั้นจะเป็นยังไงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเธอสองพี่น้องผิดหวังก็คือ พวกเธออุตส่าห์อดทนรอนานถึงครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อยคงไม่ใช่ว่าเวลาทำเรื่องอย่างนั้น ยอดฝีมือมักจะเงียบกันแบบนี้ทุกคนหรอกนะสองพี่น้องหลับไปอย่างสะลึมสะลือ พร้อมกับคำถามที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจ……ฉู่เฉินถือของวิเศษที่เขาส
ยุ่งอยู่ทั้งคืน ในที่สุดฉู่เฉินก็หลอมกระบี่สำเร็จมองดูกระบี่ล้ำค่าในมือที่ส่องประกายแสงสีแดงจางๆ และมีกลิ่นอายของอาวุธวิเศษระดับพิภพรางๆ ฉู่เฉินเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาส่วนกระบี่ชื่อหลงเล่มนั้น เพราะสูญเสียไอกระบี่ไปหมดแล้ว ตัวกระบี่ปรากฏรอยแตกร้าวหลายเส้น เพียงชั่วข้ามคืน มันก็ได้กลายสภาพเป็นกระบี่เหล็กสนิมเขรอะไปแล้วฉู่เฉินโยนกระบี่เล่มนั้นลงถังขยะ จากนั้นก็เดินออกจากห้องลับเวลาเช้าตรู่ อินซู่ซู่มาส่งอาหารเช้าเหมือนที่เคยทำในทุกเช้าแต่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องรับแขก อินซู่ซู่ก็ตะลึงค้างไปทันที คนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็คือผู้อาวุโสในสำนักศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นไม่ใช่เหรอ“ซู่ซู่ เป็นอะไรไป”ต้วนหลิงเวยเห็นอินซู่ซู่ยืนเหม่ออยู่หน้าประตู จึงโบกมือเรียกสติอินซู่ซู่“หา… เปล่าค่ะ… ไม่ได้เป็นอะไร คารวะท่านผู้อาวุโส”อินซู่ซู่ตกใจจริงๆ นางโค้งตัวให้อวี้ลู่พร้อมกับดวงหน้าน้อยๆ ที่ซีดเผือด ท่าทางนอบน้อมอย่างมากอวี้ลู่พยักหัวเล็กน้อย กวักมือเรียกอินซู่ซู่ “ข้าไม่ได้จะกินเจ้าเสียหน่อย กลัวอะไรกัน มานี่”อินซู่ซู่รีบวางมื้อเช้าลงบนโต๊ะ จากนั้นก็สาวเท้าเร็วๆ มาหยุดยืนต่อหน้าอวี้ลู่ อวี้ลู่จ้
พูดจบ นางสาวเท้าเดินไปหยุดยืนข้างโต๊ะ หยิบซาลาเปาหนึ่งหีบขึ้นมา เดินเข้าห้องของตัวเองไปโดยไม่หันหลังมามองอีก พร้อมกับปิดประตูเสียงดังน่าโมโหยิ่งนัก!นางเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือเชียวนะ!ต้องกลายมาเป็นองครักษ์ให้ผู้บำเพ็ญพรตระดับสร้างรากฐานตัวเล็กๆ คนหนึ่งไม่พอ ยังถูกเขาตำหนิต่อหน้าธารกำนัลอีก!ฉู่เฉินผู้นี้ ไม่มีความยำเกรงกันบ้างเลยหรืออย่างไร?!ถึงแม้เขาไม่รู้ว่านางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือ แต่พลังของนางก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งอยู่ตรงนี้แล้ว ฉู่เฉินไม่กลัวบ้างเลยหรืออย่างไรกรี๊ด!ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ยิ่งคิดก็ยิ่งเดือด!เสี่ยวหลงเปาที่นางชอบกินที่สุดตอนนี้กลับไม่อร่อยแล้วอินซู่ซู่มองแผ่นหลังของอวี้ลู่ที่เดินจากไปพร้อมกับความโกรธ ในใจรู้สึกซาบซึ้งเกินบรรยายนายท่านดีกับเธอเหลือเกิน เพื่อหนุนหลังเธอ เขาถึงขั้นไม่กลัวที่จะบาดหมางกับผู้อาวุโสท่านนั้น“นายท่าน… ขอบคุณมากค่ะ แต่จะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอคะ”อินซู่ซู่มองห้องของอวี้ลู่แวบหนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ไม่เป็นไร เธอแค่จำไว้ก็พอ อยู่กับฉันไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น ทุกคนเป็นพี่น้องกันหมด เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ”
“คุณชายฉู่ อาการป่วยของคุณหายดีแล้วจริง ๆ!”ต้าหลิงจื่อเห็นฉู่เฉินในชุดสูทเรียบกริบสง่างาม ก็ดูดีใจกับข่าวดีที่คาดไม่ถึงนิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัดแต่วินาทีต่อมา เธอก็ทำหน้าเหมือนเจ็บที่หน้าอกออกมาเมื่อกี้ชนแรงเกินไป ทำให้เธอเจ็บหน้าอก“แน่นอนอยู่แล้วครับ หลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วชิงเหอไม่เคยบอกพี่เหรอ?” ฉู่เฉินเก็บเอกสารที่ร่วงกระจัดกระจายบนพื้นพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลยค่ะ จนถึงวันนี้ทางคณะกรรมการบริหารยังไม่รู้เลยว่าคุณชายฉู่หายป่วยแล้ว อันที่จริงผู้ถือหุ้นหลายคนยังคงคิดถึงตระกูลฉู่กันมาก โดยเฉพาะระยะนี้บริษัทถูกแบนจนย่ำแย่มาก แทบจะไม่มีงานที่สร้างรายได้อะไรเลยค่ะ” ต้าหลิงจื่อกล่าวพลางย่อตัวลงไปเก็บเอกสารบนพื้นเช่นกันเรียวขางามที่สวมถุงน่องสีเนื้อ ขาวสะดุดตาโยกไหวไปมาอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน อีกทั้งยังสามารถมองเห็นขอบลูกไม้สีดำด้านในอย่างเลือนรางว่าไปแล้ว ตอนนี้ต้าหลิงจื่อใกล้จะสามสิบแล้ว ทว่าด้านการแต่งตัวกลับกล้าเปิดเผยยิ่งกว่าเมื่อก่อน แม้แต่ยกทรงก็สวมแบบครึ่งเต้า ไม่ใช่แบบเต็มเต้า แม้แต่เสื้อสูทขนาดเล็กตัวนั้นก็รับน้ำหนักไม่ไหวนิดหน่อย กระดุมเหมือนจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ