คิดได้ดังนั้น นัยน์ตางดงามของอวี้ลู่ก็พลันปรากฏไอสังหารอันเข้มข้น!นี่นางโดนไอ้มังกรลามกบัดซบหลอกงั้นหรือ?!ชั่วพริบตาหนึ่ง บ้านใหญ่ตระกูลฉู่ถูกไอสังหารอันเข้มข้นแผ่ปกคลุมไปทั้งหลังอุณหภูมิรอบด้านพลันติดลบในทันใดฉู่เฉินเองก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขายักคิ้ว มองหน้าอวี้ลู่ “พี่สาว นี่บ้านผมนะ พี่…”“ตายเสียเถอะ!”ฉู่เฉินยังพูดไม่ทันจบ อวี้ลู่พลันสับฝ่ามือเข้ามาเชี่ย!ยัยคนนี้เปลี่ยนสีหน้าเร็วกว่าพลิกหนังสือซะอีกฉู่เฉินตะลึงพรึงเพริด เขาเขย่งปลายเท้าโฉบตัวไปที่ประตูด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฝ่ามือลมของอวี้ลู่ไล่ตามมาติดๆ ราวกับเงา วินาทีต่อมาตามติดมาใกล้ฉู่เฉินอยู่ในระยะไม่ถึงสามนิ้วแล้วหากถูกฝ่ามือของอวี้ลู่โจมตีเข้า ฉู่เฉินมีสิบชีวิตก็ยังไม่รอดในวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวาน สัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดของฉู่เฉินถูกกระตุ้นออกมา พลังวิญญาณที่อยู่รอบตัวถูกขับเคลื่อนให้ปั่นป่วนราวกับคลื่นลูกใหญ่พริบตาต่อมา เขาไหวตัวไปด้านข้างด้วยท่าร่างที่รวดเร็วดุจสายฟ้าครืน!กำแพงที่อยู่ด้านข้างถูกฉู่เฉินพุ่งชนจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ ฉู่เฉินที่วิ่งทะลุกำแพงเพิ่งจะหยุดยืนในลานบ้าน อวี้ลู่ก็ตามติดม
ฉู่เฉินขัดขืนอยู่สองสามที แต่เมื่อพบว่าสู้มือเล็กๆ ที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าของอวี้ลู่ไม่ได้ จึงยอมแพ้ด้านการต่อสู้ทางร่างกาย และใช้การโจมตีด้วยเล่ห์กลแทน“จะ… เจ้าพูดเหลวไหลอะไร! สิ่ง… สิ่งนั้นจะงอกขึ้นมาเพื่อให้ผู้อื่นมองได้อย่างไรกัน!”อวี้ลู่เม้มปากเล็กๆ ย้อนถามอย่างโมโห“อย่างนั้นพี่บอกผมมาสิ ถ้าไม่ได้งอกขึ้นมาให้คนอื่นดู แล้วงอกขึ้นมาเพื่ออะไร ทำไมผมถึงไม่มีล่ะ”ข้า…อวี้ลู่ถูกถามจนถึงกับพูดไม่ออกนั่นสิ เหตุใดผู้ชายจึงไม่มีล่ะนางถามตนเองในใจ พลางยกมือเล็กๆ ขึ้นบีบดูสองสามครั้งครั้นนางยกมือขึ้นบีบ ก้อนกลมๆ สองก้อนนั้นก็กระเด้งไปมาอยู่ต่อหน้าฉู่เฉินทั้งอย่างนั้นฉู่เฉินเลือดกำเดาแทบพุ่ง“เหอะ! ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป หากยังมีครั้งหน้า คอยดูข้าจะควักลูกตาของเจ้าออกมาเสีย!”อวี้ลู่สะบัดมือข้างที่บิดหูของฉู่เฉินออก ก่อนจะดุนก้อนกลมๆ สองก้อนนั้นขึ้นอย่างโกรธๆ และดึงสายเอี๊ยมให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ครั้นนางดึงสายเอี๊ยมขึ้น ด้านล่างกลับมีความยาวไม่เพียงพออีกขอบลูกไม้สีชมพู รวมถึงต้นขาด้านในที่ขาวเนียนดุจหิมะถูกฉู่เฉินเห็นเข้าเต็มตาอีกครั้งขาคู่นั้น ยังไงก็ยาวมากพอที่จะ
เชี่ย!ต้วนหลิงเวยกับต้วนหลิงเสวี่ยที่แอบดูอยู่ด้านหนึ่งตะลึงค้างกับการกระทำนี้ของฉู่เฉินนายท่านช่างกล้าหลอกลวงคนอื่นจริงๆบ้านเก่าๆ กับลานสวนซอมซ่อนี่ไม่มีคนอาศัยอยู่มายี่สิบสามสิบปีแล้วมั้งนอกจากนี้ อาการบวมแดงที่ไหล่ของฉู่เฉินก็หายแล้ว ท่าทางเหมือนไม่ต้องให้ใครมาคอยปกป้องแล้วไม่ใช่เหรอที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือ คำพูดก่อนหน้าที่ฉู่เฉินบอกว่าตัวเองชอบช่วยเหลือคนอื่นแต่จะว่าไปแล้วก็ใช่ เขายุ่งอยู่กับการช่วยทำลูกให้หลายๆ ครอบครัวทุกวี่ทุกวันจริงๆเมื่อวานก็ไปสร้างความสุขให้กับหญิงหม้ายคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าตั้งท้องแล้วหรือยัง“เจ้ายังต้องการอะไรอีก อย่างมากข้าก็แค่สั่งให้คนสร้างลานบ้านที่เหมือนกันทุกประการขึ้นมาใหม่ก็ได้”อวี้ลู่ถึงขั้นหมดคำพูดแล้วจริงๆ ถึงแม้นางเพิ่งมาถึงโลกมนุษย์ได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่นางก็เคยเห็นโฆษณาเกี่ยวกับบ้านเรือนอาคาร บ้านเก่าๆ หลังนี้ของฉู่เฉิน ตั้งอยู่ในที่ลับตาคนไม่พอ กำแพงอิฐก็แตกร้าวหมดแล้วนั่นขายในราคาห้าแสนก็ยังขายไม่ออกเลยกระมัง“ผมว่านะพี่สาว พี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า บ้านเก่าหลังนี้ของผมเป็นมรดกตกทอดกันมาสิบกว่ารุ่นแล้วนะ”ฉู่เฉินชี้กำแพงด้านที
“พวกเธอสองคนอย่ามัวแต่แอบดู ไปทำความสะอาดห้องให้พี่อวี้ลู่ของพวกเธอหนึ่งห้อง จำไว้ ต้องใช้ผ้าปูเตียงใหม่ด้วย” สองพี่น้องพยักหน้ารับพร้อมกัน มีหรือจะกล้าตั้งคำถามเพียงไม่ถึงสิบนาที พวกเธอก็จัดแจงห้องพักให้อวี้ลู่เสร็จเรียบร้อยแล้วอวี้ลู่กวาดมองการตกแต่งในห้องแวบหนึ่ง แม้จะเรียบง่าย แต่ผ้าปูเตียงล้วนเป็นของใหม่ แถมยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้จางๆ ปกคลุมอยู่ นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ไม่มีอะไรแล้ว พวกเธอไปนอนได้ ฉันกับพี่อวี้ลู่ของพวกเธอยังมีเรื่องสำคัญต้องคุยกันต่ออีก ถ้าไม่มีธุระห้ามเข้ามารบกวน”“ค่ะ นายท่าน!”สองพี่น้องสกุลต้วนรีบออกจากห้องของอวี้ลู่ แต่ยังคงเงี่ยหูฟังเสียงเคลื่อนไหวทางฝั่งอวี้ลู่อย่างไม่ยอมลดละพวกเธอสองคนอยากรู้ว่าเสียงของยอดฝีมืออย่างอวี้ลู่เวลาทำเรื่องอย่างนั้นจะเป็นยังไงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเธอสองพี่น้องผิดหวังก็คือ พวกเธออุตส่าห์อดทนรอนานถึงครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อยคงไม่ใช่ว่าเวลาทำเรื่องอย่างนั้น ยอดฝีมือมักจะเงียบกันแบบนี้ทุกคนหรอกนะสองพี่น้องหลับไปอย่างสะลึมสะลือ พร้อมกับคำถามที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจ……ฉู่เฉินถือของวิเศษที่เขาส
ยุ่งอยู่ทั้งคืน ในที่สุดฉู่เฉินก็หลอมกระบี่สำเร็จมองดูกระบี่ล้ำค่าในมือที่ส่องประกายแสงสีแดงจางๆ และมีกลิ่นอายของอาวุธวิเศษระดับพิภพรางๆ ฉู่เฉินเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาส่วนกระบี่ชื่อหลงเล่มนั้น เพราะสูญเสียไอกระบี่ไปหมดแล้ว ตัวกระบี่ปรากฏรอยแตกร้าวหลายเส้น เพียงชั่วข้ามคืน มันก็ได้กลายสภาพเป็นกระบี่เหล็กสนิมเขรอะไปแล้วฉู่เฉินโยนกระบี่เล่มนั้นลงถังขยะ จากนั้นก็เดินออกจากห้องลับเวลาเช้าตรู่ อินซู่ซู่มาส่งอาหารเช้าเหมือนที่เคยทำในทุกเช้าแต่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องรับแขก อินซู่ซู่ก็ตะลึงค้างไปทันที คนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็คือผู้อาวุโสในสำนักศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นไม่ใช่เหรอ“ซู่ซู่ เป็นอะไรไป”ต้วนหลิงเวยเห็นอินซู่ซู่ยืนเหม่ออยู่หน้าประตู จึงโบกมือเรียกสติอินซู่ซู่“หา… เปล่าค่ะ… ไม่ได้เป็นอะไร คารวะท่านผู้อาวุโส”อินซู่ซู่ตกใจจริงๆ นางโค้งตัวให้อวี้ลู่พร้อมกับดวงหน้าน้อยๆ ที่ซีดเผือด ท่าทางนอบน้อมอย่างมากอวี้ลู่พยักหัวเล็กน้อย กวักมือเรียกอินซู่ซู่ “ข้าไม่ได้จะกินเจ้าเสียหน่อย กลัวอะไรกัน มานี่”อินซู่ซู่รีบวางมื้อเช้าลงบนโต๊ะ จากนั้นก็สาวเท้าเร็วๆ มาหยุดยืนต่อหน้าอวี้ลู่ อวี้ลู่จ้
พูดจบ นางสาวเท้าเดินไปหยุดยืนข้างโต๊ะ หยิบซาลาเปาหนึ่งหีบขึ้นมา เดินเข้าห้องของตัวเองไปโดยไม่หันหลังมามองอีก พร้อมกับปิดประตูเสียงดังน่าโมโหยิ่งนัก!นางเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือเชียวนะ!ต้องกลายมาเป็นองครักษ์ให้ผู้บำเพ็ญพรตระดับสร้างรากฐานตัวเล็กๆ คนหนึ่งไม่พอ ยังถูกเขาตำหนิต่อหน้าธารกำนัลอีก!ฉู่เฉินผู้นี้ ไม่มีความยำเกรงกันบ้างเลยหรืออย่างไร?!ถึงแม้เขาไม่รู้ว่านางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือ แต่พลังของนางก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งอยู่ตรงนี้แล้ว ฉู่เฉินไม่กลัวบ้างเลยหรืออย่างไรกรี๊ด!ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ยิ่งคิดก็ยิ่งเดือด!เสี่ยวหลงเปาที่นางชอบกินที่สุดตอนนี้กลับไม่อร่อยแล้วอินซู่ซู่มองแผ่นหลังของอวี้ลู่ที่เดินจากไปพร้อมกับความโกรธ ในใจรู้สึกซาบซึ้งเกินบรรยายนายท่านดีกับเธอเหลือเกิน เพื่อหนุนหลังเธอ เขาถึงขั้นไม่กลัวที่จะบาดหมางกับผู้อาวุโสท่านนั้น“นายท่าน… ขอบคุณมากค่ะ แต่จะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอคะ”อินซู่ซู่มองห้องของอวี้ลู่แวบหนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ไม่เป็นไร เธอแค่จำไว้ก็พอ อยู่กับฉันไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น ทุกคนเป็นพี่น้องกันหมด เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ”
“คุณชายฉู่ อาการป่วยของคุณหายดีแล้วจริง ๆ!”ต้าหลิงจื่อเห็นฉู่เฉินในชุดสูทเรียบกริบสง่างาม ก็ดูดีใจกับข่าวดีที่คาดไม่ถึงนิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัดแต่วินาทีต่อมา เธอก็ทำหน้าเหมือนเจ็บที่หน้าอกออกมาเมื่อกี้ชนแรงเกินไป ทำให้เธอเจ็บหน้าอก“แน่นอนอยู่แล้วครับ หลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วชิงเหอไม่เคยบอกพี่เหรอ?” ฉู่เฉินเก็บเอกสารที่ร่วงกระจัดกระจายบนพื้นพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลยค่ะ จนถึงวันนี้ทางคณะกรรมการบริหารยังไม่รู้เลยว่าคุณชายฉู่หายป่วยแล้ว อันที่จริงผู้ถือหุ้นหลายคนยังคงคิดถึงตระกูลฉู่กันมาก โดยเฉพาะระยะนี้บริษัทถูกแบนจนย่ำแย่มาก แทบจะไม่มีงานที่สร้างรายได้อะไรเลยค่ะ” ต้าหลิงจื่อกล่าวพลางย่อตัวลงไปเก็บเอกสารบนพื้นเช่นกันเรียวขางามที่สวมถุงน่องสีเนื้อ ขาวสะดุดตาโยกไหวไปมาอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน อีกทั้งยังสามารถมองเห็นขอบลูกไม้สีดำด้านในอย่างเลือนรางว่าไปแล้ว ตอนนี้ต้าหลิงจื่อใกล้จะสามสิบแล้ว ทว่าด้านการแต่งตัวกลับกล้าเปิดเผยยิ่งกว่าเมื่อก่อน แม้แต่ยกทรงก็สวมแบบครึ่งเต้า ไม่ใช่แบบเต็มเต้า แม้แต่เสื้อสูทขนาดเล็กตัวนั้นก็รับน้ำหนักไม่ไหวนิดหน่อย กระดุมเหมือนจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่
ภายใต้สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ผู้หญิงแบบเธอหาได้ยากจริง ๆ “อื้ม ขอบคุณนะคะ คุณชายฉู่” ต้าหลิงจื่อเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า เอ่ยพร้อมกับส่งรอยยิ้มทรงเสน่ห์ให้ฉู่เฉิน “คุณชายฉู่ ถ้าเกิดมีเวลา กลับไปดูบริษัทบ้างดีกว่านะคะ” “ฉันคิดว่าถ้าเกิดกรรมการแล้วก็ผู้จัดการแผนกพวกนั้นได้เจอคุณชายฉู่ละก็ พวกเขาจะต้องมีใจเอนเอียงมาทางตระกูลฉู่อย่างแน่นอนค่ะ”คำพูดนี้ของต้าหลิงจื่อแฝงความนัยบางอย่างที่ลึกซึ้งเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าจนถึงตอนนี้ทั่วทั้งฉู่ซื่อกรุ๊ปยังไม่ได้ยอมรับหลิ่วชิงเหอกับลูกสาว“อืม ผมจะไป เพียงแต่ว่าไม่ได้ไปเอาบริษัทกลับมา แต่ไปเยี่ยมพี่โดยเฉพาะ” ฉู่เฉินกล่าวจบก็เพิ่มเพื่อนกับต้าหลิงจื่อในไลน์ ก่อนจะโอนเงินไปหนึ่งแสนห้าหมื่นบาททันที “คุณชายฉู่ นี่คุณทำอะไรคะ?”ต้าหลิงจื่อมองไปทางฉู่เฉินด้วยความประหลาดใจ “รับไว้เถอะครับ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนชั่วคราว ไว้มีเวลา ผมจะให้หลิ่วชิงเหอเพิ่มเงินเดือนให้พี่” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ต้าหลิงจื่อมองฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีอยู่ชั่วขณะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ที่อยู่ข้างมือของฉู่เฉินพลันดังขึ้นหลัง
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ
“ติ๊ง!”เวลานี้เอง ภายในสนามกีฬาเจียงจง หลี่จวิ้นเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนพลันได้ยินเสียงใสกังวานดังขึ้นข้างหูสำเร็จแล้ว!หลี่จวิ้นเฟิงลืมตาขึ้นฉับพลัน ท่าทางดูล้ำลึกจนยากจะคาดเดา เขายกเตาหลอมโอสถบนพื้นขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว แล้วเอ่ยปากพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ยาเทวดาสำเร็จแล้ว สามารถทดสอบผลลัพธ์ได้ทันที!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่จวิ้นเฟิงก็เปิดฝาเตาหลอมโอสถ ยาสีดำสามเม็ดกลิ้งจากเตาหลอมโอสถมาที่มือของหลี่จวิ้นเฟิงไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เลือกผู้โชคดีสามคนจากที่นั่งผู้ชมด้านล่างเวที ทั้งสามคนล้วนเป็นผู้สูงวัยอายุเกิดหกสิบปี นอกจากนี้ยังมีคนหนึ่งถือผลตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล ป่วยเป็นโรคระบบหัวใจหลอดเลือดอย่างรุนแรง ใส่ขดลวดหัวใจไว้ในร่างกายสามอันแล้วหลี่จวิ้นเฟิงส่งยาในมือให้คนผู้นั้นหนึ่งเม็ดทันที แล้วยื่นน้ำแร่ไปให้อีกหนึ่งขวดผู้สูงอายุทั้งสามคนกินยาของหลี่จวิ้นเฟิงลงไปแล้ว อาการป่วยก็ดีขึ้นมากจริง ๆ ถึงขนาดที่ผู้ป่วยอาการหนักที่สุดคนนั้น จากเดิมที่ถูกลูกชายลูกสาวประคองขึ้นเวที แต่หลังจากกินยาเข้าไปก็ยืดตัวตรง เดินลงจากเวทีด้วยตัวเอง เมื่อเห็นฉากนี้ หลายคนที่ก่อนหน้านี้วิพากษ์วิ
แต่ยาลูกกลอนที่กระถางยาของเขาหลอมออกมาได้ก็สาเหตุมาจากยันต์อักขระเหล่านั้น ราวกับผลิตออกมาจากสายการผลิตไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหรือคุณภาพของยาที่หลอมสำเสร็จ เทียบไม่ได้กับกระถางยาทองคำม่วงที่อยู่ในมือของฉู่เฉินแม้แต่น้อยหลี่จวิ้นเฟิงอดหัวเราะขำขันออกมาไม่ได้หลังจากเห็นกระถางยาที่ขึ้นสนิมในมือฉู่เฉิน จึงชี้ไปยังกระถางยาทองคำม่วงในมือฉู่เฉินพร้อมกล่าวขึ้น “คนแซ่ฉู่ ไม่ใช่ว่ากะอีแค่กระถางยาที่ดีกว่านี้หน่อยยังซื้อไม่ไหวหรอกนะ”“นี่เก็บสินค้าแผงลอยจากตลาดขยะที่ไหนมา ยังกล้าเอามาหลอมโอสถอีก ไม่กลัวคนกินแล้วตายหรือไง”ฉู่เฉินคร้านจะสนใจเขาเลยหยิบวัตถุดิบยาสองสามชนิดออกมาจากในกองสมุนไพร แล้วใช้มือเดียวบี้บดจนวัตถุดิบเหล่านั้นเป็นผง จากนั้นจึงโยนผงยาที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ทิ้งไปขณะที่ผงสมุนไพรเข้าสู่กระถางยาทองคำม่วง ฉู่เฉินก็ถ่ายพลังวิญญาณมายังกลางฝ่ามือต่อจากนั้นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของฉู่เฉินราวกับเล่นกลหลี่จวิ้นเฟิงไม่กล่าววาจาใดอีก คว้าวัตถุดิบยาแล้วก็นำวัตถุดิบยาทั้งหมดใส่เข้าไปในกระถางยาเป็นไปตามที่อวี้ลู่คาดการณ์ไว้เลย ในกระบวนการหลอมโอสถทั้งหมด หลี่จวิ้นเฟิง
“หรูเยียน ที่ลูกพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ”หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้างถ้าเป็นอย่างที่หลิ่วหรูเยียนพูดมาจริง ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าก็หลอกล่อเอาสูตรยาบำรุงปราณมาจากฉู่เฉินในช่วงที่ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด ฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะได้มียาบำรุงปราณขายด้วยเช่นกันแล้วนี่?คิดเรื่องพวกนี้แล้วหลิ่วชิงเหอก็กลับมานั่งลงที่เดิม จากที่ตอนแรกกะจะลุกขึ้นเตรียมออกจากสนามแข่งขันนี้ไป“จริงแท้แน่นอน หลี่จวิ้นเฟิงบอกกับหนูเองเลยนะ อีกอย่าง ถ้าเขาไม่มั่นใจก็คงไม่เลือกการแข่งขันหลอมโอสถหรอกค่ะ”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางยิ้มชั่วร้ายแม้ฉู่เฉินชนะไปรอบหนึ่งแล้ว ยังไงการแข่งขันรอบสองก็ถือว่าเสมอกันขอแค่หลี่จวิ้นเฟิงชนะการแข่งขันรอบที่สาม ผลก็จะออกมาเสมอกันทุกคนฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะไม่ขายหน้า และในทางตรงกันข้ามก็ยังได้รับความนิยมและประโยชน์โดยอาศัยการแข่งขันรอบที่สามนี้ด้วย ……อีกด้านหนึ่ง ถังจิ้งจือที่นั่งอยู่ตำแหน่งกรรมการก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป เยาะเย้ยกล่าว “ใช่แล้วยังไงล่ะ หรือว่าการแข่งขันรอบสามนี้ไม่ยอดเยี่ยมน่าชมหรอกเหรอ”“พวกคุณอย่าลืมซะล่ะ สามารถจัดการแข่งขันแพทย์แผนจีนตลอดทั้งปีนี้ได้ก็เพร
หลินจื้อหงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะกล่าวเสียงดังลั่น“ท่านหลิน ผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดคุณ!”ถังจิ้งจือเบะปากกล่าว “การแข่งขันแพทย์แผนจีนคราวก่อนก็จับฉลากได้ผู้ป่วยอาการแตกต่างกัน หรือใครจับได้โรคอาการรุนแรงก็ถือว่าคนนั้นชนะเหรอ?”“กฎก็เขียนชัดเจนอยู่แล้วว่าตัดสินจากการรักษา”“ไม่ใช่ความผิดของคุณหลี่ที่หยิบได้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ก็คงกล่าวได้ว่าคุณหลี่มีคุณธรรมสูงส่งโชคเข้าข้างเขาก็เท่านั้น”“ส่วนฉู่เฉินรักษาคนไข้โรคฝีหนองทั้งร่างนั้นหายได้ก็เป็นวาสนาของคนไข้รายนั้น ไม่ใช่ผลงานของฉู่เฉินฝ่ายเดียว ดังนั้นฉันคิดว่าการแข่งขันนี้ต้องตัดสินเสมอกันเท่านั้น”แม่ง!จางเสวี่ยเหยียนเริ่มเกิดความคิดอยากจะตบปากคน!ฮว่าจิ่วหยางสูดลมหายใจลึก ถึงยังไงพวกเขาไม่กี่คนก็ล้วนเป็นกรรมการ หากมีการทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างกรรมการด้วยกันเอง จะทำให้คนอื่นเห็นวงการแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องตลกฮว่าจิ่วหยางคิดแล้วก็หันหน้าไปกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณยอมรับคำตัดสินของท่านถังนี้หรือไม่” ฉู่เฉินยิ้มเยาะ มองสำรวจหลี่จวิ้นเฟิงและถังจิ้งจือ แล้วพยักหน้ากล่าว “ก็ได้ ถ้าผมไม่ยอมรับ เจ้าสอ