ภายใต้สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ผู้หญิงแบบเธอหาได้ยากจริง ๆ “อื้ม ขอบคุณนะคะ คุณชายฉู่” ต้าหลิงจื่อเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า เอ่ยพร้อมกับส่งรอยยิ้มทรงเสน่ห์ให้ฉู่เฉิน “คุณชายฉู่ ถ้าเกิดมีเวลา กลับไปดูบริษัทบ้างดีกว่านะคะ” “ฉันคิดว่าถ้าเกิดกรรมการแล้วก็ผู้จัดการแผนกพวกนั้นได้เจอคุณชายฉู่ละก็ พวกเขาจะต้องมีใจเอนเอียงมาทางตระกูลฉู่อย่างแน่นอนค่ะ”คำพูดนี้ของต้าหลิงจื่อแฝงความนัยบางอย่างที่ลึกซึ้งเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าจนถึงตอนนี้ทั่วทั้งฉู่ซื่อกรุ๊ปยังไม่ได้ยอมรับหลิ่วชิงเหอกับลูกสาว“อืม ผมจะไป เพียงแต่ว่าไม่ได้ไปเอาบริษัทกลับมา แต่ไปเยี่ยมพี่โดยเฉพาะ” ฉู่เฉินกล่าวจบก็เพิ่มเพื่อนกับต้าหลิงจื่อในไลน์ ก่อนจะโอนเงินไปหนึ่งแสนห้าหมื่นบาททันที “คุณชายฉู่ นี่คุณทำอะไรคะ?”ต้าหลิงจื่อมองไปทางฉู่เฉินด้วยความประหลาดใจ “รับไว้เถอะครับ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนชั่วคราว ไว้มีเวลา ผมจะให้หลิ่วชิงเหอเพิ่มเงินเดือนให้พี่” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ต้าหลิงจื่อมองฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีอยู่ชั่วขณะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ที่อยู่ข้างมือของฉู่เฉินพลันดังขึ้นหลัง
ซี้ด!ถานหลิงได้ยินคำกล่าว สีหน้าก็เปลี่ยนไปฉับพลัน! ฉู่เฉินคงไม่ได้คิดจะทำอะไรฉินอวี่ซานหรอกใช่ไหม? ถึงแม้ว่าเธอเตรียมตัวโดนฉู่เฉินย่ำยีแล้ว แต่ฉินอวี่ซานเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอนะ ถ้าเกิดโดนฉู่เฉินหว่านเมล็ดพันธุ์ละก็ เช่นนั้นต่อไปความสัมพันธ์ระหว่างลูกของเธอกับฉินอวี่ซานคงสับสนวุ่นวายไปทั้งชาติแล้ว“คะ...คุณฉู่ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำเกินเลยมากไปนะคะ!” ถานหลิงหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย กัดฟันแน่นแล้วลดเสียงกล่าว“ผมทำเกินเลย?”ฉู่เฉินยิ้มร้ายพลางมองไปทางถานหลิงแล้วกล่าวว่า “ถ้าเกิดเธออาสาเองล่ะ?” เมื่อคำพูดนี้ออกมาก็ทำให้ถานหลิงสะอึกจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว“คุณฉู่คะ ฉันยอมรับว่าตระกูลจางของพวกเราขาดศีลธรรม แต่ว่าลูกชายของฉันก็ได้ชดใช้แล้ว ขอร้องนะคะ อย่าทำอะไรอวี่ซานอีกเลย...”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ พูดตัดบทถานหลิงว่า “ความรักระหว่างชายหญิงเป็นเรื่องของความยินยอมจากทั้งสองฝ่ายเสมอ ผมไม่ได้บีบบังคับเธอ ใช่หรือเปล่า?” เมื่อฉู่เฉินกล่าวถึงตรงนี้ก็หันหน้าไปมองจ้าวเจวียนแวบหนึ่งจ้าวเจวียนเม้มปากยิ้ม จุด ๆ นี้ความเงียบมีชัยเหนือเสียงแล้ว ถานหลิงทั้งโกรธทั้งโมโห แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรม
ไม่ว่าจะเทียบด้านหน้าตาหรือว่ารูปร่าง มีตรงไหนที่เธอด้อยกว่าจ้าวเจวียนบ้าง ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังสาวด้วยนักตกทองระดับสูงแบบเธอ รู้ดีที่สุดว่าผู้ชายซื่อสัตย์มากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่า หรือว่าชายชราอายุเจ็ดสิบแปดสิบต่างก็ชอบผู้หญิงอายุแค่สิบแปดทั้งนั้นอายุน้อย หุ่นแซบ นี่ก็คือต้นทุนในการสร้างความร่ำรวยของเธอ ซ่า ๆๆ! หลังจากที่ว่ายน้ำในสระสองรอบ ในที่สุดก็เห็นฉู่เฉินผลักประตูเดินออกมา ฉินอวี่ซานพลิกตัวในน้ำแล้วว่ายท่ากรรเชียงทันทีหน้าอกอวบอิ่มคู่นั้นยิ่งดูเต่งตึงและขาวเนียนเย้ายวนใจมากขึ้นภายใต้การทำงานร่วมกันของชุดบิกินีและสระว่ายน้ำ“โอ๊ย!” ขณะที่ฉู่เฉินเพิ่งจะเดินมาถึงขอบสระ ฉินอวี่ซานที่เมื่อกี้ยังว่ายน้ำอย่างเพลิดเพลินมีความสุขพลันกรีดร้องขึ้นมา ก่อนจะยื่นแขนขาวนวลโบกมือให้ฉู่เฉินพลางพูดว่า “คุณฉู่...ขะ...ขาของฉันเหมือนจะเป็นตะคริวแล้ว รีบมาช่วยฉันทีค่ะ” เฮ้ย! เสียงเล็ก ๆ นี้ทั้งออดอ้อนทั้งเย้ายวนมาก ดูท่าทางนั้นไม่เหมือนกับเป็นตะคริวเลย แต่เหมือนถูกแผดเผาด้วยไฟราคะดวงหน้าเล็กนั้นแดงปลั่ง ริมฝีปากเล็กเผยอเล็กน้อย จงใจแลบลิ้นหอมหวนออกมา ทำตาปรือ
“ฮึ! นั่นก็ไม่ได้อยู่ดี!”เวลานี้ความรู้สึกของถานหลิงซับซ้อนขึ้นกว่าเดิมก่อนหน้านี้เธอแค่คิดว่าฉู่เฉินมีวิชาแพทย์นิดหน่อยเท่านั้น แต่คนที่สามารถทำให้หยางเทียนหลงซึ่งเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเจียงจงคุกเข่าได้ เบื้องหลังของเขาจะต้องน่ากลัวระดับไหนกัน?เมื่อเทียบกับตระกูลหยางแล้ว ตระกูลจางก็เป็นตัวตนที่เหมือนกับมดแมลงเท่านั้นถ้าเกิดปล่อยให้ฉินอวี่ซานอาศัยการอำนวยความสะดวกของตระกูลจางเกาะทางรถด่วนของฉู่เฉินละก็ เช่นนั้นภายภาคหน้า นังฉินอวี่ซานไม่นั่งอึบนหัวตระกูลจางของพวกเขาเลยเหรอ? ไม่ได้! ไม่ว่าอย่างไรก็จะปล่อยให้เธอสมหวังไม่ได้! ถานหลิงยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนใจมากขึ้น แต่เสียงที่ดังมาจากทางลานหลังบ้านกลับเหมือนจงใจยั่วยุเธอ อย่าว่าแต่ดังขึ้นเรื่อย ๆ เลย มันยังมีเสียงครางปนมาด้วยแม้แต่เจียงเหวินป๋อกับจางปินที่กำลังยุ่งอยู่ตรงลานหน้าบ้านก็ยังได้ยินราง ๆ “หืม?” เจียงเหวินป๋อเป็นคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เมื่อได้ยินเสียงนี้ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ในพริบตา เขาหันหน้าไปมองจางปินแล้วพูดว่า “นี่มันเสียงอะไร คงไม่ใช่ว่ากลางวันแสก ๆ ข้างบ้านคุณยัง...”จางปินได้ยินคำกล่าวก็อึ้งไป เนื่องจา
หากจะเทียบด้านการปรนนิบัติจริง ๆ ละก็ ถานหลิงสามารถบดขยี้นังแพศยาฉินอวี่ซานในด้านประสบการณ์ได้อย่างสิ้นเชิงวินาทีต่อมา นัยน์ตางดงามของถานหลิงฉายแววเด็ดเดี่ยว ก่อนจะเอ่ยพลางยิ้มให้ฉู่เฉิน “คุณฉู่ คุณไม่กลัวจางปินจะเห็นเหรอคะ?”แม้ว่าปากของเธอจะพูดแบบนี้ แต่ร่างกายกลับค่อย ๆ เอนตัวไปทางด้านหลังเล็กน้อยที่หน้าเคาน์เตอร์ล้างจาน อาศัยเคาน์เตอร์ล้างจานบังร่างของฉู่เฉินไว้ ยั่วยวน!นี่ถึงเป็นการยั่วยวนอย่างแท้จริง!ปากบอกว่าไม่ต้องการ แต่ร่างกายกลับซื่อสัตย์มาก นี่ก็คือการยั่วเย้าอย่างมาก กลิ่นฮอร์โมนแพร่กระจายไปทั่วทั้งห้องโถง จ้าวเจวียนชาไปหมดทั้งตัวแล้ว ต้องรู้ไว้ว่าที่นี่ห่างจากลานหน้าบ้านเพียงแค่หน้าต่างกระจกกั้นกลางไว้เท่านั้นฉู่เฉินเขา...เขากล้าลงมือจริง ๆ เหรอ? เธอค่อย ๆ หันหน้าไปมองถานหลิงที่ผมสลวยเต็มศีรษะกำลังพลิ้วไหวไม่หยุด จ้าวเจวียนกลืนน้ำลายหนัก ๆ พูดตามตรง ต่อให้เจียงเหวินป๋อรู้เรื่องทุกอย่าง เธอก็ไม่กล้าทำเรื่องเกินเลยขนาดนี้ต่อหน้าเจียงเหวินป๋อเด็ดขาด ในตอนนี้เอง ประตูห้องพลันเปิดออก จางปินเดินเข้ามาพลางเช็ดเหงื่อร้อน ๆ บนหน้าผากชั่วขณะหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น
จ้าวเจวียนรู้สึกแค่ว่าสมองของตัวเองใกล้จะขัดข้องแล้วฉู่เฉินล้อเล่นมากไปหน่อยแล้วตีเธอตอนไหนก็ไม่ว่า แต่จู่ ๆ ดันทำแบบนี้ต่อหน้าจางปินในเวลานี้“เจวียนจื่อ ยังไม่รีบหั่นอีก รออะไรอยู่ล่ะ” ถานหลิงทำตามวิธีการของฉู่เฉิน ตบสะโพกงอนของจ้าวเจวียนแรง ๆ ร่างกายของจ้าวเจวียนสั่นไหวเล็กน้อย เหมือนวิญญาณกลับเข้าร่าง เธอรีบพยักหน้าติดต่อกันแล้วพูดว่า “อ้อ ได้ ๆ ได้ค่ะ”เมื่อเห็นฉากนี้ จางปินถึงค่อยหันกายเดินกลับไปที่ลานหน้าบ้านด้วยความสบายใจจนกระทั่งเห็นจางปินเดินจากไปไกลแล้ว ขาสองข้างที่เกร็งแน่นของถางหลิงพลันอ่อนยวบ ก่อนจะทรุดอยู่บนตัวฉู่เฉิน นี่แม่งน่าตื่นเต้นเกินไปแล้วเมื่อกี้ระยะห่างที่ใกล้ที่สุดระหว่างเธอกับจางปินยังไม่ถึงสองเมตรเลยด้วยซ้ำสองเมตรเลยนะก่อนหน้านี้ต่อให้เธอฝันก็ยังไม่กล้าจินตนาการถึงภาพแบบนี้เลยแต่ว่าความรู้สึกหวาดเสียวและตื่นเต้นเช่นนี้ได้สร้างความกระทบกระเทือนทางจิตใจให้เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “พวกเราขึ้นไปข้างบนกันดีไหมคะ?”ถานหลิงหันหน้าไปมองฉู่เฉินที่อยู่ด้านหลังด้วยสายตาอ้อนวอนฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อย จนกระทั่งถอนตัวออกมาแล้วอุ้มจ้าวเจวียนที่อยู่ทา
“เฮ้อ สมัยนี้ ใครจะไม่โดนสวมเขาบ้างล่ะ ไม่เคยได้ยินคนพูดเหรอว่าอยากจะใช้ชีวิตก็ต้องสวมเขาซะบ้าง ภรรยาก็ให้คนอื่นเล่นด้วยถึงจะได้ดูเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่าย” ตอนนี้เจียงเหวินป๋อดูปล่อยวางแล้วเช่นกัน ทุกอย่างไม่สำคัญแล้ว ขอเพียงจ้าวเจวียนยังเป็นภรรยาในนามของเขา ส่วนจะโดนสวมเขาหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ในขอบเขตพิจารณาของเขาแล้วยิ่งไปกว่านั้น ฉู่เฉินก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาขาดทุนจริง ๆ แค่รถลัมโบร์กินีคันนี้ ต่อให้เขาทำงานอีกสองชาติก็ไม่มีทางซื้อได้เลย“ไสหัวลงไปเลย! ไอ้สวะ!” จ้าวเจวียนถลึงตาใส่เจียงเหวินป๋ออย่างดุกัน ด่าทอเสียงเย็นชาผู้ชายที่ทำตัวถึงขั้นเจียงเหวินป๋อได้ มันเกินทนจริง ๆ ตอนแรกเธอตาบอดไปแต่งงานกับคนไม่ได้เรื่องแบบนี้ได้อย่างไร? “ฮึ ฉันเป็นสวะเหรอ? ถ้าเกิดฉันเป็นสวะ งั้นจางปินก็ต้องไปกระโดดตึกแล้ว!”เจียงเหวินป๋อทำหน้าเคร่งขรึมฉับพลัน เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเมื่อกี้พวกเธอทำอะไรบ้างนะ ฉันไม่เปิดโปงเธอ เธอก็เห็นแก่หน้าฉันบ้างด้วยสิ แบบนี้ทุกคนถึงจะรักษาหน้าต่อไปได้”“ไม่งั้น ถ้าเรื่องนี้ใหญ่โตขึ้นมาจริง ๆ ก็จะไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น!” “ขับรถสิ!”
ฉู่เฉินหัวเราะหยัน มองเนินอกขาวเนียนของหลิ่วหรูเยียนอย่างละเอียดแล้วพูดว่า “โรงพยาบาลนี้ไม่ได้ดำเนินกิจการโดยครอบครัวของพวกเธอ มีสิทธิอะไรที่ฉันจะมาไม่ได้?” “อีกอย่าง การที่พวกเธอได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลประชาชนก็เป็นเพราะฉันผลักดันให้เกิดขึ้น จะไม่พูดขอบคุณสักคำเลยหรือไง?” ไม่เอ่ยคำพูดนี้ก็ยังดี แต่ทันทีที่ฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ ดวงหน้างดงามของหลิ่วหรูเยียนก็เย็นชาลงในพริบตา“ฉู่เฉิน แกมันไอ้คนสารเลว ยังอยากให้ฉันขอบคุณแกอีกเหรอ? แกทำอะไรเอาไว้ แกรู้ดีแก่ใจตัวเอง!”หลิ่วหรูเยียนกัดฟันจนแทบจะแตกแล้ว!เมื่อคืนตอนที่หลิ่วชิงเหอกลับไปที่บ้าน กระโปรงบนตัวไม่เพียงแต่ขาดเท่านั้น แม้แต่ตอนเดินก็ยังกะโผลกกะเผลกด้วยไม่ต้องถาม หลิ่วหรูเยียนก็เข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉู่เฉินรังแกคนเกินไปแล้ว! “อ้อ? ฉันทำอะไรล่ะ? นั่นเป็นสิ่งที่หลิ่วชิงเหออาสาเองนะ ทุกคนยื่นหมูยื่นแมวกัน แลกเปลี่ยนกันด้วยความเท่าเทียมล้วน ๆ ทำไมพอมาจากปากของเธอ เหมือนฉันทำความผิดมหันต์อะไรเลยล่ะ?” ฉู่เฉินมองหลิ่วหรูเยียนพลางหัวเราะเบา ๆ“แก...”หลิ่วหรูเยียนกัดริมฝีปาก แทบอยากจะฉีกปากของฉู่เฉินให้เละ! “แกอะไร? พ
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ