ฉู่เฉินแค่นเสียงหัวเราะ มองซ่งหรูเซียนที่กำลังโมโหแวบหนึ่งอย่างเหยียดหยาม “ถ้าอย่างนั้นผมขอเตือนคุณ ให้รีบหารถฉุกเฉินเอาไว้ เพราะว่าอีกเดี๋ยวคุณต้องได้กินหยกลายโลหิตก้อนนี้แน่”“เธอ! ไอ้หนู อวดดีเกินไปแล้ว!” ซ่งหรูเซียนกล่าวอย่างโมโห ชี้นิ้วทางด้านนี้ ฉู่เฉินลุกขึ้น สองมือเท้าสะเอว เดินมาตรงหน้าของปรมาจารย์กัวที่สีหน้าเขียวคล้ำ สายตาอึมครึม พูดพร้อมกับแสยะยิ้ม “ปรมาจารย์กัว คุณจะยอมรับเองตรง ๆ ว่าหยกลายโลหิตนี้เป็นของปลอม หรือว่าจะให้ผมเปิดโปงคุณดีล่ะ?”ปรมาจารย์กัวที่ตาตี่จมูกโด่งคนนั้น ดวงตาเขม็ง สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เชิดหน้าขึ้น กล่าวอย่างเหยียดหยาม “ไอ้หนู เธอหมายความว่ายังไง?”“หยกลายโลหิตก้อนนี้ของฉัน เป็นหยกโบราณชั้นยอด เป็นของวิเศษที่ผู้วิเศษท่านหนึ่งทำขึ้น”“คิดว่าทุกท่านที่อยู่ตรงนี้ก็สัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของหยกลายโลหิตก้อนนี้ใช่ไหมล่ะ? ทำไมพอเป็นเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเธอพูด ก็กลายเป็นของปลอมไปได้ซะล่ะ?”“ในเมื่อเธอพยายามจะบอกว่าหยกลายโลหิตก้อนนี้เป็นของวิเศษปลอม ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากเห็นนักว่า เธอจะพิสูจน์ยังไง!”กัวหกนิ้วหรี่ดวงตา สายตาเย็นชาเล็กน้อย เต็ม
ฉู่เฉินไม่สนใจ กล่าวต่อ “ความรู้สึกแบบนี้ เป็นเพียงแค่ค่ายกลฮวงจุ้ยขนาดเล็กที่สร้างขึ้นไว้ในหยกลายโลหิตเท่านั้น ดูดซับพลังวิญญาณของเรือนและในห้องโถง กลายเป็นรัศมีฮวงจุ้ยที่พิเศษแบบหนึ่ง”“เมื่อคนธรรมดาอยู่ท่ามกลางนั้น จะรู้สึกเหมือนว่าร่างกายได้รับพลังวิญญาณ เหมือนว่าอยู่ในแดนสวรรค์”“ปรมาจารย์กัว ผมพูดถูกไหม?”ฉู่เฉินยิ้มจาง ๆ หันไปมองสีหน้าของกัวหกนิ้วที่คร่ำเครียดไปในทันทีก่อนหน้านี้ ฉู่เฉินเองก็เกือบถูกหยกลายโลหิตก้อนนี้หลอกลวงโชคดีที่เขาเปิดเนตรมังกรเพื่อมองทะลุแก่นแท้ เพียงแวบเดียวก็มองเห็นปัญหาภายในจนทะลุปรุโปร่งแล้วปรมาจารย์กัวที่มาจากเซียงเจียงคนนี้ ถือว่าพอมีความสามารถอยู่บ้างแต่ก็เป็นเพียงแค่วิชาลึกลับฮวงจุ้ย เพียงผิวเผินเท่านั้นค่ายกลฮวงจุ้ยประเภทนี้ อย่างมากก็คงอยู่ได้เป็นเวลาหนึ่งวันหลังจากหนึ่งวัน ก็จะเสื่อมลงไปเองหลอกถังจิ้งจือกับหวังคุนเจ้าใหญ่นายโตที่ไม่มีความรู้เรื่องวิชาฮวงจุ้ย และพวกเศรษฐีใหม่ยังพอไหว เมื่อเรื่องแดง คนพวกนี้ก็จะค้นพบว่าถูกหลอก ปรมาจารย์กัวผู้นี้ก็หอบเงินหนีไปไกลแล้วตั้งนานแล้ว“พูดจาเหลวไหล! ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไรเลยสักนิด!”
กัวหกนิ้วสีหน้าบิดเบี้ยว ขมับเต้นตุบ ๆเผาไฟ?ทันทีที่เผาไฟ เรื่องของหลอกลวงของเขาก็ต้องถูกเปิดโปง“ทำไม ปรมาจารย์กัวไม่กล้าใช่ไหม?” ฉู่เฉินถามพร้อมแสยะยิ้มกัวหกนิ้วพ่นลมหายใจอย่างเหยียดหยาม กล่าว “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน พูดจามั่วซั่วไม่คำนึงถึงความจริง! ทำไมถึงต้องเชื่อเธอที่บอกว่าให้เอาไปเผาไฟแล้วต้องทำตาม? ฉันเป็นปรมาจารย์จากเซียงเจียง เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตา ทำไมถึงต้องสร้างเรื่องหยกปลอมของวิเศษปลอมอะไรพวกนี้ด้วย?”“ในเมื่อพวกคุณไม่เชื่อ ก็ช่างเถอะ วันนี้ หยกลายโลหิตก้อนนี้ ผมเอากลับไปเองแล้วกัน”ในขณะที่พูด กัวหกนิ้วก็เริ่มเก็บของ เตรียมจะหนีในเวลานี้ เจ้าใหญ่นายโตหลายท่านที่อยู่ในห้องโถง ต่อให้โง่แค่ไหนก็ได้สติกลับคืนมาแล้วนี่คือกำลังจะเตรียมตัวหนีแล้วนี่!“ปรมาจารย์กัว อยากจะไปย่อมได้ แต่เอาของไว้!” ถังจิ้งจือกล่าวเสียงเย็นเยียบกล้ามาหลอกตนถึงที่ รนหาที่ตาย!ในเวลานี้ กัวหกนิ้วเหงื่อแตกเต็มจนหลังเปียกชุ่ม สีหน้าอึมครึมสุดขีดเขาโกรธเกรี้ยว จ้องฉู่เฉินเขม็ง เพลิงโทสะระเบิดอยู่ในใจตนอุตส่าห์แต่งเรื่องราวขึ้นอย่างลำบากลำบน แต่ดันมาถูกไอ้เด็กนี้ทำลายเสียได้...น่ารังเก
ในเวลานี้ กัวหกนิ้วจ้องฉู่เฉินด้วยสายตาดุร้าย ใบหน้าเต็มไปด้วยความชั่วร้าย กล่าว “ไอ้หนู! เธอทำลายเรื่องดีของฉัน วันนี้ ฉันจะเก็บวิญญาณของเธอไว้ในธงหมื่นวิญญาณ ให้เธอไม่ได้ไปผุดไปเกิดตลอดไป!”“ดีเลย แล้วก็ให้มดแมลงอย่างพวกคุณได้เปิดหูเปิดตา ว่าอะไรเรียกว่าของวิเศษที่แท้จริง!”ทันทีที่พูดจบ กัวหกนิ้วยกมือขึ้นแล้วสะบัด ชักธงเล็กหน้าตาแปลกประหลาดสีดำผืนหนึ่งออกมาจากบริเวณเอว สีดำทั้งผืน มีหมอกสีดำที่น่ากลัวพวยพุ่งออกมา ด้านบนยังมีสัญลักษณ์และตัวหนังสือหน้าตาประหลาดต่าง ๆ อยู่บนนั้นอีกด้วย‘วืด!’กัวหกนิ้วสะบัดธงหมื่นวิญญาณ หมอกสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากด้านในเสียงดังวืด ๆภายในชั่วพริบตา อุณหภูมิภายในห้องโถง ก็ลดลงจนถึงจุดเยือกแข็ง!ทุกคนรู้สึกหนาวไปทั่วทั้งตัว ราวกับตกลงไปในหุบเขาน้ำแข็งไม่นานนัก ด้านบนของห้องโถงก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำหลายกลุ่มก้อน มองดูน่าขนลุก และน่าหวาดกลัวมาก“ไอ้หนู! ของวิเศษชิ้นนี้เรียกว่าธงหมื่นวิญญาณ สามารถกลืนกินวิญญาณชั่วร้าย และขับไล่ผีได้ทุกประเภท! การที่ถูกของล้ำค่านี้ดูดกลืนเข้าไป ก็จะกลายเป็นผีหุ่นเชิด ก็จะเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของเธอไปชั่วชีวิต”
อะไรนะ?ทุกคนภายในห้องโถง สายตาจ้องเขม็ง หันไปมองฉู่เฉินพร้อมกับหยุดหายใจไอ้เด็กนี่พูดอะไร?คาถาที่แท้จริง?เขาเป็นคาถาด้วยเหรอ?ขี้โม้ละมั้ง!หวังคุนสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวถามอย่างตื่นเต้น “ปรมาจารย์ซ่ง คุณมีความเห็นว่ายังไง? คนสมควรตายอย่างฉู่เฉิน สามารถต่อกรกับกัวหกนิ้วได้จริงไหมครับ?”ซ่งหรูเซียนหัวเราะอย่างชั่วร้าย สีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “ผู้นำตระกูลหวัง ไอ้เด็กนั่นก็แค่เสแสร้งอยากจะได้ความสนใจจากทุกคนเท่านั้น”“คาถาไล่ผีของปรมาจารย์กัว เป็นคาถามนต์ดำที่มีชื่อเสียงของทางเซียงซี! ไม่มีใครสามารถทำลายได้!” “อีกอย่าง ธงหมื่นวิญญาณในมือของเขา มองแวบเดียวก็ไม่ใช่ของของวิเศษธรรมดา ๆ”“สำหรับไอ้หนุ่มอย่างฉู่เฉิน เป็นเรื่องที่ง่ายดาย”“คอยดูเถอะ อีกไม่นานหรอก ไอ้เด็กนั่นก็จะถูกดูดเข้าไปอยู่ในธงหมื่นวิญญาณ กลายเป็นเลือด!”เมื่อได้ฟังแบบนี้ หวังคุนก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ ยิ้มอย่างเหยียดหยามด้วยสีหน้าดุร้าย“แบบนี้เยี่ยมเลย!”หวังคุนยิ้มชั่วร้ายแน่นอนว่าเขาอยากให้ฉู่เฉินตายจนทนแทบไม่ไหวแล้วไอ้เด็กนี่ กล้าหลอกลวงเขา ก็คือการรนหาที่ตาย!ทางด้านนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดร้าย ก
ฉู่เฉินถามอีกครั้ง “วันนี้ ผมทำลายคาถามนต์ดำของคุณ คุณยอมไหม?”“ยอม! ผมยอมแล้วจริง ๆ!” กัวหกนิ้วโขกหัวพร้อมกล่าวเสียงดัง ตกใจจนตัวสั่นระริกฉู่เฉินถามอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นธงหมื่นวิญญาณผืนนี้ เป็นของผม คุณยอมไหม?”“หา?”กัวหกนิ้วตกใจ แหงนหน้ามอง พบว่าฤทธิ์อัสนีบาตรในดวงตาของฉู่เฉินยังคงหลงเหลืออยู่ ตกใจจนพยักหน้ารัว ๆ “ยอม ๆ ๆ! ธงหมื่นวิญญาณผืนนี้ ถือว่าเป็นค่าชดใช้ของศิษย์ แสดงความกตัญญูต่อปรมาจารย์ฉู่”ฉู่เฉินถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ ยกมือขึ้นโบก ขจัดพลังอัสนีบาตบนตัวออกไปจี้หยกขาวที่ลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อเสียการสนับสนุนของคาถาอาคม ก็ตกลงมาอยู่ในมือของฉู่เฉินเขาจ้องมองกัวหกนิ้วที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาเมินเฉย กล่าวเสียงเย็นชา“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นวันนี้จะไว้ชีวิตคุณสักครั้ง! วันหลัง ถ้าหากให้ผมเห็นว่าคุณแอบอ้างชื่อเสียงหลอกชาวบ้านอีก ผมจะทำลายรากเต๋าของคุณ แล้วฆ่าแกทิ้งซะ!”สะอึก!กัวหกนิ้วตกใจจนขนลุกซู่“ครับ ๆ ๆ สิ่งที่ปรมาจารย์ฉู่สั่งสอน ศิษย์จำไว้ขึ้นใจแล้ว” กัวหกนิ้วรีบโขกหัวพร้อมกล่าวเสียงดังจากนั้น เขารีบลุกขึ้น กำลังจะหนี“เดี๋ยวก่อน!”ทันใดนั้น
ซ่งหรูเซียนตกใจจนเข่าแทบทรุด สีหน้าย่ำแย่สุดขีด เขาพูดตะกุกตะกัก “คือว่า คุณหนูใหญ่กู้ เมื่อกี้ผมก็แค่พูดเล่น”“พูดเล่น?”ดวงหน้าเรียวงามของกู้รั่วเสวี่ยแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ปรมาจารย์ซ่ง ถ้าฉันบอกว่าฉันจะทำให้คุณไม่มีที่ยืนในวงการนี้ คุณยังคิดว่าฉันพูดเล่นหรือไม่?”เฮือก!ซ่งหรูเซียนตกใจหน้าซีด ตัวสั่นสะท้านท่าทางของกู้รั่วเสวี่ยไม่เหมือนกำลังพูดเล่นสักนิดหนำซ้ำ อำนาจของตระกูลกู้สามารถเล่นงานเขาได้อย่างง่ายดายพอได้ยินดังนั้นซ่งหรูเซียนก็ตกใจ รีบคุกเข่าบนพื้นดังตุบ โขกศีรษะตะโกนว่า “คุณหนูใหญ่กู้ ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดเมตตา ปล่อยผมไปสักครั้งเถอะ ถ้ากินต่อไป ผมต้องตายแน่ๆ...”ซ่งหรูเซียนได้สติ รีบหันไปทางฉู่เฉินซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ รีบโค้งหัวตะโกนว่า “สหายฉู่ ไม่ๆๆ ปรมาจารย์ฉู่ ขอร้องล่ะ โปรดเมตตาปล่อยผมไปสักครั้งเถอะนะ”“นับตั้งแต่วันนี้ ผมซ่งหรูเซียนไม่มีทางเหยียบเข้ามาในเจียงจงอีกแม้แต่ครึ่งก้าว!”“หากที่ใดมีปรมาจารย์ฉู่อยู่ ผมซ่งหรูเซียนจะถอยห่างสิบลี้!”ฉู่เฉินยิ้มเยาะ ก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ขออภัย ผมเป็นคนที่ถือคติหากมีเหตุผลมากพอก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครหน้าไหน
ฉู่เฉินสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้พูดอะไรถังจิ้งจือเห็นดังนั้นก็ร้อนใจ เขากัดฟัน ก่อนจะคุกเข่า และอ้อนวอนว่า“ปรมาจารย์ฉู่ ก่อนหน้านี้ผมล่วงเกิน ปรมาจารย์ได้โปรดเมตตา หวังว่าจะช่วยผมและตระกูลถังสักครั้ง หากยอมช่วยครั้งนี้ ผมและตระกูลถังจะไม่ลืมบุญคุณ!”ฉู่เฉินยังคงไม่พูดอะไรกู้รั่วเสวี่ยกระซิบเบาๆ“พี่ฉู่เฉิน ท่านถังเป็นคนดี หลายปีมานี้เขาทำบุญกุศลมากมาย อีกอย่าง พี่ก็เพิ่งเปิดบริษัทไม่ใช่เหรอ ตระกูลถังก็มีธุรกิจด้านยาอยู่เหมือนกัน น่าจะเป็นประโยชน์กับพี่นะ”พอได้ยินดังนั้นฉู่เฉินก็พยักหน้า “ก็ได้ เห็นแก่หน้ารั่วเสวี่ย ผมจะช่วยคุณเอง”“จริงเหรอ? ขอบคุณปรมาจารย์ฉู่!” ถังจิ้งจือดีใจเกินคาดจากนั้น ทั้งสามก็มุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ตระกูลถังส่วนผู้นำตระกูลจ้าว หลังจากถังจิ้งจือกลับออกไป เขาก็ถูกจับมัดออกจากลานบ้าน และโยนใส่กระโปรงท้ายรถของรถคันหนึ่งผู้นำตระกูลจ้าวร้องอ้อนวอนเสียงดังทะลุฟ้า “ท่านถัง ไว้ชีวิตผมด้วย ต่อไปผมไม่กล้าอีกแล้ว…”……ไม่นาน รถยนต์ได้เคลื่อนตัวเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลถังคฤหาสน์ทั้งหลัง ดูเหมือนจวนอ๋องในสมัยโบราณ ใหญ่โตมโหฬาร“ปรมาจารย์ฉู่ เชิญ”ถังจิ้งจือลงจาก
......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่จิงจิงย้ายเครื่องออกกำลังกายที่ตนจัดเตรียมไว้อย่างดีออกมา ขณะเดียวกันก็หยิบรองเท้าบาเลนเซียกาคู่ใหม่สองคู่จากลิ้นชักเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมฉู่เฉินยังไม่มาสักที?เธอร้อนใจมากจริงๆเวลาเป็นเงินเป็นทอง เวลาคือชีวิตสิ่งสำคัญก็คือบ่ายวันนี้สามีของเธอจะมารับเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลอีกด้วยรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่จิงจิงรีบร้อนจนรอไม่ไหว สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาฉู่เฉินผ่านไปเกือบครึ่งนาที ฉู่เฉินถึงจะรับสาย แต่ในวินาทีถัดมา หลี่จิงจิงก็ได้ยินเสียงหอบหายใจคุ้นเคย และเสียงการปะทะที่รุนแรงคงไม่ใช่มั้ง?ร่างของหลี่จิงจิงแทบจะกลายเป็นหิน เพื่อการพบกันครั้งนี้ เธออุตส่าห์ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีมาแล้วหลายวัน แต่กลับถูกลีน่าชิงตัดหน้าไปก่อน?“รอผมอยู่ในออฟฟิศ อีกเดี๋ยวก็ถึง”ฉู่เฉินพูดจบ โดยไม่รอให้หลี่จิงจิงเอ่ยปาก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปขณะที่หลี่จิงจิงรออย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก และฉู่เฉินก็ผลักประตูก้าวเข้ามา“คุณก็กล้าเกินไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็..
ฉึก!ขณะที่ลีน่ากำลังส่ายก้นอวบอิ่มและโพสท่าเย้ายวน ทันใดนั้นฉู่เฉินก็ดึงเข็มเงินออกมา แทงเข้าที่ภายในจุดฝังเข็มกลางยอดศีรษะของแรนด์แรนด์เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหมดในร่างกาย ราวกับจะพุ่งไปที่ยอดศีรษะพร้อมๆ กันในทันที และสมองที่มึนงงก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวขึ้นไม่น้อยบางทีอาจเป็นเพราะเลือดลมสูบฉีด แรนด์เพียงรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ภายในปากราวกับว่ามีไฟลุกโชนอยู่“ลีน่า…”เดิมที แรนด์คิดจะขอให้ลีน่าช่วยเทน้ำให้เขาสักแก้ว แต่เมื่อหันศีรษะไป กลับเห็นก้นกลมกลึงและอวบอิ่มของลีน่า ทันใดนั้นก็สับสนไปหมด“โอ้ พระเจ้า คุณ...คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ในวินาทีถัดมา ดวงตาของแรนด์ก็แดงก่ำเขาเกือบจะพิการแล้ว ลีน่าหญิงโสมมนี่ ถึงกับถกชายกระโปรงขึ้นและส่ายก้นงั้นเหรอ?อ๊าย?!เมื่อได้ยินเสียงของแรนด์ ลีน่าก็ตกใจเหมือนกันไม่ใช่ว่าเพิ่งวางยาชาทั้งตัวมางั้นเหรอ?ทำไมถึงฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ล่ะ?ไม่มีเวลาคิดมาก ลีน่ารีบร้อนดึงชายกระโปรงลง หันกลับมาแล้วกล่าวกับแรนด์ว่า “เอ่อ... ฉัน... ฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย จึงคลายร้อนสักหน่อยน่ะ”เมื่อเห็นเข็มเงินแทงลงบนไปที่จุดไป่ฮุ่ยบนยอดศีรษะของแรนด์ ลีน่าจึงเหล
เมื่อถูกสองก้อนเนื้ออ่อนนุ่มถูไปไถมาบนแขน ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตีสะโพกอวบของหลี่จิงจิงหนึ่งครั้ง“แหมๆ ชั่วร้ายจังเลย ไปดูคนไข้ก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศนะ”พูดถึงตอนนี้ หลี่จิงจิงจึงกัดริมฝีปากสีแดงโดยไม่รู้ตัวอย่างอดใจไม่ไหว ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย ยิ่งเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ“ไปเถอะ ไปดูคนไข้กัน”ฉู่เฉินโอบรอบเอวของหลี่จิงจิง แล้วเดินไปยังตึกผู้ป่วยในเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยพิเศษชั้นห้า พบว่าหน้าประตูรายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลประชาชน“ทุกคนหลีกทางหน่อยค่ะ”ทันทีที่เสียงของหลี่จิงจิงดังขึ้น เหล่าแพทย์พยาบาลต่างพากันถอยออกไปด้านหนึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสสวมแว่นกรอบดำวัยประมาณห้าสิบกว่าปี เขาใช้คีมคีบส่วนนั้นที่เฉาใกล้ตายของแรนด์ ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “จากประสบการณ์ทางการแพทย์กว่าสามสิบปีของผม ทางที่ดีที่สุดคือการตัดออกครับ”“ไม่งั้น เนื้อเยื่อที่ตายแล้วอาจลุกลามไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”แรนด์ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ถึงกับหมดอาลัยตายอยากแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกสับสน ตอนกินข้าวกับฉู่เฉินยังดีๆ อ
ฉู่เฉินฝืนใจกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ถือว่าให้เกียรติผู้ว่าการเฉียวแล้วกัน”“เฮ้อ น้องฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้ว เรียกพี่ใหญ่สิ บอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่!”เฉียวเทียนฉี่วางสายด้วยความโล่งอกฉู่เฉินเพิ่งเดินกลับมาที่ห้องโถงหน้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหลี่จิงจิงโทรมา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ขุนพลเทียนเฟิ่งท่านนี้ นี่คือสืบลำดับวงศ์ตระกูลของตนมาจนหมดแล้วสินะ?แม้แต่ความสัมพันธ์ของหลี่จิงจิงล้วนงัดมาใช้แล้ว!“ผมตอบรับคำเชิญผู้ว่าการเฉียวแล้ว คืนนี้จะไปร่วมงานเลี้ยง”ฉู่เฉินรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลี่จิงจิงที่ปลายสายเงียบไปถึงสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “คุณฉู่ คุณพูดเรื่องอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจเลย?”ฉู่เฉินก็กล่าวด้วยความสับสน “คุณไม่ได้โทรมาเชิญผมไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอะไรนั่นเหรอ?”“ไม่ใช่นะคะ! ฉันตั้งใจโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณต่างหาก”หลี่จิงจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน“เกิดอะไรขึ้น? พูดเถอะครับ”ฉู่เฉินกล่าวไปพลาง ดื่มชาหนึ่งอึกไปพลาง“คุณฉู่ เราเพิ่งรับคนไข้เข้ามา อาการวิกฤตอย่างมาก ด้วยระดับการแพทย์ของโรงพยาบาลเรา เกรงว่า… เกรงว่าจะท
งานเลี้ยง?ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “คงไม่ใช่งานเลี้ยงของหอการค้ากิเลนอีกใช่ไหม? ถ้าใช่ล่ะก็ งั้นก็ช่างเถอะ”ในเมื่อทุกคนเปิดไพ่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาพูดจาเกรงใจกันให้มากความอีก ใช้พลังพูดแทนก็พอ“หอการค้ากิเลน? ไม่ใช่หรอก ฉู่เฉิน แกเข้าใจผิดแล้ว เป็น... งานเลี้ยงต้อนรับของขุนพลเทียนเฟิ่ง เมื่อถึงเวลา ผู้มีชื่อเสียงมากมายในเจียงจง แม้กระทั่งเจ้าเมืองต่างจะมาร่วมงานเหมือนกัน”“ฉันคิดว่า… ถ้าสามารถผูกมิตรกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้ ก็น่าจะเป็นการข่มขวัญหอการค้ากิเลนได้ด้วย แกคิดว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าวว่า “ถ้าจะแกร่งก็ต้องแกร่งให้ได้ด้วยตัวเอง การผูกมิตรกับเธอจะให้อะไรฉันได้บ้าง? โทษทีนะ ฉันไม่สนใจ”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที......ขณะนั้น บนทางด่วนข้ามมณฑล หลิ่วชิงเหอมองโทรศัพท์ที่สายไม่ว่าง มองไปซ่งหนิงซวงด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านขุนพลคะ ฉู่เฉินเขา...”ซ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาหนึงเสียง ฉู่เฉินคนนี้ช่างบ้าบิ่นไร้ขอบเขตจริงๆเมื่อกี้บทสนทนาระหว่างหลิ่วชิงเหอกับฉู่เฉิน เธอได้ยินอย่างชัดเจนทั้งหมดถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คง
การหลอมยาวิญญาณเซียนนั้น ไม่ใช่ว่ามีสูตรยาและวัตถุดิบยาแล้วจะทำได้ นั่นต้องอาศัยนักหลอมยาชั้นยอดเท่านั้นแม้แต่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพ คนที่สามารถหลอมยาพลังวิญญาณนี้ออกมาได้มีน้อยจนนับนิ้วได้ ไม่อย่างนั้นยาวิญญาณเซียนก็คงไม่เป็นที่ต้องการมากขนาดนั้น“เจ้าพูดจริงหรือ?”อวี้ลู่มีสีหน้าจริงจัง กล่าวย้ำถามกับฉู่เฉินอีกครั้งเพื่อความแน่ใจฉู่เฉินพยักหน้าหนักแน่นก่อนตอบว่า “แน่นอน ก็แค่ยาวิญญาณเซียนเม็ดเล็กๆ เท่านั้นเอง เป็นเรื่องเล็กน้อย”เมื่อเห็นฉู่เฉินเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ อวี้ลู่ก็อดจ้องเขาด้วยความสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นว่าสายตาของอวี้ลู่ราวกับจะมองทะลุตัวเอง ฉู่เฉินจึงกล่าวด้วยความสงสัย “พี่มองผมด้วยสายตาแบบนั้นทำไม?”ดวงตาคู่สวยของอวี้ลู่หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้น “ยามนี้ข้าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าเจ้าเป็นคนธรรมดาจากโลกมนุษย์จริงหรือไม่? เท่าที่ข้ารู้มา ในโลกมนุษย์ไม่มีบันทึกของยาวิญญาณเซียน แล้วเจ้ารู้สูตรยาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง เจ้าคงไม่เคยหลอมยาวิญญาณเซียนมาก่อน แล้วเหตุใดจึงมั่นใจนักว่าจะสามารถหลอมยาได้สำเร็จ?”“หรือว่า ภายในร่างกายของเจ้ายังมีอีกดวงวิญญาณหนึ่งอาศัย
“ข้า…”อวี้ลู่ยกมือเล็กขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงการตบครั้งก่อนที่เกือบทำให้ตนต้องจบชีวิตไป ในที่สุดก็ยอมแพ้แล้วฉู่เฉินใช้วิธีเดิมที่ทำเมื่อกี้นี้ หลังจากทำซ้ำหลายครั้ง มังกรคำรามหดตัวลงจนเหลือขนาดแค่หนึ่งนิ้วจากนั้นฉู่เฉินก็เรียนรู้วิธีของอวี้ลู่เพื่อให้มังกรคำรามกลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากผ่านไปหลายครั้ง ในที่สุดฉู่เฉินก็สามารถควบคุมได้อย่างอิสระแล้วอินซู่ซู่ที่อยู่ข้างๆ มองตาค้าง ที่แท้แล้วนายท่านก็เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?“นาย... นายท่าน ฉันก็อยากได้ของวิเศษแบบนี้บ้างค่ะ”อินซู่ซู่อดไม่ได้ที่จะพูดออกไปฉู่เฉินยังไม่ทันจะพูดอะไร อวี้ลู่ก็หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้าเห็นเขาดูร่ำรวยถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ทั้งตัวเขาก็มีแค่ของวิเศษระดับต่ำที่สุดเพียงชิ้นเดียว”ในฐานะที่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือ ของวิเศษระดับเหลืองนั้นไม่เข้าตาอวี้ลู่เลยแม้แต่น้อย ถ้าโยนลงไปบนพื้น อวี้ลู่ก็คร้านจะก้มลงไปเก็บฉู่เฉินเหลือบมองอวี้ลู่ ก่อนจะมุ่ยปากกล่าวว่า “ถ้าพี่รวยมากนัก ก็เอาของมาแบ่งให้ทุกคนบ้างสิ?”อวี้ลู่ขมวดคิ้ว มองฉู่เฉินอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าฝึกวิชาของสำนักใดมา? คงไม่
ในห้องหลอมอาวุธของวิลล่าเฟิ่งหมิง ฉู่เฉินกำลังตั้งใจหลอมกระบี่วิญญาณชิงหลงเมื่อกระบี่วิญญาณชิงหลงถูกหลอมรวม ในที่สุดกระบี่เล่มนั้นในมือของฉู่เฉินก็พัฒนาไปเป็นของวิเศษระดับเหลือง“ตูม!”มังกรตัวเล็กหนึ่งตัวเลื้อยอยู่บนตัวกระบี่สีครามฉู่เฉินถ่ายพลังวิญญาณเข้าตัวกระบี่ ทันใดนั้นปราณมังกรเพลิงก็ระเบิดออกไปไกลถึงสิบเมตรไม่เพียงเท่านี้ ของวิเศษระดับเหลืองนี้ยังเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณกับฉู่เฉิน ไม่ว่าจะเป็นคมกระบี่หรือการใช้ ล้วนคล่องแคล่วขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแม้แค่การฟันธรรมดาๆ เพียงครั้งเดียว ก็สามารถเพิ่มผลลัพธ์ได้มากกว่าสิบเท่าฉู่เฉินประเมินกระบี่ยาวในมือแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องหลอมอาวุธมายังพื้นที่โล่งกว้างหลังภูเขา จากนั้นฉู่เฉินจึงฟันกระบี่ออกไปอย่างรุนแรงตูม!ในพริบตาเดียวพื้นดินก็แยกออกเป็นร่องยาวขนาดยี่สิบกว่าเมตรและลึกลงไปมากกว่าหนึ่งเมตรและในขณะที่ฉู่เฉินฟันกระบี่นั้น ราวกับมีมังกรคำรามดังสะเทือนทั่วทุกทิศทาง“มังกรคำราม?”แม้แต่ฉู่เฉินก็ยังรู้สึกตกใจเล็กน้อย!สามารถกล่าวได้ว่าเมื่อกี้ฉู่เฉินใช้พลังเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะได้ผลลัพธ์ท
กล่าวเสร็จหานอวี้ก็หันกายเดินไปทางหลังจวน เพิ่งจะถึงประตูก็หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน แล้วหันกลับมากล่าวกับซ่งหนิงซวงว่า “ใช่แล้ว ศิษย์น้องเจ็ด ใบรับรองอะไรนั้นรีบส่งมาให้ฉันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นการเข้า ๆ ออก ๆ จะสะดุดตาเกินไป”ซ่งหนิงซวงได้ยินแล้วก็ยิ้มยิงฟัน และเอาเล่มเล็ก ๆ สีฟ้าออกมายื่นให้หานอวี้พร้อมกล่าว “นี่เป็นใบรับรองแพทย์ส่วนตัวของฉัน รับไปสิ ศิษย์พี่ไม่เพียงเข้าออกจวนขุนพลได้อย่างสะดวก สถาบันทางการแพทย์ใหญ่ ๆ แต่ละแห่งก็สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระเช่นกัน”“ไม่เลวเลยทีเดียว”หานอวี้รับเอกสารมา และกล่าวพร้อมโบกมือให้ซ่งหนิงซวง “เดินทางระวังด้วยล่ะ ฉันได้ยินว่าตอนนี้คนจากวังเทียนเจี้ยนก็อยู่ที่มณฑลเจียงเช่นกัน ไม่มีเรื่องได้ก็อย่ามีเรื่องจะดีที่สุด”กล่าวเสร็จหานอวี้ก็รีบเดินไปยังด้านในที่พักซ่งหนิงซวงมองแผ่นหลังของหานอวี้อย่างเนิ่นนานแล้วจึงกวักมือเรียกทหารหญิงคนหนึ่งมาและกล่าว “ให้หลิ่วชิงเหอรีบมาถึงและรอที่ห้องโถงรับรองจวนขุนพล บ่ายวันนี้ร่วมเดินทางกลับไปยังเจียงจงพร้อมกับฉัน”“รับทราบค่ะ!”ทหารหญิงขานรับแล้วรีบวิ่งออกไปจากจวนขุนพลซ่งหนิงซวงก็กลับเข้าห้องของตัวเอง เปลี