“ปาก!”ฉู่เฉินโพล่งออกไปคำเดียว สายตาวนเวียนอยู่รอบๆ กลีบปากบางสีชมพูของถานหลิงต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้ดูแลตัวเองดีมาก เดาว่าปากเล็กๆ นั่นของเธอคงยังไม่เคยถูกจางปินใช้งานสินะโดยเฉพาะฟันสีขาวที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบนั่น กับลิ้นเรียวเล็กของเธอ แค่เห็นแวบเดียวก็อยากลิ้มลองสักครั้งแล้ว“อะไรนะ?!”ถานหลิงนึกว่าตัวเองหูฝาดปาก?หมายความว่ายังไง เธอตกอยู่ในภวังค์มึนงงทันที“คุณถาน ทุกคนต่างก็เคยผ่านโลกมาก่อน ไม่จำเป็นต้องมาแสร้งทำตัวไร้เดียงสาต่อหน้าผมแล้วมั้ง?”ฉู่เฉินเคาะผิวโต๊ะเบาๆ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว และชี้ลงไปใต้โต๊ะถานหลิงเข้าใจในพริบตา!“นี่เธอ…เธอจะทำเกินไปแล้วนะ!”ดวงหน้าเรียวเล็กของถานหลิงเย็นชา เธอตบโต๊ะเสียงดัง ลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเกรี้ยวแต่เธอเพิ่งจะหมุนตัวหันหลัง ไม่นานก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ ดวงหน้าเรียวยาวปรากฏแววอับอายปนโกรธขึ้ง ทั้งยังมีรอยแดงระเรื่อผุดขึ้นมาด้วย“คุณฉู่ ฉันจริงใจนะคะ”เธอจริงใจจริงๆ ถึงขั้นที่ก่อนจะมาหาฉู่เฉิน เธอได้คาดเดาถึงทุกเงื่อนไขที่ฉู่เฉินอาจเรียกร้องแต่กลับไม่คาดคิดว่าฉู่เฉินกลับต้องการปากของเธอ
เมื่อถึงวัยของถานหลิง ยามเผชิญสถานการณ์อย่างนี้เธอไม่ได้กลัวอะไรแต่แรกอยู่แล้ว เธอกังวลก็แต่ว่าจะถูกจ้าวเจวียนเห็นเข้าอย่างเดียวอย่างไรเสียในฐานะภรรยาของจางปิน เธอมักปรากฏตัวในงานเลี้ยงต่างๆ และเป็นแขกรับเชิญประจำของข่าวช่วงเช้าและข่าวช่วงเย็นของเจียงจงคนเจียงจงที่รู้จักจางปินอาจมีไม่มาก แต่ถานหลิงกลับเป็นบุคคลสาธารณะอย่างแท้จริงถ้าเกิดจ้าวเจวียนจำเธอได้ งั้นเธอก็ต้องถูกอีกฝ่ายกำจุดอ่อน และข่มขู่ไปอย่างไม่มีวันจบสิ้นน่ะสิ?แต่ยิ่งแตกตื่น ก็ยิ่งผิดพลาดได้ง่ายถานหลิงตั้งใจจะขยับไปที่มุมโต๊ะหนึ่งก้าว แต่พอโต๊ะแกว่ง เธอไม่ระวังเพียงพริบตา หัวก็ไปโขกเข้าที่มุมโต๊ะปึง!“โอ๊ย!”ถานหลิงหลุดร้องออกไปโดยสัญชาตญาณ ทำเอาจ้าวเจวียนที่อยู่ในภวังค์ลืมตัวสะดุ้งตกใจ ร่างกายสะดุดกึก หมายจะลุกขึ้นท่ามกลางความลนลานฉู่เฉินขมวดคิ้วมองถานหลิงที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะแวบหนึ่ง ซ่อนน่ะซ่อนไม่มิดอยู่แล้ว เขาจึงตัดสินใจดึงถานหลิงขึ้นมาจากใต้โต๊ะพอได้ยินว่ามีเสียงฝีเท้าของบุคคลที่สามอยู่ในห้องนี้ด้วย จ้าวเจวียนแตกตื่นไปทันที!เธอทำกับฉู่เฉินในห้องสอบสวนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้คนแปลกหน้ามานั่งดูด
แต่เพิ่งจะกลับถึงห้องทำงานของตัวเองไม่ถึงห้านาที ข้างบนก็เริ่มมีเสียงความเคลื่อนไหวอีกแล้วกวนเหล่ยจิตใจสับสนลังเล“ประธานฉู่คงไม่ได้ชอบแต่สาวใหญ่หรอกนะ?”กวนเหล่ยแหงนหน้ามองเพดาน ห้องทำงานชั้นบนกำลังทำการแสดงครั้งใหญ่แห่งยุคอยู่ ราวกับสั่นกระดิ่งเตือนเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าตำแหน่งของตัวเองกำลังสั่นคลอนในเวลานี้เอง สายจากแฟนหนุ่มขี้ประจบของกวนเหล่ยก็ดังขึ้นกวนเหล่ยตกใจจนเกือบทำมือถือหลุดจากมือ เธอรับสายด้วยความลนลาน มือเผลอกดไปโดนลำโพง เสียงอึกทึกครึกโครมจากชั้นบนจึงถูกดูดเข้าไปในโทรศัพท์ทั้งหมด“เหล่ยเหล่ย เสียงอะไรน่ะ?”กวนเหล่ยตกใจจนหน้าซีดหนึ่งวันก่อนหน้านั้น เธอเพิ่งบอกแฟนหนุ่มขี้ประจบของเธอว่าประธานของบริษัทนี้เป็นสาวสวย ให้เขาวางใจได้แต่ว่า…ภายใต้สถานการณ์คับขัน กวนเหล่ยพูดกับแฟนหนุ่มที่อยู่ปลายสายว่า “หา…เปล่า บริษัทของเรากำลังจัดกิจกรรมฝึกร้องเพลงอยู่ อีกไม่กี่วันต้องเข้าร่วมการแสดงของแวดวงการแพทย์ของเมืองเจียงจง ฉันกำลังยุ่งอยู่ วางก่อนนะ”กวนเหล่ยวางสายอย่างลุกลี้ลุกลน ก่อนจะกวาดตามองนาฬิกาบนผนัง เธอถึงขั้นอึ้งงันไปทันที“หนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ทำไม…ทำไมถึกขนาดน
พรืด!จ้าวเจวียนที่อยู่ข้างๆ อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะหันไปพูดกับถานหลิงว่า “มีอะไรน่าโมโหกันล่ะคะ เมื่อวานในห้องสอบสวน ฉันก็เป็นเหมือนกัน”“พวกเราก็อายุปูนนี้แล้ว จะแสร้งทำตัวใสซื่อไปทำไม มีผู้ชายรูปร่างกำยำสมส่วนอยู่ข้างตัวสักคน ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เมื่อกี้คุณก็ฟินมากไม่ใช่เหรอ?”ถานหลิงหมดคำจะพูด นี่มันคนละเรื่องกันแล้วไหม?ภายใต้ความจนใจ เธอทำได้เพียงยินยอมอย่างจำใจยังไงจางไห่หยางก็ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย เพื่อลูกชาย ยังไงเธอก็ต้องทน“ได้ ฉันรับปากคุณทุกอย่าง แต่คุณต้องรีบไปช่วยลูกชายของฉันให้เร็วที่สุด ขาของเขาเริ่มติดเชื้อแล้ว แผลบวมจนน่ากลัว แม้แต่หมอเองก็หมดหนทาง”ถานหลิงใส่เสื้อผ้า พร้อมกับพูดอย่างกังวลกระโปรงตัวนั้นถูกฉู่เฉินกระชากจนขาด เห็นได้ชัดว่าใส่ไม่ได้แล้วโชคดีที่ท้ายรถเธอมีเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนใส่หลายตัว ใส่กระโปรงที่ขาดเป็นรูตัวนี้ลงไปจนถึงข้างล่างคงไม่มีปัญหาอะไร“ตกลง!”ฉู่เฉินยิ้มตาหยีจ้าวเจวียนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ยอม รีบพลิกตัวขึ้นไปนั่งบนตัวฉู่เฉิน ก่อนจะเขย่าทรวงอกอันเอิบอิ่ม ทำปากจู๋แล้วพูด
เนื่องจากบาดแผลติดเชื้อ เวลานี้จางไห่หยางกำลังไข้ขึ้นสูง ใบหน้าบวมแดง บาดแผลที่ขาบวมจนเหมือนซาลาเปา ทำให้เฝือกที่เพิ่งใส่ปริออก! “ฮึ!” จางปินกัดฟันกรอดจ้องมองฉู่เฉินแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะคุณ ลูกชายของผมจะเป็นแบบนี้เหรอ! เดิมทีอีกห้าวัน เขาก็จะจัดงานแต่งแล้ว แต่เขาเป็นแบบนี้ คุณจะให้ตระกูลจางของเราเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!” งานแต่ง?! ฉู่เฉินได้ยินสองคำนี้ ปลายคิ้วพลันกระตุกขึ้นมาสองที จางไห่หยางเห็นเซี่ยฉีฉีเป็นอะไร?ทางนี้จัดเตรียมงานแต่งกับคนอื่น ทางนั้นยังอยากครอบครองเซี่ยฉีฉีไว้ไม่ยอมปล่อย?ไอ้สารเลวนี่! “ลูกชายของคุณโดนซ้อมเพราะอะไร คุณน่าจะรู้ดีแก่ใจ ทำไม คนตระกูลจางของพวกคุณเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นตามใจชอบได้เหรอ?”“โชคดีที่เซี่ยฉีฉีเป็นคนใสซื่อ ไม่ได้โดนลูกชายของคุณทำให้แปดเปื้อน ไม่อย่างนั้นจะมีคดีฆาตกรรมเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า?”ฉู่เฉินจ้องมองจางปินอย่างเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ“แล้วจะทำ...”เพียะ!ถานหลิงรีบเดินเข้ามา ตบหน้าตัดบทจางปินไปหนึ่งฉาด ก่อนจะมองจางปินอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เก็บการกระทำของคุณได้แล้ว ตอนนี้ช่วยลูกสำคัญที่สุดนะ!” “ขอ
ขณะที่ความคิดแล่นวาบ ถานหลิงแสร้งทำเป็นใจเย็นกลอกตาใส่จางปินแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “เมื่อคืนคุณไม่อยู่บ้านฉันอยากอีกแล้วก็เลยจัดการเอง มีอะไรน่าตกใจ!” “หลีกไปนะ! ฉันจะดูว่าลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้างแล้ว!”ถานหลิงผลักจางปินแล้วรีบเดินไปที่หน้าเตียงผู้ป่วย หัวใจของเธอเต้นระรัวจนมาถึงคอแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าข้ออ้างนี้จะหลอกจางปินได้หรือเปล่า จางปินได้ยินคำกล่าวก็ไม่ได้คิดมาก ถึงอย่างไรถานหลิงก็อยู่ในวัยสามสิบสี่สิบ อารมณ์คึกคักมีความต้องการที่ไม่ธรรมดา ใช้ของเล่นไฟฟ้าเป็นบางครั้งบางคราวก็เข้าใจได้ จางปินที่ไม่สมหวังก็อารมณ์เสียมาก เขานั่งลงบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง สองตาจ้องเขม็งไปที่สะโพกงอนของถานหลิง เหมือนกับมีไฟกำลังลุกโชนอยู่ในใจ .....ฉู่เฉินเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ได้รับสายจากหลินซือหย่า “คุณฉู่ ตอนนี้คุณว่างไหมคะ?” เสียงของหลินชือหย่าดูขัดเขินนิดหน่อย เมื่อคิดถึงฉากที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเจียงเมื่อคืน ตอนนี้ดวงหน้าของเธอยังคงร้อนผ่าวเล็กน้อยแม้เธอจะเข้าใจดีว่าฉู่เฉินทำแบบนั้นต่อหน้าเจียงรั่วเหยียนก็เพื่อรักษาโรคทางใจของเธอ แต่มันทำให้หลินชือหย่ารู้สึกกระดากใจมากอยู
“อุบัติเหตุดีนี่!” หลินชือหย่ากัดฟันแน่น จ้องมองหลินฟางเจิ้งอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “อาจะอธิบายเรื่องหนอนกู่กลืนวิญญาณยังไง!”ซี้ด!หลินฟางเจิ้งอดตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ทั่วตัว นัยน์ตาสองข้างมองไปทางหลินชือหย่าด้วยความไม่อยากจะเชื่อถูกเธอจับได้แล้วเหรอ?เป็นไปไม่ได้!หลินฟางเจิ้งปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว นอกจากเหมียวเจียงแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องการมีอยู่ของหนอนกู่กลืนวิญญาณเลยหลินชือหย่าไม่เคยก้าวเท้าเข้าไปเหมียวเจียงเลย เธอจะรู้ว่ามีหนอนกู่กลืนวิญญาณได้อย่างไร? ไม่ถูกสิ!ต้องมีคนบอกเธอแน่ ๆ! พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่หลินฟางเจิ้งมองไปทางหลินชือหย่าแฝงไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง! ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้หลินชือหย่ายังมีประโยชน์ หลินฟางเจิ้งคงลงมือกำจัดภัยแอบแฝงนี้ไปนานแล้ว!หลินฟางเจิ้งฝืนข่มกลั้นความคิดพยายามฆ่าคนปิดปากไว้ในใจ ก่อนจะแสร้งทำเป็นพูดว่า “เสียวหย่า หนอนกู่กลืนวิญญาณอะไร อย่าไปฟังคนนอกพูดส่งเดช นั่นเป็นของที่มีแค่ในหนังเท่านั้นแหละ” “ช่วงนี้อารองร้อนใจนิดหน่อย แต่หลานต้องเข้าใจความลำบากของอารองด้วย พ่อแม่ของหลานทิ้งปัญหาเละเทะใหญ่ขนาดนี้ให้อา อาจะเบิกตามองหลินซื
“สวัสดีครับ” เสียงของฉู่เฉินเย็นชา ทักทายหลินเจิ้งฟางอย่างไร้อารมณ์แล้วก็นั่งลงตรงมุมโซฟา“ชือหย่า แจ้งคนใช้ให้รีบยกอาหารมาเถอะ ได้เวลาแล้ว”หลินฟางเจิ้งรีบสั่งหลินชือหย่าเพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัด ไม่นานนัก โต๊ะอาหารก็จัดเสร็จเรียบร้อย คนรับใช้หลายคนเข็นรถเข็นอาหารที่ทำจากเงิน ก่อนจะวางจานอาหารต่าง ๆ ไว้บนโต๊ะกลม“คุณฉู่ คุณนั่งรอสักครู่ก่อนนะครับ ผมจะไปหยิบไวน์ดี ๆ จากในห้องเก็บไวน์ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาทานอาหารที่บ้าน ไม่ว่ายังไงก็ต้องดื่มสักแก้ว” หลินฟางเจิ้งกล่าวจบก็ไม่รอให้ฉู่เฉินตอบกลับ รีบเดินออกไปนอกประตูขณะที่เดินผ่านข้างกายหลินชือหย่า เขาจงใจถลึงตาใส่เธอทีหนึ่งแล้วค่อยเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หลินชือหย่ามองแผ่นหลังของหลินฟางเจิ้งที่เดินไปทางห้องเก็บไวน์ จากนั้นถึงค่อยรีบเดินมาใกล้ฉู่เฉินแล้วพูดเสียงเบาว่า “ฉู่เฉิน อีกเดี๋ยวถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ต้องสนใจฉันเด็ดขาด เข้าใจไหม?” “ถ้าเกิดฉันเจอเรื่องไม่คาดคิดอะไร จำไว้ว่าล้างแค้นให้ฉันด้วยนะคะ!”หลินชือหย่าพูดพลางเบนหน้าเล็กหน้า มองไปทางหลินฟางเจิ้งฉู่เฉินขมวดคิ้ว เอานิ้วชี้ไปทางด้านบนแล้วยิ้มให้หลินชือหย่าด
“อีกอย่างก็คือฝีมือของคุณ ครั้งหน้าถ้าจะปลอมตัวเป็นมืออาชีพแบบนี้อีก ทางที่ดีควรเรียนรู้ให้มาก ๆ ก่อนนะ อย่าให้แข็งกระด้างเหมือนนวดศพ คนที่มีประสบการณ์นิดหน่อย เห็นแวบเดียวก็ดูคุณออกแล้ว”ฉู่เฉินทำหน้ายิ้มหยันตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับเสี่ยวหนาน ความหวาดกลัวและความน้อยเนื้อต่ำใจบนใบหน้าค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและน่าครั่นคร้ามตามการวิเคราะห์ทีละขั้นของฉู่เฉิน!“เดิมทีอยากให้คุณไปอย่างไร้ความทรมานโดยไม่รู้ตัว น่าเสียดายมากที่คุณไม่รู้จักถนอมเอง” สิ้นเสียงพูด เสี่ยวหนานพลันชักมีดสั้นสองเล่มออกมาจากด้านหลัง ร่างกายอ้อนแอ้นฉับไวราวกับอสรพิษ แทงตรงไปที่ลำคอของฉู่เฉิน! “ฝึกฝนสิบปีถึงจะได้ร่วมเรือข้ามฟาก ร้อยปีถึงได้ร่วมนวดน้ำมัน คุณลงมืออำมหิตขนาดนี้ คนที่บ้านคุณรู้บ้างหรือเปล่า?”ฉู่เฉินรีบหลบการโจมตีถึงแก่ชีวิตของเสี่ยวหนาน จากนั้นก็ยื่นมือไปคว้าข้อมือของเธอไว้ป๊าบ! ฉู่เฉินจับข้อมือของเธอได้แล้วชัด ๆ แต่น้ำมันในมือลื่นมากเกินไป ไม่เพียงทำให้เสี่ยวหนานสลัดหลุดได้ทันที นอกจากนี้ยังแทงมีดสั้นใส่ ท้องน้อยของฉู่เฉินหนึ่งที ฉู่เฉินรีบกระโดดขึ้น
เสี่ยวหนานเพิ่งจะมาอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน กลิ่นหอมประหลาดนั้นพลันรุนแรงขึ้นสุดขีดฉู่เฉินมองเสี่ยวหนานโดยไม่แสดงอารมณ์ ก่อนจะพูดกับหญิงวัยกลางคนว่า “อืม เอาเธอละกัน ให้คนอื่นออกไปให้หมดเถอะ” หญิงวัยกลางคนเข้าใจทันที แล้วโบกมือให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ก่อนออกจากห้อง เธอยังตั้งใจช่วยฉู่เฉินปิดประตูห้องให้เรียบร้อย ฉู่เฉินมองเสี่ยวหนานอย่างพิจารณาแล้วพูดว่า “ได้ยินว่าฝีมือของคุณไม่เลวเอามาก ๆ?”เสี่ยวหนานหลุบตาลงต่ำ ไม่ออกความเห็น ท่าทางเหมือนเขินอายสุดขีดฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะนอนคว่ำอยู่บนเตียงนวดแล้วพูดว่า “คุณเริ่มได้เลย”เสี่ยวหนานถึงค่อยเบิกตาขึ้นมา นัยน์ตาส่องประกายคู่นั้นเปล่งรัศมีเย็นเยียบออกมาราง ๆหลังจากที่จ้องมองฉู่เฉินสิบกว่าวินาที เสี่ยวหนานถึงค่อยหยิบน้ำมันนวดหลังจากทางด้านข้าง ก่อนจะเลิกเสื้อของฉู่เฉินขึ้นแล้วราดน้ำมันบนแผ่นหลังของฉู่เฉิน“คุณผู้ชายคะ กล้ามเนื้อที่หลังของคุณแน่นมากเลยนะคะ”เสี่ยวหนานนวดน้ำมันให้ฉู่เฉินพลางเอ่ยเสียงหวานฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าผิวบนหลังของคุณจะดีหรือเปล่า?”“อุ๊ย คุณนี่ร้ายจังเลยนะคะ คิดจะถอดเสื้อผ้าคนอื่นอยู่นั่นแ
“ว้าย...”โจวเทียนเฟิ่งร้องอุทาน รีบใช้ผ้าขนหนูบังดวงหน้าเล็ก ๆ ไว้ ทว่าวินาทีต่อมา เธอก็โดนฉู่เฉินผลักลงบนเตียง .....รุ่งเช้าฉู่เฉินนอนหลับยาวจนตะวันสายโด่งขณะที่กำลังกินอาหารเช้า ฟางอวี่เจิ้งก็โทรศัพท์เข้ามา“คุณฉู่ ตอนนี้คุณสะดวกไหมครับ?” อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ฟางอวี่เจิ้งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคารพนอบน้อม “สะดวกครับ คุณส่งตำแหน่งมาให้ผมเลยก็พอ แล้วผมจะไปหาคุณ”ฉู่เฉินกินข้าวไปด้วย พูดไปด้วย“ได้ครับ”ฟางอวี่เจิ้งตอบรับแล้วก็วางสายโทรศัพท์ ไม่นานก็มีข้อความแชร์ตำแหน่งถูกส่งมาที่โทรศัพท์มือถือของฉู่เฉินพอกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉู่เฉินก็พลอดรักกับโจวเทียนเฟิ่งสักพักแล้วค่อยออกจากเทียนเฟิ่งวิลล่า ขับรถมุ่งหน้าไปยังร้านนวดอวิ๋นไท่เพิ่งจะจอดรถเสร็จ ฟางอวี่เจิ้งก็ก้าวลงมาจากรถเก๋งสีขาวที่อยู่ทางด้านหน้า “คุณฉู่ ร้านนี้เป็นร้านที่ดีที่สุดในเจียงจงแน่นอนครับ”ฟางอวี่เจิ้งพูดพลางมีท่าทางเหมือนแทบอดใจรอไม่ไหวแล้วนิดหน่อยฉู่เฉินกวาดตามองฟางอวี่เจิ้งแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ประธานฟาง ร่างกายคุณไหวเหรอครับ?”“เอ่อ...ยังพอไหวนะครับ...”ฟางอวี่เจิ้งทำหน้ายิ้มแย้มพลางพาฉู่เฉิ
การเริงรักนี้ทำให้โจวเทียนเฟิ่งดื่มด่ำเต็มอิ่มจริง ๆพูดตามตรง ฉู่เฉินไม่ได้มาเยี่ยมเยียนเธอเกือบหนึ่งเดือนแล้วแม้ว่าในจะคิดถึงมากและร้อนรนมาก แต่เธอรู้สถานะของเธอที่อยู่ข้างกายฉู่เฉินดี อย่างมากสุดก็เป็นได้แต่หนึ่งในคนรักมากมายของเขาเท่านั้นด้วยเหตุนี้ เธอเลยได้แต่อดกลั้นแล้วอดกลั้นอีกวันนี้ก็ถือว่าได้พบเจอสายฝนหลังจากที่แห้งแล้งมาเนิ่นนาน“คุณมันเจ้าตัวป่วน ทำไมขนาดประตูก็ยังไม่ปิด ถ้าเกิดคนมาเห็นเข้าจะทำยังไง”จนกระทั่งเสร็จกิจแล้ว โจวเทียนเฟิ่งถึงค่อยสังเกตเห็นว่าประตูห้องหนังสือเปิดอ้ามาตลอด ถ้าอย่างนั้นคนอื่นคงจะได้ยินเสียงเมื่อกี้ของเธอหมดแล้วใช่หรือเปล่า? โจวเทียนเฟิ่งพูดพลางจะไปปิดประตู ฉู่เฉินกลับอุ้มเอวของเธอขึ้นมาจากด้านหลัง“อ๊าย คุณนี่มันร้ายชะมัด รีบปล่อยฉันลงเลยนะ” ฉู่เฉินหัวเราะหึ ๆ ไฉนเลยจะสนใจการดิ้นรนของเธอ เขาเดินไม่กี่ก้าวก็อุ้มโจวเทียนเฟิ่งเข้าไปในห้องน้ำในขณะที่ฉู่เฉินเตรียมตัวจะแสดงพลังกระตือรือร้นอีกครั้ง โทรศัพท์ที่อยู่ข้างมือพลันดังขึ้นมาจากนั้นก็เห็นว่าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย ฉู่เฉินกดตัดสายทันที แต่ฉู่เฉินยังไม่ทันโน้มตัวลงไป โทรศัพท์ก็ด
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ