ประธานฉู่อายุน้อยขนาดนี้ ไม่มีความต้องการแม้แต่น้อยเลยเหรอ?ตามบทในละคร เขาควรจะกอดเธอจากข้างหลัง เพื่อเอารัดเอาเปรียบเธออย่างเต็มที่ไม่ใช่เหรอ?กวนเหล่ยขมวดคิ้ว จ้องแผ่นหลังผึ่งผายของฉู่เฉินอย่างสงสัย เธอใช้นิ้วดุนแว่นกรอบดำ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ จึงค่อยหมุนตัวเดินเข้าไปในลิฟต์กระทั่งประตูลิฟต์ปิดลง ฉู่เฉินถึงหันมายิ้มมุมปากน้อยๆพี่ไม่ได้แอ้มง่ายๆ ขนาดนั้นหรอกนะน้องคนที่รอให้พี่แอ้มมีอีกเยอะ ไปต่อคิวรอเอาก็แล้วกัน!จากนั้นฉู่เฉินก็ผลักประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของประธานห้องทำงานทั้งใหญ่และสว่าง ตรงกลางมีโต๊ะยาวสามเมตรวางอยู่หนึ่งตัว ไม่ว่าจะด้านบนหรือล่าง ล้วนมีพื้นที่กว้างขวางมากพอ และเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ แม้แต่ที่วางปากกาก็ถูกถอดออกไปด้วยบนโต๊ะทำงานมีแต่หน้าที่เป็นกระจกใสลื่น ไม่ว่าจะนอนหรือนั่งก็สบายหมดทุกท่าโซฟาที่อยู่ข้างๆ จะนั่งหรือเอนหลังก็ได้ทั้งนั้น เหมาะแก่การเรียนรู้ท่าใหม่ๆ พอดีอืม!ฉู่เฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ดูท่ากู้รั่วเสวี่ยใส่ใจไม่น้อยเลยจริงๆในเวลานี้เอง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉู่เฉินยื่นมือไปยกหูโทรศัพท์ประจำโต๊ะ “ว่าไงครับ?”ปลายสาย
“ปาก!”ฉู่เฉินโพล่งออกไปคำเดียว สายตาวนเวียนอยู่รอบๆ กลีบปากบางสีชมพูของถานหลิงต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้ดูแลตัวเองดีมาก เดาว่าปากเล็กๆ นั่นของเธอคงยังไม่เคยถูกจางปินใช้งานสินะโดยเฉพาะฟันสีขาวที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบนั่น กับลิ้นเรียวเล็กของเธอ แค่เห็นแวบเดียวก็อยากลิ้มลองสักครั้งแล้ว“อะไรนะ?!”ถานหลิงนึกว่าตัวเองหูฝาดปาก?หมายความว่ายังไง เธอตกอยู่ในภวังค์มึนงงทันที“คุณถาน ทุกคนต่างก็เคยผ่านโลกมาก่อน ไม่จำเป็นต้องมาแสร้งทำตัวไร้เดียงสาต่อหน้าผมแล้วมั้ง?”ฉู่เฉินเคาะผิวโต๊ะเบาๆ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว และชี้ลงไปใต้โต๊ะถานหลิงเข้าใจในพริบตา!“นี่เธอ…เธอจะทำเกินไปแล้วนะ!”ดวงหน้าเรียวเล็กของถานหลิงเย็นชา เธอตบโต๊ะเสียงดัง ลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเกรี้ยวแต่เธอเพิ่งจะหมุนตัวหันหลัง ไม่นานก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ ดวงหน้าเรียวยาวปรากฏแววอับอายปนโกรธขึ้ง ทั้งยังมีรอยแดงระเรื่อผุดขึ้นมาด้วย“คุณฉู่ ฉันจริงใจนะคะ”เธอจริงใจจริงๆ ถึงขั้นที่ก่อนจะมาหาฉู่เฉิน เธอได้คาดเดาถึงทุกเงื่อนไขที่ฉู่เฉินอาจเรียกร้องแต่กลับไม่คาดคิดว่าฉู่เฉินกลับต้องการปากของเธอ
เมื่อถึงวัยของถานหลิง ยามเผชิญสถานการณ์อย่างนี้เธอไม่ได้กลัวอะไรแต่แรกอยู่แล้ว เธอกังวลก็แต่ว่าจะถูกจ้าวเจวียนเห็นเข้าอย่างเดียวอย่างไรเสียในฐานะภรรยาของจางปิน เธอมักปรากฏตัวในงานเลี้ยงต่างๆ และเป็นแขกรับเชิญประจำของข่าวช่วงเช้าและข่าวช่วงเย็นของเจียงจงคนเจียงจงที่รู้จักจางปินอาจมีไม่มาก แต่ถานหลิงกลับเป็นบุคคลสาธารณะอย่างแท้จริงถ้าเกิดจ้าวเจวียนจำเธอได้ งั้นเธอก็ต้องถูกอีกฝ่ายกำจุดอ่อน และข่มขู่ไปอย่างไม่มีวันจบสิ้นน่ะสิ?แต่ยิ่งแตกตื่น ก็ยิ่งผิดพลาดได้ง่ายถานหลิงตั้งใจจะขยับไปที่มุมโต๊ะหนึ่งก้าว แต่พอโต๊ะแกว่ง เธอไม่ระวังเพียงพริบตา หัวก็ไปโขกเข้าที่มุมโต๊ะปึง!“โอ๊ย!”ถานหลิงหลุดร้องออกไปโดยสัญชาตญาณ ทำเอาจ้าวเจวียนที่อยู่ในภวังค์ลืมตัวสะดุ้งตกใจ ร่างกายสะดุดกึก หมายจะลุกขึ้นท่ามกลางความลนลานฉู่เฉินขมวดคิ้วมองถานหลิงที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะแวบหนึ่ง ซ่อนน่ะซ่อนไม่มิดอยู่แล้ว เขาจึงตัดสินใจดึงถานหลิงขึ้นมาจากใต้โต๊ะพอได้ยินว่ามีเสียงฝีเท้าของบุคคลที่สามอยู่ในห้องนี้ด้วย จ้าวเจวียนแตกตื่นไปทันที!เธอทำกับฉู่เฉินในห้องสอบสวนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้คนแปลกหน้ามานั่งดูด
แต่เพิ่งจะกลับถึงห้องทำงานของตัวเองไม่ถึงห้านาที ข้างบนก็เริ่มมีเสียงความเคลื่อนไหวอีกแล้วกวนเหล่ยจิตใจสับสนลังเล“ประธานฉู่คงไม่ได้ชอบแต่สาวใหญ่หรอกนะ?”กวนเหล่ยแหงนหน้ามองเพดาน ห้องทำงานชั้นบนกำลังทำการแสดงครั้งใหญ่แห่งยุคอยู่ ราวกับสั่นกระดิ่งเตือนเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าตำแหน่งของตัวเองกำลังสั่นคลอนในเวลานี้เอง สายจากแฟนหนุ่มขี้ประจบของกวนเหล่ยก็ดังขึ้นกวนเหล่ยตกใจจนเกือบทำมือถือหลุดจากมือ เธอรับสายด้วยความลนลาน มือเผลอกดไปโดนลำโพง เสียงอึกทึกครึกโครมจากชั้นบนจึงถูกดูดเข้าไปในโทรศัพท์ทั้งหมด“เหล่ยเหล่ย เสียงอะไรน่ะ?”กวนเหล่ยตกใจจนหน้าซีดหนึ่งวันก่อนหน้านั้น เธอเพิ่งบอกแฟนหนุ่มขี้ประจบของเธอว่าประธานของบริษัทนี้เป็นสาวสวย ให้เขาวางใจได้แต่ว่า…ภายใต้สถานการณ์คับขัน กวนเหล่ยพูดกับแฟนหนุ่มที่อยู่ปลายสายว่า “หา…เปล่า บริษัทของเรากำลังจัดกิจกรรมฝึกร้องเพลงอยู่ อีกไม่กี่วันต้องเข้าร่วมการแสดงของแวดวงการแพทย์ของเมืองเจียงจง ฉันกำลังยุ่งอยู่ วางก่อนนะ”กวนเหล่ยวางสายอย่างลุกลี้ลุกลน ก่อนจะกวาดตามองนาฬิกาบนผนัง เธอถึงขั้นอึ้งงันไปทันที“หนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ทำไม…ทำไมถึกขนาดน
พรืด!จ้าวเจวียนที่อยู่ข้างๆ อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะหันไปพูดกับถานหลิงว่า “มีอะไรน่าโมโหกันล่ะคะ เมื่อวานในห้องสอบสวน ฉันก็เป็นเหมือนกัน”“พวกเราก็อายุปูนนี้แล้ว จะแสร้งทำตัวใสซื่อไปทำไม มีผู้ชายรูปร่างกำยำสมส่วนอยู่ข้างตัวสักคน ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เมื่อกี้คุณก็ฟินมากไม่ใช่เหรอ?”ถานหลิงหมดคำจะพูด นี่มันคนละเรื่องกันแล้วไหม?ภายใต้ความจนใจ เธอทำได้เพียงยินยอมอย่างจำใจยังไงจางไห่หยางก็ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย เพื่อลูกชาย ยังไงเธอก็ต้องทน“ได้ ฉันรับปากคุณทุกอย่าง แต่คุณต้องรีบไปช่วยลูกชายของฉันให้เร็วที่สุด ขาของเขาเริ่มติดเชื้อแล้ว แผลบวมจนน่ากลัว แม้แต่หมอเองก็หมดหนทาง”ถานหลิงใส่เสื้อผ้า พร้อมกับพูดอย่างกังวลกระโปรงตัวนั้นถูกฉู่เฉินกระชากจนขาด เห็นได้ชัดว่าใส่ไม่ได้แล้วโชคดีที่ท้ายรถเธอมีเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนใส่หลายตัว ใส่กระโปรงที่ขาดเป็นรูตัวนี้ลงไปจนถึงข้างล่างคงไม่มีปัญหาอะไร“ตกลง!”ฉู่เฉินยิ้มตาหยีจ้าวเจวียนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ยอม รีบพลิกตัวขึ้นไปนั่งบนตัวฉู่เฉิน ก่อนจะเขย่าทรวงอกอันเอิบอิ่ม ทำปากจู๋แล้วพูด
เนื่องจากบาดแผลติดเชื้อ เวลานี้จางไห่หยางกำลังไข้ขึ้นสูง ใบหน้าบวมแดง บาดแผลที่ขาบวมจนเหมือนซาลาเปา ทำให้เฝือกที่เพิ่งใส่ปริออก! “ฮึ!” จางปินกัดฟันกรอดจ้องมองฉู่เฉินแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะคุณ ลูกชายของผมจะเป็นแบบนี้เหรอ! เดิมทีอีกห้าวัน เขาก็จะจัดงานแต่งแล้ว แต่เขาเป็นแบบนี้ คุณจะให้ตระกูลจางของเราเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!” งานแต่ง?! ฉู่เฉินได้ยินสองคำนี้ ปลายคิ้วพลันกระตุกขึ้นมาสองที จางไห่หยางเห็นเซี่ยฉีฉีเป็นอะไร?ทางนี้จัดเตรียมงานแต่งกับคนอื่น ทางนั้นยังอยากครอบครองเซี่ยฉีฉีไว้ไม่ยอมปล่อย?ไอ้สารเลวนี่! “ลูกชายของคุณโดนซ้อมเพราะอะไร คุณน่าจะรู้ดีแก่ใจ ทำไม คนตระกูลจางของพวกคุณเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นตามใจชอบได้เหรอ?”“โชคดีที่เซี่ยฉีฉีเป็นคนใสซื่อ ไม่ได้โดนลูกชายของคุณทำให้แปดเปื้อน ไม่อย่างนั้นจะมีคดีฆาตกรรมเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า?”ฉู่เฉินจ้องมองจางปินอย่างเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ“แล้วจะทำ...”เพียะ!ถานหลิงรีบเดินเข้ามา ตบหน้าตัดบทจางปินไปหนึ่งฉาด ก่อนจะมองจางปินอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เก็บการกระทำของคุณได้แล้ว ตอนนี้ช่วยลูกสำคัญที่สุดนะ!” “ขอ
ขณะที่ความคิดแล่นวาบ ถานหลิงแสร้งทำเป็นใจเย็นกลอกตาใส่จางปินแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “เมื่อคืนคุณไม่อยู่บ้านฉันอยากอีกแล้วก็เลยจัดการเอง มีอะไรน่าตกใจ!” “หลีกไปนะ! ฉันจะดูว่าลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้างแล้ว!”ถานหลิงผลักจางปินแล้วรีบเดินไปที่หน้าเตียงผู้ป่วย หัวใจของเธอเต้นระรัวจนมาถึงคอแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าข้ออ้างนี้จะหลอกจางปินได้หรือเปล่า จางปินได้ยินคำกล่าวก็ไม่ได้คิดมาก ถึงอย่างไรถานหลิงก็อยู่ในวัยสามสิบสี่สิบ อารมณ์คึกคักมีความต้องการที่ไม่ธรรมดา ใช้ของเล่นไฟฟ้าเป็นบางครั้งบางคราวก็เข้าใจได้ จางปินที่ไม่สมหวังก็อารมณ์เสียมาก เขานั่งลงบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง สองตาจ้องเขม็งไปที่สะโพกงอนของถานหลิง เหมือนกับมีไฟกำลังลุกโชนอยู่ในใจ .....ฉู่เฉินเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ได้รับสายจากหลินซือหย่า “คุณฉู่ ตอนนี้คุณว่างไหมคะ?” เสียงของหลินชือหย่าดูขัดเขินนิดหน่อย เมื่อคิดถึงฉากที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเจียงเมื่อคืน ตอนนี้ดวงหน้าของเธอยังคงร้อนผ่าวเล็กน้อยแม้เธอจะเข้าใจดีว่าฉู่เฉินทำแบบนั้นต่อหน้าเจียงรั่วเหยียนก็เพื่อรักษาโรคทางใจของเธอ แต่มันทำให้หลินชือหย่ารู้สึกกระดากใจมากอยู
“อุบัติเหตุดีนี่!” หลินชือหย่ากัดฟันแน่น จ้องมองหลินฟางเจิ้งอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “อาจะอธิบายเรื่องหนอนกู่กลืนวิญญาณยังไง!”ซี้ด!หลินฟางเจิ้งอดตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ทั่วตัว นัยน์ตาสองข้างมองไปทางหลินชือหย่าด้วยความไม่อยากจะเชื่อถูกเธอจับได้แล้วเหรอ?เป็นไปไม่ได้!หลินฟางเจิ้งปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว นอกจากเหมียวเจียงแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องการมีอยู่ของหนอนกู่กลืนวิญญาณเลยหลินชือหย่าไม่เคยก้าวเท้าเข้าไปเหมียวเจียงเลย เธอจะรู้ว่ามีหนอนกู่กลืนวิญญาณได้อย่างไร? ไม่ถูกสิ!ต้องมีคนบอกเธอแน่ ๆ! พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่หลินฟางเจิ้งมองไปทางหลินชือหย่าแฝงไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง! ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้หลินชือหย่ายังมีประโยชน์ หลินฟางเจิ้งคงลงมือกำจัดภัยแอบแฝงนี้ไปนานแล้ว!หลินฟางเจิ้งฝืนข่มกลั้นความคิดพยายามฆ่าคนปิดปากไว้ในใจ ก่อนจะแสร้งทำเป็นพูดว่า “เสียวหย่า หนอนกู่กลืนวิญญาณอะไร อย่าไปฟังคนนอกพูดส่งเดช นั่นเป็นของที่มีแค่ในหนังเท่านั้นแหละ” “ช่วงนี้อารองร้อนใจนิดหน่อย แต่หลานต้องเข้าใจความลำบากของอารองด้วย พ่อแม่ของหลานทิ้งปัญหาเละเทะใหญ่ขนาดนี้ให้อา อาจะเบิกตามองหลินซื
ลูกศิษย์สองคนร่างระเบิดติดๆ กันสองคน หลิวจิ่งหงกับเฉียนเจียวเจียวสะดุดล้มลงไปนั่งบนพื้นด้วยความตกใจอะไรที่เรียกว่าแข็งแกร่ง?นี่สิที่เรียกว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริงเงื้อมือก็ฆ่าคนได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดมากแม้แต่คำเดียวสิ่งสำคัญคือ ตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าของอวี้ลู่สงบนิ่งมาก เหมือนกำลังบี้แมลงตัวหนึ่งเท่านั้น หน้าไม่เปลี่ยนสีเลยแม้แต่น้อย“ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้ ส่วนจะอยู่หรือจะรอด เจ้ายังคงต้องต่อสู้ด้วยตัวเจ้าเอง”อวี้ลู่เอามือไพล่หลัง เหินกลางอากาศด้วยใบหน้าแต้มรอยยิ้มน้อยๆ เงาร่างของเธอห่างไกลออกไปเรื่อยๆ เพียงไม่กี่วินาที ก็เห็นเพียงจุดสีขาวเล็กๆ จุดเดียว“เหอะ วางอุบายกับสตรีศักดิ์สิทธิ์? อย่างนั้นข้าก็จะทำให้เจ้าพบเจอกับความลำบากสักหน่อยก็แล้วกัน!”อวี้ลู่ที่เหินตัวออกไปไกลแล้วใช้วิชาขจรเสียงพันลี้ส่งเสียงที่หวานใสดุจระฆังเงินเข้าสู่โสตประสาทของฉู่เฉิน เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจของเธอเกินไปแล้ว!เดิมทีเธอคิดจะสังหารพวกหลี่ว์เจิ้งหยางให้หมด แต่เมื่อกี้คำพูดของฉู่เฉินทำให้เธอเปลี่ยนใจโดยสิ้นเชิงในเมื่อเจ้ากล้าหาเรื่อง เช่นนั้นข้าก็จะปล่อยให้ผู้ฝึกปราณขั้นแปดสั่งสอน
เดิมพัน?อวี้ลู่ทำเหมือนรอบข้างไม่มีใคร เธอถามฉู่เฉินอย่างสงสัยว่า “ถ้าหากข้าไม่กลับมาช่วยเจ้า เจ้าจะทำเช่นไร?”ฉู่เฉินส่ายหน้าตอบว่า “ตายแน่นอน”สามรุมหนึ่ง หนำซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นยอดฝีมือฝึกปราณขั้นแปดถึงสามคน ถึงแม้ฉู่เฉินจะได้รับถ่ายทอดวิชามาจากมังกรเฒ่า แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนั้นแน่นอน“เจ้า…”อวี้ลู่ไม่อยากเชื่อหูตัวเองฉู่เฉินรู้ทั้งรู้ว่าต้องตาย ยังกล้าหาเรื่องหลิวจิ่งหงกับหลี่ว์เจิ้งหยางอีก?เขาเอาความกล้ามาจากที่ใด เอาความมั่นใจมาจากไหน?“ผมทำไมล่ะ? สิ่งสำคัญคือพี่กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินยิ้มกว้างอวี้ลู่หมดคำจะพูด นี่เขากำลังเอาชีวิตมาล้อเล่นนะ“เจ้า… เจ้าไม่กลัวข้าไปแล้วไม่กลับมาหรือ?”ฉู่เฉินได้ยินก็ส่ายหน้า “พี่ยังไม่ได้ยาเก้าตะวัน ดอกอัสนีก็อยู่กับผม แม่น้ำก็ยังไม่ได้ข้าม ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่จะรื้อสะพาน”ดี!อวี้ลู่กำหมัดแน่นไม่นึกว่าเขาจะคำนวณถูกหมดทุกอย่างถูกหมอตัวน้อยอายุแค่ยี่สิบกว่าคนหนึ่งวางอุบายเสียจนหมดท่าเธอเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือเชียวนะ!มีอายุมาพันปี กลับถูกฉู่เฉินกำไว้เสียอยู่หมัดหลี่ว์เจิ้งหยางกับหลิวจิ่งหงมองหน้าฉู่เฉ
แต่เอานี่สิจะแย่เอา ไม่มีอะไรเลยสักอย่างถ้าเขาเริ่มต่อสู้ขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยา เขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าสถานการณ์นั้นจะเป็นอย่างไรปัญหาคือตอนนี้ไอ้ฉู่เฉินนั่นมันมัวทำอะไรอยู่?ไม่ถึงห้าโมงเย็นงานประมูลก็จบลงแล้ว นี่มันจะเจ็ดโมงเย็นแล้วทำไมยังไม่เห็นเงาของเขาอีกในขณะที่ทุกคนกำลังกังวลอยู่นั้น รถเบนซ์จีคลาสสีดำขับมาจากทางในเมืองด้วยความเร็ว“นั่นมันนี่!”หลี่ว์เจิ้งหยางชี้ด้วยนิ้วแหลมคมมุ่งเป้าไปที่รถของฉู่เฉิน“ตู้ม!”จู่ๆ ก้อนหินขนาดใหญ่ก็กลิ้งลงมาจากเนินเขาใกล้ๆ ปิดกั้นเส้นทางของฉู่เฉินได้ทันเวลาพอดีฉู่เฉินรีบเหยียบเบรกทันที รอยเบรกลากยาวไปกว่าสิบกว่าเมตรรถถึงจะสามารถหยุดลงได้“ไอ้หนู ลงรถมาเถอะ วันนี้นายไม่รอดแล้ว!”หลี่ว์เจิ้งหยางเอาสองมือไพล่หลังไว้ เขาค่อยๆ เดินออกมาจากข้างหลังก้อนหินขนาดใหญ่นั้นในขณะเดียวกัน หลิวจิ่งหงและผู้เชี่ยวชาญฝึกปราณระดับแปดทั้งสองคนก็ค่อยๆ เดินออกมาจากต้นไม้ โดยเดินล้อมเขา ทำให้ฉู่เฉินไปไหนไม่ได้ฉู่เฉินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เขาผลักประตูรถแล้วกระโดดลงมา มองซ้ายมองขวา พร้อมพยักหน้าอย่างแรงแล้วพูดว่า “อืม เลือกสถานที่ได้ไม่เลวเลย ภ
อ๊ะ!บริเวณรอบๆ มืดสนิท ทำเอาสาวน้อยตกใจจนกรีดร้องออกมา เธอใช้ทั้งสองมือปิดหูเอาไว้ เธอเหยียบรองเท้าส้นสูงรีบวิ่งออกไปราวกับบินแต่เมื่อวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ชนเข้ากับร่างอันร้อนรุ่มลูกแพร์ขาวเนียนลูกใหญ่ที่ไม่มีอะไรปกคลุมนั้นเกือบถูกเธอกัดเข้าอย่างไม่ตั้งใจอีกทั้งเธอยังเหมือนกับชนเข้ากับมือของผู้ชายในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิทเช่นนี้ เธอเกิดอาการตื่นตระหนกและวิ่งไปทางตรงข้ามโดยไม่คิดแควก!มีเสียงดังแหลมดังขึ้น และชุดสูทที่เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ก็ถูกตะขอเกี่ยวจนขาดโชคดีที่เธอหลบทัน ถึงไม่ได้ถูกเกี่ยวจนได้รับบาดเจ็บแต่ร่างกายของเธอกลับรู้สึกหนาวเป็นอย่างมาก ราวกับว่าทั้งชุดของเธอถูกตะขอเกี่ยวขาดทั้งชุด“พี่ลี่...”เด็กสาวตกใจกลัวและถอยหนีโดยเรียกชื่อพิธีกรขณะที่เธอถอยหนี อย่างไรก็ตาม เสียงของเธอเบาเกินไปและถูกกลบด้วยเสียงครวญครางของพิธีกรสาวสวยขณะที่เธอยังคงถอยหลัง สะโพกที่อวบอิ่มของเธอบังเอิญไปชนเข้ากับร่างกายที่กำลังขยับเขยื้อนอยู่ เธอเอื้อมมือออกไปสัมผัสมันโดยไม่รู้ตัว“อ๊ะ!”เธอรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าเป็นก้นอวบๆ เนียนๆ ของพิธีกรสาวสวยเด็กสาวรีบชักมือกลับมาแต่
เหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง พิธีกรสาวสวยรีบยกมือข้างหนึ่งยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ ในขณะที่ผมตรงหน้าผากของเธอสะบัดอย่างแรง ม่านบนเวทีก็สั่นไหวเป็นจังหวะเช่นกัน“ต่อไปของเชิญทุกท่าน...”“อ๊า!”“เชิญทุกท่าน...”“อือ...”สาวสวยอีกคนที่ยืนอยู่หน้าเวทีก็งงงวย นี่... นี่มันเสียงอะไรกัน?ไม่เพียงแต่เธอจะตกตะลึงเท่านั้น แต่ผู้ชมทุกคนก็ตกตะลึงเช่นกันม่านสั่นอย่างรุนแรง และเห็นร่างเลือนรางของคนสองคนยืนอยู่ด้านหลังม่านดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงกระทบกันเป็นระยะๆนี่มันเรื่องอะไรกัน?ขณะที่ทุกคนกำลังมองหน้ากันเพื่อพยายามหาคำตอบ จู่ๆ ก็มีเสียงปังดังขึ้นมือของพิธีกรเด็กสาวอีกคนกดสวิตช์ไฟโพรเจกเตอร์โดยไม่ได้ตั้งใจ และลำแสงก็ส่องออกมาโดยตรงจากด้านหลังของฉู่เฉินและพิธีกรสาวสวยวินาทีต่อมา เงาอันสั่นไหวสองร่างปรากฏขึ้นบนม่านตรงกลางเวที“ฉิบหาย!”“นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรเนี่ย?”“นะ... นี่มันรายการพิเศษเหรอ?”แทบจะทุกคนตกตะลึงกับฉากบนม่านเด็กสาวบนเวทีก็เกิดอาการตื่นตระหนกและรีบวิ่งไปที่หลังเวทีเพื่อปิดไฟโพรเจกเตอร์แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้ เขาก็พบว่าพิธีกรสาวสวยหลับตาปี๋ เธอใช้มือเล็กๆ ข้าง
ยาเม็ดอยู่ในมือ หลิวจิ่งหงราวกับว่าเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาได้ ยกมือเล็กๆ ของเฉียนเจียวเจียวขึ้นมา หันหน้าไปจูบปากเล็กของเธอหืม?หลิวจิ่งหงรู้สึกถึงความผิดปกติ ถามขึ้นมาด้วยความอึดอัดใจ “ปากของคุณทำไมทั้งร้อนทั้งเค็มแบบนี้?”เฉียนเจียวเจียวถูกถามแบบนี้ก็ใจสั่น เธอกลืนน้ำลายลงไป “เอ๋? ฉัน... เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปดื่มน้ำผึ้งมาค่ะ น่าจะเป็นเพราะ... เพราะน้ำผึ้งนะคะ?”หลิวจิ่งหงพยักหน้า ไม่ได้สงสัยอะไรอีก หลังจากนั้นเขาก็หันหลังดึงเฉียนเจียวเจียว และหลี่ว์เจิ้งหยางและคนอื่นๆ ออกไปจากงานประมูลของประมูลอีกไม่กี่ชิ้นที่เหลือ ฉู่เฉินก็ไม่มีอารมณ์ดูอีกต่อไป เขาและอวี้ลู่เดินออกมาจากงานประมูลพร้อมกันหลินชือหย่าก็เดินมาจากข้างหลังเวที เดินเข้ามาในห้องโถง ในขณะที่เธอต้องการขึ้นไปแสดงความรักกับฉู่เฉิน สักพักเลขาก็วิ่งมาอย่างรวดเร็วแล้วกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของหลินชือหย่า“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ”พูดจบ หลินชือหย่าก็รีบเดินตามฉู่เฉินไป “ฉู่เฉิน ฉันต้องกลับไปที่บริษัทก่อนนะคะ มีประชุมสำคัญน่ะค่ะ ฉันจะต้องขัดขวางไม่ให้หลินฟางเจิ้งได้เปิดการประชุม ดังนั้นคงจะไปเป็
เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดขาวที่คอยติดตามฉู่เฉินมาโดยตลอด เฉียนเจียวเจียวก็กลัวและรีบเอามือปิดหน้าสีชมพูของเธอไว้ครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งหนีไปอย่างเร็วที่สุดจะเป็นชู้ใครก็ต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวบ้างแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงคนแรก แต่เธอก็มีอันดับสูงกว่าเฉียนเจียวเจียวอย่างแน่นอน ควรหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้เมื่อเฉียนเจียวเจียววิ่งออกไปไกลแล้ว อวี้ลู่ก็ขมวดคิ้วแน่นพร้อมถามขึ้นมาว่า “พวกเจ้า... เมื่อกี้พวกเจ้าทำอะไรกัน?”หืม?นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เฉินถูกเธอถามจนตอบไม่ถูกคำถามนี้เขาจะตอบอย่างไรดี?นั่นไม่ใช่เพราะอวี้ลู่ไร้เดียงสา แม้ว่าเธอจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่อายุกว่าพันปี แต่เธอไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเมื่อเปรียบเทียบสิ่งที่หลากหลายในโลกมนุษย์แล้ว โลกเซียนนั่นจืดชืดกว่ามากแม้ว่ามังกรเฒ่าจะหลับนอนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การหลับนอนปกติ ส่วนเรื่องการใช้ปากแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนอวี้ลู่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทั้งวันเอาแต่ขลุกตัวอยู่ที่เหยาฉือตั้งใจบำเพ็ญเพียร แน่นอนว่าเธอไม่เข้าใจเรื่องพรรค์นี้“เอ่อ... เธอปากแห้งน่ะครับ ผมช่วยเติมความชุ่มชื้น”ฉู่เฉินพู
ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้เฉียนเจียวเจียวกลับฉี่ราดไม่ใช่เพราะดื่มน้ำมากเกินไป แต่เพราะถูกหลิวจิ่งหงลูบไล้จนหน้าอกจะเป็นมันเงาอยู่แล้วปรากฏว่าหลิวจิ่งหง ผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงคนเจ้าชู้ แต่ไม่เคยลงมือทำอะไรจริงจังเลยใครมันจะไปรับได้?เธอแฉะไปหมดแล้ว หากยังไม่ไปห้องน้ำเธอคงจะรักษาหน้าไม่อยู่แน่นอนเฉียนเจียวเจียวควบเท้าไป ไม่แม้แต่จะทักทายหลิวจิ่งหง แต่ฉู่เฉินก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ได้“เอาล่ะทุกคน เราอย่าไปทำให้คุณชายหลิวลำบากใจเลยครับ เขาจนมากพอแล้ว รูดบัตรเถอะครับ”หลังจากนั้นฉู่เฉินก็รูดบัตรหนึ่งหมื่นห้าพันล้านภายใต้การจับจ้องของทุกคน หลินชือหย่าคลั่งไคล้ฉู่เฉินมากๆ นอกจากราคาประมูลครั้งสุดท้ายของกระถางเก้าดารา ฉู่เฉินก็ไม่ได้จ่ายเงินสักแดงเดียว อีกทั้งเขายังช่วยตระกูลหลินทำเงินมหาศาลนี่มันเร็วกว่าการพิมพ์ธนบัตรเสียอีก“ขอโทษด้วยครับ ผมดื่มน้ำเยอะไปหน่อย ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”รูดบัตรเสร็จ ฉู่เฉินก็ปลีกตัวออกมาจากฝูงชน เขาลูบลูกแพร์ของพิธีกรสาวสวย เขาถึงจะเดินมาทางห้องน้ำด้วยความมั่นอกมั่นใจพิธีกรสาวถึงกับมึนงงเมื่อกี้... เมื่อกี้สุดหล่อผู้ร่ำรวยเหมือนจะจับหน้าอ
ฮ่าๆๆ...ทุกคนต่างพากันหัวเราะลั่นอีกครั้งไอ้กระจอก!“หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาทถ้วน...”เสียงของหลิวจิ่งหงสั่นเครือขณะที่น้ำกระเซ็นลงมา และตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไม่สัมผัสมาก่อนอย่างแท้จริง! “ติ้ดๆ จำนวนเงินของท่านไม่เพียงพอ”เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน หลิวจิ่งหงก็รู้ทันทีว่าเงินในบัตรของเขาเหลือแค่ห้าร้อยล้านเท่านั้นฉิบหาย!ไม่มีเงินแล้ว!“ว๊า คุณชายหลิวไม่มีเงินแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย? หากรู้ก่อนว่าตระกูลหลิวจนขนาดนี้ ผมคงจะไม่ล้อเล่นกับคุณชายหลิวแบบนี้ เงินแค่ไม่กี่พันล้านบาทก็จ่ายไม่ไหว มันน่าผิดหวังจริงๆ นะครับเนี่ย”ฉู่เฉินพยักหน้ารัวๆ พร้อมทั้งถอนหายใจหลิวจิ่งหงโกรธจนกล้ามเนื้อจนเนื้อของเขาเต็มไปด้วยโทสะ การเงินของเขาจะแพ้ให้กับไอ้แมงดาฉู่เฉินนั่นได้อย่างไร?“ขอเวลาฉันสองนาที!”พูดจบ หลิวจิ่งหงก็ต่อสายโทรศัพท์ออกไปหลังจากการแลกเปลี่ยนกันสั้นๆ หลิวจิ่งหงดูเหมือนว่าจะกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งและตะโกนเสียงดังว่า “รูดบัตร!”ตามมาด้วยเสียงแจ้งเตือน หนึ่งหมื่นสามพันล้านก็ถูกรูดออกไปในขณะนั้นเอง หลินชือหย่าที่อยู่ด้านล่างก็เกือบจะหัวเราะลั่นออกมานี่เป็นงานประ