พรืด!จ้าวเจวียนที่อยู่ข้างๆ อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะหันไปพูดกับถานหลิงว่า “มีอะไรน่าโมโหกันล่ะคะ เมื่อวานในห้องสอบสวน ฉันก็เป็นเหมือนกัน”“พวกเราก็อายุปูนนี้แล้ว จะแสร้งทำตัวใสซื่อไปทำไม มีผู้ชายรูปร่างกำยำสมส่วนอยู่ข้างตัวสักคน ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เมื่อกี้คุณก็ฟินมากไม่ใช่เหรอ?”ถานหลิงหมดคำจะพูด นี่มันคนละเรื่องกันแล้วไหม?ภายใต้ความจนใจ เธอทำได้เพียงยินยอมอย่างจำใจยังไงจางไห่หยางก็ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย เพื่อลูกชาย ยังไงเธอก็ต้องทน“ได้ ฉันรับปากคุณทุกอย่าง แต่คุณต้องรีบไปช่วยลูกชายของฉันให้เร็วที่สุด ขาของเขาเริ่มติดเชื้อแล้ว แผลบวมจนน่ากลัว แม้แต่หมอเองก็หมดหนทาง”ถานหลิงใส่เสื้อผ้า พร้อมกับพูดอย่างกังวลกระโปรงตัวนั้นถูกฉู่เฉินกระชากจนขาด เห็นได้ชัดว่าใส่ไม่ได้แล้วโชคดีที่ท้ายรถเธอมีเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนใส่หลายตัว ใส่กระโปรงที่ขาดเป็นรูตัวนี้ลงไปจนถึงข้างล่างคงไม่มีปัญหาอะไร“ตกลง!”ฉู่เฉินยิ้มตาหยีจ้าวเจวียนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ยอม รีบพลิกตัวขึ้นไปนั่งบนตัวฉู่เฉิน ก่อนจะเขย่าทรวงอกอันเอิบอิ่ม ทำปากจู๋แล้วพูด
เนื่องจากบาดแผลติดเชื้อ เวลานี้จางไห่หยางกำลังไข้ขึ้นสูง ใบหน้าบวมแดง บาดแผลที่ขาบวมจนเหมือนซาลาเปา ทำให้เฝือกที่เพิ่งใส่ปริออก! “ฮึ!” จางปินกัดฟันกรอดจ้องมองฉู่เฉินแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะคุณ ลูกชายของผมจะเป็นแบบนี้เหรอ! เดิมทีอีกห้าวัน เขาก็จะจัดงานแต่งแล้ว แต่เขาเป็นแบบนี้ คุณจะให้ตระกูลจางของเราเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!” งานแต่ง?! ฉู่เฉินได้ยินสองคำนี้ ปลายคิ้วพลันกระตุกขึ้นมาสองที จางไห่หยางเห็นเซี่ยฉีฉีเป็นอะไร?ทางนี้จัดเตรียมงานแต่งกับคนอื่น ทางนั้นยังอยากครอบครองเซี่ยฉีฉีไว้ไม่ยอมปล่อย?ไอ้สารเลวนี่! “ลูกชายของคุณโดนซ้อมเพราะอะไร คุณน่าจะรู้ดีแก่ใจ ทำไม คนตระกูลจางของพวกคุณเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นตามใจชอบได้เหรอ?”“โชคดีที่เซี่ยฉีฉีเป็นคนใสซื่อ ไม่ได้โดนลูกชายของคุณทำให้แปดเปื้อน ไม่อย่างนั้นจะมีคดีฆาตกรรมเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า?”ฉู่เฉินจ้องมองจางปินอย่างเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ“แล้วจะทำ...”เพียะ!ถานหลิงรีบเดินเข้ามา ตบหน้าตัดบทจางปินไปหนึ่งฉาด ก่อนจะมองจางปินอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “เก็บการกระทำของคุณได้แล้ว ตอนนี้ช่วยลูกสำคัญที่สุดนะ!” “ขอ
ขณะที่ความคิดแล่นวาบ ถานหลิงแสร้งทำเป็นใจเย็นกลอกตาใส่จางปินแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “เมื่อคืนคุณไม่อยู่บ้านฉันอยากอีกแล้วก็เลยจัดการเอง มีอะไรน่าตกใจ!” “หลีกไปนะ! ฉันจะดูว่าลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้างแล้ว!”ถานหลิงผลักจางปินแล้วรีบเดินไปที่หน้าเตียงผู้ป่วย หัวใจของเธอเต้นระรัวจนมาถึงคอแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าข้ออ้างนี้จะหลอกจางปินได้หรือเปล่า จางปินได้ยินคำกล่าวก็ไม่ได้คิดมาก ถึงอย่างไรถานหลิงก็อยู่ในวัยสามสิบสี่สิบ อารมณ์คึกคักมีความต้องการที่ไม่ธรรมดา ใช้ของเล่นไฟฟ้าเป็นบางครั้งบางคราวก็เข้าใจได้ จางปินที่ไม่สมหวังก็อารมณ์เสียมาก เขานั่งลงบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง สองตาจ้องเขม็งไปที่สะโพกงอนของถานหลิง เหมือนกับมีไฟกำลังลุกโชนอยู่ในใจ .....ฉู่เฉินเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ได้รับสายจากหลินซือหย่า “คุณฉู่ ตอนนี้คุณว่างไหมคะ?” เสียงของหลินชือหย่าดูขัดเขินนิดหน่อย เมื่อคิดถึงฉากที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเจียงเมื่อคืน ตอนนี้ดวงหน้าของเธอยังคงร้อนผ่าวเล็กน้อยแม้เธอจะเข้าใจดีว่าฉู่เฉินทำแบบนั้นต่อหน้าเจียงรั่วเหยียนก็เพื่อรักษาโรคทางใจของเธอ แต่มันทำให้หลินชือหย่ารู้สึกกระดากใจมากอยู
“อุบัติเหตุดีนี่!” หลินชือหย่ากัดฟันแน่น จ้องมองหลินฟางเจิ้งอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “อาจะอธิบายเรื่องหนอนกู่กลืนวิญญาณยังไง!”ซี้ด!หลินฟางเจิ้งอดตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ทั่วตัว นัยน์ตาสองข้างมองไปทางหลินชือหย่าด้วยความไม่อยากจะเชื่อถูกเธอจับได้แล้วเหรอ?เป็นไปไม่ได้!หลินฟางเจิ้งปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว นอกจากเหมียวเจียงแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องการมีอยู่ของหนอนกู่กลืนวิญญาณเลยหลินชือหย่าไม่เคยก้าวเท้าเข้าไปเหมียวเจียงเลย เธอจะรู้ว่ามีหนอนกู่กลืนวิญญาณได้อย่างไร? ไม่ถูกสิ!ต้องมีคนบอกเธอแน่ ๆ! พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่หลินฟางเจิ้งมองไปทางหลินชือหย่าแฝงไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง! ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้หลินชือหย่ายังมีประโยชน์ หลินฟางเจิ้งคงลงมือกำจัดภัยแอบแฝงนี้ไปนานแล้ว!หลินฟางเจิ้งฝืนข่มกลั้นความคิดพยายามฆ่าคนปิดปากไว้ในใจ ก่อนจะแสร้งทำเป็นพูดว่า “เสียวหย่า หนอนกู่กลืนวิญญาณอะไร อย่าไปฟังคนนอกพูดส่งเดช นั่นเป็นของที่มีแค่ในหนังเท่านั้นแหละ” “ช่วงนี้อารองร้อนใจนิดหน่อย แต่หลานต้องเข้าใจความลำบากของอารองด้วย พ่อแม่ของหลานทิ้งปัญหาเละเทะใหญ่ขนาดนี้ให้อา อาจะเบิกตามองหลินซื
“สวัสดีครับ” เสียงของฉู่เฉินเย็นชา ทักทายหลินเจิ้งฟางอย่างไร้อารมณ์แล้วก็นั่งลงตรงมุมโซฟา“ชือหย่า แจ้งคนใช้ให้รีบยกอาหารมาเถอะ ได้เวลาแล้ว”หลินฟางเจิ้งรีบสั่งหลินชือหย่าเพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัด ไม่นานนัก โต๊ะอาหารก็จัดเสร็จเรียบร้อย คนรับใช้หลายคนเข็นรถเข็นอาหารที่ทำจากเงิน ก่อนจะวางจานอาหารต่าง ๆ ไว้บนโต๊ะกลม“คุณฉู่ คุณนั่งรอสักครู่ก่อนนะครับ ผมจะไปหยิบไวน์ดี ๆ จากในห้องเก็บไวน์ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาทานอาหารที่บ้าน ไม่ว่ายังไงก็ต้องดื่มสักแก้ว” หลินฟางเจิ้งกล่าวจบก็ไม่รอให้ฉู่เฉินตอบกลับ รีบเดินออกไปนอกประตูขณะที่เดินผ่านข้างกายหลินชือหย่า เขาจงใจถลึงตาใส่เธอทีหนึ่งแล้วค่อยเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หลินชือหย่ามองแผ่นหลังของหลินฟางเจิ้งที่เดินไปทางห้องเก็บไวน์ จากนั้นถึงค่อยรีบเดินมาใกล้ฉู่เฉินแล้วพูดเสียงเบาว่า “ฉู่เฉิน อีกเดี๋ยวถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ต้องสนใจฉันเด็ดขาด เข้าใจไหม?” “ถ้าเกิดฉันเจอเรื่องไม่คาดคิดอะไร จำไว้ว่าล้างแค้นให้ฉันด้วยนะคะ!”หลินชือหย่าพูดพลางเบนหน้าเล็กหน้า มองไปทางหลินฟางเจิ้งฉู่เฉินขมวดคิ้ว เอานิ้วชี้ไปทางด้านบนแล้วยิ้มให้หลินชือหย่าด
เมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลินชือหย่าดื่มไวน์แดงกันแล้ว หลินฟางเจิ้งถึงค่อยวางแก้วไวน์ลงด้วยความโล่งใจ เขาลุกขึ้นมาพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มร้าย“เชิญตามสบายครับ”ฉู่เฉินสังเกตหลินฟางเจิ้งอย่างเย็นชา เอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบไอ้แก่สารเลวนี่ ขนาดหลานสาวแท้ ๆ ของตัวเองก็ยังหลอกลวงได้หลินฟางเจิ้งพยักหน้าให้ฉู่เฉินแล้วหันไปพูดกับหลินชือหย่าว่า “เสียวหย่า ห้ามละเลยการต้อนรับคุณฉู่เด็ดขาด เดี๋ยวไม่นานอาก็กลับมาแล้ว”ขณะที่พูด มือของหลินฟางเจิ้งกดลงบนไหล่ละมุนของหลินชือหย่า แม้แต่ลมหายใจก็หนักหน่วงขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด จากมุมมองของเขาสามารถมองเห็นหน้าอกใหญ่สะบึ้มขาวเนียนของหลินชือหย่าได้พอดี เพลิงราคะแทบจะทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่ หลังจากที่กำชับง่าย ๆ อีกหลายประโยค หลินฟางเจิ้งก็รีบร้อนวิ่งออกไปจากห้อง เขากลับมานั่งในรถ เปิดภาพกล้องวงจรปิด สองตาจับจ้องไปที่ทั้งสองคนในห้องโถง“แม่งเอ๊ย ให้คนแซ่ฉู่ได้กำไรแล้ว ให้ฉันเอาของเหลือต่อจากนายหน่อยละกัน” หลังจากที่ควบคุมอารมณ์กระสับกระส่ายแล้ว หลินฟางเจิ้งค่อย ๆ สตาร์ทรถ สุดท้ายก็จอดรถในป่าละเมาะใกล้ ๆ.....และอีกทางด้านหนึ่ง หล
“ฉู่เฉิน...ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันร้อนจังเลย”“ขอร้องละ เอาฉันเถอะ ไม่งั้น...อารองของฉันคงไม่ปล่อยฉันไป...เขารู้เรื่องหนอนกู่แล้ว จะต้องฆ่าปิดปากฉันแน่นอน” หลินชือหย่าเอ่ยพลางคงสติเฮือกสุดท้ายไว้ท่ามกลางความเลือนราง แต่ภายในดวงตางดงามคู่นั้นของเธอกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาและการเว้าวอน ฉู่เฉินจ้องมองนัยน์ตางามที่มีชีวิตชีวาคู่นั้นของหลินชือหย่า พริบตาเดียวก็เข้าใจความปรารถนาในใจของเธอ“ก็ได้ แต่เธอเชื่อฉันเถอะว่าเธอจะไม่เป็นไร!”ฉู่เฉินกล่าวถึงตรงนี้ก็กอดหลินชือหย่าไว้ในอ้อมแขนทันที เวลานี้ ผิวของเธอร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่าง ราวกับมีเพลิงราคะลุกโชนไปทั่วตัว นอกจากนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปนานกลับทำให้พิษราคะในร่างกายหลินชือหย่าเข้าใกล้หัวใจมากขึ้น เมื่อถึงเวลา ถ้ากำจัดพิษไม่ได้ก็จะนำอันตรายแอบแฝงมาให้หลินชือหย่าชั่วชีวิตพอคิดถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาพลิกตัวกดหลินชือหย่าลงบนโซฟา ส่วนหลินฟางเจิ้งที่ลอบมองทุกสิ่งทุกอย่างนี้ในป่าห่างไกลก็กลืนน้ำลายหนัก ๆ จ้องเขม็งไปยังหลินชือหย่าที่ท่อนล่างเปลือยเปล่าในภาพ “แม่งเอ๊ย ถ้ารู้แต่แรกว่านังเด็กร่านนี่จะแรดขนาดนี้ ฉันน่าจะนอนกับเธอไป
ฉู่เฉินขมวดคิ้ว เงยหน้ามองไปทางหลินฟางเจิ้งแล้วเอ่ยพลางหัวเราะหยันว่า “ทั้งหมดนี้เป็นแผนการที่คุณวางไว้ไม่ใช่หรือไง?” หลินฟางเจิ้งอึ้งไปเล็กน้อย แล้วหรี่ตากล่าวว่า “นายอย่ามาใส่ร้ายกันนะ!”“ฉันหลินฟางเจิ้งทำอะไรตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นการแข่งขันทางธุรกิจ ก็ไม่ถึงกับผลักหลานสาวของตัวเองมานอนกับนายหรอก”“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายแม่งคิดถึงหลานสาวของฉันมานานแล้ว”“ในออนเซ็นครั้งก่อน ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะหลานสาวของฉันหนีไว เธอคงโดนนายปล้ำไปนานแล้ว!”ฉู่เฉินได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยัน หลินฟางเจิ้งคนนี้กุเรื่องเก่งจริง ๆ เพียงแต่ว่าแผนการของเขาจะล้มเหลวในท้ายที่สุด“หลินฟางเจิ้ง อาพูดจาเหลวไหล! คุณฉู่เคยจ้องร่างกายหนูตาเป็นมันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”หลินชือหย่าทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ เธอเพิ่งจะติดกระดุมบนตัวเสร็จก็หันหน้าไปมองหลินฟางเจิ้งด้วยความโกรธเป้าหมายของเขาไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้แล้ว เขาแค่อยากใช้เหตุผลข่มขืนมาบีบบังคับฉู่เฉิน!แต่ตอนนี้หลินชือหย่าไม่สนใจแม้แต่ความเป็นความตาย เธอจะทนรับการข่มขู่ของหลินฟางเจิ้งอีกได้อย่างไร“ไอ้คนแซ่ฉู่ ต่อให้นายเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ นายดูว่านี
ลูกศิษย์สองคนร่างระเบิดติดๆ กันสองคน หลิวจิ่งหงกับเฉียนเจียวเจียวสะดุดล้มลงไปนั่งบนพื้นด้วยความตกใจอะไรที่เรียกว่าแข็งแกร่ง?นี่สิที่เรียกว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริงเงื้อมือก็ฆ่าคนได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดมากแม้แต่คำเดียวสิ่งสำคัญคือ ตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าของอวี้ลู่สงบนิ่งมาก เหมือนกำลังบี้แมลงตัวหนึ่งเท่านั้น หน้าไม่เปลี่ยนสีเลยแม้แต่น้อย“ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้ ส่วนจะอยู่หรือจะรอด เจ้ายังคงต้องต่อสู้ด้วยตัวเจ้าเอง”อวี้ลู่เอามือไพล่หลัง เหินกลางอากาศด้วยใบหน้าแต้มรอยยิ้มน้อยๆ เงาร่างของเธอห่างไกลออกไปเรื่อยๆ เพียงไม่กี่วินาที ก็เห็นเพียงจุดสีขาวเล็กๆ จุดเดียว“เหอะ วางอุบายกับสตรีศักดิ์สิทธิ์? อย่างนั้นข้าก็จะทำให้เจ้าพบเจอกับความลำบากสักหน่อยก็แล้วกัน!”อวี้ลู่ที่เหินตัวออกไปไกลแล้วใช้วิชาขจรเสียงพันลี้ส่งเสียงที่หวานใสดุจระฆังเงินเข้าสู่โสตประสาทของฉู่เฉิน เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจของเธอเกินไปแล้ว!เดิมทีเธอคิดจะสังหารพวกหลี่ว์เจิ้งหยางให้หมด แต่เมื่อกี้คำพูดของฉู่เฉินทำให้เธอเปลี่ยนใจโดยสิ้นเชิงในเมื่อเจ้ากล้าหาเรื่อง เช่นนั้นข้าก็จะปล่อยให้ผู้ฝึกปราณขั้นแปดสั่งสอน
เดิมพัน?อวี้ลู่ทำเหมือนรอบข้างไม่มีใคร เธอถามฉู่เฉินอย่างสงสัยว่า “ถ้าหากข้าไม่กลับมาช่วยเจ้า เจ้าจะทำเช่นไร?”ฉู่เฉินส่ายหน้าตอบว่า “ตายแน่นอน”สามรุมหนึ่ง หนำซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นยอดฝีมือฝึกปราณขั้นแปดถึงสามคน ถึงแม้ฉู่เฉินจะได้รับถ่ายทอดวิชามาจากมังกรเฒ่า แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนั้นแน่นอน“เจ้า…”อวี้ลู่ไม่อยากเชื่อหูตัวเองฉู่เฉินรู้ทั้งรู้ว่าต้องตาย ยังกล้าหาเรื่องหลิวจิ่งหงกับหลี่ว์เจิ้งหยางอีก?เขาเอาความกล้ามาจากที่ใด เอาความมั่นใจมาจากไหน?“ผมทำไมล่ะ? สิ่งสำคัญคือพี่กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินยิ้มกว้างอวี้ลู่หมดคำจะพูด นี่เขากำลังเอาชีวิตมาล้อเล่นนะ“เจ้า… เจ้าไม่กลัวข้าไปแล้วไม่กลับมาหรือ?”ฉู่เฉินได้ยินก็ส่ายหน้า “พี่ยังไม่ได้ยาเก้าตะวัน ดอกอัสนีก็อยู่กับผม แม่น้ำก็ยังไม่ได้ข้าม ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่จะรื้อสะพาน”ดี!อวี้ลู่กำหมัดแน่นไม่นึกว่าเขาจะคำนวณถูกหมดทุกอย่างถูกหมอตัวน้อยอายุแค่ยี่สิบกว่าคนหนึ่งวางอุบายเสียจนหมดท่าเธอเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือเชียวนะ!มีอายุมาพันปี กลับถูกฉู่เฉินกำไว้เสียอยู่หมัดหลี่ว์เจิ้งหยางกับหลิวจิ่งหงมองหน้าฉู่เฉ
แต่เอานี่สิจะแย่เอา ไม่มีอะไรเลยสักอย่างถ้าเขาเริ่มต่อสู้ขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยา เขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าสถานการณ์นั้นจะเป็นอย่างไรปัญหาคือตอนนี้ไอ้ฉู่เฉินนั่นมันมัวทำอะไรอยู่?ไม่ถึงห้าโมงเย็นงานประมูลก็จบลงแล้ว นี่มันจะเจ็ดโมงเย็นแล้วทำไมยังไม่เห็นเงาของเขาอีกในขณะที่ทุกคนกำลังกังวลอยู่นั้น รถเบนซ์จีคลาสสีดำขับมาจากทางในเมืองด้วยความเร็ว“นั่นมันนี่!”หลี่ว์เจิ้งหยางชี้ด้วยนิ้วแหลมคมมุ่งเป้าไปที่รถของฉู่เฉิน“ตู้ม!”จู่ๆ ก้อนหินขนาดใหญ่ก็กลิ้งลงมาจากเนินเขาใกล้ๆ ปิดกั้นเส้นทางของฉู่เฉินได้ทันเวลาพอดีฉู่เฉินรีบเหยียบเบรกทันที รอยเบรกลากยาวไปกว่าสิบกว่าเมตรรถถึงจะสามารถหยุดลงได้“ไอ้หนู ลงรถมาเถอะ วันนี้นายไม่รอดแล้ว!”หลี่ว์เจิ้งหยางเอาสองมือไพล่หลังไว้ เขาค่อยๆ เดินออกมาจากข้างหลังก้อนหินขนาดใหญ่นั้นในขณะเดียวกัน หลิวจิ่งหงและผู้เชี่ยวชาญฝึกปราณระดับแปดทั้งสองคนก็ค่อยๆ เดินออกมาจากต้นไม้ โดยเดินล้อมเขา ทำให้ฉู่เฉินไปไหนไม่ได้ฉู่เฉินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เขาผลักประตูรถแล้วกระโดดลงมา มองซ้ายมองขวา พร้อมพยักหน้าอย่างแรงแล้วพูดว่า “อืม เลือกสถานที่ได้ไม่เลวเลย ภ
อ๊ะ!บริเวณรอบๆ มืดสนิท ทำเอาสาวน้อยตกใจจนกรีดร้องออกมา เธอใช้ทั้งสองมือปิดหูเอาไว้ เธอเหยียบรองเท้าส้นสูงรีบวิ่งออกไปราวกับบินแต่เมื่อวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ชนเข้ากับร่างอันร้อนรุ่มลูกแพร์ขาวเนียนลูกใหญ่ที่ไม่มีอะไรปกคลุมนั้นเกือบถูกเธอกัดเข้าอย่างไม่ตั้งใจอีกทั้งเธอยังเหมือนกับชนเข้ากับมือของผู้ชายในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิทเช่นนี้ เธอเกิดอาการตื่นตระหนกและวิ่งไปทางตรงข้ามโดยไม่คิดแควก!มีเสียงดังแหลมดังขึ้น และชุดสูทที่เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ก็ถูกตะขอเกี่ยวจนขาดโชคดีที่เธอหลบทัน ถึงไม่ได้ถูกเกี่ยวจนได้รับบาดเจ็บแต่ร่างกายของเธอกลับรู้สึกหนาวเป็นอย่างมาก ราวกับว่าทั้งชุดของเธอถูกตะขอเกี่ยวขาดทั้งชุด“พี่ลี่...”เด็กสาวตกใจกลัวและถอยหนีโดยเรียกชื่อพิธีกรขณะที่เธอถอยหนี อย่างไรก็ตาม เสียงของเธอเบาเกินไปและถูกกลบด้วยเสียงครวญครางของพิธีกรสาวสวยขณะที่เธอยังคงถอยหลัง สะโพกที่อวบอิ่มของเธอบังเอิญไปชนเข้ากับร่างกายที่กำลังขยับเขยื้อนอยู่ เธอเอื้อมมือออกไปสัมผัสมันโดยไม่รู้ตัว“อ๊ะ!”เธอรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าเป็นก้นอวบๆ เนียนๆ ของพิธีกรสาวสวยเด็กสาวรีบชักมือกลับมาแต่
เหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง พิธีกรสาวสวยรีบยกมือข้างหนึ่งยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ ในขณะที่ผมตรงหน้าผากของเธอสะบัดอย่างแรง ม่านบนเวทีก็สั่นไหวเป็นจังหวะเช่นกัน“ต่อไปของเชิญทุกท่าน...”“อ๊า!”“เชิญทุกท่าน...”“อือ...”สาวสวยอีกคนที่ยืนอยู่หน้าเวทีก็งงงวย นี่... นี่มันเสียงอะไรกัน?ไม่เพียงแต่เธอจะตกตะลึงเท่านั้น แต่ผู้ชมทุกคนก็ตกตะลึงเช่นกันม่านสั่นอย่างรุนแรง และเห็นร่างเลือนรางของคนสองคนยืนอยู่ด้านหลังม่านดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงกระทบกันเป็นระยะๆนี่มันเรื่องอะไรกัน?ขณะที่ทุกคนกำลังมองหน้ากันเพื่อพยายามหาคำตอบ จู่ๆ ก็มีเสียงปังดังขึ้นมือของพิธีกรเด็กสาวอีกคนกดสวิตช์ไฟโพรเจกเตอร์โดยไม่ได้ตั้งใจ และลำแสงก็ส่องออกมาโดยตรงจากด้านหลังของฉู่เฉินและพิธีกรสาวสวยวินาทีต่อมา เงาอันสั่นไหวสองร่างปรากฏขึ้นบนม่านตรงกลางเวที“ฉิบหาย!”“นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรเนี่ย?”“นะ... นี่มันรายการพิเศษเหรอ?”แทบจะทุกคนตกตะลึงกับฉากบนม่านเด็กสาวบนเวทีก็เกิดอาการตื่นตระหนกและรีบวิ่งไปที่หลังเวทีเพื่อปิดไฟโพรเจกเตอร์แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้ เขาก็พบว่าพิธีกรสาวสวยหลับตาปี๋ เธอใช้มือเล็กๆ ข้าง
ยาเม็ดอยู่ในมือ หลิวจิ่งหงราวกับว่าเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาได้ ยกมือเล็กๆ ของเฉียนเจียวเจียวขึ้นมา หันหน้าไปจูบปากเล็กของเธอหืม?หลิวจิ่งหงรู้สึกถึงความผิดปกติ ถามขึ้นมาด้วยความอึดอัดใจ “ปากของคุณทำไมทั้งร้อนทั้งเค็มแบบนี้?”เฉียนเจียวเจียวถูกถามแบบนี้ก็ใจสั่น เธอกลืนน้ำลายลงไป “เอ๋? ฉัน... เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปดื่มน้ำผึ้งมาค่ะ น่าจะเป็นเพราะ... เพราะน้ำผึ้งนะคะ?”หลิวจิ่งหงพยักหน้า ไม่ได้สงสัยอะไรอีก หลังจากนั้นเขาก็หันหลังดึงเฉียนเจียวเจียว และหลี่ว์เจิ้งหยางและคนอื่นๆ ออกไปจากงานประมูลของประมูลอีกไม่กี่ชิ้นที่เหลือ ฉู่เฉินก็ไม่มีอารมณ์ดูอีกต่อไป เขาและอวี้ลู่เดินออกมาจากงานประมูลพร้อมกันหลินชือหย่าก็เดินมาจากข้างหลังเวที เดินเข้ามาในห้องโถง ในขณะที่เธอต้องการขึ้นไปแสดงความรักกับฉู่เฉิน สักพักเลขาก็วิ่งมาอย่างรวดเร็วแล้วกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของหลินชือหย่า“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ”พูดจบ หลินชือหย่าก็รีบเดินตามฉู่เฉินไป “ฉู่เฉิน ฉันต้องกลับไปที่บริษัทก่อนนะคะ มีประชุมสำคัญน่ะค่ะ ฉันจะต้องขัดขวางไม่ให้หลินฟางเจิ้งได้เปิดการประชุม ดังนั้นคงจะไปเป็
เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดขาวที่คอยติดตามฉู่เฉินมาโดยตลอด เฉียนเจียวเจียวก็กลัวและรีบเอามือปิดหน้าสีชมพูของเธอไว้ครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งหนีไปอย่างเร็วที่สุดจะเป็นชู้ใครก็ต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวบ้างแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงคนแรก แต่เธอก็มีอันดับสูงกว่าเฉียนเจียวเจียวอย่างแน่นอน ควรหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้เมื่อเฉียนเจียวเจียววิ่งออกไปไกลแล้ว อวี้ลู่ก็ขมวดคิ้วแน่นพร้อมถามขึ้นมาว่า “พวกเจ้า... เมื่อกี้พวกเจ้าทำอะไรกัน?”หืม?นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เฉินถูกเธอถามจนตอบไม่ถูกคำถามนี้เขาจะตอบอย่างไรดี?นั่นไม่ใช่เพราะอวี้ลู่ไร้เดียงสา แม้ว่าเธอจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่อายุกว่าพันปี แต่เธอไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเมื่อเปรียบเทียบสิ่งที่หลากหลายในโลกมนุษย์แล้ว โลกเซียนนั่นจืดชืดกว่ามากแม้ว่ามังกรเฒ่าจะหลับนอนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การหลับนอนปกติ ส่วนเรื่องการใช้ปากแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนอวี้ลู่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทั้งวันเอาแต่ขลุกตัวอยู่ที่เหยาฉือตั้งใจบำเพ็ญเพียร แน่นอนว่าเธอไม่เข้าใจเรื่องพรรค์นี้“เอ่อ... เธอปากแห้งน่ะครับ ผมช่วยเติมความชุ่มชื้น”ฉู่เฉินพู
ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้เฉียนเจียวเจียวกลับฉี่ราดไม่ใช่เพราะดื่มน้ำมากเกินไป แต่เพราะถูกหลิวจิ่งหงลูบไล้จนหน้าอกจะเป็นมันเงาอยู่แล้วปรากฏว่าหลิวจิ่งหง ผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงคนเจ้าชู้ แต่ไม่เคยลงมือทำอะไรจริงจังเลยใครมันจะไปรับได้?เธอแฉะไปหมดแล้ว หากยังไม่ไปห้องน้ำเธอคงจะรักษาหน้าไม่อยู่แน่นอนเฉียนเจียวเจียวควบเท้าไป ไม่แม้แต่จะทักทายหลิวจิ่งหง แต่ฉู่เฉินก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ได้“เอาล่ะทุกคน เราอย่าไปทำให้คุณชายหลิวลำบากใจเลยครับ เขาจนมากพอแล้ว รูดบัตรเถอะครับ”หลังจากนั้นฉู่เฉินก็รูดบัตรหนึ่งหมื่นห้าพันล้านภายใต้การจับจ้องของทุกคน หลินชือหย่าคลั่งไคล้ฉู่เฉินมากๆ นอกจากราคาประมูลครั้งสุดท้ายของกระถางเก้าดารา ฉู่เฉินก็ไม่ได้จ่ายเงินสักแดงเดียว อีกทั้งเขายังช่วยตระกูลหลินทำเงินมหาศาลนี่มันเร็วกว่าการพิมพ์ธนบัตรเสียอีก“ขอโทษด้วยครับ ผมดื่มน้ำเยอะไปหน่อย ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”รูดบัตรเสร็จ ฉู่เฉินก็ปลีกตัวออกมาจากฝูงชน เขาลูบลูกแพร์ของพิธีกรสาวสวย เขาถึงจะเดินมาทางห้องน้ำด้วยความมั่นอกมั่นใจพิธีกรสาวถึงกับมึนงงเมื่อกี้... เมื่อกี้สุดหล่อผู้ร่ำรวยเหมือนจะจับหน้าอ
ฮ่าๆๆ...ทุกคนต่างพากันหัวเราะลั่นอีกครั้งไอ้กระจอก!“หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาทถ้วน...”เสียงของหลิวจิ่งหงสั่นเครือขณะที่น้ำกระเซ็นลงมา และตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไม่สัมผัสมาก่อนอย่างแท้จริง! “ติ้ดๆ จำนวนเงินของท่านไม่เพียงพอ”เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน หลิวจิ่งหงก็รู้ทันทีว่าเงินในบัตรของเขาเหลือแค่ห้าร้อยล้านเท่านั้นฉิบหาย!ไม่มีเงินแล้ว!“ว๊า คุณชายหลิวไม่มีเงินแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย? หากรู้ก่อนว่าตระกูลหลิวจนขนาดนี้ ผมคงจะไม่ล้อเล่นกับคุณชายหลิวแบบนี้ เงินแค่ไม่กี่พันล้านบาทก็จ่ายไม่ไหว มันน่าผิดหวังจริงๆ นะครับเนี่ย”ฉู่เฉินพยักหน้ารัวๆ พร้อมทั้งถอนหายใจหลิวจิ่งหงโกรธจนกล้ามเนื้อจนเนื้อของเขาเต็มไปด้วยโทสะ การเงินของเขาจะแพ้ให้กับไอ้แมงดาฉู่เฉินนั่นได้อย่างไร?“ขอเวลาฉันสองนาที!”พูดจบ หลิวจิ่งหงก็ต่อสายโทรศัพท์ออกไปหลังจากการแลกเปลี่ยนกันสั้นๆ หลิวจิ่งหงดูเหมือนว่าจะกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งและตะโกนเสียงดังว่า “รูดบัตร!”ตามมาด้วยเสียงแจ้งเตือน หนึ่งหมื่นสามพันล้านก็ถูกรูดออกไปในขณะนั้นเอง หลินชือหย่าที่อยู่ด้านล่างก็เกือบจะหัวเราะลั่นออกมานี่เป็นงานประ