เมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลินชือหย่าดื่มไวน์แดงกันแล้ว หลินฟางเจิ้งถึงค่อยวางแก้วไวน์ลงด้วยความโล่งใจ เขาลุกขึ้นมาพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มร้าย“เชิญตามสบายครับ”ฉู่เฉินสังเกตหลินฟางเจิ้งอย่างเย็นชา เอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบไอ้แก่สารเลวนี่ ขนาดหลานสาวแท้ ๆ ของตัวเองก็ยังหลอกลวงได้หลินฟางเจิ้งพยักหน้าให้ฉู่เฉินแล้วหันไปพูดกับหลินชือหย่าว่า “เสียวหย่า ห้ามละเลยการต้อนรับคุณฉู่เด็ดขาด เดี๋ยวไม่นานอาก็กลับมาแล้ว”ขณะที่พูด มือของหลินฟางเจิ้งกดลงบนไหล่ละมุนของหลินชือหย่า แม้แต่ลมหายใจก็หนักหน่วงขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด จากมุมมองของเขาสามารถมองเห็นหน้าอกใหญ่สะบึ้มขาวเนียนของหลินชือหย่าได้พอดี เพลิงราคะแทบจะทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่ หลังจากที่กำชับง่าย ๆ อีกหลายประโยค หลินฟางเจิ้งก็รีบร้อนวิ่งออกไปจากห้อง เขากลับมานั่งในรถ เปิดภาพกล้องวงจรปิด สองตาจับจ้องไปที่ทั้งสองคนในห้องโถง“แม่งเอ๊ย ให้คนแซ่ฉู่ได้กำไรแล้ว ให้ฉันเอาของเหลือต่อจากนายหน่อยละกัน” หลังจากที่ควบคุมอารมณ์กระสับกระส่ายแล้ว หลินฟางเจิ้งค่อย ๆ สตาร์ทรถ สุดท้ายก็จอดรถในป่าละเมาะใกล้ ๆ.....และอีกทางด้านหนึ่ง หล
“ฉู่เฉิน...ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันร้อนจังเลย”“ขอร้องละ เอาฉันเถอะ ไม่งั้น...อารองของฉันคงไม่ปล่อยฉันไป...เขารู้เรื่องหนอนกู่แล้ว จะต้องฆ่าปิดปากฉันแน่นอน” หลินชือหย่าเอ่ยพลางคงสติเฮือกสุดท้ายไว้ท่ามกลางความเลือนราง แต่ภายในดวงตางดงามคู่นั้นของเธอกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาและการเว้าวอน ฉู่เฉินจ้องมองนัยน์ตางามที่มีชีวิตชีวาคู่นั้นของหลินชือหย่า พริบตาเดียวก็เข้าใจความปรารถนาในใจของเธอ“ก็ได้ แต่เธอเชื่อฉันเถอะว่าเธอจะไม่เป็นไร!”ฉู่เฉินกล่าวถึงตรงนี้ก็กอดหลินชือหย่าไว้ในอ้อมแขนทันที เวลานี้ ผิวของเธอร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่าง ราวกับมีเพลิงราคะลุกโชนไปทั่วตัว นอกจากนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปนานกลับทำให้พิษราคะในร่างกายหลินชือหย่าเข้าใกล้หัวใจมากขึ้น เมื่อถึงเวลา ถ้ากำจัดพิษไม่ได้ก็จะนำอันตรายแอบแฝงมาให้หลินชือหย่าชั่วชีวิตพอคิดถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาพลิกตัวกดหลินชือหย่าลงบนโซฟา ส่วนหลินฟางเจิ้งที่ลอบมองทุกสิ่งทุกอย่างนี้ในป่าห่างไกลก็กลืนน้ำลายหนัก ๆ จ้องเขม็งไปยังหลินชือหย่าที่ท่อนล่างเปลือยเปล่าในภาพ “แม่งเอ๊ย ถ้ารู้แต่แรกว่านังเด็กร่านนี่จะแรดขนาดนี้ ฉันน่าจะนอนกับเธอไป
ฉู่เฉินขมวดคิ้ว เงยหน้ามองไปทางหลินฟางเจิ้งแล้วเอ่ยพลางหัวเราะหยันว่า “ทั้งหมดนี้เป็นแผนการที่คุณวางไว้ไม่ใช่หรือไง?” หลินฟางเจิ้งอึ้งไปเล็กน้อย แล้วหรี่ตากล่าวว่า “นายอย่ามาใส่ร้ายกันนะ!”“ฉันหลินฟางเจิ้งทำอะไรตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นการแข่งขันทางธุรกิจ ก็ไม่ถึงกับผลักหลานสาวของตัวเองมานอนกับนายหรอก”“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายแม่งคิดถึงหลานสาวของฉันมานานแล้ว”“ในออนเซ็นครั้งก่อน ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะหลานสาวของฉันหนีไว เธอคงโดนนายปล้ำไปนานแล้ว!”ฉู่เฉินได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยัน หลินฟางเจิ้งคนนี้กุเรื่องเก่งจริง ๆ เพียงแต่ว่าแผนการของเขาจะล้มเหลวในท้ายที่สุด“หลินฟางเจิ้ง อาพูดจาเหลวไหล! คุณฉู่เคยจ้องร่างกายหนูตาเป็นมันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”หลินชือหย่าทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ เธอเพิ่งจะติดกระดุมบนตัวเสร็จก็หันหน้าไปมองหลินฟางเจิ้งด้วยความโกรธเป้าหมายของเขาไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้แล้ว เขาแค่อยากใช้เหตุผลข่มขืนมาบีบบังคับฉู่เฉิน!แต่ตอนนี้หลินชือหย่าไม่สนใจแม้แต่ความเป็นความตาย เธอจะทนรับการข่มขู่ของหลินฟางเจิ้งอีกได้อย่างไร“ไอ้คนแซ่ฉู่ ต่อให้นายเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ นายดูว่านี
กรอบ ๆๆ!เสียงกระดูกหักดังขึ้นอย่างเลือนราง หลินฟางเจิ้งใจกระตุก เงยหน้ามองไปทางฉู่เฉินด้วยความหวาดผวาไอ้เด็กเวรนี่ดูท่าทางคงแก่เรียน ทำไมมือถึงมีเรี่ยวแรงเยอะขนาดนี้?“อ๊าก...นะ...นายทำอะไร? แขนฉันจะหักแล้ว ยังไม่รีบปล่อยมืออีก!” เพียงชั่วพริบตาเดียว หลินฟางเจิ้งก็ส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูถูกเชือด“นายเป็นคนแรกที่กล้าข่มขู่คนของฉัน!”ฉู่เฉินคว้าข้อมือของหลินฟางเจิ้งไว้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา เมื่อเห็นรัศมีเย็นเยียบแล่นวาบในดวงตาของฉู่เฉิน หลินฟางเจิ้งก็หลั่งเหงื่อเย็น ๆ ทันที “ใครก็ได้! ใครก็ได้มาที!”เรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ควรเผยไพ่ตายของเขาออกมาแล้ว นอกจากนี้เขาตั้งใจเชิญยอดฝีมือระดับปรมาจารย์จากเมืองหลวงของมณฑลเพื่อวางแผนการในวันนี้ มีปรมาจารย์นั่งรักษาการณ์ เขายังจะกลัวคนตัวเล็ก ๆ อย่างฉู่เฉินอีกเหรอ?ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากในห้องชั้นสองจากนั้นก็มีชายวัยกลางคนสวมชุดฝึกวิชาสีขาวพังหน้าต่างลงมา!ในขณะเดียวกัน มีเงาหลายร่างพุ่งออกมาจากภายในสวนดอกไม้หลังบ้าน แยกกันเฝ้าประตูห้องทางด้านหน้าและด้านหลังเอาไว้ฟึบ ๆๆ!พวกเขาหลายคนพากันชักก
ปรมาจารย์จางได้ยินคำกล่าวก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เอ่ยด้วยสีหน้าน่าครั่นคร้ามเล็กน้อย “เจ้าหนู เดิมทีฉันไม่อยากฆ่านาย น่าเสียดาย ประธานหลินให้มากเกินไป”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองไปทางปรมาจารย์จางแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มใคร่ครวญว่า “ดังนั้น?” “ดังนั้นนายต้องตาย!” ปรมาจารย์จางตวาดเสียงดังแล้วทะยานขึ้นมาฉับพลัน กระบี่ยาวในมือวาดเป็นเส้นโค้งที่งดงามกลางอากาศ เงากระบี่แทงตรงไป ที่ลำคอของฉู่เฉินราวกับสายรุ้งกระบี่นี้ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือว่าความแม่นยำเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบทั้งหมดถึงขนาดชั่วขณะที่ปรมาจารย์จางลงมือ หลินฟางเจิ้งเหมือนกับเห็นฉู่เฉินล้มลงไปนอนจมกองเลือดแล้ว “ชาติหน้าจำว่าอย่าเล่นดาบเล่นกระบี่ มันไม่เหมาะกับคุณเลยจริง ๆ”พอเห็นกระบี่ยาวของจางหลงแทงมา ฉู่เฉินยิ้มอย่างเฉยชาโดยไม่มีความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดเมื่อเห็นฉากนี้ แม้แต่หลินฟางเจิ้งก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง!ไอ้เด็กเวรฉู่เฉินจะตายอยู่แล้ว แม่งยังคิดเรื่องชายหญิงเหลวไหลนั้นอีกเหรอ? เวรเอ๊ย!ปรมาจารย์จางก็มองฉู่เฉินด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ช่วงความเป็นความตายแล้ว ไอ้เด็กเวรคงไม่ได้อยากแสดงวิช
สมองของเขาทำงานกำลังอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ต้องคิดหาเหตุผลออกมาสักข้อ ไม่เช่นนั้นเขาไม่สงสัยเลยว่าฉู่เฉินจะเงื้อมมือฟันกระบี่ลงมาตัดศีรษะของเขา! “หลินฟางเจิ้ง อาก็มีวันนี้เหมือนกันนะ!” หลินชือหย่าที่อยู่ทางด้านข้างเห็นหลินฟางเจิ้งคุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉิน ไม่กล้าขยับเลยสักนิดเดียว น้ำตาในดวงตาพลันคลอเบ้า เธอหยิบขวดไวน์บนโต๊ะขึ้นมาแล้วฟาดใส่ศีรษะของหลินฟางเจิ้งแรง ๆ เพล้ง!ขวดไวน์แดงถูกฟาดจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ เลือดผสมกับไวน์แดงไหลนองพื้นทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ หลินฟางเจิ้งไม่กล้าส่งเสียงร้องแม้แต่คำว่าเจ็บ “พ่อแม่ของหนูไม่เคยใจดำกับอา ทำไมอาต้องใช้หนอนกู่ทำร้ายพวกเขาจนตายด้วย!” หลินชือหย่าคว้าคอเสื้อของหลินฟางเจิ้งโดยที่น้ำตานองหน้า ตะโกนถามเสียงดัง“ชือหย่า เธอฟังอานะ อะ...อาไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน อา...”เพียะ!หลินชือหย่าสะบัดมือตบหน้าหลินฟางเจิ้งไปหนึ่งฉาดก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า “ไม่ได้ตั้งใจ? งั้นหนอนกู่บนตัวหนู อาจะอธิบายว่ายังไงอีก!”เมื่อเผชิญหน้ากับการซักถามติดต่อกันของหลินชือหย่า หลินฟางเจิ้งก็น้ำท่วมปากฉู่เฉินหรี่ตาเล็กน้อย เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “หลินฟางเจิ้ง คุณเองก็ก่อกรรมทำ
อะไรนะหลินฟางเจิ้งมองหนอนกู่ที่กระดุกกระดิกอยู่ในฝ่ามือของฉู่เฉิน ดวงตาเบิกกว้าง หนอนกู่เหล่านี้ก็คือสิ่งที่เขาตั้งใจหามาจากทางเหมียวเจียง จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าขอเพียงโดนพิษหนอนกู่กลืนวิญญาณ ก็เท่ากับว่าขาข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าประตูนรกแล้ว?“คะ...คุณฉู่ ผะ...ผมผิดไปแล้วจริง ๆ หนอนกู่นี้...”ฉู่เฉินยิ้มเย็นชาแล้วกล่าวว่า “ถ้าไม่อยากตายตอนนี้ ก็กินหนอนกู่ลงไป คุณไม่มีทางเลือกที่สาม!”“แต่คุณวางใจได้ ผมมีวิธีการควบคุมหนอนกู่ในร่างคุณ ขอเพียงคุณเชื่อฟัง หนอนกู่ในร่างคุณก็จะไม่ออกฤทธิ์ตลอดกาล!” “ไม่อย่างนั้น ผมรับรองว่าคุณอยู่ไม่เกินสามเดือน!”อึก! หลินฟางเจิ้งกลืนน้ำลาย ตอนนี้เขามีความคิดอยากตายแล้วจริง ๆ นี่เท่ากับว่าขุดหลุมฝังตัวเองไม่ใช่เหรอ?แต่ตอนนี้เขารู้ดีว่า ถ้าไม่ทำตามคำพูดของฉู่เฉิน เขาจะต้องตายทันที! เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินฟางเจิ้งก็หยิบหนอนกู่ตัวนั้นขึ้นมาด้วยมือสองข้างที่สั่นเทา ก่อนจะหลับตาแล้วกลืนลงไปตรง ๆทันทีที่หนอนกู่ลงคอ หลินฟางเจิ้งตัวสั่นยะเยือกอย่างควบคุมไม่อยู่เขาอยากคายหนอนกู่ตัวนั้นออกมามาก แต่เขาอาเจียนอยู่เนิ่นนานก็ไม่มีประโยชน์เลย ถึงขนาดที่ถ่มแม
หลินชือหย่าพยักหน้ากล่าวว่า “วางใจเถอะค่ะ ฉันจัดการคนเดียวได้ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”หลินชือหย่ากล่าวจบก็ไปส่งฉู่เฉินถึงหน้าประตูแล้วค่อยหันตัวกลับมาเวลานี้หลินฟางเจิ้งยังมีความน่าเกรงขามเหมือนเมื่อกี้ที่ไหนกัน?เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินชือหย่า เขาถึงขนาดไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำเมื่อครู่นี้เขาได้ยินชัดเจนมากว่ายาที่ฉู่เฉินมอบให้หลินชือหย่านี้จำเป็นต้องกินเดือนละครั้ง ต่อให้แย่งยาเม็ดนี้จากในมือของหลินชือหย่าก็ไม่มีประโยชน์ ชีวิตน้อย ๆ อยู่ในกำมือของหลินชือหย่า เขาไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะต่อต้านเลยสักนิดเดียว “หลินฟางเจิ้ง กลับไปที่บริษัทกับหนูเดี๋ยวนี้!”หลินชือหย่ากลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของตัวเองก่อน จากนั้นถึงค่อยเดินกลับไปที่ห้องรับแขกอีกครั้งแล้วออกคำสั่งอย่างเย็นชา“งั้น...นี่จะทำยังไงดี?”หลินฟางเจิ้งชี้ไปยังศพบนพื้นที่ยังคงมีไอร้อนลอยออกมา เอ่ยถามด้วยสีหน้าย่ำแย่“อาก็หาทางจัดการเองสิ!” หลินชือหย่าทิ้งคำพูดไว้อย่างเย็นชาแล้วก้าวเท้าเดินออกไป หลินฟางเจิ้งถอนหายใจหนัก ๆ ล้วงโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความไปหาลูกน้องของตัวเอง จากนั้นก็ตามหลินชือหย่าออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลหลินด้วย
“อีกอย่างก็คือฝีมือของคุณ ครั้งหน้าถ้าจะปลอมตัวเป็นมืออาชีพแบบนี้อีก ทางที่ดีควรเรียนรู้ให้มาก ๆ ก่อนนะ อย่าให้แข็งกระด้างเหมือนนวดศพ คนที่มีประสบการณ์นิดหน่อย เห็นแวบเดียวก็ดูคุณออกแล้ว”ฉู่เฉินทำหน้ายิ้มหยันตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับเสี่ยวหนาน ความหวาดกลัวและความน้อยเนื้อต่ำใจบนใบหน้าค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและน่าครั่นคร้ามตามการวิเคราะห์ทีละขั้นของฉู่เฉิน!“เดิมทีอยากให้คุณไปอย่างไร้ความทรมานโดยไม่รู้ตัว น่าเสียดายมากที่คุณไม่รู้จักถนอมเอง” สิ้นเสียงพูด เสี่ยวหนานพลันชักมีดสั้นสองเล่มออกมาจากด้านหลัง ร่างกายอ้อนแอ้นฉับไวราวกับอสรพิษ แทงตรงไปที่ลำคอของฉู่เฉิน! “ฝึกฝนสิบปีถึงจะได้ร่วมเรือข้ามฟาก ร้อยปีถึงได้ร่วมนวดน้ำมัน คุณลงมืออำมหิตขนาดนี้ คนที่บ้านคุณรู้บ้างหรือเปล่า?”ฉู่เฉินรีบหลบการโจมตีถึงแก่ชีวิตของเสี่ยวหนาน จากนั้นก็ยื่นมือไปคว้าข้อมือของเธอไว้ป๊าบ! ฉู่เฉินจับข้อมือของเธอได้แล้วชัด ๆ แต่น้ำมันในมือลื่นมากเกินไป ไม่เพียงทำให้เสี่ยวหนานสลัดหลุดได้ทันที นอกจากนี้ยังแทงมีดสั้นใส่ ท้องน้อยของฉู่เฉินหนึ่งที ฉู่เฉินรีบกระโดดขึ้น
เสี่ยวหนานเพิ่งจะมาอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน กลิ่นหอมประหลาดนั้นพลันรุนแรงขึ้นสุดขีดฉู่เฉินมองเสี่ยวหนานโดยไม่แสดงอารมณ์ ก่อนจะพูดกับหญิงวัยกลางคนว่า “อืม เอาเธอละกัน ให้คนอื่นออกไปให้หมดเถอะ” หญิงวัยกลางคนเข้าใจทันที แล้วโบกมือให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ก่อนออกจากห้อง เธอยังตั้งใจช่วยฉู่เฉินปิดประตูห้องให้เรียบร้อย ฉู่เฉินมองเสี่ยวหนานอย่างพิจารณาแล้วพูดว่า “ได้ยินว่าฝีมือของคุณไม่เลวเอามาก ๆ?”เสี่ยวหนานหลุบตาลงต่ำ ไม่ออกความเห็น ท่าทางเหมือนเขินอายสุดขีดฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะนอนคว่ำอยู่บนเตียงนวดแล้วพูดว่า “คุณเริ่มได้เลย”เสี่ยวหนานถึงค่อยเบิกตาขึ้นมา นัยน์ตาส่องประกายคู่นั้นเปล่งรัศมีเย็นเยียบออกมาราง ๆหลังจากที่จ้องมองฉู่เฉินสิบกว่าวินาที เสี่ยวหนานถึงค่อยหยิบน้ำมันนวดหลังจากทางด้านข้าง ก่อนจะเลิกเสื้อของฉู่เฉินขึ้นแล้วราดน้ำมันบนแผ่นหลังของฉู่เฉิน“คุณผู้ชายคะ กล้ามเนื้อที่หลังของคุณแน่นมากเลยนะคะ”เสี่ยวหนานนวดน้ำมันให้ฉู่เฉินพลางเอ่ยเสียงหวานฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าผิวบนหลังของคุณจะดีหรือเปล่า?”“อุ๊ย คุณนี่ร้ายจังเลยนะคะ คิดจะถอดเสื้อผ้าคนอื่นอยู่นั่นแ
“ว้าย...”โจวเทียนเฟิ่งร้องอุทาน รีบใช้ผ้าขนหนูบังดวงหน้าเล็ก ๆ ไว้ ทว่าวินาทีต่อมา เธอก็โดนฉู่เฉินผลักลงบนเตียง .....รุ่งเช้าฉู่เฉินนอนหลับยาวจนตะวันสายโด่งขณะที่กำลังกินอาหารเช้า ฟางอวี่เจิ้งก็โทรศัพท์เข้ามา“คุณฉู่ ตอนนี้คุณสะดวกไหมครับ?” อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ฟางอวี่เจิ้งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคารพนอบน้อม “สะดวกครับ คุณส่งตำแหน่งมาให้ผมเลยก็พอ แล้วผมจะไปหาคุณ”ฉู่เฉินกินข้าวไปด้วย พูดไปด้วย“ได้ครับ”ฟางอวี่เจิ้งตอบรับแล้วก็วางสายโทรศัพท์ ไม่นานก็มีข้อความแชร์ตำแหน่งถูกส่งมาที่โทรศัพท์มือถือของฉู่เฉินพอกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉู่เฉินก็พลอดรักกับโจวเทียนเฟิ่งสักพักแล้วค่อยออกจากเทียนเฟิ่งวิลล่า ขับรถมุ่งหน้าไปยังร้านนวดอวิ๋นไท่เพิ่งจะจอดรถเสร็จ ฟางอวี่เจิ้งก็ก้าวลงมาจากรถเก๋งสีขาวที่อยู่ทางด้านหน้า “คุณฉู่ ร้านนี้เป็นร้านที่ดีที่สุดในเจียงจงแน่นอนครับ”ฟางอวี่เจิ้งพูดพลางมีท่าทางเหมือนแทบอดใจรอไม่ไหวแล้วนิดหน่อยฉู่เฉินกวาดตามองฟางอวี่เจิ้งแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ประธานฟาง ร่างกายคุณไหวเหรอครับ?”“เอ่อ...ยังพอไหวนะครับ...”ฟางอวี่เจิ้งทำหน้ายิ้มแย้มพลางพาฉู่เฉิ
การเริงรักนี้ทำให้โจวเทียนเฟิ่งดื่มด่ำเต็มอิ่มจริง ๆพูดตามตรง ฉู่เฉินไม่ได้มาเยี่ยมเยียนเธอเกือบหนึ่งเดือนแล้วแม้ว่าในจะคิดถึงมากและร้อนรนมาก แต่เธอรู้สถานะของเธอที่อยู่ข้างกายฉู่เฉินดี อย่างมากสุดก็เป็นได้แต่หนึ่งในคนรักมากมายของเขาเท่านั้นด้วยเหตุนี้ เธอเลยได้แต่อดกลั้นแล้วอดกลั้นอีกวันนี้ก็ถือว่าได้พบเจอสายฝนหลังจากที่แห้งแล้งมาเนิ่นนาน“คุณมันเจ้าตัวป่วน ทำไมขนาดประตูก็ยังไม่ปิด ถ้าเกิดคนมาเห็นเข้าจะทำยังไง”จนกระทั่งเสร็จกิจแล้ว โจวเทียนเฟิ่งถึงค่อยสังเกตเห็นว่าประตูห้องหนังสือเปิดอ้ามาตลอด ถ้าอย่างนั้นคนอื่นคงจะได้ยินเสียงเมื่อกี้ของเธอหมดแล้วใช่หรือเปล่า? โจวเทียนเฟิ่งพูดพลางจะไปปิดประตู ฉู่เฉินกลับอุ้มเอวของเธอขึ้นมาจากด้านหลัง“อ๊าย คุณนี่มันร้ายชะมัด รีบปล่อยฉันลงเลยนะ” ฉู่เฉินหัวเราะหึ ๆ ไฉนเลยจะสนใจการดิ้นรนของเธอ เขาเดินไม่กี่ก้าวก็อุ้มโจวเทียนเฟิ่งเข้าไปในห้องน้ำในขณะที่ฉู่เฉินเตรียมตัวจะแสดงพลังกระตือรือร้นอีกครั้ง โทรศัพท์ที่อยู่ข้างมือพลันดังขึ้นมาจากนั้นก็เห็นว่าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย ฉู่เฉินกดตัดสายทันที แต่ฉู่เฉินยังไม่ทันโน้มตัวลงไป โทรศัพท์ก็ด
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ