ซุนเซี่ยวเหรินส่ายหน้าเล็กน้อย และไม่ได้ตอบอะไรแต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ สีหน้าของเขาก็ยิ่งดูย่ำแย่ ผ่านไปสามนาทีเต็ม ๆ เขาถึงค่อยจขมวดคิ้วแน่นพลางพูดว่า “ประธานหลิ่ว ลูกสาวของคุณถูกพิษร้ายแรงนี่ครับ!” อะไรนะ?!หลิ่วชิงเหอได้ยินคำพูดนี้ ดวงหน้างามก็ซีดเผือดราวกับกระดาษทันที หลิ่วหรูเยียนที่แทบจะขดตัวเป็นก้อนไม่อยากจะเชื่อคำพูดของซุนเซี่ยวเหรินจริง ๆ เธอเอ่ยปากพูดอย่างยากลำบากว่า “หมอเทวดาซุนคะ ฉะ...ฉันถูกพิษอะไรคะ?” ซุนเซี่ยวเหรินขมวดคิ้วมุ่น ครุ่นคิดพลางเอ่ยว่า “คุณหนูหลิ่ว พิษที่คุณได้รับมันแปลกประหลาดมาก แม้แต่ผมก็ยังบอกชื่อไม่ได้ แต่ว่าคุณได้รับพิษมานานมากแล้ว”“จากที่ผมคาดการณ์ อย่างน้อยก็สามปีแล้ว” “นอกจากนี้ เนื่องจากซึมซับพิษมาเป็นเวลานาน ตอนนี้มันทำลายเส้นเลือดหัวใจของคุณแล้ว ดังนั้นถึงแม้ปกติดูเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ขอเพียงพิษกำเริบขึ้นมาก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิตแทบทุกครั้ง!” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ซุนเซี่ยวเหรินอดมองไปทางหลิ่วชิงเหอด้วยความสงสัยไม่ได้แล้วกล่าวว่า “ประธานหลิ่ว ดูจากชีพจรของลูกสาวคุณ ก่อนหน้านี้เธอเคยอาการกำเริบอย่างน้อยสองครั้ง คุณไม่เคยสังเกตเห็นเล
ซุนเซี่ยวเหรินกล่าวจบก็หยิบขวดแก้วออกมาจากในกล่องยาทันที จากนั้นก็เทน้ำยาด้านในใส่ถ้วยใบเล็กแล้วยื่นให้หลิ่วหรูเยียนพร้อมกล่าวว่า “คุณหนูหลิ่ว ดื่มมันแล้ว อาการของคุณก็จะคงที่ได้ในไม่ช้า”หลิ่วหรูเยียนรีบรับถ้วยยาแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด เวลาผ่านไปไม่นาน หลิ่นหรูเยียนพลันรู้สึกได้ความง่วงงุนถาโถมเข้ามา ก่อนจะเคลิ้มหลับไปเมื่อเห็นฉากนี้ หลิ่วชิงเหอก็เอ่ยอย่างไม่เข้าใจว่า “หมอเทวดาซุน นี่คุณทำอะไรคะ?” “นี่เป็นผลข้างเคียงของน้ำยาแก้พิษ นอนหลับสักตื่นก็ไม่เป็นไรแล้วครับ แต่ผมยังคงย้ำคำพูดประโยคนั้น นี่เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ”ซุนเซี่ยวเหรินกล่าวจบก็สะพายกล่องยาขึ้นมาแล้วหันตัวเดินจากไป “หมอเทวดาซุน!” หลิ่วชิงเหอรีบตามออกไป จนกระทั่งมาถึงหน้าประตู ซุนเซี่ยวเหรินถึงค่อยชะงักฝีเท้า เบนสายตาเล็กน้อยมองมาทางหลิ่วชิงเหอแล้วพูดว่า “ประธานหลิ่ว ความจริงคุณน่าจะรู้ว่าใครสามารถรักษาอาการป่วยของคุณหนูหลิ่วได้”“ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่รอดมาจนถึงตอนนี้” “ถ้าเกิดผมเดาไม่ผิด คนผู้นั้นน่าจะเป็นคุณฉู่สินะ?” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลิ่วชิงเหอทำหน้าอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะเม้มริมฝีปาก ไม่เอ่ยปากพูดอะไรเ
ฉู่เฉินเก็บโทรศัพท์แล้วเลือกยาสิบกว่าขวดออกมา ก่อนจะยื่นให้โจวว่านคังและพูดว่า “ท่านโจว ยาพวกนี้คุณภาพไม่ผ่าน ผมจำได้ว่าผมเคยบอกคุณไปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดของการหลอมยาคือไฟ” “ไฟห้ามแรงกินไป ห้ามรีบร้อนเกินไป ต้องทำให้ไฟคงที่ และระหว่างนั้นห้ามเปลี่ยนแหล่งเชื้อเพลิงเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดเหตุการณ์ได้รับความร้อนไม่เท่ากัน” โจวว่านคังได้ยินคำกล่าว ดวงหน้าชราก็แดงขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “คุณฉู่พูดได้ถูกต้อง ต่อไปผมจะระวังให้มากขึ้นอย่างแน่นอน”“อืม”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย ยื่นขวดยาบำรุงปราณหนึ่งให้โจวว่านคังแล้วพูดว่า “ท่านโจว ยาบำรุงปราณขวดนี้ถือว่าเป็นค่าเหนื่อยให้คุณ ไม่ว่าคุณกินเอง หรือว่าเอาไปขายก็ได้ทั้งนั้น “โอ๊ะ คุณฉู่ นะ...นี่จะได้ยังไงกันครับ ผมสมัครใจช่วยเหลือ ไม่ต้องการค่าเหนื่อยหรอกครับ” โจวว่านคังพูดจากใจจริงเช่นกัน ถึงอย่างไรเขาก็ได้เรียนรู้จากฉู่เฉินมาไม่น้อย“ท่านโจวไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นสิ่งที่คุณควรได้รับครับ” เมื่อเห็นฉู่เฉินยืนกราน ท่านโจวถึงค่อยรับไว้ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ ยาบำรุงปราณสิบเม็ดต่อหนึ่งขวดเพียงพอที่จะแบ่งกันทั้งครอบครัว สำหรับท
ขาขาวเนียนงดงามถูกห่อหุ้มอยู่ในถุงน่องสีดำ และยังเผยให้เห็นความขาวดุจหิมะนี่แม่งเอ๊ยอยากยั่วกันสุด ๆ ไปเลยใช่ไหม?เมื่อเห็นฉู่เฉินจ้องมองถุงน่องของตัวเอง กวนเหล่ยก็เม้มปากหัวเราะพลางกล่าวว่า “ประธานฉู่ วันนี้ฉันแต่งตัวดูดีไหมคะ?” “ดู...ดูดีสิ แต่ว่าครั้งหน้าไม่ต้องแต่งตัวเยอะขนาดนี้แล้วนะ”ฉู่เฉินกลืนน้ำลายทีละอึก ก่อนจะผลักประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานทันทีที่เข้าไปในห้อง กลิ่นควันหลังสงครามใหญ่ก็โชยเข้ามาในจมูก ฉู่เฉินรีบหันหน้าไปพูดกับกวนเหล่ยว่า “ขอยืมใช้น้ำหอมของคุณหน่อย” กวนเหล่ยพยักหน้าติดต่อกันพลางพูดว่า “ได้ค่ะ” ไม่นานฉู่เฉินก็ใช้น้ำหอมไปเกือบครึ่งขวด อากาศทั่วทั้งห้องทำงานเปลี่ยนเป็นสดชื่นขึ้นไม่น้อยเช่นกันหลังจากที่กวาดตามองโซฟากับโต๊ะทำงานที่แทบจะไม่มีร่องรอยว่าผ่านสงครามใหญ่ใด ๆ ฉู่เฉินถึงค่อยกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความสบายใจ“ประธานฉู่ เมื่อวานฉันเสียเวลาไปสองชั่วโมงกว่าถึงจะทำความสะอาดห้องทำงานเสร็จนะคะ เหนื่อยจนปวดเอวปวดหลังแล้ว ถ้าคุณไม่เชื่อก็ดูสิคะ ตรงนี้บวมอยู่นิดหน่อย” กวนเหล่ยพูดพลางถลกมินิสเกิร์ตที่แทบจะคลุมสะโพกอวบอิ่มไม่มิดขึ้นมาทันที เผยสะโพกอ
“ทุกคนเชิญนั่งค่ะ”กู้รั่วเสวี่ยเชิญทุกคนให้นั่งลงพลางสั่งให้กวนเหล่ยไปชงชา ดวงตาของหลิวฉางเจียงไม่เคยละสายตาไปจากต้นขาของกวยเหล่ยเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับว่าแทบจะควักนัยน์ตาลงมาติดบนตัวกวนเหล่ยฉู่เฉินเห็นฉากนี้ก็อดลอบขำไม่ได้ หลิวฉางเจียงช่างเป็นคนจริง ๆ ไม่รู้ว่าถูกสวมเขามากเท่าไหร่แล้ว ยังคิดอะไรกับเลขาของเขาอีก “ประธานหลิว มีคำพูดอะไร คุณก็พูดกับคุณฉู่ตรง ๆ ได้เลยค่ะ” กู้รั่วเสวี่ยนิ่วหน้า กวาดตามองหลิวฉางเจียงแวบหนึ่ง ลอบด่าในใจว่าไอ้แก่หื่นกามนี่ “อะ...อ้อ ใช่ ๆๆ!” หลิวฉางเจียงถึงค่อยเก็บสายตารุกรานอย่างเต็มเปี่ยมกลับมา ก่อนจะหันหน้ามองไปทางฉู่เฉินแล้วพูดว่า “คุณฉู่ ฉางเจียงกรุ๊ปของเราอยากเป็นตัวแทนจำหน่ายยาบำรุงปราณของคุณในมณฑลซานมาก ๆ เลยครับ ไม่ทราบว่าประธานฉู่มีเงื่อนไขอะไรสำหรับร้านตัวแทนจำหน่ายบ้างไหมครับ?” ฉู่เฉินดื่มน้ำชาพลางขมวดคิ้วกล่าวว่า “เงื่อนไขไม่สูงครับ เพียงแต่ว่าเรื่องส่วนแบ่ง ทางคุณจำเป็นต้องยอมถอยมากหน่อย”“หมายความว่ายังไงครับ?” หลิวฉางเจียงมองฉู่เฉินอย่างไม่เข้าใจ ตามกฎในวงการยา ทุกคนจะได้ส่วนแบ่งกันคนละครึ่ง ถึงอย่างไรฝ่ายหนึ่งมีสิน
“ต่อให้เป็นหกต่อสี่ ผมก็รับได้”นี่เป็นขีดจำกัดล่างของหลิวฉางเจียงแล้ว ถึงอย่างไรในมือของเขาก็กุมทรัพยากรช่องทางของมณฑลซานไว้ไม่น้อย คิดว่าตัวเองมีต้นทุนต่อกรกับฉู่เฉินได้!ฉู่เฉินเล่นซ่อนหากับเท้าเล็ก ๆ ของปี้เวยใต้โต๊ะพลางเอ่ยอย่างไม่แสดงอารมณ์ว่า “ประธานหลิว ขอโทษมาก ๆ ครับ ไม่มีใครสามารถตั้งกฎให้ผมได้” สิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็หน้าเปลี่ยนสีติดต่อกันหลายครั้งเท้าเล็ก ๆ ที่เดิมทีมีเพียงข้างเดียวใต้โต๊ะได้เปลี่ยนเป็นสองข้างแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังฉวยโอกาสตอนรินชา โน้มตัวมาข้างหน้าอย่างจงใจเมื่อมองจากมุมของฉู่เฉิน ปรากฏภาพที่ชวนให้หวั่นไหวแม้แต่ฉู่เฉินก็ต้านทานสถานการณ์นี้ไม่ไหวนิดหน่อยเช่นกัน เขาหายใจหนักขึ้นเล็กน้อยอย่างควบคุมไว้ไม่อยู่กู้รั่วเสวี่ยที่อยู่ทางด้านข้างเห็นฉู่เฉินมีสีหน้าไม่สู้ดี อีกทั้งหายใจแรงขึ้นเล็กน้อย เธอก็รีบยื่นมือไปแตะหน้าผากของฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน พี่เป็นอะไร คงไม่ได้ไม่สบายหรอกใช่ไหม?” “มะ...ไม่เป็นไร แค่คอแห้งนิดหน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้ว”ฉู่เฉินฝืนยิ้มให้กู้รั่วเสวี่ยหลิวฉางเจียงที่อยู่ทางด้านข้างเห็นฉู่เฉินไม่ยอมถอยให้เลย สีหน้า
หลังจากสิ้นเสียงพูด กู้รั่วเสวี่ยยังไม่ทันเอ่ยปาก ฉู่เฉินพลันลุกขึ้นมาอุ้มกู้รั่วเสวี่ยแล้ววางเธอลงบนโต๊ะทำงาน “เพล้ง!” ชุดน้ำชาบนโต๊ะถูกชนจนตกลงพื้น ถ้วยจานกระจายบนพื้นทันทีพูดตามตรง เมื่อกี้ฉู่เฉินถูกยั่วจนทนไม่ไหวนิดหน่อยแล้วจริง ๆ ถ้าเกิดหลิวฉางเจียงไม่ไปอีก ฉู่เฉินก็คงจะไล่เขาออกไปแล้วโชคดีที่หลิวฉางเจียงรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ถึงทำให้เขาลดการถูกสวมเขาไปได้ชั่วคราว “ทำไมวันนี้รีบร้อนขนาดนี้คะ? คิดถึงฉันใช่หรือเปล่า?”เสียงของกู้รั่วเสวี่ยสั่นเครือ เอ่ยปากพูดพลางหายใจถี่กระชั้น จากนั้นเธอก็ยื่นมือไปโอบคอของฉู่เฉินแล้วกดใบหน้าของฉู่เฉินตรงเข้ามาที่หน้าอก แควก! เสื้อคลุมของกู้รั่วเสวี่ยโดนฉู่เฉินฉีกลงมาทันทีในตอนนี้เอง จู่ ๆ กวนเหล่ยก็ผลักประตูเดินเข้ามา เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ประธานฉู่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น...” เธอเพิ่งจะพูดไปได้ครึ่งเดียวก็หยุดชะงัก พอเห็นฉู่เฉินกำลังจูบกู้รั่วเสวี่ยอย่างร้อนแรง ดวงหน้าเล็กของกวนเหล่ยก็แข็งค้างในพริบตา “นี่ไม่ใช่เรื่องของเธอ รีบออกไปซะ!”กู้รั่วเสวี่ยรีบดึงสาบเสื้อ ตวาดเบา ๆ ด้วยสีหน้าที่แฝงไปด้วยความเขินอายเล็กน้อย “อ้อ...
“สวี่เจี๋ย ฉันบอกนายชัดเจนแล้วไงว่าถ้าไม่มีธุระอะไร อย่ามาที่บริษัทของฉัน ฉันกำลังทำงานอยู่นะ เข้าใจหรือเปล่า!” สวี่เจี๋ยคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ กวนเหล่ยจะระเบิดอารมณ์ใส่เขาอย่างรุนแรง เขาตกตะลึงก่อน จากนั้นถึงค่อยอธิบายว่า “เหลยเหล่ย ฉันเป็นห่วงว่ารสชาติอาหารดิลิเวอรีจะไม่ถูกปากเธอ ก็เลยตั้งใจใช้เวลาพักเที่ยงวิ่งกลับบ้านไปทำซี่โครงเปรี้ยวหวานที่เธอชอบกินที่สุดมาให้เธอ”สวี่เจี๋ยกล่าวพลางหยิบกล่องข้าวออกมาเหมือนมอบของขวัญล้ำค่า แล้วเปิดฝาออกอย่างระมัดระวังแต่เขายังไม่ทันยื่นให้กวนเหล่ย จู่ ๆ ดวงหน้าสวยของกวนเหล่ยก็เย็นชาขึ้นมา เธอสะบัดมือปัดกล่องข้าวในมือของเขาจนคว่ำลงพื้น! “สวี่เจี๋ย! ฉันขอเตือนนายไว้เลยนะ ถ้านายมาที่บริษัทฉันอีกไม่ว่าจะมีธุระหรือไม่ก็ตาม พวกเราสองคนเลิกกัน!” “อีกอย่าง ไม่มีใครเห็นค่าซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานห่วย ๆ ของนายหรอก! ไปให้พ้น!” กวนเหล่ยก้าวข้ามกล่องข้าวบนพื้น ขี้เกียจแม้แต่จะสนใจแฟนหนุ่มไร้ค่าคนนั้นของเธอหลังจากปิดประตูห้องทำงานดังปัง กวนเหล่ยเปลี่ยนเป็นชุดเดรสเซ็กซี่เมื่อเช้านี้อย่างคล่องแคล่ว แถมยังตั้งใจเติมเครื่องสำอางให้ตัวเอง ชื่นชมรูปร่างอวบอิ่มของ
“อีกอย่างก็คือฝีมือของคุณ ครั้งหน้าถ้าจะปลอมตัวเป็นมืออาชีพแบบนี้อีก ทางที่ดีควรเรียนรู้ให้มาก ๆ ก่อนนะ อย่าให้แข็งกระด้างเหมือนนวดศพ คนที่มีประสบการณ์นิดหน่อย เห็นแวบเดียวก็ดูคุณออกแล้ว”ฉู่เฉินทำหน้ายิ้มหยันตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับเสี่ยวหนาน ความหวาดกลัวและความน้อยเนื้อต่ำใจบนใบหน้าค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและน่าครั่นคร้ามตามการวิเคราะห์ทีละขั้นของฉู่เฉิน!“เดิมทีอยากให้คุณไปอย่างไร้ความทรมานโดยไม่รู้ตัว น่าเสียดายมากที่คุณไม่รู้จักถนอมเอง” สิ้นเสียงพูด เสี่ยวหนานพลันชักมีดสั้นสองเล่มออกมาจากด้านหลัง ร่างกายอ้อนแอ้นฉับไวราวกับอสรพิษ แทงตรงไปที่ลำคอของฉู่เฉิน! “ฝึกฝนสิบปีถึงจะได้ร่วมเรือข้ามฟาก ร้อยปีถึงได้ร่วมนวดน้ำมัน คุณลงมืออำมหิตขนาดนี้ คนที่บ้านคุณรู้บ้างหรือเปล่า?”ฉู่เฉินรีบหลบการโจมตีถึงแก่ชีวิตของเสี่ยวหนาน จากนั้นก็ยื่นมือไปคว้าข้อมือของเธอไว้ป๊าบ! ฉู่เฉินจับข้อมือของเธอได้แล้วชัด ๆ แต่น้ำมันในมือลื่นมากเกินไป ไม่เพียงทำให้เสี่ยวหนานสลัดหลุดได้ทันที นอกจากนี้ยังแทงมีดสั้นใส่ ท้องน้อยของฉู่เฉินหนึ่งที ฉู่เฉินรีบกระโดดขึ้น
เสี่ยวหนานเพิ่งจะมาอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน กลิ่นหอมประหลาดนั้นพลันรุนแรงขึ้นสุดขีดฉู่เฉินมองเสี่ยวหนานโดยไม่แสดงอารมณ์ ก่อนจะพูดกับหญิงวัยกลางคนว่า “อืม เอาเธอละกัน ให้คนอื่นออกไปให้หมดเถอะ” หญิงวัยกลางคนเข้าใจทันที แล้วโบกมือให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ก่อนออกจากห้อง เธอยังตั้งใจช่วยฉู่เฉินปิดประตูห้องให้เรียบร้อย ฉู่เฉินมองเสี่ยวหนานอย่างพิจารณาแล้วพูดว่า “ได้ยินว่าฝีมือของคุณไม่เลวเอามาก ๆ?”เสี่ยวหนานหลุบตาลงต่ำ ไม่ออกความเห็น ท่าทางเหมือนเขินอายสุดขีดฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะนอนคว่ำอยู่บนเตียงนวดแล้วพูดว่า “คุณเริ่มได้เลย”เสี่ยวหนานถึงค่อยเบิกตาขึ้นมา นัยน์ตาส่องประกายคู่นั้นเปล่งรัศมีเย็นเยียบออกมาราง ๆหลังจากที่จ้องมองฉู่เฉินสิบกว่าวินาที เสี่ยวหนานถึงค่อยหยิบน้ำมันนวดหลังจากทางด้านข้าง ก่อนจะเลิกเสื้อของฉู่เฉินขึ้นแล้วราดน้ำมันบนแผ่นหลังของฉู่เฉิน“คุณผู้ชายคะ กล้ามเนื้อที่หลังของคุณแน่นมากเลยนะคะ”เสี่ยวหนานนวดน้ำมันให้ฉู่เฉินพลางเอ่ยเสียงหวานฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าผิวบนหลังของคุณจะดีหรือเปล่า?”“อุ๊ย คุณนี่ร้ายจังเลยนะคะ คิดจะถอดเสื้อผ้าคนอื่นอยู่นั่นแ
“ว้าย...”โจวเทียนเฟิ่งร้องอุทาน รีบใช้ผ้าขนหนูบังดวงหน้าเล็ก ๆ ไว้ ทว่าวินาทีต่อมา เธอก็โดนฉู่เฉินผลักลงบนเตียง .....รุ่งเช้าฉู่เฉินนอนหลับยาวจนตะวันสายโด่งขณะที่กำลังกินอาหารเช้า ฟางอวี่เจิ้งก็โทรศัพท์เข้ามา“คุณฉู่ ตอนนี้คุณสะดวกไหมครับ?” อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ฟางอวี่เจิ้งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคารพนอบน้อม “สะดวกครับ คุณส่งตำแหน่งมาให้ผมเลยก็พอ แล้วผมจะไปหาคุณ”ฉู่เฉินกินข้าวไปด้วย พูดไปด้วย“ได้ครับ”ฟางอวี่เจิ้งตอบรับแล้วก็วางสายโทรศัพท์ ไม่นานก็มีข้อความแชร์ตำแหน่งถูกส่งมาที่โทรศัพท์มือถือของฉู่เฉินพอกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉู่เฉินก็พลอดรักกับโจวเทียนเฟิ่งสักพักแล้วค่อยออกจากเทียนเฟิ่งวิลล่า ขับรถมุ่งหน้าไปยังร้านนวดอวิ๋นไท่เพิ่งจะจอดรถเสร็จ ฟางอวี่เจิ้งก็ก้าวลงมาจากรถเก๋งสีขาวที่อยู่ทางด้านหน้า “คุณฉู่ ร้านนี้เป็นร้านที่ดีที่สุดในเจียงจงแน่นอนครับ”ฟางอวี่เจิ้งพูดพลางมีท่าทางเหมือนแทบอดใจรอไม่ไหวแล้วนิดหน่อยฉู่เฉินกวาดตามองฟางอวี่เจิ้งแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ประธานฟาง ร่างกายคุณไหวเหรอครับ?”“เอ่อ...ยังพอไหวนะครับ...”ฟางอวี่เจิ้งทำหน้ายิ้มแย้มพลางพาฉู่เฉิ
การเริงรักนี้ทำให้โจวเทียนเฟิ่งดื่มด่ำเต็มอิ่มจริง ๆพูดตามตรง ฉู่เฉินไม่ได้มาเยี่ยมเยียนเธอเกือบหนึ่งเดือนแล้วแม้ว่าในจะคิดถึงมากและร้อนรนมาก แต่เธอรู้สถานะของเธอที่อยู่ข้างกายฉู่เฉินดี อย่างมากสุดก็เป็นได้แต่หนึ่งในคนรักมากมายของเขาเท่านั้นด้วยเหตุนี้ เธอเลยได้แต่อดกลั้นแล้วอดกลั้นอีกวันนี้ก็ถือว่าได้พบเจอสายฝนหลังจากที่แห้งแล้งมาเนิ่นนาน“คุณมันเจ้าตัวป่วน ทำไมขนาดประตูก็ยังไม่ปิด ถ้าเกิดคนมาเห็นเข้าจะทำยังไง”จนกระทั่งเสร็จกิจแล้ว โจวเทียนเฟิ่งถึงค่อยสังเกตเห็นว่าประตูห้องหนังสือเปิดอ้ามาตลอด ถ้าอย่างนั้นคนอื่นคงจะได้ยินเสียงเมื่อกี้ของเธอหมดแล้วใช่หรือเปล่า? โจวเทียนเฟิ่งพูดพลางจะไปปิดประตู ฉู่เฉินกลับอุ้มเอวของเธอขึ้นมาจากด้านหลัง“อ๊าย คุณนี่มันร้ายชะมัด รีบปล่อยฉันลงเลยนะ” ฉู่เฉินหัวเราะหึ ๆ ไฉนเลยจะสนใจการดิ้นรนของเธอ เขาเดินไม่กี่ก้าวก็อุ้มโจวเทียนเฟิ่งเข้าไปในห้องน้ำในขณะที่ฉู่เฉินเตรียมตัวจะแสดงพลังกระตือรือร้นอีกครั้ง โทรศัพท์ที่อยู่ข้างมือพลันดังขึ้นมาจากนั้นก็เห็นว่าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย ฉู่เฉินกดตัดสายทันที แต่ฉู่เฉินยังไม่ทันโน้มตัวลงไป โทรศัพท์ก็ด
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ