“ฉู่เฉิน...ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันร้อนจังเลย”“ขอร้องละ เอาฉันเถอะ ไม่งั้น...อารองของฉันคงไม่ปล่อยฉันไป...เขารู้เรื่องหนอนกู่แล้ว จะต้องฆ่าปิดปากฉันแน่นอน” หลินชือหย่าเอ่ยพลางคงสติเฮือกสุดท้ายไว้ท่ามกลางความเลือนราง แต่ภายในดวงตางดงามคู่นั้นของเธอกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาและการเว้าวอน ฉู่เฉินจ้องมองนัยน์ตางามที่มีชีวิตชีวาคู่นั้นของหลินชือหย่า พริบตาเดียวก็เข้าใจความปรารถนาในใจของเธอ“ก็ได้ แต่เธอเชื่อฉันเถอะว่าเธอจะไม่เป็นไร!”ฉู่เฉินกล่าวถึงตรงนี้ก็กอดหลินชือหย่าไว้ในอ้อมแขนทันที เวลานี้ ผิวของเธอร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่าง ราวกับมีเพลิงราคะลุกโชนไปทั่วตัว นอกจากนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปนานกลับทำให้พิษราคะในร่างกายหลินชือหย่าเข้าใกล้หัวใจมากขึ้น เมื่อถึงเวลา ถ้ากำจัดพิษไม่ได้ก็จะนำอันตรายแอบแฝงมาให้หลินชือหย่าชั่วชีวิตพอคิดถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาพลิกตัวกดหลินชือหย่าลงบนโซฟา ส่วนหลินฟางเจิ้งที่ลอบมองทุกสิ่งทุกอย่างนี้ในป่าห่างไกลก็กลืนน้ำลายหนัก ๆ จ้องเขม็งไปยังหลินชือหย่าที่ท่อนล่างเปลือยเปล่าในภาพ “แม่งเอ๊ย ถ้ารู้แต่แรกว่านังเด็กร่านนี่จะแรดขนาดนี้ ฉันน่าจะนอนกับเธอไป
ฉู่เฉินขมวดคิ้ว เงยหน้ามองไปทางหลินฟางเจิ้งแล้วเอ่ยพลางหัวเราะหยันว่า “ทั้งหมดนี้เป็นแผนการที่คุณวางไว้ไม่ใช่หรือไง?” หลินฟางเจิ้งอึ้งไปเล็กน้อย แล้วหรี่ตากล่าวว่า “นายอย่ามาใส่ร้ายกันนะ!”“ฉันหลินฟางเจิ้งทำอะไรตรงไปตรงมา ต่อให้เป็นการแข่งขันทางธุรกิจ ก็ไม่ถึงกับผลักหลานสาวของตัวเองมานอนกับนายหรอก”“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายแม่งคิดถึงหลานสาวของฉันมานานแล้ว”“ในออนเซ็นครั้งก่อน ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะหลานสาวของฉันหนีไว เธอคงโดนนายปล้ำไปนานแล้ว!”ฉู่เฉินได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยัน หลินฟางเจิ้งคนนี้กุเรื่องเก่งจริง ๆ เพียงแต่ว่าแผนการของเขาจะล้มเหลวในท้ายที่สุด“หลินฟางเจิ้ง อาพูดจาเหลวไหล! คุณฉู่เคยจ้องร่างกายหนูตาเป็นมันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”หลินชือหย่าทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ เธอเพิ่งจะติดกระดุมบนตัวเสร็จก็หันหน้าไปมองหลินฟางเจิ้งด้วยความโกรธเป้าหมายของเขาไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้แล้ว เขาแค่อยากใช้เหตุผลข่มขืนมาบีบบังคับฉู่เฉิน!แต่ตอนนี้หลินชือหย่าไม่สนใจแม้แต่ความเป็นความตาย เธอจะทนรับการข่มขู่ของหลินฟางเจิ้งอีกได้อย่างไร“ไอ้คนแซ่ฉู่ ต่อให้นายเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ นายดูว่านี
กรอบ ๆๆ!เสียงกระดูกหักดังขึ้นอย่างเลือนราง หลินฟางเจิ้งใจกระตุก เงยหน้ามองไปทางฉู่เฉินด้วยความหวาดผวาไอ้เด็กเวรนี่ดูท่าทางคงแก่เรียน ทำไมมือถึงมีเรี่ยวแรงเยอะขนาดนี้?“อ๊าก...นะ...นายทำอะไร? แขนฉันจะหักแล้ว ยังไม่รีบปล่อยมืออีก!” เพียงชั่วพริบตาเดียว หลินฟางเจิ้งก็ส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูถูกเชือด“นายเป็นคนแรกที่กล้าข่มขู่คนของฉัน!”ฉู่เฉินคว้าข้อมือของหลินฟางเจิ้งไว้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา เมื่อเห็นรัศมีเย็นเยียบแล่นวาบในดวงตาของฉู่เฉิน หลินฟางเจิ้งก็หลั่งเหงื่อเย็น ๆ ทันที “ใครก็ได้! ใครก็ได้มาที!”เรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ควรเผยไพ่ตายของเขาออกมาแล้ว นอกจากนี้เขาตั้งใจเชิญยอดฝีมือระดับปรมาจารย์จากเมืองหลวงของมณฑลเพื่อวางแผนการในวันนี้ มีปรมาจารย์นั่งรักษาการณ์ เขายังจะกลัวคนตัวเล็ก ๆ อย่างฉู่เฉินอีกเหรอ?ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากในห้องชั้นสองจากนั้นก็มีชายวัยกลางคนสวมชุดฝึกวิชาสีขาวพังหน้าต่างลงมา!ในขณะเดียวกัน มีเงาหลายร่างพุ่งออกมาจากภายในสวนดอกไม้หลังบ้าน แยกกันเฝ้าประตูห้องทางด้านหน้าและด้านหลังเอาไว้ฟึบ ๆๆ!พวกเขาหลายคนพากันชักก
ปรมาจารย์จางได้ยินคำกล่าวก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เอ่ยด้วยสีหน้าน่าครั่นคร้ามเล็กน้อย “เจ้าหนู เดิมทีฉันไม่อยากฆ่านาย น่าเสียดาย ประธานหลินให้มากเกินไป”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองไปทางปรมาจารย์จางแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มใคร่ครวญว่า “ดังนั้น?” “ดังนั้นนายต้องตาย!” ปรมาจารย์จางตวาดเสียงดังแล้วทะยานขึ้นมาฉับพลัน กระบี่ยาวในมือวาดเป็นเส้นโค้งที่งดงามกลางอากาศ เงากระบี่แทงตรงไป ที่ลำคอของฉู่เฉินราวกับสายรุ้งกระบี่นี้ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือว่าความแม่นยำเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบทั้งหมดถึงขนาดชั่วขณะที่ปรมาจารย์จางลงมือ หลินฟางเจิ้งเหมือนกับเห็นฉู่เฉินล้มลงไปนอนจมกองเลือดแล้ว “ชาติหน้าจำว่าอย่าเล่นดาบเล่นกระบี่ มันไม่เหมาะกับคุณเลยจริง ๆ”พอเห็นกระบี่ยาวของจางหลงแทงมา ฉู่เฉินยิ้มอย่างเฉยชาโดยไม่มีความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดเมื่อเห็นฉากนี้ แม้แต่หลินฟางเจิ้งก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง!ไอ้เด็กเวรฉู่เฉินจะตายอยู่แล้ว แม่งยังคิดเรื่องชายหญิงเหลวไหลนั้นอีกเหรอ? เวรเอ๊ย!ปรมาจารย์จางก็มองฉู่เฉินด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ช่วงความเป็นความตายแล้ว ไอ้เด็กเวรคงไม่ได้อยากแสดงวิช
สมองของเขาทำงานกำลังอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ต้องคิดหาเหตุผลออกมาสักข้อ ไม่เช่นนั้นเขาไม่สงสัยเลยว่าฉู่เฉินจะเงื้อมมือฟันกระบี่ลงมาตัดศีรษะของเขา! “หลินฟางเจิ้ง อาก็มีวันนี้เหมือนกันนะ!” หลินชือหย่าที่อยู่ทางด้านข้างเห็นหลินฟางเจิ้งคุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉิน ไม่กล้าขยับเลยสักนิดเดียว น้ำตาในดวงตาพลันคลอเบ้า เธอหยิบขวดไวน์บนโต๊ะขึ้นมาแล้วฟาดใส่ศีรษะของหลินฟางเจิ้งแรง ๆ เพล้ง!ขวดไวน์แดงถูกฟาดจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ เลือดผสมกับไวน์แดงไหลนองพื้นทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ หลินฟางเจิ้งไม่กล้าส่งเสียงร้องแม้แต่คำว่าเจ็บ “พ่อแม่ของหนูไม่เคยใจดำกับอา ทำไมอาต้องใช้หนอนกู่ทำร้ายพวกเขาจนตายด้วย!” หลินชือหย่าคว้าคอเสื้อของหลินฟางเจิ้งโดยที่น้ำตานองหน้า ตะโกนถามเสียงดัง“ชือหย่า เธอฟังอานะ อะ...อาไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน อา...”เพียะ!หลินชือหย่าสะบัดมือตบหน้าหลินฟางเจิ้งไปหนึ่งฉาดก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า “ไม่ได้ตั้งใจ? งั้นหนอนกู่บนตัวหนู อาจะอธิบายว่ายังไงอีก!”เมื่อเผชิญหน้ากับการซักถามติดต่อกันของหลินชือหย่า หลินฟางเจิ้งก็น้ำท่วมปากฉู่เฉินหรี่ตาเล็กน้อย เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “หลินฟางเจิ้ง คุณเองก็ก่อกรรมทำ
อะไรนะหลินฟางเจิ้งมองหนอนกู่ที่กระดุกกระดิกอยู่ในฝ่ามือของฉู่เฉิน ดวงตาเบิกกว้าง หนอนกู่เหล่านี้ก็คือสิ่งที่เขาตั้งใจหามาจากทางเหมียวเจียง จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าขอเพียงโดนพิษหนอนกู่กลืนวิญญาณ ก็เท่ากับว่าขาข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าประตูนรกแล้ว?“คะ...คุณฉู่ ผะ...ผมผิดไปแล้วจริง ๆ หนอนกู่นี้...”ฉู่เฉินยิ้มเย็นชาแล้วกล่าวว่า “ถ้าไม่อยากตายตอนนี้ ก็กินหนอนกู่ลงไป คุณไม่มีทางเลือกที่สาม!”“แต่คุณวางใจได้ ผมมีวิธีการควบคุมหนอนกู่ในร่างคุณ ขอเพียงคุณเชื่อฟัง หนอนกู่ในร่างคุณก็จะไม่ออกฤทธิ์ตลอดกาล!” “ไม่อย่างนั้น ผมรับรองว่าคุณอยู่ไม่เกินสามเดือน!”อึก! หลินฟางเจิ้งกลืนน้ำลาย ตอนนี้เขามีความคิดอยากตายแล้วจริง ๆ นี่เท่ากับว่าขุดหลุมฝังตัวเองไม่ใช่เหรอ?แต่ตอนนี้เขารู้ดีว่า ถ้าไม่ทำตามคำพูดของฉู่เฉิน เขาจะต้องตายทันที! เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินฟางเจิ้งก็หยิบหนอนกู่ตัวนั้นขึ้นมาด้วยมือสองข้างที่สั่นเทา ก่อนจะหลับตาแล้วกลืนลงไปตรง ๆทันทีที่หนอนกู่ลงคอ หลินฟางเจิ้งตัวสั่นยะเยือกอย่างควบคุมไม่อยู่เขาอยากคายหนอนกู่ตัวนั้นออกมามาก แต่เขาอาเจียนอยู่เนิ่นนานก็ไม่มีประโยชน์เลย ถึงขนาดที่ถ่มแม
หลินชือหย่าพยักหน้ากล่าวว่า “วางใจเถอะค่ะ ฉันจัดการคนเดียวได้ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”หลินชือหย่ากล่าวจบก็ไปส่งฉู่เฉินถึงหน้าประตูแล้วค่อยหันตัวกลับมาเวลานี้หลินฟางเจิ้งยังมีความน่าเกรงขามเหมือนเมื่อกี้ที่ไหนกัน?เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินชือหย่า เขาถึงขนาดไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำเมื่อครู่นี้เขาได้ยินชัดเจนมากว่ายาที่ฉู่เฉินมอบให้หลินชือหย่านี้จำเป็นต้องกินเดือนละครั้ง ต่อให้แย่งยาเม็ดนี้จากในมือของหลินชือหย่าก็ไม่มีประโยชน์ ชีวิตน้อย ๆ อยู่ในกำมือของหลินชือหย่า เขาไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะต่อต้านเลยสักนิดเดียว “หลินฟางเจิ้ง กลับไปที่บริษัทกับหนูเดี๋ยวนี้!”หลินชือหย่ากลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของตัวเองก่อน จากนั้นถึงค่อยเดินกลับไปที่ห้องรับแขกอีกครั้งแล้วออกคำสั่งอย่างเย็นชา“งั้น...นี่จะทำยังไงดี?”หลินฟางเจิ้งชี้ไปยังศพบนพื้นที่ยังคงมีไอร้อนลอยออกมา เอ่ยถามด้วยสีหน้าย่ำแย่“อาก็หาทางจัดการเองสิ!” หลินชือหย่าทิ้งคำพูดไว้อย่างเย็นชาแล้วก้าวเท้าเดินออกไป หลินฟางเจิ้งถอนหายใจหนัก ๆ ล้วงโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความไปหาลูกน้องของตัวเอง จากนั้นก็ตามหลินชือหย่าออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลหลินด้วย
ซุนเซี่ยวเหรินส่ายหน้าเล็กน้อย และไม่ได้ตอบอะไรแต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ สีหน้าของเขาก็ยิ่งดูย่ำแย่ ผ่านไปสามนาทีเต็ม ๆ เขาถึงค่อยจขมวดคิ้วแน่นพลางพูดว่า “ประธานหลิ่ว ลูกสาวของคุณถูกพิษร้ายแรงนี่ครับ!” อะไรนะ?!หลิ่วชิงเหอได้ยินคำพูดนี้ ดวงหน้างามก็ซีดเผือดราวกับกระดาษทันที หลิ่วหรูเยียนที่แทบจะขดตัวเป็นก้อนไม่อยากจะเชื่อคำพูดของซุนเซี่ยวเหรินจริง ๆ เธอเอ่ยปากพูดอย่างยากลำบากว่า “หมอเทวดาซุนคะ ฉะ...ฉันถูกพิษอะไรคะ?” ซุนเซี่ยวเหรินขมวดคิ้วมุ่น ครุ่นคิดพลางเอ่ยว่า “คุณหนูหลิ่ว พิษที่คุณได้รับมันแปลกประหลาดมาก แม้แต่ผมก็ยังบอกชื่อไม่ได้ แต่ว่าคุณได้รับพิษมานานมากแล้ว”“จากที่ผมคาดการณ์ อย่างน้อยก็สามปีแล้ว” “นอกจากนี้ เนื่องจากซึมซับพิษมาเป็นเวลานาน ตอนนี้มันทำลายเส้นเลือดหัวใจของคุณแล้ว ดังนั้นถึงแม้ปกติดูเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ขอเพียงพิษกำเริบขึ้นมาก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิตแทบทุกครั้ง!” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ซุนเซี่ยวเหรินอดมองไปทางหลิ่วชิงเหอด้วยความสงสัยไม่ได้แล้วกล่าวว่า “ประธานหลิ่ว ดูจากชีพจรของลูกสาวคุณ ก่อนหน้านี้เธอเคยอาการกำเริบอย่างน้อยสองครั้ง คุณไม่เคยสังเกตเห็นเล
ชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัวคือถังเทียนอวี่ ยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งตระกูลถังในอวิ๋นเฉิง“นั่นคือยอดอัจฉริยะถังเทียนอวี่แห่งตระกูลถังใช่ไหม? เขาเองก็มาที่นี่เหรอ?”“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าเมื่อห้าปีก่อน ผู้ชายคนนั้นได้เข้าร่วมสำนักบำเพ็ญพรตชื่อดังทางตะวันตกเฉียงใต้ และยังได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ของสำนักอีกด้วย”ขณะที่ผู้คนรอบข้างกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด เกาเซิ่งอี้ก็เดินออกมาต้อนรับด้วยตนเองพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะยื่นมือออกไปหาอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร“ฮ่า ๆ ๆต้องขอบคุณคุณชายถังที่ให้เกียรติมาร่วมงาน”“สมกับเป็นยอดอัจฉริยะของตระกูลถังแห่งอวิ๋นเฉิงจริง ๆ ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่ แค่รัศมีที่แผ่กระจายออกมาก็กดดันพวกเราได้แล้ว”ถังเทียนอวี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจับมือกับเกาเซิ่งอี้ แล้วตอบกลับ“ลุงเกาชมเกินไปแล้ว”ในขณะนั้นเอง รถหรูอีกคันก็แล่นมาจอดอย่างช้า ๆ จากนั้น ผู้อาวุโสในชุดขาวเรียบง่ายก็ก้าวลงจากรถพวกเขาเห็นว่าบนมือทั้งสองของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยร่องรอยจากการฝึกฝน และทั่วทั้งร่างแผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้า“ซี้ด ๆ! นั่น…นั่นมันจางจิ่งหลง ผู้นำตระกูลจาง
อีกด้านหนึ่ง ในห้องทำงานของประธานฉู่ซื่อกรุ๊ปหลิ่วหรูเยียนกำลังตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ราวกับผึ้งงานที่กำลังเก็บน้ำหวานแต่ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้หลิ่วหรูเยียนตกใจสะดุ้งจนตัวโยน เธอรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยฉู่เฉินติดกระดุมกางเกง และกลับไปนั่งลงบนโซฟา พลางยกมือฟาดเบา ๆ ลงบนสะโพกกลมกลึงของหลิ่วหรูเยียน “พักนี้ เธอพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะ”“อ๊ะ…”หลิ่วหรูเยียนหน้าแดงขึ้นมาทันทีหลังจากถูกฉู่เฉินตี เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน“เข้ามา”ทันทีที่เสียงของหลิ่วหรูเยียนดังขึ้น ต้าหลิงจื่อก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถือการ์ดเชิญสีทองใบหนึ่ง“ประธานหลิ่ว นี่เป็นคำเชิญที่หอการค้าตะวันออกใหญ่ให้คนนำมาให้ค่ะ คนที่นำมาให้ยังเน้นย้ำเป็นพิเศษอีกว่า อยากให้คุณฉู่มาเข้าร่วมงานด้วย”ขณะที่พูด ต้าหลิงจื่อก็ยื่นการ์ดเชิญไปให้ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนการ์ดเชิญจากหอการค้าตะวันออกใหญ่?หลิ่วหรูเยียนอดไม่ได้ที่จะรับการ์ดเชิญมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกวาดตามอง ข้อความในการ์ดเชิญเรียบง่ายมาก เป็นการเชิญสองแม่ลูกตระกูลหลิ่
หากกองทัพเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้จริงๆ คงจะเป็นปัญหาใหญ่แน่“ออกไปเถอะ”ฉีอวี่ไท่โบกมือกับฟางเหว่ย ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังเฉียนหลงวิลล่าอย่างไม่รอช้าขณะเดียวกัน ในห้องใต้ดินของเฉียนหลงวิลล่า เกาเซิ่งอี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหยก รอบตัวเขาถูกปกคลุมด้วยไอหมอกจาง ๆ ชั้นหนึ่งที่เหมือนจะเห็นแต่ก็ไม่เห็นพลังปราณอันแข็งแกร่งระดับสร้างรากฐานขั้นที่สามแผ่ซ่านออกจากร่างเกาเซิ่งอี้ภายนอก เขาเป็นเพียงแค่นักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่ง แต่แท้จริงแล้ว เกาเซิ่งอี้ก็มาจากตระกูลเกาซึ่งเป็นตระกูลผู้บำเพ็ญพรตอันดับหนึ่งแห่งหลิ่งหนานเช่นกันห้าปีก่อน เขาก็บรรลุพลังที่น่าสะพรึงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สามแล้ว นี่เป็นครั้งที่สิบแล้วที่เขาพยายามทะลวงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่ แต่ในช่วงเวลาสำคัญนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสนั่น ทำให้เกาเซิ่งอี้เกือบธาตุไฟเข้าแทรกโครม!เกาเซิ่งอี้ลืมดวงตาแดงก่ำขึ้นพึ่บ ควันฝุ่นฟุ้งอยู่โดยรอบ“ใคร! ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าใครก็อย่ารบกวนเวลาฉันฝึกตน?!”เมื่อได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธของเกาเซิ่งอี้ ฉีอวี่ไท่ที่อยู่ด้านนอกประตูก็ถึงก
“คุณคงไม่ได้บ้าหรอกใช่ไหม?”ฉู่เฉินกลอกตามองเซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยอารมณ์โมโห“ฉู่เฉิน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ คุณใช้ประโยชน์จากกองทหารรักษาการณ์อยู่ชัดๆ”ดวงตาคู่สวยเจือน้ำค้างแข็งของเซียวเสวี่ยอิ๋งจ้องฉู่เฉินอย่างเย็นชาเธอเห็นภาพเมื่อครู่นี้ชัดเจน ฉู่เฉินบอกให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่วส่งคนมาที่ฉู่ซื่อกรุ๊ปเพื่อเซ็นสัญญา เห็นได้ชัดว่าเขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้วเขาจะยืมมือของกองทหารรักษาการณ์จัดการกำจัดฉีเฮ่อเซวียนและคนอื่น ๆเขากล้าวางแผนถึงกองทหารรักษาการณ์ ฉู่เฉินใจกล้าเกินไปแล้วมั้ง“โปรดระวังคำพูดของคุณด้วย พวกเราร่วมมือกันต่างหาก แล้วคุณรู้ไหมว่าการร่วมมือกันคืออะไร? มันคือการที่ทุกฝ่ายเอาผลประโยชน์ของตัวเอง มีปัญหาอะไรเหรอ?”ฉู่เฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “คุณ…?”ใบหน้าเล็กของเซียวเสวี่ยอิ๋งโกรธจนขาวซีด เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกแม้แต่คำเดียว“คุณอะไรล่ะ? สัญญาก็อยู่บนโต๊ะ ถ้าคุณไม่เซ็น ก็ไปได้แล้ว”ฉู่เฉินไม่อยากเสียเวลาเถียงกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ถ้าไม่เห็นแก่สภาพร่างกายที่พิเศษของเธอ ฉู่เฉินคงไล่เธอออกไปตั้งนานแล้วเซียวเสวี่ยอิ๋งโกรธฉู่เฉินจน
ฉู่เฉินจะไปมีคอนเนคชั่นคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ยังไง?“ผู้นำหลู สำนักงานพาณิชย์ของพวกเราก็ปฏิบัติตามกฎเช่นกันนะ อีกทั้งคุณชายฉีก็ถือครองหุ้นฉู่ซื่อกรุ๊ปถึงหกส่วน ดังนั้นพวกเราจึง…”ในช่วงระหว่างที่หลิวจื้อซินพยายามพูดพลิกลิ้น เซียวเสวี่ยอิ๋งก็เอามือไพล่หลังก้าวเข้ามาตูม!ลำพังเพียงกลิ่นอายเฉพาะตัวของทหารก็ทำให้หลิวจื้อซินตกใจจนกลืนคำพูดหลังจากนั้นจนหมดสิ้น“ตอนนี้ฉันมีเหตุผลที่จะสงสัยในตัวพวกคุณว่ากำลังร่วมมือบ่อนทำลายความร่วมมือระหว่างกองทัพกับฉู่ซื่อกรุ๊ป และคุกคามความมั่นคงของชาติ”กล่าวเสร็จเซียวเสวี่ยอิ๋งเอาเอกสารตบโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเมื่อเห็นคำว่าลับที่สุดบนซองเอกสารที่มีตราประทับสีแดงของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทหารรักษาการณ์เมืองเจียงจงแล้ว ไม่เพียงแค่ฉีเฮ่อเซวียนคนเดียวที่ตะลึงสุดขีด แม้แต่หลิวจื้อซินก็อ่อนแรงฟุบลงไปกองที่พื้นเขาถูกใส่ความถ้ารู้ว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปยังมีความสัมพันธ์ในการร่วมงานกับทางกองทัพ ให้ความกล้าเขามาใช้มากแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าทำถึงขนาดนี้หรอก“ท่าน...ท่านผู้นำ พวกเรา…พวกเราถูกใส่”ฟางเหว่ยและผู้ถือหุ้นทั้งหมดต่างตกใจจนคุกเข่าวิงวอนบนพื้นการข
บรรดาผู้ถือหุ้นที่เมื่อกี้ยังดูเหตุการณ์อยู่ก็คาดเดาล่วงหน้าได้ว่าหลิ่วหรูเยียนและฉู่เฉินจะถึงทางตันแน่ในเวลานี้แต่ละคนต่างออกหน้ามาทีละคนโดยมีฟางเหว่ยเป็นผู้นำหลัก“ท่านผู้นำหญิง ก็คือไอ้คนแซ่ฉู่ไม่เพียงทำร้ายต้วนเคอจนสลบ แถมยังทำร้ายผู้อำนวยการหลิวจนบาดเจ็บสาหัส ไอ้เด็กเวรนี่สมควรจะถูกยิงตายคาที่”“ใช่แล้ว ผมก็เห็นเหมือนกัน ต้วนเคอเขาก็แค่ให้นังเลวหลิ่วหรูเยียนเซ็นชื่อ ใครจะไปรู้ว่า ฉู่เฉินไม่พูดอะไรก็ลงมือทำร้ายคนทันที”“ใช่ครับ ไม่เห็นกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตาบ้างเลย คนแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้นะครับ”ผู้ถือหุ้นที่ก่อนหน้าที่ยังอยู่ฝั่งฉู่เฉินต่างทยอยกล่าวโทษฉู่เฉินขึ้นมาในเวลานี้หลิ่วหรูเยียนรู้สึกสิ้นหวังทันทีเมื่อได้ยินเสียงกล่าวโทษของผู้คนรอบข้างถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าตระกูลฉีเรียกคนจากฝ่ายทหารมา เธอจะต่อต้านไปทำไม?“ฉู่เฉิน นายไม่รู้หรือว่านายทำลายพวกเราสองแม่ลูก!”ในขณะพูดหลิ่วหรูเยียนน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาราวกับไข่มุกที่ขาดออกจากสร้อยเสียแรงที่เธอเชื่อใจฉู่เฉินขนาดนั้น แต่ผลลัพธ์เป็นไงล่ะ?ก็เพราะฉู่เฉินก่อเรื่องจนยุ่งเหยิงวุ่นวายครั้งนี้ไม่ใช่แค่มอบบริษัทไปแล้วจะจบง
“ในฐานะที่นายเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์ พูดคำว่านังสารเลวสินะ มา วันนี้ถ้านายไม่อธิบายกับฉันอย่างชัดเจน ว่าอะไรถึงเรียกว่านังสารเลว เชื่อไหมว่าฉันจะฆ่านายให้ตาย”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็ชกเข้าที่ท้องน้อยของหลิวจื้อซินผลัวะ!พลังแกร่งขุมหนึ่งทะลุร่างอวบอ้วนของหลิวจื้อซินจนกระแทกเข้ากับเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังเขาลำพังแค่พลังแกร่งขุมเดียวก็ทำให้เก้าอี้ตัวนั้นกลายเป็นขี้เลื่อยปลิวว่อนกลางอากาศเลยทีเดียว“ต่อต้านแล้ว…ต่อต้านแล้ว เร็ว…รีบโทรแจ้งความกรมตำรวจ!”หลิวจื้อซินในเวลานี้ ทั้งปาก จมูก หูมีแต่เลือดไหลราวกับเหงื่อไหลไคลย้อยตอนนี้เขาไม่สนหน้าตาอะไรแล้ว จิตใจคิดแต่จะรอให้คนของกรมตำรวจรีบมาถึงแล้วจัดการฉู่เฉินให้ตายซะ……เวลานี้เอง รถตำรวจสิบกว่าคันและรถทหารสองคันได้มาจอดที่หน้าอาคารฉู่ซื่อกรุ๊ปแทบจะในเวลาเดียวกันหลูติ้งไห่และเซียวเสวี่ยอิ๋งที่ผลักประตูรถลงมามองสบตากันแล้วก็ตะลึงทันที“ผู้นำหลู?”“ผู้นำเซียว?”ทั้งสองจับมือกันโดยมีสีหน้าประหลาดใจ เซียวเสวี่ยอิ๋งมองตำรวจกลุ่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของหลูติ้งไห่แล้วก็ขมวดคิ้วกล่าว “ผู้นำหลู นี่คุณ…”เธอได้รับคำสั่งจากโฮ่วเจี้ยนอิง
ฉีเฮ่อเซวียนชำเลืองมองฉู่เฉิน แล้วเงยหน้าขึ้นหัวเราะร่าอย่างกะทันหันแล้วกล่าว “ไอ้หนุ่ม นายดีใจเร็วเกินไปไหม? นายคิดว่าทำร้ายต้วนเคอแล้วนายจะไม่เป็นอะไรหรือ?”กล่าวเสร็จฉีเฮ่อเซวียนก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ จากนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตบบ่าฉู่เฉินและกล่าว “ไอ้หนุ่ม เรื่องสนุกมันต่อจากนี้”ไม่ทันขาดคำก็มีเสียงเท้าวุ่นวายดังขึ้นจากในทางเดินฉีเฮ่อเซวียนฉีกยิ้มกล่าว “นายลองเดาดูว่าใครมา?”ฉู่เฉินเลิกคิ้วแล้วยิ้มกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ไม่ว่าเป็นใคร อย่าคิดจะได้ฉู่ซื่อกรุ๊ปไป”“ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินกล่าวจบก็มีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นวินาทีต่อมา ประตูห้องประชุมก็เปิดออกโดยชายวัยกลางคนสวมเสื้อลำลองเดินพุงพลุ้ยเข้ามาด้วยท่าทางที่หยิ่งผยองด้านหลังเขามีชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบประมาณหกคนเดินตามมาด้วยเมื่อเห็นชายวัยกลางคนแล้ว หลิ่วหรูเยียนถึงกับตกใจหน้าซีดในทันที ชายวัยกลางคนคนนั้นก็คือหลิวจื้อซินซึ่งเป็นผู้อำนวยการกรมพาณิชย์ของเมืองเจียงจงเหตุการณ์เริ่มร้ายแรงแล้วสิแบบนี้“ฉู่เฉิน แย่แล้ว เป็นเรื่องแล้วรอบนี้”หลิ่วหรูเยียนจับแขนของฉู่เฉินไว้และกระซิบกล่าวหน้าซีดฉู่เฉินยิ้มให้หลิ่วหรูเยียน
“ฉัน…”หลิ่วหรูเยียนหน้าซีด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดสินะเธอกำปากกาเซ็นเอกสารในมือแน่น พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปทางฉู่เฉินฉู่เฉินควานหาบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วพ่นควันออกมาเป็นวงกลม ควันนั้นจึงลอยไปปะทะหน้าฟางเหว่ย จนฟางเหว่ยไอแค่กๆ“เมื่อกี้นายพูดไม่ใช่หรือไงว่าห้ามสูบบุหรี่ในห้องประชุมน่ะ!” ฟางเหว่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ“ฉันนี่แหละคนกำหนดกฎ นายมาพูดเรื่องกฎกับฉันเหรอะ? นายมีคุณสมบัตินั้นไหม?”ฉู่เฉินเหลือบมองฟางเหว่ยอย่างดูแคลน จากนั้นก้าวไปที่หน้าโต๊ะแล้วหยิบกองเอกสารหนาปึกขึ้นมาโปรยราวกับดอกไม้จนกระจายไปทั่ว“นายทำอะไรน่ะ! เก็บเอกสารขึ้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”ต้วนเคอเห็นฉู่เฉินโปรยหนังสือสัญญาโอนหุ้นที่เขาเอาออกมาลงพื้นแล้วก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจฉู่เฉินยิ้มเยาะแล้วก้าวไปหาและพูดอย่างเฉยเมยกับต้วนเคอ “เรื่องไหนยังไงก็ต้องมีเหตุผลกันบ้างสิ ต่อให้ผู้ถือหุ้นโอนหุ้นให้คนแซ่ฉีแล้ว พวกเราก็มีสิทธิ์ไม่มอบบริษัทให้เหมือนกัน”“อย่างมากก็แค่ชดใช้เงินให้ก็เท่านั้น ในฐานะที่นายเป็นหัวหน้ากรมพาณิชย์ ไม่เข้าใจหลักเหตุผลข้อนี้หรือไง?”ต้วนเคอหัวเรา