ฉู่เฉินรีบหยิบเข็มเงินออกมาสามเล่ม แทงเข้าไปที่จุดใหญ่ๆ สามจุดของเจียงรั่วเหยียน หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “ตอนนี้ผมแค่ใช่เข็มเงินปิดปราณของเธอเอาไว้ หากต้องการช่วยชีวิตเธอ ต้องใช้วิชารวมหยินหยางและอาบน้ำยา”“แต่ว่าคุณหนูเจียงตอนนี้ไม่รู้สึกตัวอยู่ถึงทำให้ปราณอุดตันอยู่ที่หน้าอก ดังนั้นหากต้องการรักษาโรคของเธอให้หายจำเป็นต้องใช้ดอกรัญจวน”ดอกรัญจวนงั้นเหรอ?เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้แต่ฮว่าจิ่วหยางก็ขมวดคิ้วขึ้นมายาที่กระตุ้นความต้องการที่หายากแบบนี้ สามารถพูดได้เลยว่านอกจากพวกหมอแม่มดชั่วร้ายที่ใช้ยาประเภทนี้เพื่อทำร้ายผู้คนแล้ว ในทั่วไปแทบจะหาไม่ได้เลย“คุณฉู่สบายใจได้เลยครับ แม้ว่าผมจะต้องเดินทางไปร้านยาทั่วทั้งเจียงจง ผมก็จะหาดอกรัญจวนมาให้ได้ครับ”เจียงหย่วนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจังฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย “ร้านยาทั่วไปจะไม่ค่อยมี แต่ว่ามีที่หนึ่งที่ผมเคยเห็นกับตามาก่อน”“ที่ไหนครับ?”เจียงหย่วนแววตาเป็นประกาย ถามขึ้นมาด้วยความร้อนใจ“ที่บ้านหลินชือหย่าปลูกดอกนี้ไว้ คุณทำแค่เด็ดกลีบมาให้เยอะหน่อยก็ได้แล้วครับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงหย่วนก็โล่งใจขึ้นมา พยักหน
“อธิการบดีเจียง ในสายตาของหมอ อาการป่วยทั้งหมดไม่ต่างอะไรจากเนื้อตาย ผมเชื่อในจรรยาบรรณแพทย์ของคุณฉู่ อีกอย่าง นอกจากคุณฉู่ ผมคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครรักษาอาการป่วยของคุณหนูเจียงได้อีกแล้ว”ฮว่าจิ่วหยางเห็นพ่อลูกตระกูลเจียงมีสีหน้าลำบากใจ จึงเอ่ยปากอธิบายที่จริงในสายตาของฮว่าจิ่วหยาง เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนักอย่างไรในแผนกสูตินรีเวชก็ยังมีหมอผู้ชาย แค่เพราะหมอเป็นผู้ชาย ถึงกับจะไม่คลอดลูกได้หรือ?นี่เป็นด่านในใจของเจียงไห่ตง แต่เขากลับก้าวข้ามมันไปไม่ได้เสียทีแต่เจียงรั่วเหยียนมีอันตรายอยู่ตรงหน้า จะให้เขาไปหายอดฝีมือในเวลาสั้นๆ จากที่ไหนได้อีกล่ะ?ภายใต้ความจนใจ เจียงไห่ตงทำได้เพียงพยักหน้ายินยอม“คุณฉู่ ยาต้มเสร็จแล้ว คุณดูว่าต้องใส่อะไรอีกบ้าง?”หลินชือหย่ารีบวิ่งเข้ามาในสวนหลังบ้าน ก่อนจะตะโกนบอกฉู่เฉินว่า“ฉัน”เพิ่งจะตะโกนคำว่าฉันออกไป หลินชือหย่าก็อึ้งไปทันทีแต่วินาทีถัดมา ฉู่เฉินกลับยืนขึ้น และเดินตรงเข้าไปในห้องของเจียงรั่วเหยียนหลินชือหย่าอ้าปากค้าง ก่อนจะรีบตามไปต้องบอกก่อนว่า ตอนนี้เจียงรั่วเหยียนนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำโดยไม่ใส่อะไรเลย ถ้าเกิดเธอฟื้นข
นอกเหนือจากนี้ การรักษาของฉู่เฉินยังทำให้เสียงของเจียงรั่วเหยียนที่ในตอนแรกฟังดูอ่อนแอไร้กำลัง ตอนนี้เริ่มฟังดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาแล้วเอื๊อก!เธอถึงขั้นเริ่มรู้สึกอิจฉาเจียงรั่วเหยียนขึ้นมาแล้ว รักษาอาการป่วยสบายขนาดนี้เลยเหรอ?แต่ทำไมฉู่เฉินถึงไม่รักษาเธอด้วยวิธีเดียวกันล่ะ?เวลาค่อยๆ ร่วงเลยไป กระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ไอน้ำทั้งหมดจางหายไป ฤทธิ์ของยาก็จางลงเรื่อยๆ เช่นกันกระทั่งสุดท้าย รุ่นพี่ที่เจียงรั่วเหยียนเห็นอยู่ตรงหน้า ก็ค่อยๆ กลายเป็นฉู่เฉิน“อ๊ะ!”เจียงรั่วเหยียนตัวสั่นสะท้าน จากนั้นก็รู้สึกราวกับมีไอเย็นยะเยือกทะลักขึ้นมาที่ท้องน้อยมือของฉู่เฉินที่อยู่ในอ่างอาบน้ำหยิบผนึกน้ำแข็งสีขาวน้ำนมก้อนหนึ่งขึ้นมาเมื่อถึงตอนนี้ ฉู่เฉินก็ลุกขึ้นยืนเจียงรั่วเหยียนตกใจรีบยกมือขึ้นมาปิดตา ไม่กล้ามองฉู่เฉินอีกแม้แต่แวบเดียว“เอาเสื้อผ้าของผมมา”ฉู่เฉินสั่งเสียงเบา หลินชือหย่ารีบกอบเสื้อผ้าของฉู่เฉินมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าอ่างอาบน้ำฉู่เฉินสวมใส่เสื้อผ้า พลางยื่นผนึกน้ำแข็งสีน้ำนมก้อนนั้นไปตรงหน้าเจียงรั่วเหยียน “เมื่อกี้ผมแค่รักษาให้คุณ คุณไม่ต้องคิดมาก”“ขอ
“นี่มัน…”เจียงไห่ตงประคองผนึกน้ำแข็งก้อนนั้นไว้ในมือ ก่อนจะหันไปมองฉู่เฉินอย่างไม่อยากเชื่อของสิ่งนี้ออกมาจากร่างกายของลูกสาวเขาจริงๆ เหรอ?“นี่คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตลูกสาวของคุณตกอยู่ในอันตรายหลายต่อหลายครั้ง ลองคิดดูแล้ว ไม่ว่าใครหากมีผนึกน้ำแข็งอย่างนี้ติดอยู่ในอก ก็คงไม่มีทางรอดแน่”ฮว่าจิ่วหยางอธิบายเสริมเจียงไห่ตงได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกเลื่อมใสฉู่เฉินขึ้นมาทันทีในเวลานี้เอง เจียงรั่วเหยียนที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเดียวเดินเข้ามาในสวนดอกไม้หลังบ้าน ถึงตอนนี้เธอจะไม่ได้เกลียดผู้ชายเหมือนแต่ก่อนแล้วแต่พอนึกถึงวิธีการรักษาเมื่อครู่ของฉู่เฉิน ก็ยังคงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดีโดยเฉพาะยิ่งเธอถูกเอารัดเอาเปรียบต่อหน้าเพื่อนสนิทของตัวเองด้วย“เสี่ยวเหยียน แกหายดีแล้วจริงเหรอ?”เจียงหยวนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง สองชั่วโมงก่อน เจียงรั่วเหยียนยังหายใจรวยรินอยู่เลย พริบตาเดียว เธอกลับปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างมีชีวิตชีวาอย่างนี้?ฉู่เฉินเป็นหมอเทวดาดังคาด!อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นโรคที่แม้แต่ฮว่าจิ่วหยางก็ยังไร้หนทางรักษา“เสี่ยวเหยียน ยังไม่รีบมาขอบคุณคุณฉู่ที่ช่วยชีวิตไว้อีก”เจียงไห่ตง
“ว่าไง? ฉู่เฉินโดนพิพากษาแล้วเหรอ?”หลิ่วหรูเยียนถามอย่างร้อนใจถ้าไม่ใช่เพราะโจวต๋าทำงานอยู่ที่กรมตำรวจสาขาซีเฉิง เธอคงไม่อยากสนใจคนที่ทั้งจนและขี้เหร่อย่างเขาหรอกโจวต๋าคนนี้ไล่จีบเธอมาสามปีแล้วแค่คำว่าจนยังไม่สามารถบรรยายเขาได้หมด!นอกจากโทรศัพท์ และคุยกันในไลน์ แม้แต่ดอกไม้ดอกเดียวก็ยังไม่เคยซื้อให้แม้กระทั่งชานมในฤดูใบไม้ผลิก็ยังไม่เคยซื้อให้เธอด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังเอาแต่พร่ำบอกว่ารักเธอแม่เอ็งเถอะ!หลิ่วหรูเยียนโตมาขนาดนี้ก็เพิ่งพบเจอคนหน้าไม่อายแบบนี้“หรูเยียน ไม่รู้ว่าไอ้ฉู่เฉินนั่นมันไปโชคดีมาจากไหน วันนี้ตอนผมเข้างาน ได้ยินว่าไอ้แซ่ฉู่นั่นถูกปล่อยตัวไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”ได้ยินอย่างนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนแข็งทื่อไปทันที น้ำเสียงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาในพริบตา “ฉู่เฉินถูกปล่อยตัวไปแล้ว แล้วนายจะโทรหาฉันอีกทำไม บ้าหรือเปล่า!”พูดจบ เธอวางสายและบล็อกเบอร์ของโจวต๋าทันที!น่าโมโหจริงๆ เธอกำลังนอนหลับฝันดีอยู่แท้ๆ แถมในฝันก็กำลังทำเรื่องอย่างว่ากับราชามังกรอยู่ด้วย กำลังจะถึงฝั่งฝันอยู่แล้ว ดันถูกไอ้ยาจกนี่ทำพังหมดหลิ่วหรูเยียนที่โกรธจัดถ่มน้ำลา
วันนี้ฉู่เฉินตื่นเช้ามาก อาจเพราะเมื่อวานเหงื่อออกมาก ฉู่เฉินค้นพบว่าปราณแท้ในร่างกายเต็มเปี่ยมขึ้นกว่าเดิมหลายส่วนหืม?นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ย้อนนึกถึงเมื่อวาน เหมือนปัญหาจะอยู่ที่โจวน่าถ้าดูไม่ผิด โจวน่ามีลักษณะร่างกายแบบที่เสริมดวงให้สามีลักษณะร่างกายดังกล่าว ก็คือยิ่งผู้ชายมีอะไรด้วยก็จะยิ่งเป็นผลดี หากร่างกายอ่อนแอก็จะดีขึ้น หนำซ้ำยิ่งมีอะไรด้วยก็จะยิ่งแข็งแรงและมีพลังมากขึ้นเรื่องนี้เหนือความคาดหมายของฉู่เฉินไปมาก นึกไม่ถึงว่าเจียงจงจะเป็นแหล่งขอ’คนมีพรสวรรค์มากมาย ทุกที่ล้วนมีอัญมณีซ่อนอยู่ดูท่าต่อไปเขาคงต้องตั้งใจเฟ้นหาให้มากกว่านี้แล้ว ไม่งั้นคงเสียของแย่หลังจากกินมื้อเช้าง่ายๆ เสร็จ ฉู่เฉินก็ชี้แนะการฝึกยุทธ์ให้อินซู่ซู่เล็กน้อยด้วยความเร็วในการฝึกยุทธ์ในตอนนี้ของอินซู่ซู่ อย่างมากก็อีกหนึ่งเดือนน่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วเมื่อเห็นว่าอินซู่ซู่เริ่มมีสมาธิขึ้นเรื่อยๆ ฉู่เฉินเผยรอยยิ้มพึงพอใจที่จริงหากว่ากันตามจริง อินซู่ซู่นับเป็นต้นกล้าชั้นดี น่าเสียดายที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้ค่าของอัญมณีบนโลกมนุษย์ ถึงได้เสียต้นกล้าชั้นดีแบบนี้ไปฟรีๆ!ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ฉ
ประธานฉู่อายุน้อยขนาดนี้ ไม่มีความต้องการแม้แต่น้อยเลยเหรอ?ตามบทในละคร เขาควรจะกอดเธอจากข้างหลัง เพื่อเอารัดเอาเปรียบเธออย่างเต็มที่ไม่ใช่เหรอ?กวนเหล่ยขมวดคิ้ว จ้องแผ่นหลังผึ่งผายของฉู่เฉินอย่างสงสัย เธอใช้นิ้วดุนแว่นกรอบดำ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ จึงค่อยหมุนตัวเดินเข้าไปในลิฟต์กระทั่งประตูลิฟต์ปิดลง ฉู่เฉินถึงหันมายิ้มมุมปากน้อยๆพี่ไม่ได้แอ้มง่ายๆ ขนาดนั้นหรอกนะน้องคนที่รอให้พี่แอ้มมีอีกเยอะ ไปต่อคิวรอเอาก็แล้วกัน!จากนั้นฉู่เฉินก็ผลักประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของประธานห้องทำงานทั้งใหญ่และสว่าง ตรงกลางมีโต๊ะยาวสามเมตรวางอยู่หนึ่งตัว ไม่ว่าจะด้านบนหรือล่าง ล้วนมีพื้นที่กว้างขวางมากพอ และเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ แม้แต่ที่วางปากกาก็ถูกถอดออกไปด้วยบนโต๊ะทำงานมีแต่หน้าที่เป็นกระจกใสลื่น ไม่ว่าจะนอนหรือนั่งก็สบายหมดทุกท่าโซฟาที่อยู่ข้างๆ จะนั่งหรือเอนหลังก็ได้ทั้งนั้น เหมาะแก่การเรียนรู้ท่าใหม่ๆ พอดีอืม!ฉู่เฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ดูท่ากู้รั่วเสวี่ยใส่ใจไม่น้อยเลยจริงๆในเวลานี้เอง เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉู่เฉินยื่นมือไปยกหูโทรศัพท์ประจำโต๊ะ “ว่าไงครับ?”ปลายสาย
“ปาก!”ฉู่เฉินโพล่งออกไปคำเดียว สายตาวนเวียนอยู่รอบๆ กลีบปากบางสีชมพูของถานหลิงต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้ดูแลตัวเองดีมาก เดาว่าปากเล็กๆ นั่นของเธอคงยังไม่เคยถูกจางปินใช้งานสินะโดยเฉพาะฟันสีขาวที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบนั่น กับลิ้นเรียวเล็กของเธอ แค่เห็นแวบเดียวก็อยากลิ้มลองสักครั้งแล้ว“อะไรนะ?!”ถานหลิงนึกว่าตัวเองหูฝาดปาก?หมายความว่ายังไง เธอตกอยู่ในภวังค์มึนงงทันที“คุณถาน ทุกคนต่างก็เคยผ่านโลกมาก่อน ไม่จำเป็นต้องมาแสร้งทำตัวไร้เดียงสาต่อหน้าผมแล้วมั้ง?”ฉู่เฉินเคาะผิวโต๊ะเบาๆ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว และชี้ลงไปใต้โต๊ะถานหลิงเข้าใจในพริบตา!“นี่เธอ…เธอจะทำเกินไปแล้วนะ!”ดวงหน้าเรียวเล็กของถานหลิงเย็นชา เธอตบโต๊ะเสียงดัง ลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเกรี้ยวแต่เธอเพิ่งจะหมุนตัวหันหลัง ไม่นานก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ ดวงหน้าเรียวยาวปรากฏแววอับอายปนโกรธขึ้ง ทั้งยังมีรอยแดงระเรื่อผุดขึ้นมาด้วย“คุณฉู่ ฉันจริงใจนะคะ”เธอจริงใจจริงๆ ถึงขั้นที่ก่อนจะมาหาฉู่เฉิน เธอได้คาดเดาถึงทุกเงื่อนไขที่ฉู่เฉินอาจเรียกร้องแต่กลับไม่คาดคิดว่าฉู่เฉินกลับต้องการปากของเธอ
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ
หลิงเสวี่ยมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนผู้เป็นดั่งเทพเจ้าในใจของเธอ ที่ขณะนี้กลับกำลังก้มหัวคำนับให้ฉู่เฉิน ความรู้สึกก็ซับซ้อนอย่างยิ่งหรือเป็นอย่างที่ฉู่เฉินเคยกล่าวไว้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่เธอเคารพราวเทพเจ้ามาโดยตลอด ช่างดูเล็กจ้อยราวกับมดตัวหนึ่งจริงเหรอ?เธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ทั้งหมดนี้ เธอก็เถียงไม่ออก“ปะ… ปรมาจารย์…”น้ำตาของหลิงเสวี่ยไหลพรากลงมาแต่เธอไม่ได้ร้องไห้ให้ปรมาจารย์ว่านเจี้ยน แต่เป็นความเชื่อของตนที่ยึดมั่นมาหลายปี ที่ในเวลานี้มันพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง“ปรมาจารย์?”ฉู่เฉินจ้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอย่างเย็นชา ก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “งั้นผมขอถามคุณหน่อยว่าคุณส่งพ่อแม่ของผมไปให้ใครต่อ”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองไปที่ฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ คุณอย่าถามเลย ผมพูดไม่ได้ แค่ผมพูดตัวตนของอีกฝ่ายออกมาก็จะระเบิดเป็นหมอกโลหิตทันที”ซี้ด ซี้ด!เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็เข้าใจทันทีว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ถูกคนลงยันต์คุมวิญญาณเช่นกัน ตราบใดที่เอ่ยตัวตนของอีกฝ่ายออกมา ก็จะระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตเหมือนกับเกาเซ
ประตูหินหมื่นชั่งที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่แล้ว หลังจากเหตุการณ์นี้ก็ยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าประตูกำลังจะถูกทำลาย ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ร้อนใจแทบจะกระอักเลือดออกมาแต่ในขณะนี้ ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ที่โจมตีมานานแต่ยังไม่สำเร็จ ก็เรียกเทพสังหารและคนอื่นๆ ให้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าใส่ประตูหินหมื่นชั่ง และศิษย์จำนวนไม่น้อยที่เฝ้าดูแลประตูหินหมื่นชั่งก็ถูกแรงสั่นสะเทือนกระแทกจนเลือดสาดแม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงยังกระอักเลือดล้มลง หมดเรี่ยวแรงในขณะนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็หวาดกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆถ้าประตูภูเขาถูกทำลายลงและว่านโซ่วเซียนเวิงและพวกพ้องไม่ได้รับหยกโลหิตกิเลน แน่นอนว่าจะต้องระบายความโกรธกับศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนและทั้งวังเทียนเจี้ยนคงต้องนองไปด้วยเลือดเป็นแน่“คุณ...คุณฉู่ ขอร้องคุณแล้ว รีบออกไปจากที่นี่เถิด วิหารของวังเทียนเจี้ยนของผมเล็กเกินไปที่จะรองรับคนใหญ่คนโตเช่นคุณได้”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคุกเข่าลงพร้อมอ้อนวอนน้ำตานองหน้าเมื่อเห็นฉากนี้ หลิงเสวี่ยสับสนไปหมดแล้วทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉู่เฉินกล่าวไว้จริงๆ