ทันใดนั้นเองจางหลงเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างฉิบหาย!สุดยอดไปเลย!“คุณฉู่ คุณโอเคไหมครับ?”เจียงไห่ตงรีบรุดเข้าไปข้างหน้า จับมือของฉู่เฉิน แสดงคำขอโทษด้วยความรู้สึกผิด “ต้องโทษผมที่จัดการลูกน้องไม่เคร่งครัดพอ จึงทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดเช่นนี้ขึ้น”ฉู่เฉินเหลือบมองเจียงหย่วนที่อยู่ข้างหลังเจียงไห่ตง เขาก็รู้สถานะของเจียงไห่ตงทันที หัวเราะเบาๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “อธิบดีเจียงพูดเกินไปครับ ก็แค่การเข้าใจผิดเล็กน้อยเท่านั้นเอง ผมไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรครับ”เมื่อได้ยินประโยคนี้ โจวเทียนเฟิ่งก็รีบเบียดฝูงชนเข้าไป เพื่อมองฉู่เฉินอย่างละเอียดอยู่หลายครั้ง เมื่อเธอแน่ใจแล้วว่าฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ จึงก็ร้องไห้ด้วยความดีใจพูดว่า “คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ แต่ว่าคุณออกมาได้อย่างไรคะ?”นี่เป็นสิ่งที่โจวเทียนเฟิ่งสงสัยมากที่สุดปีศาจโลหิตเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทรมานที่มีชื่อเสียง ขอเพียงแค่ถูกเธอนำพาเข้าห้องสอบปากคำก็ถูกตีจนร่างกายบอบช้ำไปหมดไม่ใช่เหรอ?ทำไมฉู่เฉินถึงไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?“วิชากระบอง!”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาแค่ไม่กี่คำ ก็สามารถปลุกความหวาดระแวงได้มหาศาล“คุณฉู่ก่อนหน้านี้
“เธอมันสำส่อน!”เจียงเหวินป๋อสติขาดสะบั้น เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที จับผมของจ้าวเจวียนที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และยกมือขึ้นตบเธอ“เอาสิ! คุณตบฉันสิ!”จ้าวเจวียนเงยหน้าขึ้น หัวเราะอย่างเย็นชาพร้อมกับมองไปที่เจียงเหวินป๋อ “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คุณจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ? เป็นถึงผู้ชายความใจกว้างสักนิดก็ไม่มี!”อะไรนะ?!นี่แม่งยังไม่ใช่เรื่องใหญ่งั้นเหรอ?!เจียงเหวินป๋อโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ภรรยาตัวเองถูกคนอื่นเอาไปหลับนอนไม่พอยังหลับนอนกับเขาต่อหน้าคนมากมายอีกด้วย นี่ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกเหรอ?!“ทางที่ดีคุณเอามือของคุณลงซะ คุณอย่าลืมนะ อธิบดีเจียงพูดแล้วว่าจะพักงานคุณ ไม่ได้บอกว่าจะพักงานฉันสักหน่อย!”ประโยคนี้ของจ้าวเจวียนกล่าวออกไป เจียงเหวินป๋อก็เหมือนถูกน้ำเย็นสาดเข้ามาที่หน้า เขานั่งลงไปบนเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรงเมื่อมองดูร่างกายอันเย้ายวนของจ้าวเจวียนที่ยังคงมีกลิ่นเหงื่อของชายอื่นอยู่ เจียงเหวินป๋อก็ไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้เขาคว้าแขนจ้าวเจวียนอย่างแรง กดเธอลงบนโซฟา!ภาพนี้เคยเกิดขึ้นในห้องทำงานเมื่อห้าปีก่อน เพียงแต่ตอนนั้นจ้าวเจวียนดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
ฉู่เฉินรีบหยิบเข็มเงินออกมาสามเล่ม แทงเข้าไปที่จุดใหญ่ๆ สามจุดของเจียงรั่วเหยียน หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “ตอนนี้ผมแค่ใช่เข็มเงินปิดปราณของเธอเอาไว้ หากต้องการช่วยชีวิตเธอ ต้องใช้วิชารวมหยินหยางและอาบน้ำยา”“แต่ว่าคุณหนูเจียงตอนนี้ไม่รู้สึกตัวอยู่ถึงทำให้ปราณอุดตันอยู่ที่หน้าอก ดังนั้นหากต้องการรักษาโรคของเธอให้หายจำเป็นต้องใช้ดอกรัญจวน”ดอกรัญจวนงั้นเหรอ?เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้แต่ฮว่าจิ่วหยางก็ขมวดคิ้วขึ้นมายาที่กระตุ้นความต้องการที่หายากแบบนี้ สามารถพูดได้เลยว่านอกจากพวกหมอแม่มดชั่วร้ายที่ใช้ยาประเภทนี้เพื่อทำร้ายผู้คนแล้ว ในทั่วไปแทบจะหาไม่ได้เลย“คุณฉู่สบายใจได้เลยครับ แม้ว่าผมจะต้องเดินทางไปร้านยาทั่วทั้งเจียงจง ผมก็จะหาดอกรัญจวนมาให้ได้ครับ”เจียงหย่วนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจังฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย “ร้านยาทั่วไปจะไม่ค่อยมี แต่ว่ามีที่หนึ่งที่ผมเคยเห็นกับตามาก่อน”“ที่ไหนครับ?”เจียงหย่วนแววตาเป็นประกาย ถามขึ้นมาด้วยความร้อนใจ“ที่บ้านหลินชือหย่าปลูกดอกนี้ไว้ คุณทำแค่เด็ดกลีบมาให้เยอะหน่อยก็ได้แล้วครับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงหย่วนก็โล่งใจขึ้นมา พยักหน
“อธิการบดีเจียง ในสายตาของหมอ อาการป่วยทั้งหมดไม่ต่างอะไรจากเนื้อตาย ผมเชื่อในจรรยาบรรณแพทย์ของคุณฉู่ อีกอย่าง นอกจากคุณฉู่ ผมคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครรักษาอาการป่วยของคุณหนูเจียงได้อีกแล้ว”ฮว่าจิ่วหยางเห็นพ่อลูกตระกูลเจียงมีสีหน้าลำบากใจ จึงเอ่ยปากอธิบายที่จริงในสายตาของฮว่าจิ่วหยาง เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนักอย่างไรในแผนกสูตินรีเวชก็ยังมีหมอผู้ชาย แค่เพราะหมอเป็นผู้ชาย ถึงกับจะไม่คลอดลูกได้หรือ?นี่เป็นด่านในใจของเจียงไห่ตง แต่เขากลับก้าวข้ามมันไปไม่ได้เสียทีแต่เจียงรั่วเหยียนมีอันตรายอยู่ตรงหน้า จะให้เขาไปหายอดฝีมือในเวลาสั้นๆ จากที่ไหนได้อีกล่ะ?ภายใต้ความจนใจ เจียงไห่ตงทำได้เพียงพยักหน้ายินยอม“คุณฉู่ ยาต้มเสร็จแล้ว คุณดูว่าต้องใส่อะไรอีกบ้าง?”หลินชือหย่ารีบวิ่งเข้ามาในสวนหลังบ้าน ก่อนจะตะโกนบอกฉู่เฉินว่า“ฉัน”เพิ่งจะตะโกนคำว่าฉันออกไป หลินชือหย่าก็อึ้งไปทันทีแต่วินาทีถัดมา ฉู่เฉินกลับยืนขึ้น และเดินตรงเข้าไปในห้องของเจียงรั่วเหยียนหลินชือหย่าอ้าปากค้าง ก่อนจะรีบตามไปต้องบอกก่อนว่า ตอนนี้เจียงรั่วเหยียนนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำโดยไม่ใส่อะไรเลย ถ้าเกิดเธอฟื้นข
นอกเหนือจากนี้ การรักษาของฉู่เฉินยังทำให้เสียงของเจียงรั่วเหยียนที่ในตอนแรกฟังดูอ่อนแอไร้กำลัง ตอนนี้เริ่มฟังดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาแล้วเอื๊อก!เธอถึงขั้นเริ่มรู้สึกอิจฉาเจียงรั่วเหยียนขึ้นมาแล้ว รักษาอาการป่วยสบายขนาดนี้เลยเหรอ?แต่ทำไมฉู่เฉินถึงไม่รักษาเธอด้วยวิธีเดียวกันล่ะ?เวลาค่อยๆ ร่วงเลยไป กระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ไอน้ำทั้งหมดจางหายไป ฤทธิ์ของยาก็จางลงเรื่อยๆ เช่นกันกระทั่งสุดท้าย รุ่นพี่ที่เจียงรั่วเหยียนเห็นอยู่ตรงหน้า ก็ค่อยๆ กลายเป็นฉู่เฉิน“อ๊ะ!”เจียงรั่วเหยียนตัวสั่นสะท้าน จากนั้นก็รู้สึกราวกับมีไอเย็นยะเยือกทะลักขึ้นมาที่ท้องน้อยมือของฉู่เฉินที่อยู่ในอ่างอาบน้ำหยิบผนึกน้ำแข็งสีขาวน้ำนมก้อนหนึ่งขึ้นมาเมื่อถึงตอนนี้ ฉู่เฉินก็ลุกขึ้นยืนเจียงรั่วเหยียนตกใจรีบยกมือขึ้นมาปิดตา ไม่กล้ามองฉู่เฉินอีกแม้แต่แวบเดียว“เอาเสื้อผ้าของผมมา”ฉู่เฉินสั่งเสียงเบา หลินชือหย่ารีบกอบเสื้อผ้าของฉู่เฉินมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าอ่างอาบน้ำฉู่เฉินสวมใส่เสื้อผ้า พลางยื่นผนึกน้ำแข็งสีน้ำนมก้อนนั้นไปตรงหน้าเจียงรั่วเหยียน “เมื่อกี้ผมแค่รักษาให้คุณ คุณไม่ต้องคิดมาก”“ขอ
“นี่มัน…”เจียงไห่ตงประคองผนึกน้ำแข็งก้อนนั้นไว้ในมือ ก่อนจะหันไปมองฉู่เฉินอย่างไม่อยากเชื่อของสิ่งนี้ออกมาจากร่างกายของลูกสาวเขาจริงๆ เหรอ?“นี่คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตลูกสาวของคุณตกอยู่ในอันตรายหลายต่อหลายครั้ง ลองคิดดูแล้ว ไม่ว่าใครหากมีผนึกน้ำแข็งอย่างนี้ติดอยู่ในอก ก็คงไม่มีทางรอดแน่”ฮว่าจิ่วหยางอธิบายเสริมเจียงไห่ตงได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกเลื่อมใสฉู่เฉินขึ้นมาทันทีในเวลานี้เอง เจียงรั่วเหยียนที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเดียวเดินเข้ามาในสวนดอกไม้หลังบ้าน ถึงตอนนี้เธอจะไม่ได้เกลียดผู้ชายเหมือนแต่ก่อนแล้วแต่พอนึกถึงวิธีการรักษาเมื่อครู่ของฉู่เฉิน ก็ยังคงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดีโดยเฉพาะยิ่งเธอถูกเอารัดเอาเปรียบต่อหน้าเพื่อนสนิทของตัวเองด้วย“เสี่ยวเหยียน แกหายดีแล้วจริงเหรอ?”เจียงหยวนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง สองชั่วโมงก่อน เจียงรั่วเหยียนยังหายใจรวยรินอยู่เลย พริบตาเดียว เธอกลับปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างมีชีวิตชีวาอย่างนี้?ฉู่เฉินเป็นหมอเทวดาดังคาด!อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นโรคที่แม้แต่ฮว่าจิ่วหยางก็ยังไร้หนทางรักษา“เสี่ยวเหยียน ยังไม่รีบมาขอบคุณคุณฉู่ที่ช่วยชีวิตไว้อีก”เจียงไห่ตง
“ว่าไง? ฉู่เฉินโดนพิพากษาแล้วเหรอ?”หลิ่วหรูเยียนถามอย่างร้อนใจถ้าไม่ใช่เพราะโจวต๋าทำงานอยู่ที่กรมตำรวจสาขาซีเฉิง เธอคงไม่อยากสนใจคนที่ทั้งจนและขี้เหร่อย่างเขาหรอกโจวต๋าคนนี้ไล่จีบเธอมาสามปีแล้วแค่คำว่าจนยังไม่สามารถบรรยายเขาได้หมด!นอกจากโทรศัพท์ และคุยกันในไลน์ แม้แต่ดอกไม้ดอกเดียวก็ยังไม่เคยซื้อให้แม้กระทั่งชานมในฤดูใบไม้ผลิก็ยังไม่เคยซื้อให้เธอด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังเอาแต่พร่ำบอกว่ารักเธอแม่เอ็งเถอะ!หลิ่วหรูเยียนโตมาขนาดนี้ก็เพิ่งพบเจอคนหน้าไม่อายแบบนี้“หรูเยียน ไม่รู้ว่าไอ้ฉู่เฉินนั่นมันไปโชคดีมาจากไหน วันนี้ตอนผมเข้างาน ได้ยินว่าไอ้แซ่ฉู่นั่นถูกปล่อยตัวไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”ได้ยินอย่างนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนแข็งทื่อไปทันที น้ำเสียงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาในพริบตา “ฉู่เฉินถูกปล่อยตัวไปแล้ว แล้วนายจะโทรหาฉันอีกทำไม บ้าหรือเปล่า!”พูดจบ เธอวางสายและบล็อกเบอร์ของโจวต๋าทันที!น่าโมโหจริงๆ เธอกำลังนอนหลับฝันดีอยู่แท้ๆ แถมในฝันก็กำลังทำเรื่องอย่างว่ากับราชามังกรอยู่ด้วย กำลังจะถึงฝั่งฝันอยู่แล้ว ดันถูกไอ้ยาจกนี่ทำพังหมดหลิ่วหรูเยียนที่โกรธจัดถ่มน้ำลา
วันนี้ฉู่เฉินตื่นเช้ามาก อาจเพราะเมื่อวานเหงื่อออกมาก ฉู่เฉินค้นพบว่าปราณแท้ในร่างกายเต็มเปี่ยมขึ้นกว่าเดิมหลายส่วนหืม?นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ย้อนนึกถึงเมื่อวาน เหมือนปัญหาจะอยู่ที่โจวน่าถ้าดูไม่ผิด โจวน่ามีลักษณะร่างกายแบบที่เสริมดวงให้สามีลักษณะร่างกายดังกล่าว ก็คือยิ่งผู้ชายมีอะไรด้วยก็จะยิ่งเป็นผลดี หากร่างกายอ่อนแอก็จะดีขึ้น หนำซ้ำยิ่งมีอะไรด้วยก็จะยิ่งแข็งแรงและมีพลังมากขึ้นเรื่องนี้เหนือความคาดหมายของฉู่เฉินไปมาก นึกไม่ถึงว่าเจียงจงจะเป็นแหล่งขอ’คนมีพรสวรรค์มากมาย ทุกที่ล้วนมีอัญมณีซ่อนอยู่ดูท่าต่อไปเขาคงต้องตั้งใจเฟ้นหาให้มากกว่านี้แล้ว ไม่งั้นคงเสียของแย่หลังจากกินมื้อเช้าง่ายๆ เสร็จ ฉู่เฉินก็ชี้แนะการฝึกยุทธ์ให้อินซู่ซู่เล็กน้อยด้วยความเร็วในการฝึกยุทธ์ในตอนนี้ของอินซู่ซู่ อย่างมากก็อีกหนึ่งเดือนน่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วเมื่อเห็นว่าอินซู่ซู่เริ่มมีสมาธิขึ้นเรื่อยๆ ฉู่เฉินเผยรอยยิ้มพึงพอใจที่จริงหากว่ากันตามจริง อินซู่ซู่นับเป็นต้นกล้าชั้นดี น่าเสียดายที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้ค่าของอัญมณีบนโลกมนุษย์ ถึงได้เสียต้นกล้าชั้นดีแบบนี้ไปฟรีๆ!ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ฉ
ชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัวคือถังเทียนอวี่ ยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งตระกูลถังในอวิ๋นเฉิง“นั่นคือยอดอัจฉริยะถังเทียนอวี่แห่งตระกูลถังใช่ไหม? เขาเองก็มาที่นี่เหรอ?”“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าเมื่อห้าปีก่อน ผู้ชายคนนั้นได้เข้าร่วมสำนักบำเพ็ญพรตชื่อดังทางตะวันตกเฉียงใต้ และยังได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ของสำนักอีกด้วย”ขณะที่ผู้คนรอบข้างกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด เกาเซิ่งอี้ก็เดินออกมาต้อนรับด้วยตนเองพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะยื่นมือออกไปหาอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร“ฮ่า ๆ ๆต้องขอบคุณคุณชายถังที่ให้เกียรติมาร่วมงาน”“สมกับเป็นยอดอัจฉริยะของตระกูลถังแห่งอวิ๋นเฉิงจริง ๆ ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่ แค่รัศมีที่แผ่กระจายออกมาก็กดดันพวกเราได้แล้ว”ถังเทียนอวี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจับมือกับเกาเซิ่งอี้ แล้วตอบกลับ“ลุงเกาชมเกินไปแล้ว”ในขณะนั้นเอง รถหรูอีกคันก็แล่นมาจอดอย่างช้า ๆ จากนั้น ผู้อาวุโสในชุดขาวเรียบง่ายก็ก้าวลงจากรถพวกเขาเห็นว่าบนมือทั้งสองของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยร่องรอยจากการฝึกฝน และทั่วทั้งร่างแผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้า“ซี้ด ๆ! นั่น…นั่นมันจางจิ่งหลง ผู้นำตระกูลจาง
อีกด้านหนึ่ง ในห้องทำงานของประธานฉู่ซื่อกรุ๊ปหลิ่วหรูเยียนกำลังตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ราวกับผึ้งงานที่กำลังเก็บน้ำหวานแต่ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้หลิ่วหรูเยียนตกใจสะดุ้งจนตัวโยน เธอรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยฉู่เฉินติดกระดุมกางเกง และกลับไปนั่งลงบนโซฟา พลางยกมือฟาดเบา ๆ ลงบนสะโพกกลมกลึงของหลิ่วหรูเยียน “พักนี้ เธอพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะ”“อ๊ะ…”หลิ่วหรูเยียนหน้าแดงขึ้นมาทันทีหลังจากถูกฉู่เฉินตี เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน“เข้ามา”ทันทีที่เสียงของหลิ่วหรูเยียนดังขึ้น ต้าหลิงจื่อก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถือการ์ดเชิญสีทองใบหนึ่ง“ประธานหลิ่ว นี่เป็นคำเชิญที่หอการค้าตะวันออกใหญ่ให้คนนำมาให้ค่ะ คนที่นำมาให้ยังเน้นย้ำเป็นพิเศษอีกว่า อยากให้คุณฉู่มาเข้าร่วมงานด้วย”ขณะที่พูด ต้าหลิงจื่อก็ยื่นการ์ดเชิญไปให้ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนการ์ดเชิญจากหอการค้าตะวันออกใหญ่?หลิ่วหรูเยียนอดไม่ได้ที่จะรับการ์ดเชิญมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกวาดตามอง ข้อความในการ์ดเชิญเรียบง่ายมาก เป็นการเชิญสองแม่ลูกตระกูลหลิ่
หากกองทัพเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้จริงๆ คงจะเป็นปัญหาใหญ่แน่“ออกไปเถอะ”ฉีอวี่ไท่โบกมือกับฟางเหว่ย ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังเฉียนหลงวิลล่าอย่างไม่รอช้าขณะเดียวกัน ในห้องใต้ดินของเฉียนหลงวิลล่า เกาเซิ่งอี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหยก รอบตัวเขาถูกปกคลุมด้วยไอหมอกจาง ๆ ชั้นหนึ่งที่เหมือนจะเห็นแต่ก็ไม่เห็นพลังปราณอันแข็งแกร่งระดับสร้างรากฐานขั้นที่สามแผ่ซ่านออกจากร่างเกาเซิ่งอี้ภายนอก เขาเป็นเพียงแค่นักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่ง แต่แท้จริงแล้ว เกาเซิ่งอี้ก็มาจากตระกูลเกาซึ่งเป็นตระกูลผู้บำเพ็ญพรตอันดับหนึ่งแห่งหลิ่งหนานเช่นกันห้าปีก่อน เขาก็บรรลุพลังที่น่าสะพรึงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สามแล้ว นี่เป็นครั้งที่สิบแล้วที่เขาพยายามทะลวงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่ แต่ในช่วงเวลาสำคัญนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสนั่น ทำให้เกาเซิ่งอี้เกือบธาตุไฟเข้าแทรกโครม!เกาเซิ่งอี้ลืมดวงตาแดงก่ำขึ้นพึ่บ ควันฝุ่นฟุ้งอยู่โดยรอบ“ใคร! ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าใครก็อย่ารบกวนเวลาฉันฝึกตน?!”เมื่อได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธของเกาเซิ่งอี้ ฉีอวี่ไท่ที่อยู่ด้านนอกประตูก็ถึงก
“คุณคงไม่ได้บ้าหรอกใช่ไหม?”ฉู่เฉินกลอกตามองเซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยอารมณ์โมโห“ฉู่เฉิน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ คุณใช้ประโยชน์จากกองทหารรักษาการณ์อยู่ชัดๆ”ดวงตาคู่สวยเจือน้ำค้างแข็งของเซียวเสวี่ยอิ๋งจ้องฉู่เฉินอย่างเย็นชาเธอเห็นภาพเมื่อครู่นี้ชัดเจน ฉู่เฉินบอกให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่วส่งคนมาที่ฉู่ซื่อกรุ๊ปเพื่อเซ็นสัญญา เห็นได้ชัดว่าเขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้วเขาจะยืมมือของกองทหารรักษาการณ์จัดการกำจัดฉีเฮ่อเซวียนและคนอื่น ๆเขากล้าวางแผนถึงกองทหารรักษาการณ์ ฉู่เฉินใจกล้าเกินไปแล้วมั้ง“โปรดระวังคำพูดของคุณด้วย พวกเราร่วมมือกันต่างหาก แล้วคุณรู้ไหมว่าการร่วมมือกันคืออะไร? มันคือการที่ทุกฝ่ายเอาผลประโยชน์ของตัวเอง มีปัญหาอะไรเหรอ?”ฉู่เฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “คุณ…?”ใบหน้าเล็กของเซียวเสวี่ยอิ๋งโกรธจนขาวซีด เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกแม้แต่คำเดียว“คุณอะไรล่ะ? สัญญาก็อยู่บนโต๊ะ ถ้าคุณไม่เซ็น ก็ไปได้แล้ว”ฉู่เฉินไม่อยากเสียเวลาเถียงกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ถ้าไม่เห็นแก่สภาพร่างกายที่พิเศษของเธอ ฉู่เฉินคงไล่เธอออกไปตั้งนานแล้วเซียวเสวี่ยอิ๋งโกรธฉู่เฉินจน
ฉู่เฉินจะไปมีคอนเนคชั่นคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ยังไง?“ผู้นำหลู สำนักงานพาณิชย์ของพวกเราก็ปฏิบัติตามกฎเช่นกันนะ อีกทั้งคุณชายฉีก็ถือครองหุ้นฉู่ซื่อกรุ๊ปถึงหกส่วน ดังนั้นพวกเราจึง…”ในช่วงระหว่างที่หลิวจื้อซินพยายามพูดพลิกลิ้น เซียวเสวี่ยอิ๋งก็เอามือไพล่หลังก้าวเข้ามาตูม!ลำพังเพียงกลิ่นอายเฉพาะตัวของทหารก็ทำให้หลิวจื้อซินตกใจจนกลืนคำพูดหลังจากนั้นจนหมดสิ้น“ตอนนี้ฉันมีเหตุผลที่จะสงสัยในตัวพวกคุณว่ากำลังร่วมมือบ่อนทำลายความร่วมมือระหว่างกองทัพกับฉู่ซื่อกรุ๊ป และคุกคามความมั่นคงของชาติ”กล่าวเสร็จเซียวเสวี่ยอิ๋งเอาเอกสารตบโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเมื่อเห็นคำว่าลับที่สุดบนซองเอกสารที่มีตราประทับสีแดงของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทหารรักษาการณ์เมืองเจียงจงแล้ว ไม่เพียงแค่ฉีเฮ่อเซวียนคนเดียวที่ตะลึงสุดขีด แม้แต่หลิวจื้อซินก็อ่อนแรงฟุบลงไปกองที่พื้นเขาถูกใส่ความถ้ารู้ว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปยังมีความสัมพันธ์ในการร่วมงานกับทางกองทัพ ให้ความกล้าเขามาใช้มากแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าทำถึงขนาดนี้หรอก“ท่าน...ท่านผู้นำ พวกเรา…พวกเราถูกใส่”ฟางเหว่ยและผู้ถือหุ้นทั้งหมดต่างตกใจจนคุกเข่าวิงวอนบนพื้นการข
บรรดาผู้ถือหุ้นที่เมื่อกี้ยังดูเหตุการณ์อยู่ก็คาดเดาล่วงหน้าได้ว่าหลิ่วหรูเยียนและฉู่เฉินจะถึงทางตันแน่ในเวลานี้แต่ละคนต่างออกหน้ามาทีละคนโดยมีฟางเหว่ยเป็นผู้นำหลัก“ท่านผู้นำหญิง ก็คือไอ้คนแซ่ฉู่ไม่เพียงทำร้ายต้วนเคอจนสลบ แถมยังทำร้ายผู้อำนวยการหลิวจนบาดเจ็บสาหัส ไอ้เด็กเวรนี่สมควรจะถูกยิงตายคาที่”“ใช่แล้ว ผมก็เห็นเหมือนกัน ต้วนเคอเขาก็แค่ให้นังเลวหลิ่วหรูเยียนเซ็นชื่อ ใครจะไปรู้ว่า ฉู่เฉินไม่พูดอะไรก็ลงมือทำร้ายคนทันที”“ใช่ครับ ไม่เห็นกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตาบ้างเลย คนแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้นะครับ”ผู้ถือหุ้นที่ก่อนหน้าที่ยังอยู่ฝั่งฉู่เฉินต่างทยอยกล่าวโทษฉู่เฉินขึ้นมาในเวลานี้หลิ่วหรูเยียนรู้สึกสิ้นหวังทันทีเมื่อได้ยินเสียงกล่าวโทษของผู้คนรอบข้างถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าตระกูลฉีเรียกคนจากฝ่ายทหารมา เธอจะต่อต้านไปทำไม?“ฉู่เฉิน นายไม่รู้หรือว่านายทำลายพวกเราสองแม่ลูก!”ในขณะพูดหลิ่วหรูเยียนน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาราวกับไข่มุกที่ขาดออกจากสร้อยเสียแรงที่เธอเชื่อใจฉู่เฉินขนาดนั้น แต่ผลลัพธ์เป็นไงล่ะ?ก็เพราะฉู่เฉินก่อเรื่องจนยุ่งเหยิงวุ่นวายครั้งนี้ไม่ใช่แค่มอบบริษัทไปแล้วจะจบง
“ในฐานะที่นายเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์ พูดคำว่านังสารเลวสินะ มา วันนี้ถ้านายไม่อธิบายกับฉันอย่างชัดเจน ว่าอะไรถึงเรียกว่านังสารเลว เชื่อไหมว่าฉันจะฆ่านายให้ตาย”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็ชกเข้าที่ท้องน้อยของหลิวจื้อซินผลัวะ!พลังแกร่งขุมหนึ่งทะลุร่างอวบอ้วนของหลิวจื้อซินจนกระแทกเข้ากับเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังเขาลำพังแค่พลังแกร่งขุมเดียวก็ทำให้เก้าอี้ตัวนั้นกลายเป็นขี้เลื่อยปลิวว่อนกลางอากาศเลยทีเดียว“ต่อต้านแล้ว…ต่อต้านแล้ว เร็ว…รีบโทรแจ้งความกรมตำรวจ!”หลิวจื้อซินในเวลานี้ ทั้งปาก จมูก หูมีแต่เลือดไหลราวกับเหงื่อไหลไคลย้อยตอนนี้เขาไม่สนหน้าตาอะไรแล้ว จิตใจคิดแต่จะรอให้คนของกรมตำรวจรีบมาถึงแล้วจัดการฉู่เฉินให้ตายซะ……เวลานี้เอง รถตำรวจสิบกว่าคันและรถทหารสองคันได้มาจอดที่หน้าอาคารฉู่ซื่อกรุ๊ปแทบจะในเวลาเดียวกันหลูติ้งไห่และเซียวเสวี่ยอิ๋งที่ผลักประตูรถลงมามองสบตากันแล้วก็ตะลึงทันที“ผู้นำหลู?”“ผู้นำเซียว?”ทั้งสองจับมือกันโดยมีสีหน้าประหลาดใจ เซียวเสวี่ยอิ๋งมองตำรวจกลุ่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของหลูติ้งไห่แล้วก็ขมวดคิ้วกล่าว “ผู้นำหลู นี่คุณ…”เธอได้รับคำสั่งจากโฮ่วเจี้ยนอิง
ฉีเฮ่อเซวียนชำเลืองมองฉู่เฉิน แล้วเงยหน้าขึ้นหัวเราะร่าอย่างกะทันหันแล้วกล่าว “ไอ้หนุ่ม นายดีใจเร็วเกินไปไหม? นายคิดว่าทำร้ายต้วนเคอแล้วนายจะไม่เป็นอะไรหรือ?”กล่าวเสร็จฉีเฮ่อเซวียนก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ จากนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตบบ่าฉู่เฉินและกล่าว “ไอ้หนุ่ม เรื่องสนุกมันต่อจากนี้”ไม่ทันขาดคำก็มีเสียงเท้าวุ่นวายดังขึ้นจากในทางเดินฉีเฮ่อเซวียนฉีกยิ้มกล่าว “นายลองเดาดูว่าใครมา?”ฉู่เฉินเลิกคิ้วแล้วยิ้มกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ไม่ว่าเป็นใคร อย่าคิดจะได้ฉู่ซื่อกรุ๊ปไป”“ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินกล่าวจบก็มีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นวินาทีต่อมา ประตูห้องประชุมก็เปิดออกโดยชายวัยกลางคนสวมเสื้อลำลองเดินพุงพลุ้ยเข้ามาด้วยท่าทางที่หยิ่งผยองด้านหลังเขามีชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบประมาณหกคนเดินตามมาด้วยเมื่อเห็นชายวัยกลางคนแล้ว หลิ่วหรูเยียนถึงกับตกใจหน้าซีดในทันที ชายวัยกลางคนคนนั้นก็คือหลิวจื้อซินซึ่งเป็นผู้อำนวยการกรมพาณิชย์ของเมืองเจียงจงเหตุการณ์เริ่มร้ายแรงแล้วสิแบบนี้“ฉู่เฉิน แย่แล้ว เป็นเรื่องแล้วรอบนี้”หลิ่วหรูเยียนจับแขนของฉู่เฉินไว้และกระซิบกล่าวหน้าซีดฉู่เฉินยิ้มให้หลิ่วหรูเยียน
“ฉัน…”หลิ่วหรูเยียนหน้าซีด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดสินะเธอกำปากกาเซ็นเอกสารในมือแน่น พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปทางฉู่เฉินฉู่เฉินควานหาบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วพ่นควันออกมาเป็นวงกลม ควันนั้นจึงลอยไปปะทะหน้าฟางเหว่ย จนฟางเหว่ยไอแค่กๆ“เมื่อกี้นายพูดไม่ใช่หรือไงว่าห้ามสูบบุหรี่ในห้องประชุมน่ะ!” ฟางเหว่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ“ฉันนี่แหละคนกำหนดกฎ นายมาพูดเรื่องกฎกับฉันเหรอะ? นายมีคุณสมบัตินั้นไหม?”ฉู่เฉินเหลือบมองฟางเหว่ยอย่างดูแคลน จากนั้นก้าวไปที่หน้าโต๊ะแล้วหยิบกองเอกสารหนาปึกขึ้นมาโปรยราวกับดอกไม้จนกระจายไปทั่ว“นายทำอะไรน่ะ! เก็บเอกสารขึ้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”ต้วนเคอเห็นฉู่เฉินโปรยหนังสือสัญญาโอนหุ้นที่เขาเอาออกมาลงพื้นแล้วก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจฉู่เฉินยิ้มเยาะแล้วก้าวไปหาและพูดอย่างเฉยเมยกับต้วนเคอ “เรื่องไหนยังไงก็ต้องมีเหตุผลกันบ้างสิ ต่อให้ผู้ถือหุ้นโอนหุ้นให้คนแซ่ฉีแล้ว พวกเราก็มีสิทธิ์ไม่มอบบริษัทให้เหมือนกัน”“อย่างมากก็แค่ชดใช้เงินให้ก็เท่านั้น ในฐานะที่นายเป็นหัวหน้ากรมพาณิชย์ ไม่เข้าใจหลักเหตุผลข้อนี้หรือไง?”ต้วนเคอหัวเรา