แม่สาวคนนี้ไม่ธรรมดาเมื่อคิดได้อย่างนั้น ฉู่เฉินก็สนใจในหลินชือหย่ามากยิ่งขึ้น เขาที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตามที่คุณบอกเลยครับ สั่งแชมเปญที่ทำขึ้นเป็นพิเศษมาลองชิมดู”หลินชือหย่ายื่นขวดแชมเปญพร้อมฝาจุกไม้ให้ฉู่เฉิน ขณะที่เธอหยิบน้ำส้มคั้นสดหนึ่งแก้วดื่มไปแค่จิบเล็กๆ พลังวิญญาณในร่างกายของฉู่เฉินก็ปฏิกิริยาขึ้นมาวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ก็โคจรขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ที่แท้ก็ใส่ยาขับเหงื่อจำนวนมากลงไปนี่เองน่าเสียดาย ยาขับเหงื่อนี่ใช้ได้ผลแค่กับคนธรรมดา สำหรับผู้บำเพ็ญพรตแล้วไม่ได้ผลอะไรเลยเมื่อเห็นฉู่เฉินเงยหน้าขึ้นและจิบเข้าไปอึกใหญ่ หลินชือหย่าก็เข้าไปหยุดเขาโดยไม่รู้ตัว แต่สุดท้ายมันก็สายเกินไปฉู่เฉินมองเห็นฉากนี้จากหางตาของเขา และในที่สุดก็รู้สึกใจชื้นเล็กน้อยในใจเธอดูจิตใจดีอยู่นะ เธอกังวลว่าเขาดื่มลงไปในปริมาณเยอะๆ เขาอาจจะเป็นอันตรายได้หลินชือหย่าสังเกตตรวจสอบดูสักพัก เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่ได้สลบไป เธอก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจขึ้นมาแต่วินาทีต่อมาเธอนั่งลงอย่างสงบ และใช้ร่องลึกของเธอหนีบแก้วน้ำส้มคั้นไว้แล้วดื่มลงไปเชี่ย!ฉู่เฉินมองไปท
ตั้งแต่เด็กจนโต นอกจากพ่อแล้วก็ไม่เคยมีชายคนไหนเลยที่ได้แตะต้องไหล่ของเธอโดยเฉพาะในห้องที่ชายหญิงอยู่สองต่อสองแบบนี้ อีกทั้งยังเป็นสถานการณ์ที่ทั้งตัวของเธอเปลือยเปล่า หลินชือหย่ากังวลใจเต้นจนแทบจะเต้นมาจนถึงคอหอยแล้วโชคดีที่เธอหันหลังให้ฉู่เฉิน นอนบนโซฟา ไม่อย่างนั้นละก็เธอยอมสละการแลกเปลี่ยนที่ได้ทำกับหลินฟางเจิ้งอย่างแน่นอน“เป็นอะไรไปครับ การนวดนี้จะออกแรงเยอะหน่อยนะครับ คุณไม่โอเคเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองไปด้านข้างที่หลินชือหย่า ดวงตาของเขาค่อยๆ กวาดไปทั่วเรือนร่างที่บอบบางของเธอ“ไม่ค่ะ... เทคนิคของคุณฉู่ดีมากๆ เลยค่ะ เมื่อกี้ฉันแค่รู้สึกว่าตรงไหลชาๆ น่ะค่ะ”เมื่อเห็นว่าหลินชือหย่ากังวลจนพูดไม่เป็นคำ ฉู่เฉินก็ยิ้มออกมาบางๆ โคจรวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ต่อไป ปราณแท้แผ่กระจายไปตามฝ่ามือของฉู่เฉิน และค่อยๆ เข้าสู่ร่างกายของหลินชือหย่าตามมาด้วยความรู้สึกสบายตัวที่ไม่เคยมีมาก่อน หลินชือหย่าที่กังวลจนหัวใจแทบจะเต้นมาถึงคอหอยก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างรวดเร็วความสึกชาๆ ที่เหมือนถูกไฟช็อตนั้นทำให้หลินชือหย่าหยุดไม่ได้“อือ... สบายตัวมากๆ... ลงไปข้างล่างอีกหน่อย...”หลินชือหย่าอดไม่
ปรากฏว่าฉู่เฉินกลับไม่ยอมรับปาก“คุณฉู่ ที่จริงฉันแค่อยากจะขอให้คุณฉู่เปิดโอกาสให้หลินซื่อกรุ๊ปของเราได้แสดงความสามารถบ้าง อีกอย่าง พวกเรายอมยกผลประโยชน์ให้หนึ่งส่วน ถ้าทำอย่างนี้ ทางสำนักเฟิ่งก็คงไม่มีปัญหาอะไรแล้วรึเปล่าคะ?”หลินซือหย่าหงายไพ่ตายของตัวเองและนี่ก็เป็นขีดจำกัดของหลินฟางเจิ้งเช่นกันยกผลประโยชน์ให้หนึ่งส่วน ฟังดูแล้วอาจเป็นแค่เงินจำนวนไม่กี่ล้าน แต่นั่นคือยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเชียวนะ ด้วยความสามารถและเส้นสายของหลินซื่อกรุ๊ป การขายยาบำรุงปราณหลายร้อยเม็ดภายในหนึ่งเดือน เป็นเรื่องที่ง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือเท่านั้นหากคำนวณตามหลักที่กล่าวไปนี้ ความเสียหายที่หลินซื่อกรุ๊ปต้องพบเจอ เรียกได้ว่ามีมูลค่าสูงเสียดฟ้าทีเดียวฉู่เฉินก้มหน้าเท้าคาง แสร้งทำเหมือนลังเลเล็กน้อย แท้จริงกำลังชื่นชมความงามของหุบเหวลึกตรงหน้าอกของหลินซือหย่าผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงเอ่ยปากด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “คุณทำอย่างนี้ผมลำบากใจจริงๆ ผมยังคงพูดคำไหนคำนั้น ผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้เจ้าสำนักเฟิ่งเป็นคนตัดสินใจ”หลินซือหย่าได้ฟังคำตอบก็เริ่มนั่งไม่ติดเธอไม่ทันผูกผ้าขนหนูให้ดี ก็ลุกขึ้นนั่งบน
หลินซือหย่าก้มหน้า ลังเลอยู่นาน สุดท้ายเธอก็เล่าเรื่องที่ฉู่เฉินบอกกับเธอให้ฟังทั้งหมด“เพียะ!”ฟังจบ หลินฟางเจิ้งสะบัดฝ่ามือใส่ดวงหน้าเรียวยาวของหลินซือหย่าบนดวงหน้าขาวเนียน ปรากฏรอยนิ้วมือแดงๆ ห้าเส้นในพริบตา!“ไร้ประโยชน์!”ดวงตาของหลินฟางเจิ้งฉายแววโหดเหี้ยม เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เรื่องเล็กๆ แค่นี้ก็ยังทำให้ดีไม่ได้ ตระกูลหลินเลี้ยงเธอไว้จะมีประโยชน์อะไร!”“เธอรู้ไหมว่าสิทธิ์ในการซื้อขายยาบำรุงปราณสำคัญกับตระกูลหลินขนาดไหน!”“ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว ขอแค่คว้าสิทธิ์ซื้อขายมาได้ แม้ต้องเสียสละความบริสุทธิ์ ก็ถือว่าคุ้มค่า แม่งฟังไม่รู้เรื่องเหรอ!”พูดจบ หลินฟางเจิ้งก็สะบัดฝ่ามือใส่หน้าเธออีกครั้ง“กรี๊ด!”หลินซือหย่ากรีดร้องด้วยความตกใจ รีบหดหัวหลบทันทีแต่ฝ่ามือนั้นก็ยังคงตวัดโดนใบหน้าเรียวของเธออยู่ดีหลินซือหย่าข่มกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับหลินฟางเจิ้งว่า “หลินฟางเจิ้ง ฟังหนูนะ พ่อแม่ของหนูเป็นคนสร้างหลินซื่อกรุ๊ปขึ้นมา!”“ตอนนี้อาเป็นแค่รักษาการประธานเท่านั้น อีกอย่าง หนูไม่ใช่เครื่องมือของอา!”“ถ้าอากล้าแตะต้องหนูอีก หนูจะแจ้งตำรวจ!”หลินฟางเจิ
หลิ่วหรูเยียนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง เธอพลิกตัวลงจากเตียงโดยจิตใต้สำนึก นัยน์ตางามมองไปทางหน้าต่างอย่างระแวดระวัง“แกเป็นใคร?”หลิ่วหรูเยียนลนลาน มือเล็กๆ คู่นั้นขยับไปมาบนตัวอย่างไม่รู้ว่าควรปิดด้านบนหรือด้านล่างดีนั่นกลับทำให้เธอดูเหมือนหญิงหม้ายที่ปกปิดความปรารถนาไว้ไม่มิด“ไม่ต้องกลัว ผมแค่มาดูว่าแผลของคุณดีขึ้นรึยัง”เสียงของฉู่เฉินเปลี่ยนเป็นเสียงที่ทุ้มมีเสน่ห์ บวกกับใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั่น ทำให้หลิ่วหรูเยียนนึกถึงใบหน้าอันงดงามสมบูรณ์แบบของราชามังกรที่อยู่ในความทรงจำขึ้นมาได้ทันที!“ระ…ราชามังกร?”หลิ่วหรูเยียนเผยสีหน้าดีใจออกมาผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่กำยำ น้ำเสียงไพเราะที่ยืนอยู่ตรงหน้า คือราชามังกรที่ช่วยเธอไว้ในวันนั้นงั้นเหรอ?หล่อเกินคำบรรยาย!“ใช่ ผมคือผู้สืบทอดของราชามังกรแดนเหนือ แน่นอนว่าคุณจะเรียกผมว่าราชามังกรก็ได้”ฉู่เฉินยิ้มแย้ม ขณะสาวเท้าเดินเข้าไปก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ?!ก่อนตาย ตาเฒ่านั้นเคยพูดอะไรเกี่ยวกับราชามังกรแดนเหนือไว้จริงๆ น่าจะถูกต้องแล้วล่ะ“คุณจริงๆ ด้วย!”หลิ่วหรูเยียนวิ่งไปหาฉู่เฉินด้วยความตื่นเต้นสุดขีดขณะวิ่ง ชา
“เอ่อ… หนู… หนูกำลัง…”หลิ่วหรูเยียนที่ไม่ได้กร้านโลกนัก ถูกความรู้สึกที่ราวกับโดนไฟแผดเผาไปทั้งตัวจู่โจมกะทันหัน ส่งผลให้สมองขาวโพลนไปชั่วขณะแม้แต่คำโกหกที่เตรียมไว้ ก็ยังลืมไปเสียจนสิ้น“หรูเยียน ลูกทำอะไรอยู่ข้างในกันแน่? รีบเปิดประตูสิ!”หลิ่วชิงเหออาบน้ำร้อนมาก่อน ได้ยินเสียงของหลิ่วหรูเยียนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติแล้ว เสียงเคาะประตูจึงยิ่งรัวกว่าเดิมฉู่เฉินมองหลิ่วหรูเยียนในอ้อมกอดที่ตอนนี้ดวงหน้าแดงผ่าว ตาปรือเล็กน้อย ท่าทางเหมือนคนลืมตัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายผ่านใบหน้าของเขา“หนู… หนูกำลัง… หนูกำลังวิ่งออกกำลังกายค่ะ…”วิ่งเหรอ?!เด็กบ้า เธอกำลังหลอกใครอยู่ไม่ทราบ!หลิ่วชิงเหอสูดหายใจลึกๆ ข่มไฟโทสะในใจ ก่อนจะทุบประตู พร้อมกับตะโกนเสียงดัง “หรูเยียน ลูกเปิดประตูก่อน!”“อื้อ… อา… อื้อๆ…”หลิ่วหรูเยียนในตอนนี้มีเวลาไปสนใจหลิ่วชิงเหอเสียที่ไหน?ดวงตางามหลับสนิท สมองของเธอได้จมดิ่งสู่ภวังค์อันงดงามไปแล้ว!ลำธารใสที่ไหลผ่านระหว่างภูเขา ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจีและดอกไม้งดงามมากมาย เกิดเป็นลำธารลึกและใส เธอและราชามังกรกำลังบรรเลงบทเพลงรักอยู่ข้างลำธารสายนั้นปัง!ในที่สุด
เช้าวันต่อมา ขณะที่ฉู่เฉินกำลังล้างหน้าล้างตา กู้รั่วเสวี่ยก็โทรศัพท์มา“ฉู่เฉิน พี่อยู่บ้านไหม?”พอรับโทรศัพท์ เสียงอ่อนหวานของกู้รั่วเสวี่ยก็ดังมาจากปลายสาย“อยู่ครับ มีอะไรหรือเปล่า?”ฉู่เฉินตอบกลับเสียงเรียบ“ฉันมาเดินตลาดแถวบ้านพี่ ไม่ทันระวังเลยข้อเท้าแพลง พี่รีบเปิดประตูบ้านให้ฉันหน่อย”กู้รั่วเสวี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเร่งรีบฉู่เฉินวางโทรศัพท์ ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูบ้านกู้รั่วเสวี่ยยืนอยู่หน้าบ้านนานแล้ววันนี้ กู้รั่วเสวี่ยแต่งตัวเซ็กซี่และทันสมัย ท่อนบนสวมเสื้อเนื้อบางคอวีแหวกลึก ท่อนล่างสวมกระโปรงทรงเอสีดำ เรียวขายาวขาวเนียนทั้งสองข้างถูกกระโปรงทรงเอสีดำรวบไว้แน่นส่วนเท้าเล็กๆ คู่นั้นสวมรองเท้าหนังส้นสูงสีดำพอเห็นฉู่เฉิน กู้รั่วเสวี่ยเดินกะเผลกด้วยสีหน้าเจ็บปวด ก่อนจะเดินเข้าไปกอดคอฉู่เฉิน บอกว่า “เมื่อกี้ฉันไม่ทันระวัง เลยข้อเท้าแพลง พี่รีบดูให้หน่อยว่าเป็นอะไรมากไหม”ขณะเอ่ย เธอเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมาอีกครั้งฉู่เฉินก้มหน้าดูข้อเท้าที่กู้รั่วเสวี่ยเขย่งขึ้นมาให้ดู พบว่าไม่ได้มีรอยแดงที่ชัดเจนแต่อย่างใดตรงกันข้าม พอเธอยกข้อเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ทำให้กระโปรงของเ
ถ้าไม่ใช่เพราะการเดิมพันกับหลิ่วหรูเยียน ฉู่เฉินไม่มีทางเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีนโบราณอะไรนั่นแน่นอนส่วนจะดังหรือไม่ดัง ฉู่เฉินไม่เคยสนใจอยู่แล้วมีวิชาสืบทอดจากมังกรเฒ่าอยู่ ของจำพวกชื่อเสียง เป็นเพียงม่านหมอกที่ผ่านเข้ามา ไม่นานก็ผ่านไปหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่เฉินจึงพูดกับฮว่าจิ่วหยางว่า “อาวุโสฮว่า เข้ามาคุยกันข้างในเถอะครับ”“ขอบคุณคุณฉู่มาก อย่างนั้นผมต้องขอรบกวนด้วยนะครับ”ฮว่าจิ่วหยางประสานหมัดให้ฉู่เฉิน ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปในลานบ้านเวลานี้ กู้รั่วเสวี่ยนั่งดื่มชาอยู่ที่โต๊ะหินข้างๆ เธอพยักหน้าให้ฮว่าจิ่วหยางเล็กน้อย“คุณหนูกู้ก็อยู่ด้วยเหรอครับเนี่ย?”สายตาของฮว่าจิ่วหยางกวาดมองผ่านรอยแดงเรื่อบนแก้มของกู้รั่วเสวี่ย พลันตระหนักได้ถึงบางอย่างโดยสัญชาตญาณกู้รั่วเสวี่ยกลับพยักหน้าตอบอย่างนิ่งๆ ว่า “อาวุโสฮว่า นั่งก่อนสิคะ”อย่างไรตระกูลกู้ก็เป็นตระกูลใหญ่ ย่อมต้องรู้จักแพทย์แผนจีนอาวุโสไม่น้อยอยู่แล้ว ฮว่าจิ่วหยางเองก็มีโอกาสได้พบกู้รั่วเสวี่ยในคฤหาสน์ตระกูลกู้เช่นกัน ฉะนั้นทั้งสองก็นับว่าเป็นคนรู้จักกันฮว่าจิ่วหยางจึงไม่เสียเวลาเกรงอกเกรงใจ เขาหันไปพูดกั
“ฉัน…”หลิ่วหรูเยียนหน้าซีด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดสินะเธอกำปากกาเซ็นเอกสารในมือแน่น พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปทางฉู่เฉินฉู่เฉินควานหาบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วพ่นควันออกมาเป็นวงกลม ควันนั้นจึงลอยไปปะทะหน้าฟางเหว่ย จนฟางเหว่ยไอแค่กๆ“เมื่อกี้นายพูดไม่ใช่หรือไงว่าห้ามสูบบุหรี่ในห้องประชุมน่ะ!” ฟางเหว่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ“ฉันนี่แหละคนกำหนดกฎ นายมาพูดเรื่องกฎกับฉันเหรอะ? นายมีคุณสมบัตินั้นไหม?”ฉู่เฉินเหลือบมองฟางเหว่ยอย่างดูแคลน จากนั้นก้าวไปที่หน้าโต๊ะแล้วหยิบกองเอกสารหนาปึกขึ้นมาโปรยราวกับดอกไม้จนกระจายไปทั่ว“นายทำอะไรน่ะ! เก็บเอกสารขึ้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”ต้วนเคอเห็นฉู่เฉินโปรยหนังสือสัญญาโอนหุ้นที่เขาเอาออกมาลงพื้นแล้วก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจฉู่เฉินยิ้มเยาะแล้วก้าวไปหาและพูดอย่างเฉยเมยกับต้วนเคอ “เรื่องไหนยังไงก็ต้องมีเหตุผลกันบ้างสิ ต่อให้ผู้ถือหุ้นโอนหุ้นให้คนแซ่ฉีแล้ว พวกเราก็มีสิทธิ์ไม่มอบบริษัทให้เหมือนกัน”“อย่างมากก็แค่ชดใช้เงินให้ก็เท่านั้น ในฐานะที่นายเป็นหัวหน้ากรมพาณิชย์ ไม่เข้าใจหลักเหตุผลข้อนี้หรือไง?”ต้วนเคอหัวเรา
“ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว การประชุมบอร์ดผู้บริหารสามารถเริ่มได้ยังคะ? พวกผู้ถือหุ้นเริ่มจะทนรอไม่ไหวแล้วค่ะ”เวลานี้เองเสมียนของฉู่ซื่อกรุ๊ปก้าวเข้ามายังห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่อย่างเร่งรีบ และกล่าวกับหลิ่วหรูเยียน“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขารออีกหนึ่งนาที”หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบแล้วหันหน้ามามองฉู่เฉิน“ได้ค่ะ”เสมียนตอบรับแล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว“ฉู่เฉิน…”หลิ่วหรูเยียนไม่ทันกล่าว ฉู่เฉินก็ยกมือกล่าวตัดบท “หลิ่วชิงเหอล่ะ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้หลิ่วชิงเหอคงไม่ได้ให้เธอมาคนเดียวใช่ไหม?”หลิ่วหรูเยียนได้ยินแล้วหน้าซีดเล็กน้อย กล่าวด้วยท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติ “เอ่อ แม่ฉันมีเรื่องสำคัญมาก เมื่อคืนวานก็ออกจากเจียงจงไปแล้ว”“น่าจะวันมะรืนถึงจะกลับมา ดังนั้นเรื่องของบริษัท นายช่วยฉันได้ไหม?”ฉู่เฉินฟังแล้วก็เลิกคิ้วเล็กน้อย จ้องหลิ่วหรูเยียนที่เริ่มลนลานสักพัก จึงพยักหน้ากล่าว “ไปกันเถอะ ต่อให้หลบยังไงก็หลบไม่พ้นเหมือนสำนวนจีนที่ว่าลูกสะใภ้ขี้เหร่ยังไงก็ต้องเจอพ่อแม่สามี”กล่าวจบ ฉู่เฉินก็จูงข้อมือของหลิ่วหรูเยียนและเดินไปยังห้องประชุมปัง!ฉู่เฉินผลักประตูห้องประชุมอย่างแรง
……ในตอนที่ฉู่เฉินและต้วนหลิงเวยออกจากห้องอาบน้ำอีกครั้งก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้วดูเหมือนว่าเนื่องจากการเพิ่มระดับพลังสองขั้นรวดแล้ว ใบหน้าเล็กที่แสนจะแดงก่ำของต้วนหลิงเวยนั้นก็เต็มไปด้วยความสุขมองดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่ายังมีเวลาห่างจากการประชุมบอร์ดผู้บริหารของฉู่ซื่อกรุ๊ปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว ฉู่เฉินจึงกินข้าวเช้าหนึ่งคำอย่างลวก ๆ จากนั้นรีบเดินออกจากประตูวิลล่าจนมาถึงประตูใหญ่ของวิลล่าเฟิ่งหมิง ก็เห็นเจ้าทึ่มซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เงยหน้ามองดูพระอาทิตย์บนท้องฟ้าแสงสว่างจ้าฉู่เฉินขมวดคิ้วคิดว่าไม่ค่อยเข้ากับเสื้อชุดนี้สักเท่าไหร่ จึงเข้าไปนั่งในรถแล้วสั่งให้ต้วนหลิงเวยไปซื้อชุดยามรักษาความปลอดภัยกลับมาเปลี่ยนให้เจ้าทึ่มเห็นประตูใหญ่ก็ต้องทำให้สมกับได้เห็นประตูใหญ่หน่อยสิฉู่เฉินสตาร์ตเครื่องแล้วรีบขับจนมาถึงอาคารสำนักงานใหญ่ของฉู่ซื่อกรุ๊ปในเวลาไม่นานต้าหลิงจื่อกำลังยืนรออยู่ที่ประตูทางเข้าด้วยความร้อนใจก็เห็นฉู่เฉินเปิดประตูรถลงมา จึงรีบเดินเข้าไปต้อนรับด้วยรองเท้าส้นสูงแม้ว่าขาสวยงามของต้าหลิงจื่อจะดูหนาไปเล็กน้อย แต่ถุงน่องสีเนื้อใต้ชุดกระโปรงทำงานสั้นนั้นก็ทำให้คนร
จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าวิชาของมังกรเฒ่าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆด้วยวิชาบำเพ็ญคู่บวกกับการแช่โอสถ ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกถึงพลังวิญญาณภายในร่างกายของเขากำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นานก็บรรลุจุดวิกฤติในการเลื่อนขั้นนั้นได้อีกครั้งตูม!พลังวิญญาณทำลายพันธนาการ รอบกายฉู่เฉินเกิดแสงเรืองรองสีทองเคลือบหนึ่งชั้นภายในห้องอาบน้ำสว่างจ้าไปด้วยแสงสีทองแม้แต่เงาร่างเสมือนมังกรภายในกายของฉู่เฉินก็เปลี่ยนแปลงจนเป็นรูปเป็นร่างเด่นชัดของน้ำที่กระเซ็นส่วนต้วนหลิงเสวี่ยที่นอนราบข้างอ่างอาบน้ำ ก็รู้สึกได้ถึงแรงกระทบอย่างต่อเนื่องจากด้านหลังจนพลังวิญญาณภายในร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ในที่สุดเธอก็ทะลวงจนเลื่อนขั้นได้อีกครั้ง ระดับพลังหยุดอยู่ที่ระดับฝึกปราณชั้นแปดและในชั่วพริบตาที่ต้วนหลิงเสวี่ยกำลังเลื่อนขั้นพลังได้นั้นเอง ฉู่เฉินก็ทำลายพันธนาการจนทะลวงเลื่อนสู่ระดับระดับสร้างรากฐานขั้นสี่เลื่อนขั้นระดับพลังได้ติดต่อกับสามขั้นรวดเดียวแบบนี้ ต่อให้เป็นฉู่เฉินก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ขณะที่ปราณและเลือดภายในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำเอา
ก๊อก!ในเวลาที่ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้น ใต้โต๊ะก็เกิดเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง!เซียวเฟิงก้มหน้ามองไปยังใต้โต๊ะด้วยความแปลกใจ หลิ่วหรูเยียนเก็บมือกลับมาในช่วงเวลาเดียวกับที่เซียวเฟิงก้มตัวมอง แต่เพราะเหตุนี้เมื่อมองจากมุมของเซียวเฟิงก็ทำให้เขาตะลึงมากเวลาฉู่เฉินกินข้าว ตรงนั้นห้าวหาญได้ขนาดนี้เชียว?หลิ่วหรูเยียนฉวยโอกาสนี้วางตะเกียบและถ้วยชามลง จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มกล่าวกับทุกคนว่า “พวกคุณกินกันก่อนได้เลยค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันต้องรีบกลับแล้วค่ะ”ฮะ?ฉู่เฉินรีบเงยหน้าหันขวับไปมองหลิ่วหรูเยียนแกล้งฉันเกินครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ฉันเกือบจะถูกเปิดโปงใต้โต๊ะแล้ว แต่เธอบอกจะไปก็ไปเนี่ยนะ?“ขอบคุณการรักษาด้วยสปาของคุณฉู่นะคะ บ๊ายบาย”หลิ่วหรูเยียนยังไม่ลืมโบกมือลาฉู่เฉินที่หน้าแดงก่ำอยู่ จากนั้นขาเรียวงามนั้นก็เดินส่ายสะโพกสวยไปมาแล้วหายไปจากสายตาของฉู่เฉินเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนลุกจากที่นั่งแล้ว ต้วนหลิงเวยก็ไม่พลาดโอกาสเข้ามาแทนที่จึงได้นั่งข้างฉู่เฉิน ดวงตางามคู่นั้นชำเลืองมองใต้โต๊ะเป็นระยะ ๆอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้ดวงตาคู่งามของเธอนั้นระยิบระยับมีเสน่ห์เวลาไม่นาน
ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะมีอคติกับฉู่เฉินตลอดมา แต่วันนั้นฉู่เฉินทั้งโอบทั้งกอดน้องเซียวเสวี่ยอิ๋งของเขาต่อหน้าคนมากมายแบบนั้น ทั้งที่ทั้งสองคนยังไม่ได้คบกันอย่างเปิดเผยสักหน่อย แต่รอบกายฉู่เฉินกลับมีผู้หญิงมากมายขนาดนั้นแล้วนี่คืออะไรกัน?สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่อาจทนเห็นเซียวเสวี่ยอิ๋งเสียเปรียบได้นั่นเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขาเลยนะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ซิสค่อน แต่เซียวเฟิงจะไม่ยอมให้ฉู่เฉินมีคนอื่นแต่ก็ยังเหล่น้องสาวเขาแน่“ท่านนี้คือผู้จัดการใหญ่หลิ่วของฉู่ซื่อกรุ๊ป ชื่อหลิ่วหรูเยียน มาให้ฉันช่วยรักษาอาการให้น่ะ เมื่อกี้รักษาด้วยวารีบำบัดให้เขา เสียงกรีดร้องนั้นพวกคุณก็ได้ยินกันแล้วสินะ?”ฉู่เฉินตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มรักษาด้วยวารีบำบัด?หลิ่วหรูเยียนได้ยินแล้วเม้มปากโดยไม่รู้ตัว วารีบำบัดที่ไหนทำกันแบบนี้ฮะ?จนถึงตอนนี้เธอยังรู้สึกถึงความเจ็บจี๊ดอยู่เลยนะ“วะ…วารีบำบัด?”ไม่เพียงแค่เซียวเฟิงคนเดียวที่ขมวดคิ้ว แม้แต่ถานเฟยก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ“ไม่จำเป็นต้องมาสนใจเรื่องยิบย่อยเหล่านี้ ทุกคนคงหิวกันแล้วใช่ไหม กินข้าวกันเถอะ”ขณะกล่าวฉู่เฉินก็เดินไปนั่งตรงกลางระหว่างต้วนหลิงเสวี่
เซียวเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วค่อยนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับถานเฟย แต่สายตายังคงมองไปทางอาคารปีกตะวันออกเป็นระยะหลังจากผ่านไปสิบกว่านาทีเต็ม ประตูห้องรับแขกก็เปิดออก ก่อนที่ฉู่เฉินจะเดินเข้ามาในห้องรับแขก“คุณฉู่”ถานเฟยกับเซียวเฟิงพากันลุกขึ้น แล้วผงกศีรษะทักทายฉู่เฉินฉู่เฉินยิ้มพลางโบกมือกล่าวว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน นั่งสิครับ”เมื่อพูดจบก็ให้ต้วนหลิงเวยรินชาหอมให้ทั้งสองคน ฉู่เฉินดื่มน้ำชาไปด้วย ยิ้มพลางเอ่ยปากพูดไปด้วยว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน ดึกดื่นมาเยี่ยมกัน มีธุระเหรอครับ?” ถานเฟยสบตากับเซียวเฟิงแวบหนึ่งแล้วค่อยเอ่ยปากพูดอย่างเขินอายว่า “คุณชายฉู่ พูดแบบไม่ปิดบังเลยนะครับ ผมมาเจียงจงครั้งนี้ก็เพื่อขอให้คุณฉู่ลงมือช่วยเหลือ”“คุณยังจำเรื่องของสำนักว่านเซี๋ยได้หรือเปล่าครับ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยภาพถ่ายที่ถานเฟยให้เขาดูบนเฮลิคอปเตอร์ แต่ละใบล้วนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังของเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบรวมไปถึงซากแขนขาที่มีเลือดนองพื้น ฉู่เฉินไม่มีทางลืมไปชั่วชีวิต“จากเบาะแสที่คุณฉู่ให้มา ตอนนี้แก๊งมังกรจับตัวคนของสำนักว่านเซี๋ยได้หลายคนแล้วจริง ๆ จากคำให้การของพวกเขา ยังมีบุ
ฉู่เฉินที่ถลกชายกระโปรงของต้วนหลิงเวยขึ้นมา เตรียมจะทำการใหญ่ก็ตกใจเสียงร้องของหลิ่วหรูเยียนจนสะดุ้ง เขารีบหันหน้ามองไปทางหน้าประตู เห็นว่าเป็นหลิ่วหรูเยียนก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้เจ้าทึ่มไม่ดูประตูใหญ่ หนีไปเตร็ดเตร่ที่ไหนอีกแล้วคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ยังบุกเข้ามาในห้องอาบน้ำของอาคารปีกตะวันออกได้โชคดีที่เป็นคนที่มาอาบนวดให้เขา ถ้าเกิดเป็นคนร้ายละก็ เช่นนั้นก็เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงแล้วไม่ใช่หรือไง“ฉะ ฉู่เฉิน นาย...”ฉู่เฉินเหลือกตาใส่หลิ่วหรูเยียนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “อะไรของเธอ เข้ามาทดสอบอุณหภูมิน้ำสิ” เขากล่าวจบก็ตบสะโพกอวบอิ่มของต้วนหลิงเวยที่ทำหน้าผิดหวังไปหนึ่งฉาด ฝ่ายหลังได้แต่ทำปากยื่น กระทืบเท้า บิดเอวแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำหลิ่วหรูเยียนมองฉู่เฉินที่แทบจะระเบิดโลก ในใจรู้สึกประหม่าถึงขีดสุดด้วยความรู้สึกที่ทั้งอยากรู้และประหม่า หลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ถอดชุดทำงานและกระโปรงมินิสเกิร์ตออก เหลือไว้เพียงชุดชั้นในลูกไม้สีดำ เรียวขาขาวเนียนทั้งสองข้างส่ายไหว บิดเอวก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำเสียงน้ำดังซ่า ๆ ควบคู่ไปกับฉู่เฉินที่ก้าวเข้ามาใกล้หลิ่วหรูเยียน เขาเอื้อมมือไปจั
เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือนักพรตชิวสุ่ยที่ช่วยย้ายบ้านเมื่อตอนกลางวัน ต้วนหลิงเวยก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไมถึงเป็นคุณ?”นักพรตชิวสุ่ยรีบทำหน้ายิ้มแย้มให้ แล้วกวักมือเรียกนักพรตเด็กหลายคนที่อยู่ด้านหลัง นักพรตเด็กสิบกว่าคนที่แบกถุงกระสอบก็เดินมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว“คุณหนูท่านนี้ หลายวันก่อนรู้ว่าคุณฉู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังหาโอกาสเหมาะ ๆ มาแสดงความห่วงใยไม่ได้เลย นี่เป็นสมุนไพรร้อยปีที่เก็บรักษาไว้ในคลังยาของสำนักเสวียนเทียนเรา ตั้งใจนำมามอบให้คุณฉู่โดยเฉพาะครับ” นักพรตชิวสุ่ยกล่าวจบก็ยังชะเง้อคอ มองเข้าไปในวิลล่าเฟิ่งหมิงแวบหนึ่ง“มองอะไร!”ต้วนหลิงเวยถลึงดวงตางาม เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ทิ้งสมุนไพรไว้ คุณไปได้แล้ว รบกวนการพักผ่อนของนายท่าน ระวังหัวของคุณไว้ด้วยละ!”เดิมทีต้วนหลิงเวยข่มกลั้นเพลิงตัณหาไว้ในใจอยู่แล้ว เมื่อเห็นดวงตาสองข้างของนักพรตชิวสุ่ยกวาดมองไปทั่วก็ยิ่งเดือดดาล เธอหิ้วถุงกระสอบบนพื้นขึ้นมา ก่อนจะหันกายเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงเงาหลังอันอ่อนช้อยให้นักพรตชิวสุ่ยเมื่อโดนปิดประตูไม่ต้อนรับแขก นักพรตชิวสุ่ยก็ได้แต่จากไปด้วยความอับอายแต่เขาเ