เอ่ยจบ เธอก็สาวเท้าไปทางประตูบ้านอย่างขยันขันแข็งฉู่เฉินกลั้นยิ้ม ก่อนจะก้มหน้าพิจารณาเท้าเล็กๆ ที่ ‘บาดเจ็บ’ ของกู้รั่วเสวี่ยพอเห็นสายตาของฉู่เฉิน กู้รั่วเสวี่ยตระหนักได้ทันที ดวงหน้าน้อยๆ แดงแปร๊ด ก่อนจะยิ้มอย่างเขินๆ ว่า “พี่ดูสิ ฉันบอกแล้วว่าพี่มีความสามารถด้านการแพทย์ที่ล้ำเลิศ คะ…แค่ลูบไม่กี่ที ขาของฉันก็หายแล้ว”ฮ่าๆๆๆ…ฉู่เฉินกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เขาจูงมือเล็กๆ ของกู้รั่วเสวี่ย เดินออกไปข้างนอก……ไม่นาน เฟอร์รารี่สีชมพูคันหนึ่งก็ขับมาจอดตรงหน้าทางเข้าโรงยิมพอประตูรถเปิดออก ขาเรียวยาวคู่หนึ่งที่สวมถุงน่องสีดำก็ก้าวออกมา ดึงดูดสายตาจากคนรอบๆ ได้ในพริบตาหลี่จวิ้นเฟิงที่เพิ่งจะจอดรถในลานจอดรถ ก็มองไปทางเจ้าของเรียวขายาวสวยคู่นั้นอย่างสงสัยเช่นกัน“เมืองเจียงจงนี่มันสุดยอดทำเลทองจริงๆ ไปไหนก็มีแต่ผู้หญิงสวยๆ!”หลี่จวิ้นเฟิงสายตาร้อนแรง น้ำลายแทบจะไหลออกมาอยู่แล้วแต่พริบตาต่อมา เงาร่างของฉู่เฉินก็ปรากฏตัวอยู่ข้างกู้รั่วเสวี่ย เห็นทั้งสองคล้องแขนกันเดินเข้าไปในโรงยิมอย่างสนิทชิดเชื้อ หลี่จวิ้นเฟิงเบิกตากว้างจนแทบถลนออกมา!ไอ้หนูนี่มันโชคดีจริงๆ ถึงขั้นควงสาวสวยระดับนี
“ฉันไม่มีใบปริญญาทางการแพทย์”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบข่งลิ่งเจี๋ยจ้องฉู่เฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพูดจาเย้ยหยันดูถูกเขา “ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม ไอ้หมอนี่ไม่มีแม้แต่ใบปริญญาทางการแพทย์ ยังกล้าเสนอหน้ามาเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีนอีก?”“แกไม่รู้เหรอว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนต้องรักษาคนไข้น่ะ? ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดถึงแก่ชีวิตขึ้นมา แกจะรับผิดชอบไหวไหม?”พอได้ยินว่าฉู่เฉินไม่มีแม้แต่ใบปริญญาทางการแพทย์ ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ส่งสายตาดูถูกมาตามกฎแล้ว แพทย์ทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน ล้วนต้องวินิจฉัยโรคให้กับคนไข้ และเขียนใบเบิกยาให้ด้วยฉู่เฉินที่เป็นคนนอกสายอาชีพมาเข้าร่วมการแข่งแบบนี้ ไม่เท่ากับส่งผลเสียกับคนไข้เหรอ?นี่มันไม่ต่างอะไรกับการฆ่าคนเลย!“หมอนั่นมาจากไหน จะใช้กลลวงอะไรก็ควรดูสถานการณ์หน่อยรึเปล่า”“ใครหน้าไหนก็เข้ามาร่วมสนุกได้เหรอ? การแข่งขันครั้งนี้มันยังไงกัน ถึงได้ปล่อยให้คนแบบนี้แฝงตัวเข้ามาได้?”“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยล่ะ? รีบไล่เขาออกไปได้แล้ว!”ฉู่เฉินไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรอบข้าง แต่กลับเอ่ยด้วยสีหน้าใจเย็นว่า “ฉันไม่มีใบปริญญา เกี่ยวอะ
เอ่ยจบ ฮว่าจิ่วหยางก็เดินมาหยุดยืนต่อหน้าฉู่เฉิน ก่อนจะเอ่ยอย่างขอโทษขอโพยว่า “คุณฉู่ ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ เป็นความสะเพร่าของเราเอง ที่ปล่อยให้คนแบบนี้เข้ามาอยู่ในทีมผู้คุมการแข่งได้ ผมจะสั่งให้ไล่เขาออกเดี๋ยวนี้”อะไรนะ?ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตะลึงงันนี่มันอะไรกัน?เพื่อขอโทษฉู่เฉิน แม้แต่ผู้คุมการแข่งยังต้องถูกไล่ออก?ข่งลิ่งเจี๋ยหน้าซีด หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว!แค่ตำแหน่งผู้คุมการแข่ง สำหรับเขาไม่ได้สลักสำคัญอะไรก็จริงแต่การถูกฮว่าจิ่วหยางจงใจไล่ออกอย่างนี้ เขาไม่ได้เสียโอกาสในการเป็นผู้คุมการแข่งขันเท่านั้น แต่สิ่งที่รอเขาอยู่ คือการถูกแบนในแวดวงการแพทย์ของเจ็ดมณฑลใต้ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข่งลิ่งเจี๋ยตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตัก ยืดอกและพูดกับฮว่าจิ่วหยางว่า “อาวุโสฮว่า ถึงผมจะเคารพคุณมาก แต่ว่า…”“คนที่ไม่มีแม้แต่ใบปริญญาด้านการแพทย์ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าความสามารถด้านการแพทย์เป็นยังไง”“ปล่อยให้คนแบบนี้เข้าร่วมการแข่งขัน ไม่เท่ากับเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาหรอกหรือ”ฮว่าจิ่วหยางได้ยินก็อดหัวเราะไม่ได้ “ทำไม นี่คุณกำลังตั้งข้อกังขาว่าผมไม่ยุติธรรมงั้นเหรอ?”สายตาของฮว่า
กู้รั่วเสวี่ยสัมผัสได้ถึงสายตาที่ราวกับจะฆ่าคนจากผู้คนรอบด้านที่ถูกส่งมายังฉู่เฉิน เธอเริ่มอดกังวลแทนฉู่เฉินไม่ได้ “ฉู่เฉิน พี่ยังไม่ต้องพูดอย่างมั่นใจขนาดนี้ก็ได้มั้ง ดูเหมือนทางนั้นจะมีแต่ผู้ป่วยที่โรงพยาบาลหลายแห่งรักษาไม่หายนะ”ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ กู้รั่วเสวี่ยสังเกตเห็นโซนที่พักที่อยู่ข้างทางเข้าแต่แรกแล้ว ที่นั่นมีแต่ผู้ป่วยที่สีหน้าย่ำแย่ ร่างกายทรุดโทรมทั้งนั้นฉู่เฉินตบไหล่กลมมนของกู้รั่วเสวี่ยเบาๆ เป็นเชิงบอกเธอว่าไม่ต้องห่วงข่งลิ่งเจี๋ยหันไปพูดกับฮว่าจิ่วหยางอย่างย่ามใจว่า “อาวุโสฮว่า คุณได้ยินแล้วใช่ไหมครับ เขาเป็นคนพูดเองกับปาก”ฮว่าจิ่วหยางเองก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรมากแต่ที่ต่างจากคนอื่นก็คือ เขาเคยเห็นฝีมือด้านการแพทย์ของฉู่เฉินมากับตาตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพียงแต่มองข่งลิ่งเจี๋ยด้วยสายตาเย็นชา“ฉู่เฉิน อย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตาย ใช่ว่าแค่แกขยับปากก็จะทำได้ ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมา แกต้องโขกหัวขอโทษผู้ป่วย ครอบครัวของผู้ป่วย รวมถึงทุกคนในเหตุการณ์ด้วย!”“นอกจากนี้ แกต้องถอนตัวออกจากวงการแพทย์ด้วย กล้ารึเปล่า?”ฉู่เฉินยิ
ชายวัยกลางคนแยกเขี้ยวยิงฟันพลางนั่งลงตรงข้ามโต๊ะแพทย์ภายใต้การประคองของชายชุดดำร่างกำยำสองคน “ปรมาจารย์ฉู่ ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ร่างกายของผมเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว และพอตกกลางคืน หน้าอกก็เจ็บจนแทบจะขาดใจ ตอนนี้ขนาดดื่มน้ำ ท้องก็เหมือนมีคลื่นโหมซัดปั่นป่วนไปหมดเลยครับ” “บอกคุณตามตรง ผมไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว หมอบอกว่าโรคของผมไม่มีทางรักษาแล้ว คุณช่วยตรวจให้ผมทีครับว่าผมยังมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหน?” ข่งลิ่งเจี๋ยกอดอก ยิ้มหยันพลางมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง เขาไม่รู้จักคนอื่น แต่ว่าชายวัยกลางคนที่ชื่อจางหลงตรงหน้านี้เป็นคนโหดเหี้ยมจริง ๆในเจียงจง มีคำกล่าวไว้ว่ามังกรหาญปะทะหงส์สวรรค์ในเจียงจงมังกรหาญที่ว่าก็คือจางหลงที่อยู่ตรงหน้า ส่วนหงส์สวรรค์ย่อมเป็นโจวเทียนเฟิ่ง แม้ว่าทั้งสองคนคุมวงการใต้ดินของเจียงจงคนละครึ่ง แต่เห็นได้ชัดว่าความสามารถของจางหลงเหนือกว่าโจวเทียนเฟิ่งขั้นหนึ่งก่อนหน้านี้มีหัวหน้าอาจารย์แพทย์สี่ห้าคนจากโรงพยาบาลใหญ่ ๆ เกิดอุบัติเหตุรถชนไปตาม ๆ กันเพราะว่ารักษาอาการป่วยของจางหลงไม่ได้ ถึงขนาดที่ยังมีคนหนึ่งถูกรถบรรทุกชนจนตกลงไปในแม่น้ำทั้งครอบครัวสามคนต
เชี่ยเอ๊ย! ข่งลิ่งเจี๋ยที่กำลังเตรียมตัวซ้ำเติมก็มองอย่างเซ่อซ่า ไอ้เจ้าเด็กฉู่เฉินคนนี้แม่งโชคดีเป็นบ้าจริง ๆ แค่เตะเข้าที่หน้าอกทีเดียว กลับรักษาโรคของจางหลงให้หายได้แล้วเนี่ยนะ?! เวรเอ๊ย!ชั่วขณะหนึ่ง ข่งลิ่งเจี๋ยรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก! ฮว่าจิ่วหยางปาดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผาก สังเกตจางหลงอย่างละเอียด จางหลงในตอนนี้ยืดตัวตรง ดวงตาสองข้างส่องประกาย ไม่มีอาการป่วยเลย เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนราวกับเป็นคนละคนซี้ด! ยังมีวิธีการรักษาแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย? วันนี้ได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริง ๆ! สายตานับร้อยที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อไม่ใช่เพราะว่าคนเหล่านี้คิดว่าวิชาแพทย์ของฉู่เฉินดีมากเพียงใด แต่เป็นเพราะโชคดีเกินไปแล้วคิดไม่ถึงว่าแบบนี้ก็ได้ด้วย มีโชคดีแบบนี้ไม่ไปซื้อลอตเตอรี่ก็น่าเสียดายแย่เลย“จางหลง จำไว้ให้ดีนะครับ ภายในสิบวันนี้ห้ามโมโห ไม่งั้นต่อให้เป็นเทพเซียนก็ช่วยไม่ได้แล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดอย่างเฉยชา “ครับ ๆๆ ผมรับรองว่าเดือนนี้จะไม่โมโหใครทั้งนั้น ขอบคุณหมอเทวดาฉู่มาก ๆ ครับ วันหน้าผมจะแวะไปขอบคุณด้วยตัวเอง” จางหลงพูดจบก็พาลูกน
เมื่อคำพูดนี้ออกมา แฟนคลับมากมายของหลินรั่วเวยที่อยู่ในที่นี้ก็สงบใจไม่ได้ทันที ฉู่เฉินกล้าแช่งนางฟ้าของพวกเขาเหรอ?“แกสิเป็นมะเร็ง พวกแกเป็นมะเร็งเต้านมกันทั้งครอบครัว!”“แกพูดเหลวไหล! รั่วเวยหน้าแดงเปล่งปลั่งขนาดนี้จะเป็นมะเร็งได้ยังไง!” “ไอ้คนโกหก! แกก็เป็นแค่คนโกหก!”แต่หลินรั่วเวยกลับตะลึงงัน เงยหน้ามองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเธอเพิ่งตรวจพบโรคมะเร็งเต้านมเมื่อสามเดือนก่อนจริง ๆ ตามที่หมอพูดมา ถ้าเกิดทำการผ่าตัดเอาออก บางทีอาจจะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ปัญหาคือเธออายุยังน้อย แถมยังเป็นบุคคลสาธารณะ ทำการผ่าตัดแบบนี้ก็เท่ากับทำลายอาชีพการงานของเธอหลายเดือนมานี้ เธอแทบจะตะลอนไปตามโรงพยาบาลใหญ่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ แต่ผลที่ออกมาคือต้องทำการผ่าตัดเอาออกทั้งนั้นเลยเธอเองก็ตั้งใจว่าจะลองดูสักตั้งถึงได้สมัครมาเป็นอาสาสมัคร คิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินวินิจฉัยโรคของเธอได้โดยที่ไม่ได้จับชีพจรด้วยซ้ำ “หมอเทวดาฉู่ ถ้าอย่างนั้นโรคของฉันยังรักษาได้ไหมคะ? ฉันหมายถึงว่าฉันทำการผ่าตัดไม่ได้จริง ๆ”ฉู่เฉินมองหลินรั่วเวยที่มีแววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มเฉยชาว่า “แ
อย่าว่าแต่หลินรั่วเวยรับไม่ได้เลย แม้แต่แฟนคลับที่อยู่รอบ ๆ หลินรั่วเวยต่างก็ด่าทอฉู่เฉินอย่างรุนแรง “คนแซ่ฉู่ นายแม่งอย่าหาข้ออ้างเลย เห็นคุณหลินหน้าตาสวยเลยอยากฉวยโอกาสเอาเปรียบเธอชัด ๆ!” “ฉันก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์หลงจิง ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ายังมีวิธีการรักษาแบบนี้ด้วย ฉันว่านายมันก็แค่คนลามกเท่านั้น!”“คุณหลิน คุณอย่าไปเชื่อเขาเด็ดขาด เขาก็แค่คนหลอกลวง!”ข่งลิ่งเจี๋ยที่อยู่ทางด้านข้างเอ่ยพลางยิ้มหยันว่า “ฉู่เฉิน ฉันว่านายแม่งต้องการผู้หญิงจนฟั่นเฟือนไปแล้วสินะ? ถ้าเกิดลูบคลำหน้าอกก็รักษาโรคมะเร็งเต้านมได้ งั้นยังต้องการโรงพยาบาลอีกทำไม!” “ใครแม่งนวดไม่เป็น?” แม้แต่กู้รั่วเสวี่ยก็มองฉู่เฉินด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่ถ้าบอกว่าฉู่เฉินพูดแบบนี้เพื่อเอาเปรียบ ตีให้ตายเธอก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดฉู่เฉินเป็นนักวิจัยพัฒนายาบำรุงปราณ อาศัยแค่สถานะนี้ ขอเพียงฉู่เฉินต้องการ เขากวักมือก็มีผู้หญิงมากมายจนดันออกไปไม่ไหวแต่ว่านวดหน้าอกก็สามารถรักษาโรคมะเร็งเต้านมให้หายได้จริงเหรอ? ฮว่าจิ่วหยางที่อยู่ทางด้านข้างก็มีขีดดำขึ้นเต็มศีรษะเขาทำงานด้านการแพทย์มานานกว่าห้าสิบปี นี่เป็น