หลินซือหย่าก้มหน้า ลังเลอยู่นาน สุดท้ายเธอก็เล่าเรื่องที่ฉู่เฉินบอกกับเธอให้ฟังทั้งหมด“เพียะ!”ฟังจบ หลินฟางเจิ้งสะบัดฝ่ามือใส่ดวงหน้าเรียวยาวของหลินซือหย่าบนดวงหน้าขาวเนียน ปรากฏรอยนิ้วมือแดงๆ ห้าเส้นในพริบตา!“ไร้ประโยชน์!”ดวงตาของหลินฟางเจิ้งฉายแววโหดเหี้ยม เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เรื่องเล็กๆ แค่นี้ก็ยังทำให้ดีไม่ได้ ตระกูลหลินเลี้ยงเธอไว้จะมีประโยชน์อะไร!”“เธอรู้ไหมว่าสิทธิ์ในการซื้อขายยาบำรุงปราณสำคัญกับตระกูลหลินขนาดไหน!”“ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว ขอแค่คว้าสิทธิ์ซื้อขายมาได้ แม้ต้องเสียสละความบริสุทธิ์ ก็ถือว่าคุ้มค่า แม่งฟังไม่รู้เรื่องเหรอ!”พูดจบ หลินฟางเจิ้งก็สะบัดฝ่ามือใส่หน้าเธออีกครั้ง“กรี๊ด!”หลินซือหย่ากรีดร้องด้วยความตกใจ รีบหดหัวหลบทันทีแต่ฝ่ามือนั้นก็ยังคงตวัดโดนใบหน้าเรียวของเธออยู่ดีหลินซือหย่าข่มกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับหลินฟางเจิ้งว่า “หลินฟางเจิ้ง ฟังหนูนะ พ่อแม่ของหนูเป็นคนสร้างหลินซื่อกรุ๊ปขึ้นมา!”“ตอนนี้อาเป็นแค่รักษาการประธานเท่านั้น อีกอย่าง หนูไม่ใช่เครื่องมือของอา!”“ถ้าอากล้าแตะต้องหนูอีก หนูจะแจ้งตำรวจ!”หลินฟางเจิ
หลิ่วหรูเยียนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง เธอพลิกตัวลงจากเตียงโดยจิตใต้สำนึก นัยน์ตางามมองไปทางหน้าต่างอย่างระแวดระวัง“แกเป็นใคร?”หลิ่วหรูเยียนลนลาน มือเล็กๆ คู่นั้นขยับไปมาบนตัวอย่างไม่รู้ว่าควรปิดด้านบนหรือด้านล่างดีนั่นกลับทำให้เธอดูเหมือนหญิงหม้ายที่ปกปิดความปรารถนาไว้ไม่มิด“ไม่ต้องกลัว ผมแค่มาดูว่าแผลของคุณดีขึ้นรึยัง”เสียงของฉู่เฉินเปลี่ยนเป็นเสียงที่ทุ้มมีเสน่ห์ บวกกับใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั่น ทำให้หลิ่วหรูเยียนนึกถึงใบหน้าอันงดงามสมบูรณ์แบบของราชามังกรที่อยู่ในความทรงจำขึ้นมาได้ทันที!“ระ…ราชามังกร?”หลิ่วหรูเยียนเผยสีหน้าดีใจออกมาผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่กำยำ น้ำเสียงไพเราะที่ยืนอยู่ตรงหน้า คือราชามังกรที่ช่วยเธอไว้ในวันนั้นงั้นเหรอ?หล่อเกินคำบรรยาย!“ใช่ ผมคือผู้สืบทอดของราชามังกรแดนเหนือ แน่นอนว่าคุณจะเรียกผมว่าราชามังกรก็ได้”ฉู่เฉินยิ้มแย้ม ขณะสาวเท้าเดินเข้าไปก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ?!ก่อนตาย ตาเฒ่านั้นเคยพูดอะไรเกี่ยวกับราชามังกรแดนเหนือไว้จริงๆ น่าจะถูกต้องแล้วล่ะ“คุณจริงๆ ด้วย!”หลิ่วหรูเยียนวิ่งไปหาฉู่เฉินด้วยความตื่นเต้นสุดขีดขณะวิ่ง ชา
“เอ่อ… หนู… หนูกำลัง…”หลิ่วหรูเยียนที่ไม่ได้กร้านโลกนัก ถูกความรู้สึกที่ราวกับโดนไฟแผดเผาไปทั้งตัวจู่โจมกะทันหัน ส่งผลให้สมองขาวโพลนไปชั่วขณะแม้แต่คำโกหกที่เตรียมไว้ ก็ยังลืมไปเสียจนสิ้น“หรูเยียน ลูกทำอะไรอยู่ข้างในกันแน่? รีบเปิดประตูสิ!”หลิ่วชิงเหออาบน้ำร้อนมาก่อน ได้ยินเสียงของหลิ่วหรูเยียนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติแล้ว เสียงเคาะประตูจึงยิ่งรัวกว่าเดิมฉู่เฉินมองหลิ่วหรูเยียนในอ้อมกอดที่ตอนนี้ดวงหน้าแดงผ่าว ตาปรือเล็กน้อย ท่าทางเหมือนคนลืมตัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายผ่านใบหน้าของเขา“หนู… หนูกำลัง… หนูกำลังวิ่งออกกำลังกายค่ะ…”วิ่งเหรอ?!เด็กบ้า เธอกำลังหลอกใครอยู่ไม่ทราบ!หลิ่วชิงเหอสูดหายใจลึกๆ ข่มไฟโทสะในใจ ก่อนจะทุบประตู พร้อมกับตะโกนเสียงดัง “หรูเยียน ลูกเปิดประตูก่อน!”“อื้อ… อา… อื้อๆ…”หลิ่วหรูเยียนในตอนนี้มีเวลาไปสนใจหลิ่วชิงเหอเสียที่ไหน?ดวงตางามหลับสนิท สมองของเธอได้จมดิ่งสู่ภวังค์อันงดงามไปแล้ว!ลำธารใสที่ไหลผ่านระหว่างภูเขา ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจีและดอกไม้งดงามมากมาย เกิดเป็นลำธารลึกและใส เธอและราชามังกรกำลังบรรเลงบทเพลงรักอยู่ข้างลำธารสายนั้นปัง!ในที่สุด
เช้าวันต่อมา ขณะที่ฉู่เฉินกำลังล้างหน้าล้างตา กู้รั่วเสวี่ยก็โทรศัพท์มา“ฉู่เฉิน พี่อยู่บ้านไหม?”พอรับโทรศัพท์ เสียงอ่อนหวานของกู้รั่วเสวี่ยก็ดังมาจากปลายสาย“อยู่ครับ มีอะไรหรือเปล่า?”ฉู่เฉินตอบกลับเสียงเรียบ“ฉันมาเดินตลาดแถวบ้านพี่ ไม่ทันระวังเลยข้อเท้าแพลง พี่รีบเปิดประตูบ้านให้ฉันหน่อย”กู้รั่วเสวี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเร่งรีบฉู่เฉินวางโทรศัพท์ ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูบ้านกู้รั่วเสวี่ยยืนอยู่หน้าบ้านนานแล้ววันนี้ กู้รั่วเสวี่ยแต่งตัวเซ็กซี่และทันสมัย ท่อนบนสวมเสื้อเนื้อบางคอวีแหวกลึก ท่อนล่างสวมกระโปรงทรงเอสีดำ เรียวขายาวขาวเนียนทั้งสองข้างถูกกระโปรงทรงเอสีดำรวบไว้แน่นส่วนเท้าเล็กๆ คู่นั้นสวมรองเท้าหนังส้นสูงสีดำพอเห็นฉู่เฉิน กู้รั่วเสวี่ยเดินกะเผลกด้วยสีหน้าเจ็บปวด ก่อนจะเดินเข้าไปกอดคอฉู่เฉิน บอกว่า “เมื่อกี้ฉันไม่ทันระวัง เลยข้อเท้าแพลง พี่รีบดูให้หน่อยว่าเป็นอะไรมากไหม”ขณะเอ่ย เธอเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมาอีกครั้งฉู่เฉินก้มหน้าดูข้อเท้าที่กู้รั่วเสวี่ยเขย่งขึ้นมาให้ดู พบว่าไม่ได้มีรอยแดงที่ชัดเจนแต่อย่างใดตรงกันข้าม พอเธอยกข้อเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ทำให้กระโปรงของเ
ถ้าไม่ใช่เพราะการเดิมพันกับหลิ่วหรูเยียน ฉู่เฉินไม่มีทางเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีนโบราณอะไรนั่นแน่นอนส่วนจะดังหรือไม่ดัง ฉู่เฉินไม่เคยสนใจอยู่แล้วมีวิชาสืบทอดจากมังกรเฒ่าอยู่ ของจำพวกชื่อเสียง เป็นเพียงม่านหมอกที่ผ่านเข้ามา ไม่นานก็ผ่านไปหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่เฉินจึงพูดกับฮว่าจิ่วหยางว่า “อาวุโสฮว่า เข้ามาคุยกันข้างในเถอะครับ”“ขอบคุณคุณฉู่มาก อย่างนั้นผมต้องขอรบกวนด้วยนะครับ”ฮว่าจิ่วหยางประสานหมัดให้ฉู่เฉิน ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปในลานบ้านเวลานี้ กู้รั่วเสวี่ยนั่งดื่มชาอยู่ที่โต๊ะหินข้างๆ เธอพยักหน้าให้ฮว่าจิ่วหยางเล็กน้อย“คุณหนูกู้ก็อยู่ด้วยเหรอครับเนี่ย?”สายตาของฮว่าจิ่วหยางกวาดมองผ่านรอยแดงเรื่อบนแก้มของกู้รั่วเสวี่ย พลันตระหนักได้ถึงบางอย่างโดยสัญชาตญาณกู้รั่วเสวี่ยกลับพยักหน้าตอบอย่างนิ่งๆ ว่า “อาวุโสฮว่า นั่งก่อนสิคะ”อย่างไรตระกูลกู้ก็เป็นตระกูลใหญ่ ย่อมต้องรู้จักแพทย์แผนจีนอาวุโสไม่น้อยอยู่แล้ว ฮว่าจิ่วหยางเองก็มีโอกาสได้พบกู้รั่วเสวี่ยในคฤหาสน์ตระกูลกู้เช่นกัน ฉะนั้นทั้งสองก็นับว่าเป็นคนรู้จักกันฮว่าจิ่วหยางจึงไม่เสียเวลาเกรงอกเกรงใจ เขาหันไปพูดกั
เอ่ยจบ เธอก็สาวเท้าไปทางประตูบ้านอย่างขยันขันแข็งฉู่เฉินกลั้นยิ้ม ก่อนจะก้มหน้าพิจารณาเท้าเล็กๆ ที่ ‘บาดเจ็บ’ ของกู้รั่วเสวี่ยพอเห็นสายตาของฉู่เฉิน กู้รั่วเสวี่ยตระหนักได้ทันที ดวงหน้าน้อยๆ แดงแปร๊ด ก่อนจะยิ้มอย่างเขินๆ ว่า “พี่ดูสิ ฉันบอกแล้วว่าพี่มีความสามารถด้านการแพทย์ที่ล้ำเลิศ คะ…แค่ลูบไม่กี่ที ขาของฉันก็หายแล้ว”ฮ่าๆๆๆ…ฉู่เฉินกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เขาจูงมือเล็กๆ ของกู้รั่วเสวี่ย เดินออกไปข้างนอก……ไม่นาน เฟอร์รารี่สีชมพูคันหนึ่งก็ขับมาจอดตรงหน้าทางเข้าโรงยิมพอประตูรถเปิดออก ขาเรียวยาวคู่หนึ่งที่สวมถุงน่องสีดำก็ก้าวออกมา ดึงดูดสายตาจากคนรอบๆ ได้ในพริบตาหลี่จวิ้นเฟิงที่เพิ่งจะจอดรถในลานจอดรถ ก็มองไปทางเจ้าของเรียวขายาวสวยคู่นั้นอย่างสงสัยเช่นกัน“เมืองเจียงจงนี่มันสุดยอดทำเลทองจริงๆ ไปไหนก็มีแต่ผู้หญิงสวยๆ!”หลี่จวิ้นเฟิงสายตาร้อนแรง น้ำลายแทบจะไหลออกมาอยู่แล้วแต่พริบตาต่อมา เงาร่างของฉู่เฉินก็ปรากฏตัวอยู่ข้างกู้รั่วเสวี่ย เห็นทั้งสองคล้องแขนกันเดินเข้าไปในโรงยิมอย่างสนิทชิดเชื้อ หลี่จวิ้นเฟิงเบิกตากว้างจนแทบถลนออกมา!ไอ้หนูนี่มันโชคดีจริงๆ ถึงขั้นควงสาวสวยระดับนี
“ฉันไม่มีใบปริญญาทางการแพทย์”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบข่งลิ่งเจี๋ยจ้องฉู่เฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพูดจาเย้ยหยันดูถูกเขา “ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม ไอ้หมอนี่ไม่มีแม้แต่ใบปริญญาทางการแพทย์ ยังกล้าเสนอหน้ามาเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีนอีก?”“แกไม่รู้เหรอว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนต้องรักษาคนไข้น่ะ? ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดถึงแก่ชีวิตขึ้นมา แกจะรับผิดชอบไหวไหม?”พอได้ยินว่าฉู่เฉินไม่มีแม้แต่ใบปริญญาทางการแพทย์ ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ส่งสายตาดูถูกมาตามกฎแล้ว แพทย์ทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน ล้วนต้องวินิจฉัยโรคให้กับคนไข้ และเขียนใบเบิกยาให้ด้วยฉู่เฉินที่เป็นคนนอกสายอาชีพมาเข้าร่วมการแข่งแบบนี้ ไม่เท่ากับส่งผลเสียกับคนไข้เหรอ?นี่มันไม่ต่างอะไรกับการฆ่าคนเลย!“หมอนั่นมาจากไหน จะใช้กลลวงอะไรก็ควรดูสถานการณ์หน่อยรึเปล่า”“ใครหน้าไหนก็เข้ามาร่วมสนุกได้เหรอ? การแข่งขันครั้งนี้มันยังไงกัน ถึงได้ปล่อยให้คนแบบนี้แฝงตัวเข้ามาได้?”“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยล่ะ? รีบไล่เขาออกไปได้แล้ว!”ฉู่เฉินไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรอบข้าง แต่กลับเอ่ยด้วยสีหน้าใจเย็นว่า “ฉันไม่มีใบปริญญา เกี่ยวอะ
เอ่ยจบ ฮว่าจิ่วหยางก็เดินมาหยุดยืนต่อหน้าฉู่เฉิน ก่อนจะเอ่ยอย่างขอโทษขอโพยว่า “คุณฉู่ ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ เป็นความสะเพร่าของเราเอง ที่ปล่อยให้คนแบบนี้เข้ามาอยู่ในทีมผู้คุมการแข่งได้ ผมจะสั่งให้ไล่เขาออกเดี๋ยวนี้”อะไรนะ?ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตะลึงงันนี่มันอะไรกัน?เพื่อขอโทษฉู่เฉิน แม้แต่ผู้คุมการแข่งยังต้องถูกไล่ออก?ข่งลิ่งเจี๋ยหน้าซีด หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว!แค่ตำแหน่งผู้คุมการแข่ง สำหรับเขาไม่ได้สลักสำคัญอะไรก็จริงแต่การถูกฮว่าจิ่วหยางจงใจไล่ออกอย่างนี้ เขาไม่ได้เสียโอกาสในการเป็นผู้คุมการแข่งขันเท่านั้น แต่สิ่งที่รอเขาอยู่ คือการถูกแบนในแวดวงการแพทย์ของเจ็ดมณฑลใต้ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข่งลิ่งเจี๋ยตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตัก ยืดอกและพูดกับฮว่าจิ่วหยางว่า “อาวุโสฮว่า ถึงผมจะเคารพคุณมาก แต่ว่า…”“คนที่ไม่มีแม้แต่ใบปริญญาด้านการแพทย์ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าความสามารถด้านการแพทย์เป็นยังไง”“ปล่อยให้คนแบบนี้เข้าร่วมการแข่งขัน ไม่เท่ากับเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาหรอกหรือ”ฮว่าจิ่วหยางได้ยินก็อดหัวเราะไม่ได้ “ทำไม นี่คุณกำลังตั้งข้อกังขาว่าผมไม่ยุติธรรมงั้นเหรอ?”สายตาของฮว่า