หลินซือหย่าก้มหน้า ลังเลอยู่นาน สุดท้ายเธอก็เล่าเรื่องที่ฉู่เฉินบอกกับเธอให้ฟังทั้งหมด“เพียะ!”ฟังจบ หลินฟางเจิ้งสะบัดฝ่ามือใส่ดวงหน้าเรียวยาวของหลินซือหย่าบนดวงหน้าขาวเนียน ปรากฏรอยนิ้วมือแดงๆ ห้าเส้นในพริบตา!“ไร้ประโยชน์!”ดวงตาของหลินฟางเจิ้งฉายแววโหดเหี้ยม เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เรื่องเล็กๆ แค่นี้ก็ยังทำให้ดีไม่ได้ ตระกูลหลินเลี้ยงเธอไว้จะมีประโยชน์อะไร!”“เธอรู้ไหมว่าสิทธิ์ในการซื้อขายยาบำรุงปราณสำคัญกับตระกูลหลินขนาดไหน!”“ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว ขอแค่คว้าสิทธิ์ซื้อขายมาได้ แม้ต้องเสียสละความบริสุทธิ์ ก็ถือว่าคุ้มค่า แม่งฟังไม่รู้เรื่องเหรอ!”พูดจบ หลินฟางเจิ้งก็สะบัดฝ่ามือใส่หน้าเธออีกครั้ง“กรี๊ด!”หลินซือหย่ากรีดร้องด้วยความตกใจ รีบหดหัวหลบทันทีแต่ฝ่ามือนั้นก็ยังคงตวัดโดนใบหน้าเรียวของเธออยู่ดีหลินซือหย่าข่มกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับหลินฟางเจิ้งว่า “หลินฟางเจิ้ง ฟังหนูนะ พ่อแม่ของหนูเป็นคนสร้างหลินซื่อกรุ๊ปขึ้นมา!”“ตอนนี้อาเป็นแค่รักษาการประธานเท่านั้น อีกอย่าง หนูไม่ใช่เครื่องมือของอา!”“ถ้าอากล้าแตะต้องหนูอีก หนูจะแจ้งตำรวจ!”หลินฟางเจิ
หลิ่วหรูเยียนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง เธอพลิกตัวลงจากเตียงโดยจิตใต้สำนึก นัยน์ตางามมองไปทางหน้าต่างอย่างระแวดระวัง“แกเป็นใคร?”หลิ่วหรูเยียนลนลาน มือเล็กๆ คู่นั้นขยับไปมาบนตัวอย่างไม่รู้ว่าควรปิดด้านบนหรือด้านล่างดีนั่นกลับทำให้เธอดูเหมือนหญิงหม้ายที่ปกปิดความปรารถนาไว้ไม่มิด“ไม่ต้องกลัว ผมแค่มาดูว่าแผลของคุณดีขึ้นรึยัง”เสียงของฉู่เฉินเปลี่ยนเป็นเสียงที่ทุ้มมีเสน่ห์ บวกกับใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั่น ทำให้หลิ่วหรูเยียนนึกถึงใบหน้าอันงดงามสมบูรณ์แบบของราชามังกรที่อยู่ในความทรงจำขึ้นมาได้ทันที!“ระ…ราชามังกร?”หลิ่วหรูเยียนเผยสีหน้าดีใจออกมาผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่กำยำ น้ำเสียงไพเราะที่ยืนอยู่ตรงหน้า คือราชามังกรที่ช่วยเธอไว้ในวันนั้นงั้นเหรอ?หล่อเกินคำบรรยาย!“ใช่ ผมคือผู้สืบทอดของราชามังกรแดนเหนือ แน่นอนว่าคุณจะเรียกผมว่าราชามังกรก็ได้”ฉู่เฉินยิ้มแย้ม ขณะสาวเท้าเดินเข้าไปก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ?!ก่อนตาย ตาเฒ่านั้นเคยพูดอะไรเกี่ยวกับราชามังกรแดนเหนือไว้จริงๆ น่าจะถูกต้องแล้วล่ะ“คุณจริงๆ ด้วย!”หลิ่วหรูเยียนวิ่งไปหาฉู่เฉินด้วยความตื่นเต้นสุดขีดขณะวิ่ง ชา
“เอ่อ… หนู… หนูกำลัง…”หลิ่วหรูเยียนที่ไม่ได้กร้านโลกนัก ถูกความรู้สึกที่ราวกับโดนไฟแผดเผาไปทั้งตัวจู่โจมกะทันหัน ส่งผลให้สมองขาวโพลนไปชั่วขณะแม้แต่คำโกหกที่เตรียมไว้ ก็ยังลืมไปเสียจนสิ้น“หรูเยียน ลูกทำอะไรอยู่ข้างในกันแน่? รีบเปิดประตูสิ!”หลิ่วชิงเหออาบน้ำร้อนมาก่อน ได้ยินเสียงของหลิ่วหรูเยียนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติแล้ว เสียงเคาะประตูจึงยิ่งรัวกว่าเดิมฉู่เฉินมองหลิ่วหรูเยียนในอ้อมกอดที่ตอนนี้ดวงหน้าแดงผ่าว ตาปรือเล็กน้อย ท่าทางเหมือนคนลืมตัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายผ่านใบหน้าของเขา“หนู… หนูกำลัง… หนูกำลังวิ่งออกกำลังกายค่ะ…”วิ่งเหรอ?!เด็กบ้า เธอกำลังหลอกใครอยู่ไม่ทราบ!หลิ่วชิงเหอสูดหายใจลึกๆ ข่มไฟโทสะในใจ ก่อนจะทุบประตู พร้อมกับตะโกนเสียงดัง “หรูเยียน ลูกเปิดประตูก่อน!”“อื้อ… อา… อื้อๆ…”หลิ่วหรูเยียนในตอนนี้มีเวลาไปสนใจหลิ่วชิงเหอเสียที่ไหน?ดวงตางามหลับสนิท สมองของเธอได้จมดิ่งสู่ภวังค์อันงดงามไปแล้ว!ลำธารใสที่ไหลผ่านระหว่างภูเขา ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจีและดอกไม้งดงามมากมาย เกิดเป็นลำธารลึกและใส เธอและราชามังกรกำลังบรรเลงบทเพลงรักอยู่ข้างลำธารสายนั้นปัง!ในที่สุด
เช้าวันต่อมา ขณะที่ฉู่เฉินกำลังล้างหน้าล้างตา กู้รั่วเสวี่ยก็โทรศัพท์มา“ฉู่เฉิน พี่อยู่บ้านไหม?”พอรับโทรศัพท์ เสียงอ่อนหวานของกู้รั่วเสวี่ยก็ดังมาจากปลายสาย“อยู่ครับ มีอะไรหรือเปล่า?”ฉู่เฉินตอบกลับเสียงเรียบ“ฉันมาเดินตลาดแถวบ้านพี่ ไม่ทันระวังเลยข้อเท้าแพลง พี่รีบเปิดประตูบ้านให้ฉันหน่อย”กู้รั่วเสวี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเร่งรีบฉู่เฉินวางโทรศัพท์ ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูบ้านกู้รั่วเสวี่ยยืนอยู่หน้าบ้านนานแล้ววันนี้ กู้รั่วเสวี่ยแต่งตัวเซ็กซี่และทันสมัย ท่อนบนสวมเสื้อเนื้อบางคอวีแหวกลึก ท่อนล่างสวมกระโปรงทรงเอสีดำ เรียวขายาวขาวเนียนทั้งสองข้างถูกกระโปรงทรงเอสีดำรวบไว้แน่นส่วนเท้าเล็กๆ คู่นั้นสวมรองเท้าหนังส้นสูงสีดำพอเห็นฉู่เฉิน กู้รั่วเสวี่ยเดินกะเผลกด้วยสีหน้าเจ็บปวด ก่อนจะเดินเข้าไปกอดคอฉู่เฉิน บอกว่า “เมื่อกี้ฉันไม่ทันระวัง เลยข้อเท้าแพลง พี่รีบดูให้หน่อยว่าเป็นอะไรมากไหม”ขณะเอ่ย เธอเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมาอีกครั้งฉู่เฉินก้มหน้าดูข้อเท้าที่กู้รั่วเสวี่ยเขย่งขึ้นมาให้ดู พบว่าไม่ได้มีรอยแดงที่ชัดเจนแต่อย่างใดตรงกันข้าม พอเธอยกข้อเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ทำให้กระโปรงของเ
ถ้าไม่ใช่เพราะการเดิมพันกับหลิ่วหรูเยียน ฉู่เฉินไม่มีทางเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีนโบราณอะไรนั่นแน่นอนส่วนจะดังหรือไม่ดัง ฉู่เฉินไม่เคยสนใจอยู่แล้วมีวิชาสืบทอดจากมังกรเฒ่าอยู่ ของจำพวกชื่อเสียง เป็นเพียงม่านหมอกที่ผ่านเข้ามา ไม่นานก็ผ่านไปหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่เฉินจึงพูดกับฮว่าจิ่วหยางว่า “อาวุโสฮว่า เข้ามาคุยกันข้างในเถอะครับ”“ขอบคุณคุณฉู่มาก อย่างนั้นผมต้องขอรบกวนด้วยนะครับ”ฮว่าจิ่วหยางประสานหมัดให้ฉู่เฉิน ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปในลานบ้านเวลานี้ กู้รั่วเสวี่ยนั่งดื่มชาอยู่ที่โต๊ะหินข้างๆ เธอพยักหน้าให้ฮว่าจิ่วหยางเล็กน้อย“คุณหนูกู้ก็อยู่ด้วยเหรอครับเนี่ย?”สายตาของฮว่าจิ่วหยางกวาดมองผ่านรอยแดงเรื่อบนแก้มของกู้รั่วเสวี่ย พลันตระหนักได้ถึงบางอย่างโดยสัญชาตญาณกู้รั่วเสวี่ยกลับพยักหน้าตอบอย่างนิ่งๆ ว่า “อาวุโสฮว่า นั่งก่อนสิคะ”อย่างไรตระกูลกู้ก็เป็นตระกูลใหญ่ ย่อมต้องรู้จักแพทย์แผนจีนอาวุโสไม่น้อยอยู่แล้ว ฮว่าจิ่วหยางเองก็มีโอกาสได้พบกู้รั่วเสวี่ยในคฤหาสน์ตระกูลกู้เช่นกัน ฉะนั้นทั้งสองก็นับว่าเป็นคนรู้จักกันฮว่าจิ่วหยางจึงไม่เสียเวลาเกรงอกเกรงใจ เขาหันไปพูดกั
เอ่ยจบ เธอก็สาวเท้าไปทางประตูบ้านอย่างขยันขันแข็งฉู่เฉินกลั้นยิ้ม ก่อนจะก้มหน้าพิจารณาเท้าเล็กๆ ที่ ‘บาดเจ็บ’ ของกู้รั่วเสวี่ยพอเห็นสายตาของฉู่เฉิน กู้รั่วเสวี่ยตระหนักได้ทันที ดวงหน้าน้อยๆ แดงแปร๊ด ก่อนจะยิ้มอย่างเขินๆ ว่า “พี่ดูสิ ฉันบอกแล้วว่าพี่มีความสามารถด้านการแพทย์ที่ล้ำเลิศ คะ…แค่ลูบไม่กี่ที ขาของฉันก็หายแล้ว”ฮ่าๆๆๆ…ฉู่เฉินกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เขาจูงมือเล็กๆ ของกู้รั่วเสวี่ย เดินออกไปข้างนอก……ไม่นาน เฟอร์รารี่สีชมพูคันหนึ่งก็ขับมาจอดตรงหน้าทางเข้าโรงยิมพอประตูรถเปิดออก ขาเรียวยาวคู่หนึ่งที่สวมถุงน่องสีดำก็ก้าวออกมา ดึงดูดสายตาจากคนรอบๆ ได้ในพริบตาหลี่จวิ้นเฟิงที่เพิ่งจะจอดรถในลานจอดรถ ก็มองไปทางเจ้าของเรียวขายาวสวยคู่นั้นอย่างสงสัยเช่นกัน“เมืองเจียงจงนี่มันสุดยอดทำเลทองจริงๆ ไปไหนก็มีแต่ผู้หญิงสวยๆ!”หลี่จวิ้นเฟิงสายตาร้อนแรง น้ำลายแทบจะไหลออกมาอยู่แล้วแต่พริบตาต่อมา เงาร่างของฉู่เฉินก็ปรากฏตัวอยู่ข้างกู้รั่วเสวี่ย เห็นทั้งสองคล้องแขนกันเดินเข้าไปในโรงยิมอย่างสนิทชิดเชื้อ หลี่จวิ้นเฟิงเบิกตากว้างจนแทบถลนออกมา!ไอ้หนูนี่มันโชคดีจริงๆ ถึงขั้นควงสาวสวยระดับนี
“ฉันไม่มีใบปริญญาทางการแพทย์”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบข่งลิ่งเจี๋ยจ้องฉู่เฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพูดจาเย้ยหยันดูถูกเขา “ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม ไอ้หมอนี่ไม่มีแม้แต่ใบปริญญาทางการแพทย์ ยังกล้าเสนอหน้ามาเข้าร่วมการแข่งขันแพทย์แผนจีนอีก?”“แกไม่รู้เหรอว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนต้องรักษาคนไข้น่ะ? ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดถึงแก่ชีวิตขึ้นมา แกจะรับผิดชอบไหวไหม?”พอได้ยินว่าฉู่เฉินไม่มีแม้แต่ใบปริญญาทางการแพทย์ ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ส่งสายตาดูถูกมาตามกฎแล้ว แพทย์ทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน ล้วนต้องวินิจฉัยโรคให้กับคนไข้ และเขียนใบเบิกยาให้ด้วยฉู่เฉินที่เป็นคนนอกสายอาชีพมาเข้าร่วมการแข่งแบบนี้ ไม่เท่ากับส่งผลเสียกับคนไข้เหรอ?นี่มันไม่ต่างอะไรกับการฆ่าคนเลย!“หมอนั่นมาจากไหน จะใช้กลลวงอะไรก็ควรดูสถานการณ์หน่อยรึเปล่า”“ใครหน้าไหนก็เข้ามาร่วมสนุกได้เหรอ? การแข่งขันครั้งนี้มันยังไงกัน ถึงได้ปล่อยให้คนแบบนี้แฝงตัวเข้ามาได้?”“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยล่ะ? รีบไล่เขาออกไปได้แล้ว!”ฉู่เฉินไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากรอบข้าง แต่กลับเอ่ยด้วยสีหน้าใจเย็นว่า “ฉันไม่มีใบปริญญา เกี่ยวอะ
เอ่ยจบ ฮว่าจิ่วหยางก็เดินมาหยุดยืนต่อหน้าฉู่เฉิน ก่อนจะเอ่ยอย่างขอโทษขอโพยว่า “คุณฉู่ ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ เป็นความสะเพร่าของเราเอง ที่ปล่อยให้คนแบบนี้เข้ามาอยู่ในทีมผู้คุมการแข่งได้ ผมจะสั่งให้ไล่เขาออกเดี๋ยวนี้”อะไรนะ?ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตะลึงงันนี่มันอะไรกัน?เพื่อขอโทษฉู่เฉิน แม้แต่ผู้คุมการแข่งยังต้องถูกไล่ออก?ข่งลิ่งเจี๋ยหน้าซีด หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว!แค่ตำแหน่งผู้คุมการแข่ง สำหรับเขาไม่ได้สลักสำคัญอะไรก็จริงแต่การถูกฮว่าจิ่วหยางจงใจไล่ออกอย่างนี้ เขาไม่ได้เสียโอกาสในการเป็นผู้คุมการแข่งขันเท่านั้น แต่สิ่งที่รอเขาอยู่ คือการถูกแบนในแวดวงการแพทย์ของเจ็ดมณฑลใต้ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข่งลิ่งเจี๋ยตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตัก ยืดอกและพูดกับฮว่าจิ่วหยางว่า “อาวุโสฮว่า ถึงผมจะเคารพคุณมาก แต่ว่า…”“คนที่ไม่มีแม้แต่ใบปริญญาด้านการแพทย์ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าความสามารถด้านการแพทย์เป็นยังไง”“ปล่อยให้คนแบบนี้เข้าร่วมการแข่งขัน ไม่เท่ากับเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาหรอกหรือ”ฮว่าจิ่วหยางได้ยินก็อดหัวเราะไม่ได้ “ทำไม นี่คุณกำลังตั้งข้อกังขาว่าผมไม่ยุติธรรมงั้นเหรอ?”สายตาของฮว่า
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ