งานแถลงข่าวตอนบ่ายพรุ่งนี้ นอกจากฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว บอสใหญ่ๆ ในวงการแพทย์ก็ล้วนแต่เข้าร่วมงานทั้งหมดสุดท้ายมีเพียงแค่ฉู่ซื่อกรุ๊ป เธอยังตัดสินใจไม่ได้เชิญฉู่เฉินกรุ๊ปก็ไม่ต่างกับเชิญสองแม่ลูกตระกูลหลิ่วมาดังนั้นโจวเทียนเฟิ่งจึงตั้งใจโทรศัพท์ไปถามความสมัครใจของฉู่เฉิน“แค่ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เรื่องทางธุรกิจไม่ควรเกี่ยวข้องกับความแค้นส่วนตัว คุณสามารถดำเนินการต่อไปอย่างสบายใจได้เลยครับ”โจวเทียนเฟิ่งได้ยินดังนั้น ก็รีบตอบกลับไปว่า “โอเคค่ะ งั้น... อีกแป๊บคุณจะมาไหมคะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่แล้วล่ะครับ ช่วงนี้ผมมีเรื่องสำคัญ คุณตั้งใจจัดการเรื่องงานแถลงข่าวเถอะครับ”พูดจบ ฉู่เฉินก็วางสายไป ฝึกฝนกระบี่อ่อนนั้นต่อไป......อีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนที่เพิ่งถึงห้องทำงาน เลขาสาวถือจดหมายเชิญวางไว้บนโต๊ะทำงานของหลิ่วหรูเยียน“ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว นี่เป็นจดหมายที่คนของสำนักเฟิ่งส่งมาให้ตอนเช้าค่ะ อย่าลืมดูด้วยนะคะ”สำนักเฟิ่งเหรอ?หลิ่วหรูเยียนเปิดจดหมายเชิญด้วยความอึดอัดใจ เมื่อเธอคำว่างานแถลงข่าวยาบำรุงปราณแล้ว ดวงตาที่สวยงามของเธอหยุดเล็กน้อย และเธอพูดด้วยค
“ฉู่เฉิน นี่มันเป็นที่ที่แกควรมาเหรอ?!”หลิ่วหรูเยียนเชิดหน้าของเธอสูงขึ้น และพูดขึ้นมาอย่างสูงส่งทำไมไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็เจอแต่ฉู่เฉินตัวซวยไปหมดละเนี่ย!เรื่องไลฟ์สดครั้งก่อนก็ถูกฉู่เฉินทำลายไม่เป็นชิ้นดี ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้เขาก็ต้องไล่ฉู่เฉินไปให้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจยาบำรุงปราณประสบปัญหาอีกครั้งจากฉู่เฉิน หลี่ฮุยกวาดสายตาไป เขาก็ลุกขึ้นมาจากโซฟา พร้อมเดินไปทางฉู่เฉินคนอื่นเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนและหลี่ฮุย ทั้งสองคนล้วนแต่เดินไปทางฉู่เฉิน เกิดสงสัยและรวมตัวกันอย่างอดไม่ได้“อุ๊ย นี่มันคุณชายใหญ่ฉู่ไม่ใช่เหรอ? ฉันได้ยินมาว่าแกถูกไล่ออกจากฉู่ซื่อกรุ๊ปไปตั้งนานแล้วนี่ คงไม่ได้อาศัยชื่อของแกเพื่อมาเข้าร่วมแย่งชิงสิทธิการจัดจำหน่ายหรอกใช่ไหม?”หลี่ฮุยพูดด้วยท่าทางดูถูกเมื่อคนที่อยู่รอบๆ นั้นได้ยิน ก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมาออกจากฉู่ซื่อกรุ๊ปไป ใครมันจะยังรู้จักแกอีกฉู่เฉิน?มาถึงที่นี่เพื่อแย่งชิงสิทธิการจัดจำหน่าย นี่มันเพ้อฝันชัดๆ !ฉู่เฉินมองไปที่หลี่ก่านด้วยความเย็นชา พูดขึ้นมาอย่างเรียบนิ่งว่า “แล้วอย่างไงล่ะ?”หลี่ฮุยมองฉู่เฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า พยั
“ที่โรงงานของพ่อฉันกำลังขาดคนขนของพอดีเลย รอฉันกลับไปคุยกับพ่อให้นะ ฉันจะให้โอกาสคนง่อยๆ แบบแกดู บางทีอาจจะเริ่มทำงานพรุ่งนี้เลยก็ได้นะ”สวี่เทียนหลายยิ้มอย่างเย็นชาออกมาเสียงหัวเราะดังออกมาในบริเวณโดยรอบเป็นพักๆฉู่เฉินมองสวี่เทียนหลายด้วยสายตาเย็นชา พูดขึ้นมาอย่างเยือกเย็นว่า “แล้วแกนับว่าเป็นตัวอะไรล่ะ?”สวี่เทียนหลายหัวเราะอย่างเย็นชา ยกแก้วไวน์ในมือขึ้นมา หรี่ตามองฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ ในแวดวงการแพทย์ทั่วทั้งเจียงจงนี้ มีใครบ้างที่ไม่เคยได้ยินชื่อเจียงจงฟาร์มาติคอลกรุ๊ปบ้าง?”“แกนี่มันช่างเป็นคนไร้ประโยชน์ที่โง่เง่าสิ้นดี ก็ยังมีหน้ากล้าที่จะมาที่นี่งั้นเหรอ? ใช่ไหมครับคุณหลิ่ว?”สวี่เทียนหลายจงใจขยิบตาให้หลิ่วหรูเยียนผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ใกล้ ๆ ต่างก็มองที่ฉู่เฉินด้วยสายตาเสียดสีแม้แต่คุณชายสวี่แห่งเจียงจงฟาร์มาติคอลกรุ๊ปก็ยังไม่รู้จัก ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าฉู่เฉินถูกจำกัดออกจากแวดวงวงการแพทย์ในเจียงจงไปตั้งนานแล้วคนไม่ได้เรื่องแบบนี้ไม่ควรเข้าร่วมงานแถลงข่าวยาบำรุงปราณครั้งนี้ฉู่เฉินหันหน้าไปมองหลิ่วหรูเยียนที่ตามเขามา อีกทั้งยังมองไปที่สวี่เทียนหลาย หัวเราะอย่า
เขาเพิ่งจะเดินไปได้แค่สองก้าว จงอาหู่ก็เดินออกมาจากห้องทำงานประธานพอดี “คุณฉู่มาแล้วเหรอครับ อาเจ๊กำลังรอคุณอยู่พอดีเลยครับ หากไม่มีปัญหากับโควตาที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ผมก็จะประกาศผลตามรายชื่อเลยนะครับ”ใบหน้าของจงอาหู่เต็มไปด้วยความเคารพ พร้อมกับโค้งคำนับพูดขึ้นมา“อืม รายชื่อคนอื่นไม่เปลี่ยนแปลง แต่ให้ยกเลิกสิทธิการจัดจำหน่ายของเจียงจงฟาร์มาติคอล”แม้ว่าจงอาหู่จะมีความสงสัยขึ้นในใจ แต่ก็ไม่กล้าขัดเขา พยักหน้าพร้อมพูดว่า “ครับคุณฉู่ เดี๋ยวผมจะไปเปลี่ยนรายชื่อตอนนี้เลยครับ”พูดเสร็จ เขาก็รีบเดินลงบันไดไปในตอนนั้นเอง หลิ่วชิงเหอที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ก็มองเห็นภาพที่จงอาหู่โค้งคำนับให้ฉู่เฉินก็เกิดความประหลาดใจไปชั่วครู่ เมื่อเธอตั้งสติได้ก็พูดขึ้นมาว่า “ฉู่เฉิน แกอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ฉู่เฉินหันไปมองก็พบว่าเป็นหลิ่วชิงเหอ หัวเราะกว้างอย่างอดไม่ได้ “บังเอิญจังเลยนะที่เจอกันที่นี่” วันนี้หลิ่วชิงเหอสวมชุดสูททำงานสีดำข้างในยังมีเสื้อเชิ้ตสีขาว พร้อมกับผมลอนที่สุดแสนเซ็กซี่ เสน่ห์ที่น่าดึงดูดของเธอแผ่ซ่านออกมาอีกทั้งเนื่องจากรูปร่างของเธอร้อนแรง บ
“ฉันจะบอกแกไว้นะ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปฉันจะไม่ได้รับความคุกคามจากแกอีกต่อไป!”วินาทีต่อมา ร่องรอยของความแน่วแน่ปรากฏชัดในดวงตาที่งดงามของหลิ่วชิงเหอ!ไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่มันจะทำเกินไปแล้วนะ เมื่อเย็นวานก่อนก็เพิ่งหลอกเธอไป ตอนนี้ยังจะใช้อนาคตของบริษัทมาข่มขู่เธออีกหากนับตามลำดับแล้ว เธอเป็นแม่บุญธรรมของฉู่เฉินเชียวนะ ไม่ใช่ที่ระบายส่วนตัวของฉู่เฉิน ทำไมเธอต้องถูกควบคุมจากฉู่เฉินอยู่เสมอ?!“ฉันรังแกพวกเธอสองแม่ลูกงั้นเหรอ? พูดออกมาได้ไม่อายปาก!”ฉู่เฉินมองดูหลิ่วชิงเหอด้วยสายตาที่เย็นชามากขึ้น พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “อย่างอื่นฉันจะไม่พูดถึงนะ หากไม่มีตระกูลฉู่ของพวกฉัน พวกเธอสองแม่ลูกเร่ร่อนอยู่ข้างถนนไปนานแล้ว”“แต่เธอตอบแทนตระกูลฉู่ของพวกฉันอย่างไร!”“สามปีที่ผ่านมานี้ พวกเธอสองแม่ลูกทำกับฉันแบบไหน!”“ที่พวกเธอติดค้างฉันชีวิตนี้ก็ใช้ไม่หมดหรอก ก่อนหน้านี้มันก็แค่การเก็บดอกเบี้ยเล็กน้อยเท่านั้นเอง!”หลิ่วชิงเหอถูกฉู่เฉินตอกกลับจนพูดไม่ออก ก้าวถอยหลังออกไป สีหน้ากังวลพูดขึ้นมาว่า “ฉู่เฉิน ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าโจวเทียนเฟิ่งจะฟังแก อีกทั้งยังไม่เชื่อด้วยว่าแพทย์แผนจีนอาวุโสจะเชื
“เราก็เหมือนกันนั่นแหละ อีกอย่างเธอสนุกทุกครั้งไม่ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อประโยคนี้ออกไป หลิ่วชิงเหอเหมือนกับถูกน้ำเย็นราดบนหัวของเธอแม้แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าทำไมทุกครั้งที่เธอมีอะไรกับฉู่เฉิน มักจะมีความรู้สึกที่แตกต่างไปทุกครั้งไม่เหมือนกันสักครั้งแต่กลับทำให้เธอหยุดไม่ได้ ถึงขนาดที่ว่าเมื่อคืนเธอร้องจนเสียงเกือบแหบแต่ว่าเธอไม่ชอบเลยที่ถูกฉู่เฉินไอ้สัตว์เดรัจฉานข่มเหงแบบนี้“ต้องมีสักวันที่ฉันจะฆ่าแกด้วยมือของฉันเอง!”หลิ่วชิงเหอราวกับถูกสูบวิญญาณไปจนหมด สภาพเหมือนกับศพที่เดินได้ ก้าวเท้าที่หนักอึ้งเดินไปข้างหน้าฉู่เฉินตอนนั้นเองแม้แต่ความกล้าที่จะต่อต้านก็ไม่มีเลยสักนิด ฉู่เฉินได้จับจุดอ่อนของเธอไว้แล้วนอกจากยอมแพ้ เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว“อย่ามาแสร้งทำตัวน่าสงสารเลย นี่มันเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ ไม่ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินมองดูหลิ่วชิงเหอที่บิดบั้นท้ายอวบอั๋น ขาขาวราวกับหิมะที่เดินเข้ามาหาเขาสั่นคลอนไปหมด สายตามองต่ำลงไปเล็กน้อย มองผ่านคอเสื้อก็จะเห็นหน้าอกสีขาวราวกับหิมะที่เป็นร่องลึกหลิ่วชิงเหอสูดหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้าขึ้นมา
เธอคือหลินชือหย่า คุณหนูผู้ร่ำรวยที่สุดในมณฑลจากตระกูลแต่ก็บังเอิญเหมือนกัน กู้รั่วเสวี่ยกับหลินชือหย่าเป็นเพื่อนสมัยมหาลัย เพิ่งเจอกันที่หน้าประตูเมื่อกี้ ด้วยเหตุนี้สองสาวจึงรวมตัวกันแต่การปรากฏตัวของทั้งสองสาวงาม ดึงดูดความสนใจจากคนมาจีบหลิ่วหรูเยียนที่แต่เดิมกำลังรุมล้อมเธอได้อย่างเห็นได้ชัดเมื่อกลุ่มชายหนุ่มร่ำรวยที่มีดวงตาสีเขียวเดินเข้ามาหาเธอ หลินชือหย่าก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาอย่างกะทันหัน“รั่วเสวี่ย ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ”หลินชือหย่าพูดขึ้นมา รีบลุกขึ้นปลีกตัวออกมาจากเหล่าเศรษฐีที่มากวนใจเธอ รีบเดินตรงไปทางหนีไฟอย่างรวดเร็วแต่เมื่อเธอกำลังผลักเปิดประตูช่องเล็กๆ ก็มีเสียงดังออกมาจากข้างใน ทำให้ตัวของหลินชือหย่าตัวแข็งทื่อทันทีทำไมมีเสียงแบบนี้ดังออกมาได้นะ...ทันใดนั้นเองหลิ่วชิงเหอที่กำลังดื่มด่ำก็ไม่รู้ตัว แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้ถึงหลินชือหย่าที่อยู่ทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงหน้าประตูนานแล้ว“ประธานหลิ่วอร่อยไหม?”ฉู่เฉินก้มศีรษะลงไปถามอย่างจงใจหลิ่วชิงเหอขมวดคิ้วเล็กน้อย ไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ฉวยโอกาสจากเธอไปแล้ว ยังจะเอาแต่พูดไม่หยุดเธอจ้องมองไปที่ฉู่เฉินอย่างดุร้า
ความตกตะลึงที่ฉู่เฉินมอบให้หลินชือหย่า ไม่น้อยไปกว่าระเบิดลูกใหญ่เลยแม้ว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ แต่ถึงแม้ว่าไม่เคยกินหมู แต่จะเคยเจอหมูวิ่งมาก่อนเหรอ? เธอเคยเห็นการกระทำพวกนั้นในหนังผู้ใหญ่ พระเอกทำต่อเนื่องได้มากสุดก็แค่สิบนาทีกว่าๆ เองไม่ใช่เหรอ?อีกอย่างเขายังเป็นมืออาชีพอีกด้วยครั้งนี้หลินชือหย่าภายในใจเต็มไปด้วยความสงสัย มองลองผ่านช่องประตูเล็กๆ มองไปยังภาพที่เร่าร้อนของทั้งสองคนแต่ที่ทำให้เธอคาดไม่ถึงก็คือ ครั้งนี้เธอไม่มีความเหนียมอายเลยแม้แต่น้อย กลับกันร่างกายของเธอยังร้อนรุ่มอีกด้วย และบนใบหน้าเล็กขาวนั้นก็เปลี่ยนแดงก่ำ ร่องรอยสีชมพูก็ปรากฏขึ้นผ่านไปหลายนาทีหลิ่วชิงเหอค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอึก!หลินชือหย่าก็กลืนน้ำลายตามไปด้วย“ตึกๆๆ”เสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบกับพื้นดังขึ้นมา หลินชือหย่าตกใจจนเหงื่อท่วมตัว รีบร้อนถอยหลังออกไป รีบเข้าไปหลบในฝูงชนตามมาด้วยประตูใหญ่ที่เปิดออก หลิ่วชิงเหอเดินอย่างมั่นใจด้วยใบหน้าแดงก่ำ เดินตรงไปทางหลิ่วหรูเยียนหลินชือหย่าแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองหรือว่า... หลังจากทำเรื่องอย่างว่าจะทำให้ผู้หญิงมั่นใจขึ้นงั้นเหรอ?ไม
ถุย!หลิงเสวี่ยจ้องฉู่เฉินด้วยความเกลียดชังเธอคุกเข่าบนพื้นมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว นวดจนแขนทั้งปวดทั้งเมื่อย ฉู่เฉินม่รู้จักทะนุถนอมผู้หญิงเลยงั้นเหรอ?แม้แต่น้ำสักอึกก็ไม่ให้เธอดื่ม อย่างน้อยก็น่าจะให้เธอได้พักบ้างสิ“ฉู่เฉิน คุณคงไม่คิดจริงๆ หรอกนะว่าพวกเราในวังว่านเจี้ยนจะกลัวคุณ? ตราบใดที่กำลังเสริมมาถึง คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกก็จะถูกขับไล่ออกไป ถึงเวลานั้น... ถึงเวลานั้นคุณจะมาร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว!”หลิงเสวี่ยไม่อาจทนได้อีกต่อไป กัดฟันเงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉินด้วยความโกรธแค้นฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ ส่ายหัวและกล่าวว่า “วังว่านเจี้ยน? กำลังเสริม? คุณคิดง่ายเกินไปแล้ว”กล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็ค่อยๆ วางถ้วยชาลงและกล่าวอย่างใจเย็น “คุณคงไม่คิดว่าผมจงใจปล่อยข่าวออกไปเพื่อจัดการกับพวกคุณโดยเฉพาะหรอกใช่ไหม?”“ถ้าคิดแบบนั้น คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”อย่าว่าแต่พวกคุณสามสำนักเลย ต่อให้สามสิบหรือสามร้อย ผมก็ไม่ใส่ใจ”โอ้ย บ้าจริง!คุณนี่โม้เกินไปแล้ว!หลิงเสวี่ยโกรธจนฝ่ามือคันยุบยิบ อยากจะตบฉู่เฉินสักสองฉาดเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวว่า “ไม่เชื่
“ปรมาจารย์ อย่ารับปากเขานะครับ!”“ปรมาจารย์ วังว่านเจี้ยนของเรายังจะกลัวเขาที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระคนเดียวอีกเหรอ!”“ปรมาจารย์ ผมอาสาไปเฝ้าประตูเขาเพื่อปกป้องสำนักเองครับ!”เหล่าศิษย์ต่างตาเบิกโพลงด้วยความโกรธแค้น!ความหมายในคำพูดของฉู่เฉิน นั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คือต้องการใช้หลิงเสวี่ยแลกกับความปลอดภัยของทั้งสำนักเทียนเจี้ยนของพวกเขา!ใครในที่นี้ที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายอกสามศอกบ้าง?ยิ่งไปกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังเป็นศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนแล้วจะให้นั่งดูศิษย์น้องสาวที่สวยดั่งเทพธิดาไปอุ่นเตียงให้สารเลวฉู่เฉินนั่นได้ยังไง?!“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของวังเทียนเจี้ยน ให้ฉันได้ไตร่ตรองก่อน”ถึงปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะหน้าหนาแค่ไหน ก็ไม่อาจตอบรับฉู่เฉินได้โดยง่าย ท้ายที่สุดแล้วก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสำนักเทียนเจี้ยนโดยเฉพาะในโลกแห่งการหยั่งรู้ มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ว่าอยู่อย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็นนิกายหรือสำนักไหน การส่งศิษย์หญิงให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นกระถางหลอมเพื่อบำเพ็ญคู่หรือเพื่ออุ่นเตียง ล้วนเท่ากับเป็นการยอมจำนนต่ออีกฝ่ายวังเทียนเจี้ยนแค่ประสบ
ต้องรีบกำจัดหายนะนี่ออกไปโดยด่วน ไม่งั้นแม้แต่ประตูหินหนักหมื่นชั่งของวังเทียนเจี้ยนคงจะทนได้อีกไม่นานแม้ประตูหินบานนั้นจะเป็นสิ่งที่บรรพจารย์ทิ้งไว้ แม้แต่ผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณก็ไม่อาจทำอะไรวังเทียนเจี้ยนได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้หน้าประตูวังเทียนเจี้ยนกลับมีเสียงดังกึกก้องดังขึ้นถ้าจะบอกว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่กังวล นั่นก็เป็นโกหกอย่างไรเสียก็มีสำนักชิงอวิ๋นเป็นตัวอย่างอยู่ตรงหน้า ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจึงตระหนักถึงความร้ายกาจในเรื่องนี้ดี“ไม่ต้องรีบร้อน ใช่แล้ว ที่นี่มีห้องรับรองแขกไหม?”ฉู่เฉินวางถ้วยชาลง เอามือเท้าคาง เอนตัวนอนบนเก้าอี้ยาวและเงยหน้าขึ้นกวาดตามองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งอะไรนะ?ห้องรับรองแขกเหรอ?ตอนนี้เหล่าศิษย์ทุกคนในวังเทียนเจี้ยน ล้วนมีสีหน้าโกรธจัด!ฉู่เฉินคิดว่าวังเทียนเจี้ยนเป็นโรงแรมหรือไง? ยังจะขอห้องรับรองแขกอีก!“กึก...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนกัดฟัน ก่อนจะพยักหน้ากล่าว “แน่นอนว่ามีครับ คุณฉู่...”“หาว …”ฉู่เฉินหาว ขยี้ตาแล้วกล่าวว่า “งั้นก็ดีเลย รบกวนเจ้าสำนักจัดให้ผมสักห้องด้วยครับ ผมอยากพูดคุยเรื่องชีวิตกับศิษย์น้องหลิงเสวี่ยอย่างลึก
อะไรนะ?!ดวงตาคู่สวยของหลิงเสวี่ยจ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาราวกับจะกลืนกินฉู่เฉินเข้าไปทั้งเป็นเหล่าศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ต่างก็พากันจ้องฉู่เฉินเขม็งด้วยสายตาอาฆาตหลิงเสวี่ยคือหนึ่งในสามหญิงงามแห่งวังเทียนเจี้ยน โดยปกติแล้ว ถือเป็นคู่ครองในอุดมคติของบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้อง แต่ที่น่าเสียดายก็คือหลิงเสวี่ยดูเหมือนจะไม่สนใจใครเลยกระทั่งศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงก็ยังโดนศิษย์น้องหลิงเสวี่ยปฏิเสธมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้เจ้าเด็กฉู่เฉินคนนี้กลับขอให้ศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าใฝ่ฝันมานวดขาให้เขาเนี่ยนะ?“ปรมาจารย์ คนคนนี้จองหองเกินไป ผม...”“ถอยไป!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนถลึงตาจ้องถานเฟิงอย่างดุดัน การฆ่าฉู่เฉินยังไม่ง่าย?แต่ถ้าฆ่าฉู่เฉินแล้ว แล้วเหล่ายอดฝีมือที่เขาเอาชนะมาได้จะทำยังไง?จะให้วังเทียนเจี้ยนถูกทำลายงั้นเหรอ?เมื่อถานเฟิงเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายของปรมาจารย์ว่านเจี้ยน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปและรีบถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง“หลิงเสวี่ย ไม่ได้ยินที่คุณฉู่สั่งเหรอ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนสีหน้ามืดมน กัดฟันเอ่ยถาม“อะไรนะ? ปรมาจารย์ ฉัน...”หลิ
เมื่อปรมาจารย์ว่านเจี้ยนได้ยินรายงานจากศิษย์ในสำนัก ก็รีบร้อนสั่งว่า “ใครก็ได้ รีบปิดประตูเขาเร็วเข้า ห้ามผู้ใดบุกรุกเข้ามาโดยเฉพาะฉู่เฉิน ห้ามให้เขาเข้ามาเด็ดขาด”น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้วังเทียนเจี้ยนจะมีคนหนุนหลังอยู่ แต่ศึกใหญ่นี้ ถ้าปะทุขึ้นในวังเทียนเจี้ยน ทั้งวังเทียนเจี้ยนก็อาจจะพินาศย่อยยับ ถึงจะชนะแล้วยังไงล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายล้วนเป็นสำนักระดับสูงสุดในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้อำนาจเบื้องหลังวังเทียนเจี้ยน ก็ใช่ว่าจะสามารถคว้าชัยชนะได้แต่ในเวลานี้ เพียงเห็นเงาร่างผู้หนึ่งพุ่งทะยานมาทางประตูเขาวังเทียนเจี้ยนรวดเร็วดั่งสายลมกรรโชก“ปรมาจารย์ ท่านดู...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองตามปลายนิ้วของศิษย์ในสำนักไป เพียงเห็นฉู่เฉินสภาพเปื้อนฝุ่น กำลังวิ่งหน้าตั้งมาทางวังเทียนเจี้ยนด้วยรอยยิ้มจางบนใบหน้าแม่ง!รูม่านตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนหดแคบลงทันที กลัวอะไรก็เจออย่างนั้นจริงๆดาวหายนะฉู่เฉิน ดันมาแล้วจริงๆ !“เร็ว… รีบปิดประตูเขาเดี๋ยวนี้!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนตกใจจนพูดจาตะกุกตะกักเขาไม่ได้กลัวฉู่เฉิน แต่กลัวกลุ่มคนที่ตามหลังฉู่เฉินมาไกลๆ ต่างหาก!เปรี้ยง!พร้อมด้วยเสียงดังส
“ถอยไป!”ทันทีที่เทพสังหารชูขวานยักษ์ขึ้น ว่านโซ่วเซียนเวิงก็เอ่ยปากห้ามอย่างกะทันหัน“ท่านอาจารย์ เขา...”“หืม?!”ดวงตาของว่านโซ่วเซียนเวิงเย็นเยียบลง ทำให้เทพสังหารตกใจรีบถอยไปหลายก้าว ก้มศีรษะลงต่ำ“สหายน้อย เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ? มอบยาสร้างกล้ามเนื้อ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย พลางแบมือออกกล่าวว่า “ทุกท่าน หากไม่เชื่อก็สามารถตรวจดูด้วยตัวเองได้ ถ้าเป็นของปลอมแม้แต่น้อย เอาผิดกับผมได้!”เมื่อกล่าวจบ ว่านโซ่วเซียนเวิงกับผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็ก้าวออกมาเกือบจะในเวลาเดียวกัน รวดเร็วราวสายฟ้า แย่งชิงยาสร้างกล้ามเนื้อจากมือของฉู่เฉินไปคนละเม็ดผู้มีอิทธิพลระดับทารกวิญญาณคนอื่นๆ ก็ทยอยกันมาหยิบยาสร้างกล้ามเนื้อไปคนละเม็ดเช่นกัน แล้วตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่นาน“เป็นยาสร้างกล้ามเนื้อจริงๆ!”ในดวงตาของว่านโซ่วเซียนเวิงมีประกายแสงวาบผ่าน ก่อนจะเหลือบตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถามว่า “ยาลูกกลอนนี้ แกไปได้มาจากที่ไหน?”แม้ยาสร้างกล้ามเนื้อจะไม่ได้ระดับสูงนัก แต่คนที่สามารถหลอมได้กลับมีน้อยอย่างยิ่งอย่าว่าแต่ในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้แต่ในเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสิบทศภูมิ ล้วนเป็นยาวิเศษล้ำค
ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นทำหน้าร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนติดต่อกันเมื่อเห็นว่าพวกเทพสังหารลับมีดเตรียมลงมือต่อสู้อีกครั้ง ประตูใหญ่สำนักชิงอวิ๋นของเขายังจะเหลืออยู่อีกเหรอ“เห็นแก่ที่คุณมีความจริงใจเต็มเปี่ยม ผมปล่อยคุณไปสักครั้งก็ได้ แต่ว่าผมเดินทางมาไกลมาก คุณคงไม่ให้ผมจากไปมือเปล่าหรอกใช่ไหม?”ฉู่เฉินค่อย ๆ ลุกขึ้น เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ก้มมองท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า“ขอให้คุณฉู่ระบุให้ชัดเจนด้วย”คราวนี้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นร้องไห้แล้วจริง ๆ นับตั้งแต่รับตำแหน่งเจ้าสำนักมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนย่อยยับ ที่สำคัญคือเขายังไม่กล้าโต้แย้งสักคำด้วยอัดอั้นตันใจจนกระอักเลือดแล้วจริง ๆ “พูดไปแล้วก็ง่ายนิดเดียว คุณดูสมุนไพรในรายการนี้ แล้วเตรียมมาคนละชุด”ฉู่เฉินกล่าวพลางล้วงใบรายการออกมาจากในอกแล้วยื่นให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพอได้เห็น ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็ร้อนใจแล้วบนนั้นเป็นสมุนไพรหายากทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญ้าเสวียนเทียน ดอกร้อยสีสัน รากวิญญาณปฐพี...ถึงขนาดที่มีสมุนไพรบางตัวที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยเห
“ฉู่เฉิน คุณคิดจะเป็นศัตรูกับสำนักชิงอวิ๋นของผมถึงตายเลยหรือไง!”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นกัดฟันกรอด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดง!ทุกอย่างล้วนเป็นปัญหาที่ฉู่เฉินก่อขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะฉู่เฉินฆ่าลูกศิษย์ของเขา เขาจะเล่นงานฉู่เฉินหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?และตอนนี้ฉู่เฉินชักนำหายนะร้ายแรงมา แต่อยากให้เขาคุกเข่าอ้อนวอนเหรอ?ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็เป็นเจ้าสำนัก อย่าว่าแต่ใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำเลย แค่เขาคุกเข่าต่อหน้าลูกศิษย์หลายร้อยคนของสำนักชิงอวิ๋น อนาคตเขายังมีหน้าไปปกครองสำนักชิงอวิ๋นได้อย่างไร? “คุณก็เป็นเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมพูดจาเหมือนเด็กที่ยังฟันไม่ขึ้นล่ะ? เห็นชัด ๆ ว่าคุณเป็นคนเชิญผมมา คุณอยากจะฆ่าผมให้ตาย คุณคิดว่าผมยังใส่ใจเรื่องเป็นศัตรูกับสำนักชิงอวิ๋นของพวกคุณอีกเหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ เอ่ยด้วยใบหน้าดูแคลนถึงอย่างไรข้าวของที่ถูกทำลายตอนนี้ก็ไม่ใช่ทรัพย์สินของฉู่เฉิน ต่อให้สำนักชิงอวิ๋นถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?ครั้งนี้ ฉู่เฉินอยากให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นเข้าใจหลักการที่ว่าเชิญเทพง่าย แต่ส
วินาทีต่อมา เทพสังหารตวัดขวานศึกในมือผ่านอากาศ พุ่งตรงลงมาบนศีรษะของท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นขวานนี้คล้ายกับมีพลังที่สามารถผ่าภูผาได้เมื่อเห็นว่ากระบวนท่าสังหารมาถึงแล้ว ปราณแท้รอบกายท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพลันพุ่งพล่าน กระบี่ยาวในมือปล่อยรัศมีแสงงดงามหมื่นสาย ตวัดกระบี่ออกไปเต็มแรงรับขวานศึกของเทพสังหารขวานศึกฟาดฟัน กระบี่ยาวผ่าอากาศ! เคร้ง!แม้ว่าท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นออกแรงอย่างสุดกำลัง แต่เขายังคงโดนขวานของเทพสังหารกระแทกจนกระเด็นออกไปแล้วพรวด!ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมา เขากระเด็นออกไปสิบเมตร ก่อนจะร่วงกระแทกลงมาบนบันไดหินอย่างหนักหน่วง บันไดหินเหล็กโดนกระแทกจนเป็นหลุมลึก พลังแตกต่างกันมากเกินไป เทพสังหารไม่ใช่คนที่ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นสามารถต่อกรได้เลยหากไม่ใช่เพราะยังมีลมปราณน่าสะพรึงกลัวหลายสายในฝูงชนพุ่งเป้ามาที่ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ขวานนี้เพียงพอที่จะส่งเขาไปสู่ปรโลกแล้ว“หยกโลหิตกิเลนไม่มีความเกี่ยวข้องกับสำนักว่านเซียนของพวกคุณเลย พวกคุณปล้นกันชัด ๆ! ตะ...ต่อให้ผมตายก็ไม่ยอม!”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพยายา