อินซู่ซู่ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างไม่พอใจต่อสายตาที่เต็มไปด้วยการรุกรานของหลี่จวิ้นเฟิง“คนสวย ไม่ทราบว่าคุณฉู่เฉินพักอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?” ระหว่างที่พูดอยู่ สายตาของหลี่จวิ้นเฟิงคอยป้วนเปี้ยนอยู่ตรงหน้าอกที่เชิดขึ้นของอินซู่ซู่“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ?” อินซู่ซู่สังเกตเห็นว่าสายตาของหลี่จวิ้นเฟิงไม่ละไปจากส่วนอ่อนไหวของเธอตลอด ดวงหน้างามพลันเย็นชา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ“อ้อ เกือบลืมแนะนำตัวเองไปเลย ผมคือหลี่จวิ้นเฟิง เป็นศิษย์เอกเจ้ายอดเขาที่เจ็ดของสำนักหมอ ตั้งใจมาขอพบคุณฉู่ หวังว่าคุณคนสวยช่วยแจ้งให้ทีนะครับ”ความจริงแล้วหลี่จวิ้นเฟิงไม่ศิษย์เอกเจ้ายอดเขาอะไรเลย เป็นเพียงแค่หนึ่งในผู้มีพรสวรรค์มากมายในยอดเขาที่เจ็ดของสำนักหมอเท่านั้น เขาแต่งยศนี้ขึ้นมาอย่างลวก ๆ เองถึงอย่างไรศิษย์เอกก็น่าเกรงขามกว่าศิษย์ทั่วไปมาก“ได้ค่ะ คุณรอสักครู่นะคะ” ปัง!อินซู่ซู่ปิดประตูรั้วอย่างหนักหน่วง เธอเดินเข้ามาในบ้านพลางหันหน้าไปถ่มน้ำลาย ดวงหน้างามพึมพำด้วยเสียงเย็นชาเล็กน้อยว่า “ถุย ท่าทางหื่นกาม แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี!” “มีอะไร?” ยังไม่ทันที่อินซู่ซู่จะเข้า
หืม?หลี่จวิ้นเฟิงรู้สึกได้ชัดเจนว่าสายตาของฉู่เฉินเต็มไปด้วยความเป็นอริ เขาจึงอดประหลาดใจไม่ได้ โดยปกติแล้ว ขอเพียงเขาประกาศชื่อของสำนักหมอออกมา ไม่ว่าจะเป็นวงการต่อสู้ หรือว่าพวกสำนักใหญ่ล้วนให้ความเคารพต่อเขามากถึงจะถูก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หลี่จวิ้นเฟิงยืนยันได้ว่าอาการบาดเจ็บของฉู่เฉินยังไม่หายดีทั้งหมด อีกฝ่ายก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะเป็นศัตรูต่อเขาขนาดนี้ เวลานี้เอง อินซู่ซู่ถือถาดชา รินชาหอม ๆ ให้พวกเขาสองคน ในขณะที่หลี่จวิ้นเฟิงรับชาหอม เขาก็เอานิ้วก้อยสัมผัสฝ่ามือของอินซู่ซู่“อ๊าย! คุณทำอะไรน่ะ!”ดวงหน้างามของอินซู่ซู่เย็นชาขึ้นมา ถลึงตาใส่หลี่จวิ้นเฟิงอย่างอำมหิต สีหน้าของหลี่จวิ้นเฟิงแข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ผมกำลังถามคุณอยู่นะ!” ฉู่เฉินทำหน้าเย็นชา ไม่ไปแตะต้องถ้วยชาบนโต๊ะเลย จิตสังหารรอบตัวก็แผ่ออกมาเช่นกัน หลี่จวิ้นเฟิงสัมผัสได้ถึงความเย็นชาอย่างรุนแรงสุดขีดทันที เขารีบวางถ้วยชาแล้วพูดว่า “คุณฉู่อย่าเข้าใจผิดครับ ผมตั้งใจมาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้คุณฉู่นะ!” ขณะที่พูดก็หยิบกล่องไม้ที่สร้างขึ้นอย่างงดงามออกมาจากในอก ก่อนจะเปิดฝาด้
งานแถลงข่าวตอนบ่ายพรุ่งนี้ นอกจากฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว บอสใหญ่ๆ ในวงการแพทย์ก็ล้วนแต่เข้าร่วมงานทั้งหมดสุดท้ายมีเพียงแค่ฉู่ซื่อกรุ๊ป เธอยังตัดสินใจไม่ได้เชิญฉู่เฉินกรุ๊ปก็ไม่ต่างกับเชิญสองแม่ลูกตระกูลหลิ่วมาดังนั้นโจวเทียนเฟิ่งจึงตั้งใจโทรศัพท์ไปถามความสมัครใจของฉู่เฉิน“แค่ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เรื่องทางธุรกิจไม่ควรเกี่ยวข้องกับความแค้นส่วนตัว คุณสามารถดำเนินการต่อไปอย่างสบายใจได้เลยครับ”โจวเทียนเฟิ่งได้ยินดังนั้น ก็รีบตอบกลับไปว่า “โอเคค่ะ งั้น... อีกแป๊บคุณจะมาไหมคะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่แล้วล่ะครับ ช่วงนี้ผมมีเรื่องสำคัญ คุณตั้งใจจัดการเรื่องงานแถลงข่าวเถอะครับ”พูดจบ ฉู่เฉินก็วางสายไป ฝึกฝนกระบี่อ่อนนั้นต่อไป......อีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนที่เพิ่งถึงห้องทำงาน เลขาสาวถือจดหมายเชิญวางไว้บนโต๊ะทำงานของหลิ่วหรูเยียน“ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว นี่เป็นจดหมายที่คนของสำนักเฟิ่งส่งมาให้ตอนเช้าค่ะ อย่าลืมดูด้วยนะคะ”สำนักเฟิ่งเหรอ?หลิ่วหรูเยียนเปิดจดหมายเชิญด้วยความอึดอัดใจ เมื่อเธอคำว่างานแถลงข่าวยาบำรุงปราณแล้ว ดวงตาที่สวยงามของเธอหยุดเล็กน้อย และเธอพูดด้วยค
“ฉู่เฉิน นี่มันเป็นที่ที่แกควรมาเหรอ?!”หลิ่วหรูเยียนเชิดหน้าของเธอสูงขึ้น และพูดขึ้นมาอย่างสูงส่งทำไมไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็เจอแต่ฉู่เฉินตัวซวยไปหมดละเนี่ย!เรื่องไลฟ์สดครั้งก่อนก็ถูกฉู่เฉินทำลายไม่เป็นชิ้นดี ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้เขาก็ต้องไล่ฉู่เฉินไปให้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจยาบำรุงปราณประสบปัญหาอีกครั้งจากฉู่เฉิน หลี่ฮุยกวาดสายตาไป เขาก็ลุกขึ้นมาจากโซฟา พร้อมเดินไปทางฉู่เฉินคนอื่นเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนและหลี่ฮุย ทั้งสองคนล้วนแต่เดินไปทางฉู่เฉิน เกิดสงสัยและรวมตัวกันอย่างอดไม่ได้“อุ๊ย นี่มันคุณชายใหญ่ฉู่ไม่ใช่เหรอ? ฉันได้ยินมาว่าแกถูกไล่ออกจากฉู่ซื่อกรุ๊ปไปตั้งนานแล้วนี่ คงไม่ได้อาศัยชื่อของแกเพื่อมาเข้าร่วมแย่งชิงสิทธิการจัดจำหน่ายหรอกใช่ไหม?”หลี่ฮุยพูดด้วยท่าทางดูถูกเมื่อคนที่อยู่รอบๆ นั้นได้ยิน ก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมาออกจากฉู่ซื่อกรุ๊ปไป ใครมันจะยังรู้จักแกอีกฉู่เฉิน?มาถึงที่นี่เพื่อแย่งชิงสิทธิการจัดจำหน่าย นี่มันเพ้อฝันชัดๆ !ฉู่เฉินมองไปที่หลี่ก่านด้วยความเย็นชา พูดขึ้นมาอย่างเรียบนิ่งว่า “แล้วอย่างไงล่ะ?”หลี่ฮุยมองฉู่เฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า พยั
“ที่โรงงานของพ่อฉันกำลังขาดคนขนของพอดีเลย รอฉันกลับไปคุยกับพ่อให้นะ ฉันจะให้โอกาสคนง่อยๆ แบบแกดู บางทีอาจจะเริ่มทำงานพรุ่งนี้เลยก็ได้นะ”สวี่เทียนหลายยิ้มอย่างเย็นชาออกมาเสียงหัวเราะดังออกมาในบริเวณโดยรอบเป็นพักๆฉู่เฉินมองสวี่เทียนหลายด้วยสายตาเย็นชา พูดขึ้นมาอย่างเยือกเย็นว่า “แล้วแกนับว่าเป็นตัวอะไรล่ะ?”สวี่เทียนหลายหัวเราะอย่างเย็นชา ยกแก้วไวน์ในมือขึ้นมา หรี่ตามองฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ ในแวดวงการแพทย์ทั่วทั้งเจียงจงนี้ มีใครบ้างที่ไม่เคยได้ยินชื่อเจียงจงฟาร์มาติคอลกรุ๊ปบ้าง?”“แกนี่มันช่างเป็นคนไร้ประโยชน์ที่โง่เง่าสิ้นดี ก็ยังมีหน้ากล้าที่จะมาที่นี่งั้นเหรอ? ใช่ไหมครับคุณหลิ่ว?”สวี่เทียนหลายจงใจขยิบตาให้หลิ่วหรูเยียนผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ใกล้ ๆ ต่างก็มองที่ฉู่เฉินด้วยสายตาเสียดสีแม้แต่คุณชายสวี่แห่งเจียงจงฟาร์มาติคอลกรุ๊ปก็ยังไม่รู้จัก ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าฉู่เฉินถูกจำกัดออกจากแวดวงวงการแพทย์ในเจียงจงไปตั้งนานแล้วคนไม่ได้เรื่องแบบนี้ไม่ควรเข้าร่วมงานแถลงข่าวยาบำรุงปราณครั้งนี้ฉู่เฉินหันหน้าไปมองหลิ่วหรูเยียนที่ตามเขามา อีกทั้งยังมองไปที่สวี่เทียนหลาย หัวเราะอย่า
เขาเพิ่งจะเดินไปได้แค่สองก้าว จงอาหู่ก็เดินออกมาจากห้องทำงานประธานพอดี “คุณฉู่มาแล้วเหรอครับ อาเจ๊กำลังรอคุณอยู่พอดีเลยครับ หากไม่มีปัญหากับโควตาที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ผมก็จะประกาศผลตามรายชื่อเลยนะครับ”ใบหน้าของจงอาหู่เต็มไปด้วยความเคารพ พร้อมกับโค้งคำนับพูดขึ้นมา“อืม รายชื่อคนอื่นไม่เปลี่ยนแปลง แต่ให้ยกเลิกสิทธิการจัดจำหน่ายของเจียงจงฟาร์มาติคอล”แม้ว่าจงอาหู่จะมีความสงสัยขึ้นในใจ แต่ก็ไม่กล้าขัดเขา พยักหน้าพร้อมพูดว่า “ครับคุณฉู่ เดี๋ยวผมจะไปเปลี่ยนรายชื่อตอนนี้เลยครับ”พูดเสร็จ เขาก็รีบเดินลงบันไดไปในตอนนั้นเอง หลิ่วชิงเหอที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ก็มองเห็นภาพที่จงอาหู่โค้งคำนับให้ฉู่เฉินก็เกิดความประหลาดใจไปชั่วครู่ เมื่อเธอตั้งสติได้ก็พูดขึ้นมาว่า “ฉู่เฉิน แกอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ฉู่เฉินหันไปมองก็พบว่าเป็นหลิ่วชิงเหอ หัวเราะกว้างอย่างอดไม่ได้ “บังเอิญจังเลยนะที่เจอกันที่นี่” วันนี้หลิ่วชิงเหอสวมชุดสูททำงานสีดำข้างในยังมีเสื้อเชิ้ตสีขาว พร้อมกับผมลอนที่สุดแสนเซ็กซี่ เสน่ห์ที่น่าดึงดูดของเธอแผ่ซ่านออกมาอีกทั้งเนื่องจากรูปร่างของเธอร้อนแรง บ
“ฉันจะบอกแกไว้นะ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปฉันจะไม่ได้รับความคุกคามจากแกอีกต่อไป!”วินาทีต่อมา ร่องรอยของความแน่วแน่ปรากฏชัดในดวงตาที่งดงามของหลิ่วชิงเหอ!ไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่มันจะทำเกินไปแล้วนะ เมื่อเย็นวานก่อนก็เพิ่งหลอกเธอไป ตอนนี้ยังจะใช้อนาคตของบริษัทมาข่มขู่เธออีกหากนับตามลำดับแล้ว เธอเป็นแม่บุญธรรมของฉู่เฉินเชียวนะ ไม่ใช่ที่ระบายส่วนตัวของฉู่เฉิน ทำไมเธอต้องถูกควบคุมจากฉู่เฉินอยู่เสมอ?!“ฉันรังแกพวกเธอสองแม่ลูกงั้นเหรอ? พูดออกมาได้ไม่อายปาก!”ฉู่เฉินมองดูหลิ่วชิงเหอด้วยสายตาที่เย็นชามากขึ้น พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “อย่างอื่นฉันจะไม่พูดถึงนะ หากไม่มีตระกูลฉู่ของพวกฉัน พวกเธอสองแม่ลูกเร่ร่อนอยู่ข้างถนนไปนานแล้ว”“แต่เธอตอบแทนตระกูลฉู่ของพวกฉันอย่างไร!”“สามปีที่ผ่านมานี้ พวกเธอสองแม่ลูกทำกับฉันแบบไหน!”“ที่พวกเธอติดค้างฉันชีวิตนี้ก็ใช้ไม่หมดหรอก ก่อนหน้านี้มันก็แค่การเก็บดอกเบี้ยเล็กน้อยเท่านั้นเอง!”หลิ่วชิงเหอถูกฉู่เฉินตอกกลับจนพูดไม่ออก ก้าวถอยหลังออกไป สีหน้ากังวลพูดขึ้นมาว่า “ฉู่เฉิน ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าโจวเทียนเฟิ่งจะฟังแก อีกทั้งยังไม่เชื่อด้วยว่าแพทย์แผนจีนอาวุโสจะเชื
“เราก็เหมือนกันนั่นแหละ อีกอย่างเธอสนุกทุกครั้งไม่ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อประโยคนี้ออกไป หลิ่วชิงเหอเหมือนกับถูกน้ำเย็นราดบนหัวของเธอแม้แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าทำไมทุกครั้งที่เธอมีอะไรกับฉู่เฉิน มักจะมีความรู้สึกที่แตกต่างไปทุกครั้งไม่เหมือนกันสักครั้งแต่กลับทำให้เธอหยุดไม่ได้ ถึงขนาดที่ว่าเมื่อคืนเธอร้องจนเสียงเกือบแหบแต่ว่าเธอไม่ชอบเลยที่ถูกฉู่เฉินไอ้สัตว์เดรัจฉานข่มเหงแบบนี้“ต้องมีสักวันที่ฉันจะฆ่าแกด้วยมือของฉันเอง!”หลิ่วชิงเหอราวกับถูกสูบวิญญาณไปจนหมด สภาพเหมือนกับศพที่เดินได้ ก้าวเท้าที่หนักอึ้งเดินไปข้างหน้าฉู่เฉินตอนนั้นเองแม้แต่ความกล้าที่จะต่อต้านก็ไม่มีเลยสักนิด ฉู่เฉินได้จับจุดอ่อนของเธอไว้แล้วนอกจากยอมแพ้ เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว“อย่ามาแสร้งทำตัวน่าสงสารเลย นี่มันเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ ไม่ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินมองดูหลิ่วชิงเหอที่บิดบั้นท้ายอวบอั๋น ขาขาวราวกับหิมะที่เดินเข้ามาหาเขาสั่นคลอนไปหมด สายตามองต่ำลงไปเล็กน้อย มองผ่านคอเสื้อก็จะเห็นหน้าอกสีขาวราวกับหิมะที่เป็นร่องลึกหลิ่วชิงเหอสูดหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้าขึ้นมา
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ