หลี่เต้าผิงลอบตำหนิตัวเองในใจ เขาเชื่อคำพูดของไอ้พวกเด็กเหลือขอจากสำนักมวยตระกูลจินฝ่ายเดียวไปได้อย่างไร? อยากจะลักพาตัวญาติสนิทของฉู่เฉินมาบีบบังคับฉู่เฉินชัด ๆ ใครจะคิดได้ว่ากลับลักพาตัวคู่แค้นของอีกฝ่ายมา โคตรเวรเลย!ตูม! ในขณะที่หลี่เต้าผิงหงุดหงิดใจไม่หยุด คิดอยู่ว่าต่อไปควรจัดการอย่างไรดี ทันใดนั้นเองก็มีสายฟ้าฟาดลงมาจากฟ้า ผ่าทะลวงหลังคาโรงงานใส่กองดินที่หลี่เต้าผิงอยู่โดยตรง “แย่แล้ว!” หลี่เต้าผิงร้องเสียงดัง พุ่งตัวทะยานออกไปข้างหน้าราวกับลูกศรที่ออกจากสายธนู ถึงแม้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเขาจะรวดเร็วมากพอ แต่สายฟ้าสายนั้นยังคงผ่าใส่ไหล่ซ้าย เจ็บจนหลี่เต้าผิงกรีดร้องแว้ก ๆ ร่างกายสูญเสียการทรงตัวในพริบตา ก่อนจะร่วงลงพื้นดังตุบจนฝุ่นตลบขึ้นมา “ซู่!” ยังไม่ทันที่หลี่เต้าผิงจะได้สติกลับมา ของเหลวอุ่น ๆ ก็ตกลงมาจากด้านบน สาดเต็มหน้าเต็มตัวของเขา หลี่เต้าผิงอดเงยหน้ามองขึ้นไปไม่ได้ ก่อนจะเห็นฉู่เฉินถือขวดน้ำแร่ที่หยิบมาจากไหนก็ไม่รู้ เทของเหลวสีเหลืองอ่อนที่คล้ายกับเบียร์ลงมาบนยันต์เบญจอัสนีของเขา “ไอ้หนู! แกรนหาที่ตายแล้ว!”หลี่เต้าผิงใจเย็นต่อไปไม่ไหวแล้ว ไอ้เจ้
“ไอ้หนู ไปตายซะเถอะ!”หลี่เต้าผิงคล้ายกับเห็นภาพเขาฟันศีรษะของฉู่เฉินจนร่วงลงมา แววตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง“ไอ้แก่ จนถึงตอนนี้แกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”ฉู่เฉินหรี่ตาสองข้าง เพ่งมองไปยังปลายกระบี่ที่เขาฟันมา ก่อนจะยิ้มหยัน ถ้าเกิดบอกว่าตอนที่ประมือกันครั้งแรก หลี่เต้าผิงยังสามารถต่อสู้กับฉู่เฉินได้อย่างสูสี แต่ตอนนี้ฉู่เฉินสามารถบดขยี้หลี่เต้าผิงได้แล้ว เมื่อกี้เขาไม่ฉวยโอกาสสังหารหลี่เต้าผิง ไม่ใช่เพราะมีประสบการณ์ไม่มากพอ และไม่ใช่เพราะเกิดความใจบุญ แต่เป็นเพราะมั่นใจในตัวเอง หลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ฉู่เฉินฟื้นตัวกลับมาดังเดิมแล้ว แต่หลี่เต้าผิงกลับรักษาได้เพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น ปราณแท้ภายในร่างกายไม่ได้รับการฟื้นฟูเลย ถึงขนาดปล่อยพลังครึ่งหนึ่งของก่อนหน้านี้ออกมาไม่ได้เวลานี้กระบี่ของเขายิ่งพิสูจน์ยืนยันการคาดเดาในใจของฉู่เฉินได้“ฉันเข้าใจเวรอะไร แกไปตายซะเถอะ!” หลี่เต้าผิงยิ่งโกรธยิ่งหงุดหงิด ไหนเลยยังสนใจเรื่องมากมายขนาดนั้น ตอนนี้เขามีแค่ความคิดเดียวเท่านั้นก็คือฆ่าไอ้เด็กเวรนี่ซะ!“ติ๊ง!” วินาทีต่อมา ฉากที่ทำให้หลี่เต้าผิงไม่อยากจะเชื่อก็ปรากฏขึ้น!”เ
หลิ่วชิงเหอดีใจยกใหญ่ทันที คิดไม่ถึงว่าไอ้เด็กเวรฉู่เฉินยังคงรักษาคำพูดมาก ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที หลิ่วชิงเหอตะบึงลงมาข้างล่างแล้วเปิดประตูบ้านเมื่อเธอเห็นฉู่เฉินยืนอุ้มหลิ่วหรูเยียนตรงหน้าประตูบ้าน ความเหนื่อยล้าทั้งหมดบนร่างกายคล้ายกับหายไปจนหมดฉู่เฉินเดินเข้ามาในห้องโถงแล้วโยนหลิ่วหรูเยียนไปบนโซฟาทันที เวลานี้ชุดนอนบาง ๆ ของเธอฉีกขาดหลายแห่ง แถมยังมีคราบเลือดและรอยฟกช้ำตรงจุดที่ชุดนอนกระโปรงขาดด้วย ดูเหมือนมีความเป็นไปได้มากว่าจะเกิดจากการที่หลี่เต้าผิงใช้แส้ปัดฟาดออกมา“หรูเยียน! นี่ลูกเป็นยังไงบ้าง!” หลิ่วชิงเหอเห็นหลิ่วหรูเยียนมีบาดแผลไปทั่วทั้งตัว น้ำตาแห่งความเจ็บปวดใจก็เอ่อคลอในดวงตา เธอรีบสาวเท้าพุ่งเข้าไปตรวจดูบาดแผลบนร่างกายของหลิ่วหรูเยียน ถ้าเกิดแผลเป็นขึ้นมา ต่อไปหลิ่วหรูเยียนยังจะออกไปเจอผู้คนได้อย่างไร? “ฉู่เฉิน ต่อให้พวกเราแม่ลูกทำผิดต่อแก แกก็ไม่เห็นต้องฉวยโอกาสเลยนี่นา” ฉู่เฉินกวาดตามองหลิ่วชิงเหอแวบหนึ่งแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “เธอเป็นบ้าอะไร ดูให้ดี ๆ สิ นั่นเป็นแผลที่เกิดจากการโดนแส้ปัดฟาดต่างหาก”หลิ่วชิงเหอถึงค่อยสังเกตเห็นว่าบนตัวหลิ่วหรูเยี
“ตอนนั้นแสงมืดมาก ถึงแม้หนูจะเห็นแค่เค้าโครงคร่าว ๆ แต่หนูยืนยันได้ว่าคน ๆ นั้นไม่ใช่ฉู่เฉิน” พอได้ยินคำพูดนี้ ดวงหน้าเล็ก ๆ ของหลิ่วชิงเหอเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำทันที ฉู่เฉินทำเกินไปแล้วนะ!เรื่องใหญ่ขนาดนี้ หลิ่วหรูเยียนไม่มีทางพูดโกหกแน่นอนนั่นก็ยืนยันได้ว่าฉู่เฉินไม่เกี่ยวข้องกับคนที่ช่วยเหลือหลิ่วหรูเยียนเลย พอคิดถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองโดนฉู่เฉินย่ำยีอย่างเหิมเกริมเมื่อกี้ หลิ่วชิงเหอก็โกรธจนสั่นไม่หยุดไปทั้งตัว!“เธอแน่ใจนะ?”ฉู่เฉินมองไปทางหลิ่วหรูเยียนอย่างเย็นชาถ้ารู้แต่แรกว่าเธอจะข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน ตอนนั้นฉู่เฉินน่าจะปล่อยให้หลี่เต้าผิงใช้ยันต์เบญจอัสนีทำให้หลิ่วหรูเยียนมีสติชัดเจน“ฮึ จนป่านนี้แล้ว แกยังเสแสร้งอีกเนี่ยนะ!”หลิ่วหรูเยียนมองฉู่เฉินอย่างละเอียดด้วยสีหน้าดูแคลนพลางพูดว่า “อย่าคิดว่าฉันหมดสติตลอดนะ ตอนที่ราชันมังกรเอาชนะไอ้แก่เมื่อกี้ ฉันมองเห็นชัดเจนมาก”“ราชันมังกรเขาไม่ได้แค่ตัวสูงกว่าแก เขายังมีความเป็นชายมากกว่าแกอีก นอกจากนี้ก็หน้าตาหล่อกว่าแกมากด้วย” “ไม่เหมือนสวะที่ไม่ตั้งอย่างแก หน้าตาก็อัปลักษณ์ แถมยังอยากขโมยผลงาน หลอกเอาผลประโยชน์ต่
ฉู่เฉินสังเกตอินซู่ซู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจอยู่เนิ่นนานถึงค่อยขมวดคิ้วกล่าวว่า “เข้ามาสิ” ทำไมวันนี้อินซู่ซู่ถึงดูไม่ค่อยปกตินิดหน่อย? เหมือนป้าอู๋เมื่อคืนสุด ๆ คงไม่ใช่ผลข้างเคียงที่เกิดจากวิชาที่เขาถ่ายทอดให้เธอหรอกใช่ไหม? แบบนี้ถ้าโดนผู้ชายคนอื่นเด็ดลูกท้อไปคงได้ไม่คุ้มเสีย ฉู่เฉินกินอาหารเช้าไปด้วย สังเกตอินซู่ซู่ไปด้วย“นายท่าน เป็นอะไรไปคะ อะ...อาหารเช้าที่ฉันทำไม่ถูกปากนายท่านเหรอ?” แค่พูดประโยคสั้น ๆ แบบนี้ อินซู่ซู่ก็พูดอย่างตะกุกตะกักแล้ว ถึงขนาดที่เธอรู้สึกว่าหัวใจน้อย ๆ ดวงนี้ของเธอเหมือนจะกระโดดออกมาเดี๋ยวนี้เลย เห็นได้ชัดว่าดูเหมือนกลัวที่จะสบตากับฉู่เฉินมาก ๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่ายและมีความสุขอยู่ในใจความรู้สึกเช่นนี้มันแปลกประหลาดมาก “ก็ใช้ได้”ฉู่เฉินตอบกลับลวก ๆ และลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ ๆ อินซู่ซู่ ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “หลับตาซะ”“หา? นายท่าน นี่นายท่านจะทำอะไรคะ?” พอฉู่เฉินเดินเข้าไปใกล้ข้างกายอินซู่ซู่ เธอก็รู้สึกได้เพียงหัวใจของตัวเองคล้ายกับกำลังเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ได้นอกจากนี้ร่างกายยังอดสั่นเทิ้มไม่ได้
อินซู่ซู่ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างไม่พอใจต่อสายตาที่เต็มไปด้วยการรุกรานของหลี่จวิ้นเฟิง“คนสวย ไม่ทราบว่าคุณฉู่เฉินพักอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?” ระหว่างที่พูดอยู่ สายตาของหลี่จวิ้นเฟิงคอยป้วนเปี้ยนอยู่ตรงหน้าอกที่เชิดขึ้นของอินซู่ซู่“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ?” อินซู่ซู่สังเกตเห็นว่าสายตาของหลี่จวิ้นเฟิงไม่ละไปจากส่วนอ่อนไหวของเธอตลอด ดวงหน้างามพลันเย็นชา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ“อ้อ เกือบลืมแนะนำตัวเองไปเลย ผมคือหลี่จวิ้นเฟิง เป็นศิษย์เอกเจ้ายอดเขาที่เจ็ดของสำนักหมอ ตั้งใจมาขอพบคุณฉู่ หวังว่าคุณคนสวยช่วยแจ้งให้ทีนะครับ”ความจริงแล้วหลี่จวิ้นเฟิงไม่ศิษย์เอกเจ้ายอดเขาอะไรเลย เป็นเพียงแค่หนึ่งในผู้มีพรสวรรค์มากมายในยอดเขาที่เจ็ดของสำนักหมอเท่านั้น เขาแต่งยศนี้ขึ้นมาอย่างลวก ๆ เองถึงอย่างไรศิษย์เอกก็น่าเกรงขามกว่าศิษย์ทั่วไปมาก“ได้ค่ะ คุณรอสักครู่นะคะ” ปัง!อินซู่ซู่ปิดประตูรั้วอย่างหนักหน่วง เธอเดินเข้ามาในบ้านพลางหันหน้าไปถ่มน้ำลาย ดวงหน้างามพึมพำด้วยเสียงเย็นชาเล็กน้อยว่า “ถุย ท่าทางหื่นกาม แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี!” “มีอะไร?” ยังไม่ทันที่อินซู่ซู่จะเข้า
หืม?หลี่จวิ้นเฟิงรู้สึกได้ชัดเจนว่าสายตาของฉู่เฉินเต็มไปด้วยความเป็นอริ เขาจึงอดประหลาดใจไม่ได้ โดยปกติแล้ว ขอเพียงเขาประกาศชื่อของสำนักหมอออกมา ไม่ว่าจะเป็นวงการต่อสู้ หรือว่าพวกสำนักใหญ่ล้วนให้ความเคารพต่อเขามากถึงจะถูก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หลี่จวิ้นเฟิงยืนยันได้ว่าอาการบาดเจ็บของฉู่เฉินยังไม่หายดีทั้งหมด อีกฝ่ายก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะเป็นศัตรูต่อเขาขนาดนี้ เวลานี้เอง อินซู่ซู่ถือถาดชา รินชาหอม ๆ ให้พวกเขาสองคน ในขณะที่หลี่จวิ้นเฟิงรับชาหอม เขาก็เอานิ้วก้อยสัมผัสฝ่ามือของอินซู่ซู่“อ๊าย! คุณทำอะไรน่ะ!”ดวงหน้างามของอินซู่ซู่เย็นชาขึ้นมา ถลึงตาใส่หลี่จวิ้นเฟิงอย่างอำมหิต สีหน้าของหลี่จวิ้นเฟิงแข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ผมกำลังถามคุณอยู่นะ!” ฉู่เฉินทำหน้าเย็นชา ไม่ไปแตะต้องถ้วยชาบนโต๊ะเลย จิตสังหารรอบตัวก็แผ่ออกมาเช่นกัน หลี่จวิ้นเฟิงสัมผัสได้ถึงความเย็นชาอย่างรุนแรงสุดขีดทันที เขารีบวางถ้วยชาแล้วพูดว่า “คุณฉู่อย่าเข้าใจผิดครับ ผมตั้งใจมาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้คุณฉู่นะ!” ขณะที่พูดก็หยิบกล่องไม้ที่สร้างขึ้นอย่างงดงามออกมาจากในอก ก่อนจะเปิดฝาด้
งานแถลงข่าวตอนบ่ายพรุ่งนี้ นอกจากฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว บอสใหญ่ๆ ในวงการแพทย์ก็ล้วนแต่เข้าร่วมงานทั้งหมดสุดท้ายมีเพียงแค่ฉู่ซื่อกรุ๊ป เธอยังตัดสินใจไม่ได้เชิญฉู่เฉินกรุ๊ปก็ไม่ต่างกับเชิญสองแม่ลูกตระกูลหลิ่วมาดังนั้นโจวเทียนเฟิ่งจึงตั้งใจโทรศัพท์ไปถามความสมัครใจของฉู่เฉิน“แค่ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เรื่องทางธุรกิจไม่ควรเกี่ยวข้องกับความแค้นส่วนตัว คุณสามารถดำเนินการต่อไปอย่างสบายใจได้เลยครับ”โจวเทียนเฟิ่งได้ยินดังนั้น ก็รีบตอบกลับไปว่า “โอเคค่ะ งั้น... อีกแป๊บคุณจะมาไหมคะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่แล้วล่ะครับ ช่วงนี้ผมมีเรื่องสำคัญ คุณตั้งใจจัดการเรื่องงานแถลงข่าวเถอะครับ”พูดจบ ฉู่เฉินก็วางสายไป ฝึกฝนกระบี่อ่อนนั้นต่อไป......อีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนที่เพิ่งถึงห้องทำงาน เลขาสาวถือจดหมายเชิญวางไว้บนโต๊ะทำงานของหลิ่วหรูเยียน“ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว นี่เป็นจดหมายที่คนของสำนักเฟิ่งส่งมาให้ตอนเช้าค่ะ อย่าลืมดูด้วยนะคะ”สำนักเฟิ่งเหรอ?หลิ่วหรูเยียนเปิดจดหมายเชิญด้วยความอึดอัดใจ เมื่อเธอคำว่างานแถลงข่าวยาบำรุงปราณแล้ว ดวงตาที่สวยงามของเธอหยุดเล็กน้อย และเธอพูดด้วยค
ถุย!หลิงเสวี่ยจ้องฉู่เฉินด้วยความเกลียดชังเธอคุกเข่าบนพื้นมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว นวดจนแขนทั้งปวดทั้งเมื่อย ฉู่เฉินม่รู้จักทะนุถนอมผู้หญิงเลยงั้นเหรอ?แม้แต่น้ำสักอึกก็ไม่ให้เธอดื่ม อย่างน้อยก็น่าจะให้เธอได้พักบ้างสิ“ฉู่เฉิน คุณคงไม่คิดจริงๆ หรอกนะว่าพวกเราในวังว่านเจี้ยนจะกลัวคุณ? ตราบใดที่กำลังเสริมมาถึง คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกก็จะถูกขับไล่ออกไป ถึงเวลานั้น... ถึงเวลานั้นคุณจะมาร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว!”หลิงเสวี่ยไม่อาจทนได้อีกต่อไป กัดฟันเงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉินด้วยความโกรธแค้นฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ ส่ายหัวและกล่าวว่า “วังว่านเจี้ยน? กำลังเสริม? คุณคิดง่ายเกินไปแล้ว”กล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็ค่อยๆ วางถ้วยชาลงและกล่าวอย่างใจเย็น “คุณคงไม่คิดว่าผมจงใจปล่อยข่าวออกไปเพื่อจัดการกับพวกคุณโดยเฉพาะหรอกใช่ไหม?”“ถ้าคิดแบบนั้น คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”อย่าว่าแต่พวกคุณสามสำนักเลย ต่อให้สามสิบหรือสามร้อย ผมก็ไม่ใส่ใจ”โอ้ย บ้าจริง!คุณนี่โม้เกินไปแล้ว!หลิงเสวี่ยโกรธจนฝ่ามือคันยุบยิบ อยากจะตบฉู่เฉินสักสองฉาดเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวว่า “ไม่เชื่
“ปรมาจารย์ อย่ารับปากเขานะครับ!”“ปรมาจารย์ วังว่านเจี้ยนของเรายังจะกลัวเขาที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระคนเดียวอีกเหรอ!”“ปรมาจารย์ ผมอาสาไปเฝ้าประตูเขาเพื่อปกป้องสำนักเองครับ!”เหล่าศิษย์ต่างตาเบิกโพลงด้วยความโกรธแค้น!ความหมายในคำพูดของฉู่เฉิน นั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คือต้องการใช้หลิงเสวี่ยแลกกับความปลอดภัยของทั้งสำนักเทียนเจี้ยนของพวกเขา!ใครในที่นี้ที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายอกสามศอกบ้าง?ยิ่งไปกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังเป็นศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนแล้วจะให้นั่งดูศิษย์น้องสาวที่สวยดั่งเทพธิดาไปอุ่นเตียงให้สารเลวฉู่เฉินนั่นได้ยังไง?!“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของวังเทียนเจี้ยน ให้ฉันได้ไตร่ตรองก่อน”ถึงปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะหน้าหนาแค่ไหน ก็ไม่อาจตอบรับฉู่เฉินได้โดยง่าย ท้ายที่สุดแล้วก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสำนักเทียนเจี้ยนโดยเฉพาะในโลกแห่งการหยั่งรู้ มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ว่าอยู่อย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็นนิกายหรือสำนักไหน การส่งศิษย์หญิงให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นกระถางหลอมเพื่อบำเพ็ญคู่หรือเพื่ออุ่นเตียง ล้วนเท่ากับเป็นการยอมจำนนต่ออีกฝ่ายวังเทียนเจี้ยนแค่ประสบ
ต้องรีบกำจัดหายนะนี่ออกไปโดยด่วน ไม่งั้นแม้แต่ประตูหินหนักหมื่นชั่งของวังเทียนเจี้ยนคงจะทนได้อีกไม่นานแม้ประตูหินบานนั้นจะเป็นสิ่งที่บรรพจารย์ทิ้งไว้ แม้แต่ผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณก็ไม่อาจทำอะไรวังเทียนเจี้ยนได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้หน้าประตูวังเทียนเจี้ยนกลับมีเสียงดังกึกก้องดังขึ้นถ้าจะบอกว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่กังวล นั่นก็เป็นโกหกอย่างไรเสียก็มีสำนักชิงอวิ๋นเป็นตัวอย่างอยู่ตรงหน้า ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจึงตระหนักถึงความร้ายกาจในเรื่องนี้ดี“ไม่ต้องรีบร้อน ใช่แล้ว ที่นี่มีห้องรับรองแขกไหม?”ฉู่เฉินวางถ้วยชาลง เอามือเท้าคาง เอนตัวนอนบนเก้าอี้ยาวและเงยหน้าขึ้นกวาดตามองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งอะไรนะ?ห้องรับรองแขกเหรอ?ตอนนี้เหล่าศิษย์ทุกคนในวังเทียนเจี้ยน ล้วนมีสีหน้าโกรธจัด!ฉู่เฉินคิดว่าวังเทียนเจี้ยนเป็นโรงแรมหรือไง? ยังจะขอห้องรับรองแขกอีก!“กึก...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนกัดฟัน ก่อนจะพยักหน้ากล่าว “แน่นอนว่ามีครับ คุณฉู่...”“หาว …”ฉู่เฉินหาว ขยี้ตาแล้วกล่าวว่า “งั้นก็ดีเลย รบกวนเจ้าสำนักจัดให้ผมสักห้องด้วยครับ ผมอยากพูดคุยเรื่องชีวิตกับศิษย์น้องหลิงเสวี่ยอย่างลึก
อะไรนะ?!ดวงตาคู่สวยของหลิงเสวี่ยจ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาราวกับจะกลืนกินฉู่เฉินเข้าไปทั้งเป็นเหล่าศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ต่างก็พากันจ้องฉู่เฉินเขม็งด้วยสายตาอาฆาตหลิงเสวี่ยคือหนึ่งในสามหญิงงามแห่งวังเทียนเจี้ยน โดยปกติแล้ว ถือเป็นคู่ครองในอุดมคติของบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้อง แต่ที่น่าเสียดายก็คือหลิงเสวี่ยดูเหมือนจะไม่สนใจใครเลยกระทั่งศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงก็ยังโดนศิษย์น้องหลิงเสวี่ยปฏิเสธมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้เจ้าเด็กฉู่เฉินคนนี้กลับขอให้ศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าใฝ่ฝันมานวดขาให้เขาเนี่ยนะ?“ปรมาจารย์ คนคนนี้จองหองเกินไป ผม...”“ถอยไป!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนถลึงตาจ้องถานเฟิงอย่างดุดัน การฆ่าฉู่เฉินยังไม่ง่าย?แต่ถ้าฆ่าฉู่เฉินแล้ว แล้วเหล่ายอดฝีมือที่เขาเอาชนะมาได้จะทำยังไง?จะให้วังเทียนเจี้ยนถูกทำลายงั้นเหรอ?เมื่อถานเฟิงเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายของปรมาจารย์ว่านเจี้ยน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปและรีบถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง“หลิงเสวี่ย ไม่ได้ยินที่คุณฉู่สั่งเหรอ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนสีหน้ามืดมน กัดฟันเอ่ยถาม“อะไรนะ? ปรมาจารย์ ฉัน...”หลิ
เมื่อปรมาจารย์ว่านเจี้ยนได้ยินรายงานจากศิษย์ในสำนัก ก็รีบร้อนสั่งว่า “ใครก็ได้ รีบปิดประตูเขาเร็วเข้า ห้ามผู้ใดบุกรุกเข้ามาโดยเฉพาะฉู่เฉิน ห้ามให้เขาเข้ามาเด็ดขาด”น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้วังเทียนเจี้ยนจะมีคนหนุนหลังอยู่ แต่ศึกใหญ่นี้ ถ้าปะทุขึ้นในวังเทียนเจี้ยน ทั้งวังเทียนเจี้ยนก็อาจจะพินาศย่อยยับ ถึงจะชนะแล้วยังไงล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายล้วนเป็นสำนักระดับสูงสุดในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้อำนาจเบื้องหลังวังเทียนเจี้ยน ก็ใช่ว่าจะสามารถคว้าชัยชนะได้แต่ในเวลานี้ เพียงเห็นเงาร่างผู้หนึ่งพุ่งทะยานมาทางประตูเขาวังเทียนเจี้ยนรวดเร็วดั่งสายลมกรรโชก“ปรมาจารย์ ท่านดู...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองตามปลายนิ้วของศิษย์ในสำนักไป เพียงเห็นฉู่เฉินสภาพเปื้อนฝุ่น กำลังวิ่งหน้าตั้งมาทางวังเทียนเจี้ยนด้วยรอยยิ้มจางบนใบหน้าแม่ง!รูม่านตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนหดแคบลงทันที กลัวอะไรก็เจออย่างนั้นจริงๆดาวหายนะฉู่เฉิน ดันมาแล้วจริงๆ !“เร็ว… รีบปิดประตูเขาเดี๋ยวนี้!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนตกใจจนพูดจาตะกุกตะกักเขาไม่ได้กลัวฉู่เฉิน แต่กลัวกลุ่มคนที่ตามหลังฉู่เฉินมาไกลๆ ต่างหาก!เปรี้ยง!พร้อมด้วยเสียงดังส
“ถอยไป!”ทันทีที่เทพสังหารชูขวานยักษ์ขึ้น ว่านโซ่วเซียนเวิงก็เอ่ยปากห้ามอย่างกะทันหัน“ท่านอาจารย์ เขา...”“หืม?!”ดวงตาของว่านโซ่วเซียนเวิงเย็นเยียบลง ทำให้เทพสังหารตกใจรีบถอยไปหลายก้าว ก้มศีรษะลงต่ำ“สหายน้อย เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ? มอบยาสร้างกล้ามเนื้อ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย พลางแบมือออกกล่าวว่า “ทุกท่าน หากไม่เชื่อก็สามารถตรวจดูด้วยตัวเองได้ ถ้าเป็นของปลอมแม้แต่น้อย เอาผิดกับผมได้!”เมื่อกล่าวจบ ว่านโซ่วเซียนเวิงกับผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็ก้าวออกมาเกือบจะในเวลาเดียวกัน รวดเร็วราวสายฟ้า แย่งชิงยาสร้างกล้ามเนื้อจากมือของฉู่เฉินไปคนละเม็ดผู้มีอิทธิพลระดับทารกวิญญาณคนอื่นๆ ก็ทยอยกันมาหยิบยาสร้างกล้ามเนื้อไปคนละเม็ดเช่นกัน แล้วตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่นาน“เป็นยาสร้างกล้ามเนื้อจริงๆ!”ในดวงตาของว่านโซ่วเซียนเวิงมีประกายแสงวาบผ่าน ก่อนจะเหลือบตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถามว่า “ยาลูกกลอนนี้ แกไปได้มาจากที่ไหน?”แม้ยาสร้างกล้ามเนื้อจะไม่ได้ระดับสูงนัก แต่คนที่สามารถหลอมได้กลับมีน้อยอย่างยิ่งอย่าว่าแต่ในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้แต่ในเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสิบทศภูมิ ล้วนเป็นยาวิเศษล้ำค
ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นทำหน้าร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนติดต่อกันเมื่อเห็นว่าพวกเทพสังหารลับมีดเตรียมลงมือต่อสู้อีกครั้ง ประตูใหญ่สำนักชิงอวิ๋นของเขายังจะเหลืออยู่อีกเหรอ“เห็นแก่ที่คุณมีความจริงใจเต็มเปี่ยม ผมปล่อยคุณไปสักครั้งก็ได้ แต่ว่าผมเดินทางมาไกลมาก คุณคงไม่ให้ผมจากไปมือเปล่าหรอกใช่ไหม?”ฉู่เฉินค่อย ๆ ลุกขึ้น เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ก้มมองท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า“ขอให้คุณฉู่ระบุให้ชัดเจนด้วย”คราวนี้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นร้องไห้แล้วจริง ๆ นับตั้งแต่รับตำแหน่งเจ้าสำนักมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนย่อยยับ ที่สำคัญคือเขายังไม่กล้าโต้แย้งสักคำด้วยอัดอั้นตันใจจนกระอักเลือดแล้วจริง ๆ “พูดไปแล้วก็ง่ายนิดเดียว คุณดูสมุนไพรในรายการนี้ แล้วเตรียมมาคนละชุด”ฉู่เฉินกล่าวพลางล้วงใบรายการออกมาจากในอกแล้วยื่นให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพอได้เห็น ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็ร้อนใจแล้วบนนั้นเป็นสมุนไพรหายากทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญ้าเสวียนเทียน ดอกร้อยสีสัน รากวิญญาณปฐพี...ถึงขนาดที่มีสมุนไพรบางตัวที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยเห
“ฉู่เฉิน คุณคิดจะเป็นศัตรูกับสำนักชิงอวิ๋นของผมถึงตายเลยหรือไง!”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นกัดฟันกรอด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดง!ทุกอย่างล้วนเป็นปัญหาที่ฉู่เฉินก่อขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะฉู่เฉินฆ่าลูกศิษย์ของเขา เขาจะเล่นงานฉู่เฉินหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?และตอนนี้ฉู่เฉินชักนำหายนะร้ายแรงมา แต่อยากให้เขาคุกเข่าอ้อนวอนเหรอ?ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็เป็นเจ้าสำนัก อย่าว่าแต่ใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำเลย แค่เขาคุกเข่าต่อหน้าลูกศิษย์หลายร้อยคนของสำนักชิงอวิ๋น อนาคตเขายังมีหน้าไปปกครองสำนักชิงอวิ๋นได้อย่างไร? “คุณก็เป็นเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมพูดจาเหมือนเด็กที่ยังฟันไม่ขึ้นล่ะ? เห็นชัด ๆ ว่าคุณเป็นคนเชิญผมมา คุณอยากจะฆ่าผมให้ตาย คุณคิดว่าผมยังใส่ใจเรื่องเป็นศัตรูกับสำนักชิงอวิ๋นของพวกคุณอีกเหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ เอ่ยด้วยใบหน้าดูแคลนถึงอย่างไรข้าวของที่ถูกทำลายตอนนี้ก็ไม่ใช่ทรัพย์สินของฉู่เฉิน ต่อให้สำนักชิงอวิ๋นถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?ครั้งนี้ ฉู่เฉินอยากให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นเข้าใจหลักการที่ว่าเชิญเทพง่าย แต่ส
วินาทีต่อมา เทพสังหารตวัดขวานศึกในมือผ่านอากาศ พุ่งตรงลงมาบนศีรษะของท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นขวานนี้คล้ายกับมีพลังที่สามารถผ่าภูผาได้เมื่อเห็นว่ากระบวนท่าสังหารมาถึงแล้ว ปราณแท้รอบกายท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพลันพุ่งพล่าน กระบี่ยาวในมือปล่อยรัศมีแสงงดงามหมื่นสาย ตวัดกระบี่ออกไปเต็มแรงรับขวานศึกของเทพสังหารขวานศึกฟาดฟัน กระบี่ยาวผ่าอากาศ! เคร้ง!แม้ว่าท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นออกแรงอย่างสุดกำลัง แต่เขายังคงโดนขวานของเทพสังหารกระแทกจนกระเด็นออกไปแล้วพรวด!ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมา เขากระเด็นออกไปสิบเมตร ก่อนจะร่วงกระแทกลงมาบนบันไดหินอย่างหนักหน่วง บันไดหินเหล็กโดนกระแทกจนเป็นหลุมลึก พลังแตกต่างกันมากเกินไป เทพสังหารไม่ใช่คนที่ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นสามารถต่อกรได้เลยหากไม่ใช่เพราะยังมีลมปราณน่าสะพรึงกลัวหลายสายในฝูงชนพุ่งเป้ามาที่ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ขวานนี้เพียงพอที่จะส่งเขาไปสู่ปรโลกแล้ว“หยกโลหิตกิเลนไม่มีความเกี่ยวข้องกับสำนักว่านเซียนของพวกคุณเลย พวกคุณปล้นกันชัด ๆ! ตะ...ต่อให้ผมตายก็ไม่ยอม!”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพยายา