หลี่เต้าผิงลอบตำหนิตัวเองในใจ เขาเชื่อคำพูดของไอ้พวกเด็กเหลือขอจากสำนักมวยตระกูลจินฝ่ายเดียวไปได้อย่างไร? อยากจะลักพาตัวญาติสนิทของฉู่เฉินมาบีบบังคับฉู่เฉินชัด ๆ ใครจะคิดได้ว่ากลับลักพาตัวคู่แค้นของอีกฝ่ายมา โคตรเวรเลย!ตูม! ในขณะที่หลี่เต้าผิงหงุดหงิดใจไม่หยุด คิดอยู่ว่าต่อไปควรจัดการอย่างไรดี ทันใดนั้นเองก็มีสายฟ้าฟาดลงมาจากฟ้า ผ่าทะลวงหลังคาโรงงานใส่กองดินที่หลี่เต้าผิงอยู่โดยตรง “แย่แล้ว!” หลี่เต้าผิงร้องเสียงดัง พุ่งตัวทะยานออกไปข้างหน้าราวกับลูกศรที่ออกจากสายธนู ถึงแม้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเขาจะรวดเร็วมากพอ แต่สายฟ้าสายนั้นยังคงผ่าใส่ไหล่ซ้าย เจ็บจนหลี่เต้าผิงกรีดร้องแว้ก ๆ ร่างกายสูญเสียการทรงตัวในพริบตา ก่อนจะร่วงลงพื้นดังตุบจนฝุ่นตลบขึ้นมา “ซู่!” ยังไม่ทันที่หลี่เต้าผิงจะได้สติกลับมา ของเหลวอุ่น ๆ ก็ตกลงมาจากด้านบน สาดเต็มหน้าเต็มตัวของเขา หลี่เต้าผิงอดเงยหน้ามองขึ้นไปไม่ได้ ก่อนจะเห็นฉู่เฉินถือขวดน้ำแร่ที่หยิบมาจากไหนก็ไม่รู้ เทของเหลวสีเหลืองอ่อนที่คล้ายกับเบียร์ลงมาบนยันต์เบญจอัสนีของเขา “ไอ้หนู! แกรนหาที่ตายแล้ว!”หลี่เต้าผิงใจเย็นต่อไปไม่ไหวแล้ว ไอ้เจ้
“ไอ้หนู ไปตายซะเถอะ!”หลี่เต้าผิงคล้ายกับเห็นภาพเขาฟันศีรษะของฉู่เฉินจนร่วงลงมา แววตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง“ไอ้แก่ จนถึงตอนนี้แกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”ฉู่เฉินหรี่ตาสองข้าง เพ่งมองไปยังปลายกระบี่ที่เขาฟันมา ก่อนจะยิ้มหยัน ถ้าเกิดบอกว่าตอนที่ประมือกันครั้งแรก หลี่เต้าผิงยังสามารถต่อสู้กับฉู่เฉินได้อย่างสูสี แต่ตอนนี้ฉู่เฉินสามารถบดขยี้หลี่เต้าผิงได้แล้ว เมื่อกี้เขาไม่ฉวยโอกาสสังหารหลี่เต้าผิง ไม่ใช่เพราะมีประสบการณ์ไม่มากพอ และไม่ใช่เพราะเกิดความใจบุญ แต่เป็นเพราะมั่นใจในตัวเอง หลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ฉู่เฉินฟื้นตัวกลับมาดังเดิมแล้ว แต่หลี่เต้าผิงกลับรักษาได้เพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น ปราณแท้ภายในร่างกายไม่ได้รับการฟื้นฟูเลย ถึงขนาดปล่อยพลังครึ่งหนึ่งของก่อนหน้านี้ออกมาไม่ได้เวลานี้กระบี่ของเขายิ่งพิสูจน์ยืนยันการคาดเดาในใจของฉู่เฉินได้“ฉันเข้าใจเวรอะไร แกไปตายซะเถอะ!” หลี่เต้าผิงยิ่งโกรธยิ่งหงุดหงิด ไหนเลยยังสนใจเรื่องมากมายขนาดนั้น ตอนนี้เขามีแค่ความคิดเดียวเท่านั้นก็คือฆ่าไอ้เด็กเวรนี่ซะ!“ติ๊ง!” วินาทีต่อมา ฉากที่ทำให้หลี่เต้าผิงไม่อยากจะเชื่อก็ปรากฏขึ้น!”เ
หลิ่วชิงเหอดีใจยกใหญ่ทันที คิดไม่ถึงว่าไอ้เด็กเวรฉู่เฉินยังคงรักษาคำพูดมาก ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที หลิ่วชิงเหอตะบึงลงมาข้างล่างแล้วเปิดประตูบ้านเมื่อเธอเห็นฉู่เฉินยืนอุ้มหลิ่วหรูเยียนตรงหน้าประตูบ้าน ความเหนื่อยล้าทั้งหมดบนร่างกายคล้ายกับหายไปจนหมดฉู่เฉินเดินเข้ามาในห้องโถงแล้วโยนหลิ่วหรูเยียนไปบนโซฟาทันที เวลานี้ชุดนอนบาง ๆ ของเธอฉีกขาดหลายแห่ง แถมยังมีคราบเลือดและรอยฟกช้ำตรงจุดที่ชุดนอนกระโปรงขาดด้วย ดูเหมือนมีความเป็นไปได้มากว่าจะเกิดจากการที่หลี่เต้าผิงใช้แส้ปัดฟาดออกมา“หรูเยียน! นี่ลูกเป็นยังไงบ้าง!” หลิ่วชิงเหอเห็นหลิ่วหรูเยียนมีบาดแผลไปทั่วทั้งตัว น้ำตาแห่งความเจ็บปวดใจก็เอ่อคลอในดวงตา เธอรีบสาวเท้าพุ่งเข้าไปตรวจดูบาดแผลบนร่างกายของหลิ่วหรูเยียน ถ้าเกิดแผลเป็นขึ้นมา ต่อไปหลิ่วหรูเยียนยังจะออกไปเจอผู้คนได้อย่างไร? “ฉู่เฉิน ต่อให้พวกเราแม่ลูกทำผิดต่อแก แกก็ไม่เห็นต้องฉวยโอกาสเลยนี่นา” ฉู่เฉินกวาดตามองหลิ่วชิงเหอแวบหนึ่งแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “เธอเป็นบ้าอะไร ดูให้ดี ๆ สิ นั่นเป็นแผลที่เกิดจากการโดนแส้ปัดฟาดต่างหาก”หลิ่วชิงเหอถึงค่อยสังเกตเห็นว่าบนตัวหลิ่วหรูเยี
“ตอนนั้นแสงมืดมาก ถึงแม้หนูจะเห็นแค่เค้าโครงคร่าว ๆ แต่หนูยืนยันได้ว่าคน ๆ นั้นไม่ใช่ฉู่เฉิน” พอได้ยินคำพูดนี้ ดวงหน้าเล็ก ๆ ของหลิ่วชิงเหอเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำทันที ฉู่เฉินทำเกินไปแล้วนะ!เรื่องใหญ่ขนาดนี้ หลิ่วหรูเยียนไม่มีทางพูดโกหกแน่นอนนั่นก็ยืนยันได้ว่าฉู่เฉินไม่เกี่ยวข้องกับคนที่ช่วยเหลือหลิ่วหรูเยียนเลย พอคิดถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองโดนฉู่เฉินย่ำยีอย่างเหิมเกริมเมื่อกี้ หลิ่วชิงเหอก็โกรธจนสั่นไม่หยุดไปทั้งตัว!“เธอแน่ใจนะ?”ฉู่เฉินมองไปทางหลิ่วหรูเยียนอย่างเย็นชาถ้ารู้แต่แรกว่าเธอจะข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน ตอนนั้นฉู่เฉินน่าจะปล่อยให้หลี่เต้าผิงใช้ยันต์เบญจอัสนีทำให้หลิ่วหรูเยียนมีสติชัดเจน“ฮึ จนป่านนี้แล้ว แกยังเสแสร้งอีกเนี่ยนะ!”หลิ่วหรูเยียนมองฉู่เฉินอย่างละเอียดด้วยสีหน้าดูแคลนพลางพูดว่า “อย่าคิดว่าฉันหมดสติตลอดนะ ตอนที่ราชันมังกรเอาชนะไอ้แก่เมื่อกี้ ฉันมองเห็นชัดเจนมาก”“ราชันมังกรเขาไม่ได้แค่ตัวสูงกว่าแก เขายังมีความเป็นชายมากกว่าแกอีก นอกจากนี้ก็หน้าตาหล่อกว่าแกมากด้วย” “ไม่เหมือนสวะที่ไม่ตั้งอย่างแก หน้าตาก็อัปลักษณ์ แถมยังอยากขโมยผลงาน หลอกเอาผลประโยชน์ต่
ฉู่เฉินสังเกตอินซู่ซู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจอยู่เนิ่นนานถึงค่อยขมวดคิ้วกล่าวว่า “เข้ามาสิ” ทำไมวันนี้อินซู่ซู่ถึงดูไม่ค่อยปกตินิดหน่อย? เหมือนป้าอู๋เมื่อคืนสุด ๆ คงไม่ใช่ผลข้างเคียงที่เกิดจากวิชาที่เขาถ่ายทอดให้เธอหรอกใช่ไหม? แบบนี้ถ้าโดนผู้ชายคนอื่นเด็ดลูกท้อไปคงได้ไม่คุ้มเสีย ฉู่เฉินกินอาหารเช้าไปด้วย สังเกตอินซู่ซู่ไปด้วย“นายท่าน เป็นอะไรไปคะ อะ...อาหารเช้าที่ฉันทำไม่ถูกปากนายท่านเหรอ?” แค่พูดประโยคสั้น ๆ แบบนี้ อินซู่ซู่ก็พูดอย่างตะกุกตะกักแล้ว ถึงขนาดที่เธอรู้สึกว่าหัวใจน้อย ๆ ดวงนี้ของเธอเหมือนจะกระโดดออกมาเดี๋ยวนี้เลย เห็นได้ชัดว่าดูเหมือนกลัวที่จะสบตากับฉู่เฉินมาก ๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่ายและมีความสุขอยู่ในใจความรู้สึกเช่นนี้มันแปลกประหลาดมาก “ก็ใช้ได้”ฉู่เฉินตอบกลับลวก ๆ และลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ ๆ อินซู่ซู่ ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “หลับตาซะ”“หา? นายท่าน นี่นายท่านจะทำอะไรคะ?” พอฉู่เฉินเดินเข้าไปใกล้ข้างกายอินซู่ซู่ เธอก็รู้สึกได้เพียงหัวใจของตัวเองคล้ายกับกำลังเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ได้นอกจากนี้ร่างกายยังอดสั่นเทิ้มไม่ได้
อินซู่ซู่ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างไม่พอใจต่อสายตาที่เต็มไปด้วยการรุกรานของหลี่จวิ้นเฟิง“คนสวย ไม่ทราบว่าคุณฉู่เฉินพักอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?” ระหว่างที่พูดอยู่ สายตาของหลี่จวิ้นเฟิงคอยป้วนเปี้ยนอยู่ตรงหน้าอกที่เชิดขึ้นของอินซู่ซู่“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ?” อินซู่ซู่สังเกตเห็นว่าสายตาของหลี่จวิ้นเฟิงไม่ละไปจากส่วนอ่อนไหวของเธอตลอด ดวงหน้างามพลันเย็นชา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ“อ้อ เกือบลืมแนะนำตัวเองไปเลย ผมคือหลี่จวิ้นเฟิง เป็นศิษย์เอกเจ้ายอดเขาที่เจ็ดของสำนักหมอ ตั้งใจมาขอพบคุณฉู่ หวังว่าคุณคนสวยช่วยแจ้งให้ทีนะครับ”ความจริงแล้วหลี่จวิ้นเฟิงไม่ศิษย์เอกเจ้ายอดเขาอะไรเลย เป็นเพียงแค่หนึ่งในผู้มีพรสวรรค์มากมายในยอดเขาที่เจ็ดของสำนักหมอเท่านั้น เขาแต่งยศนี้ขึ้นมาอย่างลวก ๆ เองถึงอย่างไรศิษย์เอกก็น่าเกรงขามกว่าศิษย์ทั่วไปมาก“ได้ค่ะ คุณรอสักครู่นะคะ” ปัง!อินซู่ซู่ปิดประตูรั้วอย่างหนักหน่วง เธอเดินเข้ามาในบ้านพลางหันหน้าไปถ่มน้ำลาย ดวงหน้างามพึมพำด้วยเสียงเย็นชาเล็กน้อยว่า “ถุย ท่าทางหื่นกาม แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี!” “มีอะไร?” ยังไม่ทันที่อินซู่ซู่จะเข้า
หืม?หลี่จวิ้นเฟิงรู้สึกได้ชัดเจนว่าสายตาของฉู่เฉินเต็มไปด้วยความเป็นอริ เขาจึงอดประหลาดใจไม่ได้ โดยปกติแล้ว ขอเพียงเขาประกาศชื่อของสำนักหมอออกมา ไม่ว่าจะเป็นวงการต่อสู้ หรือว่าพวกสำนักใหญ่ล้วนให้ความเคารพต่อเขามากถึงจะถูก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หลี่จวิ้นเฟิงยืนยันได้ว่าอาการบาดเจ็บของฉู่เฉินยังไม่หายดีทั้งหมด อีกฝ่ายก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะเป็นศัตรูต่อเขาขนาดนี้ เวลานี้เอง อินซู่ซู่ถือถาดชา รินชาหอม ๆ ให้พวกเขาสองคน ในขณะที่หลี่จวิ้นเฟิงรับชาหอม เขาก็เอานิ้วก้อยสัมผัสฝ่ามือของอินซู่ซู่“อ๊าย! คุณทำอะไรน่ะ!”ดวงหน้างามของอินซู่ซู่เย็นชาขึ้นมา ถลึงตาใส่หลี่จวิ้นเฟิงอย่างอำมหิต สีหน้าของหลี่จวิ้นเฟิงแข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ผมกำลังถามคุณอยู่นะ!” ฉู่เฉินทำหน้าเย็นชา ไม่ไปแตะต้องถ้วยชาบนโต๊ะเลย จิตสังหารรอบตัวก็แผ่ออกมาเช่นกัน หลี่จวิ้นเฟิงสัมผัสได้ถึงความเย็นชาอย่างรุนแรงสุดขีดทันที เขารีบวางถ้วยชาแล้วพูดว่า “คุณฉู่อย่าเข้าใจผิดครับ ผมตั้งใจมาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้คุณฉู่นะ!” ขณะที่พูดก็หยิบกล่องไม้ที่สร้างขึ้นอย่างงดงามออกมาจากในอก ก่อนจะเปิดฝาด้
งานแถลงข่าวตอนบ่ายพรุ่งนี้ นอกจากฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว บอสใหญ่ๆ ในวงการแพทย์ก็ล้วนแต่เข้าร่วมงานทั้งหมดสุดท้ายมีเพียงแค่ฉู่ซื่อกรุ๊ป เธอยังตัดสินใจไม่ได้เชิญฉู่เฉินกรุ๊ปก็ไม่ต่างกับเชิญสองแม่ลูกตระกูลหลิ่วมาดังนั้นโจวเทียนเฟิ่งจึงตั้งใจโทรศัพท์ไปถามความสมัครใจของฉู่เฉิน“แค่ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เรื่องทางธุรกิจไม่ควรเกี่ยวข้องกับความแค้นส่วนตัว คุณสามารถดำเนินการต่อไปอย่างสบายใจได้เลยครับ”โจวเทียนเฟิ่งได้ยินดังนั้น ก็รีบตอบกลับไปว่า “โอเคค่ะ งั้น... อีกแป๊บคุณจะมาไหมคะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่แล้วล่ะครับ ช่วงนี้ผมมีเรื่องสำคัญ คุณตั้งใจจัดการเรื่องงานแถลงข่าวเถอะครับ”พูดจบ ฉู่เฉินก็วางสายไป ฝึกฝนกระบี่อ่อนนั้นต่อไป......อีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนที่เพิ่งถึงห้องทำงาน เลขาสาวถือจดหมายเชิญวางไว้บนโต๊ะทำงานของหลิ่วหรูเยียน“ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว นี่เป็นจดหมายที่คนของสำนักเฟิ่งส่งมาให้ตอนเช้าค่ะ อย่าลืมดูด้วยนะคะ”สำนักเฟิ่งเหรอ?หลิ่วหรูเยียนเปิดจดหมายเชิญด้วยความอึดอัดใจ เมื่อเธอคำว่างานแถลงข่าวยาบำรุงปราณแล้ว ดวงตาที่สวยงามของเธอหยุดเล็กน้อย และเธอพูดด้วยค