“แช่ออนเซ็นเหรอ? ถุย! แค่คิดก็น่าสะอิดสะเอียนแล้ว!”หลังจากที่เพิ่งวางสายไป หลิ่วหรูเยียนก็ก่นด่าที่โทรศัพท์อย่างหนัก หลังจากนั้นก็ขยับตัวลงจากเตียง ล้างหน้าล้างตาและแต่งตัวอย่างง่ายๆในตอนนี้เอง ก็มีเสียงออดดังเข้ามาหลิ่วหรูเยียนรีบเดินลงไปข้างล่าง เปิดประตูห้อง รับกล่องที่ห่อมาอย่างมิดชิดมาจากมือของพนักงานส่งของเปิดด้านนอกของพัสดุออก หยิบยาเม็ดเล็กๆ สีดำที่ใหญ่กว่าเม็ดถั่วเหลืองสามเท่าออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยม“นี่คือยาบำรุงปราณเหรอ?”หลิ่วหรูเยียนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง นำยาลูกกลอนเข้ามาใกล้จมูกแล้วดม ตามที่คาดไว้ กลิ่นหอมของยาหอมฟุ้งและสดชื่นเพียงแต่ว่ายาเม็ดเล็กๆ เม็ดเดียวแบบนี้ จะมีผลลัพธ์ที่น่าทึ่งขนาดนั้นเลยเหรอ?“หรูเยียน ในมือลูกถืออะไรไว้อยู่?”หลิ่วชิงเหอเพิ่งกลับมาจากบริษัท เมื่อเห็นว่าในมือของหลิ่วหรูเยียนถือยาเม็ดสีดำไว้ในมือเม็ดหนึ่ง ถึงถามขึ้นมาด้วยความไม่สบายใจ“ยาบำรุงปราณค่ะ”หลิ่วหรูเยียนพูดเรื่องที่หลี่ฮุยกล่าวมาให้ฟังตามความจริงอีกครั้ง พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วนำรูปของหลี่เฟิ่งหรูยื่นให้หลิ่วชิงเหอ“ยาบำรุงปราณนี่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยเหรอ? รู้ไ
หลิ่วชิงเหอขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพูดขึ้นมา “หรูเยียน อย่าลืมนะ จงอาหู่เป็นคนของสำนักเฟิ่ง ทุกเรื่องต้องมีขอบเขต อย่าทำเกินไป เพราะว่าสำนักเฟิ่งไม่ใช่คนที่เราจะไปยุ่งด้วยได้”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “วางใจเถอะค่ะ หนูรู้ว่าต้องทำอย่างไร”พูดเสร็จ หลิ่วหรูเยียนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาหลี่ก่านอีกด้านหนึ่ง หลี่ก่านที่กำลังดื่มและพูดคุยอยู่ในห้องเทียนจื่อเบอร์หนึ่งที่หยู่เซียงจวีกับจินเจิ้นหลง และเจ้าใหญ่นายโตในแวดวงอสังหาริมทรัพย์หลี่ก่านรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจที่จู่ๆ ก็ได้รับสายจากหลิ่วหรูเยียนพูดตามตรง เขาน้ำลายไหลกับหลิ่วหรูเยียนมานานแล้วน่าเสียดายที่เธอเป็นถึงผู้จัดการคนสวยแห่งฉู่ซื่อกรุ๊ป ฐานะหลายพันล้านแต่หลี่ก่านจะไม่ค่อยมีชื่อเสียง กลับเป็นแค่เจ้าสำนักแห่งสำนักมวยเท่านั้นเอง แม้ว่าใจจะคิดไม่ซื่อ แต่ก็ไม่มีความกล้านั้นมากพอโดยที่ผ่านมาเขาทำได้แค่มองหลิ่วหรูเยียนจากไกลๆ ไม่กล้าแม้แต่จะล้ำเส้นไปแต่กลับคิดไม่ถึงว่า วันนี้หลิ่วหรูเยียนจะเป็นฝ่ายติดต่อเขามาเอง สิ่งนี้ทำให้เขามีความสุขมาก“อาจารย์ครับ ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์ข้างนอกก่อนนะครับ อีกเดี๋ยวก็กลับมาแล้วครับ”หลี่ก
เหล่าเจ้าใหญ่นายโตวงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่บริเวณข้างๆ ต่างพากันถกเถียงระหว่างที่ฟังคนอื่นถกเถียงกันอยู่นั้น เกาหงเจี้ยนพูดและหัวเราะอย่างผยองว่า “โกหก โกหกทั้งนั้น”“เอ๋? ดูจากที่ประธานเกาพูด อาจจะมีช่องทางแบบนั้นก็ได้?”หลายๆ คนต่างพาสายตาจับจ้องไปที่เกาหงเจี้ยนที่จริงแล้วสาเหตุที่เกาหงเจี้ยนนำยาบำรุงปราณออกมาก็ ก็เพียงแต่ต้องการโอ้อวดต่อหน้าสาธารณชนแค่นั้นเองเมื่อเห็นว่าความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดโดยยาบำรุงปราณในมือของเขาจริงๆ เขาก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจและกล่าวว่า “อันที่จริงแล้วยาบำรุงปราณนี่มาจากมือของจงอาหู่”“ที่อยู่ในมือผมไม่กี่เม็ดนี่ ก็เป็นเสี่ยวตงซื้อมาจากจงอาหู่”“หากท่านทั้งหลายสนใจ ผมสามารถพิจารณาแบ่งจากในมือของผมให้ได้ไม่กี่เม็ดนะ แต่ว่าราคานั้น...”เขายังพูดไม่จบ ชายวัยกลางคนที่มีหัวอ้วนและมีหูใหญ่อยู่ข้างๆ เขายื่นมือตบแล้วพูดว่า “ยี่สิบห้าล้าน!”เฮ้ย!จินเจิ้นหลงได้ยินที่ฝ่ายตรงข้ามพูดราคาไป เขารู้สึกกระตุกที่หัวใจ ตะเกียบที่ถูกถืออยู่ในมือก็แทบจะถือไม่แน่น หล่นลงบนพื้นยาบำรุงปราณเม็ดเล็กๆ เม็ดเดียวราคาตั้งยี่สิบห้าล้านเชียวเหรอ?!เช่นนั้นเขาผิดพลาดอะไรไปก
เชี่ย!เรียวขายาวและเนียนขาวของหลิ่วหรูเยียน รวมถึงหน้าอกอวบอิ่มที่ไหวไปตามจังหวะย่างก้าวของเธอ จงอาหู่และลูกน้องอีกคนต่างก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้หลิ่วหรูเยียนเปรียบเสมือนสินค้าพรีเมี่ยมเลยจริงๆ“อะแฮ่ม!”หลี่ก่านที่อยู่ข้างหลังหลิ่วหรูเยียน เห็นสายตาของจงอาหู่ที่เต็มไปด้วยความหื่นกระหาย จึงกระแอมเสียงดังจงอาหู่จึงได้สติกลับมา ก่อนหันไปพูดกับลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ว่า “แกตาบอดรึไง ไม่รู้จักผู้จัดการใหญ่หลิ่วได้ยังไง?”พูดจบ เขาก็หันไปมองฉีกยิ้มให้หลิ่วหรูเยียนกับหลี่ก่าน “ทั้งสองท่านเชิญนั่งก่อนครับ”จากนั้นก็หันไปพูดกับลูกน้องที่อยู่ข้างหลังอีกว่า “ยังไม่รีบไปรินชาให้ผู้จัดการใหญ่กับหัวหน้าหลี่อีก”“ครับๆๆ!”ลูกน้องคนนั้นรีบชงชา และนำไปเสิร์ฟตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนกับหลี่ก่าน จากนั้นก็เดินไปยืนอยู่เงียบๆ อยู่ด้านข้างจงอาหู่เดินออกมาจากด้านหลังโต๊ะทำงาน นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับหลิ่วหรูเยียนและหลี่ก่าน เขาฉีกยิ้มพลางเอ่ยว่า “ทั้งสองท่าน ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรครับ?”“ถ้ามาหาเจ๊ใหญ่ ต้องขออภัยจริงๆ วันนี้เจ๊ใหญ่มีธุระ ค่อยมาวันหลังดีกว่านะครับ”อย่างไรเขาก็เป็นแค่คนขับรถ ในขณะที่หลิ่
เมื่อถึงตอนนั้น เธอจะลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับฉู่เฉิน และใช้ยาบำรุงปราณในมือกำจัดบริษัทเล็กๆ ของไอ้ฉู่เฉินให้สิ้นซาก ทำให้มันไม่มีทางลุกขึ้นมาได้อีก!พอเห็นจงอาหู่เงียบไปนาน หลิ่วหรูเยียนอดหยักยิ้มมุมปากอย่างย่ามใจไม่ได้ ก่อนจะพูดต่อว่า“พี่อาหู่ พี่วางใจได้ ขอแค่พี่เอายาบำรุงปราณมาให้ฉัน ด้วยกำลังของบริษัทเรา ย่อมจัดการปัญหาทั้งหมดนี้ได้อยู่แล้ว”“เพียงแต่ ต้องแบ่งผลประโยชน์กันอย่างยุติธรรม พี่สามฉันเจ็ด”“ถ้าพี่อาหู่ตัดสินใจเองไม่ได้ อย่างนั้นพี่ก็เชิญแพทย์แผนจีนอาวุโสที่พี่พูดถึงออกมา พวกเรามาเจรจากัน ยังไงฉันก็ไม่เอาเปรียบพี่อยู่แล้ว”“ถึงพี่จะได้ส่วนแบ่งน้อยหน่อย แต่ยังไงก็ยังดีกว่าพี่ต้องเข้าคุกเพราะขายสินค้าไม่ได้มาตรฐานใช่ไหมล่ะ?”คำพูดที่เหลือของหลิ่วหรูเยียน เรียกได้ว่าแทบจะเขียนคำว่า ‘ข่มขู่’ ติดไว้บนหน้าผากเลยทีเดียวความหมายก็คือ หากจงอาหู่ไม่ยอมรับเงื่อนไขของเธอ เธอก็จะไปแจ้งเรื่องกับศูนย์การแพทย์เดี๋ยวนี้!ถึงตอนนั้น ด้วยเส้นสายและอำนาจของหลิ่วหรูเยียน เธอจะทำให้จงอาหู่ติดคุกให้ได้อวดดี!อวดดีเกินไปแล้ว!แม้แต่ลูกน้องคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆ พอได้ยินคำพูดของหลิ่วหรู
“เดี๋ยวก่อน!”ขณะที่หลิ่วหรูเยียนสาวเท้าไปถึงหน้าห้อง เสียงของจงอาหู่ดังขึ้นมาอีกครั้ง“มีอะไร?”หลิ่วหรูเยียนหันไปมองจงอาหู่อย่างเย็นชา“คุณหลิ่ว คุณไม่จำเป็นต้องโกรธ อีกสามวัน ที่ล็อบบี้ของโรงแรมเทียนเฟิ่ง จะมีการจัดพิธีเปิดตัวยาบำรุงปราณ ถึงตอนนั้นคุณสามารถมาร่วมงานในฐานะตัวแทนของตระกูลฉู่ก็ได้นะครับ”“ไม่แน่ว่า แพทย์แผนจีนอาวุโสท่านนั้นอาจจะเห็นแก่ที่บริษัทของพวกคุณมีอิทธิพลในวงการแพทย์อยู่บ้าง แบ่งยาบำรุงปราณให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปของพวกคุณสักหน่อยก็ได้”จงอาหู่พูดด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ“ฮึ! เรากลับกันเถอะค่ะ!”หลิ่วหรูเยียนกระทืบเท้าเล็กๆ ของเธออย่างแรง จากนั้นก็สาวรองเท้าส้นสูงออกจากห้องทำงานของจงอาหู่อย่างกระฟัดกระเฟียด“คุณหลิ่ว รอผมด้วยครับ!”หลี่ก่านรีบหยิบยาบำรุงปราณที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็ตามออกไป……หลังจากที่หลิ่วหรูเยียนออกไป จงอาหู่โบกมือสั่งลูกน้องที่อยู่ข้างกายว่า “แกไปทำงานเถอะ ถ้ามีใครมาหาฉันอีก ให้บอกไปว่าฉันไม่อยู่”“เข้าใจแล้วครับ!”ลูกน้องคนนั้นพยักหน้า ก่อนจะโค้งหัวแล้วถอยออกจากห้องทำงานไปผ่านไปครู่ใหญ่ จงอาหู่ล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรศัพท์หาฉู่เฉินเวลานี้
แต่คนที่ยืนอยู่ข้างนอก กลับไม่ใช่หลิ่วหรูเยียน กลับเป็นไอ้เดรัจฉานฉู่เฉิน!“แหม เธอแต่งตัวเซ็กซี่มากเลยนะ”สายตาของฉู่เฉินกวาดมองเรือนร่างที่แทบจะเปลือยเปล่าของหลิ่วชิงเหอตั้งแต่หัวจรดเท้า เอื้อมมือไปจับหน้าอกของเธออย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง“ฉู่เฉิน ไอ้เดรัจฉาน แกบ้าไปแล้วเหรอ?”หลิ่วชิงเหอพยายามหลบมือของฉู่เฉิน เธอวิ่งเข้าไปในห้องรับแขก หยิบมีดปอกผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแต่เธอยังไม่ทันหันกลับมา ฝ่ามือใหญ่ที่ทรงพลังข้างหนึ่งก็รัดเอวเธอไปกอดจากด้านหลัง“ปล่อยฉันนะ!”หลิ่วชิงเหอพยายามดิ้นขัดขืน แต่จนใจที่ไม่ว่าจะขัดขืนขนาดไหน ก็ไม่สามารถหลุดพ้นพันธนาการจากมือใหญ่คู่นั้นได้“ฉู่เฉิน ฉันขอร้องแกล่ะ อย่าทำที่นี่ หรูเยียน…หรูเยียนใกล้จะกลับมาแล้ว อย่าให้เธอเห็นเด็ดขาด เรา…เราไปที่ห้องของฉันดีไหม?”หลิ่วชิงเหอเอ่ยด้วยสีหน้าอ้อนวอนความจริง ตั้งแต่วินาทีที่ฉู่เฉินรัดเอวเธอไปกอด เธอก็สังหรณ์ใจไม่ดีแล้วเพียงแต่ ความรู้สึกที่ทั้งกลัวและอยากนั่น แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่อาจใช้คำพูดมาบรรยายได้ราวกับว่าในใจของเธอ มีเปลวเพลิงขุมหนึ่งที่กำลังลุกไหม้แต่เธอก็กลัวอีกว่าเปลวไฟขุมนั้นจะแผดเผาเธอ
หลิ่วชิงเหอร้อนใจจนเกือบหลุดปากร้องออกมา แต่สุดท้ายก็ทนไว้ได้หลิ่วหรูเยียนเดินวนรอบห้องรับแขกหลายรอบ พอเห็นว่าในห้องรับแขกไม่มีใครอยู่เลย จึงโยนกระเป๋าลงบนโซฟา จากนั้นก็เดินบิดขี้เกียจขึ้นไปบนห้องนอนชั้นสองแม้จะผ่านไปเพียงไม่กี่นาที แต่สำหรับหลิ่วชิงเหอ มันกลับยาวนานเหมือนผ่านไปหลายปีก็ไม่ปานครั้งนี้ไม่เหมือนกับตอนนั้นที่หลิ่วหรูเยียนหมดสติ เพราะหลิ่วหรูเยียนในตอนนี้อยู่ในสภาวะมีสติครบถ้วน และพวกเขาทั้งสามคนก็อยู่บนโซฟาซึ่งห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่ถึงหนึ่งเมตรแม้หลิ่วหรูเยียนจะทำตัวเหมือนปกติ นั่งดูโทรทัศน์บนโซฟา ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความผิดปกติโดยรอบแล้วทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?นี่มันอะไรกันแน่?ไอ้เดรัจฉานฉู่เฉิน!ป้าอู๋ที่อยู่ข้างๆ ตกใจจนหมดแรง นั่งตัวอ่อนอยู่บนโซฟาเมื่อกี้ตอนที่เสียงเรียกเข้าของเธอดัง เธอตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างโชคดีที่เธอไหวพริบดี รีบโยนโทรศัพท์ไปที่อีกฝั่งของโซฟา ถึงทำให้รอดไปได้อย่างหวุดหวิด……หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า เงาร่างของฉู่เฉินหายลับออกไปจากหน้าต่าง ป้าอู๋รีบเก็บกวาดสิ่งสกปรกบนพื้น ก่อนจะวิ่งเข้าห้องแม่บ้านไปเหมือนคนหนีตายส่วนหลิ