ที่จริงฉู่เฉินเพิ่งเข้าใจคำว่าคนจนเรียนหนังสือคนรวยเรียนยุทธ์จากชื่อเสียงของจินเจิ้นหลงก็คงมีเพื่อนร่วมสายอาชีพแต่ยาบำรุงปราณของเขาสำหรับนักสู้แล้ว ก็มีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ เช่นกัน ไม่เพียงแต่สามารถทำให้อายุวัฒนะ แต่ยังทำให้พลังแข็งแกร่งอีกด้วยแม้แต่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้นักสู้ทะลวงคอขวด ส่งผลให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นสำหรับนักสู้แล้ว ยาบำรุงปราณมีความดึงดูดที่สุดแต่เห็นได้ชัดว่าจงอาหู่ไม่มีคอนเนคชั่นทางด้านนี้ ถ้าเทียบกันแล้วจินเจิ้นหลงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้วนี่ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ฉู่เฉินตอบตกลงรักษาจินเจิ้นหลงจินเจิ้นหลงยกเท้าขึ้นมาถีบเข้าไปที่ก้นของจินอ้าวเทียน พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ยังไม่รีบขอบคุณคุณฉู่อีกเหรอ?”ต้องขอบคุณมันด้วยเหรอ?ใบหน้าจินอ้าวเทียนที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจตรงดิ่งเข้าไปหาฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ขอบคุณความมีน้ำใจและใจกว้างของคุณฉู่”“ไสหัวไปได้แล้ว!”จินเจิ้นหลงเตะจินอ้าวเทียนอีกครั้ง หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็รีบคลานหนีออกไปเมื่อจินอ้าวเทียนออกไปไกลแล้ว ใบหน้าของจินเจิ้นหลงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มพูดขึ้นมาว่า “คุณฉู่ มีเรื่องอะไรคุณพูดมาได้เลยนะคร
ฉู่เฉินครุ่นคิดก่อนแล้วจึงพูดหยั่งเชิงว่า “หากต้องการรักษาโรคของคุณหนูจิน จำเป็นต้องใช้หญ้าเทียนหลิง ต้องใช้เวลาซึ่งหาได้ยาก รอให้ผมเจอวัตถุดิบยานี้ก่อนแล้วค่อยว่ากันก็ได้ครับ”จินเจิ้นหลงก็ไม่กล้าขัด จึงทำได้แค่พยักหน้ารัวๆคุยกับฉู่เฉินอีกไม่กี่ประโยค จินเจิ้นหลงก็พาลูกสาวเขากลับไปหลังจากที่ออกจากประตูบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ จินหลิงเอ๋อร์ที่นั่งอยู่บนรถถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “พ่อคะ ทำไมเมื่อกี้พ่อไม่ตอบรับคุณฉู่ล่ะคะ?”“ยาลูกกลอนเป็นทรัพยากรที่หายากในวงการยุทธ์นะคะ บางทีหากตระกูลจินของเราพึ่งพาอำนาจของคุณฉู่ เราอาจจะประสบความสำเร็จก็ได้นะคะ”จินเจิ้นหลงส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นมาว่า “หลิงเอ๋อร์ ลูกมองปัญหาง่ายเกินไปแล้ว”“เอ๋?”จินหลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วพร้อมถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “พ่อคะ หนูไม่เข้าใจความหมายของพ่อ จากทักษะการแพทย์ของคุณฉู่ ยาลูกกลอนที่เขาให้ต้องยอดเยี่ยมแน่นอนค่ะ”จินเจิ้นหลงถอนหายใจยาวออกมา พร้อมอธิบายว่า “นั่นก็ถูก นักสู้ที่ระดับพลังยิ่งสูง ความต้องการที่มีต่อยาลูกกลอนก็ยิ่งสูง แต่ทว่าลูกเคยคิดไหม ว่าคนที่สามารถจ่ายให้กับของพวกนี้ได้เป็นใครกันบ้าง?”“หากยาลูกกลอนมีปัญหา แ
เมื่อเห็นว่าจินอ้าวเทียนและจินหลิงเอ๋อร์เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จินเจิ้นหลงจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้พวกเขาฟังตามจริงเมื่อได้ยินว่าฉู่เฉินสามารถสังหารซ่งหู่ได้เพียงคราวเดียว สองพี่น้องตกใจกลัวจนเหงื่อท่วมทั้งร่างโดยเฉพาะจินอ้าวเทียน เขาแอบดีใจยิ่งกว่าที่ได้พบกับพ่อของเขาที่ประตูบ้านใหญ่ของตระกูลฉู่ ไม่อย่างนั้น...ซี้ดๆ!ไม่อยากจะคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเลย!หลิ่วหรูเยียนผู้หญิงพวกนี้ นี่แม่งเป็นการส่งกูไปตายชัดๆ ไม่ใช่เหรอ?จินอ้าวเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ก่นด่าหลิ่วหรูเยียนในใจเป็นหลายสิบครั้ง!แม้ว่าเขาจะต้องการเรือนร่างของหลิ่วหรูเยียน แต่ผู้หญิงแค่คนหนึ่งไม่มีค่าพอที่จะให้เขาเสี่ยงชีวิตหรอกสำหรับจินหลิงเอ๋อร์ เธอก็กลัวจนเหงื่อเย็นท่วมตัวเช่นกัน!เมื่อกี้ที่เธอลงมือกับฉู่เฉิน หากไม่ใช่ว่าฝ่ายตรงข้ามออมมือให้ เธอเกรงว่าชีวิตเล็กๆ ของเธอคงจะไม่เหลือแล้วมั้ง?“ดังนั้นถึงบอกว่าฉู่เฉินคนนี้ ทำได้แค่ประจบประแจง และอย่ายั่วโมโหเขาเด็ดขาด อย่างน้อยตระกูลจินของเราไม่มีกำลังนั้น เข้าใจไหม?”จินเจิ้นหลงกล่าวอย่างจริงจังจินหลิงเอ๋อร์และจินอ้าวเทียนสองพี่น้องพยักหน้ารั
…อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินเพิ่งส่งคนตระกูลจินกลับไปได้ไม่นาน โจวเทียนเฟิ่งก็ส่งรูปมาให้เขารูปหนึ่งรูปนั้นเป็นรูปของโจวเทียนเฟิ่งเองเพียงแต่โจวเทียนเฟิ่งที่อยู่ในรูป แทบจะทำให้เห็นความที่สุดของคำว่ายั่วยวน ผมลอนใหญ่ม้วนยาวสง่า สวมหมวกพยาบาลแบบเฉียงๆ อีกด้วยท่อนบนสวมชุดพยาบาลซีทรู เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งครึ่งวงกลมสีขาวสองส่วนกระโปรงซีทรูปกปิดท้องน้อยที่กระชับและเรียบเนียนไว้ มองขึ้นไปตามกระโปรงซีทรู หน้าอกอวบอิ่มคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นราง ๆกระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ กึ่งปิดกึ่งเปิด เห็นขอบลูกไม้ด้านในได้ชัดเจน เข็มขัดถูกผูกเป็นโบสีชมพู แล้วมัดไว้ด้านข้างขาเรียวยาวสองข้างยังสวมใส่ถุงน่องตาข่ายสุดเซ็กซี่ไว้ เท้าเล็กๆ สีชมพูคู่นั้นยังสวมใส่รองเท้าแก้วไว้อีกด้วยเชี่ยเอ๊ย!เป็นชุดเครื่องแบบที่ยั่วสวาทจริงๆ !ฉู่เฉินที่ผ่านการรบติดต่อมาเป็นเวลานาน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ“เฉินเฉิน... วันนี้อยากจะมานอนบนเตียงกับฉันไหมคะ?”ในขณะที่ฉู่เฉินกำลังดื่มด่ำกับวิวสวยตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมา“เป็นอะไรไป ไม่ได้เจอกันแค่วันเดียวเอง คุณอยากอีกแล้วเหรอครับ?”ฉู่เฉินส่งข้อ
“ปรมาจารย์ฉู่ ผมได้นัดเจ้าใหญ่นายโตไม่กี่ท่านไว้แล้วครับ วันนี้นัดพบเจอกันที่ภัตตาคารพาราเมาท์ตอนกลางวันครับ เมื่อถึงเวลานั้นคุณมอบยาบำรุงปราณให้ผม แล้วผมจะลองนำไปให้พวกเขาดูครับ”“ผมเชื่อว่าพวกเขาก็จะเหมือนผมที่อยากจะแย่งชิงยาบำรุงปราณมา”จงอาหู่พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นแม้ว่าเขาจะกินไปแค่เม็ดเดียว แต่ว่าก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพลังของตนเองนั้นมีการยกระดับขึ้นก็เหมือนกับที่ฉู่เฉินพูดว่าจำเป็นต้องกินให้ถึงสิบเม็ด ถึงจะสามารถยกระดับพลังได้ ตอนนี้กินไปแค่เม็ดเดียวก็เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนแบบนี้ จงอาหู่ก็พอใจมากๆ แล้วฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าวขึ้นมาว่า “อืม ก็ได้นะ เอาอย่างนั้นแหละ ฉันจะเขียนใบเสร็จให้หนึ่งใบ นายก็รีบซื้อวัตถุดิบยาตามจำนวนและชนิดที่เขียนไว้บนใบเสร็จกลับมาก็แล้วกัน”“หลังจากนั้นก็ลองไปสืบดูว่าสามารถซื้อหญ้าเทียนเซียงได้จากที่ไหนบ้าง”พูดจบฉู่เฉินก็ยกปากกาขึ้นมา เขียนวัตถุดิบและจำนวนที่ต้องใช้หลอมยาลงไปบนกระดาษ หลังจากนั้นจึงส่งมอบใบสั่งยานั้นให้จงอาหู่น้ำหนักที่ฉู่เฉินเขียนลงไป ล้วนแต่มีหน่วยเป็นร้อยชั่ง อีกทั้งเขาก็ไม่ได้เขียนอั
“หืม?”โจวเทียนเฟิ่งที่เคยสังเกตฉู่เฉินมาโดยตลอด หลังจากที่เห็นฉู่เฉินเดินขึ้นไปบนเนินเขาแล้ว ตามมาด้วยเงาเพียงแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็หายไปไม่เห็นอีกเลย ไม่เพียงแต่ตกใจจนอ้าปากค้าง เธอยังรีบสวมเสื้อคลุมแล้วรีบวิ่งไปทางเนินเขาหลังจากที่เธอมาถึงยอดเขา กลับเห็นแค่ความว่างเปล่าในบริเวณรอบๆ ไม่มีแม้แต่เงาของฉู่เฉินโจวเทียนเฟิ่งช็อกไปเลยหรือว่านี่จะเป็นข้อแตกต่างระหว่างผู้บำเพ็ญเต๋าและนักสู้เหรอ?“เฉินเฉิน? คุณอยู่ไหมคะ?”โจวเทียนเฟิ่งตะโกนถามหยั่งเชิงขึ้นมาแต่นอกจากเสียงคำรามของลมและภูเขาแล้ว ก็ไม่มีเสียงใครตอบกลับมาเลยในขณะนั้นเอง ฉู่เฉินที่ซ่อนอยู่ในค่ายกล เขามองไปที่โจวเทียนเฟิ่งด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและไม่พูดอะไร“ตู้ม!”ตามมาด้วยหมอกจางๆ ที่คลุ้งออกมา ยาลูกกลอนหม้อแรกอยู่ในมือของฉู่เฉินตามมาด้วยหม้อที่สอง หม้อที่สาม...ระยะสั้นๆ เพียงแค่ตอนเช้า ฉู่เฉินสามารถหลอมยาได้ร้อยหม้อภายในลมหายใจเดียวยาบำรุงปราณหนึ่งพันเม็ดเต็มๆ ถูกฉู่เฉินหยิบขึ้นมา หลังจากนั้นก็ใส่เข้าไปที่ถุงหนังงู“เฮ้อ!”ฉู่เฉินถอนหายใจออกมาเบาๆ ค่ายกลล่องหนรอบๆ ก็ค่อยๆ หายไป ร่างของฉู่เฉินเหมือนกับแวบขึ้นมา
ซี้ดจงอาหู่ขมวดคิ้ว ถามชายคนนั้น มองจากสีหน้าของเขา เขาไม่มีทางโกหกแน่นอนเมื่อนึกถึงส่วนนี้ เขาก็พยักหน้าพูดขึ้นมาว่า “ไป พาฉันไปดูหน่อย”ทั้งสองคนที่เพิ่งถึงบริเวณเนินเขา ห่างออกไปแสนไกล จงอาหู่ก็ได้ยินเสียงจากทางยอดเขา เสียงดังลั่น ราวกับว่าจะทำให้หูดับได้เลยนะ!แต่ว่าเสียงนั่น ทำไมไม่ว่าจะฟังอย่างไรมันก็ฟังคุ้นหูล่ะ?ซี้ด!ไม่ใช่ว่าอาเจ๊กับปรมาจารย์ฉู่กำลังทำอะไรบนเขา...แม่งเอ๊ย!อาเจ๊กับปรมาจารย์ฉู่นี่โรแมนติกจริงแม้ว่าจะนึกถึงความเป็นไปได้นี้ได้ แต่จงอาหู่ก็ยังเดินตามอยู่ข้างหลังชายคนนั้น เดินมุ่งยังไปเนินเขา“พี่หู่ พี่ได้ยินแล้วใช่ไหมครับ แต่ว่า... พวกลูกน้องก็ต่างพากันตามหารอบๆ นี้ไปแล้ว แต่กลับไม่พบใครเลยครับ นี่... นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วนะครับ”ชุดของหัวหน้าบอดี้การ์ดเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขามองดูจงอาหู่ด้วยสายตาว่างเปล่าไม่ได้การแล้ว ภูเขานี้สกปรกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาดูเสียแล้ว“ช่างมันเถอะ หาไม่เจอก็ไม่ต้องหาแล้ว ทุกคนกลับไปเถอะ”จงอาหู่ขมวดคิ้ว พร้อมโบกมือไปที่ทุกคนยิ่งเข้าใกล้เขาก็ยิ่งได้ยินชัดขึ้น ที่มันเป็นการปลดปล่อยของอาเจ๊กับป
...ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หน้าประตูห้องเทียนจื้อเบอร์หนึ่งของภัตตาคารพาราเมาท์ จงอาหู่ผลักประตูเข้าไปขณะนั้นเอง ภายในห้องได้มีคนอยู่ห้าคนได้นั่งล้อมรอบโต๊ะกลมเอาไว้แล้ว“โอะ นี่มันพี่หู่ของเราไม่ใช่เหรอ? ช่วงนี้สีหน้าดูไม่เลวเลยนี่ เจ๊เฟิ่งขึ้นเงินเดือนให้นายเหรอ?”ชายวัยกลางคนที่มีร่างกายอ้วนตุ๊ต๊ะ หัวโตหูใหญ่ หน้าตาผิดปกติ พร้อมรอยยิ้มที่ร้ายกาจกำลังมองมาที่จงอาหู่พร้อมพูดขึ้นมาเขาเป็นลูกชายของท่านประธานเจียงจงฟาร์มาซูติคอลกรุ๊ป ชื่อว่าสวี่เทียนหลายหนึ่งในนั้นเขาเป็นคนที่มีเบื้องหลังลึกซึ้งที่สุด อีกทั้งอย่าเห็นว่าเจียงจงฟาร์มาซูติคอลเป็นแค่บริษัทยา แต่เบื้องหลังนั้นกลับเป็นความมั่นคงทางการเงินของประเทศบริษัทเล็กๆ ทั่วไป ไม่มีทางที่จะเข้าตาเจียงจงฟาร์มาซูติคอลอย่างแน่นอน!แม้แต่ผู้ว่าการหลี่ยังต้องให้เกียรติเจียงจงฟาร์มาซูติคอล เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วยาบำรุงของเจ้าใหญ่นายโตในมณฑล ล้วนผลิตมาจากเจียงจงฟาร์มาซูติคอล“คุณชายสวี่ล้อผมเล่นอีกแล้ว ผมเป็นแค่คนขับรถต่ำต้อยจะมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือนได้อย่างไรครับ”จงอาหู่หัวเราะอย่างเหน็บแนม ลากเก้าอี้แล้วนั่งลงไป“คนขับรถข
ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสำนักก็อยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นสามแล้ว ฉู่เฉินไม่ได้เป็นคนที่มีทักษะสูงส่งใจกล้า แต่ว่าแค่รนหาที่ตายล้วน ๆ เลย“ผมคนเดียวก็พอแล้ว”ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่ง“โฮก!”เห็นได้ชัดว่าไอ้หัวดื้อที่อยู่ด้านหลังไม่พอใจคำตอบของฉู่เฉินอย่างมาก เขาไม่นับเป็นคนหรือไง? หืม? ข่งเลี่ยงหันหน้ามองไปทางชายร่างผอมบางที่ไม่สะดุดตาคนนั้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อสบตากัน ข่งเลี่ยงพลันตกใจจนขนลุกชันขึ้นมาทันทีผีดิบเลือดคลั่ง!นอกจากนี้ยังเป็นผีดิบเลือดคลั่งที่มีพลังน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย!ชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของข่งเลี่ยงเต็มไปด้วยสีสันสุดขีดเขารู้ซึ้งดีถึงความร้ายกาจของผีดิบเลือดคลั่ง แม้แต่ตัวที่มีความสามารถอ่อนด้อยที่สุดก็เทียบเท่ากับผู้ที่อยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นห้าแล้วฉู่เฉินปราบไอ้ตัวที่น่ากลัวขนาดนี้ได้ยังไง?ปาฏิหาริย์!เป็นปาฏิหาริย์จริง ๆแต่ว่าแค่ผีดิบเลือดคลั่งตัวเดียวยังไม่เพียงพอ เดิมทีสำนักอวี้ซือก็มีต้นกำเนิดจากหมู่บ้านโบราณเหมียวเจียง มีวิธีจัดการผีดิบเลือดคลั่งนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือในสำนักอีกมากมายพลังรบของผีดิบเลือดคลั่งถูกจำกัดไว้มากมายในสำน
ตามที่อยู่ที่ข่งเลี่ยงส่งมา ไม่นานฉู่เฉินก็มาถึงตีนเขากู่เฟิงฉู่เฉินจอดรถไว้ริมถนนหลวงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เปิดประตูกระโดดลงจากรถ มองไปยังส่วนลึกของภูเขาที่มืดมิดลึกล้ำแวบหนึ่งเขากู่เฟิงยามค่ำคืนให้ความรู้สึกเหมือนกับเหวลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับว่าทุกก้าวที่เดินไปข้างหน้าล้วนเต็มไปด้วยวิกฤติอันตรายหลังจากพาไอ้หัวดื้อเดินขึ้นหน้าไปตลอดทางผ่านสันเขาหลายลูก ถึงค่อยมีเส้นทางเล็ก ๆ สามสายที่แยกออกไปคนละทางปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉู่เฉินฉู่เฉินวาดยันต์ทลายม่านอาคมกลางอากาศ ไม่นานเส้นทางเล็ก ๆ สามสายก็หายไปจากเบื้องหน้าสายตาของฉู่เฉิน สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งกลับเป็นเส้นทางเล็ก ๆ คดเคี้ยวทอดยาวไปยังที่ห่างไกล เป็นเหมือนที่คนตระกูลหยางพูดไว้จริง ๆ ด้วย หากไม่มีคนที่คอยประสานอยู่ภายใน อยากจะหาประตูสำนักอวี้ซือเป็นเรื่องที่ยากเหมือนขึ้นสวรรค์จริง ๆหลังจากผ่านวิชาบังตาเหมือนเมื่อกี้ติดต่อกันอีกหลายจุด ประตูไม้สูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉู่เฉินในที่สุดด้านบนหอประตูเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่สีแดงฉานว่า “สำนักอวี้ซือ”เมื่อฉู่เฉินกับไอ้หัวดื้อเพิ่งเดินมาถึงประตูสำนัก ทันใดนั้นก็มีร่างเงาพุ่งออกมาจา
ถึงแม้จะเหนื่อยจนหอบหายใจแฮก ๆ แต่มุมปากกลับยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ“วันนี้กินอิ่มมากเลย”จางม่านยื่นมือไปลูบไล้ฉู่เฉิน ใบหน้าแดงระเรื่อ เอ่ยอย่างไม่หนำใจ“กินอิ่มแล้วจริง ๆ เหรอ?”ฉู่เฉินปลดสายจูงสุนัขออก แล้วจับมือเล็ก ๆ ของจางม่าน เอาสองมือของเธอไพล่หลัง จากนั้นก็ใช้สายจูงล่ามเอาไว้แน่น ๆ ก่อนจะยกจางม่านขึ้นมาจากบนเตียงฉู่เฉินไม่เคยผ่อนปรนเรื่องระบายท่อนลำมาโดยตลอดจางม่านดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเอางานเอาการของฉู่เฉิน เท้าเล็ก ๆ ทั้งสองข้างพยายามยันฟูกไว้แล้วให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เสียงที่ดูเหมือนสะอื้นไห้และครวญครางดังต่อเนื่องอีกครั้งกว่าหนึ่งชั่วโมงถึงค่อย ๆ กลับคืนสู่ความสงบดวงหน้าเล็กของจางม่านแดงก่ำ ทรุดตัวอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาสวยฉ่ำเยิ้มจ้องมองฉู่เฉิน เธอยังอยากทำศึกต่อจริง ๆแต่ก็ไม่มีทางเลือกความง่วงงุนอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามา ไม่นานเธอก็หลับสนิทไปเมื่อมองจางม่านที่เข้าสู่ห้วงฝันเหมือนกับชูครีมที่ถูกยัดไส้เต็มเปี่ยมบนเตียง ฉู่เฉินก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมบนตัวอีกครั้ง แล้วเดินออกจากห้องพรสซิเดนเชียลสวีทจนกระทั่งเขม่าควันปืนในห้องข้าง ๆ จากหายไป ผ
ยัยนี่มีประสบการณ์กร้านโลกจริง ๆ ตรงไปตรงมามากเลยฉู่เฉินฉวยโอกาสอุ้มจางม่านเข้ามาในอ้อมแขนแล้วเดินเข้าไปในห้องจางม่านกัดริมฝีปากแดงระเรื่อเบา ๆ มองฉู่เฉินด้วยดวงตาที่ส่องประกายระยิบระยับแล้วพูดว่า “คุณฉู่... ฉะ...ฉันอยาก...”จางม่านพูดพลางยื่นมือน้อย ๆ ไปที่เอวของฉู่เฉินหญิงงามดั่งหยก กระบี่ดั่งสายรุ้งต้องยอมรับเลยว่าจางม่านสมกับเป็นคนจากวงการบันเทิง รู้วิธีการสร้างความบันเทิงได้ดีมากทักษะดีเยี่ยมจริง ๆภายในไม่กี่นาทีสั้น ๆ ฉู่เฉินก็รู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะระเบิดโลกแล้วในเมื่อบรรยากาศเป็นใจถึงขั้นนี้แล้ว ฉู่เฉินก็ไม่อาจปล่อยให้จางม่านผิดหวังได้ไม่ใช่หรือไง?ฉู่เฉินเอื้อมมือไปกระชากผ้าเช็ดตัวเพียงหนึ่งเดียวบนร่างของจางม่านลงมา ก่อนจะเหมือนกับเสือที่ตะครุบเหยื่อ กดจางม่านไว้ใต้ร่างทันที“คุณฉู่...เดี๋ยวก่อนค่ะ”ภายใต้สายตาประหลาดใจของฉู่เฉิน จางม่านลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งตัวเปลือยไปที่ตู้เสื้อผ้าทางด้านข้าง แล้วค้นหาของอยู่พักใหญ่สุดท้าย เธอก็หยิบ...ปลอกคอสุนัขออกมาจากด้านใน“คุณฉู่ ชอบเล่นแบบนี้ไหมคะ?”จางม่านพูดพลางส่งสายตาหวานเยิ้ม กัดริมฝีปากแดง ก่อนจะข
ด้วยเหตุนี้เองถึงทำให้เกาเซิ่งอี้บ้าคลั่งขึ้นมาโดยสิ้นเชิง “ครับ! พอถึงเวลานั้น ผมจะให้เฮ่อเซวียนบีบบังคับให้แม่ลูกตระกูลหลิ่วมอบของออกมา” ฉีอวี่ไท่เอ่ยด้วยความมั่นใจแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหยกโลหิตกิเลนมีประโยชน์อะไร แต่ว่าขอเพียงได้ของชิ้นนี้มาก็เท่ากับทำให้ตระกูลฉีมีต้นทุนที่จะได้ก้าวขึ้นไปสู่ตระกูลชั้นนำอย่างแท้จริง ตามผลประโยชน์ที่เกาเซิ่งอี้รับปากว่าจะมอบให้ตระกูลฉี ลูกหลานของตระกูลฉีในสามรุ่นจะสามารถกราบเข้าสำนักบำเพ็ญเพียรได้ทั้งหมด ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่ถึงสิบปี ตระกูลฉีก็สามารถก้มลงมองไปยังตระกูลธุรกิจกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้แล้ว หากทำงานให้สมาคมกิเลนสำเร็จ ตระกูลฉีจะสามารถใช้โอกาสนี้เป็นสะพานเชื่อมเพื่อเข้าร่วมสมาคมกิเลนอย่างเป็นทางการเช่นนั้นก็หมายความว่าตระกูลฉีจะมีเส้นสายกับคนที่น่ากลัวในโลกแห่งการหยั่งรู้ได้ อนาคตในวันข้างหน้าก็จะไร้ขีดจำกัด.....เพิ่งจะกลับมาถึงเจียงจง โทรศัพท์ของฉู่เฉินก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขแปลก ฉู่เฉินก็ลังเลไปชั่วครู่ก่อนจะกดรับสาย“คุณฉู่ ตอนนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ?”ไม่นานก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนของจางม่านดังมาจากป
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนต่อโลกของโฮ่วเจี้ยนอิง ฉู่เฉินถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างน่าพรั่นพรึงว่า “ต้นทุนยาบำรุงปราณไม่ถึงหนึ่งร้อย แต่ราคาตลาดขายได้หลายล้านต่อเม็ดไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่เห็นแก่ที่พวกคุณต้องการปริมาณมาก ห้าแสนผมก็ไม่ขายหรอก”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเจื่อนพลางพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าจัดหาให้ได้เดือนละเท่าไหร่ครับ?”“สัปดาห์ละหนึ่งร้อยเม็ด นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว อีกอย่างยาชนิดนี้ไม่มีผลกับคนตาย ตนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หนึ่งปีมีแค่ไม่กี่ราย จำนวนเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งอันที่จริงวิธีการหลอมยาสร้างกล้ามเนื้อไม่ได้ซับซ้อนเลย เพียงแต่ว่าตอนที่ใช้ไฟกลั่นขั้นสุดท้าย จำเป็นต้องใช้เปลวไฟหยินบริสุทธิ์ในการกลั่นเท่านั้นด้วยเหตุนี้ในแง่ของการผลิตจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉู่ซื่อกรุ๊ป สิ่งที่ฉู่เฉินต้องทำก็คือไปกลั่นไฟทุกอาทิตย์แต่ในระดับขั้นของฉู่เฉินในตอนนี้ การหลอมยาชั้นหนึ่งจำนวนหนึ่งร้อยเม็ดก็เป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้วเห็นได้ชัดว่าโฮ่วเจี้ยนอิงไม่พอใจกับจำนวนเท่านี้ แต่เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนปรน ก็ได้แต่คว้าสิ่งที่ดีรองลงมา ถ
“งั้นก็ได้ครับ ยังไงผมก็จำเป็นต้องกลับไปกับคุณฉู่อยู่แล้ว”หลูติ้งไห่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง“ได้ครับ คุณฉู่ เชิญด้านนี้ครับ”ขณะที่กำลังพาฉู่เฉินไปที่ห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิง โจวอวี้หมิงก็สั่งให้ทหารคนสนิทพาหลูติ้งไห่ไปยังห้องพักเมื่อเปิดประตูห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิงออก โจวอวี้หมิงก็เริ่มเข้ามาแนะนำโฮ่วเจี้ยนอิงให้ฉู่เฉินได้รู้จักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณฉู่ นี่คือท่านโฮ่วเจี้ยนอิงผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในแปดเทพนักรบแห่งแดนมังกรของเรา”ฉู่เฉินและโฮ่วเจี้ยนอิงสบตากัน ราวกับว่าพวกเขากำลังจะปล่อยประกายไฟที่รุนแรงออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน โฮ่วเจี้ยนอิงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณเป็นเด็กหนุ่มคนแรกที่สามารถจ้องตาผมได้นานขนาดนี้”“คุณเองก็เป็นชายแก่คนแรกที่ยังไม่ถูกคลื่นลูกใหม่ผลักตกจากชายหาดนะ”ฉู่เฉินยิ้มเยาะ“เหอะ ๆ คุณพูดอะไรน่ะ!”โจวอวี้หมิงรีบสะกิดไปที่ไหล่ของฉู่เฉิน และส่งสายตาเตือนเขาโฮ่วเจี้ยนอิงถูกย้ายไปที่มณฑลเจียงแล้ว ซึ่งทำให้เขาอารมณ์เสียมากพออยู่แล้ว แต่ฉู่เฉินยังมายั่วโมโหเขาอีก นี่มันหาเรื่องมีปากเสียงกันไม่ใช่เหรอ?“คุณมีความสามารถมากจริง ๆ”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเล็กน้
เซียวเฟิงถูกฉู่เฉินซักถามจนหน้าตาแดงก่ำ เขาอยากจะด่ากลับไปจริง ๆ แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนหลายพันคน เขาด่าออกไปไม่ได้จริง ๆ “ผู้นำเซียว เขาพูดอะไรน่ะ กลางวันอะไร ชาวบ้านทำนาอะไร?” หานหลิงผ้าเช็ดหน้าให้เซียวเสวี่ยอิ๋งถามขึ้นอย่างสงสัย“หุบปาก!”ดวงตางามของเซียวเสวี่ยอิ๋งพลันเย็นชา แล้วถลึงตาใส่หานหลิงหนัก ๆไม่ได้เรียนหนังสือหรือไงแม้แต่ชาวบ้านทำนาในตอนกลางวันก็ยังไม่รู้อีก“ฉู่เฉิน! คุณเลิกพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนี้ได้แล้วนะ การประลองในวันนี้ถือว่าเสมอกันไป”เซียวเสวี่ยอิ๋งกัดฟันแน่นและจ้องฉู่เฉินอย่างแน่วแน่ฉู่เฉินยิ้มเยาะ “ไม่ต้องรีบหรอก ยังไงสักวันหนึ่ง ผมก็จะทำให้คุณยอมผมทั้งกายทั้งใจ และเป็นฝ่ายเดินเข้ามาในโลกของผมด้วยตัวเองอย่างเต็มใจ”พูดจบฉู่เฉินก็โยนยาสร้างกล้ามเนื้อไปให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง“ฉัน...ฉันไม่ต้องการ”ถึงแม้ปากจะพูดออกมาแบบนั้น แต่เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ยังคงเก็บยาสร้างกล้ามเนื้อไว้ในแขนเสื้อตามจิตใต้สำนึกของดีขนาดนี้เธอแค่ไม่อยากใช้มันสุ่มสี่สุ่มห้าเท่านั้นเองอีกอย่าง บาดแผลบนร่างกายของเธอก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ทนอีกสองวันก็หายแล้ว ที่เธอเก็บยาของฉู่เฉินเอ
ในฐานะผู้นำเขตทหารยศสองดาว หลัวคายไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนจากแดนมังกรได้ เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติของกองทัพจนหมดสิ้นในขณะนั้น ความอัดอั้นในใจของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้หลัวคายกระอักเลือดออกมา“ผู้นำหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปยังหลัวคายที่อยู่ข้างล่างเวทีประลองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปกติแล้วเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเซียวเสวี่ยอิ๋ง หลัวคายน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตลก ที่ถูกฉู่เฉินกดไว้กับพื้นและลากถูไปมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่นางฟ้าในใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรไปเจอเซียวเสวี่ยอิ๋งได้อีก? ตอนนี้เขาแทบจะอยากจะมุดดินหนี“สบายใจได้ เขาไม่ตายหรอก ปกติแล้วเวลาที่ผมต่อสู้ก็มักจะมีขอบเขตเสมอ แค่แขนหักไปข้างหนึ่ง เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดี”ฉู่เฉินปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลัวคายก็ถึงกับสบถด่าแม่ของเขาในใจชนะก็ชนะไปแล้ว ยังจะคุยโวอีกทำไมกันจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างไม่ได้เลยเหรอ?หลัวคายในตอนนี้แทบจะเหมือนกิ้งก่าท