“คุณปู่ รอผมด้วยครับ!”ฮว่าเทียนอวี่จ้องแผ่นหลังของอาวุโสฮว่าที่เดินไกลออกไป เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบตามไปเวลานี้ ข่าวที่อาวุโสฮว่ากำลังจะไปเยี่ยมเยือนบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งรายการแล้ว“แม้แต่อาวุโสฮว่ายังยอมรับฝีมือการแพทย์ของฉู่เฉินขนาดนี้เลยเหรอ?”สวี่ถิงถิงอ่านข้อความในมือถือ ก่อนจะจมสู่ภวังค์ความคิดเช่นกันที่จริงตัวเธอเองก็มีโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายมาหลายปีแล้ว หนำซ้ำหลายปีที่ผ่านมา เธอเองก็เคยไปหาหมอที่มีชื่อเสียงมาหลายคน แต่กลับไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย อาการกลับยิ่งย่ำแย่ลงด้วยซ้ำเธอลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็เดินเข้าไปหาฉู่เฉินพร้อมกับรอยยิ้ม และเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “คุณฉู่ ทักษะด้านการแพทย์ของคุณน่าเลื่อมใสมาก ไม่ทราบว่าช่วยฉันดู…”ฉู่เฉินตวัดสายตามองเธอแวบหนึ่ง ไม่คิดจะเสวนากับเธอแม้แต่น้อยสวี่ถิงถิงไม่คิดว่าฉู่เฉินจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย เธอถึงขั้นขอร้องฉู่เฉินขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่น คงเป็นฝ่ายเสนอตัวมาช่วยรักษาให้เธอตั้งนานแล้วหลังจากตั้งสติ สวี่ถิงถิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า “คุณฉู่ ฉันชื่อสวี่ถิงถิงค่ะ เมื่อกี้ฉันได้เห็นฝีมือด้
หลายคนในหมู่พวกเขา ทันทีที่เงินเดือนออกจะรีบเข้ามาส่งของขวัญให้ซูซูในช่องไลฟ์สด แม้ว่าตัวเองต้องกลับมาซื้อมาม่ากินที่ห้องก็ตามแต่ว่า ซูซูในดวงใจของพวกเขาที่ทั้งฉลาด สวย แล้วก็ใจดี กลับทอดสะพานให้ไอ้ลูกคนรวยแซ่ฉู่นั่น?!ไม่ใช่แค่พวกแฟนคลับชายแท้พวกนั้นที่กระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง แม้แต่กู้รั่วเสวี่ยที่กำลังดูไลฟ์สดก็จ้องหน้าจอมือถืออย่างไม่อยากเชื่อเหมือนกันเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอเข้าใจดีว่าซูซูต้องการจะสื่ออะไรผ่านคำพูดนั้นปากบอกว่าต้องการขอบคุณฉู่เฉินที่ช่วยเพื่อนร่วมงานของเธอ ถึงได้เลี้ยงข้าวฉู่เฉิน แต่นั่นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นถ้าไม่ใช่ว่าอยู่ต่อหน้าแฟนคลับมากมาย เกรงว่านางจิ้งจอกตัวนี้คงวิ่งโผเข้าใส่ฉู่เฉินไปนานแล้วนึกได้อย่างนั้น กู้รั่วเสวี่ยอดกำหมัดไม่ได้ฉู่เฉินลังเลครู่หนึ่ง ก่อนหันไปมองสวี่ถิงถิง ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “แค่โรคหอบหืด ร้ายแรงอย่างที่คุณพูดขนาดนั้นเลยเหรอ?”ซี้ด!สวี่ถิงถิงมองฉู่เฉินอย่างตกตะลึงเธอเป็นโรคหอบหืดจริงๆ เพียงแต่เธอปิดบังไว้อย่างมิดชิด ขอแค่ไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน ก็ไม่มีใครดูออกว่าเธอเป็นโรคนี้เพียงแต่ ปีนี้โรคหอบหืดของเธอเริ่มม
คำเตือนของฮว่าเทียนอวี่ทำให้อาวุโสฮว่าอดรู้สึกไม่ได้ว่าที่หลานชายของเขาก็พูดมีเหตุผลเหมือนกันเหมือนที่ว่ากันว่า หมอเทวดาแค่ดูสีหน้าก็รู้อาการป่วยแล้วหรือพูดอีกอย่างก็คือ มีเพียงหมอเทวดาตัวจริงเท่านั้นที่จะทำเหมือนฉู่เฉินได้ แค่มองหน้าอีกฝ่ายแวบเดียว ก็รู้อาการป่วยแม้วิชาฝังเข็มของฉู่เฉินจะยอดเยี่ยม แต่อย่างมากเขาก็แค่ได้รับการถ่ายทอดมาจากยอดฝีมืออีกทีเมื่อวงการแพทย์แผนจีนเริ่มถดถอย จากที่ฮว่าจิ่วหยางรู้มาก ทั่วทั้งประเทศจีน แทบไม่มีใครที่สามารถรู้อาการป่วยจากการดูแค่สีหน้าอย่างเดียวแล้วส่วนหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงกันอยู่ในปัจจุบัน แท้จริงแล้วห่างชั้นจากหมอเทวดาจริงๆ ตั้งไม่รู้กี่ขุมนึกมาถึงตรงนี้ ฮว่าจิ่วหยางหยิบมือถือขึ้นมาโทรศัพท์หาฟางเซิ่งเซวียน“อาวุโสฮว่า มีอะไรเหรอครับ?”น้ำเสียงนอบน้อมของฟางเซิ่งเซวียนดังมาจากปลายสายฮว่าจิ่วหยางพยักหน้าเล็กน้อย “อืม ผมแค่จะถามอะไรคุณหน่อย เมื่อกี้คนที่ขอให้ฉู่เฉินช่วยรักษาให้ เป็นแค่การแสดงที่ทางทีมงานจัดฉากขึ้นมาหรือเปล่า?”ฟางเซิ่งเซวียนรีบแก้ต่างให้ตนเองทันทีถึงเขาจะอยาก แต่เวลาอันกระชั้นชิดกลับไม่อำนวยให้เขาหลังได้ฟังคำอธิบา
ซุนเซี่ยวเหรินที่กำลังจับตาดูสถานการณ์ในไลฟ์สดอยู่ก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกันถึงแม้ฉู่เฉินจะมีฝีมือด้านการแพทย์ที่โดดเด่น แต่การประกาศกร้าวต่อหน้าคนมากมายว่าจะรักษาโรคหอบหืดให้หายภายในห้านาทีจะไม่เป็นการอวดอ้างเกินจริงไปหน่อยเหรอ?ในเวลานี้ ในโรงพยาบาลประชาชนเจียงจงก็มีผู้เชี่ยวชาญและศาสตราจารย์หลายคนกำลังดูไลฟ์สดอยู่เหมือนกันตอนที่ฉู่เฉินประกาศว่าจะรักษาโรคหอบหืดให้หายภายในห้านาที ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทั้งหลายต่างก็หัวเราะออกมาอย่างดูแคลน“ตาคนแซ่ฉู่คนนี้ คงอยากดังจนบ้าไปแล้วมั้ง?”“ขอแค่มีความรู้ด้านการแพทย์นิดหน่อยก็คงรู้ โรคหอบหืดเป็นโรคที่ระบบทางเดินหายใจมีปัญหา แม้แต่เครื่องมือและตัวยาใหม่ที่นำเข้ามาล่าสุดยังรักษาไม่ได้ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกันน่ะ?”“ถ้าเขารักษาหายได้จริงๆ ฉันจะลาออกพรุ่งนี้ แล้วไปคุกเข่าคารวะเขาเป็นอาจารย์เลย!”คนแรกที่พูดอย่างนี้ คือหมอเจ้าของไข้ของสวี่ถิงถิงนั่นเอง เขารู้ดีกว่าใครอยู่แล้วว่าอาการป่วยของสวี่ถิงถิงเป็นอย่างไรตั้งแต่ที่ป่วยจนถึงตอนนี้ เป็นเวลาเกือบสามปีแล้ว อีกอย่างเพราะอาชีพที่ต้องระวังเป็นพิเศษบวกกับหน้าตาที่สะสวยของสวี่ถิงถิง เธอจึงต้
ซูซูโค้งตัวเล็กน้อยให้จางเฉิงหลง เอ่ยอย่างสุภาพว่า “สวัสดีตอนเย็นค่ะ รองผู้อำนวยการจาง ฉันคือพิธีกร ซูซู” “สวัสดีตอนเย็นครับ ผมกับเพื่อนร่วมงานหลายคนของโรงพยาบาลเรากำลังดูไลฟ์สดของคุณอยู่เหมือนกัน เพียงแต่เมื่อกี้คนแซ่ฉู่พูดจาอวดดีเกินไปแล้ว! ”“ผมคิดว่าผู้ชมส่วนใหญ่น่าจะยังไม่ทราบว่าโรคหอบหืดนี้รักษายากแค่ไหน อันที่จริงหลัก ๆ แล้วโรคหอบหืดเกิดขึ้นจากเซลล์ของถุงลมปอดที่ตายเป็นจำนวนมาก” “พูดอีกอย่างก็คือ หากต้องการรักษาโรคหอบหืดจำเป็นจะต้องให้เซลล์ถุงลมปอดของผู้ป่วยฟื้นคืนชีพจากความตาย” เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกมา แม้แต่เจ้าหน้าที่ในช่องไลฟ์สดล้วนพากันสูดลมหายใจเย็นยะเยือก “เท่าที่ผมทราบมา แม้แต่อุปกรณ์ทางการแพทย์กับยาโมเลกุลที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกก็ไม่สามารถฟื้นฟูการทำงานของ เซลล์ถุงลมปอดที่ตายไปได้ เขาเป็นแค่คุณชายเศรษฐีจะไปมีความสามารถอะไร?” เมื่อฟังเขาพูดจบ ซูซูก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “พูดอีกอย่างก็คือ เมื่อเป็นโรคหอบหืดแล้ว อย่างน้อยในแง่ของการแพทย์สมัยใหม่ก็เท่ากับถูกตัดสินประหารชีวิตแล้ว ทำได้เพียงกินยาไปตลอดชีวิต เป็นแบบนี้เหรอคะ รองผู้อำนวยการจาง?”
นี่ยังไม่จบ ในขณะที่สวี่ถิงถิงตกใจจนหน้าถอดสี ฉู่เฉินก็หยิบน้ำแร่ขึ้นมาหนึ่งขวดแล้วอมน้ำคำเล็ก ๆ ไว้ในปาก จากนั้นก็ประกบปาก ค่อย ๆ ส่งน้ำแร่คำนี้ตรงเข้าไปในปากของสวี่ถิงถิงเชี่ย! ไอ้เวรนี่กำลังทำอะไรอยู่?! ซูซูที่เป็นพิธีกรสาวของช่องไลฟ์สดตกตะลึงจนตาค้างโดยสิ้นเชิง ผู้ชมสองสามล้านคนก็มองอย่างอึ้ง ๆ เช่นกัน “กลืนลงไป!”ฉู่เฉินพูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ อึก! แม้ว่าสวี่ถิงถิงจะทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ แต่เธอยังคงกลืนน้ำแร่คำนั้นลงไปในท้อง เวลานี้สมองของเธองุนงงไปหมดแล้ว! ในช่องไลฟ์สดยังมีผู้ชมสองล้านกว่าคนกำลังดูอยู่ ฉู่เฉินก็ทำตัวเหิมเกริมขนาดนี้เชียวเหรอ? แต่ว่าทำไมถึงรู้สึกแปลก ๆ ความรู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อกี้ก็ดีขึ้นมากทันทีเหมือนกัน?ส่วนในช่องไลฟ์สด หลิ่วหรูเยียนที่เห็นฉากนี้กลับอดหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ได้ เธอเคยเห็นการรักษาแบบตบตี และก็เคยเห็นการฝังเข็มครอบแก้วเพื่อรักษาโรคเรื้อรัง แต่ไม่เคยเห็นการรักษาแบบฉู่เฉินมาก่อนเลย “โคตรเชี่ย! นี่แม่งกำลังลวนลามไม่ใช่หรือไง!” “ถ้านี่รักษาโรคหอบหืดได้ งั้นยังจะมีแผนกหูตาคอจมูกปากไปอีกทำไม!” “เวรเอ๊ย ป
อย่าว่าแต่จางเฉิงหลงไม่เชื่อเลย แม้แต่ซุนเซี่ยวเหรินกับฮว่าจิ่วหยางก็รู้สึกเหมือนกำลังฝันไปพวกเขาต่างก็เป็นคนที่หมกมุ่นกับแพทย์แผนจีนมาหลายสิบปี แม้แต่พวกเขาก็ดูไม่ออกว่าฉู่เฉินใช้วิธีการรักษาแบบใดกันแน่ หลิ่วหรูเยียนยิ่งทำหน้าตะลึงงัน หรือว่าแมวตาบอดอย่างฉู่เฉินจะโชคดีเจอหนูตายอีกแล้ว? เขาแม่งโชคดีจริง ๆ! และในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว หลิ่วชิงเหอที่กำลังดูไลฟ์สดเช่นเดียวกันก็มีสีหน้าซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆฉู่เฉินตรงหน้านี้ยังเป็นไอ้สวะเมื่อตอนนั้นอยู่อีกหรือเปล่า? ตอนนี้เธอไม่เข้าใจฉู่เฉินมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไลฟ์สดคืนนี้ การแสดงความสามารถที่โดดเด่นของฉู่เฉินเกินกว่าที่เธอจินตนาการไว้มากถ้าเกิดแค่ครั้งสองครั้งอาจพูดได้ว่าฉู่เฉินเดาสุ่ม หรือไม่ก็อาศัยโชคล้วน ๆ แต่พอติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นไม่ใช่โชคแล้ว!“หรือว่าการเปลี่ยนแปลงพวกนี้ของเขาจะเกี่ยวข้องกับกายาโอสถสวรรค์?” หลิ่วชิงเหอจ้องมองฉู่เฉิน จมอยู่ในห้วงความคิด..... ในช่องไลฟ์สด ผู้ชมที่ยังเยาะหยันฉู่เฉินเมื่อครู่นี้ เวลานี้พวกเขาต่างพุ่งเป้าไปที่จางเฉิงหลงกับโรงพยาบาลประชาชนแล้ว“เชี่ย โรงพ
“เพียงแต่ว่าคุณอย่าลืมเอาขี้มาด้วยละ ผมยังรอดูคุณไลฟ์สดกินขี้อยู่นะ”เมื่อได้ยินคำกล่าว จางเฉิงหลงก็อดทำหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธจัดไม่ได้! จนถึงตอนนี้แล้ว หมอนี่ยังปากแข็งอีก! “นายว่าไงนะ?! แน่จริงก็พูดอีกครั้งสิ!” จางเฉิงหลงหน้าเขียว โกรธจนหอบหายใจแฮก ๆ ต่อให้เขาเป็นฝ่ายแพ้จริง ๆ ก็ไม่มีทางไลฟ์สดกินขี้เด็ดขาด เขายังต้องรักษาหน้าตาอยู่โอเคไหม! การเดิมพันเมื่อกี้เป็นแค่การพูดเพราะโมโหไปชั่วขณะเท่านั้น แต่หมอนี้กลับคิดเป็นจริงเป็นจังซะอย่างนั้น? อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดฉู่เฉินเป็นฝ่ายแพ้จะต้องเอาศีรษะนี้โขกหัวขอขมา!ใครใช้ให้เขามีตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชน และฉู่เฉินเป็นตัวอะไรกันล่ะ! ส่วนเรื่องความยุติธรรม?โลกนี้มีความยุติธรรมมากขนาดนั้นที่ไหนกัน! “ยังต้องให้ทวนซ้ำอีกกี่ครั้ง? หมอไร้ฝีมืออย่างพวกคุณไม่เพียงทำให้คนเสียชีวิต ขนาดความซื่อสัตย์จริงใจขั้นต่ำสุดในการเป็นมนุษย์ยังไม่มีเลยเหรอ?!” ฉู่เฉินเอ่ยเยาะหยันด้วยเสียงเย็นชา รองผู้อำนวยการบ้าอะไร เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่เฉินก็ไม่มีค่าอะไรเลย ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเขาจะต้องยื่นหน้ามาให้ฉู่เฉินตบให้ได้ ฉู่เฉินก็ขี้
เธอเองก็เคยเข้าร่วมสงครามมาหลายครั้ง และสร้างผลงานมากมาย มีความจำเป็นอะไรต้องเชื่อฟังฉู่เฉินด้วย?โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงบนเวทีประลองในวันนั้นที่โดนฉู่เฉินเอาเปรียบยกใหญ่ เซียวเสวี่ยอิ๋งก็บันดาลโทสะขึ้นมา“ผู้นำเซียว คุณอยากใช้ชีวิตคนหลายร้อยคนที่อยู่ด้านหลังคุณมาซื้อการยอมของคุณเหรอ? ถ้าเกิดคุณดื้อรั้นมาก ตอนนี้ผมจะใช้ฐานะหัวหน้าใหญ่ของแก๊งมังกรถอดถอนอำนาจบัญชาการของคุณ” “คุณ ไปได้แล้ว” ถานเฟยพูดจบก็หันหน้าไปทางฉู่เฉิน ไม่แม้แต่จะมองเซียวเสวี่ยอิ๋งอีกสักแวบหนึ่งนี่...เซียวเสวี่ยอิ๋งตัวแข็งทื่อเธอไม่อยากเชื่อจริง ๆ ว่าถานเฟยกับเซียวเฟิงจะยืนอยู่ข้างฉู่เฉิน“ทุกคนตามผมมา ห้ามเดินแยกเด็ดขาด ไอพิฆาตด้านหน้าน่ากลัวมาก ๆ ถ้าไม่ระวังนิดเดียวจะมีอันตรายถึงชีวิตได้” ฉู่เฉินพูดจบก็วาดยันต์ผนึกวิญญาณขนาดยักษ์กลางอากาศ ครอบคลุมรัศมีร้อยเมตร“ทุกคนตามไป”เซียวเฟิงโบกมือให้ทุกคนในแก๊งมังกรตามหลังฉู่เฉิน เดินไปทางภูเขาเฮยเฟิง“ฮึ!”เซียวเสวี่ยอิ๋งโมโหจนกระทืบเท้า ผู้ช่วยหานหลิงก็มองฉู่เฉินด้วยสีหน้าดูแคลนเช่นกันแล้วเอ่ยว่า “ทำตัวหยิ่งอะไรกัน ก็แค่คนหลอกลวงเท่านั้นเอง พวกเราไม่ต้องต
ภายใต้ม่านราตรี ทั่วทั้งภูเขาเฮยเฟิงพลันเกิดม่านหมอกสีเขียวภายใต้แสงจันทร์อันเย็นเยียบ ภูเขาเฮยเฟิงดูมืดมนน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาบนผืนแผ่นดินใหญ่ หมอกสีเขียวที่สังเกตเห็นไม่ง่ายค่อย ๆ ผุดออกมาจากใต้ดิน ต้นไม้รอบด้านแห้งเหี่ยวในพริบตาไม่นานนัก ขบวนรถของพวกฉู่เฉินก็ทยอยกันจอดอยู่ใต้ตีนภูเขาเฮยเฟิง ฉู่เฉินกับพวกถานเฟยพากันกระโดดลงจากรถออฟโรด แล้วเดินไปหาพวกเซียวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่ไม่ไกล“ข้ามสันเขาลูกนี้ไปก็คือภูเขาเฮยเฟิง ฉันคิดว่าพวกเรามากันเยอะขนาดนี้ เคลื่อนไหวมากก็จะไม่สะดวก ไม่สู้แบ่งกำลังออกเป็นสามทาง โจมตีขนาบข้างภูเขาเฮยเฟิงดีกว่าค่ะ” เซียวเสวี่ยอิ๋งกางแผนที่ทางทหารออก แล้วพูดพลางชี้ไปยังจุดสีแดงที่ทำเครื่องหมายไว้ตรงกลางเรียบร้อยแล้ว“แบ่งกำลัง?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วกล่าวว่า “คุณคิดว่านี่เป็นแค่การปราบโจรจริง ๆ หรือไง?”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็กวาดตามองสมาชิกแก๊งมังกรหลายสิบคนกับทหารชั้นยอดจากกองทหารรักษาการณ์หลายร้อยคนที่อยู่รอบ ๆ แล้วเอ่ยเสียงขรึมว่า “ผมยอมรับว่าคนที่พวกคุณพามาเป็นคนชั้นยอดในหมู่คนชั้นยอด แต่ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเพียร พวกเขาไม่ต่างอะไรกับคนธรร
“ฉู่เฉินคนนั้นค่อนข้างน่าสนใจอยู่ อยากให้เขายอมจำนนก็ต้องทำความเข้าใจเขาก่อน การทำความเข้าใจที่ฉันพูดถึงก็คือทำความเข้าใจในทุก ๆ ด้าน เข้าใจหรือเปล่า?”ซ่งหนิงซวงพูดพลางโยนยามทิ้งไปทันที ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถออฟโรดสีดำ เฉินเยว่เอ๋อร์อึ้งไปพักใหญ่ถึงค่อยเข้าใจความหมายของซ่งหนิงซวงมีเพียงรู้จุดอ่อนของฉู่เฉินถึงจะสามารถใช้กลยุทธ์ที่คาดไม่ถึง จู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว มอบ “เซอร์ไพรส์” ใหญ่ให้เข เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเยว่เอ๋อร์ก็รีบเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง “คุณไปเปลี่ยนเป็นชุดลำลองเถอะ ฉันจะขับรถเอง”ซ่งหนิงซวงกล่าวจบก็ไล่เฉินเยว่เอ๋อร์ไปยังที่นั่งข้างคนขับทันที จากนั้นก็เหยียบคันเร่งไปยังเส้นทางลัด แล่นตรงไปยังภูเขาเฮยเฟิง .....เวลานี้เอง ภูเขาเฮยเฟิงที่อยู่ห่างจากเจียงจงไม่ถึงร้อยลี้ ภายในห้องโถงใหญ่ทำจากไม้ที่สร้างขึ้นได้ไม่นาน มีชายชราผมสีเงินสวมชุดคลุมดำกำลังนั่งตัวตรงข้างกายเขายังมีชายสวมชุดคลุมดำสี่คนที่ทั่วทั้งใบหน้าถูกหมวกบดบังไว้ ทำให้มองเห็นหน้าตาไม่ชัด ชายชราผมสีเงินคนนั้นก็คือโจวว่านหลี่เจ้าสำนักรุ่นที่สามของสำนักว่านเซี๋ยมีฉายาเลวร้ายในโลกแห่งการหยั่งรู้ว่าจ
โฮ่วเจี้ยนอิงถลึงตาใส่เซียวเสวี่ยอิ๋งแล้วกล่าวเสียงเข้มว่า “ครั้งนี้เป็นปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพวกเรากับแก๊งมังกร แม้แต่แก๊งมังกรก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของคุณฉู่ คุณยังมีอะไรไม่ยอมอีก!”“จำไว้ว่านี่คือคำสั่ง ผมไม่ได้ขอความเห็นจากคุณ!”โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบก็เอ่ยกับถานเฟยอีกครั้งว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน ถ้าเกิดสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง หรือว่าต้องการกำลังเสริม สามารถโทรหาผมได้ทุกเมื่อ ศูนย์บัญชาการกองทหารรักษาการณ์เจียงจงเตรียมพร้อมรบแล้ว สามารถไปเป็นกำลังเสริมที่ภูเขาเฮยเฟิงได้ตลอดเวลาครับ” ถานเฟยพยักหน้ากล่าวว่า “ขอบคุณผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่วที่ให้ความร่วมมือครับ” พอกล่าวจบก็โบกมือให้แก๊งมังกรพลางพูดว่า “ขึ้นรถ” สมาชิกแก๊งมังกรที่ติดอาวุธพรั่งพร้อมหลายสิบคนพากันเข้าไปนั่งในรถตำรวจ เซียวเสวี่ยอิ๋งก็กระโดดขึ้นรถทหารอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยเสียงดังว่า “ทั้งหมดออกเดินทางได้!”รถทหารหลายสิบคันและรถตำรวจสิบกว่าคันแล่นไปทางภูเขาเฮยเฟิงอย่างยิ่งใหญ่ จนกระทั่งขบวนรถจากไปแล้ว ถานเฟยถึงค่อยผายมือเชื้อเชิญฉู่เฉินพลางกล่าวว่า “คุณฉู่ พวกเราก็ออกเดินทางกันเถอะครับ”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเข้าไป
นี่ก็คือสาเหตุสำคัญว่าทำไมแก๊งมังกรถึงได้โดดเดี่ยวไร้พันธมิตรมานานขนาดนี้ถ้าพูดให้ละเอียด ซ่งหนิงซวงก็เป็นคนของโลกแห่งการหยั่งรู้เช่นกันไม่ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในขุนพลใหญ่ทั้งแปด หรือว่าเป็นขุนพลเทพพิทักษ์ชาติก็เปลี่ยนแปลงภูมิหลังไม่ได้ว่าเธอเป็นศิษย์ของวังจื่อเซียวเมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งหนิงซวงพลันมองไปทางฉู่เฉินด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนจะขมวดคิ้วกล่าวว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน คุณคงไม่ได้คิดจะบอกว่าคุณฉู่คนนี้ก็จะเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ด้วยหรอกใช่ไหม?” ถานเฟยหันตัวไปมองฉู่เฉินแวบหนึ่ง เมื่อเห็นฝ่ายหลังพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ถานเฟยถึงค่อยเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “พูดตามตรง คุณฉู่เป็นคนแรกที่ให้แหล่งกบดานของสำนักว่านเซี๋ยกับแก๊งมังกรก่อนครับ” “ดังนั้น ปฏิบัติการในครั้งนี้ย่อมต้องมีคุณฉู่อย่างแน่นอน ทำไมครับ? ท่านขุนพลมีความเห็นอะไรเหรอครับ?”ซ่งหนิงซวงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเฉยชา “ไม่มีความเห็นอะไรค่ะ เพียงแต่ว่าเมื่อกี้คุณฉู่คนนี้พูดเอาไว้ไม่ใช่เหรอ? ตัวเขาก็คือที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้น ปฏิบัติการในครั้งนี้น่าจะไม่ต้องให้ฉันไปลงมือทำอะไรเกินความจำเป็นแล้วสินะ”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทั่วทั้งงา
เมื่อทุกคนได้ยินคำกล่าวก็พากันมองไปทางหน้าประตูจากนั้นก็เห็นเพียงถานเฟยนำเซียวเฟิงและสมาชิกแก๊งมังกรอีกแปดคนเดินเข้ามาในโถงจัดเลี้ยงอย่างองอาจผึ่งผาย“ถานเฟย?”ซ่งหนิงซวงกำหมัด กัดฟันแน่นก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดกับฉู่เฉินว่า “นี่ก็คือที่พึ่งของคุณในการท้าทายฉันเหรอ?”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ผมไม่เคยพึ่งพาใครทั้งนั้น ผมเป็นที่พึ่งของตัวผมเอง”บ้า!แม่งบ้าเกินไปแล้ว!ซ่งหนิงซวงรู้สึกแค่ว่าในหน้าอกเหมือนซ่อนภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุเอาไว้ หน้าอกอวบอิ่มกระเพื่อมติดต่อกัน“ขุนพลเทียนเฟิ่ง ผมหวังว่าคุณใจเย็นลงได้นะครับ”ถานเฟยก้าวมาข้างหน้า ขวางอยู่ระหว่างซ่งหนิงซวงกับฉู่เฉิน ก่อนจะมองซ่งหนิงซวงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ในฐานะที่เป็นหนึ่งในขุนพลทั้งแปด ผมหวังว่าคุณจะสำรวมตัวเองด้วยนะครับ”“ยาโลหิตวิญญาณคืออะไร คุณรู้ดีแก่ใจตัวเอง คุณฉู่ปฏิเสธคุณก็สมเหตุสมผลแล้ว” เมื่อคำพูดนี้ออกมาก็เหมือนกับมีไฟลุกโชนอยู่ภายในดวงตางดงามของซ่งหนิงซวงถึงแม้ถานเฟยจะไม่ได้พูดชัดเจน แต่คำพูดของเขายืนยันคำพูดของฉู่เฉินทางอ้อม นี่ไม่เท่ากับบอกว่าเธอเกิดอารมณ์ตัณหาจนควบคุมไม่ไหวแล
เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินค่อย ๆ วางถ้วยชาลง ฟึบ!จากนั้นก็เห็นน้ำชาในถ้วยชาก่อตัวเป็นน้ำวน ต่อมาหยดน้ำที่สาดกระเซ็นออกมาหนึ่งหยดพลันพุ่งไปหาเฉินเยว่เอ๋อร์ราวกับลูกกระสุนผัวะ!เฉินเยว่เอ๋อร์ยังไม่ทันได้สติกลับมา น้ำชาหยดนั้นก็กระแทกหมวกของเธอจนกระเด็นออกไปทันที หยดน้ำทะลวงหิน ใบไม้สังหารคนนี่คือสัญลักษณ์ของระดับสร้างรากฐานชั้นห้าแม้แต่นัยน์ตางดงามของซ่งหนิงซวงก็แข็งทื่อไปในพริบตาฉู่เฉินเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นห้าเหรอเนี่ย?“ตอนนี้เข้าใจหรือยัง?”ฉู่เฉินมองเฉินเยว่เอ๋อร์ที่ตกใจกลัวจนดวงหน้าสวยขาวซีดเล็กน้อย หลั่งเหงื่อเย็น ๆ ราวกับสายฝนตอนนี้เธอไม่สงสัยคำพูดของฉู่เฉินแม้แต่น้อยแล้ว เมื่อกี้ขอเพียงเธอกล้าชักปืนออกมา ฉู่เฉินย่อมมีวิธีการมากกว่าร้อยแบบที่จะสังหารเธอให้ตายดวงตางดงามของซ่งหนิงซวงหรี่ลงเล็กน้อย มองฉู่เฉินด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยว่า “ฉู่เฉิน คุณทำให้คนรู้สึกประหลาดใจมากจริง ๆ แต่คุณต้องเข้าใจว่าสิ่งที่คุณต่อต้านด้วยในตอนนี้ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นกองทัพของประเทศจีน”“ยาพวกนี้ ทางกองทัพ...”ไม่รอให้ซ่งหนิงซวงพูดจบ ฉู่เฉินก็แค่นเสียงเย็นแล้วโบกมือเอ่ยตัดบทว่
กระบี่แหลมคมออกจากฝัก ปราณกระบี่ราวกับสายรุ้ง!ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อแม้แต่เฉียวเทียนฉี่กับโฮ่วเจี้ยนอิงก็คิดไม่ถึงว่าเฉินเยว่เอ๋อร์จะลงมือสังหารฉู่เฉินถึงแม้ว่าเฉินเยว่เอ๋อร์จะเป็นเพียงรองขุนพลของซ่งหนิงซวง แต่รองขุนพลของขุนพลใหญ่จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?ลมปราณของผู้แข็งแกร่งระดับสร้างรากฐานชั้นสาม แผ่ออกมาผ่านคมกระบี่ ตรงไปที่จุดตายของฉู่เฉิน“คุณฉู่...”“น้องฉู่...”ปฏิกิริยาของพวกเฉียวเทียนฉี่กับฟางอวี่เจิ้งทำให้ซ่งหนิงซวงขมวดคิ้วขึ้นมาเธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าฉู่เฉินจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้ในเจียงจง ทุกคนรวมไปถึงผู้ว่าการยืนอยู่ฝั่งฉู่เฉินอย่างเห็นได้ชัดเวลานี้เธอนึกเสียใจภายหลังนิดหน่อยแล้วถ้าเกิดเฉินเยว่เอ๋อร์สังหารฉู่เฉินในกระบี่เดียว เช่นนั้นไม่ใช่แค่โลหิตโอสถศักดิ์สิทธิ์กำลังจะหมดไปเฉย ๆ เท่านั้น พวกเฉียวเทียนฉี่จะต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งแน่นอนถ้าเกิดรายงานไปถึงเมืองหลงจิงก็จะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอถึงขนาดที่จะส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติในการเข้าร่วมการแข่งขันชิงตำแหน่งขุนพลเทพพิทักษ์ชาติของเธอด้วยหลิ่วชิงเหอที่นั่งอยู่ทางด้านข้างก็ตกใจ
คนที่มีคุณสมบัตินั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ มีเพียงเฉียวเทียนฉี่และโฮ่วเจี้ยนอิงสองคนเท่านั้นแม้แต่โจวอวี้หมิงก็ได้แต่นั่งดื่มเป็นเพื่อนที่โต๊ะด้านข้างเท่านั้นเมื่อนับรวมเฉินเยว่เอ๋อร์ที่เป็นรองขุนพลของซ่งหนิงซวง ทั้งโต๊ะก็มีแค่สี่คนเท่านั้นฉู่เฉินไม่เกรงใจเช่นกัน เขานั่งลงตรงข้ามซ่งหนิงซวงทันที ก่อนจะยิ้มให้ซ่งหนิงซวงแล้วพูดว่า “คิดว่าถึงยังไงวันนี้ขุนพลหญิงเรียกผมมา คงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อดื่มเหล้าแน่นอนหรอกใช่ไหม?”“ผมเป็นคนชอบพูดจาตรงไปตรงมา มีเรื่องอะไรก็ขอให้ขุนพลหญิงพูดให้ชัดเจน”ถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะเอ่ยคำพูดนี้ด้วยความเกรงใจมาก แต่ใบหน้ากลับไม่ได้ดูเอาอกเอาใจเลยแม้แต่น้อยซ่งหนิงซวงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ฉันก็ชอบพูดคุยกับคนฉลาดเหมือนกัน” ซ่งหนิงซวงพูดพลางล้วงใบสั่งยาแผ่นหนึ่งออกมาจากในอก แล้วส่งให้เฉินเยว่เอ๋อร์เฉินเยว่เอ๋อร์รับใบสั่งยาก่อนจะลุกขึ้นมาเดินไปหาฉู่เฉิน จากนั้นก็กางใบสั่งยาออกแล้ววางไว้ตรงหน้าฉู่เฉิน“ฉันได้ยินว่าคุณฉู่ค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านวิชาแพทย์ ฉันคิดว่าคุณฉู่จะต้องเข้าใจใบสั่งยานี้แน่นอนเลยใช่ไหม”ซ่งหนิงซวงพูดพลางดื่มน้ำชา ฉู่เฉินกวาดตามองใบส