“คุณปู่ รอผมด้วยครับ!”ฮว่าเทียนอวี่จ้องแผ่นหลังของอาวุโสฮว่าที่เดินไกลออกไป เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบตามไปเวลานี้ ข่าวที่อาวุโสฮว่ากำลังจะไปเยี่ยมเยือนบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งรายการแล้ว“แม้แต่อาวุโสฮว่ายังยอมรับฝีมือการแพทย์ของฉู่เฉินขนาดนี้เลยเหรอ?”สวี่ถิงถิงอ่านข้อความในมือถือ ก่อนจะจมสู่ภวังค์ความคิดเช่นกันที่จริงตัวเธอเองก็มีโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายมาหลายปีแล้ว หนำซ้ำหลายปีที่ผ่านมา เธอเองก็เคยไปหาหมอที่มีชื่อเสียงมาหลายคน แต่กลับไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย อาการกลับยิ่งย่ำแย่ลงด้วยซ้ำเธอลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็เดินเข้าไปหาฉู่เฉินพร้อมกับรอยยิ้ม และเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “คุณฉู่ ทักษะด้านการแพทย์ของคุณน่าเลื่อมใสมาก ไม่ทราบว่าช่วยฉันดู…”ฉู่เฉินตวัดสายตามองเธอแวบหนึ่ง ไม่คิดจะเสวนากับเธอแม้แต่น้อยสวี่ถิงถิงไม่คิดว่าฉู่เฉินจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย เธอถึงขั้นขอร้องฉู่เฉินขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่น คงเป็นฝ่ายเสนอตัวมาช่วยรักษาให้เธอตั้งนานแล้วหลังจากตั้งสติ สวี่ถิงถิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า “คุณฉู่ ฉันชื่อสวี่ถิงถิงค่ะ เมื่อกี้ฉันได้เห็นฝีมือด้
หลายคนในหมู่พวกเขา ทันทีที่เงินเดือนออกจะรีบเข้ามาส่งของขวัญให้ซูซูในช่องไลฟ์สด แม้ว่าตัวเองต้องกลับมาซื้อมาม่ากินที่ห้องก็ตามแต่ว่า ซูซูในดวงใจของพวกเขาที่ทั้งฉลาด สวย แล้วก็ใจดี กลับทอดสะพานให้ไอ้ลูกคนรวยแซ่ฉู่นั่น?!ไม่ใช่แค่พวกแฟนคลับชายแท้พวกนั้นที่กระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง แม้แต่กู้รั่วเสวี่ยที่กำลังดูไลฟ์สดก็จ้องหน้าจอมือถืออย่างไม่อยากเชื่อเหมือนกันเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอเข้าใจดีว่าซูซูต้องการจะสื่ออะไรผ่านคำพูดนั้นปากบอกว่าต้องการขอบคุณฉู่เฉินที่ช่วยเพื่อนร่วมงานของเธอ ถึงได้เลี้ยงข้าวฉู่เฉิน แต่นั่นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นถ้าไม่ใช่ว่าอยู่ต่อหน้าแฟนคลับมากมาย เกรงว่านางจิ้งจอกตัวนี้คงวิ่งโผเข้าใส่ฉู่เฉินไปนานแล้วนึกได้อย่างนั้น กู้รั่วเสวี่ยอดกำหมัดไม่ได้ฉู่เฉินลังเลครู่หนึ่ง ก่อนหันไปมองสวี่ถิงถิง ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “แค่โรคหอบหืด ร้ายแรงอย่างที่คุณพูดขนาดนั้นเลยเหรอ?”ซี้ด!สวี่ถิงถิงมองฉู่เฉินอย่างตกตะลึงเธอเป็นโรคหอบหืดจริงๆ เพียงแต่เธอปิดบังไว้อย่างมิดชิด ขอแค่ไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน ก็ไม่มีใครดูออกว่าเธอเป็นโรคนี้เพียงแต่ ปีนี้โรคหอบหืดของเธอเริ่มม
คำเตือนของฮว่าเทียนอวี่ทำให้อาวุโสฮว่าอดรู้สึกไม่ได้ว่าที่หลานชายของเขาก็พูดมีเหตุผลเหมือนกันเหมือนที่ว่ากันว่า หมอเทวดาแค่ดูสีหน้าก็รู้อาการป่วยแล้วหรือพูดอีกอย่างก็คือ มีเพียงหมอเทวดาตัวจริงเท่านั้นที่จะทำเหมือนฉู่เฉินได้ แค่มองหน้าอีกฝ่ายแวบเดียว ก็รู้อาการป่วยแม้วิชาฝังเข็มของฉู่เฉินจะยอดเยี่ยม แต่อย่างมากเขาก็แค่ได้รับการถ่ายทอดมาจากยอดฝีมืออีกทีเมื่อวงการแพทย์แผนจีนเริ่มถดถอย จากที่ฮว่าจิ่วหยางรู้มาก ทั่วทั้งประเทศจีน แทบไม่มีใครที่สามารถรู้อาการป่วยจากการดูแค่สีหน้าอย่างเดียวแล้วส่วนหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงกันอยู่ในปัจจุบัน แท้จริงแล้วห่างชั้นจากหมอเทวดาจริงๆ ตั้งไม่รู้กี่ขุมนึกมาถึงตรงนี้ ฮว่าจิ่วหยางหยิบมือถือขึ้นมาโทรศัพท์หาฟางเซิ่งเซวียน“อาวุโสฮว่า มีอะไรเหรอครับ?”น้ำเสียงนอบน้อมของฟางเซิ่งเซวียนดังมาจากปลายสายฮว่าจิ่วหยางพยักหน้าเล็กน้อย “อืม ผมแค่จะถามอะไรคุณหน่อย เมื่อกี้คนที่ขอให้ฉู่เฉินช่วยรักษาให้ เป็นแค่การแสดงที่ทางทีมงานจัดฉากขึ้นมาหรือเปล่า?”ฟางเซิ่งเซวียนรีบแก้ต่างให้ตนเองทันทีถึงเขาจะอยาก แต่เวลาอันกระชั้นชิดกลับไม่อำนวยให้เขาหลังได้ฟังคำอธิบา
ซุนเซี่ยวเหรินที่กำลังจับตาดูสถานการณ์ในไลฟ์สดอยู่ก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกันถึงแม้ฉู่เฉินจะมีฝีมือด้านการแพทย์ที่โดดเด่น แต่การประกาศกร้าวต่อหน้าคนมากมายว่าจะรักษาโรคหอบหืดให้หายภายในห้านาทีจะไม่เป็นการอวดอ้างเกินจริงไปหน่อยเหรอ?ในเวลานี้ ในโรงพยาบาลประชาชนเจียงจงก็มีผู้เชี่ยวชาญและศาสตราจารย์หลายคนกำลังดูไลฟ์สดอยู่เหมือนกันตอนที่ฉู่เฉินประกาศว่าจะรักษาโรคหอบหืดให้หายภายในห้านาที ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทั้งหลายต่างก็หัวเราะออกมาอย่างดูแคลน“ตาคนแซ่ฉู่คนนี้ คงอยากดังจนบ้าไปแล้วมั้ง?”“ขอแค่มีความรู้ด้านการแพทย์นิดหน่อยก็คงรู้ โรคหอบหืดเป็นโรคที่ระบบทางเดินหายใจมีปัญหา แม้แต่เครื่องมือและตัวยาใหม่ที่นำเข้ามาล่าสุดยังรักษาไม่ได้ เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกันน่ะ?”“ถ้าเขารักษาหายได้จริงๆ ฉันจะลาออกพรุ่งนี้ แล้วไปคุกเข่าคารวะเขาเป็นอาจารย์เลย!”คนแรกที่พูดอย่างนี้ คือหมอเจ้าของไข้ของสวี่ถิงถิงนั่นเอง เขารู้ดีกว่าใครอยู่แล้วว่าอาการป่วยของสวี่ถิงถิงเป็นอย่างไรตั้งแต่ที่ป่วยจนถึงตอนนี้ เป็นเวลาเกือบสามปีแล้ว อีกอย่างเพราะอาชีพที่ต้องระวังเป็นพิเศษบวกกับหน้าตาที่สะสวยของสวี่ถิงถิง เธอจึงต้
ซูซูโค้งตัวเล็กน้อยให้จางเฉิงหลง เอ่ยอย่างสุภาพว่า “สวัสดีตอนเย็นค่ะ รองผู้อำนวยการจาง ฉันคือพิธีกร ซูซู” “สวัสดีตอนเย็นครับ ผมกับเพื่อนร่วมงานหลายคนของโรงพยาบาลเรากำลังดูไลฟ์สดของคุณอยู่เหมือนกัน เพียงแต่เมื่อกี้คนแซ่ฉู่พูดจาอวดดีเกินไปแล้ว! ”“ผมคิดว่าผู้ชมส่วนใหญ่น่าจะยังไม่ทราบว่าโรคหอบหืดนี้รักษายากแค่ไหน อันที่จริงหลัก ๆ แล้วโรคหอบหืดเกิดขึ้นจากเซลล์ของถุงลมปอดที่ตายเป็นจำนวนมาก” “พูดอีกอย่างก็คือ หากต้องการรักษาโรคหอบหืดจำเป็นจะต้องให้เซลล์ถุงลมปอดของผู้ป่วยฟื้นคืนชีพจากความตาย” เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกมา แม้แต่เจ้าหน้าที่ในช่องไลฟ์สดล้วนพากันสูดลมหายใจเย็นยะเยือก “เท่าที่ผมทราบมา แม้แต่อุปกรณ์ทางการแพทย์กับยาโมเลกุลที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกก็ไม่สามารถฟื้นฟูการทำงานของ เซลล์ถุงลมปอดที่ตายไปได้ เขาเป็นแค่คุณชายเศรษฐีจะไปมีความสามารถอะไร?” เมื่อฟังเขาพูดจบ ซูซูก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “พูดอีกอย่างก็คือ เมื่อเป็นโรคหอบหืดแล้ว อย่างน้อยในแง่ของการแพทย์สมัยใหม่ก็เท่ากับถูกตัดสินประหารชีวิตแล้ว ทำได้เพียงกินยาไปตลอดชีวิต เป็นแบบนี้เหรอคะ รองผู้อำนวยการจาง?”
นี่ยังไม่จบ ในขณะที่สวี่ถิงถิงตกใจจนหน้าถอดสี ฉู่เฉินก็หยิบน้ำแร่ขึ้นมาหนึ่งขวดแล้วอมน้ำคำเล็ก ๆ ไว้ในปาก จากนั้นก็ประกบปาก ค่อย ๆ ส่งน้ำแร่คำนี้ตรงเข้าไปในปากของสวี่ถิงถิงเชี่ย! ไอ้เวรนี่กำลังทำอะไรอยู่?! ซูซูที่เป็นพิธีกรสาวของช่องไลฟ์สดตกตะลึงจนตาค้างโดยสิ้นเชิง ผู้ชมสองสามล้านคนก็มองอย่างอึ้ง ๆ เช่นกัน “กลืนลงไป!”ฉู่เฉินพูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ อึก! แม้ว่าสวี่ถิงถิงจะทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ แต่เธอยังคงกลืนน้ำแร่คำนั้นลงไปในท้อง เวลานี้สมองของเธองุนงงไปหมดแล้ว! ในช่องไลฟ์สดยังมีผู้ชมสองล้านกว่าคนกำลังดูอยู่ ฉู่เฉินก็ทำตัวเหิมเกริมขนาดนี้เชียวเหรอ? แต่ว่าทำไมถึงรู้สึกแปลก ๆ ความรู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อกี้ก็ดีขึ้นมากทันทีเหมือนกัน?ส่วนในช่องไลฟ์สด หลิ่วหรูเยียนที่เห็นฉากนี้กลับอดหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ได้ เธอเคยเห็นการรักษาแบบตบตี และก็เคยเห็นการฝังเข็มครอบแก้วเพื่อรักษาโรคเรื้อรัง แต่ไม่เคยเห็นการรักษาแบบฉู่เฉินมาก่อนเลย “โคตรเชี่ย! นี่แม่งกำลังลวนลามไม่ใช่หรือไง!” “ถ้านี่รักษาโรคหอบหืดได้ งั้นยังจะมีแผนกหูตาคอจมูกปากไปอีกทำไม!” “เวรเอ๊ย ป
อย่าว่าแต่จางเฉิงหลงไม่เชื่อเลย แม้แต่ซุนเซี่ยวเหรินกับฮว่าจิ่วหยางก็รู้สึกเหมือนกำลังฝันไปพวกเขาต่างก็เป็นคนที่หมกมุ่นกับแพทย์แผนจีนมาหลายสิบปี แม้แต่พวกเขาก็ดูไม่ออกว่าฉู่เฉินใช้วิธีการรักษาแบบใดกันแน่ หลิ่วหรูเยียนยิ่งทำหน้าตะลึงงัน หรือว่าแมวตาบอดอย่างฉู่เฉินจะโชคดีเจอหนูตายอีกแล้ว? เขาแม่งโชคดีจริง ๆ! และในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว หลิ่วชิงเหอที่กำลังดูไลฟ์สดเช่นเดียวกันก็มีสีหน้าซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆฉู่เฉินตรงหน้านี้ยังเป็นไอ้สวะเมื่อตอนนั้นอยู่อีกหรือเปล่า? ตอนนี้เธอไม่เข้าใจฉู่เฉินมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไลฟ์สดคืนนี้ การแสดงความสามารถที่โดดเด่นของฉู่เฉินเกินกว่าที่เธอจินตนาการไว้มากถ้าเกิดแค่ครั้งสองครั้งอาจพูดได้ว่าฉู่เฉินเดาสุ่ม หรือไม่ก็อาศัยโชคล้วน ๆ แต่พอติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นไม่ใช่โชคแล้ว!“หรือว่าการเปลี่ยนแปลงพวกนี้ของเขาจะเกี่ยวข้องกับกายาโอสถสวรรค์?” หลิ่วชิงเหอจ้องมองฉู่เฉิน จมอยู่ในห้วงความคิด..... ในช่องไลฟ์สด ผู้ชมที่ยังเยาะหยันฉู่เฉินเมื่อครู่นี้ เวลานี้พวกเขาต่างพุ่งเป้าไปที่จางเฉิงหลงกับโรงพยาบาลประชาชนแล้ว“เชี่ย โรงพ
“เพียงแต่ว่าคุณอย่าลืมเอาขี้มาด้วยละ ผมยังรอดูคุณไลฟ์สดกินขี้อยู่นะ”เมื่อได้ยินคำกล่าว จางเฉิงหลงก็อดทำหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธจัดไม่ได้! จนถึงตอนนี้แล้ว หมอนี่ยังปากแข็งอีก! “นายว่าไงนะ?! แน่จริงก็พูดอีกครั้งสิ!” จางเฉิงหลงหน้าเขียว โกรธจนหอบหายใจแฮก ๆ ต่อให้เขาเป็นฝ่ายแพ้จริง ๆ ก็ไม่มีทางไลฟ์สดกินขี้เด็ดขาด เขายังต้องรักษาหน้าตาอยู่โอเคไหม! การเดิมพันเมื่อกี้เป็นแค่การพูดเพราะโมโหไปชั่วขณะเท่านั้น แต่หมอนี้กลับคิดเป็นจริงเป็นจังซะอย่างนั้น? อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดฉู่เฉินเป็นฝ่ายแพ้จะต้องเอาศีรษะนี้โขกหัวขอขมา!ใครใช้ให้เขามีตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชน และฉู่เฉินเป็นตัวอะไรกันล่ะ! ส่วนเรื่องความยุติธรรม?โลกนี้มีความยุติธรรมมากขนาดนั้นที่ไหนกัน! “ยังต้องให้ทวนซ้ำอีกกี่ครั้ง? หมอไร้ฝีมืออย่างพวกคุณไม่เพียงทำให้คนเสียชีวิต ขนาดความซื่อสัตย์จริงใจขั้นต่ำสุดในการเป็นมนุษย์ยังไม่มีเลยเหรอ?!” ฉู่เฉินเอ่ยเยาะหยันด้วยเสียงเย็นชา รองผู้อำนวยการบ้าอะไร เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่เฉินก็ไม่มีค่าอะไรเลย ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเขาจะต้องยื่นหน้ามาให้ฉู่เฉินตบให้ได้ ฉู่เฉินก็ขี้
ด้วยเหตุนี้เองถึงทำให้เกาเซิ่งอี้บ้าคลั่งขึ้นมาโดยสิ้นเชิง “ครับ! พอถึงเวลานั้น ผมจะให้เฮ่อเซวียนบีบบังคับให้แม่ลูกตระกูลหลิ่วมอบของออกมา” ฉีอวี่ไท่เอ่ยด้วยความมั่นใจแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหยกโลหิตกิเลนมีประโยชน์อะไร แต่ว่าขอเพียงได้ของชิ้นนี้มาก็เท่ากับทำให้ตระกูลฉีมีต้นทุนที่จะได้ก้าวขึ้นไปสู่ตระกูลชั้นนำอย่างแท้จริง ตามผลประโยชน์ที่เกาเซิ่งอี้รับปากว่าจะมอบให้ตระกูลฉี ลูกหลานของตระกูลฉีในสามรุ่นจะสามารถกราบเข้าสำนักบำเพ็ญเพียรได้ทั้งหมด ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่ถึงสิบปี ตระกูลฉีก็สามารถก้มลงมองไปยังตระกูลธุรกิจกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้แล้ว หากทำงานให้สมาคมกิเลนสำเร็จ ตระกูลฉีจะสามารถใช้โอกาสนี้เป็นสะพานเชื่อมเพื่อเข้าร่วมสมาคมกิเลนอย่างเป็นทางการเช่นนั้นก็หมายความว่าตระกูลฉีจะมีเส้นสายกับคนที่น่ากลัวในโลกแห่งการหยั่งรู้ได้ อนาคตในวันข้างหน้าก็จะไร้ขีดจำกัด.....เพิ่งจะกลับมาถึงเจียงจง โทรศัพท์ของฉู่เฉินก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขแปลก ฉู่เฉินก็ลังเลไปชั่วครู่ก่อนจะกดรับสาย“คุณฉู่ ตอนนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ?”ไม่นานก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนของจางม่านดังมาจากป
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนต่อโลกของโฮ่วเจี้ยนอิง ฉู่เฉินถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างน่าพรั่นพรึงว่า “ต้นทุนยาบำรุงปราณไม่ถึงหนึ่งร้อย แต่ราคาตลาดขายได้หลายล้านต่อเม็ดไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่เห็นแก่ที่พวกคุณต้องการปริมาณมาก ห้าแสนผมก็ไม่ขายหรอก”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเจื่อนพลางพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าจัดหาให้ได้เดือนละเท่าไหร่ครับ?”“สัปดาห์ละหนึ่งร้อยเม็ด นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว อีกอย่างยาชนิดนี้ไม่มีผลกับคนตาย ตนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หนึ่งปีมีแค่ไม่กี่ราย จำนวนเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งอันที่จริงวิธีการหลอมยาสร้างกล้ามเนื้อไม่ได้ซับซ้อนเลย เพียงแต่ว่าตอนที่ใช้ไฟกลั่นขั้นสุดท้าย จำเป็นต้องใช้เปลวไฟหยินบริสุทธิ์ในการกลั่นเท่านั้นด้วยเหตุนี้ในแง่ของการผลิตจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉู่ซื่อกรุ๊ป สิ่งที่ฉู่เฉินต้องทำก็คือไปกลั่นไฟทุกอาทิตย์แต่ในระดับขั้นของฉู่เฉินในตอนนี้ การหลอมยาชั้นหนึ่งจำนวนหนึ่งร้อยเม็ดก็เป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้วเห็นได้ชัดว่าโฮ่วเจี้ยนอิงไม่พอใจกับจำนวนเท่านี้ แต่เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนปรน ก็ได้แต่คว้าสิ่งที่ดีรองลงมา ถ
“งั้นก็ได้ครับ ยังไงผมก็จำเป็นต้องกลับไปกับคุณฉู่อยู่แล้ว”หลูติ้งไห่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง“ได้ครับ คุณฉู่ เชิญด้านนี้ครับ”ขณะที่กำลังพาฉู่เฉินไปที่ห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิง โจวอวี้หมิงก็สั่งให้ทหารคนสนิทพาหลูติ้งไห่ไปยังห้องพักเมื่อเปิดประตูห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิงออก โจวอวี้หมิงก็เริ่มเข้ามาแนะนำโฮ่วเจี้ยนอิงให้ฉู่เฉินได้รู้จักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณฉู่ นี่คือท่านโฮ่วเจี้ยนอิงผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในแปดเทพนักรบแห่งแดนมังกรของเรา”ฉู่เฉินและโฮ่วเจี้ยนอิงสบตากัน ราวกับว่าพวกเขากำลังจะปล่อยประกายไฟที่รุนแรงออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน โฮ่วเจี้ยนอิงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณเป็นเด็กหนุ่มคนแรกที่สามารถจ้องตาผมได้นานขนาดนี้”“คุณเองก็เป็นชายแก่คนแรกที่ยังไม่ถูกคลื่นลูกใหม่ผลักตกจากชายหาดนะ”ฉู่เฉินยิ้มเยาะ“เหอะ ๆ คุณพูดอะไรน่ะ!”โจวอวี้หมิงรีบสะกิดไปที่ไหล่ของฉู่เฉิน และส่งสายตาเตือนเขาโฮ่วเจี้ยนอิงถูกย้ายไปที่มณฑลเจียงแล้ว ซึ่งทำให้เขาอารมณ์เสียมากพออยู่แล้ว แต่ฉู่เฉินยังมายั่วโมโหเขาอีก นี่มันหาเรื่องมีปากเสียงกันไม่ใช่เหรอ?“คุณมีความสามารถมากจริง ๆ”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเล็กน้
เซียวเฟิงถูกฉู่เฉินซักถามจนหน้าตาแดงก่ำ เขาอยากจะด่ากลับไปจริง ๆ แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนหลายพันคน เขาด่าออกไปไม่ได้จริง ๆ “ผู้นำเซียว เขาพูดอะไรน่ะ กลางวันอะไร ชาวบ้านทำนาอะไร?” หานหลิงผ้าเช็ดหน้าให้เซียวเสวี่ยอิ๋งถามขึ้นอย่างสงสัย“หุบปาก!”ดวงตางามของเซียวเสวี่ยอิ๋งพลันเย็นชา แล้วถลึงตาใส่หานหลิงหนัก ๆไม่ได้เรียนหนังสือหรือไงแม้แต่ชาวบ้านทำนาในตอนกลางวันก็ยังไม่รู้อีก“ฉู่เฉิน! คุณเลิกพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนี้ได้แล้วนะ การประลองในวันนี้ถือว่าเสมอกันไป”เซียวเสวี่ยอิ๋งกัดฟันแน่นและจ้องฉู่เฉินอย่างแน่วแน่ฉู่เฉินยิ้มเยาะ “ไม่ต้องรีบหรอก ยังไงสักวันหนึ่ง ผมก็จะทำให้คุณยอมผมทั้งกายทั้งใจ และเป็นฝ่ายเดินเข้ามาในโลกของผมด้วยตัวเองอย่างเต็มใจ”พูดจบฉู่เฉินก็โยนยาสร้างกล้ามเนื้อไปให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง“ฉัน...ฉันไม่ต้องการ”ถึงแม้ปากจะพูดออกมาแบบนั้น แต่เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ยังคงเก็บยาสร้างกล้ามเนื้อไว้ในแขนเสื้อตามจิตใต้สำนึกของดีขนาดนี้เธอแค่ไม่อยากใช้มันสุ่มสี่สุ่มห้าเท่านั้นเองอีกอย่าง บาดแผลบนร่างกายของเธอก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ทนอีกสองวันก็หายแล้ว ที่เธอเก็บยาของฉู่เฉินเอ
ในฐานะผู้นำเขตทหารยศสองดาว หลัวคายไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนจากแดนมังกรได้ เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติของกองทัพจนหมดสิ้นในขณะนั้น ความอัดอั้นในใจของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้หลัวคายกระอักเลือดออกมา“ผู้นำหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปยังหลัวคายที่อยู่ข้างล่างเวทีประลองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปกติแล้วเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเซียวเสวี่ยอิ๋ง หลัวคายน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตลก ที่ถูกฉู่เฉินกดไว้กับพื้นและลากถูไปมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่นางฟ้าในใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรไปเจอเซียวเสวี่ยอิ๋งได้อีก? ตอนนี้เขาแทบจะอยากจะมุดดินหนี“สบายใจได้ เขาไม่ตายหรอก ปกติแล้วเวลาที่ผมต่อสู้ก็มักจะมีขอบเขตเสมอ แค่แขนหักไปข้างหนึ่ง เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดี”ฉู่เฉินปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลัวคายก็ถึงกับสบถด่าแม่ของเขาในใจชนะก็ชนะไปแล้ว ยังจะคุยโวอีกทำไมกันจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างไม่ได้เลยเหรอ?หลัวคายในตอนนี้แทบจะเหมือนกิ้งก่าท
ปัง!เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน คลื่นพลังสีเงินขาวก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแม้แต่เวทีการประลองที่สร้างจากแผ่นหินสีเขียวก็ยังเกิดรอยแยกลึกกว่าหนึ่งฟุต เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน เศษหินถูกพลังหมัดอันน่ากลัวของทั้งสองคนพัดปลิวขึ้นไปในอากาศ“อ๊ากกก!”ในวินาทีถัดมา เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดก็ดังลั่นสนั่นพร้อมกับที่ร่างหนึ่งพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนตุบ! ร่างนั้นพุ่งไปกระแทกเสาหินข้าง ๆ จนขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะล้มลงไปยังด้านล่างของอัฒจันทร์อย่างแรงในขณะนั้น เวลาก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งเซียวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่บนเวทีประลองมองภาพนั้นด้วยความงงงวยเซียวเฟิงและหลูติ้งไห่ที่อยู่ข้างล่างช็อกนิ่งไปแม้แต่โหวเจี้ยนอิงและโจวอวี้หมิงก็ยังลุกขึ้นยืนและมองไปที่ผู้ชายร่างกายอันสูงใหญ่บนเวทีประลองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“เป็นไปไม่ได้!”โหวเจี้ยนอิงเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างกำแน่น ก่อนจะคำรามออกมาเสียงต่ำในขณะนั้นเอง หลัวคายที่อยู่ด้านล่าง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและกำลังกอดแขนที่ขาดอยู่ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่ยอม“แก...แกซ่อนเข
“แต่ตอนนี้ พวกคุณคิดที่จะใช้วิธีการต่อสู้แบบผลัดเปลี่ยนโจมตีคุณฉู่เหรอครับ?”ทั่วทั้งกองทัพรักษาการณ์มียอดฝีมือเก่ง ๆ แบบหลัวคายอย่างน้อยสามสี่คนถ้าทุกคนผลัดกันขึ้นมาท้าประลองกับฉู่เฉินคนละรอบ ฉู่เฉินก็คงจะเหนื่อยจนตายไปเสียก่อนนอกจากนี้ จากเครื่องหมายดาวสองดวงบนไหล่ของหลัวคาย ก็ไม่ยากที่จะคาดเดาเขาคือยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สอง ซึ่งเหนือกว่าฉู่เฉินถึงหนึ่งระดับหากต้องการจะกลั่นแกล้ง ก็ไม่ควรจะใช้วิธีนี้กลั่นแกล้งสิโฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มอย่างไม่แยแส ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินบนเวทีประลอง “จะยอมรับการท้าประลองหรือไม่นั้น สามารถให้คุณฉู่ตัดสินใจเองได้ ถ้าหากคุณฉู่ไม่อยากสู้ต่อ การประลองครั้งนี้ก็ถือว่าพวกเราแพ้ไป”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปที่โฮ่วเจี้ยนอิงอย่างไม่ยอม “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ฉัน…”โฮ่วเจี้ยนอิงส่ายหน้าเล็กน้อยให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เสวี่ยอิ๋ง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกอย่าง เขายอมให้คุณมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้น ท่าอุ้มทุ่มเมื่อกี้คุณคงตายไปแล้ว”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งถึงกับไม่กล้าเชื่อสิ่งที่หูตัวเองได้ยินฉู่เฉินยอมให้เธอมา
“กล้าหยามเกียรติฉัน แกสมควรตาย!”เซียวเสวี่ยอิ๋งในตอนนี้ ดวงตาคู่สวยของเธอกำลังเป็นสีแดงเพลิง พลังการต่อสู้ของเธอสูงจนเกินขีดสุดไปแล้ว แม้แต่โฮ่วเจี้ยนอิงยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับรัว ๆ ในพริบตาเดียว เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ต้อนฉู่เฉินจนจนมุม ทำให้ผู้ชมที่นั่งอยู่ข้างล่างตื่นเต้นถึงขีดสุดนี่แหละคือลักษณะของนักรบหญิงอันดับหนึ่งแห่งกองทัพควรจะมีเมื่อเซียวเฟิงเห็นว่าฉู่เฉินกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ความโกรธในใจของเขาก็ลดลงไปไม่น้อย เขามองฉู่เฉินบนเวทีด้วยสายตาแข็งกร้าวแล้วพูดขึ้น “ฉู่เฉิน ยั่วโมโหน้องสาวฉัน นายคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกนาน ๆ สินะ”แต่เมื่อฉู่เฉินถูกเซียวเสวี่ยอิ๋งบีบให้ถอยไปเรื่อย ๆ การโจมตีของเซียวเสวี่ยอิ๋งเองก็ถูกฉู่เฉินจับทางได้อย่างหมดเปลือกแค่ท่าของสิบสามกระบวนท่าเตะกับลูกเตะนกกระยางดาวตกเท่านั้นยังไงซะเซียวเสวี่ยอิ๋งไม่มีการสืบทอดพลังที่น่ากลัวเหมือนกับฉู่เฉิน การที่เธอสามารถฝึกฝนสองท่านี้จนถึงระดับสูงสุดได้ ก็ถือว่าหาได้ยากนักเมื่อจับทางวิธีการต่อสู้ของเซียวเสวี่ยอิ๋งได้แล้ว ฉู่เฉินก็ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ผมจะเอาจริงแล้วนะ”ทันทีที่พูดจบ
นี่มันเวทีการประลองหรือเวทีแสดงความรักกันแน่!?โดยเฉพาะหลัวคาย นายพลสองดาวที่ตามจีบเซียวเสวี่ยอิ๋งอย่างบ้าคลั่งมานานเกือบปี เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาก็กัดฟันแน่นจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆนั่นมันนางฟ้าของเขานะ!ไอ้คนแซ่ฉู่กล้าดียังไง!เซียวเฟิงเองก็ลุกพรวดขึ้นเช่นกัน เขาชี้นิ้วไปที่ฉู่เฉินก่อนตะโกนลั่นด้วยความโกรธ “ฉู่เฉิน ปล่อยน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้!”ไอ้เด็กฉู่เฉิน กล้าฉวยโอกาสน้องสาวเขาโดยอ้างว่าเป็นการประลองใช่ไหม?แบบนี้จะยอมได้ยังไง!แต่ในขณะเดียวกัน โจวอวี้หมิงที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์ก็หันไปพูดกับโฮ่วเจี้ยนอิง “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ยอดฝีมือแค่ขยับมือนิดหน่อยก็รู้ผลแล้ว ผมว่าการประลองครั้งนี้ คงไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นอีกแล้วใช่ไหม?”“หึ!”โฮ่วเจี้ยนอิงแค่นหัวเราะเบา ๆ “ไม่แน่เสมอไป”ทันทีที่โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบ เซียวเสวี่ยอิ๋งที่ถูกฉู่เฉินกอดไว้ ในอ้อมแขน เธอทั้งอายทั้งโกรธ เธอยกขาขึ้นแล้วหมุนตัวเตะไปยังจุดยุทธศาสตร์ของฉู่เฉินอย่างไม่ลังเล!ซี้ด!เมื่อเห็นว่าลูกเตะตัดทายาทนี้พุ่งเข้าใส่ฉู่เฉินรวดเร็วดั่งสายฟ้า หลูติ้งไห่ก็ถึงกับหลับตาปี๋โดยไม่รู้ตัวจบแล้ว!ระยะประชิดขนาดนี