“หะ...ห้องน้ำ คุณพาฉันมาทำไมที่ห้องน้ำ”
“ก็มาทำความรู้จักยังไงล่ะ”
“หมายความว่ายังไง อือ...” เธอเอ่ยถามเสียงหอบเหนื่อยอย่างสงสัย เพราะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงในประโยคของบุรุษ
“เดี๋ยวก็รู้เองว่ายังไง” แล้วกองทัพก็เปลี่ยนเป็นอุ้มเธอขึ้นพาดไหล่แล้วเดินผ่านผู้คนเข้าไปในห้องน้ำ ไม่สนใจว่าห้องน้ำจะมีคนอื่นมองมาทางตนและหญิงสาว
“คุณพาฉันมาในห้องน้ำชายทำไม”
“ก็มาทำความรู้จักไงบีบี”
แล้วเขาก็พาเธอไปยังห้องน้ำที่ว่างอยู่ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำก็ปิดล็อกประตูแล้วปล่อยคนตัวเล็กยืนเอง แต่กักร่างเธอไว้กับผนังห้องน้ำป้องกันเธอหนีออกไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอุ้มผู้หญิงเข้าห้องน้ำชาย แต่ต่างกันที่ทุกคนยอมและเต็มใจที่จะตื่นเต้นไปกับตนเอง แต่กับสาวน้อยตรงหน้านี้ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจหวาดกลัว และนั่นมันทำให้เขารู้สึกอยากขย้ำแรงๆ ให้จมเขี้ยวฟัน อยากขบเม้มซอกคอระหง อยากขบเม้มริมฝีปากอ่อนนุ่มบางให้เกิดรอยราคี อยากกัดทุกซอกหลืบในร่างกายสาว
“คุณมันบ้ากามอย่างที่ใครเขาพูดกันจริงๆ”
“อยากรู้จักต้องสัมผัสเอง จะเชื่อคำพูดคนอื่นไม่ได้คนสวย เมื่อกี้จูบแรกสินะ ขอบคุณนะที่ให้มันเป็นของพี่เหิม”
“ฉันไม่ได้ยกให้คุณ คุณบังคับปล้ำจูบฉันเอง”
“พี่เหิมก็จะปล้ำ ‘เอา’ บีบีทำเมียในห้องน้ำนี้ด้วย” เขาไม่ได้แค่พูดเปล่า แต่มือสากกร้านยังยกขึ้นมาลูบไล้ใบหน้านวลเนียน แต่ถูกมือน้อยปัดตบหนีออกจากแก้มจนมีเสียง
เผียะ!
“รุนแรงไปไหนคนสวย ก็แค่ ‘เซ็กซ์’ เอง”
“สำหรับคุณมันใช่ แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่ค่ะ กรุณาหลบด้วย ฉันจะกลับ”
“ชูว์...บอกแล้วไงว่าจะ ‘เอา’ ในห้องน้ำ ถ้าบีบีกลับแล้วพี่เหิมจะ ‘เอา’ กับใครล่ะ พี่อยากได้เรานะเด็กน้อย” กองทัพบดเบียดร่างน้อยแนบไปกับผนังห้องน้ำที่คับแคบ ขนาดจะเคลื่อนขยับตัวก็ยังลำบาก แต่สำหรับกองทัพแล้วเขาชำนาญและคุ้นชินกับห้องน้ำของผับแห่งนี้ดีแล้วก็ตวัดแขนโอบกอดเอวเล็กคอดอุ้มเธอเหวี่ยงหมุนมาพิงประตูห้องน้ำด้านหลัง
“คุณจะบ้ารึไง คุณจะมาทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ ถ้าพี่เหิมต้องการ ไม่มีอะไรที่คนอย่างพี่ต้องการแล้วไม่ได้คนสวย และพี่ก็ต้องได้บีบีด้วยคืนนี้ เนื้อจะเข้าปากเสือแล้วอย่าพูดมากเลยน่าคนสวย มันเสียเวลา” แล้วกองทัพก็รีบจัดการกับเสื้อผ้าคนตัวเล็กเพื่อสนองความปรารถนาของตัวเองในตอนนี้ เขาไม่สนใจว่าบูรณิการ์จะต่อต้านไม่สมยอมตัวเอง เพราะตนเชื่อว่าสุดท้ายแล้วสาวน้อยไร้เดียงสาต้องอ่อนคล้อยไปกับตนแน่นอน
“หยุดนะคนเลว! หยุด!” เธอทุบตีมือใหญ่ให้หยุดถอดเสื้อผ้าตัวเอง แต่เหมือนว่ามันไม่ได้ผล สองมือถูกจับรวบด้วยมือหนามือเดียวแน่น พอจะยกขาขึ้นเตะก็เหมือนเขาจะรู้ทันความคิด เขาใช้ขาของเขากดขาเธอไว้กับผนังไม่ให้ขยับตัว
“อย่าคิดว่าพี่เหิมรู้ไม่ทัน และอย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้ บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรที่พี่เหิมต้องการแล้วไม่ได้”
“แต่คุณกำลังจะปล้ำข่มขืนฉัน”
“อย่าเรียกว่าข่มขืนสิ เรียกว่าเรียนรู้กันและกันดีกว่า ร่างกายของเรามันอาจจะชอบกันก็ได้ว่าไหม” แล้วมือใหญ่ก็ถลกถอดกระโปรงชีฟองตัวยาวของเธอออกไปกองที่ข้อเท้าและตามด้วยกางเกงซับในกับกางเกงชั้นในของหญิงสาว
“กะ...อื้อ...” เธอจะร้องกรี๊ดก็ถูกปากหนาก้มลงมาปิดกลืนเสียงร้อง ไม่พอเรียวลิ้นอุ่นร้อนของคนถ่อยก็ยังดุนดันเข้ามาในโพรงปากของเธอ
“อะ...อื้อ” บูรณิการ์ไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะหนีออกจากห้องน้ำนี้ไม่ได้ พยายามจะเบี่ยงหน้าหลบหนี สองมือก็ถูกกำรวบแน่นด้วยมือใหญ่ พยายามแล้วพยายามเล่าก็ไร้หนทางจะหลุดพ้น สองขาก็พยายามจะยกขึ้นถีบเตะก็นั่นแหละแข้งขาใหญ่แข็งแรงบุรุษกดทับจนไม่อาจจะขยับเขยื้อนตัวได้ตอนนี้
“อ่า...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากปากทั้งสองที่บดจูบกัน แม้ปากน้อยจะไม่เต็มใจ แต่มีหรือคนอย่างนายกองทัพจะสนใจ ตอนนี้ความต้องการในตัวเขาที่มีต่อเธอมันลุกโชนมากเหลือเกิน ลุกแทบจะเผาไหม้ร่างกายให้มอดไหม้ในตอนนี้ก็ว่าได้ ความองอาจเหยียดตัวผงาดเบียดแน่นในกางเกงจนแทบจะกระอักเลือดก็ว่าได้ในตอนนี้
“อ่า...อยากเห็นตรงนี้ชัดๆ แต่ไม่ไหว ขอหลังจากนี้แล้วกันคนสวย อ่า...” เขาผละออกมาเอ่ยกับปากน้อยบวมเจ่อแล้วก็ยกอุ้มเธอขึ้นเหนือพื้นจนเท้าทั้งสองลอยและกระโปรงก็หลุดออกจากเท้าไปกองกับพื้น ส่วนกางเกงชั้นในและกางเกงซับในยังคงติดอยู่ที่ข้อเท้าเล็กทั้งสองของบูรณิการ์
“คนต่ำทราม! อะ...อื้อ” แล้วปากน้อยก็ถูกปากหนาปิดอีกครั้ง เรียวลิ้นน้อยถูกเรียวลิ้นสากกร้านบุรุษไล่ต้อนจนจนมุม แล้วมือใหญ่ก็โอบอุ้มก้นกลมกลึงของหญิงสาวด้วยมือเดียวและเคล้นคลึงก้นน้อยไปด้วย ส่วนมือที่จับมือน้อยทั้งสองก็ยังคงจับกำแน่นรั้งไว้เหนือหัว
เสียงเพลงจากด้านนอกดังเข้ามาถึงในห้องน้ำ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ได้ดังเท่าเสียงหอบหายใจของเธอ บูรณิการ์แข้งขาอ่อนแรงหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้านและสู้กับคนดิบเถื่อน ตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่าคนเราจะดูแค่หน้าตาไม่ได้ เพราะนิสัยและสันดานของคนเรามันต้องดูกันนานๆ อย่างผู้ชายคนนี้ เขาแทบไม่เหมือนคนไม่ดี แต่ตอนนี้เชื่อแล้วว่าไม่ดีและเลวมาก ‘ข่มขืน’ เขากำลังข่มขืนเธอในห้องน้ำของผับ แถมเป็นห้องน้ำชายด้วย “อะ...อื้อ” สมองของสาวน้อยแทบจะหยุดทำงานเมื่อถูกบดจูบเอาแต่ใจ เรียวลิ้นก็ถูกเรียวลิ้นของคนถ่อยรัดคลึงดูดกลืน ตอนนี้ทุกอย่างมันดูว่างเปล่าไปหมดสำหรับบูรณิการ์ เสียงผู้คนด้านนอกห้องที่ดังลอดเข้ามาในห้องน้ำมันไม่ได้ทำให้เธอตื่นกลัวแม้แต่น้อย “อ่า...ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้พี่เหิมอยากได้บีบีสุดๆ อ่า...”เขาดันร่างเล็กจนแผ่นหลังแนบเบียดจนจะกลืนกินเป็นเนื้อเดียวกับประตูด้านหลัง แล้วมือที่บีบขยุ้มขยำยกอุ
“ครั้งแรกที่มีคนด่าพี่เหิมแบบนี้ แต่พี่ยอมเพราะพี่ทำสารเลวกับบีบีจริงๆ แต่ตอนนี้บีบีก็เป็น ‘เมีย’ ของผู้ชายสารเลวคนนี้แล้วนี่ จะเสียใจทำไม พี่เหิมใช่จะหน้าตาไม่ดีเสียที่ไหน เผลอๆ หล่อกว่าพวกดารานายแบบเสียอีกนะทูนหัว” เขาเจ็บที่เธอด่า แต่ก็ยอมรับ เพราะตนทำกับเธออย่างคนบ้านป่าเมืองเถื่อนจริงๆ “ฉันเกลียดคุณที่สุด อะ...อื้อ” แล้วเธอก็ร้องครางเจ็บออกมาเมื่อคนตัวโตยกร่างเธอขึ้นขย่มลงบนตักของเขาด้วยจังหวะหนักหน่วงพร้อมเอวสอบแอ่นเด้งรับตอบสนองแรงขย่มที่เขาบังคับเอาแต่ใจไปด้วย “อ่า...แน่นเหลือเกิน ไม่ไหวจริงๆ อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวภายในของบีบีก็คุ้นเคยกับความใหญ่ยาวของพี่เองทูนหัว อ่า...เสียว” เขานั่งบนชักโครกแอ่นเด้งเร่าจังหวะขึ้นรับคนตัวเล็กที่ตัวเองบังคับยกอุ้มให้เธอขย่มโยกโคนเนื้อตัวเองตามใจปรารถนา “อะ...เจ็บ ได้โปรดหยุดเถอะ อ่า...ไม่ไหว เจ็บ อ่า...”ตอนนี้บูรณิการ์มีสองความรู้สึกเกิดขึ้นยามตั
กองทัพพาคนตัวเล็กกลับมาบ้านด้วย ก็เธอเล่นหลับคาอกของเขาในห้องน้ำจนต้องพามาด้วย อีกอย่างเขาก็ยังอยากจะเชยชมคนสวยตัวเล็กต่อ จึงไม่อยากปล่อยเธอกลับบ้าน พอมาถึงบ้านก็จัดการเปลื้องเสื้อผ้าเธอออกโยนทิ้งแล้วนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้เธออย่างอ่อนโยน “สวยไปทั้งตัวเลยนะบีบีของพี่เหิม” เขาทั้งเช็ดทั้งก้มลงจูบขบเม้มผิวกายนวลเนียนลออไปด้วย และสองมือสากกร้านก็เคล้นคลึงสองเต้าอวบใหญ่ล้นมือเกินคาด ก่อนหน้านี้เขาได้แค่มองมันผ่านเสื้อ ตอนนี้ได้เห็นเนื้อแท้และได้สัมผัสเคล้นคลึงแล้ว เขาไม่สนใจว่าเจ้าของเต้าจะหลับ ก็เขาจะขยำซะอย่าง กองทัพทิ้งผ้าเปียกในมือแล้วใช้มือเปล่าๆ ตัวเอง บดเร่าหน้าอกอวบอูมล้นมือของสาวน้อยแล้วเคลื่อนตัวคร่อมทับดูดกลืนกินยอดอกแข็งตึงของคนที่หลับสนิท เขาทำขนาดนี้เธอยังคงหลับไม่ยอมตื่น ยิ่งเธอหลับเขาก็ยิ่งตื่นเต้นที่ได้สัมผัสเฉกเช่นโจรเถื่อนในตอนนี้ เขากำลังจะลักหลับ ‘เมีย’ ตัวเอง ใช่...ก็ตอนนี้เธอเป็นของตน มีเพียงคำนี้คำ
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! กองทัพกำลังนอนกอดคนตัวเล็กหลับฝันหวานก็ต้องตื่นขึ้นมารีบกดรับโทรศัพท์เมื่อตอนเช้ามืด เพราะถ้าช้ากว่านี้เธอจะตื่น แต่จะว่าไปคนหลับลึกขี้เซาอย่างบูรณิการ์ไม่น่าตื่นถึงโทรศัพท์จะสั่นเตือนเสียงดังนานแค่ไหนก็ตาม แต่ก็เป็นเขาเองนั่นแหละรำคาญจนต้องลุกขึ้นมาคว้าหยิบโทรศัพท์ที่วางบนหัวเตียงมากดรับสายพร้อมกรอกเสียงห้วนส่งไปในสายบอกถึงอารมณ์ตัวเองในตอนนี้ “มีอะไรของมึงไอ้พี่หิน?” “เหมือนอารมณ์ไม่ดีที่กูโทรหา” “มึงแหกตาดูเวลามั่งว่ามันกี่โมงที่มึงโทรมา” “ตีห้า” “แล้วมึงคิดว่ากูต้องดีใจไหมที่มึงโทปลุกแต่เช้าไอ้พี่หิน” “แน่ใจว่าปลุก ไม่ได้รบกวนเวลามึงกับอีหนูที่ไหน” กองพลตอบกวนกลับมา
“ให้ตายสิวะ!” กองทัพเดินวนไปวนมาในห้องทำงานของตัวเองด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านใจ ก็ตั้งแต่วันนั้นจนตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอหน้าของบูรณิการ์ ใช่ว่าจะไม่ได้ไปที่โรงแรม เขาไปแทบทุกวัน แต่ไม่ได้หิ้วพาสาวไหนไปด้วย เขาไปนอนค้างที่นั่น จากที่เช่าไว้นอนเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น แต่ตอนนี้ต้องไปทุกวันเพื่อที่จะได้เจอกับบูรณิการ์ เพราะหญิงสาวทำงานที่นั่น ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “เข้ามา!” เสียงเข้มห้วนอนุญาตคนที่หน้าประตูให้เข้ามาในห้องได้ แอค! ชายเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารหลายเล่มที่หอบมาด้วย “มีเอกสารมาให้คุณกองทัพเซ็นครับ” ชายเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของเจ้านายหนุ่มเมื่อเจ้านายเดินไปทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ทำงานป
บูรณิการ์หนีมาหลบในห้องน้ำหวังให้กองทัพจากไป เธอหลบซ่อนตัวในห้องน้ำนานเกือบสิบนาทีจนมั่นใจว่ากองทัพน่าจะไปจากหน้าเคาน์เตอร์แล้วจึงเปิดประตูห้องน้ำออกมาส่องกระจกเช็กดูความเรียบร้อยตัวเองก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่พอเดินผ่านประตูออกมาก็ต้องหยุดเท้าที่เดิน เมื่อเสียงทุ้มเข้มคุ้นหูดังขึ้น “รอตั้งนาน” “คุณกองทัพ!” “เลิกเรียกห่างเหินสักทีบีบี ผัวง่วงจะตายแล้ว” แล้วเขาก็ฉวยโอกาสจับข้อมือเล็กดึงลากให้เดินตามตัวเอง ไม่สนใจว่าเธอจะขืนตัวจิกเท้าต้านแรงตัวเอง แต่มีหรือเรี่ยวแรงของเธอจะสู้เรี่ยวแรงช้างศึกอย่างตน “ปล่อยฉันคุณกองทัพ!” เธอสั่งเขาเมื่อถูกดึงลากมาหยุดยืนที่หน้าลิฟต์โดยสารท่ามกลางสายตาเพื่อนร่วมงานในโรงแรมที่อยู่ประจำกะดึกวันนี้กับตนเอง “ปล่อยเธอก็หนีพี่น่ะสิบีบี ถ้าไม่อยากอายคนไปมากกว่านี้ก็ยอมไปกับพี่เหิมดีๆ ไม่
เกษมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ จิบน้ำชาหลังทานมื้อเช้าอิ่มแล้วพี่สาวก็เดินถือถาดผลไม้เข้ามาในห้องนั่งเล่นนั่งลงโซฟาตัวยาวอีกตัวที่อยู่ถัดทางขวามือของตัวที่ตนนั่ง เกษมปิดหนังสือพิมพ์แล้วพับหนังสือพิมพ์แล้ววางลงบนโต๊ะกลางโซฟาตรงหน้าแล้วหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นจิบดื่ม “สีหน้าพี่บู่ไม่ค่อยดี มีอะไรรึเปล่าครับ” “ก็หลานทั้งสามน่ะสิ พักนี้ไม่รู้เป็นอะไรไม่ค่อยสนใจพี่เลยพ่อเษม”บู่บอกน้องชาย กองพลก็ไปอยู่เหมืองไม่ยอมกลับมานอนบ้านทั้งๆ ที่ปกติมาค้างที่บ้านให้เห็นหน้าทุกวัน กองบินก็ไปฝรั่งเศสกว่าจะกลับก็เป็นอาทิตย์ แถมกลับมาก็ใช่จะกลับมาที่กำแพงเพชร เดี๋ยวก็อ้างงานที่กรุงเทพฯ ยุ่งเยอะอีก ส่วนไอ้หลานคนเล็ก กองทัพก็อยู่สระบุรี ไม่เข้าใจทำไมต้องไปมีธุรกิจที่นั่นด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ หลานชายของนางถึงต้องไปอยู่กันคนละที่ ส่วนไอ้คนโตว่าทำงานอยู่บ้านด้วย แต่พักนี้ทำตัวแปลก “พวกมันไม่สนใจ พี่ก็โทรหาพวกมันสิพี่บู่ จะรอให้พวกมั
หากกองทัพไม่ได้ถาม เธอก็ลืมไปเลยว่าตั้งแต่เดือนที่แล้วประจำเดือนของตนนั้นเลื่อน จนมาเดือนนี้ก็ยังไม่มา ทำให้ต้องแวะร้านขายยาซื้อที่ทดสอบการตั้งครรภ์มาตรวจขณะเดินทางมาทำงานในช่วงกะเช้า อาทิตย์นี้เธอทำงานกะเช้ายาวจนถึงสิ้นเดือน ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! มีสายเรียกเข้า เธอจึงหยุดเดินขณะจะเดินไปห้องน้ำแล้วล้วงกระเป๋าสะพายตัวเองหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นสมทรง เพื่อนสนิทของตน “บีบีเสาร์ว่างไหม?” สมทรงกรอกเสียงที่พยายามดัดให้เล็กส่งมาในสายที่บูรณิการ์กดรับ “เดี๋ยวบอกอีกทีแล้วกันสมทรงว่าว่างไหม”เธอยังไม่พร้อมจะเจอเพื่อนๆ ตอนนี้เพราะครั้งที่แล้วเพื่อนๆ ก็ซักเรื่องที่เธอถูกผู้ชายอุ้มออกจากผับแล้วหายไปด้วยกันทั้งคืน จนตอนนี้เธอก็ยังบอกเพื่อนๆ ไม่ได้ เพราะอายที่จะเล่าเรื่องของตัวเอง ทั้งๆ ที่ปกติมีเรื่องอะไร ปัญหาอะไรจะเล่าให้สมทรง นิภา
เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง ตอนนี้ลูกชายอายุได้สองขวบแล้ว เด็กชายทัพฟ้า สุปรีย์ หรือน้องบูม และกำลังจะเป็นพี่ชาย เพราะอีกสองเดือนเธอก็จะคลอดลูกคนที่สอง ใครจะคิดว่าชีวิตหลังแต่งงานกับกองทัพของเธอจะมีความสุขขนาดนี้ และเธอไม่อยากเชื่อว่าเสือผู้หญิงอย่างเขาจะจมปลักรักเธอแค่คนเดียว แต่ทุกอย่างมันก็พิสูจน์แล้วว่าเขา ‘รัก’ เธอและมีเธอแค่คนเดียวได้จริงๆ “ยิ้มอะไรอยู่ฮึทูนหัว” กองทัพที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเดินเข้ามาหาภรรยาที่กำลังทำมื้อเย็นในครัว ส่วนลูกชายอยู่กับคุณตา คุณยายและคุณลุงที่สนามเด็กเล่น “มีความสุขค่ะ อีกอย่างบีบีก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเราสองคนจะรักกัน” “เชื่อเถอะ ท้องสองแล้วนะ แล้ววันหยุดนี้เพื่อนของบีบีจะมากินข้าวที่บ้านด้วยกันไหม” กองทัพถามภรรยาพร้อมปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตแล้วพับขึ้นถึงข้อศอก อีกข้างก็ทำเช่นเดียวกัน&nb
พอตากลับมามองเห็นเป็นปกติ กองทัพก็ได้เห็นว่าตอนนี้บูรณิการ์ท้องแก่มากแล้ว และเขาเองก็มีความต้องการเหมือนกัน ตั้งนานแล้วแทบจะลงแดงตาย พอกลับมาถึงบ้าน เขาก็ไม่รอช้าจะอุ้มร่างอวบอิ่มของแม่ของลูกไปยังเตียงนอนนุ่มของตัวเองที่เคยพาบูรณิการ์มานอน “อือ...พี่เหิมอะไรกันคะเนี่ย” “ไม่อะไรแล้วทูนหัว บีบีก็รู้ว่าพี่เหิมเป็นคน ‘เซ็กซ์’ จัดแค่ไหนและก็รู้ว่าพี่เหิมต้องการเรามากแค่ไหนตอนตายังไม่เปิด” “แต่มันกลางวันอยู่นะคะ คุณพ่อ คุณแม่และพี่ชายของพี่เหิมทั้งสองก็อยู่ด้วย” “พวกเขาเข้าใจ ให้พี่เถอะนะ” แล้วเขาก็วางร่างอวบอิ่มที่อุ้มมานอนราบไปกับเตียง “แต่บีบีอายนะคะ” “มีอะไรต้องอายกันบีบี เราเป็นผัวเมียกันนะ พรุ่งนี้เราก็จะไปจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”&nbs
นานหลายชั่วโมงกว่ากองทัพจะถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดตาเสร็จ หมอบอกว่าเขาจะกลับมามองเห็นได้ปกติ แต่ตอนนี้ให้ทุกคนช่วยดูแลคนป่วยก่อน บูรณิการ์มองคนที่นอนหลับบนเตียงพักฟื้นมีผ้าสีขาวพันที่แขนและที่ตา ยิ่งมองเขานอนนิ่งก็ยิ่งเจ็บปวดและกลัว กลัวว่าเขาจะจากไป โชคดีที่เขายังมีลมหายใจ มือน้อยยกขึ้นปาดป้ายเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มทิ้ง อึก! “ฉันไม่อยากให้คุณตาย ห้ามตายนะ ฮือ...” เธอรู้สึกผิดและเสียใจกับคำพูดตัวเองก่อนหน้านี้ที่พูดกับกองทัพที่บ้าน และคิดว่าเพราะตัวเอง กองทัพถึงเกิดอุบัติเหตุ “พี่เขาปลอดภัยแล้วลูก ไม่ต้องร้องนะหนูบีบี” นารีโอบกอดว่าที่สะใภ้คนเล็กของตัวเองที่กำลังยืนร้องไห้สะอื้นอยู่ข้างเตียง “เพราะหนู เพราะหนูพูดแบบนั้นกับเขา เขาถึงเป็นแบบนี้ อึก! ฮือ...” “ไม่เก
นารีกับเกษมพาลูกชายมาบ้านของผู้ว่าบันลือและครูจิตตราตั้งแต่เช้า มาถึงก็แนะนำตัวพร้อมบอกเจ้าบ้านว่าตนทั้งสามมาที่บ้านของทั้งสองในเช้าวันอาทิตย์นี้ทำไม เจ้าบ้านทั้งสองพอได้ยินเรื่องราวจากปากของกองทัพแล้วก็พากันเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงด้วยความโกรธและไม่พอใจที่ชายหนุ่มทำลายศักดิ์ศรีลูกสาวตนเองและยิ่งได้รู้ว่าตอนนี้บูรณิการ์กำลังตั้งครรภ์ก็ยิ่งโกรธ ทำให้คนที่เดินผ่านมาได้ยินพอดีอย่างบรรณวิช์เดินเข้ามากระชากคอเสื้อของกองทัพขึ้นแล้วอัดหมัดหนักๆ เข้าหน้าอีกฝ่ายเต็มแรงด้วยความโกรธ โดยที่พ่อกับแม่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ตุ้บ! โอ๊ย! กองทัพโดนหมัดของพี่ชายบูรณิการ์จนหน้าหัน โหนกแก้มแตก แม้จะไม่พอใจอยากจะสวนกลับ แต่ก็ได้แต่เม้มปากกำมือแน่น เพราะยังไงตัวเองก็เป็นคนผิดและสมควรโดนแบบนี้แล้ว “มึงทำน้อ
ตอนนี้เขาตามหาบูรณิการ์เจอแล้ว จากที่ใช้เวลามาอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้พี่ชายทั้งสองก็ประสบปัญหาหัวใจพร้อมกับตนเองและทั้งสองก็ ‘เมีย’ อุ้มท้องหนีไปเหมือนกันกับตน แต่ทุกคนสมหวังกันแล้ว มีความสุขกับพี่สะใภ้แล้ว เหลือแต่เขาที่ยังคงตามง้อบูรณิการ์อยู่ เขาอิจฉาพี่ชายทั้งสองเหลือเกินที่พี่สะใภ้ยอมให้อภัยแล้ว เหลือแต่ตัวเองนี่แหละที่ต้องมานั่งดื่มย้อมใจทุกวันในห้องของโรงแรมที่เคยเป็นสวรรค์ของตนและบูรณิการ์ ห้องนี้แหละที่ทำให้เขาและเธอได้มีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! “ครับแม่” เมื่อเห็นว่าเป็นแม่โทรมา เขาจึงรีบรับ ไม่อยากให้ท่านรอนาน “อยู่ไหนน้องเหิม ตอนนี้แม่กับพ่ออยู่บ้านนะลูก” นารีเอ่ยถามลูกชายคนเล็ก นางได้อยู่ยาวตั้งแต่กองพลโดนยิงอาการสาหัสและมีเรื่องวุ่นวายต่อให้จัดการจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับไปหาสามีและลูกที่ต่างประเทศ โชคดีที่พวกเขาเข้าใจนางว่าลูกชายทั้งสาม
บัวบูชากับอำนาจมองหลานสาวที่ตนเองรักเหมือนลูกสาวแท้ๆ เพราะทั้งสองแต่งงานอยู่กินด้วยกันมานานยี่สิบปีก็ไม่มีโซ่ท้องคล้องใจ แต่ก็มีหลานสาวและหลานชายลูกพี่ชายมาให้ได้ชื่นใจ และตอนนี้บูรณิการ์ก็มาอยู่ด้วยที่นครปฐม มาช่วยงานที่ร้านทองกิจการของตนและสามีและช่วยจัดการบริหารระบบของตลาดสดให้ใหม่ “คุณว่าหนูบีบีดูซึมๆ ไหมคะ” บัวบูชาถามสามีพร้อมกับมองไปทางหลานสาวที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ในสวนหลังบ้านในตอนเช้า “ผมสังเกตตั้งแต่วันแรกที่หลานมาถึงที่นี่แล้วแหละบัว แล้วบัวได้โทรถามพี่บันลือและพี่จิตตรารึยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมหนูบีบีถึงตัดสินใจลาออกจากงานที่ชอบแล้วมาอยู่ช่วยงานเราที่นี่” อำนาจเอ่ยกับภรรยา “บัวโทรไปถามพี่บันลือแล้วค่ะ แต่พี่บันลือก็ไม่รู้เรื่องอะไร ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของหนูบีบีเอง อีกอย่างพี่บันลือก็บอกว่าให้หนูบีบีพูดเอง เราอย่าไปเซ้าซี้เดี๋ยวจะทำให้บีบีเกิดความเครียดได้ค่ะ” บัวบูชาบอกสามี&n
บูรณิการ์เตรียมซองขาวไว้ลาออกติดกระเป๋าไว้ตลอดมาสักพักแล้ว พอรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตั้งครรภ์ลูกของคนถ่อย เธอก็นำซองขาวมายื่นที่ฝ่ายบุคคลก่อนจะกลับบ้านทันที จากที่ว่าจะยื่นลาออกตอนสิ้นเดือนนี้ แต่ตอนนี้คงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว กองทัพก็เห็นที่ตรวจครรภ์แล้ว พอยื่นจดหมายลาออกเสร็จก็กลับบ้านของตัวเองทันที พอมาถึงบ้านก็เจอกับพ่อและแม่ที่เลิกงานกลับมาก่อนตัวเอง เธอก็บอกท่านทั้งสองว่าตัวเองได้ลาออกจากที่ทำงานแล้วและพร้อมจะไปทำงานช่วยคุณอาที่นครปฐม “แน่ใจแล้วเหรอลูก?” ผู้ว่าบันลือถามลูกสาว เพราะคุยกันครั้งก่อนยังไม่มีแววว่าจะลาออก แต่อยู่ๆ วันนี้ก็มาบอกว่าลาออกแล้ว “ค่ะพ่อ บีบีจะไปช่วยงานคุณอาค่ะ” เธอบอกท่านทั้งสองเสียงหนักแน่น “ลูกตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมลูก ไม่ใช่ตัดสินใจเพราะอารมณ์ชั่ววูบใช่ไหมบีบี” ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม เพราะสังเกตเห็นตาที่แดงก่ำของลูกสาวเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มายังไงไม่รู้&n
หากกองทัพไม่ได้ถาม เธอก็ลืมไปเลยว่าตั้งแต่เดือนที่แล้วประจำเดือนของตนนั้นเลื่อน จนมาเดือนนี้ก็ยังไม่มา ทำให้ต้องแวะร้านขายยาซื้อที่ทดสอบการตั้งครรภ์มาตรวจขณะเดินทางมาทำงานในช่วงกะเช้า อาทิตย์นี้เธอทำงานกะเช้ายาวจนถึงสิ้นเดือน ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! มีสายเรียกเข้า เธอจึงหยุดเดินขณะจะเดินไปห้องน้ำแล้วล้วงกระเป๋าสะพายตัวเองหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นสมทรง เพื่อนสนิทของตน “บีบีเสาร์ว่างไหม?” สมทรงกรอกเสียงที่พยายามดัดให้เล็กส่งมาในสายที่บูรณิการ์กดรับ “เดี๋ยวบอกอีกทีแล้วกันสมทรงว่าว่างไหม”เธอยังไม่พร้อมจะเจอเพื่อนๆ ตอนนี้เพราะครั้งที่แล้วเพื่อนๆ ก็ซักเรื่องที่เธอถูกผู้ชายอุ้มออกจากผับแล้วหายไปด้วยกันทั้งคืน จนตอนนี้เธอก็ยังบอกเพื่อนๆ ไม่ได้ เพราะอายที่จะเล่าเรื่องของตัวเอง ทั้งๆ ที่ปกติมีเรื่องอะไร ปัญหาอะไรจะเล่าให้สมทรง นิภา
เกษมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ จิบน้ำชาหลังทานมื้อเช้าอิ่มแล้วพี่สาวก็เดินถือถาดผลไม้เข้ามาในห้องนั่งเล่นนั่งลงโซฟาตัวยาวอีกตัวที่อยู่ถัดทางขวามือของตัวที่ตนนั่ง เกษมปิดหนังสือพิมพ์แล้วพับหนังสือพิมพ์แล้ววางลงบนโต๊ะกลางโซฟาตรงหน้าแล้วหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นจิบดื่ม “สีหน้าพี่บู่ไม่ค่อยดี มีอะไรรึเปล่าครับ” “ก็หลานทั้งสามน่ะสิ พักนี้ไม่รู้เป็นอะไรไม่ค่อยสนใจพี่เลยพ่อเษม”บู่บอกน้องชาย กองพลก็ไปอยู่เหมืองไม่ยอมกลับมานอนบ้านทั้งๆ ที่ปกติมาค้างที่บ้านให้เห็นหน้าทุกวัน กองบินก็ไปฝรั่งเศสกว่าจะกลับก็เป็นอาทิตย์ แถมกลับมาก็ใช่จะกลับมาที่กำแพงเพชร เดี๋ยวก็อ้างงานที่กรุงเทพฯ ยุ่งเยอะอีก ส่วนไอ้หลานคนเล็ก กองทัพก็อยู่สระบุรี ไม่เข้าใจทำไมต้องไปมีธุรกิจที่นั่นด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ หลานชายของนางถึงต้องไปอยู่กันคนละที่ ส่วนไอ้คนโตว่าทำงานอยู่บ้านด้วย แต่พักนี้ทำตัวแปลก “พวกมันไม่สนใจ พี่ก็โทรหาพวกมันสิพี่บู่ จะรอให้พวกมั