บูรณิการ์มองเพื่อนของตัวเองเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกตรงหน้าแล้วก็ยิ้มแล้วหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มจิบเบาๆ พรุ่งนี้วันหยุดเลยรับนัดเพื่อนออกมาเที่ยว จริงๆ เธอมาเป็นคนขับรถให้เพื่อนมากกว่า เพราะตั้งแต่สมัยเรียนแล้วเธอมากับเพื่อนตลอด แต่ไม่เคยดื่มด้วยเพราะตัวเองคออ่อน เพื่อนๆ จึงให้เป็นคนขับรถ แต่เธอก็เอ็นจอยกับเพื่อนได้ถึงแม้ไม่ดื่ม มีแค่น้ำเปล่า น้ำหวานและกับแกล้มแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเธอ
เธอกินน้ำ กินกับแกล้มโยกตัวไปตามเสียงเพลงในผับแล้วก็ต้องหุบยิ้มร่าเริงเมื่อมีคนมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าตัวเอง เธอจำได้ดีว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นใคร แม้จะเจอแค่ครั้งเดียว แต่ก็จำได้ดี ยิ้มแบบนี้ ใบหน้าหล่อๆ แบบนี้มีแค่คนเดียวที่เธอเคยเจอ แล้วทำไมเขามาอยู่ตรงนี้ล่ะ
“เจอกันอีกแล้วคนสวย” กองทัพเอ่ยทักทายหญิงสาวที่ตนเห็นแวบแรกก็จำได้ทันทีว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตัวเองเจอเธอที่ไหน และก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้ามาทักทายคนตัวเล็ก
บูรณิการ์ทำหน้างง เพราะไม่ได้ยินคำพูดของคนตัวโตตรงหน้า ด้วยเสียงเพลงที่กำลังดังทำให้เธอส่ายหัวเป็นคำพูดว่าไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด กองทัพเห็นแบบนั้นก็เดินมายืนข้างเธอที่นั่งกับเก้าอี้แล้วก้มโน้มหน้าลงไปใกล้แก้มเนียนจนเธอต้องหดคอเบี่ยงตัวหลบ แต่ใบหน้าทรงเสน่ห์ก็ตามมา
“เจอกันอีกแล้วนะครับ” กองทัพเอ่ยกระซิบข้างแก้มเนียน และครั้งนี้บูรณิการ์ก็ได้ยินชัด เพราะเขาพูดใกล้หูนิดเดียว เสียงเพลงที่กำลังดังก้องในผับนั้นไม่ได้ดังเท่าคำพูดของคนตัวโตคนนี้เลยสักนิด
“คุณจำฉันได้” หากจะบอกว่าตนเองจำอีกฝ่ายไม่ได้ก็สายไปเสียแล้ว เพราะเธอมองเขาด้วยสายตาที่จำอีกฝ่ายได้
“แน่นอน ผมจำคุณได้และอยากเจอคุณอีกครั้งมาตลอด และคุณเองก็จำผมได้เหมือนกันใช่ไหมสาวน้อย” กองทัพตอบกลับและถามกลับ ก็คำพูดและสายตาของคนตัวเล็กนั้นบอกแทนคำพูดแล้วว่าจำตนได้
คำพูดที่ดังข้างหูทำให้ขนอ่อนในกายสาวลุกซู่ซ่าขึ้นอย่างประหลาด บูรณิการ์เองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองตอนนี้เหมือนกัน อยากจะเดินหนี แต่แข้งขาก็ไม่มีแรงจะขยับเดิน อย่าว่าแต่เดินขนาดจะยืนก็แทบทรงตัวไม่อยู่และเหมือนว่าคนตัวโตจะรู้ว่าเธอแข้งขาอ่อนจึงตวัดแขนโอบกอดเอวเล็กของเธอรั้งเข้าไปหาเขา
“คะ...คุณจะทำอะไรของคุณ”
“ก็คุณเหมือนจะล้มนี่ ถ้ายืนไม่มั่นคงก็นั่งดีกว่าไหมคนสวย” พูดจบเขาก็ยกอุ้มคนตัวเล็กในวงแขนขึ้นนั่งบนเก้าอี้ด้านหลังของเธอ จริงๆ อยากอุ้มกลับบ้านมากกว่าจะได้คุยกันแบบส่วนตัวและไม่มีเสียงเพลงรบกวน
“ปะ...ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ” บูรณิการ์ปัดแกะแขนแข็งแรงที่กอดโอบเอวตัวเองออก
“ให้ผมกอดไว้เถอะ ว่าแต่คุณชื่ออะไร ผมชื่อกองทัพ หรือจะเรียกว่าพี่เหิมก็ได้” เขาก้มหน้าพูดแนะนำตัวเองกับสาวน้อย
“ฉันชื่อบูรณิการ์ค่ะ” สาวน้อยบอกตอบกลับเสียงเบา แต่คนที่ก้มหน้าใกล้ได้ยินชัดเจนแม้เสียงเพลงในผับจะดังมากก็ตาม
“ชื่อเล่นล่ะ” กองทัพถามต่ออีก เพราะเขาอยากเรียกชื่อที่เป็นกันเองกับสาวน้อยในวงแขน
“บีบีค่ะ” ไม่มีเหตุผลที่เธอจะไม่บอกชื่อเล่นกับคนตัวโต
“น่ารัก พี่ชอบ” เขาบอกตอบกลับพร้อมเน้นทุกคำในประโยค
ตั้งแต่เล็กจนโตใช่ว่าจะไม่เคยโดนผู้ชายจีบ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกจู่โจมแบบนี้ทำเอาใจสาวน้อยหวั่นไหวเต้นไม่เป็นจังหวะ ก็คนที่พูดหน้าตาหล่อเข้มแบบนี้ เป็นใครจะใจนิ่งได้ล่ะ ยิ่งถูกเขาโอบกอดแนบชิดแบบนี้ด้วยและลมหายใจของบุรุษก็เป่ารดข้างแก้มเนียนก็ยิ่งทำให้ใจสั่นไหวเต้นผิดจังหวะและดังรัวขึ้นเรื่อยๆ
“ไปทำความรู้จักกันไหม” กองทัพเห็นสาวน้อยไร้เดียงสาก้มหน้าเขินอายตัวเองก็เอ่ยชวนเธอตรงๆ ว่าตนอยากทำความรู้จักคนตัวเล็ก
“รู้จักกันแค่นี้พอแล้วค่ะ” เธอตอบเขากลับ เพราะเธอรู้สึกว่าหากรู้จักมากกว่านี้ ตนเองไม่ปลอดภัยแน่นอน และเรื่องราวของกองทัพ เธอก็ได้ฟังมาจากเพื่อนที่โรงแรมด้วยกันแล้วว่าเป็นยังไง เป็นผู้ชายที่ใช้ผู้หญิงสิ้นเปลืองและก็ไม่เคยพาผู้หญิงคนเดิมกลับไปโรงแรมสักครั้ง ไปทีไรก็พาคนใหม่ไปตลอด
“คนสวยทำไมใจร้ายกับพี่เหิมแบบนี้ฮึ” เขาพูดตัดพ้อราวกับว่าสนิทกับคนตัวเล็กทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันครั้งที่สองเองและขยับตัวไปใกล้ชิดเธอกว่าเดิม แถมแขนก็กอดรัดเอวเล็กคอดแน่นขึ้น
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ” เธอขืนตัวเองออกจากวงแขนแข็งแรงจนเกือบจะหงายหลังตกเก้าอี้ที่นั่ง แต่ก็ยังมีแขนใหญ่ของบุรุษโอบกอดรั้งประคองไว้ด้านหลัง
“ถ้าปล่อยเราก็ตกเก้าอี้ ให้พี่กอดไว้เถอะ” กองทัพตีหน้ามึนตอบกลับไม่ยอมปล่อย แต่ยังใช้มืออีกข้างที่ว่างดึงลากเก้าอี้มานั่งข้างเบียดคนตัวเล็กและกอดกระชับเอวเล็กคอดแน่นกว่าเดิม
“คุณไม่ควรทำแบบนี้กับคนที่เพิ่งรู้จัก” เธอบอกเขาเสียงดุ
“ทำมากกว่านี้ก็ทำได้ ถ้าพี่เหิมจะทำกับบีบี”
“คนบ้ากาม!”
“บ้ากามต้องแบบนี้ อะ...อื้อ” แล้วกองทัพก็ปิดปากน้อยช่างเจรจาของบูรณิการ์ทันที ไม่ปล่อยโอกาสให้คนตัวเล็กได้พูดสวนกลับ
บูรณิการ์ไม่คิดว่ากองทัพจะจูบตัวเอง เป็นจูบแรกของตนด้วย เธอทุบตีอกแกร่ง เสียงเพลงในผับที่ดังตอนนี้มันไม่ได้มีผลกับเธอและเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมผละปากถอยหนี ยังใช้มือโอบเอวเล็กแน่นแล้วอีกมือรั้งท้ายทอยของเธอให้แหงนเงยขึ้นรองรับปากตน
“อะ...อื้อ” ผู้คนมากมายเดินผ่านไปมา เพราะในผับแห่งนี้ไม่มีใครเขาสนใจกันอยู่แล้ว ทุกคนต่างดื่มและเต้นสนุกกัน กองทัพยกอุ้มคนตัวเล็กขึ้นจากเก้าอี้บดจูบพาเดินออกจากกลุ่มผู้คนไปด้านนอกที่ลับตาคน เขาต้องการมากกว่าจูบหญิงสาว
บูรณิการ์ถูกยกอุ้มเดินผ่านผู้คนมา อยากจะเรียกให้เพื่อนๆ ช่วยตน แต่เพื่อนก็ไม่หันมาทางตนสักคน ทุกคนกำลังสนุกกับการเต้นจนไม่สนใจเธอที่นั่งอยู่และตอนนี้ถูกคนที่เพิ่งรู้จักอุ้มเดินออกมาข้างนอกและปากของเขาก็บดจูบเอาแต่ใจจนแทบจะขาดอากาศหายใจ
“อะ...อื้อ” กองทัพรู้ทันทีว่าตนเป็นจูบแรกของบูรณิการ์ เขาพึงพอใจกับความหวานของโพรงปากน้อยแล้วผละถอนปากหนาออกห่างปากน้อยให้เธอได้หายใจ
อือ!
เมื่อปากได้รับอิสระ เธอก็รีบหอบหายใจนำอากาศเข้าไปเลี้ยงปอดตัวเอง เกิดมาเพิ่งเคยโดนจูบและเป็นจูบที่อุกอาจเหลือเกิน และเมื่อมองเห็นทางที่เขาจะอุ้มตนเองไป
“หะ...ห้องน้ำ คุณพาฉันมาทำไมที่ห้องน้ำ” “ก็มาทำความรู้จักยังไงล่ะ” “หมายความว่ายังไง อือ...” เธอเอ่ยถามเสียงหอบเหนื่อยอย่างสงสัย เพราะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงในประโยคของบุรุษ “เดี๋ยวก็รู้เองว่ายังไง” แล้วกองทัพก็เปลี่ยนเป็นอุ้มเธอขึ้นพาดไหล่แล้วเดินผ่านผู้คนเข้าไปในห้องน้ำ ไม่สนใจว่าห้องน้ำจะมีคนอื่นมองมาทางตนและหญิงสาว “คุณพาฉันมาในห้องน้ำชายทำไม” “ก็มาทำความรู้จักไงบีบี”แล้วเขาก็พาเธอไปยังห้องน้ำที่ว่างอยู่ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำก็ปิดล็อกประตูแล้วปล่อยคนตัวเล็กยืนเอง แต่กักร่างเธอไว้กับผนังห้องน้ำป้องกันเธอหนีออกไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอุ้มผู้หญิงเข้าห้องน้ำชาย แต่ต่างกันที่ทุกคนยอมและเต็มใจที่จะตื่นเต้นไปกับตนเอง แต่กับสาวน้อยตรงหน้านี้ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจหวาดกลัว และนั่นมันทำให้เขารู้สึกอยากขย้ำแรงๆ ให้จมเขี้ยวฟัน อยากขบเม้มซอกคอระหง อยากขบเม้มริมฝีปากอ่อนนุ่มบางให้เกิดรอยราคี อยากกัดทุกซอกหลืบในร่างกายสาว “คุณมันบ้ากามอย่างที่ใครเขาพูดกันจริงๆ” “อยากรู้จักต้องสัมผัสเอง จะเชื่อคำพูดคนอื่นไม่ได้คนสวย เมื่อกี้จูบแรกส
อืม! เสียงครางแห่งความสุขดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนาพร้อมกับเปลือกตาของเขาปิดสนิท ตอนนี้นายกองทัพ สุปรีย์ หรือเหิม วัย 35 ย่าง 36 ปี น้องชายคนเล็กของตระกูลสุปรีย์กำลังมีความสุขกับการแช่อยู่ในออนเซ็นของโรงแรมหรู กองทัพเป็นลูกชายคนเล็กของนายเกษมกับนางนารี แม้ทั้งสองจะแยกทางกัน แต่ก็ยังคงความเป็นมิตรภาพที่ดีต่อกันและเป็นพ่อกับแม่ของลูกด้วยกัน พวกเขามีลูกชายด้วยกันสามคน ก่อนที่อดีตภรรยาจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้วพบรักกับหนุ่มต่างชาติแล้วเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่ นางเองก็มีลูกกับสามีใหม่สองคน แต่ก็ไม่เคยทอดทิ้งลูกชายที่มีกับนายเกษม กองพล กองบิน และกองทัพ แม้ทั้งสามจะเติบโตมาจากครอบครัวที่แตกแยก แต่ทั้งสามคนก็ไม่เคยขาดความอบอุ่น ลูกชายทั้งสามมีพ่อ มีแม่และมีป้าที่รักและคอยซัพพอร์ตตลอด ไม่ว่าจะมีปัญหาหรือเจอกับเรื่องอะไร ทั้งสามก็ผ่านมันไปได้ ไม่ว่าจะหนักหรือลำบากมากแค่ไหน “อ่า...นั่นแหละ ดีมาก อ่า...” กองทัพครางอู้อี้แอ่นเด้งเร่ายกเอวสอบขึ้นรับปากน้อยของหญิงสาวที่จมหายอยู่ใต้น้ำซุกกลางหว่างขาตัวเองที่กำลังนั่งแช่ตัวในอ่างอาบน้ำของโรงแรมหรูใจกลางเมืองของจังหวัดราชบุรีที่ตนเพิ่งม
อุ๊ย! “ขอโทษนะคะ” เสียงเล็กหวานเอ่ยขอโทษทันทีแม้ตัวเองจะไม่ใช่คนผิด แต่ตัวเองเป็นพนักงานต้อนรับของโรงแรมแห่งนี้จึงต้องเป็นฝ่ายขอโทษก่อน เพราะลูกค้าเป็นฝ่ายถูกเสมอ “ไม่เป็นไรครับ” แม้จะหงุดหงิดอยู่บ้างที่พนักงานสาวเดินชนตัวเองจนทำให้โทรศัพท์ในมือตกลงพื้น แต่พอเห็นใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มแล้วก็ทำให้ความโกรธไม่พอใจเลือนหายไป เธอกำลังจะเดินเข้าลิฟต์และเขากำลังเดินออกมาจากลิฟต์ ระหว่างจังหวะจะเดินสวนกันนั้น เธอไม่ได้ระวังจนทำให้ชนกับเขาเต็มๆ “แต่มือถือของคุณลูกค้า” “เล็กน้อยน่ะ ผมซื้อใหม่ได้” เขาบอกเธอพร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์และมองสำรวจร่างเล็กเพรียวระหงในชุดฟอร์มพนักงานแล้วก็พยักหน้ายิ้มกริ่มพึงพอใจในอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจของเขาก็เหมือนจะทำงานหนักขึ้นมาทันทีทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ทำงานหนักตอนอยู่ในห้องกับคู่ควงชั่วคราวไปแล้ว “กลับแล้วนะคะคุณกองทัพ” พนักงานสาวยังไม่ทันได้ตอบ เสียงเล็กดัดจริตของจินนี่ก็แทรกขึ้น ก่อนจะเดินจากไปหล่อนก็เดินมาเขย่งเท้าขึ้นจุ๊บซอกคอหนา ไม่สนใจว่าจะเป็นที่สาธารณะ “ขอบคุณสำหรับเมื่อคืน” กองทัพยิ้มกริ่มให้หล่อนที่เดินจ
“หะ...ห้องน้ำ คุณพาฉันมาทำไมที่ห้องน้ำ” “ก็มาทำความรู้จักยังไงล่ะ” “หมายความว่ายังไง อือ...” เธอเอ่ยถามเสียงหอบเหนื่อยอย่างสงสัย เพราะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงในประโยคของบุรุษ “เดี๋ยวก็รู้เองว่ายังไง” แล้วกองทัพก็เปลี่ยนเป็นอุ้มเธอขึ้นพาดไหล่แล้วเดินผ่านผู้คนเข้าไปในห้องน้ำ ไม่สนใจว่าห้องน้ำจะมีคนอื่นมองมาทางตนและหญิงสาว “คุณพาฉันมาในห้องน้ำชายทำไม” “ก็มาทำความรู้จักไงบีบี”แล้วเขาก็พาเธอไปยังห้องน้ำที่ว่างอยู่ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำก็ปิดล็อกประตูแล้วปล่อยคนตัวเล็กยืนเอง แต่กักร่างเธอไว้กับผนังห้องน้ำป้องกันเธอหนีออกไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอุ้มผู้หญิงเข้าห้องน้ำชาย แต่ต่างกันที่ทุกคนยอมและเต็มใจที่จะตื่นเต้นไปกับตนเอง แต่กับสาวน้อยตรงหน้านี้ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจหวาดกลัว และนั่นมันทำให้เขารู้สึกอยากขย้ำแรงๆ ให้จมเขี้ยวฟัน อยากขบเม้มซอกคอระหง อยากขบเม้มริมฝีปากอ่อนนุ่มบางให้เกิดรอยราคี อยากกัดทุกซอกหลืบในร่างกายสาว “คุณมันบ้ากามอย่างที่ใครเขาพูดกันจริงๆ” “อยากรู้จักต้องสัมผัสเอง จะเชื่อคำพูดคนอื่นไม่ได้คนสวย เมื่อกี้จูบแรกส
บูรณิการ์มองเพื่อนของตัวเองเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกตรงหน้าแล้วก็ยิ้มแล้วหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มจิบเบาๆ พรุ่งนี้วันหยุดเลยรับนัดเพื่อนออกมาเที่ยว จริงๆ เธอมาเป็นคนขับรถให้เพื่อนมากกว่า เพราะตั้งแต่สมัยเรียนแล้วเธอมากับเพื่อนตลอด แต่ไม่เคยดื่มด้วยเพราะตัวเองคออ่อน เพื่อนๆ จึงให้เป็นคนขับรถ แต่เธอก็เอ็นจอยกับเพื่อนได้ถึงแม้ไม่ดื่ม มีแค่น้ำเปล่า น้ำหวานและกับแกล้มแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเธอ เธอกินน้ำ กินกับแกล้มโยกตัวไปตามเสียงเพลงในผับแล้วก็ต้องหุบยิ้มร่าเริงเมื่อมีคนมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าตัวเอง เธอจำได้ดีว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นใคร แม้จะเจอแค่ครั้งเดียว แต่ก็จำได้ดี ยิ้มแบบนี้ ใบหน้าหล่อๆ แบบนี้มีแค่คนเดียวที่เธอเคยเจอ แล้วทำไมเขามาอยู่ตรงนี้ล่ะ “เจอกันอีกแล้วคนสวย” กองทัพเอ่ยทักทายหญิงสาวที่ตนเห็นแวบแรกก็จำได้ทันทีว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตัวเองเจอเธอที่ไหน และก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้ามาทักทายคนตัวเล็ก บูรณิการ์ทำหน้างง เพราะไม่ได้ยินคำพูดของคนตัวโตตรงหน้า ด้วยเสียงเพลงที่กำลังดังทำให้เธอส่ายหัวเป็นคำพูดว่าไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด กองทัพเห็นแบบนั้นก็เดินมายืนข้างเธอที่นั่งกับ
อุ๊ย! “ขอโทษนะคะ” เสียงเล็กหวานเอ่ยขอโทษทันทีแม้ตัวเองจะไม่ใช่คนผิด แต่ตัวเองเป็นพนักงานต้อนรับของโรงแรมแห่งนี้จึงต้องเป็นฝ่ายขอโทษก่อน เพราะลูกค้าเป็นฝ่ายถูกเสมอ “ไม่เป็นไรครับ” แม้จะหงุดหงิดอยู่บ้างที่พนักงานสาวเดินชนตัวเองจนทำให้โทรศัพท์ในมือตกลงพื้น แต่พอเห็นใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มแล้วก็ทำให้ความโกรธไม่พอใจเลือนหายไป เธอกำลังจะเดินเข้าลิฟต์และเขากำลังเดินออกมาจากลิฟต์ ระหว่างจังหวะจะเดินสวนกันนั้น เธอไม่ได้ระวังจนทำให้ชนกับเขาเต็มๆ “แต่มือถือของคุณลูกค้า” “เล็กน้อยน่ะ ผมซื้อใหม่ได้” เขาบอกเธอพร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์และมองสำรวจร่างเล็กเพรียวระหงในชุดฟอร์มพนักงานแล้วก็พยักหน้ายิ้มกริ่มพึงพอใจในอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจของเขาก็เหมือนจะทำงานหนักขึ้นมาทันทีทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ทำงานหนักตอนอยู่ในห้องกับคู่ควงชั่วคราวไปแล้ว “กลับแล้วนะคะคุณกองทัพ” พนักงานสาวยังไม่ทันได้ตอบ เสียงเล็กดัดจริตของจินนี่ก็แทรกขึ้น ก่อนจะเดินจากไปหล่อนก็เดินมาเขย่งเท้าขึ้นจุ๊บซอกคอหนา ไม่สนใจว่าจะเป็นที่สาธารณะ “ขอบคุณสำหรับเมื่อคืน” กองทัพยิ้มกริ่มให้หล่อนที่เดินจ
อืม! เสียงครางแห่งความสุขดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนาพร้อมกับเปลือกตาของเขาปิดสนิท ตอนนี้นายกองทัพ สุปรีย์ หรือเหิม วัย 35 ย่าง 36 ปี น้องชายคนเล็กของตระกูลสุปรีย์กำลังมีความสุขกับการแช่อยู่ในออนเซ็นของโรงแรมหรู กองทัพเป็นลูกชายคนเล็กของนายเกษมกับนางนารี แม้ทั้งสองจะแยกทางกัน แต่ก็ยังคงความเป็นมิตรภาพที่ดีต่อกันและเป็นพ่อกับแม่ของลูกด้วยกัน พวกเขามีลูกชายด้วยกันสามคน ก่อนที่อดีตภรรยาจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้วพบรักกับหนุ่มต่างชาติแล้วเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่ นางเองก็มีลูกกับสามีใหม่สองคน แต่ก็ไม่เคยทอดทิ้งลูกชายที่มีกับนายเกษม กองพล กองบิน และกองทัพ แม้ทั้งสามจะเติบโตมาจากครอบครัวที่แตกแยก แต่ทั้งสามคนก็ไม่เคยขาดความอบอุ่น ลูกชายทั้งสามมีพ่อ มีแม่และมีป้าที่รักและคอยซัพพอร์ตตลอด ไม่ว่าจะมีปัญหาหรือเจอกับเรื่องอะไร ทั้งสามก็ผ่านมันไปได้ ไม่ว่าจะหนักหรือลำบากมากแค่ไหน “อ่า...นั่นแหละ ดีมาก อ่า...” กองทัพครางอู้อี้แอ่นเด้งเร่ายกเอวสอบขึ้นรับปากน้อยของหญิงสาวที่จมหายอยู่ใต้น้ำซุกกลางหว่างขาตัวเองที่กำลังนั่งแช่ตัวในอ่างอาบน้ำของโรงแรมหรูใจกลางเมืองของจังหวัดราชบุรีที่ตนเพิ่งม