ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
กองทัพกำลังนอนกอดคนตัวเล็กหลับฝันหวานก็ต้องตื่นขึ้นมารีบกดรับโทรศัพท์เมื่อตอนเช้ามืด เพราะถ้าช้ากว่านี้เธอจะตื่น แต่จะว่าไปคนหลับลึกขี้เซาอย่างบูรณิการ์ไม่น่าตื่นถึงโทรศัพท์จะสั่นเตือนเสียงดังนานแค่ไหนก็ตาม แต่ก็เป็นเขาเองนั่นแหละรำคาญจนต้องลุกขึ้นมาคว้าหยิบโทรศัพท์ที่วางบนหัวเตียงมากดรับสายพร้อมกรอกเสียงห้วนส่งไปในสายบอกถึงอารมณ์ตัวเองในตอนนี้
“มีอะไรของมึงไอ้พี่หิน?”
“เหมือนอารมณ์ไม่ดีที่กูโทรหา”
“มึงแหกตาดูเวลามั่งว่ามันกี่โมงที่มึงโทรมา”
“ตีห้า”
“แล้วมึงคิดว่ากูต้องดีใจไหมที่มึงโทปลุกแต่เช้าไอ้พี่หิน”
“แน่ใจว่าปลุก ไม่ได้รบกวนเวลามึงกับอีหนูที่ไหน” กองพลตอบกวนกลับมา
“ให้ตายสิวะ!” กองทัพเดินวนไปวนมาในห้องทำงานของตัวเองด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านใจ ก็ตั้งแต่วันนั้นจนตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอหน้าของบูรณิการ์ ใช่ว่าจะไม่ได้ไปที่โรงแรม เขาไปแทบทุกวัน แต่ไม่ได้หิ้วพาสาวไหนไปด้วย เขาไปนอนค้างที่นั่น จากที่เช่าไว้นอนเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น แต่ตอนนี้ต้องไปทุกวันเพื่อที่จะได้เจอกับบูรณิการ์ เพราะหญิงสาวทำงานที่นั่น ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “เข้ามา!” เสียงเข้มห้วนอนุญาตคนที่หน้าประตูให้เข้ามาในห้องได้ แอค! ชายเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารหลายเล่มที่หอบมาด้วย “มีเอกสารมาให้คุณกองทัพเซ็นครับ” ชายเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของเจ้านายหนุ่มเมื่อเจ้านายเดินไปทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ทำงานป
บูรณิการ์หนีมาหลบในห้องน้ำหวังให้กองทัพจากไป เธอหลบซ่อนตัวในห้องน้ำนานเกือบสิบนาทีจนมั่นใจว่ากองทัพน่าจะไปจากหน้าเคาน์เตอร์แล้วจึงเปิดประตูห้องน้ำออกมาส่องกระจกเช็กดูความเรียบร้อยตัวเองก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่พอเดินผ่านประตูออกมาก็ต้องหยุดเท้าที่เดิน เมื่อเสียงทุ้มเข้มคุ้นหูดังขึ้น “รอตั้งนาน” “คุณกองทัพ!” “เลิกเรียกห่างเหินสักทีบีบี ผัวง่วงจะตายแล้ว” แล้วเขาก็ฉวยโอกาสจับข้อมือเล็กดึงลากให้เดินตามตัวเอง ไม่สนใจว่าเธอจะขืนตัวจิกเท้าต้านแรงตัวเอง แต่มีหรือเรี่ยวแรงของเธอจะสู้เรี่ยวแรงช้างศึกอย่างตน “ปล่อยฉันคุณกองทัพ!” เธอสั่งเขาเมื่อถูกดึงลากมาหยุดยืนที่หน้าลิฟต์โดยสารท่ามกลางสายตาเพื่อนร่วมงานในโรงแรมที่อยู่ประจำกะดึกวันนี้กับตนเอง “ปล่อยเธอก็หนีพี่น่ะสิบีบี ถ้าไม่อยากอายคนไปมากกว่านี้ก็ยอมไปกับพี่เหิมดีๆ ไม่
เกษมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ จิบน้ำชาหลังทานมื้อเช้าอิ่มแล้วพี่สาวก็เดินถือถาดผลไม้เข้ามาในห้องนั่งเล่นนั่งลงโซฟาตัวยาวอีกตัวที่อยู่ถัดทางขวามือของตัวที่ตนนั่ง เกษมปิดหนังสือพิมพ์แล้วพับหนังสือพิมพ์แล้ววางลงบนโต๊ะกลางโซฟาตรงหน้าแล้วหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นจิบดื่ม “สีหน้าพี่บู่ไม่ค่อยดี มีอะไรรึเปล่าครับ” “ก็หลานทั้งสามน่ะสิ พักนี้ไม่รู้เป็นอะไรไม่ค่อยสนใจพี่เลยพ่อเษม”บู่บอกน้องชาย กองพลก็ไปอยู่เหมืองไม่ยอมกลับมานอนบ้านทั้งๆ ที่ปกติมาค้างที่บ้านให้เห็นหน้าทุกวัน กองบินก็ไปฝรั่งเศสกว่าจะกลับก็เป็นอาทิตย์ แถมกลับมาก็ใช่จะกลับมาที่กำแพงเพชร เดี๋ยวก็อ้างงานที่กรุงเทพฯ ยุ่งเยอะอีก ส่วนไอ้หลานคนเล็ก กองทัพก็อยู่สระบุรี ไม่เข้าใจทำไมต้องไปมีธุรกิจที่นั่นด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ หลานชายของนางถึงต้องไปอยู่กันคนละที่ ส่วนไอ้คนโตว่าทำงานอยู่บ้านด้วย แต่พักนี้ทำตัวแปลก “พวกมันไม่สนใจ พี่ก็โทรหาพวกมันสิพี่บู่ จะรอให้พวกมั
หากกองทัพไม่ได้ถาม เธอก็ลืมไปเลยว่าตั้งแต่เดือนที่แล้วประจำเดือนของตนนั้นเลื่อน จนมาเดือนนี้ก็ยังไม่มา ทำให้ต้องแวะร้านขายยาซื้อที่ทดสอบการตั้งครรภ์มาตรวจขณะเดินทางมาทำงานในช่วงกะเช้า อาทิตย์นี้เธอทำงานกะเช้ายาวจนถึงสิ้นเดือน ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! มีสายเรียกเข้า เธอจึงหยุดเดินขณะจะเดินไปห้องน้ำแล้วล้วงกระเป๋าสะพายตัวเองหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นสมทรง เพื่อนสนิทของตน “บีบีเสาร์ว่างไหม?” สมทรงกรอกเสียงที่พยายามดัดให้เล็กส่งมาในสายที่บูรณิการ์กดรับ “เดี๋ยวบอกอีกทีแล้วกันสมทรงว่าว่างไหม”เธอยังไม่พร้อมจะเจอเพื่อนๆ ตอนนี้เพราะครั้งที่แล้วเพื่อนๆ ก็ซักเรื่องที่เธอถูกผู้ชายอุ้มออกจากผับแล้วหายไปด้วยกันทั้งคืน จนตอนนี้เธอก็ยังบอกเพื่อนๆ ไม่ได้ เพราะอายที่จะเล่าเรื่องของตัวเอง ทั้งๆ ที่ปกติมีเรื่องอะไร ปัญหาอะไรจะเล่าให้สมทรง นิภา
บูรณิการ์เตรียมซองขาวไว้ลาออกติดกระเป๋าไว้ตลอดมาสักพักแล้ว พอรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตั้งครรภ์ลูกของคนถ่อย เธอก็นำซองขาวมายื่นที่ฝ่ายบุคคลก่อนจะกลับบ้านทันที จากที่ว่าจะยื่นลาออกตอนสิ้นเดือนนี้ แต่ตอนนี้คงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว กองทัพก็เห็นที่ตรวจครรภ์แล้ว พอยื่นจดหมายลาออกเสร็จก็กลับบ้านของตัวเองทันที พอมาถึงบ้านก็เจอกับพ่อและแม่ที่เลิกงานกลับมาก่อนตัวเอง เธอก็บอกท่านทั้งสองว่าตัวเองได้ลาออกจากที่ทำงานแล้วและพร้อมจะไปทำงานช่วยคุณอาที่นครปฐม “แน่ใจแล้วเหรอลูก?” ผู้ว่าบันลือถามลูกสาว เพราะคุยกันครั้งก่อนยังไม่มีแววว่าจะลาออก แต่อยู่ๆ วันนี้ก็มาบอกว่าลาออกแล้ว “ค่ะพ่อ บีบีจะไปช่วยงานคุณอาค่ะ” เธอบอกท่านทั้งสองเสียงหนักแน่น “ลูกตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมลูก ไม่ใช่ตัดสินใจเพราะอารมณ์ชั่ววูบใช่ไหมบีบี” ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม เพราะสังเกตเห็นตาที่แดงก่ำของลูกสาวเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มายังไงไม่รู้&n
บัวบูชากับอำนาจมองหลานสาวที่ตนเองรักเหมือนลูกสาวแท้ๆ เพราะทั้งสองแต่งงานอยู่กินด้วยกันมานานยี่สิบปีก็ไม่มีโซ่ท้องคล้องใจ แต่ก็มีหลานสาวและหลานชายลูกพี่ชายมาให้ได้ชื่นใจ และตอนนี้บูรณิการ์ก็มาอยู่ด้วยที่นครปฐม มาช่วยงานที่ร้านทองกิจการของตนและสามีและช่วยจัดการบริหารระบบของตลาดสดให้ใหม่ “คุณว่าหนูบีบีดูซึมๆ ไหมคะ” บัวบูชาถามสามีพร้อมกับมองไปทางหลานสาวที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ในสวนหลังบ้านในตอนเช้า “ผมสังเกตตั้งแต่วันแรกที่หลานมาถึงที่นี่แล้วแหละบัว แล้วบัวได้โทรถามพี่บันลือและพี่จิตตรารึยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมหนูบีบีถึงตัดสินใจลาออกจากงานที่ชอบแล้วมาอยู่ช่วยงานเราที่นี่” อำนาจเอ่ยกับภรรยา “บัวโทรไปถามพี่บันลือแล้วค่ะ แต่พี่บันลือก็ไม่รู้เรื่องอะไร ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของหนูบีบีเอง อีกอย่างพี่บันลือก็บอกว่าให้หนูบีบีพูดเอง เราอย่าไปเซ้าซี้เดี๋ยวจะทำให้บีบีเกิดความเครียดได้ค่ะ” บัวบูชาบอกสามี&n
ตอนนี้เขาตามหาบูรณิการ์เจอแล้ว จากที่ใช้เวลามาอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้พี่ชายทั้งสองก็ประสบปัญหาหัวใจพร้อมกับตนเองและทั้งสองก็ ‘เมีย’ อุ้มท้องหนีไปเหมือนกันกับตน แต่ทุกคนสมหวังกันแล้ว มีความสุขกับพี่สะใภ้แล้ว เหลือแต่เขาที่ยังคงตามง้อบูรณิการ์อยู่ เขาอิจฉาพี่ชายทั้งสองเหลือเกินที่พี่สะใภ้ยอมให้อภัยแล้ว เหลือแต่ตัวเองนี่แหละที่ต้องมานั่งดื่มย้อมใจทุกวันในห้องของโรงแรมที่เคยเป็นสวรรค์ของตนและบูรณิการ์ ห้องนี้แหละที่ทำให้เขาและเธอได้มีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! “ครับแม่” เมื่อเห็นว่าเป็นแม่โทรมา เขาจึงรีบรับ ไม่อยากให้ท่านรอนาน “อยู่ไหนน้องเหิม ตอนนี้แม่กับพ่ออยู่บ้านนะลูก” นารีเอ่ยถามลูกชายคนเล็ก นางได้อยู่ยาวตั้งแต่กองพลโดนยิงอาการสาหัสและมีเรื่องวุ่นวายต่อให้จัดการจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับไปหาสามีและลูกที่ต่างประเทศ โชคดีที่พวกเขาเข้าใจนางว่าลูกชายทั้งสาม
นารีกับเกษมพาลูกชายมาบ้านของผู้ว่าบันลือและครูจิตตราตั้งแต่เช้า มาถึงก็แนะนำตัวพร้อมบอกเจ้าบ้านว่าตนทั้งสามมาที่บ้านของทั้งสองในเช้าวันอาทิตย์นี้ทำไม เจ้าบ้านทั้งสองพอได้ยินเรื่องราวจากปากของกองทัพแล้วก็พากันเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงด้วยความโกรธและไม่พอใจที่ชายหนุ่มทำลายศักดิ์ศรีลูกสาวตนเองและยิ่งได้รู้ว่าตอนนี้บูรณิการ์กำลังตั้งครรภ์ก็ยิ่งโกรธ ทำให้คนที่เดินผ่านมาได้ยินพอดีอย่างบรรณวิช์เดินเข้ามากระชากคอเสื้อของกองทัพขึ้นแล้วอัดหมัดหนักๆ เข้าหน้าอีกฝ่ายเต็มแรงด้วยความโกรธ โดยที่พ่อกับแม่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ตุ้บ! โอ๊ย! กองทัพโดนหมัดของพี่ชายบูรณิการ์จนหน้าหัน โหนกแก้มแตก แม้จะไม่พอใจอยากจะสวนกลับ แต่ก็ได้แต่เม้มปากกำมือแน่น เพราะยังไงตัวเองก็เป็นคนผิดและสมควรโดนแบบนี้แล้ว “มึงทำน้อ
เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง ตอนนี้ลูกชายอายุได้สองขวบแล้ว เด็กชายทัพฟ้า สุปรีย์ หรือน้องบูม และกำลังจะเป็นพี่ชาย เพราะอีกสองเดือนเธอก็จะคลอดลูกคนที่สอง ใครจะคิดว่าชีวิตหลังแต่งงานกับกองทัพของเธอจะมีความสุขขนาดนี้ และเธอไม่อยากเชื่อว่าเสือผู้หญิงอย่างเขาจะจมปลักรักเธอแค่คนเดียว แต่ทุกอย่างมันก็พิสูจน์แล้วว่าเขา ‘รัก’ เธอและมีเธอแค่คนเดียวได้จริงๆ “ยิ้มอะไรอยู่ฮึทูนหัว” กองทัพที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเดินเข้ามาหาภรรยาที่กำลังทำมื้อเย็นในครัว ส่วนลูกชายอยู่กับคุณตา คุณยายและคุณลุงที่สนามเด็กเล่น “มีความสุขค่ะ อีกอย่างบีบีก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเราสองคนจะรักกัน” “เชื่อเถอะ ท้องสองแล้วนะ แล้ววันหยุดนี้เพื่อนของบีบีจะมากินข้าวที่บ้านด้วยกันไหม” กองทัพถามภรรยาพร้อมปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตแล้วพับขึ้นถึงข้อศอก อีกข้างก็ทำเช่นเดียวกัน&nb
พอตากลับมามองเห็นเป็นปกติ กองทัพก็ได้เห็นว่าตอนนี้บูรณิการ์ท้องแก่มากแล้ว และเขาเองก็มีความต้องการเหมือนกัน ตั้งนานแล้วแทบจะลงแดงตาย พอกลับมาถึงบ้าน เขาก็ไม่รอช้าจะอุ้มร่างอวบอิ่มของแม่ของลูกไปยังเตียงนอนนุ่มของตัวเองที่เคยพาบูรณิการ์มานอน “อือ...พี่เหิมอะไรกันคะเนี่ย” “ไม่อะไรแล้วทูนหัว บีบีก็รู้ว่าพี่เหิมเป็นคน ‘เซ็กซ์’ จัดแค่ไหนและก็รู้ว่าพี่เหิมต้องการเรามากแค่ไหนตอนตายังไม่เปิด” “แต่มันกลางวันอยู่นะคะ คุณพ่อ คุณแม่และพี่ชายของพี่เหิมทั้งสองก็อยู่ด้วย” “พวกเขาเข้าใจ ให้พี่เถอะนะ” แล้วเขาก็วางร่างอวบอิ่มที่อุ้มมานอนราบไปกับเตียง “แต่บีบีอายนะคะ” “มีอะไรต้องอายกันบีบี เราเป็นผัวเมียกันนะ พรุ่งนี้เราก็จะไปจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”&nbs
นานหลายชั่วโมงกว่ากองทัพจะถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดตาเสร็จ หมอบอกว่าเขาจะกลับมามองเห็นได้ปกติ แต่ตอนนี้ให้ทุกคนช่วยดูแลคนป่วยก่อน บูรณิการ์มองคนที่นอนหลับบนเตียงพักฟื้นมีผ้าสีขาวพันที่แขนและที่ตา ยิ่งมองเขานอนนิ่งก็ยิ่งเจ็บปวดและกลัว กลัวว่าเขาจะจากไป โชคดีที่เขายังมีลมหายใจ มือน้อยยกขึ้นปาดป้ายเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มทิ้ง อึก! “ฉันไม่อยากให้คุณตาย ห้ามตายนะ ฮือ...” เธอรู้สึกผิดและเสียใจกับคำพูดตัวเองก่อนหน้านี้ที่พูดกับกองทัพที่บ้าน และคิดว่าเพราะตัวเอง กองทัพถึงเกิดอุบัติเหตุ “พี่เขาปลอดภัยแล้วลูก ไม่ต้องร้องนะหนูบีบี” นารีโอบกอดว่าที่สะใภ้คนเล็กของตัวเองที่กำลังยืนร้องไห้สะอื้นอยู่ข้างเตียง “เพราะหนู เพราะหนูพูดแบบนั้นกับเขา เขาถึงเป็นแบบนี้ อึก! ฮือ...” “ไม่เก
นารีกับเกษมพาลูกชายมาบ้านของผู้ว่าบันลือและครูจิตตราตั้งแต่เช้า มาถึงก็แนะนำตัวพร้อมบอกเจ้าบ้านว่าตนทั้งสามมาที่บ้านของทั้งสองในเช้าวันอาทิตย์นี้ทำไม เจ้าบ้านทั้งสองพอได้ยินเรื่องราวจากปากของกองทัพแล้วก็พากันเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงด้วยความโกรธและไม่พอใจที่ชายหนุ่มทำลายศักดิ์ศรีลูกสาวตนเองและยิ่งได้รู้ว่าตอนนี้บูรณิการ์กำลังตั้งครรภ์ก็ยิ่งโกรธ ทำให้คนที่เดินผ่านมาได้ยินพอดีอย่างบรรณวิช์เดินเข้ามากระชากคอเสื้อของกองทัพขึ้นแล้วอัดหมัดหนักๆ เข้าหน้าอีกฝ่ายเต็มแรงด้วยความโกรธ โดยที่พ่อกับแม่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ตุ้บ! โอ๊ย! กองทัพโดนหมัดของพี่ชายบูรณิการ์จนหน้าหัน โหนกแก้มแตก แม้จะไม่พอใจอยากจะสวนกลับ แต่ก็ได้แต่เม้มปากกำมือแน่น เพราะยังไงตัวเองก็เป็นคนผิดและสมควรโดนแบบนี้แล้ว “มึงทำน้อ
ตอนนี้เขาตามหาบูรณิการ์เจอแล้ว จากที่ใช้เวลามาอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้พี่ชายทั้งสองก็ประสบปัญหาหัวใจพร้อมกับตนเองและทั้งสองก็ ‘เมีย’ อุ้มท้องหนีไปเหมือนกันกับตน แต่ทุกคนสมหวังกันแล้ว มีความสุขกับพี่สะใภ้แล้ว เหลือแต่เขาที่ยังคงตามง้อบูรณิการ์อยู่ เขาอิจฉาพี่ชายทั้งสองเหลือเกินที่พี่สะใภ้ยอมให้อภัยแล้ว เหลือแต่ตัวเองนี่แหละที่ต้องมานั่งดื่มย้อมใจทุกวันในห้องของโรงแรมที่เคยเป็นสวรรค์ของตนและบูรณิการ์ ห้องนี้แหละที่ทำให้เขาและเธอได้มีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! “ครับแม่” เมื่อเห็นว่าเป็นแม่โทรมา เขาจึงรีบรับ ไม่อยากให้ท่านรอนาน “อยู่ไหนน้องเหิม ตอนนี้แม่กับพ่ออยู่บ้านนะลูก” นารีเอ่ยถามลูกชายคนเล็ก นางได้อยู่ยาวตั้งแต่กองพลโดนยิงอาการสาหัสและมีเรื่องวุ่นวายต่อให้จัดการจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับไปหาสามีและลูกที่ต่างประเทศ โชคดีที่พวกเขาเข้าใจนางว่าลูกชายทั้งสาม
บัวบูชากับอำนาจมองหลานสาวที่ตนเองรักเหมือนลูกสาวแท้ๆ เพราะทั้งสองแต่งงานอยู่กินด้วยกันมานานยี่สิบปีก็ไม่มีโซ่ท้องคล้องใจ แต่ก็มีหลานสาวและหลานชายลูกพี่ชายมาให้ได้ชื่นใจ และตอนนี้บูรณิการ์ก็มาอยู่ด้วยที่นครปฐม มาช่วยงานที่ร้านทองกิจการของตนและสามีและช่วยจัดการบริหารระบบของตลาดสดให้ใหม่ “คุณว่าหนูบีบีดูซึมๆ ไหมคะ” บัวบูชาถามสามีพร้อมกับมองไปทางหลานสาวที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ในสวนหลังบ้านในตอนเช้า “ผมสังเกตตั้งแต่วันแรกที่หลานมาถึงที่นี่แล้วแหละบัว แล้วบัวได้โทรถามพี่บันลือและพี่จิตตรารึยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมหนูบีบีถึงตัดสินใจลาออกจากงานที่ชอบแล้วมาอยู่ช่วยงานเราที่นี่” อำนาจเอ่ยกับภรรยา “บัวโทรไปถามพี่บันลือแล้วค่ะ แต่พี่บันลือก็ไม่รู้เรื่องอะไร ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของหนูบีบีเอง อีกอย่างพี่บันลือก็บอกว่าให้หนูบีบีพูดเอง เราอย่าไปเซ้าซี้เดี๋ยวจะทำให้บีบีเกิดความเครียดได้ค่ะ” บัวบูชาบอกสามี&n
บูรณิการ์เตรียมซองขาวไว้ลาออกติดกระเป๋าไว้ตลอดมาสักพักแล้ว พอรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตั้งครรภ์ลูกของคนถ่อย เธอก็นำซองขาวมายื่นที่ฝ่ายบุคคลก่อนจะกลับบ้านทันที จากที่ว่าจะยื่นลาออกตอนสิ้นเดือนนี้ แต่ตอนนี้คงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว กองทัพก็เห็นที่ตรวจครรภ์แล้ว พอยื่นจดหมายลาออกเสร็จก็กลับบ้านของตัวเองทันที พอมาถึงบ้านก็เจอกับพ่อและแม่ที่เลิกงานกลับมาก่อนตัวเอง เธอก็บอกท่านทั้งสองว่าตัวเองได้ลาออกจากที่ทำงานแล้วและพร้อมจะไปทำงานช่วยคุณอาที่นครปฐม “แน่ใจแล้วเหรอลูก?” ผู้ว่าบันลือถามลูกสาว เพราะคุยกันครั้งก่อนยังไม่มีแววว่าจะลาออก แต่อยู่ๆ วันนี้ก็มาบอกว่าลาออกแล้ว “ค่ะพ่อ บีบีจะไปช่วยงานคุณอาค่ะ” เธอบอกท่านทั้งสองเสียงหนักแน่น “ลูกตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมลูก ไม่ใช่ตัดสินใจเพราะอารมณ์ชั่ววูบใช่ไหมบีบี” ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม เพราะสังเกตเห็นตาที่แดงก่ำของลูกสาวเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มายังไงไม่รู้&n
หากกองทัพไม่ได้ถาม เธอก็ลืมไปเลยว่าตั้งแต่เดือนที่แล้วประจำเดือนของตนนั้นเลื่อน จนมาเดือนนี้ก็ยังไม่มา ทำให้ต้องแวะร้านขายยาซื้อที่ทดสอบการตั้งครรภ์มาตรวจขณะเดินทางมาทำงานในช่วงกะเช้า อาทิตย์นี้เธอทำงานกะเช้ายาวจนถึงสิ้นเดือน ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! มีสายเรียกเข้า เธอจึงหยุดเดินขณะจะเดินไปห้องน้ำแล้วล้วงกระเป๋าสะพายตัวเองหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นสมทรง เพื่อนสนิทของตน “บีบีเสาร์ว่างไหม?” สมทรงกรอกเสียงที่พยายามดัดให้เล็กส่งมาในสายที่บูรณิการ์กดรับ “เดี๋ยวบอกอีกทีแล้วกันสมทรงว่าว่างไหม”เธอยังไม่พร้อมจะเจอเพื่อนๆ ตอนนี้เพราะครั้งที่แล้วเพื่อนๆ ก็ซักเรื่องที่เธอถูกผู้ชายอุ้มออกจากผับแล้วหายไปด้วยกันทั้งคืน จนตอนนี้เธอก็ยังบอกเพื่อนๆ ไม่ได้ เพราะอายที่จะเล่าเรื่องของตัวเอง ทั้งๆ ที่ปกติมีเรื่องอะไร ปัญหาอะไรจะเล่าให้สมทรง นิภา
เกษมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ จิบน้ำชาหลังทานมื้อเช้าอิ่มแล้วพี่สาวก็เดินถือถาดผลไม้เข้ามาในห้องนั่งเล่นนั่งลงโซฟาตัวยาวอีกตัวที่อยู่ถัดทางขวามือของตัวที่ตนนั่ง เกษมปิดหนังสือพิมพ์แล้วพับหนังสือพิมพ์แล้ววางลงบนโต๊ะกลางโซฟาตรงหน้าแล้วหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นจิบดื่ม “สีหน้าพี่บู่ไม่ค่อยดี มีอะไรรึเปล่าครับ” “ก็หลานทั้งสามน่ะสิ พักนี้ไม่รู้เป็นอะไรไม่ค่อยสนใจพี่เลยพ่อเษม”บู่บอกน้องชาย กองพลก็ไปอยู่เหมืองไม่ยอมกลับมานอนบ้านทั้งๆ ที่ปกติมาค้างที่บ้านให้เห็นหน้าทุกวัน กองบินก็ไปฝรั่งเศสกว่าจะกลับก็เป็นอาทิตย์ แถมกลับมาก็ใช่จะกลับมาที่กำแพงเพชร เดี๋ยวก็อ้างงานที่กรุงเทพฯ ยุ่งเยอะอีก ส่วนไอ้หลานคนเล็ก กองทัพก็อยู่สระบุรี ไม่เข้าใจทำไมต้องไปมีธุรกิจที่นั่นด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ หลานชายของนางถึงต้องไปอยู่กันคนละที่ ส่วนไอ้คนโตว่าทำงานอยู่บ้านด้วย แต่พักนี้ทำตัวแปลก “พวกมันไม่สนใจ พี่ก็โทรหาพวกมันสิพี่บู่ จะรอให้พวกมั