“เชิญค่ะ เดี๋ยวเอลิสจะพาเทียนไปเดินดูให้ทั่ว แล้วค่อยกลับมายื่นใบสมัครเพื่อเป็นพิธี” น้ำเสียงแฝงไปด้วยความตื่นเต้นของเอลิสไม่ทำให้แสงเทียนรู้สึกตื่นเต้นตาม แต่เธอพยายามเก็บความหดหู่เอาไว้“เอ่อ...” เธอทำหน้าบุเลี่ยน“เป็นอะไร...”“อ้อ โรงแรมใหญ่โตดีนี่” เธอแสร้งทำเป็นคุยเรื่องอื่น เอลิสฉีกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น“ค่ะ ใหญ่โตพอกับที่โน่นเลย” สายตาคมเงยหน้ามองไปยังเบื้องหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ที่โน่นคือโรงแรมแม่ที่อยู่ต่างประเทศ โดยแม่เธอเป็นผู้ดูแลและบริหารร่วมกันกับเครือญาติ ส่วนที่เมืองไทยก็แตกสาขา โดยมีพ่อดูแลและถึงตอนนี้ก็มีหุ้นส่วนฝีมือดีเข้ามาดูแลนั่นคือ ‘ธัญกร เทียนเทพ’ ซึ่งนั่นเป็นผลดีต่อโรงแรมเป็นอย่างมาก“โรงแรม NY” แสงเทียนเปรยขึ้นเบา ๆ ในใจหวังไว้ว่าธัญกรจะไปสิงอยู่ที่โครงการอื่นแล้ว เธอยังจำได้ธัญกรเคยพูดไว้ว่าโรงแรมนี้ยกให้เอลิสเป็นคนดูแล...“ทำไมเหรอ”“อะ ปะ เปล่า...” เธอลากเสียงแล้วยิ้มกลบจากนั้นเอลิสก็เดินนำเข้าไปในโรงแรม ทันทีที่ก้าวเข้าไปพนักงานที่ยืนต้อนรับอยู่ด้านหน้าต่างยกมือไหว้ทักทายผู้ที่ทุกคนต่างรู้ว่าเป็นใคร แสงเทียนยิ้มบาง ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ครั้งห
“เทียน เธอมันยายตัวแสบ!” ว่าแล้วก็ผุดลุกขึ้นเดินตึง ๆ ออกจากห้องไป เพราะอยากรู้ว่าเธอกลับมาที่นี่ทำไม ทั้งที่รู้อยู่ว่าหากเข้ามาเหยียบที่นี่ ก็เท่ากับเดินมาหาจุดเดิมอีกครั้งเสียงสนทนาอยู่อีกมุมหนึ่ง แม้ไม่ได้เห็นหน้า แต่น้ำเสียงที่มีความขบขันอยู่ตลอดเวลา ธัญกรหยุดฟังและหันหลังพิงฝาอีกด้านอยู่เงียบ ๆ จากนั้นสาวสวยทั้งสองที่เดินคุยกันอย่างออกรส ก็เดินผ่านไปยังทางเดินที่เธอรู้ดีว่าทั้งสองจะไปหยุดที่ใด หากไม่ใช่ห้องทำงานของเอลิสคิดจะหาตัวช่วยหรือไง... สายตาคมดุมองตามแผ่นหลังบางที่เดินหายไปจากสายตาอย่างมาดหมาย ก่อนจะบิดยิ้มมุมปากด้วยความครึ้มใจ แล้วค่อย ๆ ล้วงเครื่องมือสื่อสารขนาดเหมาะมือ ตาจ้องมองบนแป้นหน้าปัด ครั้นแล้วริมฝีปากบางกระตุกขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง พร้อมกันนั้นนิ้วมือที่คล่องและชำนาญกดลงไป“สวัสดีค่ะ ธัญกรนะคะ คุณปรายฟ้าใช่ไหมคะ” เสียงนุ่มหวานมีน้ำหนักรีบแนะนำและเอ่ยถามทันทีที่อีกฝ่ายรับสายคนปลายสายนิ่งอึ้ง ก่อนจะฉีกยิ้มเมื่อนึกขึ้นได้“สวัสดีค่ะ ปรายฟ้าเลขาคุณเอลิสกำลังพูดค่ะ”“รบกวนหน่อยสิ...” ธัญกรหยั่งเชิง กลัวอีกฝ่ายงานยุ่ง“ดะ ได้ค่ะ...” แม่ปรายฟ้าจะไม่ค่อยมั่นใจนัก แ
“หยาบคาย!” เธอต่อว่ากลับไป และพยายามทำตัวให้ลีบเล็ก เมื่อคนด้านบนจงใจเบียดกายเข้าหาเธอ อย่าบอกนะว่าจะทำให้เธอครางตอนนี้... แสงเทียนคิด ด้วยความหวั่นใจ เหงื่อเริ่มซึมตามรูขุมขนจากที่เคยเชิดหน้ากลายเป็นว่าเธอต้องหลบสายตาที่เริ่มส่งความหื่นกระหายออกมาให้เห็น พร้อมปลายจมูกโด่งที่เริ่มก้มต่ำลงมาจนรับรู้ถึงลมหายใจที่รดอยู่ตรงซอกคอ“คุณจะทำอะไร เทียนร้องให้คนช่วยแน่” เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายหื่นใส่เธอไม่เลือกที่ จึงต้องขู่เอาไว้“ก็เอาสิ คนอื่นจะได้รู้กันไป” เขาตอบเสียงกระเส่า หากแต่คนฟังขนชี้ชัน“คุณมัน... บ้า” เธอด่าออกมาอย่างเหลืออด“บ้าที่ไหนกัน ผัวเมียจะทำอะไรนิด ๆหน่อย ๆ ก็ไม่มีใครว่าหรอก”ริมฝีปากได้รูปกัดเม้มเข้าหากัน คนหน้าด้าน! แสงเทียนได้แต่กนด่าอยู่ในใจ โดยส่งสายตาต่อว่าอีกแรง“แอบด่าอีกล่ะสิ” เธอเอ่ยอย่างรู้ทัน พร้อมกันนั้นจมูกโด่งฉกลงมา แสงเทียนสะดุ้งหลบไม่ทันธัญกรหัวเราะหึในลำคอเมื่อตัวเองชนะได้แสงเทียนกำมือเข้าหากันจนไร้ช่องโหว่ รู้แล้วยังทำตัวรุ่มร่ามอีก น่าเกลียดจริง! “อย่าทำแบบนี้ มันไม่เหมาะนะคะ” เธอผ่อนเสียงให้เบาลง เผื่ออีกฝ่ายจะได้เย็นลงบ้าง และแล้วร่างบางก็นิ่งเหมือนฉุกค
“ทีกับผัว แตะต้องไม่ได้แม้กระทั้งคำพูด แล้วทีกับคนอื่นไปไหนต่อไหนกันแล้วล่ะ”แสงเทียนหน้าชา ลำคอแห้งฉับพลัน เมื่อฝ่ายนั้นเอ่ยคำว่า ‘ผัว’ ได้เต็มปากเต็มคำ“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ” เธอย้อนกลับอย่างเดือดดาลไม่แพ้กัน“หึ...บ้าก็เพราะความอยากได้ของพวกคุณนั่นแหละ” เพราะเรื่องในอดีต ที่เธอไม่ยอมปล่อยวางได้“คุณอย่ามาพาลหาเรื่องนะ” แม้จะไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่มากนัก แต่เมื่อของทุกอย่างที่ผู้หญิงคนนี้อยากได้ก็คืนกลับไปแล้ว ก็ถือว่าเรื่องทุกอย่างจบลง แต่ดูเหมือนธัญกรยังไม่ยอมจบ!“พาลเหรอ พาลตรงไหน” เธอทำหน้ามึน ทั้งที่รู้ตัวว่าเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่อง“ก็ที่ทำอยู่นี่ไงล่ะ...รู้เอาไว้ด้วย ว่าพวกขี้แพ้เท่านั้นแหละที่ชอบใช้อำนาจข่มเหงคนอื่น”“และคนขี้แพ้ ที่ชอบกุเรื่องให้คนอื่นไม่มีที่ยืนในสังคม จะต้องเปรียบเหมือนอะไรดี...” ธัญกรยื่นหน้าเข้าไปถามใกล้ ๆ เหมือนกลัวอีกฝ่ายไม่ได้ยินแสงเทียนหน้าจืดเจื่อน เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจพาลไปถึงเรื่องในอดีต“เทียนไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” บอกจบก็รีบวิ่งปรี่ไปยังประตูกว่าจะรู้ตัวว่าเผลอปล่อยให้อีกฝ่ายหนีเอาตัวรอดไปได้ ธัญกรก็คว้าตัวแสงเทียนไว้ไม่ทัน เล่นทีเผลอนี่! เธอ
“คุณธัญ คุณจะทำอะไรแบบนี้อีกไม่ได้นะ” เธอร้องห้ามเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายต้องหักหาญน้ำใจเธอเป็นแน่“คุณเดินมาหาเองนะคะ” เธอหน้ามึนตอบกลับทั้งที่ไม่จริงแต่ก็หาข้ออ้างให้ตัวเองดูดี“ใครมาหาคุณ เทียนมาหาเอลิสต่างหาก และก็ปล่อยก่อนที่เอลิสจะตามมาเจอ” น้ำคำที่เอ่ยเรียกกัน ทำให้ธัญกรถึงกับหงุดหงิด เพราะนั่นบอกถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ แม้จะแค่เพื่อนที่สนิทสนมกันดี แต่เธอก็ไม่ชอบให้แสงเทียนไปสนิทกับหญิงอื่นนอกจากตน“เอลิสแค่เพื่อน ไม่เห็นต้องแคร์” “ใครบอกคุณ ว่าเอลิสเป็นแค่เพื่อน” แสงเทียนเชิดหน้าท้าทาย“ไม่เป็นเพื่อน แล้วจะเป็นอะไร”“มากกว่าเพื่อน” เธอตอบเพราะอยากยั่วโมโห และให้อีกฝ่ายเลิกตอแย่เธอได้แล้ว“มากกว่าเพื่อน ก็เป็นแฟนงั้นสิ... ใครจะเชื่อหากเป็นแฟนคงเป็นนานแล้วสิ ”ธัญกรเอ่ยอย่างมั่นใจว่าทั้งคู่ไม่น่าจะเป็นมากกว่านั้น แต่รู้ว่าเอลิสคิดพัฒนาความสัมพันธ์กับแสงเทียนมานาน แต่เป็นแสงเทียนเอง ที่ปิดกั้นไม่ให้อีกฝ่ายข้ามเส้นคำว่าเพื่อนออกมาคิ้วเรียวผูกปม จากที่เคยสงสัย ครานี้แสงเทียนเริ่มแน่ใจแล้วว่าเรื่องราวที่ผ่านมา ผู้หญิงคนนี้ต้องสืบหาความเป็นมาของเธอเป็นแน่ แล้วสืบยังไง ในเมื่
“คุ คุณธัญกร” เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียก หากเจ้าของร่างบางกลับไม่ได้ขานตอบ สองมือเรียวยังคงฟอนเฟ้นไปตามเนื้อเนียนนุ่มอย่างหลงใหล จมูกโด่งซุกอยู่ตามซอกคอและติ่งหู ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไซ้เนินหน้าอกอวบอิ่ม จนร่างบางสั่นสยิวตอบสนอง “คิดถึงรู้ไหม...” เสียงแหบพร่า กระซิบแผ่วข้างแก้มนวลสีเรื่อ เหมือนประหนึ่งตัดพ้อน้อยใจแสงเทียนขืนตัวเล็กน้อย เมื่อเสียงนุ่มแผ่วต่อว่าต่อขาน กระทบโสตประสาท...เธอนี่นะใจร้าย เกิดคำถามขึ้นในใจ หากใจหนึ่งกลับเต้นระทึกแค่ผู้หญิงที่เธอต่อว่า ว่าเห็นแก่ตัว บอกว่า ‘คิดถึง’ มือเรียวยังคงลูบไล้ไต่ไปตามสัดส่วนได้รูปอย่างปรารถนา “ขอนะคนดี...” เธอพร่ำต่อแบบเสียงขาด ๆ หาย ๆ พร้อมมือเรียวสอดไปตามชายเสื้อของเธออย่างย่ามใจ จากนั้นก็ดันชายเสื้อขึ้นไปกองอยู่ตรงหน้าอก จนเผยให้เห็นหน้าท้องที่แบนราบ และบัวตูมที่ล้นอยู่ในชุดชั้นในสีขาว จากนั้นก็ดันออกมาจากพื้นที่จำกัด ตั้งนูนเด่นอยู่ตรงหน้าปากบอกไม่มีใจ แล้วใครจะเชื่อ ในเมื่อร่างกายตอบสนองทุกสัมผัส... แสงเทียนต่อว่าตัวเองใจอยากค้านแต่กายกลับสนองแอ่นรับสัมผัส เมื่อธัญกรเริ่มรุกหนักไม่สนสถานที่ เธอใช้ริมฝีปากอุ่นดูดกลื
แสงเทียนดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง แม้จะเสียการทรงตัวไปบ้าง แต่เธอก็เดินไปจนถึง แล้วปิดประตูดังปังและจัดการเช็ดรอยเปรอะเปื้อนให้สะอาดที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นมองดูตัวเองในกระจกเช็คความเรียบร้อยดีแล้ว ก็เปิดประตูออกมา“เดี๋ยวจะพาคุณไปคอนโดก่อน แล้วจะเลยไปส่งที่บ้าน”“ไม่ เทียนไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น” เธอบอกปัด“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” น้ำเสียงจริงจังทำให้แสงเทียนหวั่นใจมากกว่าเก่า“ขอโทษนะคะ เทียนไม่มีอะไรจะคุยกับคุณอีก”“ทำไม” น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่บีบหัวใจแสงเทียน“ก็ไม่ทำไมหรอกค่ะ แค่เทียนคิดว่าเรื่องของเราจบกันไปแล้ว”“แล้วเมื่อกี้มันคืออะไร” เธอย้อน รู้สึกเจ็บแปลบกับคำตอบของแสงเทียน“ขอร้องนะคะ อย่าทำร้ายกันอีกเลย ทุกอย่างที่คุณอยากได้ พวกเราก็ให้คุณไปหมดแล้ว ปล่อยครอบครัวเราไปเถอะนะคะ” เธอเอ่ยจบก็รีบเดินเลี่ยงเมื่อร่างที่นั่งไขว้ขามองมาที่เธอสายตาไม่ยอมอ่อนให้“นี่ หากไม่อยากวุ่นวาย หยุดอยู่ตรงนั้นนะ...” เสียงแหลมทรงพลังออกคำสั่งแต่คนอยากออกไปไม่ฟังเสียงธัญกรจึงพูดต่อ“สัญญาทุกอย่างยังเหมือนเดิม ส่วนบริษัทพ่อคุณก็แค่ให้คนอื่นไปดูแล และเงินในส่วนที่พ่อคุณจะได้ก็ยังเหมือนเดิม”เมื่อตัดสิน
ไม่รู้อะไรดลใจให้เอลิสคิดว่าแสงเทียนอาจอยู่ในห้องธัญกรอีกก็เป็นได้ เท้าเรียวมุ่งตรงไปด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ มูลความจริงต้องมีบ้าง ‘เจ้านายคนใหม่ของเราเสน่ห์แรงจริง ๆ เลยเธอว่ามะ’ ‘รู้ได้ไง’ ‘อ้าว แกไม่เห็นหรือไง ว่าวันเดียวกันมีผู้หญิงมาหาถึงสองคน’ ‘จริงเหรอ สวยหรือเปล่า’ ‘คนแรกสวยดูดีนะ ที่สำคัญหากฉันจำไม่ผิด จะเป็นลูกนักธุรกิจ ชื่ออะไรนะ นายปิยะ อะไรนี่แหละ ฉันเคยเห็นภาพข่าวครั้งหนึ่งเมื่อสองสามปีแล้วมั้ง ส่วนสาวคนที่สอง ดูเปรี้ยวเข็ดฟัน’ ว่าแล้วก็ทำท่าทางเข็ดฟันไปด้วย จนเพื่อนสาวต้องจิกตาแล้วขำกับความอินของนาง ‘โหหลายปี ไม่ใช่แล้วมั้ง’ พนักงานรุ่นน้องแย้ง สาวใหญ่วัยเกือบสี่สิบค้อนให้ ก่อนจะทำตาลอยเหมือนคนเพ้อ ‘ไม่หรอกฉันจำไม่ผิด ลูกสาวนักธุรกิจรับเหมารายใหญ่ ควงลูกสาวคนเดียวออกงาน ความสวยเตะตา จนฉันอยากไปสัมผัสตัวจริงเลยละ’ ว่าพลางทำสายตาเคลิ้มฝันเหมือนคนกำลังตกหลุมรักกระนั้น จนพนักงานรุ่นน้องเบะปากแซวกลับไปว่า ‘ตายละหว่า สงสัยพี่เก๋จะเปลี่ยนเพศแล้ว บรึ๋ย...ไปดีกว่า’ เธอทำท่าขนลุกขนพองแล้วรีบเดินทิ้งห่าง