ใบหน้าสวยคมหันมามองกิริยาที่ไร้การเสแสร้งด้วยความเอ็นนดู“ค่ะ ถึงแล้ว ลุกขึ้นเถอะ...” น้ำเสียงนุ่มชวนให้ฝัน ทำเอาแสงเทียนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง แล้วมองตามร่างบางสมส่วนที่เดินออกจากรถไปเพื่อทำหน้าเปิดประตูให้ “เชิญค่ะ” เธอบอกอย่างไม่ถือตัวพร้อมรอยยิ้ม“คุณธัญกลับมาแล้วหรือคะ” ใบหน้าตื่นของแม่บ้านที่ไม่ได้แสดงถึงความดีใจมากนัก ทำเอาเจ้าของบ้านต้องหรี่ตามอง“มีอะไรหรือค่ะ” แม้บ้านคนสนิทยิ้มเจื่อน ๆ ตอบกลับ“มีสิคะ” นางตอบพร้อมชำเลืองมองสาวสวยที่เดินเคียงคู่กันมา“มี?” เท้าเรียวยึดอยู่กับที่ ท่าทางไม่ชอบมาพากลของแม่บ้านคนสนิท ทำให้คนมีชนักติดตัวร้อน ๆ หนาว ๆ หรือแม่จะกลับมา... เธอไม่ถามไถ่กลับกระชับข้อมือเรียวของแสงเทียนแล้วตรงดิ่งเข้าด้านในวันนี้เป็นไงเป็นกัน เขาอยากรู้นัก เมื่อเหตุการณ์กลับตาลปัตรกับคู่อริเก่าแม่จะเล่นงานตัวเองยังไง...แสงเทียนได้แต่ทำหน้าไม่ถูกเมื่อโดนอีกฝ่ายดึงรั้งเข้าด้านในอย่างรวดเร็ว โดยที่เธอไม่ทันได้ทำความเคารพผู้ใหญ่ที่ยืนมองอยู่ทางด้านหลังที่มีสีหน้าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ยังพูดไม่จบเสียงฝีเท้าที่ดังถี่เข้ามาทำให้ร่างบางที่นอนเมื่อยอยู่บนโซฟานุ่มผุดลุกขึ้น“พี่
ตกลงคนนี้แน่ใช่ไหมคะ”ป้าจันแม่บ้านเก่าแก่ที่เปรียบเสมือนญาติสนิทของธัญกรเอ่ยถาม เมื่อสาวสวยที่แต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันเดินออกไปแล้ว เหลือไว้แค่ผู้หญิงที่ดูสุขุมและเรียบร้อยในสายตาของนางใบหน้าสวยคมเรียบสนิท หากไม่มีคำใดเล็ดลอดออกมา ทุกคนจึงคิดว่านั่นคือคำตอบแน่นอน“แล้วนี่ลูกเต้าเหล่าใครกันค่ะ หน้าตาสะสวยมาก”นางถามด้วยความชื่นชม และสังเกตผิวพรรณที่เนียนละเอียดขาวผ่องอย่างลูกคุณหนู ในขณะที่เสื้อผ้าและการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีมีราคา แต่ใจหนึ่งก็อยากรู้ข้อมูลให้แน่ชัด“เอ่อ...คุณพ่อกับคุณแม่รู้จักคนตระกูลนี้ดีค่ะป้าจัน”คำตอบนั้นเหมือนขอไปที ทำเอาหญิงสูงวัยถอนหายใจ แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าคำสั่งตรงจากแดนไกลเป็นความจริงแล้ว“ดีเลยค่ะ ไม่ต้องเรียนรู้กันให้มากความ งั้นป้าไปชงน้ำหวานมาให้ก่อนนะคะ” พูดจบนางก็เดินออก ธัญกรจึงหันสนใจคนป่วยที่นอนอยู่แสงเทียนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง และเห็นว่าธัญกรเฝ้าเธอไม่ห่าง แต่ก็ไม่อาจทำให้ขอบคุณในความใส่ใจของเธอได้ “ปล่อยมือเทียนนะคะ” เธอปั้นปึงใส่ ธัญกรหน้าเจื่อน“เป็นอะไร คนเป็นห่วงนะ...” คนเป็นห่วงเอ่ยเสียงอ่อน ไม่ได้โกรธเคืองกิริยาที่เปลี่ยนไป เงียบน่ากลัวกว
เนี่ยสายตาแบบนี้จะไม่ให้เธอกระดากได้ไง... แสงเทียนย้อนอยู่ในใจ โดยเธอไม่กล้าพูดไปตามตรง“ยังเหรอ งั้นจะทำให้ชินเอง” ว่าแล้วก็เดินตรงเข้าไปหาแสงเทียนถอยหลังหลบ “คุณธัญกร อย่าเล่นอะไรแผง ๆ เสียงแหลมหวีดร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าของห้องย่อตัวเตรียมช้อนตัวเธอขึ้นอุ้ม“พาไปอาบน้ำไง” ธัญกรตอบเสียงเรียบคำตอบนั้นทำเอาแสงเทียนร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ก่อนจะรู้สึกท้องไส้บิดมวนปั่นป่วนอยู่ในช่องท้อง...อาบน้ำของเธอ คงไม่แคล้วนวดนาบไปด้วย คนหื่นเอ๊ย!และเป็นไปอย่างที่แสงเทียนคิดไว้ เมื่อเธอไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น จับตัวไม่ได้ก็โผล่เข้ามาใหม่อีกครั้งครานี้แสงเทียนหลบไม่ทัน จึงโดนคว้าตัวไว้ โดยไม่มันให้เธอได้ตั้งตัว ธัญกรจัดการถอดเสื้อผ้าของเธอ แล้วก็รีบจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเอง จากนั้นทั้งคู่ก็มีสภาพเปล่าเปลือยไม่ต่างกันบทรักร้อนแรงใต้ฝักบัวก็เริ่มขึ้นอย่างที่เธอไม่คิดว่าเขาจะอึดได้จริง ๆ เมื่อจูบแบบสูบวิญญาณเริ่มขึ้น ทำเอาเธอเกือบหมดลมหายใจ ทรุดลงไปนั่งอยู่บนพื้น หากไม่ติดที่วงแขนแกร่งโอบรั้งเธอไว้“อืมส์...”ธัญกรส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ กับการสัมผัสกลีบปากนุ่ม ที่ไม่เคยทำให้เธออิ่ม... จากนั้นสอดลิ้นเกี่
ร่วมเวลาเกือบสองชั่วโมงที่หนุ่มสองสาวเยื้องย่างออกมาจากห้อง และเมื่อนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารที่มีสายตาที่แสงเทียนรู้สึกได้ ว่ามีสายตาจ้องเธออยู่ ด้วยความรู้สึกที่เธอไม่อาจทราบได้ว่าอีกฝ่ายนั้นรู้สึกเช่นไรกันแน่ ก็เธอลูกสาวคนขี้โกง ที่เคยลูกสาวเจ้าของบ้านตราหน้าไว้ แต่กลับเข้ามานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะอยู่ในบ้านหลังงามได้อย่างสบาย เป็นใครก็ต้องสงสัย และตอนนี้ลิ้นของเธอไม่สามารถรับรู้รสของอาหารเลยแม้แต่น้อย“เป็นอะไร อาหารป้าจันไม่ถูกปากเหรอ” น้ำเสียงห่วงใยถามด้วยความเป็นห่วงความห่วงใยและใส่ใจของธัญกร ยิ่งแสงเทียนรู้สึกละอายใจมากขึ้น “ปะ เปล่าค่ะ...” เธอตอบน้ำเสียงไม่คงนักตาคมหรี่มองอย่างพินิจ “มีอะไรในใจหรือเปล่า ถามได้นะ”เหมือนธัญกรจะดูออก ผู้หญิงที่เคยมีความมั่นใจหายไป!“เทียนอิ่มแล้ว” เธอพยายามปิดความรู้สึกของตัวเอง“มีอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ อย่าคิดเองเออเอง มันทำให้ใจเป็นทุกข์รู้ไหม”แม้จะเพิ่งอยู่ใกล้ชิดกันได้ไม่นานพอให้รู้ใจทุกอย่าง แต่เพราะเธอใช้หัวใจและความรู้สึกสัมผัส จึงทำให้ดูออก โดยที่ไม่เข้าใจตัวเองแล้วเช่นกัน ว่าตอนนี้ความรู้สึกได้เปลี่ยนไปตอนไหน แต่เท่าที่รู้สึกได้ ตอนนี้ตัวเองแคร
“หมายถึงความสัมพันธ์ของเรา... คุณนี่อะไรกันนะ ไม่ห่วงสถานะของตัวเองเลย” ประโยคหลังคล้ายรำคาญคนที่นั่งฟังตาเบิกกว้างด้วยความคิดไม่ถึงว่าคนอย่างธัญกรจะฟังความคิดของลูกหนี้ในบันชีอย่างเธอ“เทียนมีสิทธิ์เสนอหรือเรียกร้องได้ด้วยหรือคะ”“ก็พูดก่อนสิ จะได้บอกว่าได้หรือไม่ได้”“ไม่ได้ก็ไม่เห็นต้องเอาศักดิ์ศรีมาตามง้อคนพวกนี้เลยนี่”“คุณแม่/คุณลินดา” สองเสียงดังผสานกันใบหน้าที่แต่งแต้มไว้อย่างดียิ้มหยันและชิงเอ่ยขึ้นก่อน“เอ่อ แม่เอง..ขอโทษนะ ที่เข้ามาโดยไม่บอกกล่าวหรือขออนุญาตก่อน” ประโยคหลังนางหันไปพูดกับเจ้าของบ้านที่นั่งทำหน้าไม่ถูก ...คงไม่คิดว่าฉันจะกล้ามาเหยียบบ้าน ‘เนตรศิริ’ สินะ“แม่มาได้ยังไงคะ”แสงเทียนหน้าเจื่อน ลุกขึ้นเดินไปหาผู้เป็นแม่ ที่ยืนหน้าตึงอยู่“มาตามแกกลับบ้านน่ะสิ” นางจิกสายตามองลูกสาวอย่างตำหนิ ก่อนจะเหลือบมองเจ้าของบ้านที่เริ่มปรับความรู้สึกได้แล้ว“ทำไมต้องตาม เมื่อธัญจะไปส่งอยู่แล้ว” ใบหน้าสวยเชิดตรง ตอบกลับไป“ฉันไม่ไว้ใจคุณ!” คนสูงวัยเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ตอบเสียงสะบัด อยากกระชากคอเสื้อคนที่พาลูกสาวตนเองกลับมาบ้าน ทั้งที่เรื่องทุกอย่างจบลงไปแล้วแต่ยังตามตอแยลูกสา
หลังจากที่ป้าจันเดินออกไปแล้วบรรยากาศในห้องโถงก็เงียบไป ด้วยความประหม่าด้วยกันหรือไรก็ไม่อาจทราบได้ และเมื่อบรรยากาศชวนอึดอัดมากขึ้น เจ้าของบ้านที่เพิ่งมาถึงจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น“ปิยะสบายดีอยู่ไหม” ธานินเอ่ยถามถึงเพื่อนรักลินดาเหลือบตามองชายร่วมหุ้นสามีเมื่อครั้งอดีต กึ่ง ๆ ละอายแก่ใจ ก่อนจะเอ่ยตอบไม่เต็มเสียงนัก“ก็...สบายดี” ตอบไปฝ่ามือก็ถูกันไปมาจนชื่นเหงื่อ“ผมขอโทษด้วยนะ ที่ลูกผมทำเรื่องยุ่งยากให้ เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้ถูกต้องโดยเฉพาะเรื่องหนูแสงเทียน”คำพูดจริงจังและหนักแน่นไหลเข้ามากระทบโสตประสาท ทำให้หลายคนในที่นั้นเงียบงันคำว่า เรื่องทุกอย่างสะดุดหู ก่อนจะค่อย ๆ หายใจไม่ออก เมื่อก้อนแข็ง ๆ อัดแน่นขึ้นมาจุกอยู่ในอก โดยเฉพาะลินดาหน้าซีดเผือด คิดไม่ถึงว่าคู่ผัวเมียจะยอมพูดแค่เรื่องที่กำลังเกิดขึ้น โดยไม่กล่าวถึงเรื่องในอดีตที่ครอบครัวนางได้ทำเอาไว้...น่าละอายใจจริง!“พ่อจะการเรื่องอะไรอีกคะ ก็ธัญจัดการไปหมดแล้ว” ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจริงจังไหวระริก คาดหวัง หากพ่อจะตำหนิเรื่องที่เธอก่อขึ้นก็พร้อมยอมรับฟัง หากแต่ประโยคท้ายชัดเจนจนไม่ต้องค้นหาคำตอบอีกต
“แม่ จะบ่นอะไรธัญอีกคะ”เธอโอดครวญ เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังนั่งกวักมือเรียกอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม โดยมีผู้เป็นพ่อนั่งอยู่ที่เดิม“อย่าบ่นอะไรธัญเลยนะคะ นี่ก็หาลูกสะใภ้เก่ง ๆ มาให้พ่อกับแม่แล้วไง” นั่งลงแล้วซุกใบหน้าลงบนไหล่ผู้เป็นแม่ “โอ๊ย แม่เจ็บ ๆ”ออดอ้อนได้ไม่ทันไรก็ต้องร้องเสียงหลง เมื่อนิ้วเรียวงามหนีบลงบนสีข้างแรงจนเธอสะดุ้งโหยง แต่ก็ไม่ได้คิดปัดป้องหรือเอี้ยวตัวหนีแต่อย่างใด“แม่นี่ปวดหัวกับลูกจริง ๆ เลยนะ คราก่อนแม่เตือน เรื่องหนูใบข้าว ไม่ทันไรก็เรื่องหนูเทียนอีก”“ตอนไหนแม่”“ก็ครั้งก่อนโน่นไง ที่แม่รู้มาว่าลูกกำลังหลอกให้หนูใบข้าวทำอะไร แล้วให้ความหวังอะไรกับเธอไว้ล่ะ แม่กลัวจะเป็นเรื่องจะแย่ แล้วนี่อะไร...เฮ้อ ไม่ไหวจริง ๆ เลย” คำพูดเท้าความทำให้ธัญกรคิดได้...งั้นโธ่...ไอ้เราก็เข้าใจว่าแม่เอ่ยถึงเรื่องที่จะจัดการกับคู่อริเสียอีก ดันมาเป็นห่วงเรื่องใบข้าวซะงั้น“แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องธัญกับใบข้าวหรอกค่ะ เธอมีคนอื่นมานานแล้ว ที่ยังไม่รู้ใจตัวเอง”คำพูดและสีหน้ายืนยันหนักแน่น ระหว่างเธอกับใบข้าวเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน“ให้มันจริงเถอะ แม่กลัวว่าเธอจะมาทลายความฝันให้ล้มไม่เป็นท่าเ
ใบข้าวเดินกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าหม่นหมองเมื่อการถูกรักแต่เธอไม่ได้รู้สึกรักตอบ กับการรักเขาแต่เขาไม่รักตอบ คนที่อยู่ตรงจุดนั้น คงเจ็บไม่ต่างกับเธอตอนนี้สินะ...“กลับมาแล้วเหรอ” เท้าบางที่พาตัวเหม่อลอยเดินเข้าบ้านหยุดชะงัก ก่อนจะมองต้นเสียงที่คุ้นเคย“ธามไท...” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาคล้ายกระซิบ คาดไม่ถึงก่อนจะหันมองไปอีกทางและเห็นว่ารถคันหรูที่ธามไทใช้อยู่เป็นประจำจอดอยู่ บ้าจริง! เธอก่นด่าตัวเอง เพราะมัวแต่เหม่อลอยจึงไม่ทันได้สังเกต กว่าจะไหวตัว ก็ไม่ทันแล้ว“มาเมื่อไหร่แล้วคะ” แม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่กล้ารุนแรงที่เธอขัดคำสั่ง แต่ก็หวั่นใจไม่ได้ เมื่อบ้านหลังใหญ่หลังนี้ มีแค่เธอกับคนใช้อีกสองคนเท่านั้น ที่สำคัญเธอไม่อยากให้เรื่องถึงหูพ่อแม่ ที่กำลังเดินทางเที่ยวรอบโลกอยู่ในขณะนี้ใบหน้าที่รอคอยอย่างมีความหวัง เจือแววผิดหวัง เมื่อผู้หญิงที่ตนเองตั้งหน้าตามหา ไม่ได้แสดงอาการดีใจแม้แต่น้อย“มานานแล้ว ตั้งแต่รู้ว่าใบข้าวหนีผมมาจากห้อง...” น้ำเสียงเจือแววน้อยใจ มองหญิงสาวด้วยสายตาผิดหวัง “ร้ายนักนะ ผมแค่เผลอหลับไปหน่อยเดียวก็หนีผมทันที รอจังหวะอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ” น้ำเสียงขุ่นข้นตามอารมณ์ที่หลั่