“ทีกับผัว แตะต้องไม่ได้แม้กระทั้งคำพูด แล้วทีกับคนอื่นไปไหนต่อไหนกันแล้วล่ะ”แสงเทียนหน้าชา ลำคอแห้งฉับพลัน เมื่อฝ่ายนั้นเอ่ยคำว่า ‘ผัว’ ได้เต็มปากเต็มคำ“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ” เธอย้อนกลับอย่างเดือดดาลไม่แพ้กัน“หึ...บ้าก็เพราะความอยากได้ของพวกคุณนั่นแหละ” เพราะเรื่องในอดีต ที่เธอไม่ยอมปล่อยวางได้“คุณอย่ามาพาลหาเรื่องนะ” แม้จะไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่มากนัก แต่เมื่อของทุกอย่างที่ผู้หญิงคนนี้อยากได้ก็คืนกลับไปแล้ว ก็ถือว่าเรื่องทุกอย่างจบลง แต่ดูเหมือนธัญกรยังไม่ยอมจบ!“พาลเหรอ พาลตรงไหน” เธอทำหน้ามึน ทั้งที่รู้ตัวว่าเป็นฝ่ายเข้ามาหาเรื่อง“ก็ที่ทำอยู่นี่ไงล่ะ...รู้เอาไว้ด้วย ว่าพวกขี้แพ้เท่านั้นแหละที่ชอบใช้อำนาจข่มเหงคนอื่น”“และคนขี้แพ้ ที่ชอบกุเรื่องให้คนอื่นไม่มีที่ยืนในสังคม จะต้องเปรียบเหมือนอะไรดี...” ธัญกรยื่นหน้าเข้าไปถามใกล้ ๆ เหมือนกลัวอีกฝ่ายไม่ได้ยินแสงเทียนหน้าจืดเจื่อน เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจพาลไปถึงเรื่องในอดีต“เทียนไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” บอกจบก็รีบวิ่งปรี่ไปยังประตูกว่าจะรู้ตัวว่าเผลอปล่อยให้อีกฝ่ายหนีเอาตัวรอดไปได้ ธัญกรก็คว้าตัวแสงเทียนไว้ไม่ทัน เล่นทีเผลอนี่! เธอ
“คุณธัญ คุณจะทำอะไรแบบนี้อีกไม่ได้นะ” เธอร้องห้ามเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายต้องหักหาญน้ำใจเธอเป็นแน่“คุณเดินมาหาเองนะคะ” เธอหน้ามึนตอบกลับทั้งที่ไม่จริงแต่ก็หาข้ออ้างให้ตัวเองดูดี“ใครมาหาคุณ เทียนมาหาเอลิสต่างหาก และก็ปล่อยก่อนที่เอลิสจะตามมาเจอ” น้ำคำที่เอ่ยเรียกกัน ทำให้ธัญกรถึงกับหงุดหงิด เพราะนั่นบอกถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ แม้จะแค่เพื่อนที่สนิทสนมกันดี แต่เธอก็ไม่ชอบให้แสงเทียนไปสนิทกับหญิงอื่นนอกจากตน“เอลิสแค่เพื่อน ไม่เห็นต้องแคร์” “ใครบอกคุณ ว่าเอลิสเป็นแค่เพื่อน” แสงเทียนเชิดหน้าท้าทาย“ไม่เป็นเพื่อน แล้วจะเป็นอะไร”“มากกว่าเพื่อน” เธอตอบเพราะอยากยั่วโมโห และให้อีกฝ่ายเลิกตอแย่เธอได้แล้ว“มากกว่าเพื่อน ก็เป็นแฟนงั้นสิ... ใครจะเชื่อหากเป็นแฟนคงเป็นนานแล้วสิ ”ธัญกรเอ่ยอย่างมั่นใจว่าทั้งคู่ไม่น่าจะเป็นมากกว่านั้น แต่รู้ว่าเอลิสคิดพัฒนาความสัมพันธ์กับแสงเทียนมานาน แต่เป็นแสงเทียนเอง ที่ปิดกั้นไม่ให้อีกฝ่ายข้ามเส้นคำว่าเพื่อนออกมาคิ้วเรียวผูกปม จากที่เคยสงสัย ครานี้แสงเทียนเริ่มแน่ใจแล้วว่าเรื่องราวที่ผ่านมา ผู้หญิงคนนี้ต้องสืบหาความเป็นมาของเธอเป็นแน่ แล้วสืบยังไง ในเมื่
“คุ คุณธัญกร” เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียก หากเจ้าของร่างบางกลับไม่ได้ขานตอบ สองมือเรียวยังคงฟอนเฟ้นไปตามเนื้อเนียนนุ่มอย่างหลงใหล จมูกโด่งซุกอยู่ตามซอกคอและติ่งหู ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไซ้เนินหน้าอกอวบอิ่ม จนร่างบางสั่นสยิวตอบสนอง “คิดถึงรู้ไหม...” เสียงแหบพร่า กระซิบแผ่วข้างแก้มนวลสีเรื่อ เหมือนประหนึ่งตัดพ้อน้อยใจแสงเทียนขืนตัวเล็กน้อย เมื่อเสียงนุ่มแผ่วต่อว่าต่อขาน กระทบโสตประสาท...เธอนี่นะใจร้าย เกิดคำถามขึ้นในใจ หากใจหนึ่งกลับเต้นระทึกแค่ผู้หญิงที่เธอต่อว่า ว่าเห็นแก่ตัว บอกว่า ‘คิดถึง’ มือเรียวยังคงลูบไล้ไต่ไปตามสัดส่วนได้รูปอย่างปรารถนา “ขอนะคนดี...” เธอพร่ำต่อแบบเสียงขาด ๆ หาย ๆ พร้อมมือเรียวสอดไปตามชายเสื้อของเธออย่างย่ามใจ จากนั้นก็ดันชายเสื้อขึ้นไปกองอยู่ตรงหน้าอก จนเผยให้เห็นหน้าท้องที่แบนราบ และบัวตูมที่ล้นอยู่ในชุดชั้นในสีขาว จากนั้นก็ดันออกมาจากพื้นที่จำกัด ตั้งนูนเด่นอยู่ตรงหน้าปากบอกไม่มีใจ แล้วใครจะเชื่อ ในเมื่อร่างกายตอบสนองทุกสัมผัส... แสงเทียนต่อว่าตัวเองใจอยากค้านแต่กายกลับสนองแอ่นรับสัมผัส เมื่อธัญกรเริ่มรุกหนักไม่สนสถานที่ เธอใช้ริมฝีปากอุ่นดูดกลื
แสงเทียนดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง แม้จะเสียการทรงตัวไปบ้าง แต่เธอก็เดินไปจนถึง แล้วปิดประตูดังปังและจัดการเช็ดรอยเปรอะเปื้อนให้สะอาดที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นมองดูตัวเองในกระจกเช็คความเรียบร้อยดีแล้ว ก็เปิดประตูออกมา“เดี๋ยวจะพาคุณไปคอนโดก่อน แล้วจะเลยไปส่งที่บ้าน”“ไม่ เทียนไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น” เธอบอกปัด“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” น้ำเสียงจริงจังทำให้แสงเทียนหวั่นใจมากกว่าเก่า“ขอโทษนะคะ เทียนไม่มีอะไรจะคุยกับคุณอีก”“ทำไม” น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่บีบหัวใจแสงเทียน“ก็ไม่ทำไมหรอกค่ะ แค่เทียนคิดว่าเรื่องของเราจบกันไปแล้ว”“แล้วเมื่อกี้มันคืออะไร” เธอย้อน รู้สึกเจ็บแปลบกับคำตอบของแสงเทียน“ขอร้องนะคะ อย่าทำร้ายกันอีกเลย ทุกอย่างที่คุณอยากได้ พวกเราก็ให้คุณไปหมดแล้ว ปล่อยครอบครัวเราไปเถอะนะคะ” เธอเอ่ยจบก็รีบเดินเลี่ยงเมื่อร่างที่นั่งไขว้ขามองมาที่เธอสายตาไม่ยอมอ่อนให้“นี่ หากไม่อยากวุ่นวาย หยุดอยู่ตรงนั้นนะ...” เสียงแหลมทรงพลังออกคำสั่งแต่คนอยากออกไปไม่ฟังเสียงธัญกรจึงพูดต่อ“สัญญาทุกอย่างยังเหมือนเดิม ส่วนบริษัทพ่อคุณก็แค่ให้คนอื่นไปดูแล และเงินในส่วนที่พ่อคุณจะได้ก็ยังเหมือนเดิม”เมื่อตัดสิน
ไม่รู้อะไรดลใจให้เอลิสคิดว่าแสงเทียนอาจอยู่ในห้องธัญกรอีกก็เป็นได้ เท้าเรียวมุ่งตรงไปด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ มูลความจริงต้องมีบ้าง ‘เจ้านายคนใหม่ของเราเสน่ห์แรงจริง ๆ เลยเธอว่ามะ’ ‘รู้ได้ไง’ ‘อ้าว แกไม่เห็นหรือไง ว่าวันเดียวกันมีผู้หญิงมาหาถึงสองคน’ ‘จริงเหรอ สวยหรือเปล่า’ ‘คนแรกสวยดูดีนะ ที่สำคัญหากฉันจำไม่ผิด จะเป็นลูกนักธุรกิจ ชื่ออะไรนะ นายปิยะ อะไรนี่แหละ ฉันเคยเห็นภาพข่าวครั้งหนึ่งเมื่อสองสามปีแล้วมั้ง ส่วนสาวคนที่สอง ดูเปรี้ยวเข็ดฟัน’ ว่าแล้วก็ทำท่าทางเข็ดฟันไปด้วย จนเพื่อนสาวต้องจิกตาแล้วขำกับความอินของนาง ‘โหหลายปี ไม่ใช่แล้วมั้ง’ พนักงานรุ่นน้องแย้ง สาวใหญ่วัยเกือบสี่สิบค้อนให้ ก่อนจะทำตาลอยเหมือนคนเพ้อ ‘ไม่หรอกฉันจำไม่ผิด ลูกสาวนักธุรกิจรับเหมารายใหญ่ ควงลูกสาวคนเดียวออกงาน ความสวยเตะตา จนฉันอยากไปสัมผัสตัวจริงเลยละ’ ว่าพลางทำสายตาเคลิ้มฝันเหมือนคนกำลังตกหลุมรักกระนั้น จนพนักงานรุ่นน้องเบะปากแซวกลับไปว่า ‘ตายละหว่า สงสัยพี่เก๋จะเปลี่ยนเพศแล้ว บรึ๋ย...ไปดีกว่า’ เธอทำท่าขนลุกขนพองแล้วรีบเดินทิ้งห่าง
ใบหน้าสวยคมหันมามองกิริยาที่ไร้การเสแสร้งด้วยความเอ็นนดู“ค่ะ ถึงแล้ว ลุกขึ้นเถอะ...” น้ำเสียงนุ่มชวนให้ฝัน ทำเอาแสงเทียนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง แล้วมองตามร่างบางสมส่วนที่เดินออกจากรถไปเพื่อทำหน้าเปิดประตูให้ “เชิญค่ะ” เธอบอกอย่างไม่ถือตัวพร้อมรอยยิ้ม“คุณธัญกลับมาแล้วหรือคะ” ใบหน้าตื่นของแม่บ้านที่ไม่ได้แสดงถึงความดีใจมากนัก ทำเอาเจ้าของบ้านต้องหรี่ตามอง“มีอะไรหรือค่ะ” แม้บ้านคนสนิทยิ้มเจื่อน ๆ ตอบกลับ“มีสิคะ” นางตอบพร้อมชำเลืองมองสาวสวยที่เดินเคียงคู่กันมา“มี?” เท้าเรียวยึดอยู่กับที่ ท่าทางไม่ชอบมาพากลของแม่บ้านคนสนิท ทำให้คนมีชนักติดตัวร้อน ๆ หนาว ๆ หรือแม่จะกลับมา... เธอไม่ถามไถ่กลับกระชับข้อมือเรียวของแสงเทียนแล้วตรงดิ่งเข้าด้านในวันนี้เป็นไงเป็นกัน เขาอยากรู้นัก เมื่อเหตุการณ์กลับตาลปัตรกับคู่อริเก่าแม่จะเล่นงานตัวเองยังไง...แสงเทียนได้แต่ทำหน้าไม่ถูกเมื่อโดนอีกฝ่ายดึงรั้งเข้าด้านในอย่างรวดเร็ว โดยที่เธอไม่ทันได้ทำความเคารพผู้ใหญ่ที่ยืนมองอยู่ทางด้านหลังที่มีสีหน้าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ยังพูดไม่จบเสียงฝีเท้าที่ดังถี่เข้ามาทำให้ร่างบางที่นอนเมื่อยอยู่บนโซฟานุ่มผุดลุกขึ้น“พี่
ตกลงคนนี้แน่ใช่ไหมคะ”ป้าจันแม่บ้านเก่าแก่ที่เปรียบเสมือนญาติสนิทของธัญกรเอ่ยถาม เมื่อสาวสวยที่แต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันเดินออกไปแล้ว เหลือไว้แค่ผู้หญิงที่ดูสุขุมและเรียบร้อยในสายตาของนางใบหน้าสวยคมเรียบสนิท หากไม่มีคำใดเล็ดลอดออกมา ทุกคนจึงคิดว่านั่นคือคำตอบแน่นอน“แล้วนี่ลูกเต้าเหล่าใครกันค่ะ หน้าตาสะสวยมาก”นางถามด้วยความชื่นชม และสังเกตผิวพรรณที่เนียนละเอียดขาวผ่องอย่างลูกคุณหนู ในขณะที่เสื้อผ้าและการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีมีราคา แต่ใจหนึ่งก็อยากรู้ข้อมูลให้แน่ชัด“เอ่อ...คุณพ่อกับคุณแม่รู้จักคนตระกูลนี้ดีค่ะป้าจัน”คำตอบนั้นเหมือนขอไปที ทำเอาหญิงสูงวัยถอนหายใจ แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าคำสั่งตรงจากแดนไกลเป็นความจริงแล้ว“ดีเลยค่ะ ไม่ต้องเรียนรู้กันให้มากความ งั้นป้าไปชงน้ำหวานมาให้ก่อนนะคะ” พูดจบนางก็เดินออก ธัญกรจึงหันสนใจคนป่วยที่นอนอยู่แสงเทียนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง และเห็นว่าธัญกรเฝ้าเธอไม่ห่าง แต่ก็ไม่อาจทำให้ขอบคุณในความใส่ใจของเธอได้ “ปล่อยมือเทียนนะคะ” เธอปั้นปึงใส่ ธัญกรหน้าเจื่อน“เป็นอะไร คนเป็นห่วงนะ...” คนเป็นห่วงเอ่ยเสียงอ่อน ไม่ได้โกรธเคืองกิริยาที่เปลี่ยนไป เงียบน่ากลัวกว
เนี่ยสายตาแบบนี้จะไม่ให้เธอกระดากได้ไง... แสงเทียนย้อนอยู่ในใจ โดยเธอไม่กล้าพูดไปตามตรง“ยังเหรอ งั้นจะทำให้ชินเอง” ว่าแล้วก็เดินตรงเข้าไปหาแสงเทียนถอยหลังหลบ “คุณธัญกร อย่าเล่นอะไรแผง ๆ เสียงแหลมหวีดร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าของห้องย่อตัวเตรียมช้อนตัวเธอขึ้นอุ้ม“พาไปอาบน้ำไง” ธัญกรตอบเสียงเรียบคำตอบนั้นทำเอาแสงเทียนร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ก่อนจะรู้สึกท้องไส้บิดมวนปั่นป่วนอยู่ในช่องท้อง...อาบน้ำของเธอ คงไม่แคล้วนวดนาบไปด้วย คนหื่นเอ๊ย!และเป็นไปอย่างที่แสงเทียนคิดไว้ เมื่อเธอไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น จับตัวไม่ได้ก็โผล่เข้ามาใหม่อีกครั้งครานี้แสงเทียนหลบไม่ทัน จึงโดนคว้าตัวไว้ โดยไม่มันให้เธอได้ตั้งตัว ธัญกรจัดการถอดเสื้อผ้าของเธอ แล้วก็รีบจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเอง จากนั้นทั้งคู่ก็มีสภาพเปล่าเปลือยไม่ต่างกันบทรักร้อนแรงใต้ฝักบัวก็เริ่มขึ้นอย่างที่เธอไม่คิดว่าเขาจะอึดได้จริง ๆ เมื่อจูบแบบสูบวิญญาณเริ่มขึ้น ทำเอาเธอเกือบหมดลมหายใจ ทรุดลงไปนั่งอยู่บนพื้น หากไม่ติดที่วงแขนแกร่งโอบรั้งเธอไว้“อืมส์...”ธัญกรส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ กับการสัมผัสกลีบปากนุ่ม ที่ไม่เคยทำให้เธออิ่ม... จากนั้นสอดลิ้นเกี่
สุดท้ายแสงเทียนไม่อาจปฏิเสธความต้องการที่รุ่มเร้าเข้ามาในกายได้ โดยที่ธัญกรเป็นคนจัดมันก่อน จุดมาก็ตอบสนองให้... เธอก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาว ในขณะที่มือถูกดึงให้หยุดอยู่ที่หน้าอกตูมเมื่อเจ้าของเปิดทางแสงเทียนจึงตอบสนองกลับอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลไป เธอออกแรงบีบหน้าอกล้นมือนั้นด้วยความกลัดมัน“อ่าส์...”เจ้าของอกตูมครางออกมาแสงเทียนได้ใจจากนั้นเธอก็ดึงผ้าขนหนูออกจากกายงามเช่นเดียวกับธัญกรเองก็ดึงผ้าขนหนูออกจากตัวของแสงเทียนต่างฝ่ายต่างไร้สิ่งปกปิด จากนั้นต่างก็ประคองกันไปยังเตียงนุ่มที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบสีแดงละลานตาจัดแต่งเป็นรูปหัวใจ“อืม อืมส์...” ต่างคนต่างพรมจูบอีกฝ่าย แล้วส่งเสียงหวานตอบรับกัน จากนั้นัญกรก็ดันร่างบางให้นอนราบไปบนเตียงตัวเองขยับขึ้นค่อม แล้วใช้แขนเกี่ยวขางามให้ยกสูง ส่วนตัวเองก็ก้มหน้าลงไปยังช่องทางรักสีหวานทันที“อึก!” แสงเทียงส่งเสียงสะท้านไหว เมื่ออีกฝ่ายใช้ปลายจมูกโด่งกดลงไปตรงจุดอ่อนไว สลับกับริมฝีปากอุ่นฝากฝังตรงจุดนั้น ในขณะที่มือข้างหนึ่งขยำอยู่ตรงสองเต้ากลมสลับกันไปมาอย่างเป็นจังหวะ“อะ อ่าส์” ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายลิ้นพลิ้วแหย่ลึกลงไปในช่องแคบสลับกับ
“นั้นนะสิ แต่คงไม่เป็นอะไรหรอกมั่ง ไม่งั้นคงนั่งพิมพ์มือถือไม่ได้” แสงเทียนปลอบใจตัวเอง แต่สีหน้าก็ยังไม่คลายความกังวลธัญกรจึงยื่นมือไปกุมไหล่มนแล้วบีบเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ แล้วเอ่ยขึ้น“คงไม่เป็นไรหรอก หากมีอะไรร้ายแรงกว่านี้ คงมีข่าวจากใครบ้างแหละ อย่างเช่นจากคุณปรายฟ้า แต่นี่เงียบกันอยู่” แสงเทียนโล่งใจมากขึ้นเมื่อฟังเหตุผลของธัญกร“แล้วพี่ได้คุยกับใบข้าวอีกหรือเปล่า”“ไม่นะ หลังจากที่ทักทายเธอพร้อมกับเทียน พี่ก็ยุ่งต้อนรับแขกผู้หลักผู้ใหญ่ ก็ไม่ได้ตามไปคุยที่โต๊ะอีก”“ค่ะ ช่วงที่เธอกลับก็เห็นพี่ต้อนรับแขกผู้ใหญ่อยู่...”“เทียนไม่คิดอะไรมากแล้วใช่ไหม” ด้วยแคร์ความรู้สึก จึงอดถามไม่ได้“ไม่ค่ะ เพราะหลังจากนั้นเทียนก็เห็นเธอไปนั่งกับแขกผู้ชายที่เราเคยเจอในร้ายอาหารวันนั้น แล้วกลับออกไปด้วยกัน”“อ้อนั่นน้องชายเอลิสนะ”“อ้าว แล้วทำไม่เทียนไม่รู้”“น้องชายต่างแม่ พี่เองก็เพิ่งรู้ ตอนที่คุณเทวันเอามาแนะนำให้รู้จักนะ”เธอตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง สื่อให้เห็นถึงความคิดที่ไร้ข้อกังขาใด ๆแสงเทียนยิ้มตอบตาเป็นประกายมองใบหน้างามตรงหน้าเนิ่นนาน ...ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตของธัญกร
แม้มีบางคนได้พูดไว้ว่า...ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย หรือ ผู้หญิง การพึ่งตัวเองได้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ‘อัตตาหิ อัตโนนาโถ ตนนั้นแลคือที่พึ่งแห่งตน’ ...หากแต่ช่วงชีวิตหนึ่งเธอก็อยากให้ใครดูแลเช่นกัน“โอเค ผมขอเวลา เพื่อพิสูจน์ตัวเองในเรื่องหน้าที่การงานและการเปลี่ยนแปลง... ในช่วงนี้ผมขอให้ข้าวเป็นกำลังใจให้ผมนะครับ” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยออกมา ไม่มีแววล้อเล่น ใบข้าวสบตาพร้อมยิ้มรับ เธอควรให้โอกาสเขาและเพื่อให้โอกาสตัวเธอเพื่อเอาความรู้สึกใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่“ค่ะ ถึงตอนนั้น ข้าวคงพร้อมให้คุณเข้ามาพบพ่อแม่”ธามไทถึงกับโผเข้าสวมกอดร่างเปล่าเปลือย กดจมูกโด่งไปบนแก้มเนียนหลายครั้งติดต่อกันจนชุ่มปอด“ขอบคุณ ขอบคุณที่ข้าวให้โอกาสและเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ให้ผม” คนเคยเสเพลกล่าวน้ำเสียงตื้นตัน ใบข้าวสวมกอดเอวสอบด้วยความตื้นตันเป็นครั้งแรกเนิ่นนาน ก่อนบทรักครั้งใหม่จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้แถมความรู้สึกใหม่เข้ามาเติมเต็มจนห้องนอนเกือบกลายเป็นบ่อน้ำตาลดี ๆ นี่เอง... หนึ่งเดือนต่อมา บ้านเตชะรัฐซึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่จัดงานแต่ง เลี้ยงแขกแบบปุบเฟ่ โดยในงานประดับประดาด้วยดอกกุหลาบสีหวาน จัดเป็
บรรยากาศโดยรอบดูหดหู่ตาม มินตราและธานินมองหน้ากัน เพราะเขาทั้งสองไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้นานแล้ว แต่เพื่อความสะดวกใจของอีกฝ่าย จึงคิดว่าวันนี้จะปรับความเข้าใจกันใหม่ ก่อนจะหันมายิ้มให้กำลังใจอีกฝ่าย“เอาเป็นว่า อะไรที่ยังค้างคาใจ ขอให้ทิ้งไปได้เลย เพราะฉันทั้งสองไม่เคยเก็บสิ่งพวกนั้นมาบั่นทอนความมุ่งหวังที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า เพราะพวกฉันถือว่า ความก้าวหน้ามีให้คว้าอยู่ตลอดเวลา และ ‘หากไม่มีวันนั้น พวกฉันก็คงไม่มีวันนี้’ หวังว่าเราเข้าใจตรงกันแล้วนะ”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยเด็ดขาดของมินตรา ไม่มีใครไม่กล้ายอมรับความจริง โดยเฉพาะลินดาใบหน้าบิดเบี้ยวเมื่ออีกฝ่ายพูดจบนิ้วเรียวยกขึ้นกรีดน้ำตาที่ร่วงลงมาหยดแล้วหยดเล่า ด้วยความซาบซึ้งใจที่อีกฝ่ายไม่คิดหาความกับเรื่องที่ผ่านมาอีก“โอเค ทีนี้ก็มาว่ากันเรื่องอื่นนะ”ครานี้ธานิน คนอารมณ์ดีเป็นนิจเอ่ยขึ้น ธัญกรใจเต้นหวั่น ๆ ไม่อยากให้พ่อพูด จนอีกฝ่ายน้ำตาตกอย่างแม่อีก หากแต่นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ“บริษัทรับเหมาที่คุณปิยะดูแลอยู่ ผมได้พูดกับลูกธัญแล้วว่า หุ้นครึ่งหนึ่งยังเป็นของคุณเหมือนเดิม หากแต่เปลี่ยนคนบริหาร ไม่ใช่อะไรหรอกลูกธัญบอกว่า คุณปิยะควรวางม
“ขอบคุณค่ะแม่...” น้ำเสียงสั่นเครือพยายามเปล่งออกมาเมื่อผู้เป็นแม่ยืนยันความตั้งใจอีกครั้ง ก่อนจะก้มมองของขวัญบนคอตนเองผ่านกระจกเงา หากแต่ความสวยงามของเพชรนั้นกลับไม่เรียกความสดชื่นจากใบหน้าเธอได้ ก่อนจะหันมาโอบเอวผู้เป็นแม่แล้วซบใบหน้าลงเพื่อซึมซับความอบอุ่นที่นานมากแล้วเธอไม่เคยแสดงกิริยาแบบนี้เนิ่นนานกว่าร่างบางจะผละห่าง“กลัวหรือลูก” นางเอ่ยถามเมื่อพิศมองใบหน้าที่แต้มสีสันไว้เพียงบาง ๆ หากสวยน่ามอง แต่ตัดกับสีหน้าหม่นหมอง จนนางรู้สึกใจคอไม่ดีตามแต่ก็นั้นละ นางเองก็หวั่นอยู่ไม่น้อย แต่พยายามปิดความรู้สึกเอาไว้ ...เมื่ออีกฝ่ายให้โอกาสก็อยากทำในสิ่งที่สมควรที่สุด“...ค่ะแม่” เธอตอบกลับไปเสียงแผ่ว มือเรียวยื่นไปจับไหล่ลูกแล้วบีบเบา ๆ ให้กำลังใจ“เราออกกันไปกันเถอะ” นางเอ่ยชวนพร้อมดันร่างบางให้เดินนางรู้ว่าลูกสาวเครียดด้วยเรื่องใด หากไม่ใช่คำพูดของผู้เป็นพ่อในวันนั้น...‘อย่าให้พ่อรู้นะว่าลูกยังติดต่อกับฝ่ายนั้นอีก’ ทันทีที่ถูกซักถามจนได้ความผู้เป็นพ่อก็ออกคำสั่งห้ามทันที‘แล้วเรื่องที่เขาจะมาบ้านล่ะทำไง’ น้ำเสียงกริ่งเกรงเอ่ยถามสามี ที่บัดนี้หน้าบูดบึ้ง จนนางไม่อยากสู้หน้า‘จะมาทำไ
แม่บ้านคนสนิทส่ายหน้ารัว เธอจึงหันมองชายหนุ่มอีกครั้ง“คุณทำอะไรกับคนในบ้านข้าวคะ”“ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่บอกและแนะนำตัวก็เท่านั้น”“เท่านั้นของคุณ มันเท่าไหน”“ไม่เอานาที่รัก ผมแค่ให้ทุกคนรู้ว่าคุณเป็นเมีย และเท่ากับผมก็เป็นเจ้านายของเขา”“นี่จะบ้าหรือเปล่า คุณบอกคนของข้าวแบบนี้ได้ไง” เธอเอ่ยด้วยความผิดหวัง “บ้าที่ไหน” ธามไทเสียงอ่อนลง ไม่อยากทะเลาะกับหญิงสาวขึ้นมาดื้อๆ“บ้า ทำอะไรไม่บอกกล่าว น่าเกลียดที่สุด” เธอยังด่าไม่เลิก หากแต่แปลกใจไม่น้อยที่ดูอีกฝ่ายใจเย็นลง“อย่าด่าผมอีกเลยนะ” ประกายตาเว้าวอนหากแต่ใบข้าวจิกค้อนอย่างหมั่นไส้“ทำเกินไป ก็ต้องด่าสิ คุณพูดดีรู้เรื่องซะที่ไหน” “โธ่ ผมทำแค่นั้นเอง” เขาอุทธรณ์ เสียงแผ่ว ผิดจากก่อนหน้านั้น ป้าพาซ่อนยิ้มความรักหนุ่มสาวช่างร้อนแรงไม่ว่าสมัยไหน เฮ้อ...คนสูงวัยได้แต่ถอนหายใจใบข้าวหน้าแดงก่ำทั้งอายทั้งโกรธ อาการเหมือนเสือสิ้นลาย ผิดจากก่อนหน้า ที่สำคัญเขาแสดงอาการนั้นต่อหน้าคนในบ้านอีก ไม่อายก็ด้านแล้ว! “แค่ไหนของคุณ ต่อไปห้ามไปแสดงตัวแบบนี้กับใครอีกเข้าใจไหมคะ”“ครับ แต่...” เขารับคำแต่มีประโยคทิ้งท้ายสายตาพราว ใ
ใบข้าวเดินกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าหม่นหมองเมื่อการถูกรักแต่เธอไม่ได้รู้สึกรักตอบ กับการรักเขาแต่เขาไม่รักตอบ คนที่อยู่ตรงจุดนั้น คงเจ็บไม่ต่างกับเธอตอนนี้สินะ...“กลับมาแล้วเหรอ” เท้าบางที่พาตัวเหม่อลอยเดินเข้าบ้านหยุดชะงัก ก่อนจะมองต้นเสียงที่คุ้นเคย“ธามไท...” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาคล้ายกระซิบ คาดไม่ถึงก่อนจะหันมองไปอีกทางและเห็นว่ารถคันหรูที่ธามไทใช้อยู่เป็นประจำจอดอยู่ บ้าจริง! เธอก่นด่าตัวเอง เพราะมัวแต่เหม่อลอยจึงไม่ทันได้สังเกต กว่าจะไหวตัว ก็ไม่ทันแล้ว“มาเมื่อไหร่แล้วคะ” แม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่กล้ารุนแรงที่เธอขัดคำสั่ง แต่ก็หวั่นใจไม่ได้ เมื่อบ้านหลังใหญ่หลังนี้ มีแค่เธอกับคนใช้อีกสองคนเท่านั้น ที่สำคัญเธอไม่อยากให้เรื่องถึงหูพ่อแม่ ที่กำลังเดินทางเที่ยวรอบโลกอยู่ในขณะนี้ใบหน้าที่รอคอยอย่างมีความหวัง เจือแววผิดหวัง เมื่อผู้หญิงที่ตนเองตั้งหน้าตามหา ไม่ได้แสดงอาการดีใจแม้แต่น้อย“มานานแล้ว ตั้งแต่รู้ว่าใบข้าวหนีผมมาจากห้อง...” น้ำเสียงเจือแววน้อยใจ มองหญิงสาวด้วยสายตาผิดหวัง “ร้ายนักนะ ผมแค่เผลอหลับไปหน่อยเดียวก็หนีผมทันที รอจังหวะอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ” น้ำเสียงขุ่นข้นตามอารมณ์ที่หลั่
“แม่ จะบ่นอะไรธัญอีกคะ”เธอโอดครวญ เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังนั่งกวักมือเรียกอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม โดยมีผู้เป็นพ่อนั่งอยู่ที่เดิม“อย่าบ่นอะไรธัญเลยนะคะ นี่ก็หาลูกสะใภ้เก่ง ๆ มาให้พ่อกับแม่แล้วไง” นั่งลงแล้วซุกใบหน้าลงบนไหล่ผู้เป็นแม่ “โอ๊ย แม่เจ็บ ๆ”ออดอ้อนได้ไม่ทันไรก็ต้องร้องเสียงหลง เมื่อนิ้วเรียวงามหนีบลงบนสีข้างแรงจนเธอสะดุ้งโหยง แต่ก็ไม่ได้คิดปัดป้องหรือเอี้ยวตัวหนีแต่อย่างใด“แม่นี่ปวดหัวกับลูกจริง ๆ เลยนะ คราก่อนแม่เตือน เรื่องหนูใบข้าว ไม่ทันไรก็เรื่องหนูเทียนอีก”“ตอนไหนแม่”“ก็ครั้งก่อนโน่นไง ที่แม่รู้มาว่าลูกกำลังหลอกให้หนูใบข้าวทำอะไร แล้วให้ความหวังอะไรกับเธอไว้ล่ะ แม่กลัวจะเป็นเรื่องจะแย่ แล้วนี่อะไร...เฮ้อ ไม่ไหวจริง ๆ เลย” คำพูดเท้าความทำให้ธัญกรคิดได้...งั้นโธ่...ไอ้เราก็เข้าใจว่าแม่เอ่ยถึงเรื่องที่จะจัดการกับคู่อริเสียอีก ดันมาเป็นห่วงเรื่องใบข้าวซะงั้น“แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องธัญกับใบข้าวหรอกค่ะ เธอมีคนอื่นมานานแล้ว ที่ยังไม่รู้ใจตัวเอง”คำพูดและสีหน้ายืนยันหนักแน่น ระหว่างเธอกับใบข้าวเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน“ให้มันจริงเถอะ แม่กลัวว่าเธอจะมาทลายความฝันให้ล้มไม่เป็นท่าเ
หลังจากที่ป้าจันเดินออกไปแล้วบรรยากาศในห้องโถงก็เงียบไป ด้วยความประหม่าด้วยกันหรือไรก็ไม่อาจทราบได้ และเมื่อบรรยากาศชวนอึดอัดมากขึ้น เจ้าของบ้านที่เพิ่งมาถึงจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น“ปิยะสบายดีอยู่ไหม” ธานินเอ่ยถามถึงเพื่อนรักลินดาเหลือบตามองชายร่วมหุ้นสามีเมื่อครั้งอดีต กึ่ง ๆ ละอายแก่ใจ ก่อนจะเอ่ยตอบไม่เต็มเสียงนัก“ก็...สบายดี” ตอบไปฝ่ามือก็ถูกันไปมาจนชื่นเหงื่อ“ผมขอโทษด้วยนะ ที่ลูกผมทำเรื่องยุ่งยากให้ เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้ถูกต้องโดยเฉพาะเรื่องหนูแสงเทียน”คำพูดจริงจังและหนักแน่นไหลเข้ามากระทบโสตประสาท ทำให้หลายคนในที่นั้นเงียบงันคำว่า เรื่องทุกอย่างสะดุดหู ก่อนจะค่อย ๆ หายใจไม่ออก เมื่อก้อนแข็ง ๆ อัดแน่นขึ้นมาจุกอยู่ในอก โดยเฉพาะลินดาหน้าซีดเผือด คิดไม่ถึงว่าคู่ผัวเมียจะยอมพูดแค่เรื่องที่กำลังเกิดขึ้น โดยไม่กล่าวถึงเรื่องในอดีตที่ครอบครัวนางได้ทำเอาไว้...น่าละอายใจจริง!“พ่อจะการเรื่องอะไรอีกคะ ก็ธัญจัดการไปหมดแล้ว” ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจริงจังไหวระริก คาดหวัง หากพ่อจะตำหนิเรื่องที่เธอก่อขึ้นก็พร้อมยอมรับฟัง หากแต่ประโยคท้ายชัดเจนจนไม่ต้องค้นหาคำตอบอีกต