ชายหนุ่มยิ้มหยัน ไม่ใช่ว่าเขาจะดูถูกเพศแม่ แต่ผู้หญิงที่เขาเคยเจอไม่เคยหนีเรื่องเงินพ้นสักราย แม้กระทั่งบางคนที่สวยเลิศเชิดหยิ่ง ก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับอำนาจแห่งเงินตราที่เขามอบให้เลย อีกอย่างการทานอาหารกับโซเฟียน่า ก็น่าจะทำให้เขาได้ข้อมูลอะไรจากปากหญิงสาวบ้าง ยังได้รักษาน้ำใจของว่าที่ภรรยา เพื่ออนาคตที่สว่างสดใสของเขาอีกด้วย
“ก็ได้ แต่พี่ต้องไปโทรศัพท์ก่อน โซเฟียก็สั่งอาหารรอได้เลย”
“ค่ะพี่เกล” โซเฟียน่าตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอมองตามร่างชายหนุ่มที่ไปโทรศัพท์อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องอาหาร ส่วนเธอก็...เรื่องอะไรจะให้การทานอาหารมื้อนี้เป็นเรื่องลับๆ ละ
โซเฟียน่าควานหาโทรศัพท์เพื่อโทรหาผู้จัดการส่วนตัวให้จัดการเรียกนักข่าวมาทำข่าว แล้วก็ต้องรีบวางโทรศัพท์ในมือลง เมื่อเห็นเกเบรียลเดินกลับมา เธอรู้ว่าเขาไม่ชอบให้เป็นข่าว แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่น่า เธอต้องการให้ข่าวนี้ไปถึงหูคุณย่าของชายหนุ่ม จะได้ประกาศตัวให้กับสาวๆ ที่เรียงรายอยู่รอบตัวชายหนุ่มได้รู้ว่า…ผู้ชายคนนี้มีเจ้าของแล้ว!
“มีอะไรหรือโซเฟีย พี่เห็นเรายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นานแล้วนะ” เกเบรียลถาม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้ทานอาหารที่สั่งมาเลยสักนิด แถมยังเอาแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เสียจนเขาได้แต่แปลกใจ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่เพียงแค่กำลังคิดว่า ถ้าไม่ไปถ่ายแบบที่ฝรั่งเศส โซเฟียจะไปเที่ยวกับพี่ได้หรือเปล่า”
“พี่ไปทำงาน วันๆ ก็คงจะอยู่แต่กับผู้จัดการสาขา คงไม่มีเวลาพาโซเฟียไปเที่ยว ถ้าโซเฟียเบื่อ จะมาบ่นว่าพี่ไม่ได้นะ”
“มันก็จริงนะคะ ถ้าพี่เกลไม่ทำงานก็คอยแต่แวบไปหาหญิงคนอื่นก็ว่าไปอย่าง แต่แหม...พี่เกลก็ใจร้ายอยู่เหมือนกัน ทำอะไรไม่เคยนึกถึงใจโซเฟียบ้างเลย ว่าจะเจ็บช้ำแค่ไหน” หญิงสาวเอ่ยอย่างตัดพ้อต่อว่า เธอหรืออยากให้ชายหนุ่มมาชวนไปโน่นมานี่บ้าง แต่ก็ไม่เคยที่จะมีสักครั้ง ขนาดว่าไปงานเลี้ยง เธอยังต้องควงบิดาและไปเจอกับชายหนุ่มในงานเลย
“ใครว่าล่ะ พี่เห็นว่าเราไม่ว่างต่างหาก”
“ใครบอกละคะ สำหรับพี่เกล โซเฟียว่างเสมอ” หญิงสาวสะบัดค้อนให้ชายหนุ่มอย่างแง่งอน “คอยดูนะกลับจากฝรั่งเศสคราวนี้ โซเฟียจะหยุดงาน ไปเฝ้าพี่เกลทั้งวันเลย” หญิงสาวพูดอย่างหมายมั่นปั้นมือ เพราะถ้าเธอได้อยู่ใกล้ๆ กับเกเบรียล ความสวยสดและน่ารักที่มี คงจะดึงเอาหัวใจชายหนุ่มมาครอบครองได้ไม่ยากเลย
ไม่ใช่ว่าเธอจะหลงตัวเอง เพราะใครๆ ต่างก็ชมว่าเธอสวยและน่ารัก และก็อยากที่จะมาเป็นคู่ควงคู่ครองของเธอแทบทั้งนั้น
กริ๊งๆ กริ๊งๆ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการพูดคุย ทำเอาโซเฟียน่าถึงกับทำสีหน้าบึ้งตึง “ใครกันนี่ช่างโทรมาขัดจังหวะจริงๆ เลย คอยดูนะถ้าไม่มีเรื่องสำคัญ โซเฟียจะอาละวาดให้น่าดูชมเลย” หญิงสาวฝากคำอาฆาตไปแล้วก็ต้องให้รำคาญใจเป็นยิ่งนักกับสิ่งที่ได้ยินมา
“พี่เกลขา โซเฟียต้องไปถ่ายซ่อมและลองชุดที่จะเอาไปถ่ายแบบที่ฝรั่งเศส โซเฟียต้องขอตัวไปก่อนนะคะ” หญิงสาวบอกและหยิบจับของใส่กระเป๋า แต่ก็ไม่ยอมให้ช็อตเด็ดพลาดไป เธอเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม ยื่นหน้าไปจุมพิตปากหนา เพื่อให้ช่างถ่ายรูปที่แอบซ่อนอยู่ได้ถ่ายรูปเธอกับเกเบรียลกำลังหวานชื่นกันอย่างชัดๆ
“แล้วเจอกันนะคะพี่เกล เสร็จงานแล้วโซเฟียจะโทรหา”
เกเบรียลพยักหน้ารับและหันมองรอบๆ ห้องอาหาร เมื่อครู่เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีคนจับตามองอยู่ แต่พอมาตอนนี้สายตาที่คอยจ้องหายไป พร้อมกับการเดินทางไปของโซเฟียน่า หรือว่าเขาจะคิดไปเอง ชายหนุ่มสะบัดศีรษะ ยื่นมือไปรับบิลที่พนักงานส่งมาให้เซ็นจ่ายค่าอาหารและลุกเดินไปขึ้นรถ
ชายหนุ่มเดินไปทุ่มตัวลงบนเตียงนอน ที่ตอนนี้มีนูนเหมือนกับมีใครบางคนนอนรอยคอยเขาอยู่ รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าคมคร้าม
“มาเปิดแอร์เย็นๆ นอนรอพี่บนเตียงเลยหรือสาวน้อย” ชายหนุ่มถาม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ เขาจึงดึงผ้าห่มนวมออกช้าๆ แล้วก็ต้องให้แปลกใจกับคนที่นอนอยู่เบื้องหน้า
สาวน้อยผิวสีน้ำผึ้ง ใบหน้ารูปไข่ ขนตายาวงอน จมูกโด่งรับกับริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูอิ่มเต็ม เรื่อยลงไปตามลำตัว แม้ว่าจะมีเสื้อผ้าปกปิดอยู่ แต่ความอวบอิ่มที่เขาเห็นจากภายนอกยังโดดเด่นชัดเจน
ชายหนุ่มไล่สายตาลงไปเรื่อยๆ แล้วก็ต้องให้แปลกใจยิ่งขึ้น เมื่อแม่สาวน้อยที่จะมาทำงานให้เขาดันสวมใส่กางเกงยีน เขาไล่มองกลับไปด้านบนอีกครั้ง
“เธอช่างน่ารักมาก” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วราวกับตกอยู่ในมนต์สะกด
ชายหนุ่มเคลื่อนมือไปไล้ริมฝีปากสีชมพู ใบหน้าคมก้มตามลงไปอย่างช้าๆ ก่อนจะแนบจุมพิตลงบนเรียวปากนุ่มแผ่วเบา แม้ว่าคนเบื้องล่างจะยังไม่ได้สติ แต่ความอ่อนหวานที่ ได้รับ ทำเอาเกเบรียลถึงกับปวดร้าวเรือนกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เธอนี่ท่าทางจะร้อนแรงไม่ใช่เล่นเลยนะสาวน้อย ทำเอาฉันทั้งร้อนและกระชุ่มกระชวยจนเนื้อเต้นแบบนี้”
ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยได้หลับนอนกับผู้หญิงเสียเมื่อไหร่ แต่กับหญิงสาวที่นอนหลับสนิทตรงหน้า มันแตกต่างออกไป ความปรารถนาเอ่อล้นขึ้นมาอย่างหักห้ามใจเอาไว้แทบไม่ไหว แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ทำให้เขาอยากปกป้อง ที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้
ชายหนุ่มกดจุมพิต บดคลึงลงไปอย่างหนักหน่วง แต่เพราะหญิงสาวหลับอยู่ มันทำให้เขารู้สึกไม่อิ่มเต็มในรสสวาทที่ได้รับ เขาถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย พยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ลง ก่อนจะเอนตัวลงนอน โอบแขนรอบลำตัวบอบบาง
ดูซิแค่ได้เห็นหน้า...ได้สัมผัส แค่นิดเดียวเท่านั้น ภาพของเธอติดตรึงอยู่ในสมอง กลิ่นหอมหอมของผิวกายนุ่ม ตามติดฝังแน่นในใจเสียจนเขาปิดตาลงไม่ได้
เออ...แล้วเขาจะทนกับความต้องการทำไม ก็เพียงแค่ผู้หญิงที่ขายเรือนร่างแลกกับเงิน
ดูเหมือนว่าหญิงสาวที่นอนอยู่จะนอนพักผ่อนเอาแรงเพียงพอแล้ว ร่างบอบบางจึงเริ่มมีการเคลื่อนไหว สร้างรอยยิ้มให้กับเกเบรียลเป็นอย่างมาก เพราะว่าเขากำลังคิดว่าจะปลุกเธอให้ตื่น ด้วยสัมผัสหวานๆ อยู่พอดี
ที่นี่ที่ไหนกัน...ภูตะวันกะพริบตาปริบๆ ดวงตากลมโตพร่าเลือนเมื่อได้เจอกับแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่ สมองก็เริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ก่อนจะเบิกตากว้าง จำได้ว่าตอนที่หนีคนพวกนั้นเข้ามาแอบอยู่ในห้องนี้...ไฟไม่ได้สว่างโร่แบบนี้ แล้วไหนจะยังมีอะไรหนักๆ ที่ทับอยู่บนลำตัวอีกล่ะเกเบรียลพลิกกายแนบชิดลำตัวบอบบาง รอยยิ้มแต้มบนใบหน้า ดวงตาคมดุสบกับดวงตากลมโตใสแจ๋วที่มองเขาอย่างตื่นตระหนก หัวใจเธอเต้นแรงและเร็วราวกับจะทะลุออกจากอกจนเขารับรู้ได้ เช่นเดียวกับใบหน้าผุดผาดที่ยั่วยวนให้เขาหลงใหลภูตะวันหายใจหายวาบ จะร้องแต่ก็โดนปิดด้วยปากอุ่นร้อนจากคนที่ทาบทับอยู่ เธอพยายามดันกายใหญ่ให้ออกห่าง แต่ก็เหมือนว่าเอามือไปผลักหินผา ที่ไม่มีทีท่าจะขยับเขยื้อนเอาเสียเลย แล้วหญิงสาวก็ต้องตื่นตระหนกยิ่งขึ้น เมื่อเจอกับสัมผัสร้อนผ่าวที่ลามเลียอยู่ทั่วใบหน้า“ผิวเธอทั้งนุ่มและหอมมากเลยนะสาวน้อย”ชายหนุ่มจูบเรียวปากนุ่มอย่างหนักหน่วง ขบกัดแล้วแทรกลิ้นร้อนๆ เข้าไปควานหาความหวานละมุนในโพรงปากนุ่ม จุมพิตราวกับจะกลืนกินภูตะวันเข้าไปหมดทั้งตัว“อื้อ...ปล่อย”เกเบรียลจับมือเรียวขึ้นไปตรึงไว้เหนือศีรษะ รอยยิ้มไม่ห่างหายจาก
ความร้อนผ่าววนเวียนอยู่รายรอบทำให้เธอทำตัวไม่ถูก ได้แต่ปล่อยกายปล่อยใจ ไปกับสัมผัสที่สร้างความปั่นป่วนให้ทรวงอกอิ่มสะท้อนขึ้นและลงตามแรงหายใจรัวเร็ว มือที่วางอยู่บนบ่าเริ่มเคลื่อนไหวตามเรือนกายใหญ่อย่างสะเปะสะปะสร้างความปวดร้าวให้กับเกเบรียลเป็นอย่างสูง“เธอคงเพิ่งมาทำงานอย่างนี้ซินะ” เกเบรียลถามขณะเคลื่อนมือไล่ลงไปด้านล่าง ไล้วนบนหน้าท้องเนียนเรียบ ผิวเนื้อหญิงสาวเนียนนุ่มดุจใยไหมและหวานละมุนราวกับอยู่ท่ามกลางท้องทุ่งดอกไม้ เรือนกายเธอช่างบอบบางนัก จนเขาถึงกับกลัวว่าถ้าเขาแตะแรงไปสักนิด มันจะบอบช้ำและเป็นรอย ปากหนาเคลื่อนตามมือใหญ่ลงไปเรื่อยๆ“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะไม่รุนแรง...จะค่อยๆ ถนอม ทำให้เธอมีความสุข”ริมฝีปากร้อนราวกับถ่านไฟทาบทับกึ่งกลางท้องเนียนเรียบ มือใหญ่ปลดตะขอกางเกงของหญิงสาวออก สองมือช้อนระโพกและดันกางเกงออกไปอย่างช้าๆ ด้วยความยินยอมของหญิงสาวเอง ที่ตอนนี้ไม่รู้ตัวแล้วว่ากำลังทำอะไรอยู่กางเกงหลุดลอยปลิวไปจากร่างเล็ก มือใหญ่ก็ฟอนเฟ้นสะโพกหนั่นแน่น โดยยังไม่แตะต้องบางส่วนของร่างกายหญิงที่อ่อนไหวที่สุดเกเบรียลเคลื่อนตัวขึ้นไปมอบจุมพิตให้หญิงสาว บอกให้เธอช่วยเขา
ภูตะวันคิดตามคำพูดของชายหนุ่ม แล้วก็ต้องให้เบิกตากว้าง อ้าปากค้าง เธอสบกับดวงตาคมดุแล้วก็ส่ายศีรษะ“ปะ...เปล่านะคะ ฉันไม่ได้ทำงานอย่างว่า ฉัน..ฉันแค่เข้ามาหลบคนร้าย ที่กำลังตามล่าตัวฉันอยู่เท่านั้นเอง” หญิงสาวบอกเสียงสั่นเกเบรียลเลิกคิ้วสูง มองแม่นักปั้นเรื่องตรงหน้าแล้วก็ส่ายศีรษะให้ เขารู้ว่าผู้หญิงแต่ละคนจะมีเทคนิคและวิธีการเรียกร้องความสนใจจากเขาแตกต่างกันไป แต่ไม่คิดว่าแม่สาวน้อยที่เขายังไม่รู้จักชื่อ จะสร้างเรื่องโลดโผนได้เก่งขนาดนี้“คุณเชื่อฉันนะคะ” ภูตะวันย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นความไม่เชื่อใจในแววตาดุคม “ฉัน...ฉันหนีเขามาจริงๆ ““ทำไมเธอต้องหนีเขาด้วยละ”“ฉันไม่รู้ อยู่ดีๆ พวกนั้นก็วิ่งตามฉันมา”“เธอสร้างเรื่องเก่งนะสาวน้อย แต่โทษที เผอิญว่าฉันไม่เชื่อ ว่าแต่เราก็คุยกันมานานแล้ว ชื่อฉันเธอคงจะรู้จักแล้ว แต่ชื่อเธอฉันยังไม่รู้จักเลย แล้วฉันจะได้เรียกถูกได้ไงกัน”“ฉันชื่อภูตะวัน แล้วฉันก็ไม่ได้สร้างเรื่องด้วย” ภูตะวันบอกอีกครั้งหวังว่าจะทำให้ชายหนุ่มเชื่อ แต่เมื่อเห็นว่าเขาส่ายหน้าแล้วก็ให้จนคำพูด จึงได้แต่คิดหาหนทางเอาตัวรอดจากชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง“ภูตะวัน...ชื่อเธอแปลกดีนะ
รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าของพยัคฆ์หนุ่มที่มองหมายจะตะครุบเหยื่อ ในเมื่อหญิงสาวกล้าที่จะใช้ร่างกาย เพื่อแลกกับข้อมูลจากเขา เธอก็จะได้เจอกับนรกจากมือเขาเหมือนกัน‘แล้วเราจะได้รู้กันแม่สาวน้อย ว่าใครมันจะแน่กว่าใคร เพราะเธอจะต้องแทนฉันอย่างสาสม โทษฐานที่กล้าบุกถ้ำเสือ’ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนแนบข้างภูตะวัน สมองก็เริ่มคิดว่าจะลงโทษหญิงสาวอย่างไรดีให้สาสมกับที่เธอกล้าลองดีกับเขา แต่สิ่งหนึ่งที่เขายังคงชอบและโกรธไม่ลง เมื่อคิดว่าเธอจะต้องทำให้เตียงเขาร้อนเป็นไฟชายหนุ่มโอบกอดร่างบอบบางดึงเข้ามาหาตัวจนแนบสนิทไปทั่วสรรพางค์ เขาหัวเราะกลั้วคอ เมื่อคิดได้ว่าเขาจะทำไงกับหญิงสาวที่นอนแนบข้างอยู่ แล้วยังจะได้เอาคืนคนที่กล้าเล่นงานเขาด้วยวิธีสกปรกๆ แบบนี้อีกด้วยภูตะวันก้มมองมือที่จับแขนของเธอไว้ ด้วยความหวาดกลัวระคนตื่นเต้น เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่เดินเคียงข้าง พาเธอเดินเข้าไปพักในโรงแรมใหญ่และหรูหราของกรุงโรมการเดินทางแห่งแรกที่ชายหนุ่มบังคับเอาตัวเธอมา แม้ว่าเธอจะขัดขืนเพียงใด แต่ก็ต้านทานอารมณ์และแรงของชายหนุ่มที่มีมากกว่าไม่ได้เสียดายยิ่งนัก เพราะเมื่อได้มาเยือนที่นี่ ที่แห่งแรกที่อยากจะท่องเที่ยว
ชายหนุ่มโน้มหน้าไปแนบจุมพิตบนเรียวปากนุ่ม ปลายลิ้นเกาะเกี่ยวกวาดไล้หาความหวานภายในโพรงปากนุ่มอย่างเชื่องช้า“เธอทำใจให้ชินกับสัมผัสของฉันดีกว่าตะวัน”เกเบรียลลูบไล้ผิวเนื้อเนียนนุ่ม แต่เพราะว่าหญิงสาวยังคงมีเสื้อผ้าปกปิดเรือนกายอยู่ เขาจึงค่อยๆ ม้วนเสื้อตัวเล็กที่ตัวเองนั่นแหละเป็นคนเลือกให้ออกและโยนทิ้งไป“ฉันอยากได้ยินเสียงหวานๆ ของเธอ”ใบหน้าคร้ามแกร่งคลอเคลีย ปากหนาบดเบียดเคล้าคลึงควานหาความหวานจากโพรงปากนุ่ม มือก็ลูบไล้ไล่ลงไปหาทรวงอกคู่งามที่เคยได้ยลโฉมและกลืนกินมันมาแล้วครั้งหนึ่ง ความหวานที่ได้รับยังทำให้เขาติดใจจนลืมไม่ลงแม้ว่าสิ่งที่เขาสัมผัสอยู่มันจะมีปราการขวางกั้น แต่ก็ขัดความต้องการของเขาไม่ได้ ปากอุ่นขบเม้มลากไล้ไปบนผิวเนื้อใยไหมสร้างความปั่นป่วนราวให้กับภูตะวันจนร้อนราวกับถูกไฟเผาใบหน้านวลแหงนหายไปด้านหลัง ผมยาวสลวยหลุดลุ่ยออกจากเชือกที่มัดไว้ แต่แทนที่จะน่ารำคาญ มันกลับกระตุ้นเกเบรียลให้ร้อน เพราะผู้หญิงที่ตอนนี้หาใช่สาวน้อยแล้วไม่ แต่ได้กลายเป็นแม่สาวสุดเซ็กซี่ ที่ทำให้เขาอยากกระโจนลงไปในกองเพลิงพิศวาสอย่างเร็วที่สุด“ดีมากเลยภูตะวัน...ผิวเธอทั้งนุ่มและหอม” แต่เขาย
“คุณเกล...เจ็บ...” ภูตะวันรีบร้องบอกพร้อมกับถอยร่างหนีความเจ็บปวดที่แทรกเข้ามาพำนักในเรือนกาย นิ้วเล็กๆ ลากแรงๆ บนอกกว้างจนเกเบรียลถึงกับสะดุ้ง“อดทนนิดนะ เดี๋ยวก็หาย”ชายหนุ่มปลุกปลอบด้วยการส่งลิ้นสากร้อนตวัดกลืนกินเกสรนุ่มรัวเร็ว นิ้วยาวร่วมเคลื่อนไหวขับไล่ความเจ็บให้หญิงสาวเจ็บปวด แต่ภูตะวันก็ยังคงถอยหนีเห็นทีเขาคงจะต้องใช้อีกวิธีเพื่อคลายความเจ็บให้ภูตะวัน เขาพรมจูบไล่ขึ้นไป พร้อมจับขาเรียวให้โอบรอบลำตัวแกร่ง ขณะส่งนิ้วไปทำความรู้จักเส้นทางคับแน่นอย่างเชื่องช้า...“ฉันจะทำให้เธอสบายตัว”ภูตะวันได้แต่ส่งเสียงอือๆ อาๆ ด้วยมีทั้งความเจ็บปวดและเสียวซ่านในคราวเดียวกัน จนเธอไม่รู้ความรู้สึกใดมันจะมากกว่า ทำได้เพียงกดมือบนร่างใหญ่ โพรงปากนุ่มถูกซอกซอนกวาดไล้จากเรียวลิ้นสากร้อน ขณะลำตัวก็จับต้องอย่างหนักหน่วงเกเบรียลอุ้มหญิงสาวพาไปเอนลงบนเตียงใหญ่ทั้งที่ยังบดเบียดจุมพิตบนเรียวปากนุ่ม เขาทาบกายตามติดร่างอรชร พร้อมเคลื่อนนิ้วไปอย่างแผ่วเบากลางเรือนกายสาว พลางบอกให้ภูตะวันช่วยปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่เหลือออกจากายเขา และหญิงสาวก็ทำตามเหมือนโดนมนต์สะกดกางเกงสองชิ้นหลุดออกจากใหญ่ อาวุธร้อนก็บดเ
สองเรือนกายหล่อหลอมสอดผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน สายธารร้อนผ่าวไหลบ่าล้นทะลักจากสองเรือนกาย แขนแข็งแรงรัดรอบร่างบอบบาง กดรั้งจนมันจมหายไปในอกกว้าง เสียงร้องแหบพร่าดังจากสองร่าง ก่อนที่เกเบรียลจะฟุบใบหน้าลงซบกับทรวงอกนุ่มเป็นครู่ใหญ่กว่าที่ชายหนุ่มจะฟื้นตัวและเงยหน้ามองภูตะวันที่ยังคงมึนงงกับรสสัมผัสที่ได้รับ ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตหวานฉ่ำเยิ้มและเชิญชวนโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัวแม้จะเสร็จสิ้นบทรักไปแล้ว แต่เกเบรียลยังแนบกายสนิทชิดกับร่างนุ่ม ดูเหมือนว่าความอบอุ่นอ่อนหวานจากหญิงสาวตรงหน้าทำให้เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“อุ้ย!” ภูตะวันขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน “คุณขยับออกไปนิดได้ไหม ตะวัน...อึดอัด” เธอวางมือบนบ่ากว้าง อึดอัดคับแน่นจากกายแกร่งที่ยังพำนักอยู่ ไหนจะความเสียวซ่านที่เริ่มรุมเร้าใหม่อีกครั้ง ใบหน้าสวยเอ่อแดงระเรื่อยิ่งขึ้น ดวงตาหวานฉ่ำเยิ้ม“ผิดกับฉันนะ ยังรู้สึกไม่พอ ไอ้ที่ได้ไปตะกี้มันนิดเดียวเอง”ไม่รู้ว่าใครนะช่างส่งแม่สาวแสนสวยนี่มาให้ เขาคงจะต้องขอบคุณไปสักครั้ง...เมื่อมีโอกาสเกเบรียลจูบปากอิ่มเต็มอย่างอดใจไม่ได้ มือลูบไล้ไปตามลำตัวนุ่ม ด้วยความปรา
ภูตะวันตัวสั่น สมองเริ่มไม่สั่งการ เมื่อถูกชายหนุ่มปลุกเร้าด้วยความชำนาญ “ตะวัน...ตะวัน...ไม่รู้...” หน้าท้องเนียนนุ่มบิดเกร็ง ทรวงอกอวบอิ่มเคลื่อนไหวตามแรงหายใจ ความร้อนผ่าวจากกายใหญ่ทาบทับแนบชิดกับกลีบดอกไม้อันอ่อนเยาว์ทำให้อารมณ์เธอกระเจิดกระเจิงมากยิ่งขึ้น“ถ้าฉันทำแบบนี้ละตะวัน” ชายหนุ่มถาม ละมือจากทรวงอกอวบ เคลื่อนลงไปตามลำตัวเนียนนุ่มอย่างเชื่องช้า จนได้พบกับกุหลาบอ่อนเยาว์ เขาส่งนิ้วมือเข้าไปซอกซอนหาความอบอุ่นจากกลีบกายสาวอย่างไม่รอช้า“อื้อ...คุณเกล...” ภูตะวันส่ายศีรษะ“เรียกฉันทำไมล่ะตะวัน” เกเบรียลถาม ปลายนิ้วเขาสำรวจความลึกล้ำตามธรรมชาติของกลีบกายบอบบางและนุ่มนวล“หรือว่าไม่ชอบให้ฉันทำแบบนี้..” ชายหนุ่มยังคงถามมาอีก ทั้งที่รู้ว่าคนที่นอนตัวอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างกำลังวอนขอให้เขาช่วยเหลือ และต้องการให้เข้าครอบครองเธออีกครั้ง“ไม่รู้...”ภูตะวันร้อนผ่าวไปทั่วร่าง มือเล็กลูบไล้ไปบนลำตัวแกร่ง พลางขยับให้แนบชิดกับร่างแกร่ง แต่ก็เหมือนกับว่าชายหนุ่มแกล้งเธอ หญิงสาวร้องครางอย่างเสียอารมณ์เมื่อชายหนุ่มเคลื่อนกายหนีเกเบรียลหัวเราะกลั้วลำคอ ขณะจับมือเรียวมาวางกึ่งกลางลำตัว แต่หญิงสาว
“ไม่นะตะวัน ไม่นะคนดี ฉันขอโทษ ฉันรักตะวันนะ รักมากด้วย แต่ฉัน...ฉันพูดไม่ออก” เกเบรียลพูดรัวเร็ว จนไม่รู้เลยว่าตัวเองได้หลุดปากคำว่ารักไปแล้วภูตะวันยิ้มกว้าง รอคอยว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรกับเธอต่อไป ดวงตากลมโตเป็นประกาย ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ“ฉันขอโทษนะตะวัน ฉันรักตะวัน...ตะวันอย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันคงจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ” แขนใหญ่รัดร่างบางเข้าหา“แต่งงานกับฉันนะตะวัน”“คุณเกลรักตะวันและจะแต่งงานกับตะวันจริงหรือคะ”“ฉันระ...ระ...” พอมาถึงตอนนี้คำว่ารักมันก็เริ่มจะติดที่ปากอีกแล้ว“ถ้าไม่บอกรักให้ตะวันได้ยินชัดๆ อีกครั้งตะวันไม่แต่งงานด้วยจริงๆ นะ” ภูตะวันขู่กลับบ้าง“ก็ได้...เอ่อ...”“ถ้าคุณเกลอายนะคะ พูดใกล้ๆ หูให้ตะวันได้ยินคนเดียวก็ได้”ภูตะวันให้ทางเลือก เพื่อไม่ให้คนที่รักอายจนเกินไป เพราะแค่นี้ใบหน้าเกเบรียลก็แดงเป็นกุ้งต้มไปเรียบร้อย สองแขนที่โอบรอบเอวก็สั่น มือที่นาบอยู่ด้านหลังก็เย็นจนเธอสัมผัสได้ปากหนาร้อนแนบชิดใบหูนุ่ม เขาไม่เคยที่จะรู้สึกแบบนี้เลย มันอายและเขินยังไงก็ไม่รู้ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวหัวใจเต้นแรงและเร็วราวกับจะทะลุออกมาจากอกเกเบรียลสูดลมหายใจเข้าปอด หลับตาลง แล้วก็เอ
“ให้มันแน่เถอะตะวัน ถามคนนั้นหรือยังละ ว่าเขาให้ตะวันนอนบ้านตรีหรือเปล่านะ” ตรีประดับบุ้ยใบ้ไปที่ชายหนุ่มที่ยืนหน้าเครียดเคร่งขรึม จ้องมองภูตะวันอย่างน้อยใจ ตัดพ้อ ต่อว่า“ก็ช่างเขาซิ คุณเกลกับตะวันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ตะวันก็แค่หลงเดินเข้าไปในเส้นทางที่ไม่ถูกไม่ควร แต่ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปแล้ว ตะวันจะอยู่กับตรี กับน้าวี”“ใช่ แม่ก็ไม่ยอมให้หนูกับตะวันไปไหนอีก เราจะอยู่กันตามประสา แม่ลูกหลาน ใช่ไหมตะวัน”“ใช่คะน้าวี”คำตอบของหญิงทั้งสามคนทำเอาเฟดเดอริโกที่ดีใจตีปีกผับๆ ว่าได้คนที่รักกลับคืนมาเริ่มจะเดือดร้อน แค่ตรีประดับห่างกายเพียงแค่สองสามวันนี้เขาก็แทบทนไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคืนนี้ไม่ได้กอดหญิงสาวมีหวังลงแดงตายแน่ สมองอันชาญฉลาดเริ่มคิดหาทางออกให้กับตัวเองใบหน้าคมหันไปหาเกเบรียล ที่มีสีหน้าเหมือนเขา แต่ดูท่าว่าจะรุนแรงมากกว่า แล้วก็ให้ยิ้มกว้าง เขาไม่รู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้มีเรื่องอะไรกัน ถึงได้ทำให้ภูตะวันงอน แต่คิดว่าตัวเองน่าจะช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อยละ แล้วค่อยฉกตัวตรีประดับไป เฟดเดอริโกค่อยๆ ทบทวนในสิ่งที่ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างช้าๆ แล้วก็ให้ยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้นตรีป
“รักจนยอมกลายเป็นครอบครัวเดียวกับตรี และแม่ของตรีนะหรือคะ” ศีรษะทุยส่ายเบาๆ อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“พี่เฟดรักตรีมากแค่ไหนคะ มากพอที่จะเรียกแม่ของตรีว่าแม่ไหม”“ได้ซิตรี” คำตอบที่ออกจากปากหนา ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ เพราะกลัวว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเพราะเธอหูแว่วไปเอง แต่เฟดเดอริโกก็ย้ำให้ได้ยินชัดเจนอีกครั้ง ใกล้ๆ กับหู“ได้ซิตรี เพื่อตรีพี่ยอมหมดทุกอย่างเลยจ้ะ ที่รัก” ปากหนาประทับบนใบหูนุ่ม พร้อมกับคำพูดมั่นคงและหนักแน่น“เพียงแค่พี่ขอเวลาตรีสักหน่อยได้ไหม ให้พี่ได้ทำใจและมีความกล้า แล้วอีกไม่นานตรีก็จะได้ยินและได้เห็นว่าพี่ลืมหมดสิ้นความแค้นที่มี และให้ความเคารพรักแม่ของตรี เหมือนกับแม่ของพี่คนหนึ่ง”“พะ..พี่เฟดพูดจริงๆ หรือคะ ตรีไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” ตรีประดับถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแหบพร่า น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลลงอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดอีกแล้ว แต่มันคือความสุขที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้รับ“จริงซิ พี่เคยโกหกตรีหรือ”“เคยซิคะ หลายครั้งด้วย”คำตอบของตรีประดับทำเอาเฟดเดอริโกหน้าม้าน แต่ก็พยักหน้ารับ “งั้นตอนนี้ตรียอมคืนดีกับพี่แ
“ตรีอยู่กับคุณเฟดค่ะ เห็นบอกว่าอยากจะคุยอะไรๆ กันนิดหน่อย”สิ้นเสียงภูตะวันเจสันที่ยังชะเง้อคอรอคอยลูกเลี้ยงก็รีบเดินไปที่ประตู แต่เขาก็หยุดชะงักลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงหวานนุ่มจากปากคู่ชีวิต“ไม่ต้องหรอกค่ะเจสัน ปล่อยให้สองคนนั้นเขาเคลียร์เรื่องของเขาเถอะ”“แล้ววี...”“ไม่หรอกค่ะ วีคิดได้แล้ว และก็ได้แต่หวังว่าหลานชายนอกไส้ของคุณ จะรักและดูแลลูกสาวของวีให้ดีที่สุด และมีความสุขที่สุดเท่านั้นก็พอค่ะ”“มีอะไรกันหรือเปล่าคะน้าวี” ภูตะวันถามอย่างงงๆ ตาก็มองน้าสาวสลับกับเจสัน และก็หันไปมองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งเงียบอยู่มุมหนึ่งของห้องแล้วก็เมินหน้าหนี สองแขนโอบรอดร่างน้าสาวอย่างรักใคร่และคิดถึง“เปล่าๆ จะลูก ว่าแต่ตะวันสบายดีใช่ไหมลูก แล้วหนูจะมาพาพักกับน้าที่บ้านด้วยใช่ไหม”“ค่ะน้าวี ตะวันจะแย่งตัวน้าวีจากลุงเจสันมานอนกอดให้ฉ่ำปอดเลย” ภูตะวันยิ้มหวานเชื่อม และสายตาก็จ้องมองไปเกเบรียลได้ยินภูตะวันภูแค่นั้นเกเบรียลก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เมื่อครู่ล้มลงดังปังใหญ่ ใบหน้าหล่อคมบึ้งตึงขึ้งเครียดและแดงก่ำ ดวงตาเป็นประกายสีแดงเข้ม ลมหายใจหอบเร็วภูตะวันเลิกคิ้ว “มีอะไรหรือเปล่าคะค
ใบหน้าคมคร้ามแดงก่ำ แล้วดวงตาคมดุคู่นั้นเป็นประกายแข็งกร้าว ทั้งโกรธเกรี้ยวและน้อยใจ ร่างใหญ่เดินลิ่วๆ มาหาตรงที่เธอกับตรีประดับยืนอยู่ เท้าเรียวยาวก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ“มีอะไรตะวัน” ตรีประดับเอ่ยถามเพื่อนอย่างแปลกใจ ก็เมื่อครู่ภูตะวันเป็นคนชวนเธอเอง แล้วก็ยังลากเธอเดินลิ่วๆ มาจนเธอหัวแทบคะมำไปข้างหน้า แต่อยู่ๆ ก็หยุดแล้วยังพาเธอเดินไปด้านหลังเฉยเลย“คือ...”“ให้ฉันเป็นคนตอบแทนดีกว่าไหมตรีประดับ” เสียงที่ถามอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับมือใหญ่จับเข้าที่แขนเรียวยาวและดึงจนร่างบอบบางถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งตรีประดับรู้สึกเหมือนกับว่าลำคอแห้งผาก จนต้องรีบกลืนน้ำลายลงคอ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย หัวใจเธอยังคงเต้นแรงและเร็ว ราวกับกำลังจะทะลุออกมาจากทรวง ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ขณะปลดมือใหญ่ออกจากแขนทั้งที่รู้ว่า ถึงจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดจากคีมเหล็กที่คีบอยู่ก็เถอะ“ปะ...ปล่อยตรีนะพี่เฟด เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ พี่จะมาหาเรื่องอะไรกับตรีอีก”“แน่ใจหรือตรี ฉันว่าเธอยังติดค้างฉันอีกเยอะเลยนะ” เฟดเดอริโกถามยิ้มๆ ตอนที่ได้เห็นร่างบอบบางของคนที่รักเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์เช็กอิน เข
ไม่....เขายอมให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ เขาจะต้องตามตัวตรีประดับให้เจอ ไม่ว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน สุดสายปลายฟ้า ก็จะต้องตามหาให้เจอ และบอกให้เธอรู้ว่าเขายอมแพ้แล้ว...ยอมให้ละทิ้งทุกสิ่ง ขอเพียงแค่ให้หญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนเขาตลอดไปก็พอ“ตรีจะไปเมืองไทย เขาคงจะไปหาตะวันที่นั่น” ภารวีพูดเสียงเบา“ไม่จริง คุณเอาอะไรมาพูด ในเมื่อตะวันอยู่ที่นี่”“คุณว่าไงนะคุณเฟด” ร่างบางถึงกับทรุดกองกับพื้นอีกครั้ง ความจริงจากปากเฟดเดอริโกพรั่งพรูเหมือนกับสายน้ำหลาก ให้ภารวีถึงกับร้องเรียกหายาดม ใบหน้าเธอขาวและซีดเผือด“ต...รีแม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ เพราะแม่ถึงทำให้ลูกเป็นแบบนี้ใช้ไหม” ภารวีร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อคิดว่าตรีประดับคงจะทำอะไรเพื่อช่วยภูตะวันจนถึงขั้นเอาตัวเข้าแลก เพื่อจะได้ช่วยเหลือญาติสาว...และคนที่ลูกสาวเธอเลือกขอความช่วยเหลือก็คือชายหนุ่มตรงหน้า ที่คอยจ้องตะครุบอยู่แล้ว“ตามตรีกลับมาให้ได้นะคุณ บอกแกด้วยว่าฉันรักแก แม่คนนี้รักแก” ภารวีจับมือใหญ่ของสามีไว้และจ้องมองเฟดเดอริโกด้วยสายตาวิงวอนขอร้อง“ไม่ครับ” ภารวีและเจสันกำลังจะต่อว่าชายหนุ่มไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่ตามมาก็ทำให้ทั้งคู่ยิ้มได้“คำพูดเหล่านี้ ค
สะโพกสอบกดรั้งจมลึกหายไปในเส้นทางสวาทร้อนรัวเร็วถี่ยิบ ทั้งหนักหน่วงและรุนแรง เพียงไม่นานสองร่างก็สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เสียงร้องหวานเชื่อมและแหบห้าวดังพร้อมๆ กันกายบางฟุบลงบนขอบอ่าง โดยมีร่างใหญ่ตามติด ลมหายใจของทั้งคู่หอบกระเส่า เป็นครู่ใหญ่กว่าที่เกเบรียลจะฟื้นตัว ช้อนร่างบางไปวางในอ่างอาบน้ำใหม่อีกครั้งสองมือบีบนวดและกายบางแผ่วเบา ผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้ ก่อนที่เขาจะอุ้มร่างภูตะวันขึ้นและนำพาเธอไปมอบรักใหม่อีกครั้ง...อีกครั้งและอีกครั้ง...บนเตียงนอนใหญ่ ก่อนทั้งคู่จะนอนหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันตรีประดับพาร่างบางของตัวเองเดินกลับเข้าไปในร้านอาหาร เธอกวาดตามองหาหญิงและชายที่เธอเรียกว่าพ่อแม่ และเธอก็ได้พบร่างของภารวีและเจสันนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง หญิงสาวเดินไปหยุดตรงหน้าของทั้งสองคน“แกมาที่นี่ทำไมอีกตรีประดับ” ภารวีเอ่ยถามลูกสาว ความเจ็บปวดและเจ็บใจยังไม่ห่างหายไปจากสมองและจิตใจ“ตรีแค่จะมาลาแม่นะคะ”“แกจะไปอยู่กับ...” ภารวีถามอย่างเจ็บปวดใจ“ไม่ใช่หรอกค่ะแม่ ตรีจะไปเมืองไทย” ตรีประดับพูดขัดขึ้นก่อนที่มารดาจะพูดจบ มือเรียวยื่นสมุดโน้ตเล่มเล็กส่งให้มารดา“ตรีแค่จะเอาน
“เธอไม่คิดถึงฉันหรือไงคนดี เห็นกลับเอาซะเย็นเชียว ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นห่วง และที่สำคัญคือ...ฉันคิดถึง”“จริงหรือคะ คุณเกลคิดถึงตะวันจริงๆ เหรอ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย” นิ้วเรียวคีบจมูกโด่งแผ่วเบา ใบหน้าก็ยิ้มหวานดวงตาเป็นประกายหวานเชื่อมไม่แพ้กัน“ทำอย่างไรเธอถึงจะเชื่อละตะวัน”“อืม...ทำยังไงนะหรือคะ” ใบหน้าขาวสวยแหงนไปด้านหลัง ให้ใบหน้าคมประทับไปบนลำคอระหงเรื่อยลงไปตามแอ่งชีพจร จนถึงปทุมถันอวบอิ่มสีขาวนวลผ่องตัดกับปลายยอดสีชมพูเข้ม ที่ชูช่ออวดความสวยงามให้กับเกเบรียลได้เห็นชายหนุ่มลูบไล้มือไปบนลำตัวเนียนนุ่มและช้อนทรวงสล้างขึ้นมา ใบหน้าคมซบซุกระหว่างสองเต้า และค่อยๆ เคลื่อนไปประทับบนยอดบัว ปลายลิ้นตวัดไล้หยอกล้อกับปลายยอดถันสีชมพูเข้มอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะตวัดมันเข้าปากปลายนิ้วเรียวยาวจิกไปบนลำคอแกร่ง กดให้ศีรษะทุยแนบชิดกับทรวงสล้างมากที่สุด เสียงครางหวานเชื่อมดังจากปากนุ่มอวบอิ่ม“คืนนี้คุณเกลก็จะรักตะวันตลอดทั้งคืนดีไหมคะ”“ฉันนะไหวอยู่แล้ว กลัวแต่ว่าตะวันจะไม่ไหวนะซิ เอวบางร่างน้อยแบบนี้ ลดพัดทีเดียวก็ปลิวแล้ว”“งั้นคุณเกลก็ต้องจับไว้แน่นๆ ตะวันกลัวจะปลิวไปตามลมอย่างที่คุณเกลบอ
ตรีประดับเดินเข้าไปในห้องนอน เริ่มต้นเก็บข้าวของส่วนตัวที่จำเป็นต้องใช้ หนังสือเดินทางบอกว่ายังคงเหลือระยะเวลาให้เธอได้ใช้อีกหกเดือนถึงจะทำไม มันก็คงพอให้เธอรักษาตัวรักษาใจ ผ้าเช็ดหน้าสีขาวปักเป็นรูปดอกทานตะวันสีสวยสดหล่นออกจากตู้ผ้า มือเรียวยกมันขึ้นมาประทับแนบอกอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะวางไว้ที่เดิมจำได้ว่าผ้าผืนนี้แม่ปักและถักริมอยู่หลายวัน เพื่อจะส่งไปให้เป็นของขวัญวันเกิดภูตะวันอายุครบสิบห้าปี แล้วเธอแอบขโมยมันมา พอแม่รู้เท่านั่นแหละก็ลงมือทุบตีเธอเป็นการใหญ่ ตรีประดับยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ข้าวของใช้หลายชิ้นที่แม่บรรจงทำส่งไปให้หญิงสาวทุกๆ ปี แต่ไม่เคยมีให้ลูกสาวคนนี้เลยสักครั้งแม่มอบรักให้ภูตะวันซึ่งเป็นเพียงแค่หลาน มากกว่าเธอซึ่งเป็นลูกสาวเสียอีก แม้ว่าเธอจะพยายามไม่คิด พยายามเข้าใจ ว่าที่แม่ทำไปเพราะรักและเป็นห่วงหลาน แต่ทำไมแม่ไม่เคยมองมายังเธอบ้าง มองว่าเธอเองก็โหยหาความอบอุ่นไม่แพ้ภูตะวันตรีประดับเก็บข้าวของจนหมด และเดินไปนอนบนเตียงเล็กๆ ที่อยู่ชิดมุมห้อง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกไปอย่างไม่คิดที่จะยกมือขึ้นเช็ด หญิงสาวหลับไปอย่างเหนื่อยทั้งที่ยังมีคราบน้ำตาเต็มใบห