สองเรือนกายหล่อหลอมสอดผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน สายธารร้อนผ่าวไหลบ่าล้นทะลักจากสองเรือนกาย แขนแข็งแรงรัดรอบร่างบอบบาง กดรั้งจนมันจมหายไปในอกกว้าง เสียงร้องแหบพร่าดังจากสองร่าง ก่อนที่เกเบรียลจะฟุบใบหน้าลงซบกับทรวงอกนุ่มเป็นครู่ใหญ่กว่าที่ชายหนุ่มจะฟื้นตัวและเงยหน้ามองภูตะวันที่ยังคงมึนงงกับรสสัมผัสที่ได้รับ ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตหวานฉ่ำเยิ้มและเชิญชวนโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัวแม้จะเสร็จสิ้นบทรักไปแล้ว แต่เกเบรียลยังแนบกายสนิทชิดกับร่างนุ่ม ดูเหมือนว่าความอบอุ่นอ่อนหวานจากหญิงสาวตรงหน้าทำให้เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“อุ้ย!” ภูตะวันขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน “คุณขยับออกไปนิดได้ไหม ตะวัน...อึดอัด” เธอวางมือบนบ่ากว้าง อึดอัดคับแน่นจากกายแกร่งที่ยังพำนักอยู่ ไหนจะความเสียวซ่านที่เริ่มรุมเร้าใหม่อีกครั้ง ใบหน้าสวยเอ่อแดงระเรื่อยิ่งขึ้น ดวงตาหวานฉ่ำเยิ้ม“ผิดกับฉันนะ ยังรู้สึกไม่พอ ไอ้ที่ได้ไปตะกี้มันนิดเดียวเอง”ไม่รู้ว่าใครนะช่างส่งแม่สาวแสนสวยนี่มาให้ เขาคงจะต้องขอบคุณไปสักครั้ง...เมื่อมีโอกาสเกเบรียลจูบปากอิ่มเต็มอย่างอดใจไม่ได้ มือลูบไล้ไปตามลำตัวนุ่ม ด้วยความปรา
ภูตะวันตัวสั่น สมองเริ่มไม่สั่งการ เมื่อถูกชายหนุ่มปลุกเร้าด้วยความชำนาญ “ตะวัน...ตะวัน...ไม่รู้...” หน้าท้องเนียนนุ่มบิดเกร็ง ทรวงอกอวบอิ่มเคลื่อนไหวตามแรงหายใจ ความร้อนผ่าวจากกายใหญ่ทาบทับแนบชิดกับกลีบดอกไม้อันอ่อนเยาว์ทำให้อารมณ์เธอกระเจิดกระเจิงมากยิ่งขึ้น“ถ้าฉันทำแบบนี้ละตะวัน” ชายหนุ่มถาม ละมือจากทรวงอกอวบ เคลื่อนลงไปตามลำตัวเนียนนุ่มอย่างเชื่องช้า จนได้พบกับกุหลาบอ่อนเยาว์ เขาส่งนิ้วมือเข้าไปซอกซอนหาความอบอุ่นจากกลีบกายสาวอย่างไม่รอช้า“อื้อ...คุณเกล...” ภูตะวันส่ายศีรษะ“เรียกฉันทำไมล่ะตะวัน” เกเบรียลถาม ปลายนิ้วเขาสำรวจความลึกล้ำตามธรรมชาติของกลีบกายบอบบางและนุ่มนวล“หรือว่าไม่ชอบให้ฉันทำแบบนี้..” ชายหนุ่มยังคงถามมาอีก ทั้งที่รู้ว่าคนที่นอนตัวอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างกำลังวอนขอให้เขาช่วยเหลือ และต้องการให้เข้าครอบครองเธออีกครั้ง“ไม่รู้...”ภูตะวันร้อนผ่าวไปทั่วร่าง มือเล็กลูบไล้ไปบนลำตัวแกร่ง พลางขยับให้แนบชิดกับร่างแกร่ง แต่ก็เหมือนกับว่าชายหนุ่มแกล้งเธอ หญิงสาวร้องครางอย่างเสียอารมณ์เมื่อชายหนุ่มเคลื่อนกายหนีเกเบรียลหัวเราะกลั้วลำคอ ขณะจับมือเรียวมาวางกึ่งกลางลำตัว แต่หญิงสาว
“ไม่นะคุณเกล” ภูตะวันร้องห้าม เมื่อรู้ว่าเกเบรียลคิดจะทำอะไร แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเจอสายตาดุๆ ที่มองมา ก่อนเขาจะแนบริมฝีปากลงไปบนผิวเนื้อนวลเนียนนุ่มแต่ดูเหมือนว่าความสูงที่มี ทำให้หญิงสาวมองเห็นสิ่งที่เขาทำกับอะไรกับร่างกายของเธอไม่ชัด เขาจึงช้อนใต้สะโพกงามงอนพร้อมกับดันกายอรชรให้สูงขึ้น“ไม่นะคุณเกล!” ภูตะวันร้องห้าม ก่อนลมหายใจจะสะดุดเป็นห้วงๆ เสียงหวานเปล่งออกจากลำคอระหง เพราะริมฝีปากหนาประทับบนกลีบกายบอบบาง ลิ้นรากร้อนไล้ตามรอยแยกของกลีบดอกและแทรกเข้าไปภายในอย่างเชื่องช้า“คุณเกล....” ภูตะวันถึงกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ เธอจิกทึ้งดึงผ้าปูเตียงอย่างแรง สองขาจิกเกร็ง หน้าท้องเนียนเรียบบีบรัดตัวเป็นระลอกคลื่น ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ ทรวงอกอวบสล้างสะท้อนขึ้นลงตามแรงหายใจ กายบอบบางค่อยๆ ลอยละล่องไปบนฟ้าอย่างเชื่องช้าใบหน้าคมซบกับใจกลางกลีบปุบผางาม ลิ้นสากร้อนซอกซอนสำรวจหาความลึกล้ำตามธรรมชาติ ของกลีบกายบอบบางอย่างนุ่มนวล สองมือใหญ่ฟอนเฟ้นสะโพกหนั่นแน่นและลำขาเรียวยาว เพื่อผ่อนคลายความกระสันเสียวของหญิงสาวเพียงไม่นานภูตะวันก็รู้สึกเหมือนร่างกายของเธอเหมือนกับลูกโป่งที่ถูกสูบเอาลมใส่มากจนเ
ภูตะวันให้เสียดายที่สุด ด้วยอยากจะถ่ายภาพที่นี้ไว้เป็นที่ระลึก บ่งบอกว่าเธอได้มาที่นี่จริงๆ หาใช่ความฝัน แต่...ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าออกแล้วก็ต้องปิดลงอีก เมื่อได้เห็นสายตาวามวามของอีกฝ่าย ที่มองเธอราวกับเป็นอาหารหวาน หลังจากที่เขาได้ทานอาหารหลักมาแล้วเมื่อตอนเช้าภูตะวันเดินตามเกเบรียลไปเรื่อยๆ ในสมองก็ครุ่นคิดตามคำพูดแปลกๆ ของชายหนุ่มที่พูดใส่หน้า ตอนแรกเขาก็หาว่าเธอเป็นโสเภณีที่มาขายบริการให้ แต่ตอนนี้เขากลับไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว แต่กลับพูดแปลกๆ เรื่องงานแทน เธออยากคนหาความจริงที่สงสัยใคร่รู้ แต่กลัวจะยิ่งทำให้เรื่องที่เลวร้ายอยู่แล้วยิ่งร้ายไปกว่าเก่าภูตะวันหยุดมองลานลำหรับประกอบพิธีการทางศาสนาซึ่งล้อมรอบด้วยเสาหิน ปลายยอดของเสาจะมีรูปแกะสลักของบรรดาพระคริสต์ ซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นฝีมือของช่างนาม เบอร์นินี่ ช่างชื่อดังของอิตาลี ใกล้ๆ กับที่เธอยืนอยู่ไม่ไกลมีกลุ่มคนขนาดใหญ่กำลังถ่ายรูปกันอยู่ร่างคนเอเชียและฝรั่งต่างกันอยู่ แล้วกลุ่มคนที่ถ่ายรูปอยู่นั้น ดูยังไงก็มีลักษณะไปทางคนเอเชียที่น่าจะให้ความช่วยเหลือเธอได้ภูตะวันเหลียวมองหาเกเบรียลแล้วก็ต้องยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าตอนนี้ชาย
ภูตะวันเบือนหน้ากลับมามองภาพแกะสลักที่งดงามที่สุดอีกครั้ง รายละเอียดความพลิ้วของเสื้อผ้าที่แกะจากหินอ่อนทั้งก้อน เห็นถึงสรีรภาพของพระเยชู รวมไปถึงรอยตะปูบนหลังมือและเท้าของพระเยซูได้อย่างชัดเจนเกเบรียลโอบแขนดึงคนที่กำลังยืนตะลึงงันและบังคับด้วยแรงมากกว่าให้เดินตามเขาออกไปข้างนอก นี่ก็เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้วที่เขาพาภูตะวันมาท่องเที่ยวที่นี่ เขามีที่สุดท้ายที่อยากจะให้เธอเห็นก่อนที่จะกลับห้องก็คือ โดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ที่สูงโดดเด่นทำให้สามารถมองเห็นตัวเมืองโรมได้ไกลภูตะวันเอนตัวอิงร่างใหญ่ ตาก็มองไปรอบๆ เมืองโรมอย่างมีความสุข ถึงแม้จะถูกบังคับให้มาด้วย แต่เมื่อได้เห็นสิ่งสวยงามตระการตาแบบนี้ ก็ทำเอาเธอต้องละความไม่ชอบใจทิ้งไป หันมาสนใจในสิ่งตรงหน้าแทนได้ไม่ยากหญิงสาวดึงเอาแขนใหญ่มาโอบรอบกาย ใบหน้านวลเปื้อนยิ้มหวานให้เกเบรียล ก่อนจะยกมือไหว้เขา “ขอบคุณนะคะคุณเกล”“หืม...” เกเบรียลให้แปลกใจ กี่วันแล้วนะที่เขาอยู่กับหญิงสาวคนนี้ กี่วันแล้วที่เขาได้รับรู้และได้เห็น ความแตกต่างของเธอกับผู้หญิงคนอื่นตอนอยู่ด้วยกันที่บ้าน แม้จะไม่มีอะไรมาก แต่ภูตะวันจะตื่นตอนเช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวลงมาจั
ชายหนุ่มกำหมัดแน่น กรามหนาบดเบียนกันจนนูนเด่นขึ้นมา เอกสารที่เขาได้รับจากพนักงานเมื่อครู่ เป็นข้อความที่ปาโก้ฝากไว้ บอกว่าหนึ่งในบริษัทที่กำลังเข้าร่วมประมูล ได้ส่งสายเข้ามาสืบข้อมูลในบริษัทเขาแล้ว แต่ที่เขาโกรธมากนะไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น แต่เป็นเรื่องที่เขากำลังจะต้องไปจัดการอยู่ภายในชั่วโมงนี้ต่างหากละส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะผู้หญิงร้อยเล่ห์คนนี้ที่ใช้เรือนร่างหลอกล่อให้เขาหลงใหล แล้วก็ส่งคนอีกชุดหนึ่งไปค้นที่บ้านของเขาและส่งคนเข้าไปป่วนบริษัทสาขาอีกสองแห่งด้วยแต่คิดหรือว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้เขาท้อและถอดใจนะ เป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งก่อกวนมากเท่าไหร่ เขาจะยิ่งสู้ และก็จะต้องเอาชนะให้ได้ด้วย ไม่เช่นนั้นเขาจะบริหารงานนำบริษัทโนเนมให้กลายมาเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ มีคนรู้จักกันทั่วประเทศอย่างทุกวันนี้หรือเกเบรียลถอยห่างจากร่างบอบบาง แต่ใบหน้าและดวงตายังคงจ้องหญิงสาวอย่างดุร้ายและรอยยิ้มเชือดเฉือนภูตะวันถอนใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าเกเบรียลเดินไปหยิบเสื้อโค้ตที่แขวนไว้ข้างฝาผนัง เธอก็รีบซุกตัวเข้ากับโซฟาตัวใหญ่อีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มตวัดตามองมาก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกไปและปิดลงดังปังภูตะวันสะ
“เธออยู่ที่ไหนนะตะวัน” ตรีประดับหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะมากดหาเพื่อน หากคำตอบที่ได้รับคือ...ไม่สามารถติดต่อหมายเลขปลายทางได้ในขณะนี้ทุกครั้งไปตรีประดับเงยหน้ามองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่เหนือเคาท์เตอร์เก็บเงิน สำหรับคนอื่นๆ นี่อาจจะเป็นเวลาดึกแล้ว แต่สำหรับชายนามว่าเฟดเดอริโก เวลาเพียงแค่สี่ห้าทุ่มกว่าๆ ยังเป็นเวลาแห่งความสุขและสนุกสนานสำหรับเขา“หายไปไหนนะตะวัน ไม่รู้หรือไงว่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงและเดือดร้อนด้วยนะฮึ! ถ้าฉันไม่ไปหาพี่เฟดก็จะไม่มีทางได้เจอเธอ รู้บ้างไหม”เพียงแค่คิดตรีประดับก็หนักใจยิ่งนัก เธอไม่อยากจะเดินทางไปหาชายหนุ่มเลยสักนิด เพราะรู้ว่าเฟดเดอริโกนั้นไม่ชอบทั้งเธอและแม่ ตอนแรกเธอก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเพราะเหตุใด แล้วเธอก็เพิ่งจะได้รู้คำตอบเมื่อไม่นานมานี้เอง เมื่อวันที่เธอเอาของขวัญวันเกิดครบรอบอายุยี่สิบห้าปีไปให้ชายหนุ่ม แล้วก็ถูกเขาด่าใสหน้ามา“เอาของขวัญเธอกลับไปเถอะตรีประดับ ฉันไม่ต้องการของขวัญจากลูกสาวของผู้หญิงที่ทำให้ป้าฉันต้องตาย เพราะทนอับอายไม่ได้ ทั้งที่ยังเป็นเมียถือทะเบียนอยู่ แต่กลับต้องแบ่งสามีให้กับผู้หญิงหน้าด้านใช้” ในวันนั้นเธอทั้งอายและเสียใจมา
“เฟดขา” ดูเหมือนว่าหญิงสาวนางนั้นจะเป็นอายแทน สองมือเรียวจับใบหน้าคมให้หันมามองด้านนอก ที่มีหญิงสาวร่างเล็กบางยืนหน้าแดงก่ำและอ้าปากค้างอยู่เฟดเดอริโกลุกขึ้นถอนหายใจอย่างหงุดหงิด สำหรับที่นี่ทุกๆ คนเห็นว่าการทำแบบนี้ของเขาเป็นเรื่องธรรมดา แต่กับแม่ผู้หญิงหน้าใสตรงหน้านี่กลับไม่ใช่“มีอะไรกับฉันหรือตรีประดับ ถึงได้มาหาดึกดื่นแบบนี้ ถ้าไม่สำคัญมาก็ค่อยมาวันหลังแล้วกัน วันนี้ฉันมีธุระ” พูดจบเฟดเดอริโกก็จับแขนเรียวยาวของหญิงสาวที่เขาเรียกว่าฮันนี่เดินออกจากลิฟต์ไป ไม่แม้แต่จะมองหน้าหรือฟังคำตอบจากตรีประดับเลยสักนิด“เดี๋ยวค่ะพี่เฟด” หญิงสาวทำใจกล้ายื่นมือไปจับแขนแกร่งเพื่อรั้งตัวชายหนุ่มไว้ แต่เมื่อเขาหันกลับมามองด้วยความไม่ชอบใจ ดวงตาคมดุมองเหมือนกับมีดกำลังกรีดลงบนเรือนกายบอบบาง ก็ทำให้ตรีประดับต้องรีบปล่อยแขนใหญ่อย่างรวดเร็วราวกับโดนถ่านลวกมือ“เอ่อ...คือ...”เมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนตรงหน้าเอาแต่อ้ำอึ้ง เฟดเดอริโกก็สบถเบาๆ และถามกลับไปด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใยและดังลั่น “เธอมีธุระอะไรกับฉันก็รีบพูดมาตรีประดับ ฉันจะได้ไปธุระเสียที”ตรีประดับสะดุ้ง ใบหน้าที่เคยร้อนผ่าวเพราะความอายกลับเย็นลงจน
“ไม่นะตะวัน ไม่นะคนดี ฉันขอโทษ ฉันรักตะวันนะ รักมากด้วย แต่ฉัน...ฉันพูดไม่ออก” เกเบรียลพูดรัวเร็ว จนไม่รู้เลยว่าตัวเองได้หลุดปากคำว่ารักไปแล้วภูตะวันยิ้มกว้าง รอคอยว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรกับเธอต่อไป ดวงตากลมโตเป็นประกาย ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ“ฉันขอโทษนะตะวัน ฉันรักตะวัน...ตะวันอย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันคงจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ” แขนใหญ่รัดร่างบางเข้าหา“แต่งงานกับฉันนะตะวัน”“คุณเกลรักตะวันและจะแต่งงานกับตะวันจริงหรือคะ”“ฉันระ...ระ...” พอมาถึงตอนนี้คำว่ารักมันก็เริ่มจะติดที่ปากอีกแล้ว“ถ้าไม่บอกรักให้ตะวันได้ยินชัดๆ อีกครั้งตะวันไม่แต่งงานด้วยจริงๆ นะ” ภูตะวันขู่กลับบ้าง“ก็ได้...เอ่อ...”“ถ้าคุณเกลอายนะคะ พูดใกล้ๆ หูให้ตะวันได้ยินคนเดียวก็ได้”ภูตะวันให้ทางเลือก เพื่อไม่ให้คนที่รักอายจนเกินไป เพราะแค่นี้ใบหน้าเกเบรียลก็แดงเป็นกุ้งต้มไปเรียบร้อย สองแขนที่โอบรอบเอวก็สั่น มือที่นาบอยู่ด้านหลังก็เย็นจนเธอสัมผัสได้ปากหนาร้อนแนบชิดใบหูนุ่ม เขาไม่เคยที่จะรู้สึกแบบนี้เลย มันอายและเขินยังไงก็ไม่รู้ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวหัวใจเต้นแรงและเร็วราวกับจะทะลุออกมาจากอกเกเบรียลสูดลมหายใจเข้าปอด หลับตาลง แล้วก็เอ
“ให้มันแน่เถอะตะวัน ถามคนนั้นหรือยังละ ว่าเขาให้ตะวันนอนบ้านตรีหรือเปล่านะ” ตรีประดับบุ้ยใบ้ไปที่ชายหนุ่มที่ยืนหน้าเครียดเคร่งขรึม จ้องมองภูตะวันอย่างน้อยใจ ตัดพ้อ ต่อว่า“ก็ช่างเขาซิ คุณเกลกับตะวันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ตะวันก็แค่หลงเดินเข้าไปในเส้นทางที่ไม่ถูกไม่ควร แต่ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปแล้ว ตะวันจะอยู่กับตรี กับน้าวี”“ใช่ แม่ก็ไม่ยอมให้หนูกับตะวันไปไหนอีก เราจะอยู่กันตามประสา แม่ลูกหลาน ใช่ไหมตะวัน”“ใช่คะน้าวี”คำตอบของหญิงทั้งสามคนทำเอาเฟดเดอริโกที่ดีใจตีปีกผับๆ ว่าได้คนที่รักกลับคืนมาเริ่มจะเดือดร้อน แค่ตรีประดับห่างกายเพียงแค่สองสามวันนี้เขาก็แทบทนไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคืนนี้ไม่ได้กอดหญิงสาวมีหวังลงแดงตายแน่ สมองอันชาญฉลาดเริ่มคิดหาทางออกให้กับตัวเองใบหน้าคมหันไปหาเกเบรียล ที่มีสีหน้าเหมือนเขา แต่ดูท่าว่าจะรุนแรงมากกว่า แล้วก็ให้ยิ้มกว้าง เขาไม่รู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้มีเรื่องอะไรกัน ถึงได้ทำให้ภูตะวันงอน แต่คิดว่าตัวเองน่าจะช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อยละ แล้วค่อยฉกตัวตรีประดับไป เฟดเดอริโกค่อยๆ ทบทวนในสิ่งที่ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างช้าๆ แล้วก็ให้ยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้นตรีป
“รักจนยอมกลายเป็นครอบครัวเดียวกับตรี และแม่ของตรีนะหรือคะ” ศีรษะทุยส่ายเบาๆ อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“พี่เฟดรักตรีมากแค่ไหนคะ มากพอที่จะเรียกแม่ของตรีว่าแม่ไหม”“ได้ซิตรี” คำตอบที่ออกจากปากหนา ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ เพราะกลัวว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเพราะเธอหูแว่วไปเอง แต่เฟดเดอริโกก็ย้ำให้ได้ยินชัดเจนอีกครั้ง ใกล้ๆ กับหู“ได้ซิตรี เพื่อตรีพี่ยอมหมดทุกอย่างเลยจ้ะ ที่รัก” ปากหนาประทับบนใบหูนุ่ม พร้อมกับคำพูดมั่นคงและหนักแน่น“เพียงแค่พี่ขอเวลาตรีสักหน่อยได้ไหม ให้พี่ได้ทำใจและมีความกล้า แล้วอีกไม่นานตรีก็จะได้ยินและได้เห็นว่าพี่ลืมหมดสิ้นความแค้นที่มี และให้ความเคารพรักแม่ของตรี เหมือนกับแม่ของพี่คนหนึ่ง”“พะ..พี่เฟดพูดจริงๆ หรือคะ ตรีไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” ตรีประดับถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแหบพร่า น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลลงอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดอีกแล้ว แต่มันคือความสุขที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้รับ“จริงซิ พี่เคยโกหกตรีหรือ”“เคยซิคะ หลายครั้งด้วย”คำตอบของตรีประดับทำเอาเฟดเดอริโกหน้าม้าน แต่ก็พยักหน้ารับ “งั้นตอนนี้ตรียอมคืนดีกับพี่แ
“ตรีอยู่กับคุณเฟดค่ะ เห็นบอกว่าอยากจะคุยอะไรๆ กันนิดหน่อย”สิ้นเสียงภูตะวันเจสันที่ยังชะเง้อคอรอคอยลูกเลี้ยงก็รีบเดินไปที่ประตู แต่เขาก็หยุดชะงักลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงหวานนุ่มจากปากคู่ชีวิต“ไม่ต้องหรอกค่ะเจสัน ปล่อยให้สองคนนั้นเขาเคลียร์เรื่องของเขาเถอะ”“แล้ววี...”“ไม่หรอกค่ะ วีคิดได้แล้ว และก็ได้แต่หวังว่าหลานชายนอกไส้ของคุณ จะรักและดูแลลูกสาวของวีให้ดีที่สุด และมีความสุขที่สุดเท่านั้นก็พอค่ะ”“มีอะไรกันหรือเปล่าคะน้าวี” ภูตะวันถามอย่างงงๆ ตาก็มองน้าสาวสลับกับเจสัน และก็หันไปมองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งเงียบอยู่มุมหนึ่งของห้องแล้วก็เมินหน้าหนี สองแขนโอบรอดร่างน้าสาวอย่างรักใคร่และคิดถึง“เปล่าๆ จะลูก ว่าแต่ตะวันสบายดีใช่ไหมลูก แล้วหนูจะมาพาพักกับน้าที่บ้านด้วยใช่ไหม”“ค่ะน้าวี ตะวันจะแย่งตัวน้าวีจากลุงเจสันมานอนกอดให้ฉ่ำปอดเลย” ภูตะวันยิ้มหวานเชื่อม และสายตาก็จ้องมองไปเกเบรียลได้ยินภูตะวันภูแค่นั้นเกเบรียลก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เมื่อครู่ล้มลงดังปังใหญ่ ใบหน้าหล่อคมบึ้งตึงขึ้งเครียดและแดงก่ำ ดวงตาเป็นประกายสีแดงเข้ม ลมหายใจหอบเร็วภูตะวันเลิกคิ้ว “มีอะไรหรือเปล่าคะค
ใบหน้าคมคร้ามแดงก่ำ แล้วดวงตาคมดุคู่นั้นเป็นประกายแข็งกร้าว ทั้งโกรธเกรี้ยวและน้อยใจ ร่างใหญ่เดินลิ่วๆ มาหาตรงที่เธอกับตรีประดับยืนอยู่ เท้าเรียวยาวก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ“มีอะไรตะวัน” ตรีประดับเอ่ยถามเพื่อนอย่างแปลกใจ ก็เมื่อครู่ภูตะวันเป็นคนชวนเธอเอง แล้วก็ยังลากเธอเดินลิ่วๆ มาจนเธอหัวแทบคะมำไปข้างหน้า แต่อยู่ๆ ก็หยุดแล้วยังพาเธอเดินไปด้านหลังเฉยเลย“คือ...”“ให้ฉันเป็นคนตอบแทนดีกว่าไหมตรีประดับ” เสียงที่ถามอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับมือใหญ่จับเข้าที่แขนเรียวยาวและดึงจนร่างบอบบางถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งตรีประดับรู้สึกเหมือนกับว่าลำคอแห้งผาก จนต้องรีบกลืนน้ำลายลงคอ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย หัวใจเธอยังคงเต้นแรงและเร็ว ราวกับกำลังจะทะลุออกมาจากทรวง ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ขณะปลดมือใหญ่ออกจากแขนทั้งที่รู้ว่า ถึงจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดจากคีมเหล็กที่คีบอยู่ก็เถอะ“ปะ...ปล่อยตรีนะพี่เฟด เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ พี่จะมาหาเรื่องอะไรกับตรีอีก”“แน่ใจหรือตรี ฉันว่าเธอยังติดค้างฉันอีกเยอะเลยนะ” เฟดเดอริโกถามยิ้มๆ ตอนที่ได้เห็นร่างบอบบางของคนที่รักเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์เช็กอิน เข
ไม่....เขายอมให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ เขาจะต้องตามตัวตรีประดับให้เจอ ไม่ว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน สุดสายปลายฟ้า ก็จะต้องตามหาให้เจอ และบอกให้เธอรู้ว่าเขายอมแพ้แล้ว...ยอมให้ละทิ้งทุกสิ่ง ขอเพียงแค่ให้หญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนเขาตลอดไปก็พอ“ตรีจะไปเมืองไทย เขาคงจะไปหาตะวันที่นั่น” ภารวีพูดเสียงเบา“ไม่จริง คุณเอาอะไรมาพูด ในเมื่อตะวันอยู่ที่นี่”“คุณว่าไงนะคุณเฟด” ร่างบางถึงกับทรุดกองกับพื้นอีกครั้ง ความจริงจากปากเฟดเดอริโกพรั่งพรูเหมือนกับสายน้ำหลาก ให้ภารวีถึงกับร้องเรียกหายาดม ใบหน้าเธอขาวและซีดเผือด“ต...รีแม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ เพราะแม่ถึงทำให้ลูกเป็นแบบนี้ใช้ไหม” ภารวีร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อคิดว่าตรีประดับคงจะทำอะไรเพื่อช่วยภูตะวันจนถึงขั้นเอาตัวเข้าแลก เพื่อจะได้ช่วยเหลือญาติสาว...และคนที่ลูกสาวเธอเลือกขอความช่วยเหลือก็คือชายหนุ่มตรงหน้า ที่คอยจ้องตะครุบอยู่แล้ว“ตามตรีกลับมาให้ได้นะคุณ บอกแกด้วยว่าฉันรักแก แม่คนนี้รักแก” ภารวีจับมือใหญ่ของสามีไว้และจ้องมองเฟดเดอริโกด้วยสายตาวิงวอนขอร้อง“ไม่ครับ” ภารวีและเจสันกำลังจะต่อว่าชายหนุ่มไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่ตามมาก็ทำให้ทั้งคู่ยิ้มได้“คำพูดเหล่านี้ ค
สะโพกสอบกดรั้งจมลึกหายไปในเส้นทางสวาทร้อนรัวเร็วถี่ยิบ ทั้งหนักหน่วงและรุนแรง เพียงไม่นานสองร่างก็สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เสียงร้องหวานเชื่อมและแหบห้าวดังพร้อมๆ กันกายบางฟุบลงบนขอบอ่าง โดยมีร่างใหญ่ตามติด ลมหายใจของทั้งคู่หอบกระเส่า เป็นครู่ใหญ่กว่าที่เกเบรียลจะฟื้นตัว ช้อนร่างบางไปวางในอ่างอาบน้ำใหม่อีกครั้งสองมือบีบนวดและกายบางแผ่วเบา ผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้ ก่อนที่เขาจะอุ้มร่างภูตะวันขึ้นและนำพาเธอไปมอบรักใหม่อีกครั้ง...อีกครั้งและอีกครั้ง...บนเตียงนอนใหญ่ ก่อนทั้งคู่จะนอนหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันตรีประดับพาร่างบางของตัวเองเดินกลับเข้าไปในร้านอาหาร เธอกวาดตามองหาหญิงและชายที่เธอเรียกว่าพ่อแม่ และเธอก็ได้พบร่างของภารวีและเจสันนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง หญิงสาวเดินไปหยุดตรงหน้าของทั้งสองคน“แกมาที่นี่ทำไมอีกตรีประดับ” ภารวีเอ่ยถามลูกสาว ความเจ็บปวดและเจ็บใจยังไม่ห่างหายไปจากสมองและจิตใจ“ตรีแค่จะมาลาแม่นะคะ”“แกจะไปอยู่กับ...” ภารวีถามอย่างเจ็บปวดใจ“ไม่ใช่หรอกค่ะแม่ ตรีจะไปเมืองไทย” ตรีประดับพูดขัดขึ้นก่อนที่มารดาจะพูดจบ มือเรียวยื่นสมุดโน้ตเล่มเล็กส่งให้มารดา“ตรีแค่จะเอาน
“เธอไม่คิดถึงฉันหรือไงคนดี เห็นกลับเอาซะเย็นเชียว ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นห่วง และที่สำคัญคือ...ฉันคิดถึง”“จริงหรือคะ คุณเกลคิดถึงตะวันจริงๆ เหรอ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย” นิ้วเรียวคีบจมูกโด่งแผ่วเบา ใบหน้าก็ยิ้มหวานดวงตาเป็นประกายหวานเชื่อมไม่แพ้กัน“ทำอย่างไรเธอถึงจะเชื่อละตะวัน”“อืม...ทำยังไงนะหรือคะ” ใบหน้าขาวสวยแหงนไปด้านหลัง ให้ใบหน้าคมประทับไปบนลำคอระหงเรื่อยลงไปตามแอ่งชีพจร จนถึงปทุมถันอวบอิ่มสีขาวนวลผ่องตัดกับปลายยอดสีชมพูเข้ม ที่ชูช่ออวดความสวยงามให้กับเกเบรียลได้เห็นชายหนุ่มลูบไล้มือไปบนลำตัวเนียนนุ่มและช้อนทรวงสล้างขึ้นมา ใบหน้าคมซบซุกระหว่างสองเต้า และค่อยๆ เคลื่อนไปประทับบนยอดบัว ปลายลิ้นตวัดไล้หยอกล้อกับปลายยอดถันสีชมพูเข้มอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะตวัดมันเข้าปากปลายนิ้วเรียวยาวจิกไปบนลำคอแกร่ง กดให้ศีรษะทุยแนบชิดกับทรวงสล้างมากที่สุด เสียงครางหวานเชื่อมดังจากปากนุ่มอวบอิ่ม“คืนนี้คุณเกลก็จะรักตะวันตลอดทั้งคืนดีไหมคะ”“ฉันนะไหวอยู่แล้ว กลัวแต่ว่าตะวันจะไม่ไหวนะซิ เอวบางร่างน้อยแบบนี้ ลดพัดทีเดียวก็ปลิวแล้ว”“งั้นคุณเกลก็ต้องจับไว้แน่นๆ ตะวันกลัวจะปลิวไปตามลมอย่างที่คุณเกลบอ
ตรีประดับเดินเข้าไปในห้องนอน เริ่มต้นเก็บข้าวของส่วนตัวที่จำเป็นต้องใช้ หนังสือเดินทางบอกว่ายังคงเหลือระยะเวลาให้เธอได้ใช้อีกหกเดือนถึงจะทำไม มันก็คงพอให้เธอรักษาตัวรักษาใจ ผ้าเช็ดหน้าสีขาวปักเป็นรูปดอกทานตะวันสีสวยสดหล่นออกจากตู้ผ้า มือเรียวยกมันขึ้นมาประทับแนบอกอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะวางไว้ที่เดิมจำได้ว่าผ้าผืนนี้แม่ปักและถักริมอยู่หลายวัน เพื่อจะส่งไปให้เป็นของขวัญวันเกิดภูตะวันอายุครบสิบห้าปี แล้วเธอแอบขโมยมันมา พอแม่รู้เท่านั่นแหละก็ลงมือทุบตีเธอเป็นการใหญ่ ตรีประดับยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ข้าวของใช้หลายชิ้นที่แม่บรรจงทำส่งไปให้หญิงสาวทุกๆ ปี แต่ไม่เคยมีให้ลูกสาวคนนี้เลยสักครั้งแม่มอบรักให้ภูตะวันซึ่งเป็นเพียงแค่หลาน มากกว่าเธอซึ่งเป็นลูกสาวเสียอีก แม้ว่าเธอจะพยายามไม่คิด พยายามเข้าใจ ว่าที่แม่ทำไปเพราะรักและเป็นห่วงหลาน แต่ทำไมแม่ไม่เคยมองมายังเธอบ้าง มองว่าเธอเองก็โหยหาความอบอุ่นไม่แพ้ภูตะวันตรีประดับเก็บข้าวของจนหมด และเดินไปนอนบนเตียงเล็กๆ ที่อยู่ชิดมุมห้อง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกไปอย่างไม่คิดที่จะยกมือขึ้นเช็ด หญิงสาวหลับไปอย่างเหนื่อยทั้งที่ยังมีคราบน้ำตาเต็มใบห