“ลุงปาโก้มีอะไรให้ผมเซ็นอีกหรือเปล่า” เกเบรียลถามลูกน้องวัยคราวพ่อที่ยื่นเอกสารสำคัญให้เซ็น ก่อนที่เขาจะเดินทางไปดูงานตามสาขาต่างๆ เป็นเวลาหนึ่งเดือนและถือโอกาสนี้เดินทางไปเยี่ยมคุณย่าที่เกาะส่วนตัวอีกประมาณหนึ่งถึงสองอาทิตย์ด้วย
ปาโก้เป็นลูกน้องคนสนิทของบิดามาก่อน จนเมื่อท่านปลดระวางแต่ชายชราคนนี้ไม่อยากอยู่เฉยๆ เลยขอมาทำงานกับเขาต่อ ซึ่งเขาเองก็ยินดีที่จะได้คนดีมีฝีมือมาดูแลงาน อีกทั้งยังสอนสั่งประสบการณ์ที่มีให้ จนถึงตอนนี้บริษัทที่เขาดูแลอยู่ ได้กลายเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง ส่วนหนึ่งก็มาจากชายนามปาโก้ที่นั่งยิ้มให้อยู่นี่แหละ
“งานที่จะเซ็นไม่มีแล้วครับ ที่มีก็คงจะเป็นเรื่องงานที่บอสกำลังเสนอตัวเข้าประมูลนั่นแหละครับ ได้ข่าวมาว่าทางบริษัทของเราเป็นตัวเองเก็ง จนหลายคนเริ่มจะไม่ชอบใจ คอยหาเรื่องใส่ไฟ เพื่อกำจัดบอสออกจากการประมูลครั้งนี้แล้วนะครับ” ปาโก้บอกอย่างคนที่มักวิตกกังวลใจง่ายๆ
“ผมเองก็ได้ข่าวแว่วๆ มาเหมือนกันครับลุง เลยคิดว่าจะใช้การเดินทางครั้งนี้เป็นข้ออ้าง เพื่อทำการสำรวจข้อมูลไปในตัวด้วย แต่คนที่เหนื่อยคงจะต้องเป็นลุงนั่นแหละครับ” เกเบรียลลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานไปยืนที่กระจกใส มองออกไปด้านนอกที่เป็นอาณาจักรธุรกิจของตัวเอง
“ไม่ว่าจะยังไง ผมก็จะไม่ยอมแพ้หรอกครับลุง งานที่เราทำ ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อทุกๆ คน” เกเบรียลบอกให้ปาโก้เชื่อใจ
การประมูลงานครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการเปิดตัวบริษัทของเขาให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งในและนอกประเทศเลยทีเดียว และจะนำรายได้อันมหาศาลมาสู่ตัวเขาและครอบครัว พนักงานทุกคนก็จะสบายตามไปด้วย
ตัวงานสำหรับเขาไม่เป็นปัญหาเลย แต่ปัญหาก็คือคู่แข่งนั่นแหละที่ไม่รู้ว่าจะใช้เล่ห์กลใดมาทำลายเขาต่างหาก
เกเบรียลถอนใจ ชายหนุ่มหันไปมองร่างผอมบางที่ลุกขึ้นพร้อมกับแฟ้มเอกสารนับสิบแฟ้มในมือ
“ในเมื่อลุงไม่มีอะไรแล้ว ผมเห็นจะต้องขอตัวก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรด่วน ลุงก็รู้นะครับว่าจะติดต่อผมได้ยังไง”
“ครับบอส”
เกเบรียลเดินนำร่างชายวัยชราออกไปจากห้องทำงาน ใจชายหนุ่มแล่นไปถึงหญิงสาวร่างอวบอิ่มที่ได้สั่งให้ถูกน้องจัดหามาให้ เพื่อเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปกับเขาในครั้งนี้ด้วย เพียงแค่คิดกายหนุ่มก็ร้อนผ่าวด้วยความต้องการที่จะปลดปล่อย
เขาเป็นคนที่ทำงานหนัก แต่ก็ใช้เวลานอกเหนือจากการทำงานด้วยความคุ้มค่าด้วยเช่นกัน การได้ปลดปล่อยทางร่างกาย ก็ถือว่าช่วยให้เขาทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ชายหนุ่มเดินขึ้นรถที่มีคนเปิดประตูรอรับอยู่แล้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียก
เกเบรียลหันมองไปด้านหลัง แล้วก็ได้เห็นสาวสวยหุ่นนางแบบที่เขาไม่ชอบเลย เพราะมันมีแต่หนังหุ้มกระดูก ที่ทำให้เขาต้องปั้นหน้าทุกครั้งเวลาที่เจอ เพราะหญิงสาวคนนี้คือคนที่คุณย่าของเขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะกลายมาเป็นหลานสะใภ้ เขาไม่อยากจะขัดหญิงชรา เพราะว่าการแต่งงานกับโซเฟียน่า จะทำให้หน้าที่การงานของเขาเจริญก้าวหน้าไปด้วย
“พี่เกลจะไปไหนหรือคะ โซเฟียได้ยินว่าพี่จะเดินทางเป็นเดือนเลย” หญิงสาวสอดมือเข้าไปคล้องแขนใหญ่ พาชายหนุ่มเดินเข้าไปในโรงแรมที่เป็นกิจการของครอบครัว
“ให้โซเฟียไปด้วยได้ไหมคะ”
“พี่จะเดินทางไปดูงานตามสาขานะ มันไม่สนุกหรอก แล้วเราจะไปกับพี่ได้ยังไงกัน พี่ได้ข่าวมาว่าจะต้องเดินทางด้วยไม่ใช่หรือไง” เกเบรียลถามกลับ
นอกจากความสนิทสนมส่วนตัวกับครอบครัวของโซเฟียน่าแล้ว ทางบ้านหญิงสาวก็มีการทำงานเกี่ยวเนื่องกับเขาอยู่ เลยทำให้เขารู้ความเป็นมาเป็นไปของหญิงสาวแทบทุกอย่าง ที่สำคัญคือในตอนนี้ครอบครัวของโซเฟียน่ากำลังเริ่มขยับขยายงาน
เกเบรียลคงจะไม่กังวลมากมายนัก หากว่างานที่บิดาของหญิงสาวกำลังเริ่มจับอยู่นั้น เป็นงานด้านเดียวกับที่บริษัทของเขากำลังจะเข้าทำการประมูลภายในสามเดือนข้างหน้านี้
“ใช่ค่ะ โซเฟียจะต้องเดินทางไปถ่ายแบบที่ฝรั่งเศสสองอาทิตย์ โซเฟียคงจะต้องคิดถึงพี่เกลแย่แน่เลย” หญิงสาวทำเสียงออดอ้อน ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเองก็ไม่ได้เดินทางไปคนเดียวเสียหน่อย
ข้างกายเธอจะต้องมีหนุ่มๆ อย่างน้อยสองคน เป็นเพื่อนร่วมเดินทางเสมอ แล้วก็ไม่ใช่ว่าเกเบรียลไม่รู้ แต่ถึงรู้ชายหนุ่มก็ปล่อยเลยตามเลย ในเมื่อเขาเองก็มีผู้หญิงอยู่ข้างกายไม่เคยจะขาดเหมือนกัน แต่เมื่อถึงเวลา ทั้งคู่ก็รับรู้ว่าจะต้องกลับมาแต่งงานกัน แล้วก็คงจะไม่นานนี้แล้วด้วย
“พี่เกลจะรีบไปไหนหรือเปล่า อยู่ทานอาหารกับโซเฟียได้หรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม เพราะรู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มจะต้องรีบไปรับหญิงสาวคนอื่นมานอนแนบกายแน่ๆ ถึงเธอจะไม่หึงไม่หวง แต่การที่ได้รู้ว่าชายหนุ่มกำลังจะไปหาหญิงคนอื่น มันก็ทำให้เธอเสียหน้าได้ไม่น้อยเหมือนกัน
ใช่ว่าเธอจะไม่สวย เธอเป็นคนสวยและสวยมากด้วย แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เกเบรียลถึงไม่เคยที่จะมองด้วยสายตารักใคร่ ไม่เคยที่จะแสดงออกว่ารัก ไม่เคยคิดที่จะกอดรัด...มีความสัมพันธ์กันเลย
“พี่กำลังจะไปธุระนะ เอาไว้วันหลังได้ไหมโซเฟีย” เกเบรียลพยายามปฏิเสธน้ำเสียงนุ่มนวล เขาแกะมือเล็กออกจากแขนอย่างอ่อนโยน
“ไม่เอาค่ะ โซเฟียรู้นะคะ ธุระที่พี่พูด หมายถึงพี่ จะไปหายายพวกนั้นที่ลูกน้องพี่หาไว้ให้” หญิงสาวเน้นคำพูดทีละพยางค์และทำเมินหน้าหนีอย่างน้อยใจและไม่พอใจ แต่กลับเหลียวมองดูว่าเกเบรียลจะพูดอะไรกลับมาบ้าง แต่เมื่อเขาไม่พูด เธอก็เลยพูดต่อเอง
“พี่จะปล่อยให้โซเฟียทานอาหารคนเดียว โซเฟียไม่ยอมนะคะ” หญิงสาวจับแขนใหญ่และยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน กะพริบตาปริบๆ อย่างที่คิดว่าน่ารักที่สุดและคิดว่าจะใช้ละลายหัวใจแข็งกระด้างของเกเบรียลได้
“ทานอาหารกับโซเฟียสักมื้อนะคะ นะคะพี่เกลขา”
เกเบรียลหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง แล้วก็พยักหน้ารับอย่างเซ็งในอารมณ์ ยังไงหญิงสาวที่นั่งใกล้ๆ นี่ก็คือภรรยาในอนาคตของเขา แต่สำหรับพวกที่รอคอยอยู่ข้างนอกนั้น จะหาเมื่อไหร่ก็ได้ เพียงแค่มีเงินผู้หญิงที่เคยคิดว่าดี ก็วิ่งตามกันมาเป็นขบวนอยู่แล้ว
ชายหนุ่มยิ้มหยัน ไม่ใช่ว่าเขาจะดูถูกเพศแม่ แต่ผู้หญิงที่เขาเคยเจอไม่เคยหนีเรื่องเงินพ้นสักราย แม้กระทั่งบางคนที่สวยเลิศเชิดหยิ่ง ก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับอำนาจแห่งเงินตราที่เขามอบให้เลย อีกอย่างการทานอาหารกับโซเฟียน่า ก็น่าจะทำให้เขาได้ข้อมูลอะไรจากปากหญิงสาวบ้าง ยังได้รักษาน้ำใจของว่าที่ภรรยา เพื่ออนาคตที่สว่างสดใสของเขาอีกด้วย“ก็ได้ แต่พี่ต้องไปโทรศัพท์ก่อน โซเฟียก็สั่งอาหารรอได้เลย”“ค่ะพี่เกล” โซเฟียน่าตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอมองตามร่างชายหนุ่มที่ไปโทรศัพท์อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องอาหาร ส่วนเธอก็...เรื่องอะไรจะให้การทานอาหารมื้อนี้เป็นเรื่องลับๆ ละโซเฟียน่าควานหาโทรศัพท์เพื่อโทรหาผู้จัดการส่วนตัวให้จัดการเรียกนักข่าวมาทำข่าว แล้วก็ต้องรีบวางโทรศัพท์ในมือลง เมื่อเห็นเกเบรียลเดินกลับมา เธอรู้ว่าเขาไม่ชอบให้เป็นข่าว แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่น่า เธอต้องการให้ข่าวนี้ไปถึงหูคุณย่าของชายหนุ่ม จะได้ประกาศตัวให้กับสาวๆ ที่เรียงรายอยู่รอบตัวชายหนุ่มได้รู้ว่า…ผู้ชายคนนี้มีเจ้าของแล้ว!“มีอะไรหรือโซเฟีย พี่เห็นเรายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นานแล้วนะ” เกเบรียลถาม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้ทานอาหารที่สั่งม
ที่นี่ที่ไหนกัน...ภูตะวันกะพริบตาปริบๆ ดวงตากลมโตพร่าเลือนเมื่อได้เจอกับแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่ สมองก็เริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ก่อนจะเบิกตากว้าง จำได้ว่าตอนที่หนีคนพวกนั้นเข้ามาแอบอยู่ในห้องนี้...ไฟไม่ได้สว่างโร่แบบนี้ แล้วไหนจะยังมีอะไรหนักๆ ที่ทับอยู่บนลำตัวอีกล่ะเกเบรียลพลิกกายแนบชิดลำตัวบอบบาง รอยยิ้มแต้มบนใบหน้า ดวงตาคมดุสบกับดวงตากลมโตใสแจ๋วที่มองเขาอย่างตื่นตระหนก หัวใจเธอเต้นแรงและเร็วราวกับจะทะลุออกจากอกจนเขารับรู้ได้ เช่นเดียวกับใบหน้าผุดผาดที่ยั่วยวนให้เขาหลงใหลภูตะวันหายใจหายวาบ จะร้องแต่ก็โดนปิดด้วยปากอุ่นร้อนจากคนที่ทาบทับอยู่ เธอพยายามดันกายใหญ่ให้ออกห่าง แต่ก็เหมือนว่าเอามือไปผลักหินผา ที่ไม่มีทีท่าจะขยับเขยื้อนเอาเสียเลย แล้วหญิงสาวก็ต้องตื่นตระหนกยิ่งขึ้น เมื่อเจอกับสัมผัสร้อนผ่าวที่ลามเลียอยู่ทั่วใบหน้า“ผิวเธอทั้งนุ่มและหอมมากเลยนะสาวน้อย”ชายหนุ่มจูบเรียวปากนุ่มอย่างหนักหน่วง ขบกัดแล้วแทรกลิ้นร้อนๆ เข้าไปควานหาความหวานละมุนในโพรงปากนุ่ม จุมพิตราวกับจะกลืนกินภูตะวันเข้าไปหมดทั้งตัว“อื้อ...ปล่อย”เกเบรียลจับมือเรียวขึ้นไปตรึงไว้เหนือศีรษะ รอยยิ้มไม่ห่างหายจาก
ความร้อนผ่าววนเวียนอยู่รายรอบทำให้เธอทำตัวไม่ถูก ได้แต่ปล่อยกายปล่อยใจ ไปกับสัมผัสที่สร้างความปั่นป่วนให้ทรวงอกอิ่มสะท้อนขึ้นและลงตามแรงหายใจรัวเร็ว มือที่วางอยู่บนบ่าเริ่มเคลื่อนไหวตามเรือนกายใหญ่อย่างสะเปะสะปะสร้างความปวดร้าวให้กับเกเบรียลเป็นอย่างสูง“เธอคงเพิ่งมาทำงานอย่างนี้ซินะ” เกเบรียลถามขณะเคลื่อนมือไล่ลงไปด้านล่าง ไล้วนบนหน้าท้องเนียนเรียบ ผิวเนื้อหญิงสาวเนียนนุ่มดุจใยไหมและหวานละมุนราวกับอยู่ท่ามกลางท้องทุ่งดอกไม้ เรือนกายเธอช่างบอบบางนัก จนเขาถึงกับกลัวว่าถ้าเขาแตะแรงไปสักนิด มันจะบอบช้ำและเป็นรอย ปากหนาเคลื่อนตามมือใหญ่ลงไปเรื่อยๆ“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะไม่รุนแรง...จะค่อยๆ ถนอม ทำให้เธอมีความสุข”ริมฝีปากร้อนราวกับถ่านไฟทาบทับกึ่งกลางท้องเนียนเรียบ มือใหญ่ปลดตะขอกางเกงของหญิงสาวออก สองมือช้อนระโพกและดันกางเกงออกไปอย่างช้าๆ ด้วยความยินยอมของหญิงสาวเอง ที่ตอนนี้ไม่รู้ตัวแล้วว่ากำลังทำอะไรอยู่กางเกงหลุดลอยปลิวไปจากร่างเล็ก มือใหญ่ก็ฟอนเฟ้นสะโพกหนั่นแน่น โดยยังไม่แตะต้องบางส่วนของร่างกายหญิงที่อ่อนไหวที่สุดเกเบรียลเคลื่อนตัวขึ้นไปมอบจุมพิตให้หญิงสาว บอกให้เธอช่วยเขา
ภูตะวันคิดตามคำพูดของชายหนุ่ม แล้วก็ต้องให้เบิกตากว้าง อ้าปากค้าง เธอสบกับดวงตาคมดุแล้วก็ส่ายศีรษะ“ปะ...เปล่านะคะ ฉันไม่ได้ทำงานอย่างว่า ฉัน..ฉันแค่เข้ามาหลบคนร้าย ที่กำลังตามล่าตัวฉันอยู่เท่านั้นเอง” หญิงสาวบอกเสียงสั่นเกเบรียลเลิกคิ้วสูง มองแม่นักปั้นเรื่องตรงหน้าแล้วก็ส่ายศีรษะให้ เขารู้ว่าผู้หญิงแต่ละคนจะมีเทคนิคและวิธีการเรียกร้องความสนใจจากเขาแตกต่างกันไป แต่ไม่คิดว่าแม่สาวน้อยที่เขายังไม่รู้จักชื่อ จะสร้างเรื่องโลดโผนได้เก่งขนาดนี้“คุณเชื่อฉันนะคะ” ภูตะวันย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นความไม่เชื่อใจในแววตาดุคม “ฉัน...ฉันหนีเขามาจริงๆ ““ทำไมเธอต้องหนีเขาด้วยละ”“ฉันไม่รู้ อยู่ดีๆ พวกนั้นก็วิ่งตามฉันมา”“เธอสร้างเรื่องเก่งนะสาวน้อย แต่โทษที เผอิญว่าฉันไม่เชื่อ ว่าแต่เราก็คุยกันมานานแล้ว ชื่อฉันเธอคงจะรู้จักแล้ว แต่ชื่อเธอฉันยังไม่รู้จักเลย แล้วฉันจะได้เรียกถูกได้ไงกัน”“ฉันชื่อภูตะวัน แล้วฉันก็ไม่ได้สร้างเรื่องด้วย” ภูตะวันบอกอีกครั้งหวังว่าจะทำให้ชายหนุ่มเชื่อ แต่เมื่อเห็นว่าเขาส่ายหน้าแล้วก็ให้จนคำพูด จึงได้แต่คิดหาหนทางเอาตัวรอดจากชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง“ภูตะวัน...ชื่อเธอแปลกดีนะ
รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าของพยัคฆ์หนุ่มที่มองหมายจะตะครุบเหยื่อ ในเมื่อหญิงสาวกล้าที่จะใช้ร่างกาย เพื่อแลกกับข้อมูลจากเขา เธอก็จะได้เจอกับนรกจากมือเขาเหมือนกัน‘แล้วเราจะได้รู้กันแม่สาวน้อย ว่าใครมันจะแน่กว่าใคร เพราะเธอจะต้องแทนฉันอย่างสาสม โทษฐานที่กล้าบุกถ้ำเสือ’ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนแนบข้างภูตะวัน สมองก็เริ่มคิดว่าจะลงโทษหญิงสาวอย่างไรดีให้สาสมกับที่เธอกล้าลองดีกับเขา แต่สิ่งหนึ่งที่เขายังคงชอบและโกรธไม่ลง เมื่อคิดว่าเธอจะต้องทำให้เตียงเขาร้อนเป็นไฟชายหนุ่มโอบกอดร่างบอบบางดึงเข้ามาหาตัวจนแนบสนิทไปทั่วสรรพางค์ เขาหัวเราะกลั้วคอ เมื่อคิดได้ว่าเขาจะทำไงกับหญิงสาวที่นอนแนบข้างอยู่ แล้วยังจะได้เอาคืนคนที่กล้าเล่นงานเขาด้วยวิธีสกปรกๆ แบบนี้อีกด้วยภูตะวันก้มมองมือที่จับแขนของเธอไว้ ด้วยความหวาดกลัวระคนตื่นเต้น เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่เดินเคียงข้าง พาเธอเดินเข้าไปพักในโรงแรมใหญ่และหรูหราของกรุงโรมการเดินทางแห่งแรกที่ชายหนุ่มบังคับเอาตัวเธอมา แม้ว่าเธอจะขัดขืนเพียงใด แต่ก็ต้านทานอารมณ์และแรงของชายหนุ่มที่มีมากกว่าไม่ได้เสียดายยิ่งนัก เพราะเมื่อได้มาเยือนที่นี่ ที่แห่งแรกที่อยากจะท่องเที่ยว
ชายหนุ่มโน้มหน้าไปแนบจุมพิตบนเรียวปากนุ่ม ปลายลิ้นเกาะเกี่ยวกวาดไล้หาความหวานภายในโพรงปากนุ่มอย่างเชื่องช้า“เธอทำใจให้ชินกับสัมผัสของฉันดีกว่าตะวัน”เกเบรียลลูบไล้ผิวเนื้อเนียนนุ่ม แต่เพราะว่าหญิงสาวยังคงมีเสื้อผ้าปกปิดเรือนกายอยู่ เขาจึงค่อยๆ ม้วนเสื้อตัวเล็กที่ตัวเองนั่นแหละเป็นคนเลือกให้ออกและโยนทิ้งไป“ฉันอยากได้ยินเสียงหวานๆ ของเธอ”ใบหน้าคร้ามแกร่งคลอเคลีย ปากหนาบดเบียดเคล้าคลึงควานหาความหวานจากโพรงปากนุ่ม มือก็ลูบไล้ไล่ลงไปหาทรวงอกคู่งามที่เคยได้ยลโฉมและกลืนกินมันมาแล้วครั้งหนึ่ง ความหวานที่ได้รับยังทำให้เขาติดใจจนลืมไม่ลงแม้ว่าสิ่งที่เขาสัมผัสอยู่มันจะมีปราการขวางกั้น แต่ก็ขัดความต้องการของเขาไม่ได้ ปากอุ่นขบเม้มลากไล้ไปบนผิวเนื้อใยไหมสร้างความปั่นป่วนราวให้กับภูตะวันจนร้อนราวกับถูกไฟเผาใบหน้านวลแหงนหายไปด้านหลัง ผมยาวสลวยหลุดลุ่ยออกจากเชือกที่มัดไว้ แต่แทนที่จะน่ารำคาญ มันกลับกระตุ้นเกเบรียลให้ร้อน เพราะผู้หญิงที่ตอนนี้หาใช่สาวน้อยแล้วไม่ แต่ได้กลายเป็นแม่สาวสุดเซ็กซี่ ที่ทำให้เขาอยากกระโจนลงไปในกองเพลิงพิศวาสอย่างเร็วที่สุด“ดีมากเลยภูตะวัน...ผิวเธอทั้งนุ่มและหอม” แต่เขาย
“คุณเกล...เจ็บ...” ภูตะวันรีบร้องบอกพร้อมกับถอยร่างหนีความเจ็บปวดที่แทรกเข้ามาพำนักในเรือนกาย นิ้วเล็กๆ ลากแรงๆ บนอกกว้างจนเกเบรียลถึงกับสะดุ้ง“อดทนนิดนะ เดี๋ยวก็หาย”ชายหนุ่มปลุกปลอบด้วยการส่งลิ้นสากร้อนตวัดกลืนกินเกสรนุ่มรัวเร็ว นิ้วยาวร่วมเคลื่อนไหวขับไล่ความเจ็บให้หญิงสาวเจ็บปวด แต่ภูตะวันก็ยังคงถอยหนีเห็นทีเขาคงจะต้องใช้อีกวิธีเพื่อคลายความเจ็บให้ภูตะวัน เขาพรมจูบไล่ขึ้นไป พร้อมจับขาเรียวให้โอบรอบลำตัวแกร่ง ขณะส่งนิ้วไปทำความรู้จักเส้นทางคับแน่นอย่างเชื่องช้า...“ฉันจะทำให้เธอสบายตัว”ภูตะวันได้แต่ส่งเสียงอือๆ อาๆ ด้วยมีทั้งความเจ็บปวดและเสียวซ่านในคราวเดียวกัน จนเธอไม่รู้ความรู้สึกใดมันจะมากกว่า ทำได้เพียงกดมือบนร่างใหญ่ โพรงปากนุ่มถูกซอกซอนกวาดไล้จากเรียวลิ้นสากร้อน ขณะลำตัวก็จับต้องอย่างหนักหน่วงเกเบรียลอุ้มหญิงสาวพาไปเอนลงบนเตียงใหญ่ทั้งที่ยังบดเบียดจุมพิตบนเรียวปากนุ่ม เขาทาบกายตามติดร่างอรชร พร้อมเคลื่อนนิ้วไปอย่างแผ่วเบากลางเรือนกายสาว พลางบอกให้ภูตะวันช่วยปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่เหลือออกจากายเขา และหญิงสาวก็ทำตามเหมือนโดนมนต์สะกดกางเกงสองชิ้นหลุดออกจากใหญ่ อาวุธร้อนก็บดเ
สองเรือนกายหล่อหลอมสอดผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน สายธารร้อนผ่าวไหลบ่าล้นทะลักจากสองเรือนกาย แขนแข็งแรงรัดรอบร่างบอบบาง กดรั้งจนมันจมหายไปในอกกว้าง เสียงร้องแหบพร่าดังจากสองร่าง ก่อนที่เกเบรียลจะฟุบใบหน้าลงซบกับทรวงอกนุ่มเป็นครู่ใหญ่กว่าที่ชายหนุ่มจะฟื้นตัวและเงยหน้ามองภูตะวันที่ยังคงมึนงงกับรสสัมผัสที่ได้รับ ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตหวานฉ่ำเยิ้มและเชิญชวนโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัวแม้จะเสร็จสิ้นบทรักไปแล้ว แต่เกเบรียลยังแนบกายสนิทชิดกับร่างนุ่ม ดูเหมือนว่าความอบอุ่นอ่อนหวานจากหญิงสาวตรงหน้าทำให้เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“อุ้ย!” ภูตะวันขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน “คุณขยับออกไปนิดได้ไหม ตะวัน...อึดอัด” เธอวางมือบนบ่ากว้าง อึดอัดคับแน่นจากกายแกร่งที่ยังพำนักอยู่ ไหนจะความเสียวซ่านที่เริ่มรุมเร้าใหม่อีกครั้ง ใบหน้าสวยเอ่อแดงระเรื่อยิ่งขึ้น ดวงตาหวานฉ่ำเยิ้ม“ผิดกับฉันนะ ยังรู้สึกไม่พอ ไอ้ที่ได้ไปตะกี้มันนิดเดียวเอง”ไม่รู้ว่าใครนะช่างส่งแม่สาวแสนสวยนี่มาให้ เขาคงจะต้องขอบคุณไปสักครั้ง...เมื่อมีโอกาสเกเบรียลจูบปากอิ่มเต็มอย่างอดใจไม่ได้ มือลูบไล้ไปตามลำตัวนุ่ม ด้วยความปรา
“ไม่นะตะวัน ไม่นะคนดี ฉันขอโทษ ฉันรักตะวันนะ รักมากด้วย แต่ฉัน...ฉันพูดไม่ออก” เกเบรียลพูดรัวเร็ว จนไม่รู้เลยว่าตัวเองได้หลุดปากคำว่ารักไปแล้วภูตะวันยิ้มกว้าง รอคอยว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรกับเธอต่อไป ดวงตากลมโตเป็นประกาย ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ“ฉันขอโทษนะตะวัน ฉันรักตะวัน...ตะวันอย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันคงจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ” แขนใหญ่รัดร่างบางเข้าหา“แต่งงานกับฉันนะตะวัน”“คุณเกลรักตะวันและจะแต่งงานกับตะวันจริงหรือคะ”“ฉันระ...ระ...” พอมาถึงตอนนี้คำว่ารักมันก็เริ่มจะติดที่ปากอีกแล้ว“ถ้าไม่บอกรักให้ตะวันได้ยินชัดๆ อีกครั้งตะวันไม่แต่งงานด้วยจริงๆ นะ” ภูตะวันขู่กลับบ้าง“ก็ได้...เอ่อ...”“ถ้าคุณเกลอายนะคะ พูดใกล้ๆ หูให้ตะวันได้ยินคนเดียวก็ได้”ภูตะวันให้ทางเลือก เพื่อไม่ให้คนที่รักอายจนเกินไป เพราะแค่นี้ใบหน้าเกเบรียลก็แดงเป็นกุ้งต้มไปเรียบร้อย สองแขนที่โอบรอบเอวก็สั่น มือที่นาบอยู่ด้านหลังก็เย็นจนเธอสัมผัสได้ปากหนาร้อนแนบชิดใบหูนุ่ม เขาไม่เคยที่จะรู้สึกแบบนี้เลย มันอายและเขินยังไงก็ไม่รู้ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวหัวใจเต้นแรงและเร็วราวกับจะทะลุออกมาจากอกเกเบรียลสูดลมหายใจเข้าปอด หลับตาลง แล้วก็เอ
“ให้มันแน่เถอะตะวัน ถามคนนั้นหรือยังละ ว่าเขาให้ตะวันนอนบ้านตรีหรือเปล่านะ” ตรีประดับบุ้ยใบ้ไปที่ชายหนุ่มที่ยืนหน้าเครียดเคร่งขรึม จ้องมองภูตะวันอย่างน้อยใจ ตัดพ้อ ต่อว่า“ก็ช่างเขาซิ คุณเกลกับตะวันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ตะวันก็แค่หลงเดินเข้าไปในเส้นทางที่ไม่ถูกไม่ควร แต่ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปแล้ว ตะวันจะอยู่กับตรี กับน้าวี”“ใช่ แม่ก็ไม่ยอมให้หนูกับตะวันไปไหนอีก เราจะอยู่กันตามประสา แม่ลูกหลาน ใช่ไหมตะวัน”“ใช่คะน้าวี”คำตอบของหญิงทั้งสามคนทำเอาเฟดเดอริโกที่ดีใจตีปีกผับๆ ว่าได้คนที่รักกลับคืนมาเริ่มจะเดือดร้อน แค่ตรีประดับห่างกายเพียงแค่สองสามวันนี้เขาก็แทบทนไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคืนนี้ไม่ได้กอดหญิงสาวมีหวังลงแดงตายแน่ สมองอันชาญฉลาดเริ่มคิดหาทางออกให้กับตัวเองใบหน้าคมหันไปหาเกเบรียล ที่มีสีหน้าเหมือนเขา แต่ดูท่าว่าจะรุนแรงมากกว่า แล้วก็ให้ยิ้มกว้าง เขาไม่รู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้มีเรื่องอะไรกัน ถึงได้ทำให้ภูตะวันงอน แต่คิดว่าตัวเองน่าจะช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อยละ แล้วค่อยฉกตัวตรีประดับไป เฟดเดอริโกค่อยๆ ทบทวนในสิ่งที่ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างช้าๆ แล้วก็ให้ยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้นตรีป
“รักจนยอมกลายเป็นครอบครัวเดียวกับตรี และแม่ของตรีนะหรือคะ” ศีรษะทุยส่ายเบาๆ อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“พี่เฟดรักตรีมากแค่ไหนคะ มากพอที่จะเรียกแม่ของตรีว่าแม่ไหม”“ได้ซิตรี” คำตอบที่ออกจากปากหนา ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ เพราะกลัวว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเพราะเธอหูแว่วไปเอง แต่เฟดเดอริโกก็ย้ำให้ได้ยินชัดเจนอีกครั้ง ใกล้ๆ กับหู“ได้ซิตรี เพื่อตรีพี่ยอมหมดทุกอย่างเลยจ้ะ ที่รัก” ปากหนาประทับบนใบหูนุ่ม พร้อมกับคำพูดมั่นคงและหนักแน่น“เพียงแค่พี่ขอเวลาตรีสักหน่อยได้ไหม ให้พี่ได้ทำใจและมีความกล้า แล้วอีกไม่นานตรีก็จะได้ยินและได้เห็นว่าพี่ลืมหมดสิ้นความแค้นที่มี และให้ความเคารพรักแม่ของตรี เหมือนกับแม่ของพี่คนหนึ่ง”“พะ..พี่เฟดพูดจริงๆ หรือคะ ตรีไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” ตรีประดับถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแหบพร่า น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลลงอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดอีกแล้ว แต่มันคือความสุขที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้รับ“จริงซิ พี่เคยโกหกตรีหรือ”“เคยซิคะ หลายครั้งด้วย”คำตอบของตรีประดับทำเอาเฟดเดอริโกหน้าม้าน แต่ก็พยักหน้ารับ “งั้นตอนนี้ตรียอมคืนดีกับพี่แ
“ตรีอยู่กับคุณเฟดค่ะ เห็นบอกว่าอยากจะคุยอะไรๆ กันนิดหน่อย”สิ้นเสียงภูตะวันเจสันที่ยังชะเง้อคอรอคอยลูกเลี้ยงก็รีบเดินไปที่ประตู แต่เขาก็หยุดชะงักลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงหวานนุ่มจากปากคู่ชีวิต“ไม่ต้องหรอกค่ะเจสัน ปล่อยให้สองคนนั้นเขาเคลียร์เรื่องของเขาเถอะ”“แล้ววี...”“ไม่หรอกค่ะ วีคิดได้แล้ว และก็ได้แต่หวังว่าหลานชายนอกไส้ของคุณ จะรักและดูแลลูกสาวของวีให้ดีที่สุด และมีความสุขที่สุดเท่านั้นก็พอค่ะ”“มีอะไรกันหรือเปล่าคะน้าวี” ภูตะวันถามอย่างงงๆ ตาก็มองน้าสาวสลับกับเจสัน และก็หันไปมองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งเงียบอยู่มุมหนึ่งของห้องแล้วก็เมินหน้าหนี สองแขนโอบรอดร่างน้าสาวอย่างรักใคร่และคิดถึง“เปล่าๆ จะลูก ว่าแต่ตะวันสบายดีใช่ไหมลูก แล้วหนูจะมาพาพักกับน้าที่บ้านด้วยใช่ไหม”“ค่ะน้าวี ตะวันจะแย่งตัวน้าวีจากลุงเจสันมานอนกอดให้ฉ่ำปอดเลย” ภูตะวันยิ้มหวานเชื่อม และสายตาก็จ้องมองไปเกเบรียลได้ยินภูตะวันภูแค่นั้นเกเบรียลก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เมื่อครู่ล้มลงดังปังใหญ่ ใบหน้าหล่อคมบึ้งตึงขึ้งเครียดและแดงก่ำ ดวงตาเป็นประกายสีแดงเข้ม ลมหายใจหอบเร็วภูตะวันเลิกคิ้ว “มีอะไรหรือเปล่าคะค
ใบหน้าคมคร้ามแดงก่ำ แล้วดวงตาคมดุคู่นั้นเป็นประกายแข็งกร้าว ทั้งโกรธเกรี้ยวและน้อยใจ ร่างใหญ่เดินลิ่วๆ มาหาตรงที่เธอกับตรีประดับยืนอยู่ เท้าเรียวยาวก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ“มีอะไรตะวัน” ตรีประดับเอ่ยถามเพื่อนอย่างแปลกใจ ก็เมื่อครู่ภูตะวันเป็นคนชวนเธอเอง แล้วก็ยังลากเธอเดินลิ่วๆ มาจนเธอหัวแทบคะมำไปข้างหน้า แต่อยู่ๆ ก็หยุดแล้วยังพาเธอเดินไปด้านหลังเฉยเลย“คือ...”“ให้ฉันเป็นคนตอบแทนดีกว่าไหมตรีประดับ” เสียงที่ถามอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับมือใหญ่จับเข้าที่แขนเรียวยาวและดึงจนร่างบอบบางถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งตรีประดับรู้สึกเหมือนกับว่าลำคอแห้งผาก จนต้องรีบกลืนน้ำลายลงคอ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย หัวใจเธอยังคงเต้นแรงและเร็ว ราวกับกำลังจะทะลุออกมาจากทรวง ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ขณะปลดมือใหญ่ออกจากแขนทั้งที่รู้ว่า ถึงจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดจากคีมเหล็กที่คีบอยู่ก็เถอะ“ปะ...ปล่อยตรีนะพี่เฟด เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ พี่จะมาหาเรื่องอะไรกับตรีอีก”“แน่ใจหรือตรี ฉันว่าเธอยังติดค้างฉันอีกเยอะเลยนะ” เฟดเดอริโกถามยิ้มๆ ตอนที่ได้เห็นร่างบอบบางของคนที่รักเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์เช็กอิน เข
ไม่....เขายอมให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ เขาจะต้องตามตัวตรีประดับให้เจอ ไม่ว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน สุดสายปลายฟ้า ก็จะต้องตามหาให้เจอ และบอกให้เธอรู้ว่าเขายอมแพ้แล้ว...ยอมให้ละทิ้งทุกสิ่ง ขอเพียงแค่ให้หญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนเขาตลอดไปก็พอ“ตรีจะไปเมืองไทย เขาคงจะไปหาตะวันที่นั่น” ภารวีพูดเสียงเบา“ไม่จริง คุณเอาอะไรมาพูด ในเมื่อตะวันอยู่ที่นี่”“คุณว่าไงนะคุณเฟด” ร่างบางถึงกับทรุดกองกับพื้นอีกครั้ง ความจริงจากปากเฟดเดอริโกพรั่งพรูเหมือนกับสายน้ำหลาก ให้ภารวีถึงกับร้องเรียกหายาดม ใบหน้าเธอขาวและซีดเผือด“ต...รีแม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ เพราะแม่ถึงทำให้ลูกเป็นแบบนี้ใช้ไหม” ภารวีร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อคิดว่าตรีประดับคงจะทำอะไรเพื่อช่วยภูตะวันจนถึงขั้นเอาตัวเข้าแลก เพื่อจะได้ช่วยเหลือญาติสาว...และคนที่ลูกสาวเธอเลือกขอความช่วยเหลือก็คือชายหนุ่มตรงหน้า ที่คอยจ้องตะครุบอยู่แล้ว“ตามตรีกลับมาให้ได้นะคุณ บอกแกด้วยว่าฉันรักแก แม่คนนี้รักแก” ภารวีจับมือใหญ่ของสามีไว้และจ้องมองเฟดเดอริโกด้วยสายตาวิงวอนขอร้อง“ไม่ครับ” ภารวีและเจสันกำลังจะต่อว่าชายหนุ่มไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่ตามมาก็ทำให้ทั้งคู่ยิ้มได้“คำพูดเหล่านี้ ค
สะโพกสอบกดรั้งจมลึกหายไปในเส้นทางสวาทร้อนรัวเร็วถี่ยิบ ทั้งหนักหน่วงและรุนแรง เพียงไม่นานสองร่างก็สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เสียงร้องหวานเชื่อมและแหบห้าวดังพร้อมๆ กันกายบางฟุบลงบนขอบอ่าง โดยมีร่างใหญ่ตามติด ลมหายใจของทั้งคู่หอบกระเส่า เป็นครู่ใหญ่กว่าที่เกเบรียลจะฟื้นตัว ช้อนร่างบางไปวางในอ่างอาบน้ำใหม่อีกครั้งสองมือบีบนวดและกายบางแผ่วเบา ผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้ ก่อนที่เขาจะอุ้มร่างภูตะวันขึ้นและนำพาเธอไปมอบรักใหม่อีกครั้ง...อีกครั้งและอีกครั้ง...บนเตียงนอนใหญ่ ก่อนทั้งคู่จะนอนหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันตรีประดับพาร่างบางของตัวเองเดินกลับเข้าไปในร้านอาหาร เธอกวาดตามองหาหญิงและชายที่เธอเรียกว่าพ่อแม่ และเธอก็ได้พบร่างของภารวีและเจสันนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง หญิงสาวเดินไปหยุดตรงหน้าของทั้งสองคน“แกมาที่นี่ทำไมอีกตรีประดับ” ภารวีเอ่ยถามลูกสาว ความเจ็บปวดและเจ็บใจยังไม่ห่างหายไปจากสมองและจิตใจ“ตรีแค่จะมาลาแม่นะคะ”“แกจะไปอยู่กับ...” ภารวีถามอย่างเจ็บปวดใจ“ไม่ใช่หรอกค่ะแม่ ตรีจะไปเมืองไทย” ตรีประดับพูดขัดขึ้นก่อนที่มารดาจะพูดจบ มือเรียวยื่นสมุดโน้ตเล่มเล็กส่งให้มารดา“ตรีแค่จะเอาน
“เธอไม่คิดถึงฉันหรือไงคนดี เห็นกลับเอาซะเย็นเชียว ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นห่วง และที่สำคัญคือ...ฉันคิดถึง”“จริงหรือคะ คุณเกลคิดถึงตะวันจริงๆ เหรอ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย” นิ้วเรียวคีบจมูกโด่งแผ่วเบา ใบหน้าก็ยิ้มหวานดวงตาเป็นประกายหวานเชื่อมไม่แพ้กัน“ทำอย่างไรเธอถึงจะเชื่อละตะวัน”“อืม...ทำยังไงนะหรือคะ” ใบหน้าขาวสวยแหงนไปด้านหลัง ให้ใบหน้าคมประทับไปบนลำคอระหงเรื่อยลงไปตามแอ่งชีพจร จนถึงปทุมถันอวบอิ่มสีขาวนวลผ่องตัดกับปลายยอดสีชมพูเข้ม ที่ชูช่ออวดความสวยงามให้กับเกเบรียลได้เห็นชายหนุ่มลูบไล้มือไปบนลำตัวเนียนนุ่มและช้อนทรวงสล้างขึ้นมา ใบหน้าคมซบซุกระหว่างสองเต้า และค่อยๆ เคลื่อนไปประทับบนยอดบัว ปลายลิ้นตวัดไล้หยอกล้อกับปลายยอดถันสีชมพูเข้มอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะตวัดมันเข้าปากปลายนิ้วเรียวยาวจิกไปบนลำคอแกร่ง กดให้ศีรษะทุยแนบชิดกับทรวงสล้างมากที่สุด เสียงครางหวานเชื่อมดังจากปากนุ่มอวบอิ่ม“คืนนี้คุณเกลก็จะรักตะวันตลอดทั้งคืนดีไหมคะ”“ฉันนะไหวอยู่แล้ว กลัวแต่ว่าตะวันจะไม่ไหวนะซิ เอวบางร่างน้อยแบบนี้ ลดพัดทีเดียวก็ปลิวแล้ว”“งั้นคุณเกลก็ต้องจับไว้แน่นๆ ตะวันกลัวจะปลิวไปตามลมอย่างที่คุณเกลบอ
ตรีประดับเดินเข้าไปในห้องนอน เริ่มต้นเก็บข้าวของส่วนตัวที่จำเป็นต้องใช้ หนังสือเดินทางบอกว่ายังคงเหลือระยะเวลาให้เธอได้ใช้อีกหกเดือนถึงจะทำไม มันก็คงพอให้เธอรักษาตัวรักษาใจ ผ้าเช็ดหน้าสีขาวปักเป็นรูปดอกทานตะวันสีสวยสดหล่นออกจากตู้ผ้า มือเรียวยกมันขึ้นมาประทับแนบอกอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะวางไว้ที่เดิมจำได้ว่าผ้าผืนนี้แม่ปักและถักริมอยู่หลายวัน เพื่อจะส่งไปให้เป็นของขวัญวันเกิดภูตะวันอายุครบสิบห้าปี แล้วเธอแอบขโมยมันมา พอแม่รู้เท่านั่นแหละก็ลงมือทุบตีเธอเป็นการใหญ่ ตรีประดับยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ข้าวของใช้หลายชิ้นที่แม่บรรจงทำส่งไปให้หญิงสาวทุกๆ ปี แต่ไม่เคยมีให้ลูกสาวคนนี้เลยสักครั้งแม่มอบรักให้ภูตะวันซึ่งเป็นเพียงแค่หลาน มากกว่าเธอซึ่งเป็นลูกสาวเสียอีก แม้ว่าเธอจะพยายามไม่คิด พยายามเข้าใจ ว่าที่แม่ทำไปเพราะรักและเป็นห่วงหลาน แต่ทำไมแม่ไม่เคยมองมายังเธอบ้าง มองว่าเธอเองก็โหยหาความอบอุ่นไม่แพ้ภูตะวันตรีประดับเก็บข้าวของจนหมด และเดินไปนอนบนเตียงเล็กๆ ที่อยู่ชิดมุมห้อง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกไปอย่างไม่คิดที่จะยกมือขึ้นเช็ด หญิงสาวหลับไปอย่างเหนื่อยทั้งที่ยังมีคราบน้ำตาเต็มใบห