บทที่ 15เลิกรัก หลังจากที่เสร็จกิจกรรมความสุขกันไปแล้ว เพทายก็กลับมาส่งคนตัวเล็กที่เตียง จากนั้นก็ห่มผ่าให้เธอได้นอนหลับพักผ่อน ส่วนตัวเขาก็นอนที่โซฟาข้างเตียงผู้ป่วยอย่างมีความสุข เมื่อคืนมานิตาน่ารักมาก มากเสียจนเขาใจเต้นแรง และวันนี้เขาจะสารภาพรักกับเธอ มันคงถึงเวลาที่ได้ทำตามหัวใจของตัวเองเสียที “คุณคะ...” นิ้วเรียวเล็กของใครบางคนสะกิดที่แขนของคนที่กำลังนอนอยู่บนโซฟา “เอ่อ...” เพทายลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับมองผู้หญิงตรงหน้าที่เป็นพยาบาล ตนถึงขยี้ตาเล็กน้อยแล้วกวาดสายตามองหาคนตัวเล็กที่เขาอุ้มมานอนเมื่อคืนนี้ “คุณเป็นญาติคนไข้ห้องนี้เหรอคะ” “ครับ...แล้วเธอไปไหนแล้ว” เพทายมองหาคนตัวเล็กแต่ก็ไม่เจอ “เธอออกไปก่อนคุณตื่นได้สักครู่แล้วค่ะ ดิฉันเลยมาปลุกเพราะเห็นว่าคุณกำลังหลับ” นางพยาบาลมองเพทายตาหยาดเยิ้มเพราะใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับดารา “อะไรนะครับ เธอไปไหนแล้ว” “ลงไปแล้วค่ะ เธอเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายกับยาแล้วออกไปแล้วค่ะ” “เหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมขอเข้าห้องน้ำสักครู่แล้วจะออกไปครับ” เพทายรีบเข้าไปจัดกา
เพทายขับรถออกมาแล้วเดินทางไปยังบ้านพี่เขยก่อน เพราะเขาไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว หัวใจของเขามันถูกบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก “อ้าวเพ...ไหงมาหาพี่ได้ล่ะ” ร่างอุ้ยอ้ายของพะแพรเดินเข้าไปหาเพทายที่เพิ่งเดินเข้ามาบ้านจากนั้นก็ล้มตัวลงนอนที่โซฟาหนานุ่มราวกับคนหมดแรง “เหนื่อยจังเจ้” “เป็นอะไร” พะแพรเดินเข้ามาจับไหล่หนาของน้องชายอย่างไม่เข้าใจว่าใครทำให้เพทายทุกข์ใจได้ขนาดนี้ ปกติน้องชายของเธอมันทะเล้นจะตายไป “อกหักว่ะพี่...” “หะ...แกเนี่ยนะอกหัก หนุ่มน้อยเจ้าเสน่ห์ของพี่อกหักได้ไง มิลค์กี้เหรอ” “อืม...หักไม่พอ เอาไปเหยียบเล่นอีก” เพทายนอนก่ายหน้าผากอย่างกลัดกลุ้มเพราะเขาจนปัญญาจริงๆ แม้อยากจะเข้าไปดึงตัวเธอกลับมา แต่รู้ดีว่าจะใช้วิธีนั้นกับมานิตาอีกไม่ได้แล้ว “สมน้ำหน้า” “อ้าว...เจ้ทำไมว่าผมแบบนี้ ผมน้องเจ้นะ” เพทายหน้าเจื่อนเมื่อพี่สาวหันมาหัวเราะเขามากกว่าปลอบใจ “ก็แกมันเพลย์บอยตัวพ่อ วันหนึ่งโดนผู้หญิงหักอกฉันก็เลยอยากจะสมน้ำหน้าไง” “เฮ้อ...งั้นเอาเต็มที่เลยเจ้ ใช่สิ...ชีวิตเจ้มันดี
“ไหนเอาเงินในบัญชีมาดูจะได้พิสูจน์ว่ารวยจริงไหม” พะแพรแบมือของตัวเองเพื่อขอโทรศัพท์ของน้องชายเพื่อดูเงินในบัญชีอย่างไม่เชื่อคำพูดสักเท่าไหร่ “อ๊ะ” พะแพรกดหน้าจอแล้วเลื่อนดูยอดเงินก็ทำเอาเธอตกตะลึงเพราะเวลาแค่ไม่ถึงปีเพทายจะมีเงินเข้ามามากขนาดนี้ “จริงเหรอเนี่ย แกมีแปดหลักเลยเหรอ” “อ่าหะ เก็บเอาไว้ขอเมีย” “ชิส์...ตามเมียให้ได้ก่อนเถอะ เมียหนีไปมีผู้ใหม่แล้ว ทำมาเป็นเก่งที่แท้ก็ไปแอบร้องไห้มาทำไมจะไม่รู้” พะแพรแซวน้องชายจนเพทายหน้าถอดสีเมื่อนึกได้ว่าเขากำลังถูกทิ้งโดยคนที่เขาเพิ่งรู้ตัวว่ารักเธอมากแค่ไหน “พะแพร...อย่าไปว่าน้องสิครับ” แอชตันร้องเตือนภรรยาของตัวเองที่เอ่ยแซวน้องชาย จนใบหน้าของเพทายเปลี่ยนเป็นเศร้ากว่าเดิม “เพ...พี่ขอโทษ” “ช่างเถอะเจ้...จริงๆ ผมแม่งเลวด้วยแหละ ถ้าไม่เพราะผมเอาแต่ยึดติดกับอลิซ มิลค์กี้ก็คงไม่ต้องเสียใจเพราะผมอีก” “ไม่เป็นไรนะเริ่มใหม่ บอกรักเขายัง...ถ้ายังรีบไปบอกซะนะก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินไป” พะแพรตบไหล่น้องชายอย่างเป็นกำลังใจต่อให้ทะเลาะกันแทบตายมากแค่ไหนแต่
แม้ปากจะตอบรับแต่ใจของเธอก็มีความรู้สึกผิด ทั้งๆ ที่เธอมีใครอีกคนอยู่เต็มหัวใจ แต่เลือกจะหันหลังให้เขาเพื่อจะได้มีรักครั้งใหม่ และเธอพยายามจะรักตะวันฉายให้ได้สักวัน “อึกๆ” มือหนากระดกเหล้ากรอกเข้าไปในลำคออย่างรวดเร็ว วาโยที่เห็นอย่างนั้ถึงกับเอื้อมมือไปดึงแก้วออกจากมือของเพื่อนรัก เพราะถ้ามันยังดื่มแบบนี้มีหวังมันต้องได้น็อกก่อนแน่ๆ “ไอ้เพ...มึงจะแดกให้ตายไปเลยเหรอวะ” “กูอกหักว่ะวาโย เจ็บฉิบหาย” มือหนาทุบที่อกของตัวเองที่กำลังเจ็บปวดเมื่อเห็นสถานะของมานิตากับตะวันฉายในโซเชียล และมีคนมากมายแห่มาคอมเม้นต์จนเขาอยากจะรีพอร์ตสเตตัสนั้นให้รู้แล้วรู้รอด “ตอนทำเขามึงไม่เห็นมานั่งคิดเลยไอ้เพ” วาโยถอนหายใจออกมากับเรื่องที่ผ่านมาที่เพทายทำ “กูไม่รู้ว่ากูรักเขา กูโง่เอง มึงรู้ไหมเมื่อเช้ากูโคตรเจ็บเลย ตอนกลางคืนกูเพิ่งนอนกับเขา แต่ตอนเช้าเขากลับเดินไปกับผู้ชายอีกคน กูแม่งโคตรรู้สึกตัวเองแม่งหน้าโง่ฉิบหาย” “ไอ้เวรนี่มึงแอบไปหามิลค์กี้อีกเหรอเมื่อวาน” “เออ...ตอนกลางคืนกูยังมีความสุขกับมิลค์กี้อยู่เลย เธอยังทำตัวน่ารักกั
“มิลค์กี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่เดาอารมณ์ยากขนาดนั้นนะ เฮียรู้ว่าในสายตาของมัน มันก็มีแต่นายนะเพ แต่สิ่งที่นายแสดงออกมามันอาจจะทำให้มิลค์กี้มันไม่มั่นใจ ง้อผู้หญิงมันไม่ได้ยากอย่างที่คิดหรอก ถ้าอยากได้เขากลับคืนมามันก็ต้องใช้วิธีละมุนละม่อมบ้าง” เพทายฟังก่อนที่สมองจะประมวลผลทุกอย่างและนึกบางอย่างออก ใบหน้าที่เคยเคร่งเครียดก็คลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง “ขอบใจนะเฮีย รู้ละ” เพทายบอกอย่างนั้นก็ยังคงจ้องมองไปยังร่างบอบบางของมานิตาที่กำลังนั่งหัวเราะต่อกระซิกกับตะวันฉายเกินหน้าเกินตาเขามาก จนกระทั่งเห็นหญิงสาวเดินออกจากโต๊ะเธอน่าจะไปเข้าห้องน้ำ เพทายเลยไม่รีรออะไรอีกต่อไป “จะไปไหนวะเพ” “ไปง้อเมียไง” “เออเบาๆ นะเว้ย ถ้าทำรุนแรงอีก ครั้งนี้มิลค์กี้เทมึงของจริงแน่” วาโยเตือนสติเพื่อนเพราะรู้ว่าเพทายเป็นคนใจร้อนบุ่มบ่ามและไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังก่อน “เออ...รู้แล้ว กูก็ไม่อยากโดนเกลียดไปตลอดชีวิตนะเว้ย” “สู้ๆ เพื่อน” เพทายเดินตามมานิตามาติดๆ และเห็นหญิงสาวเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่เขาไม่ได้ตามเข้าไปเพราะจะรอจนกว่าห
บทที่ 16หายโกรธกันนะ เมื่อคืนตะวันฉายมาส่งมานิตาที่ห้องโดยหญิงสาวก็ร้องไห้มาตลอดทาง จวบจนถึงห้องนอนน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด เรื่องเพทายมันเข้ามารบกวนความคิดของเธอตลอดเวลา จนมานั่งคิดทบทวนว่าเมื่อไหร่เธอจะหลุดพ้นจากเรื่องราวเหล่านี้ได้สักที ไม่อยากร้องไห้เสียใจเป็นคนอ่อนแอแบบนี้อีกแล้ว เพราะนอนดึกตื่นเช้ามาเธอเลยเพลียมากเป็นพิเศษ แต่ก็ต้องฝืนลุกขึ้นมาเนื่องจากวันนี้มีควิซคาบเช้าเลยไม่สามารถขาดเรียนได้ ทั้งๆ ที่ยังรู้สึกอับอายกับสิ่งที่เพทายป่าวประกาศต่อหน้าทุกคน แต่เธอต้องหน้าด้านเอาไว้เพราะอีกไม่กี่เดือนจะเรียนจบแล้ว ถ้าขาดเรียนบ่อยๆ อาจจะไม่เป็นผลดีต่อตัวเธอ วันนี้มานิตาเลือกนั่งแท็กซี่ออกจากหอพัก ถ้าให้นั่งวินมีหวังเธอได้หลับบนวินมอเตอร์ไซด์เป็นแน่ เมื่อมาถึงเธอก็เลือกลงจากรถที่หน้ามหาวิทยาลัยเพื่อจะได้เดินรับลมกับสวนดอกไม้ในมหาวิทยาลัยก่อน “ยิม...วันนี้เราเจอใครแน่ะ...”ร่างเล็กของเมนิศาที่เดินกอดอกแล้วช้อนสายตามองน้องสาวต่างมารดาอย่างหยามเหยียด และเรียกคู่รักของตัวเอง “หึหึ...ยังกล้ามาเรียนเนาะ เมื่อสองวันก่อนโดนไอ้เพมันแกล้งนึกว่าจะหลบหน้าไม
“มิลค์กี้...อภัยให้ฉันได้ไหม” เพทายหันมามองคนตัวเล็ก จากนั้นก็หันมาโอบเอวบางเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของเขา พร้อมกับดวงตาสุกสกาวที่มองมา “ก็พูดไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วไง ไม่เข้าใจเหรอเพ” “เธอจะทิ้งฉันไปมีแฟนใหม่จริงๆ เหรอ” “ถ้าใช่แล้วจะทำไม” ใบหน้าหวานเชิดขึ้นเพราะไม่อยากทำตัวอ่อนแอให้เขาเห็น “แล้วฉันล่ะเป็นอะไร” “เพื่อนไง นี่คือสิ่งที่ฉันจะให้นายมากที่สุดแล้วตอนนี้ ถ้ายังไม่อยากให้เสียเพื่อนก็อย่ามาวุ่นวายอะไรกับฉันอีก” มานิตาเน้นย้ำกับชายหนุ่มจนเขาสะอึกและจุกที่อกไปเลย “เพื่อนกันเขาไม่เอากันหรอกนะ ถ้าฉันคิดกับเธอเป็นเพื่อนตั้งแต่แรก ฉันไม่เอาเธอหรอก” เพทายก็ยังเป็นเพทายที่ยังปากเสียเหมือมเดิม “ไม่ต้องมาย้ำ เรื่องมันผ่านไปแล้ว อีกอย่างฉันกำลังเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน” “ฉันไม่ยอม ฉันไม่เลิกมิลค์กี้ ให้ตายยังไงก็ไม่เลิก” “อย่ามาเอาแต่ใจ ฉันว่าฉันให้นายได้มากที่สุดเท่านี้แหละ” มานิตาบอกแล้วเดินผ่านชายหนุ่มไปแต่มือหนาของเพทายกลับหันมาคว้าเอวบางเอาไว้แล้ววางใบหน้าหล่อเหลาที่ไหล่บางอย่างหวงแหน
“มิลค์กี้ไม่ทานเหรอครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ช่วงระยะหลังๆ ตะวันฉายยิ่งมองมานิตาออกว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา เธอเอาแต่เศร้าหมองจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ “มิลค์กี้ไม่ค่อยหิวค่ะ” “มีอะไรบอกพี่ได้นะครับ พี่ทำอะไรผิดหรือเปล่า หรือทำอะไรให้มิลค์กี้ไม่พอใจ” ตะวันฉายบอกในฐานะที่เขาเป็นผู้ใหญ่และพยายามคุยกันด้วยเหตุผล “พี่ซัน...” “มิลค์กี้อึดอัดใจใช่ไหมครับที่คบกับพี่ มิลค์กี้บอกพี่ตรงๆ ได้เลยนะครับ” แม้เขาจะเจ็บปวดที่ต้องพูดแบบนี้ออกมา แต่มันคงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้หญิงสาวบอกความรู้สึกในใจของตัวเองออกมา “มิลค์กี้” ใบหน้าหวานเจื่อนลงเมื่อชายหนุ่มเปรยขึ้นมาก่อน “บอกมาเถอะครับ” “มิลค์กี้ขอโทษนะคะกับเรื่องที่ผ่านมา มิลค์กี้คิดว่าสักวันมิลค์กี้จะรู้สึกกับพี่ซันมากไปกว่านี้ได้ แต่ตอนนี้มิลค์กี้ไม่มีความรู้สึกนั้นเลยค่ะ” เธอก้มหน้างุดๆ อย่างรู้สึกผิด “ไม่เป็นไรครับ พี่ดีใจนะที่มิลค์กี้รู้ใจของตัวเอง” ตะวันฉายยิ้มแห้งๆ ออกมาจนมานิตารู้สึกผิดที่เธอทำลายความรักดีๆ ของเขา “พี่ซัน มิลค์กี้ขอโทษ”
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ
ทั้งสองเดินทางมายังคลับของเวลล์ที่ตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ ไม่แปลกใจว่าช่วงหลังๆ กิจการของคลับเป็นไปได้อย่างดี “ไหนเพื่อนเธอเหรอ” วาโยมองไปรอบๆ เพื่อหาเพื่อนของญาณินและก็พบกับกลุ่มเพื่อนสามสี่คน และมีผู้ชายอยู่ประมาณสองคน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิง “ไหนนายบอกจะไปหาพี่เวลล์ จะไปกับฉันทำไม” ญาณินหันมาแว้ดใส่เพื่อนสนิทที่เหมือนจะเดินตามไป “เฮียคงกำลังยุ่งๆ รับลูกค้า ขอไปนั่งด้วยได้ไหม” เวลล์บอกคนตัวเล็กเพราะจากสายตาที่เขาประเมินกลุ่มเพื่อนของญาณินดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ ถ้าปล่อยให้หญิงสาวไปคนเดียวมันคงไม่ดีแน่ “โหย...อะไรของนาย” “ถ้าให้ไปเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าด้วย โอเคไหม” ข้อเสนอของวาโยน่าสนใจ จนญาณินคลี่ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ มีคนเลี้ยงเหล้าใครบ้างจะไม่สนใจ ทำให้ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มสาวเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “เฮ้...ญาณิน” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นเรียกเพื่อนสาว “ดีใจจังได้เจอพวกแก” ญาณินยิ้มให้กับเพื่อนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์กรึ่มๆ เพราะดื่มกันก่อนท
ตอนพิเศษYanin X Wayoขอเป็นมากกว่าเพื่อน ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของญาณินเป็นอันต้องพังทลายลงเมื่อบิดาประกาศกร้าวให้เธอไปดูตัวคู่หมั้นของตัวเอง คู่หมั้นที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นอย่างไร วันนั้นเธอร้องห่มร้องไห้ไปหามานิตาเพื่อให้เพื่อนช่วยคิดแผนการล้มเลิกการดูตัวในครั้งนี้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่กล้าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากวาโย เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายที่จะบอกให้วาโยมาแกล้งเป็นแฟน “เฮ้อ...” “เป็นอะไรไปญาณิน” วาโยที่นั่งกินข้าวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของตัวเองที่เอาแต่นั่งหน้าเศร้าตีหน้ามึนทำเอาคนที่กำลังกินอาหารอยู่รู้สึกกร่อยขึ้นมาทันที “ไม่มีอะไร” “เอ้า!! ไม่มีอะไรได้ไง แกเอาแต่ทำหน้าซึมแบบนี้” วาโยมองเพื่อนอย่างสงสัย เพราะช่วงหลังๆ มานี่ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นเพราะเพทายกับมานิตาตัวติดกันราวกับปลาท่องโก๋ พวกเขาเลยกลายเป็นส่วนเกินที่ต้องมากอดคอร้องไห้เมื่อโดนเพื่อนทิ้งไปจู๋จี๋กัน “คิดๆ อะไรนิดหน่อย” “คิดอะไรวะ” วาโยที่กำลังคีบเนื้อเข้าปากมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังสะบัดผมไปข้างหลัง จนทำให้เขามองเห็นร่องหน้าอกขอ
“รีบเปลี่ยนนะครับ ไว้ถ้ากลับมาจากทะเล เพขอจัดหนักสักน้ำนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างมีเลศนัย จนมานิตาได้แต่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ค่ะ” เมื่อทั้งสี่เปลี่ยนชุดแล้ว พวกเขาก็เดินไปยังทะเลที่อยู่หน้ารีสอร์ต เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยทำเอาพวกเขาต่างมีความสุข “คุณแม่ขา...มาช่วยหนูก่อกองทรายหน่อยค่ะ” เสียงหวานๆ ของลูกสาวบอก จากนั้นมานิตาที่เพิ่งเป็นแบบถ่ายรูปให้กับเพทายต้องละความสนใจแล้วเดินไปหาลูกสาวลูกชายทันที “ไปช่วยลูกก่อกองทรายกันค่ะเพ...” เพทายเดินมากุมมือของมานิตาแล้วพาเดินตรงไปหาลูกสาวที่นั่งที่ทรายทันที “คุณแม่ครับ อันนี้เป็นเครื่องบินน้องมิกซ์วาดเอง” เสียงของลูกชายบอกอย่างเจี๊ยวจ๊าว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันไปมอง ก็พบกับภาพเครื่องบินในจินตนาการของลูกชาย “วาดเองเหรอครับ” “ครับ” เพทายและมิลค์กี้มองหน้ากันเมื่อเห็นภาพที่ลูกชายวาด มันสวยเกินกว่าที่เด็ก 5 ขวบจะวาดด้วยซ้ำ แสดงว่าลูกชายของพวกเขาอาจจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ “สวยจังเลย คนเก่งของแม่”มานิตาทำการหอมหัวของลูกชายหนึ่งที พร้อมที่จะมองเพทายแล้วยิ้มอ