ปราบดาแอบยิ้มที่เอาชนะความดื้อของอีกฝ่ายได้ เขาเปิดประตูรถด้านหน้าให้เธอนั่ง แต่วิศรากลับชิงเปิดประตูขึ้นไปนั่งด้านหลังเสียก่อน“ผมไม่ใช่คนขับรถของคุณ เชิญมานั่งข้างหน้า” ปราบดาเอ่ยเสียงเข้มนอกจากไม่ทำตามคำสั่ง หญิงสาวยังเชิดหน้าทำหูทวนลมอีกด้วย หึ อยากอาสาเอง เธอไม่ได้ขอสักหน่อย งั้นก็ทำหน้าที่คนขับไปแล้วกันเถอะ เจ้าของรถได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ในความดื้อรั้นของอีกฝ่าย แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะมีสายตาแม่บ้านที่เดินตามประกบมาส่งนายสาวจับจ้องอยู่ เขาจึงต้องจำใจทำหน้าที่พลขับอย่างช่วยไม่ได้บรรยากาศในรถเงียบจนน่าอึดอัด เสียงเพลงคลอเบาๆ ไม่ได้ช่วยให้วิศราอารมณ์ดีขึ้น เธอทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่คอยแอบจ้องมองผ่านกระจกมองหลังบ่อยๆ จนน่ารำคาญคู่นั้นไม่รู้จะมองทำไมบ่อยๆ อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว...“เรื่องวันนั้น...”จู่ๆ เสียงเข้มก็กระชากเธอออกจากความเป็นส่วนตัวจนได้ วิศราขยับนั่งหลังตรงอย่างระมัดระวัง“คุณเป็นยังไงบ้าง”ดูเถอะ เธอกำลังจะทำเป็นลืมๆ อยู่แล้วเชียว แต่เขากลับลากเธอให้กลับมาหวนนึกถึงเหตุการณ์บ้าๆ นั่นอีกจนได้“เรื่องไร้สาระฉันไม่ชอบจำให้รกสมองหรอก...”คนฟังชะงักกึก ดวงตาวาวโรจน์เหลือบมองสบต
“จะทำอะไร” หญิงสาวร้องเสียงหลง พยายามดันร่างหนาหนักออกห่างแต่พื้นที่แคบเกินไปจึงทำอะไรไม่ถนัด“ถ้าอยากรู้ก็ดื้ออีกสิ ถ้าอยากโดนปล้ำในรถกลางวันแสกๆ ก็ดิ้นเข้าไป”วิศราชะงักกึก ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นสายตาวาววับน่ากลัวของอีกฝ่าย เธอแน่ใจว่าคนบ้าตรงหน้าทำได้อย่างที่พูดจริงๆ“หึ ก็ไม่ได้โง่นี่นา”“ปล่อย!”“สัญญาก่อนว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบเมื่อกี้อีก” ปรามเสียงเข้มดุดันเมื่อเห็นเธอยังฮึดฮัด “วิศรา!”“ก็ได้ ถ้านายยอมหุบปากเน่าๆ นั่น แล้วขับรถไปอย่างเดียว” เธอต่อรองเสียงแอบสั่นนิดๆ ทั้งสองสบตากันอย่างวัดใจ ในที่สุดปราบดาก็ยอมปล่อยมือออกจากร่างอรชรอย่างเสียไม่ได้ พร้อมกับยอมสงบปากไปจนถึงจุดหมายปลายทาง“เลิกเรียนกี่โมง ผมจะได้มารับ” ปราบดาถามด้วยความหวังดี“ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้” ตอกกลับเสียงห้วน นั่งรถมาด้วยกันตลอดทางได้เธอก็แทบจะเป็นบ้าแล้ว ขืนต้องนั่งกลับด้วยกันอีก ไม่เธอก็เขาต้องตายกันไปข้างหนึ่งแน่“ถ้าไม่เห็นแก่พ่อคุณก็ช่วยเห็นแก่ตัวเองบ้างเถอะ อย่าอวดเก่งนักเลย”“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากศัตรู ไม่ต้องมาหวังดีประสงค์ร้าย ปลดล็อกประตูเดี๋ยวนี้” หญิงสาวสั่งเสียงเขียว“ผมเลิกงานบ่ายสาม จะมา
ยุทธนามองเพื่อนสาวคนสวยของกลุ่มก่อนตอบ “ได้สิ แต่ฉันต้องแวะไปเอากับข้าวเหลาให้พระมารดาก่อนนะ พอดีวันนี้ที่บ้านนัดรวมญาติน่ะ วุ่นวายน่าดู แต่ไม่นานหรอก”วิศรารีบพยักหน้ารับคำ อะไรก็ได้ ขอเพียงเธอไม่ต้องร่วมทางกับคนบ้ากามนั่นก็พอปราบดาขยับกายลุกขึ้นเมื่อเห็นร่างโปร่งระหงของลูกเลี้ยงพี่สาวเดินออกมา ก่อนจะชะงักกึกเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าตาสไตล์ตี๋อินเตอร์เดินเคียงข้างเธอมาไม่ห่าง วิศราไม่ได้เดินมาทางที่รถเขาจอดอยู่ แต่กลับเดินไปขึ้นรถคันเดียวกับไอ้หนุ่มผู้นั้นอย่างสนิทสนม ทำให้อารมณ์ของเขาเดือดพล่านขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแม่คนอวดดีกล้าขัดคำสั่งเขาไม่พอ ยังทำจี๋จ๋ากับผู้ชายอื่นอีก อย่าคิดว่าเขาไม่เห็นนะว่ายังมีผู้ชายคนอื่นอีกหลายคนที่แอบมองเธอจนเหลียวหลัง แค่คิดก็โมโหแล้ว วิศราเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว แต่ยังไปให้ท่าคนอื่นอีกได้อย่างไร หรือว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นแฟนเธอปราบดาคิดอย่างฟุ้งซ่านชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทันทีที่รถคันนั้นแล่นผ่านหน้า ชายหนุ่มก็รีบขับตามทันทีวิศราแอบมองด้านหลังเห็นรถของศัตรูตัวฉกาจขับตามมาห่างๆ ก็อดหวั่นไม่ได้ เธอยอมรับว่าเห็นแก่ตัวที่ใช้เพื่อนเป็นเกราะป้องกันตัวเองจ
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกฉันได้นะแก ดีเหมือนกันถ้าได้ไปพร้อมแก ฉันคงไม่เหงาเนอะ แต่เสียอยู่อย่างเดียว พอเดินกับแกแล้วราศีหมอง ผู้ชายไม่แลมาทางฉันเลยนี่สิ เฮ้อ...”“บ้า...” วิศราค้อนเพื่อนหนุ่มรูปหล่อ“ก็จริงนี่ ดูอย่างเมื่อตอนเย็นสิ อิพี่ภัทรนั่นยังมาแอบเหล่แกตาปรอยเลย”“พี่ภัทรไหนอีกล่ะ” หญิงสาวเอียงคอมองอย่างสงสัย“อ้าว! ก็พี่รณภัทรเดือนคณะวิศวะนั่นไง อะไรยะ เขาดังจะตายไป ไม่รู้จักเหรอ” คนถูกถามส่ายหน้าเบาๆ “ชิส์ แม่สวยช่างเลือก ถ้าคนนี้ไม่เอาก็ส่งมาละกัน ฉันมันคนสวยแต่ไม่ช่างเลือก หนุ่มๆ หล่อๆ อะของโปรด”“นังยุทธ!” คนสวยช่างเลือกฟาดผลัวะอย่างหมั่นไส้ “ไม่เอาละ ฉันเข้าบ้านดีกว่า แกก็กลับดีๆ ล่ะ เจอหนุ่มๆ ข้างทางก็อย่าไปแวะฉุดเขาปล้ำแล้วกัน”หญิงสาวเปิดประตูรถกำลังจะก้าวลงไปแต่อีกฝ่ายเรียกไว้ก่อน“เดี๋ยวยายส้ม!”“ว่าไง...อุ้ย!” วิศราผงะ เมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาเช็ดที่มุมปากเบาๆ“กินยังไงยะ ถึงเลอะติดปากติดแก้มแบบนี้ หืม? ไม่เป็นกุลสตรีเลยนะเรา ไปๆ เข้าบ้านได้แล้วเจ้าหญิง ไม่งั้นเดี๋ยวพ่อแกออกมาเห็นจะเอาไม้มาแพ่นกบาลฉันแตกอีกคน”วิศราหัวเราะเบาๆ ก่อนโบกมือให้เพื่อนรักที่ช่วยทำให้ลืมความทุกข์
ผลัวะ!ปราบดาถึงกับผงะ รู้สึกหน้าชาไปทั้งแถบจนแทบสร่างเมา ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้คนตัวเล็กกว่าผลักไสเขาออกห่าง แล้วพุ่งถลันวิ่งหนีหมายจะเข้าห้องแต่ชายหนุ่มไม่ยอมง่ายๆ เขาคว้าต้นแขนเรียวไว้ก่อนกระชากร่างคนอวดดีเข้ามาแนบอก “แรงยังดีนี่” ชายหนุ่มกระซิบเสียงกร้าว “ถ้าวันนี้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ทำให้คุณหมดแรง งั้นก็มาออกกำลังกายต่อกับผมหน่อยเป็นไร รับรองว่าคืนนี้ผมจะทำให้คุณสุขสมจนลืมลีลาไอ้ตี๋หน้าจืดนั่นไปเลย คอยดู!”“อี๋ ปล่อยฉันนะไอ้คนบ้า ช่วยด้วย! ปล่อยนะ...อุ๊บ!” มือแกร่งตะปบปิดปากสวยๆ ไว้ ก่อนอุ้มเธอเข้าไปในห้องของเขาทันทีปราบดาโยนร่างเพรียวลงกลางเตียงนอนของเขา ก่อนล็อกประตูแน่นหนา“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”“คุณทำให้ผมบ้าเอง ทำไมยั่วประสาทเก่งนักนะ”น้ำเสียงหงุดหงิดคุกคามนั่นทำให้วิศราอดหวั่นเกรงไม่ได้ ขนาดเวลาไม่เมาคนตรงหน้าก็บ้าดีเดือดจะแย่ แล้วนี่ไม่รู้กรึ่มไปมากน้อยแค่ไหน เกิดหน้ามืดฆ่าเธอตายขึ้นมา ใครจะกล้ารับประกันความปลอดภัยเธอได้ หญิงสาวเหลือบซ้ายแลขวาหาทางหนีทีไล่ที่แทบไม่มีเอาเสียเลย ถ้าไม่ออกทางประตู เห็นทีงานนี้คงต้องโดดหน้าต่างหนีสถานเดียว ซึ่งนั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักเพราะห
วิศราผวากายอย่างตื่นตระหนกสุดขีด เมื่อถูกจู่โจมจากเรียวปากอุ่นร้อน กลิ่นแอลกอฮอล์กรุ่นที่ปลายลิ้นถูกส่งต่อผ่านลมหายใจที่ไหวสะท้านขาดเป็นห้วงๆ ทุกสัมผัสที่เกิดขึ้นสร้างความรัญจวนปนวาบหวามเร่าร้อน ไม่ว่าปราบดาจะลากริมฝีปากไปที่จุดใด หญิงสาวก็สั่นสะท้านที่จุดนั้น กายสาวรับรู้ถึงความเดือดพล่านจนแทบลุกเป็นไฟ “ไอ้หมอนั่นมันจูบคุณตรงไหนบ้างล่ะ” กระซิบถามเสียงพร่ากระเส่ายียวนกวนประสาท“ตรงนี้?” ชายหนุ่มฝังจมูกโด่งลงที่ซอกคอหอมกรุ่น ก่อนลากไปที่แก้มใสที่แต้มสีแดงระเรื่อของเลือดฝาดสาว “หรือว่าตรงนี้...”“พอแล้ว หยุดได้แล้ว อื้อ...” เสียงประท้วงเบาหวิวที่หลุดจากริมฝีปากสวยถูกตอบแทนด้วยความเร่าร้อนที่ทาบลงไปคลุกเคล้าบดขยี้ กลีบปากอ่อนนุ่มถูกดูดดึงเม้มแกล้งปั่นหัวจนมึนงงไปหมด ถ้าวิศราเป็นไวน์ชั้นดี ตอนนี้คงถูกคนตรงหน้าดื่มด่ำรสชาติอย่างเพลิดเพลินจนไม่เหลือสักหยด กว่าที่คนตัวโตกว่าจะยอมถอนริมฝีปากออกจากความหวานที่มอมเมาประสาทได้ หญิงสาวก็แทบจากขาดใจตายในอ้อมอกเขาเสียแล้วปราบดามองสาวงามที่นอนหายใจรวยรินสิ้นฤทธิ์ใต้ร่างตนอย่างพอใจ ทรวงอกอวบหยุ่นเต่งตึงที่สะท้อนขึ้นลงผิดจังหวะปลุกเร้าสัญชาตญาณนักล
วิศรานอนลืมตามองเพดานห้องอย่างอ่อนแรง ร่างงามสะพรั่งของวัยสาวเปลือยเปล่า ผมเผ้ากระเซิงยุ่งเหยิง ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แม้แต่จะผลักไสแขนกำยำที่โอบกอดเธอออกไปยังทำไม่ได้ ดวงตาคู่งามแห้งผากไม่มีน้ำตาไหลอีกต่อไป ความรู้สึกอดสูพุ่งจู่โจมเข้าจับขั้วหัวใจจนหนาวเหน็บ แม้บทรักของเขาจะแสนเร่าร้อนเอาใจ ทำให้เธอสุขสมจนแทบสำลัก แต่ในเวลาเดียวกันมันกลับทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ค่า เป็นเพียงเครื่องระบายความใคร่ของชายหนุ่มข้างกายเท่านั้น ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดต้นคอเบาๆ เป็นเครื่องยืนยันความอัปยศของเธอได้อย่างร้ายกาจ นายปราบดา คนที่เธอเกลียดแสนเกลียดจนอยากจะฆ่าให้ตายกับมือ คนที่เธอไม่สามารถเอาชนะได้แม้แต่ครั้งเดียว คือคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีเถื่อนของเธอ...หญิงสาวกัดฟันแน่น พยายามรวบรวมเรี่ยวแรงขยับกายออกจากอ้อมแขนอุ่นๆ แต่แล้วเจ้าของเตียงกลับรั้งกายเธอเข้ามากอดแนบอกแน่นกว่าเดิมด้วยความเสน่หาที่ยังเต้นเร่าในกายแกร่ง“จะไปไหน ยังไม่เช้าเลย นอนเอาแรงต่ออีกหน่อยเถอะ” เสียงทุ้มหวานกระซิบงัวเงียข้างหูเบาๆ ก่อนเม้มที่ติ่งหูน่ารักของเธออย่างหยอกเอิน“ชื่นใจ...” ชายหนุ่มซบลงที่ต้นคอหอมกรุ่นของเธออย่างหลงใหล“ป
วิศรามองยาแผงหนึ่งในมือด้วยสายตาปวดร้าว มือสั่นเทาค่อยๆ แกะยาเม็ดหนึ่งออกมาก่อนกลั้นใจส่งมันเข้าปากอย่างกล้ำกลืน ‘ยาคุม’ ที่เธออุตส่าห์บากหน้าไปซื้อหามากินเพื่อป้องกันตัวเองหลังจากผ่านค่ำคืนอัปยศนั่นไม่รู้ว่ายาในมือจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะหลังจากที่เกิดเหตุเธอต้องนอนซมไข้ขึ้นถึงสองวันเต็มๆ กว่าจะมีเรี่ยวแรงออกไปซื้อหายามากิน ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอเรื่องเฮงซวยแบบนี้ด้วย ความอัดอั้นในหัวใจทำให้น้ำตารินกบนัยน์ตา ริมฝีปากเม้มแน่นทุกครั้งที่นึกถึงตัวต้นเหตุที่หายหน้าไปหลังจากวันนั้นและยังเจ็บใจตัวเองไม่หายหลังจากวันเกิดเหตุครั้งสุดท้ายนั่น วิศราก็ได้ยินว่าศัตรูตัวร้ายย้ายออกไปพักที่คอนโดกับเพื่อนของเขาชั่วคราว เพราะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ เธอจึงไม่ได้พบหน้าเขาอีกเลย...ก๊อก!ๆเสียงเคาะประตูทำเอาร่างระหงสะดุ้งเฮือก หันไปมองประตูอย่างหวาดระแวง“ส้ม...นี่พ่อเองนะลูก ให้พ่อเข้าไปหน่อยได้ไหม”วิศราหายใจไม่ทั่วท้อง รีบหาที่ซ่อนของกลางในมือทันที พอมั่นใจว่าสภาพเธอพร้อมดีแล้วจึงเดินไปเปิดประตูให้บิดา“คุณพ่อมีธุระอะไรกับส้มเหรอคะ”เสียงนั้นแม้ไม่ห้
สถานที่จัดงานแต่งงานของคู่รักดีไซเนอร์คือสวนดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างเรียบง่ายตามเจตนารมย์ของเจ้าสาวที่ไม่ต้องการงานเอิกเกริกแต่กระนั้นก็แอบมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคู่รักดีไซเนอร์คนดังโดยเวทีถูกออกแบบให้เป็นรันเวย์สำหรับบ่าวสาวเดินไปทำพิธีอย่างมีสไตล์ แขกที่มาร่วมงานนอกจากครอบครัวแล้วก็มีแค่เพื่อนสนิทของสองฝ่ายเท่านั้น และทันทีที่เจ้าสาวปรากฏตัวขึ้น แขกทุกคนก็พร้อมใจยืนขึ้นต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นวิศรุตในชุดสูทลุกขึ้นช้าๆ โดยมีภรรยาสาวช่วยประคองและส่งไม้เท้าให้สามีทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาว เขายื่นมือไปรับมือลูกรักด้วยใบหน้าที่เป็นปลื้มจนน้ำตาคลอ“คุณพ่อ” เจ้าสาวสวมกอดบิดาสุดที่รักอย่างตื้นตัน ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้มีวันนี้“ไปเถอะลูก”วิศรุตจับมือเจ้าสาวคนสวยพาเดินตรงไปยังแท่นทำพิธี โดยด้านหน้ามีเด็กหญิงตัวน้อยนำขบวนสองคนคือเด็กหญิงลูกปลาที่ทำหน้าที่คอยโปรยดอกไม้ให้ และอีกคนคืออลิศลูกสาวของเธอที่ทำหน้าที่ถือแหวน วันนี้หนูน้อยอลิศสวมชุดสีชมพูฟูฟ่องน่ารัก ที่ลำคอของเด็กน้อยสวมสร้อยแปลกตาที่มีแหวนวงหนึ่งห้อยเป็นจี้ แหวนเพชรสีชมพูสวยทอประกายสวยสดใส เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับทุกคนวิ
‘และเธอเพิ่งตอบตกลงยอมแต่งงานกับผมเมื่อไม่นานมานี้’แวบหนึ่งเหมือนชายหนุ่มหันมองตรงมาด้วยแววตาอ่อนหวานทำให้วิศราหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นโครมคราม นี่เขากำลังประกาศแต่งงานออกสื่อ อลัน เลวิธ หนุ่มโสดเนื้อหอมคนนั้นเนี่ยนะ‘โอ...พระเจ้า’ พิธีกรสาวรุ่นเดอะยกมือทาบอก ทำตาโตเท่าไข่ห่าน เชื่อว่าหากเทปนี้ออกอากาศไป จะต้องเรียกเรตติงได้ถล่มทลายเลยทีเดียว ‘คุณพอจะบอกได้ไหมคะอลันว่าใครคือผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น’คำถามนั้นทำให้ใบหน้าคนถูกถามแต้มสีแดง นัยน์ตาสีเทาทอประกายพราวระยับ‘เธอเป็นดีไซเนอร์สาวชาวไทยครับ และเธอเป็นรักแรกพบของผม’วิศราแว่วได้ยินเสียงหวีดผ่านฝ่ามือที่ปิดปากของยุทธนา คำว่ารักแรกพบของเขาทำให้เพื่อนของเธอถึงกับเสียอาการไปไม่น้อยเลยทีเดียว“รักแรกพบ...”วิศราพึมพำเบาๆ สมองนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอและเขาได้พบกันครั้งแรก จำได้ว่าเป็นตอนที่เธอใจลอยเดินตัดหน้ารถเขาเพราะกำลังช็อกที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ นี่เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นเนี่ยนะมันใช่เหรอ‘ว้าววว ฟังดูโรแมนติกจัง คุณพอจะเล่าเหตุการณ์นั้นให้พวกเราฟังได้ไหมคะ’‘อืม...ตอนนั้นเธอยังเป็นนักศึกษาทุนที่วิทยาลัยแฟชั่น และผมได้ร
“ว้าววว...สวยที่สุดเลย สวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะค่ะ ลองส่องกระจกดูสิคะ”ประโยคนั้นของช่างแต่งหน้าทำให้หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างระหงในชุดเจ้าสาวที่ออกแบบและตัดเย็บจากผ้าไหมและผ้าลูกไม้ที่สั่งทอมาเป็นพิเศษเพื่อเธอโดยเฉพาะและเป็นชุดเดียวในโลกจากการออกแบบของดีไซเนอร์หนุ่มชื่อดังของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Lewis โดยใช้โทนสีครีมอ่อนปนด้วยสีชมพูพาสเทลหวานละมุนไปทั้งตัวขับให้ผิวเนียนละเอียดของเธอเปล่งปลั่งงดงามเฉิดฉายราวกับเป็นเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายก็ไม่ปานวิศรามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวใจปนประหม่า เธอเป็นคนขอร้องให้เขาเลือกสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว เพราะเธอไม่ใช่เจ้าสาวที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วเขาก็เลือกสีนี้มาให้ด้วยเหตุผลว่าเขาอยากเห็นเจ้าสาวของตัวเองสวยหวานที่สุดในวันที่แสนพิเศษของเราคนเป็นเจ้าสาวยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาอาสาออกแบบตัดเย็บชุดนี้ให้เธอด้วยมือตัวเอง ทุกขั้นตอนทุกรายละเอียดที่เขาใส่ลงไปล้วนมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ และมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นเด็กน้อยช่างฝันตามประสาเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไป เธอเคยจินตนาการถึงง
จริงอย่างที่อลันว่า พอได้ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็นๆ หญิงสาวก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา แต่ตอนที่กำลังจะลงไปด้านล่างเพื่อช่วยคนอื่นๆ ตามหาลูกสาว จู่ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องแหวนที่วางอยู่บนหัวเตียง แหวนที่ได้จากปุริมาวันนั้นแหวนของนายปราบดา!อะไรบางอย่างทำให้ร่างระหงเดินย้อนกลับไปหยิบแหวนนั้นขึ้นมาเปิดดู ประกายจากเพชรสีชมพูสะท้อนวูบเข้านัยน์ตาจนแสบพร่า“นายยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า...” วิศรามองแหวนวงงามราวกับมันมีชีวิต “ถ้ายังอยู่แถวนี้ ช่วยให้ฉันตามหาลูกของเราให้พบด้วยนะคะ ขออย่าให้ลูกต้องเป็นอะไร อย่าให้อลิศเป็นอะไร ช่วยฉันด้วยนะคะ”ทันใดนั้น ลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดผ่านร่างเธอไปทั้งๆ ที่หน้าต่างไม่ได้เปิด ราวกับใครบางคนได้ตอบรับคำขอนั้น หญิงสาวยิ้มกับตัวเองเศร้าๆ หากปราบดายังอยู่ตรงหน้า เธอคงไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องเขาเช่นนี้ คงชวนทะเลาะมากกว่า แต่เพื่อลูกสุดที่รัก สิ่งไหนที่พอจะยึดเหนี่ยวหรือช่วยทำให้สบายใจได้บ้าง เธอก็ยอมทำทั้งนั้นวิศราปิดกล่องแหวนนั้นแล้ววางมันไว้ที่เดิม ทว่าตอนที่เธอกำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องนั้นเอง จู่ๆ หูก็พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมา“ฮือๆ...” วิศราหันขวับอย่างตกใจ ก
งานแต่งงานของวิศราและอลันถูกตระเตรียมขึ้นท่ามกลางความดีใจของทุกคน แม้เจ้าสาวจะบอกว่าไม่ต้องการให้จัดงานใหญ่โตเอิกเกริก และอยากให้เป็นงานเล็กๆ ที่อบอุ่นมากกว่า ถึงกระนั้นทุกคนในบ้านอาภาพิพัฒน์ที่เพิ่งผ่านความเศร้าจากการสูญเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มยิ้มออกและกระตือรือร้นกับงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะนายผู้หญิงของบ้านอย่างปุริมาและนางรื่นรมย์ซึ่งถือเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทของว่าที่เจ้าสาวกลายเป็นหัวเรือใหญ่ที่คอยเป็นธุระช่วยเหลือในการจัดการเรื่องต่างๆ อย่างเต็มใจท่ามกลางความดีใจเหล่านั้น ทุกคนกลับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เด็กหญิงอลิศทำหน้าหม่นหมอง ในมือกอดตุ๊กตาหมีที่แม่ของเธอให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนแน่นราวกับมันกลายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในโลกที่เหลืออยู่ ก่อนค่อยๆ เดินแยกห่างออกมาเงียบๆ หลังจากเห็นทุกคนกำลังวุ่นวายจนลืมไปว่าวันนี้ยังมีความสำคัญกับใครอีกคน ไม่ทันไรทุกคนก็ลืมวันเกิดของเธอไปเสียแล้ว“พี่หมีจ๋า ทุกคนลืมวันเกิดอลิศหมดเลย ไม่มีใครรักอลิศแล้ว ไม่มีเลย...” เด็กน้อยขมุบขมิบงึมงำด้วยความรู้สึกว้า
คิดเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์เรียกเข้ามา หญิงสาวยิ้มบางๆ เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นตรงหน้าจอ...อลัน เลวิธ!“คุณต้องเป็นญาติกับพ่อมดแน่ๆ” ปลายสายส่งเสียงหัวเราะกลับมา “รู้ได้ยังไงคะว่าคนแถวนี้กำลังคิดถึงคุณอยู่”“รู้ด้วยหัวใจไงครับ ใจของคนที่รักกันมักเชื่อมถึงกันเสมอ” เสียงทุ้มนุ่มหูตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน พาให้หัวใจคนฟังเต้นผิดจังหวะด้วยความเขิน“คุณทำอะไรอยู่คะ วันนี้งานยุ่งไหม”“ก็ยุ่งเหมือนทุกวัน แต่พอได้ยินเสียงคุณก็หายเหนื่อย”“ปากหวานจังนะคะบอส”“อย่างอื่นก็หวานนะ ถ้าคุณอยากชิมเมื่อไหร่ก็บอกได้เสมอ ถ้าเป็นคุณ ผมยินดีให้ชิมทั้งตัวทั้งใจเลย”วิศราหน้าแดงก่ำ ดีที่อีกฝ่ายอยู่ไกลถึงอีกซีกโลก หากเขายืนอยู่ตรงนี้ เธอคงไม่กล้าสู้หน้า ตั้งแต่ผ่านเรื่องเฉียดเป็นเฉียดตายมา ดูเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนที่กล้าพูดกล้าแสดงความรักออกมาอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิม“ทำไมนิ่งไปครับ คิดอะไรอยู่”“ฉันคิดถึงคุณ ถ้าตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้ด้วยกันก็คงดีสิคะ”“อย่ามาทำให้ผมเคลิ้มเชียวนะวีวี่ คุณยังไม่รู้สินะว่าตอนนี้ผมแทบจะกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสายการบินระหว่างประเทศอยู่แล้ว นี่เพื่อนสนิทผมมันก็ร่ำๆ อยู่
วิศรานั่งฟังอย่างสงบ และเริ่มคิดตาม เพราะเป็นคนสำคัญที่สุดจึงต้องหวงแหน เขาก็คงเหมือนเธอที่หวงบิดาเพราะคิดว่าเป็นคนสำคัญเพียงคนเดียวในชีวิต อนิจจา...หากวันนั้นเธอไม่ก้าวร้าวพี่สาวของเขาก่อน หมอนั่นก็คงไม่คิดกำราบเธอด้วยวิธีป่าเถื่อนรุนแรงแบบนั้น เธอเองก็มีส่วนผิดที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เรื่องมันถึงเลยเถิดแบบนี้‘ฉันต้องขอโทษคุณแทนตาปราบด้วยนะคะ สำหรับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด’ ปุริมาเอ่ยอย่างจริงใจ ‘แล้วก็ต้องขอบคุณที่คุณยอมอโหสิให้เขา’วิศรามองสบตาแม่เลี้ยงเต็มๆ ตาโดยไม่มีอคติมาบดบังเป็นครั้งแรก ‘ฉันเองก็ผิดที่ทำตัวไม่ดีกับคุณเหมือนกัน ที่จริงฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าน้องชายคุณนักหรอกค่ะ’‘แต่อย่างน้อยคุณก็ยังโชคดีกว่าปราบตรงที่ยังมีลมหายใจ โชคดีที่มีคนที่คุณรักและรักคุณมากมาย ฉันขอพูดอะไรกับคุณอีกนิดได้ไหมคะ’วิศราพยักหน้ารับนิดๆ‘พูดมาสิคะ’‘ฉันคิดว่าตาปราบเขาแอบชอบคุณมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันแล้วละค่ะ จำตอนที่เขาขับรถชนสุนัขของคุณได้ไหมคะ’แน่นอนว่าวิศราย่อมจำได้แม่น‘ที่จริงตาปราบก็ตกใจมากเหมือนกัน ทีแรกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก ตั้งใจจะลงมาดูมาขอโทษคุณเพราะเขาเองก
ร่างเพรียวระหงของสตรีผู้หนึ่งยืนนิ่งปล่อยใจล่องลอยไปแสนไกล เธอกำลังทอดสายตามองท้องฟ้าที่ดูหม่นเศร้ายามที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ความเงียบสงัดทำให้ได้ยินแม้แต่เสียงใบไม้แห้งกรอบปลิวเมื่อยามต้องแรงลมราวกับท่วงทำนองบทเพลงแห่งชีวิตที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างไม่อาจหลีกหนี แต่ก็มีในบางจังหวะที่ชวนให้คนฟังรู้สึกถึงความอ่อนหวานปนขมปร่าในหัวใจยามที่คิดถึงใครบางคนที่รักแต่จำต้องจากไปไกลแสนไกลนี่มันก็เกือบปีแล้วสินะที่เธอต้องอยู่โดยไม่มีเขา มันเหมือนจะยาวนาน แต่น่าแปลกที่เธอยังคงจำเหตุการณ์ต่างๆ ในวันวานที่ผ่านมาได้อย่างดีทีเดียวหลังจากเหตุการณ์ที่เธอโดนลอบยิงอย่างอุกอาจที่สวนอาหารแห่งนั้นไม่นาน ก็มีข่าวครึกโครมว่าตำรวจจับตัวคนร้ายได้ทว่าที่น่าตกใจกว่านั้นคือการที่คนร้ายซัดทอดว่า คนที่จ้างวานให้มายิงเธอนั้นคือ...พรีมโรส แฟนสาวของปราบดานั่นเอง ส่วนเหตุผลจูงใจของผู้หญิงคนนั้นวิศราก็เดาได้ไม่ยาก เพราะคงไม่พ้นเรื่องหึงหวง แต่แทนที่เธอจะโกรธแค้น น่าแปลกที่เธอกลับรู้สึกสงสารปนสังเวชใจที่นางแบบสาวที่กำลังมีอนาคตรุ่งโรจน์ผู้นั้นคิดตื้นๆ เลือกตัดอนาคตตัวเอง ทำในสิ่งที่ผิดจนทำให้คนที่เธอรักต้องจากไปตลอดกาล แถม
ตอนที่วิศราไปถึงหน้าห้องผ่าตัดมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นั่นคือคณะที่พากันไปทัวร์สวนสัตว์วันนี้ที่พอรู้ข่าวก็คงรีบมาที่โรงพยาบาลกันทันที รวมถึงยุทธนาที่ตามมาหลังจากทราบข่าว สีหน้าทุกคนร้อนรนมีรอยกังวล แต่คนที่อาการหนักสุดเห็นจะเป็นพี่สาวของคนเจ็บนั่นเอง ใบหน้าซีดเผือดของปุริมายังคงเปื้อนคราบน้ำตา สิ่งเดียวที่คอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้แม่เลี้ยงของเธอล้มพับไปคือลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับซุกหน้ากับอกผู้เป็นแม่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่นเอง“แม่ส้มขา...” เสียงเรียกนั้นทำเอาวิศราสะดุ้งสุดตัว พอหันไปเห็นว่าเป็นใครเธอจึงอ้าแขนรับร่างป้อมที่วิ่งตรงมาหาโดยอัตโนมัติ “แม่ส้มเป็นอะไรคะ นั่น! ทำไมเลือดแม่ส้มออกเต็มเสื้อเลยคะ”รอยเลือดแห้งกรังที่อกเสื้อทำให้แม่คนช่างเจรจาสงสัย“ไม่ใช่เลือดแม่หรอกค่ะ แต่เป็นของ...”คนพูดกัดริมฝีปากแน่น ลมหายใจสะดุดเมื่อคิดถึงใบหน้าคนที่พุ่งเข้ามารับกระสุนพร้อมกับกอดเธอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกวายร้ายนั่นทำอันตรายเธอได้ แต่คนช่วยกลับรับเคราะห์เสียเอง เลือดบนอกเธอก็คงเป็นเลือดเขานั่นเอง“เป็นยังไง...หมอว่ายังไงบ้างคะ” วิศราพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่นทั้งที่ในใจเธอตอนนี้มันเต้นรัวด้วย