ไม่นานรถก็มาจอดลงหน้าโรงพยาบาลของอลัน รองผู้อำนวยการเห็นจี้ซือหานที่เลือดออกไปทั้งตัว ก็ตกใจจนหน้าซีดแต่ไม่นานก็สงบนิ่ง สั่งเจ้าหน้าที่กูภัยให้ส่งเข้าห้องฉุกเฉิน พร้อมกับถามอาเจ๋อที่ตามอยู่ด้านหลังมาติดๆ "บาดเจ็บตรงไหน?"อาเจ๋อกหมัดทั้งสองข้างแน่น คุมน้ำเสียงให้มั่นคง แล้วพูดอย่างรักษาท่าทีสงบ "บาดแผลจากมีสองที่ แผลอยู่ด้านหลัง ศีรษะถูกกระบอกฟาดเข้า แต่ฟาดไปกี่ครั้งผมไม่แน่ใจ ต้องให้พวกคุณเช็คและประเมิน!"รองผู้อำนวยการได้ยินว่าศีรษะได้รับบาดเจ็บ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น เดินขึ้นหน้า สวมถุงมือปลอดเชื้อ แล้วตรวจสอบศีรษะของจี้ซือหานดูเบื้องต้น "ศีรษะถูกตีสองครั้ง ท้ายทอยอีกหนึ่งครั้ง บาดเจ็บจนถึงชีวิต!"เมื่อนึกไปถึงว่าส่วนศีรษะของประธานจี้ยังมีโรคร้ายอย่างอื่นอยู่ด้วย หัวใจก็โหวงขึ้นมา จึงรีบสั่งผู้ช่วยอย่างรวดเร็ว "รีบโทรหาผู้อํานวยการที่วอชิงตัน ให้เขาติดต่อออนไลน์กับฉันเดี๋ยวนี้!"รองผู้อำนวยการพูดจบ ก็หันไปมองหมอคนอื่นๆ "แจ้งหมอใหญ่แผนกศัลยกรรม ให้รีบมาจัดการรอยแผลที่ถูกมีดฟัน แล้วติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง ให้มาที่ห้องฉุกเฉินด่วน!"หมอกลุ่มนึงรับคำสั่ง จากนั้นรีบเข็นจี้ซือหาน
ตอนที่ซูชิงรีบมาถึงโรงพยาบาล การผ่าตัดก็ดำเนินไปหลายชั่วโมงแล้วอาเจ๋อที่ซ่อนตัวอยู่ในจุดบอด เห็นเขามาถึง ก็เผยตัวและเล่าความเป็นมาเป็นไปทั้งหมดอย่างละเอียด จากนั้นย้อนกลับไปที่บ้านไม้ ไปจัดการหนิงรุ่ยเฉิงกับนักฆ่ากลุ่มนั้นที่ทำร้ายประธานจี้!ซูชิงแทนที่ตำแหน่งของอาเจ๋อ คอยเฝ้าหน้าห้องผ่าตัดด้วยใจกระวนกระวาย พร้อมกับโทรหาจี้เหลียงชวนจี้เหลียงชวนที่กำลังจัดงานแต่งอยู่ที่ฟินแลนด์ซึ่งห่างไหล ได้รับสายของซูชิง ทันใดนั้นช่อดอกไม้ในมือก็ร่วงลงบนพื้นหลังจากที่ซานซานเห็น ก็นึกว่าเขาไม่ตั้งใจทำงาน กำลังจะต่อว่าเขาสักหน่อย ก็เห็นใบหน้าคมสันของเขาซีดเซียว"เกิดอะไรขึ้น?"ซานซานวางพวงดอกไม้ลง ยืดตัวขึ้นถามจี้เหลียงชวนจี้เหลียงชวนจับมือซานซานขึ้นมา แล้วพูดอย่างร้อนใจ "พี่รองของฉันได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอแต่งงานไม่ได้แล้ว เรากลับประเทศก่อนเถอะ!"หัวใจของซานซาน จู่ๆก็โหวงขึ้น "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอยู่ดีๆก็ได้รับบาดเจ็บ?"จี้เหลียงชวนจับมือของเธอ เดินไปยังทิศทางของสนามบิน "ฉันเองก็ไม่แน่ใจ เรากลับไปก่อนค่อยว่ากัน..."ก่อนที่จี้เหลียงชวนจะขึ้นเครื่องบิน ยังรีบสกัดคนในตระกูลจี้ที่กำลังจะมุ่งหน้า
คำว่าโรคทางสมอง ทำให้คนในตระกูลจี้คิดถึงพี่ชายใหญ่จี้สืออวี้ ตอนนั้นเขาก็เสียชีวิตไปด้วยโรคทางสมองไม่คิดเลยว่าเวลาผ่านไปหลายปี จี้ซือหานก็เป็นโรคทางสมองเหมือนกัน มิหนำซ้ำยังเป็นเนื้องอกในกะโหลกศีรษะเป็นก็ว่าแย่แล้ว เขายังเลือกปิดบังเอาไว้ ไม่ยอมทำการรักษาด้วยการผ่าตัดหากไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุในครั้งนี้ คนในตระกูลจี้ก็ยังคงถูกปิดบังไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้อะไรเลยจี้รั่วซีที่มีความเป็นผู้ใหญ่และอารมณ์มั่นคงมาตลอด ได้ยินเรื่องนี้ ก็โมโหอย่างมาก"นี่มันไร้สาระชัดๆ!"เธอขมวดคิ้ว ถามรองผู้อำนวยการ "คุณกำลังจะบอกว่า เพราะมีเนื้องอกในกะโหลกศีรษะ แล้วยังได้รับการกระทบกระเทือนจากภายนอก เพราะแบบนั้นก็เลยไม่ฟื้นงั้นสิ?"รองผู้อำนวยการก้มหน้า ตอบด้วยความสัตย์ "ตามที่หมอวินิจฉัย หากไม่ฟื้นขึ้นมาภายในสี่สิบแปดชั่วโมง มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ต่างอะไรกับคนตาย ยกเว้นแต่จะมีปาฏิหารย์ นอกจากนี้แม้จะฟื้นขึ้นมาแล้ว โอกาสที่อาการจะกำเริบ ก็มีเปอร์เซ็นสูงครับ..."จี้รั่วซีหยุดหายใจไปชั่วขณะ ใบหน้างดงามประณีต ค่อยๆถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำ แต่ไม่นานก็ทำจิตใจให้สงบ "นายน้อยรองของฉันถูกทำร้ายมาตั้งแต่
ตอนที่จี้เหลียงชวนรีบมาถึง ก็เป็นรุ่งสางของอีกวัน หลังจากได้รู้เรื่องราวทุกอย่างจากปากของจี้รั่วซี ก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้า"ไอ้หนิงรุ่ยเฉิงมันคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้กล้าลงมือกับพี่รอง รอดูเถอะผมจะถลกหนัง หักกระดูกมันให้ตายไปข้าง!"จี้เหลียงชวนกัดฟันคำราม จากนั้นหมุนตัวเตรียมจะไปแก้แค้นหนิงรุ่ยเฉิง แต่กลับถูกจี้รั่วซีขวางเอาไว้"รออยู่เฉยๆ อย่าทำวุ่นวาย!"ตั้งแต่เด็กจนโตคนที่จี้เหลียงชวนกลัวที่สุด ก็คือพี่ใหญ่ พอถูกเขาตะเบ็งเสียงใส่ อารมณ์คุกรุ่นก็ค่อยๆเย็นลงจี้รั่วซีแผ่ออร่าสง่างามสูงศักดิ์ไปทั้งตัว มองจี้เหลียงชวนด้วยความสงบ "น้องเจ็ด นายเคยนั่งตำแหน่งท่านประธานแทนแล้ว ระยะนี้ ยังไงก็ต้องให้นายมาบริหารกลุ่มบริษัทจี้ก่อน จำไว้ว่า ห้ามเปิดเผยอาการของนายน้อยรองให้ใครรู้เด็ดขาด"ตอนนี้พี่รองยังนอนไม่ได้สติอยู่ในICU จี้เหลียงชวนจะมีกระจิตกระใจบริหารกลุ่มบริษัทจี้ได้ยังไง จึงอยากจะปฏิเสธทันทีแต่เห็นสายตาของจี้รั่วซีหันเห แววตาคมกริบมองซานซานตั้งแต่หัวจรดเท้า "เธอคือ?"ซานซานยังตกอยู่ในความคิดเรื่องที่หว่านหว่านถูกลักพาตัว เมื่อได้ยินคำถามของจี้รั่วซี ก็มึนงงเล็กน้อย...จี้เหลียง
ซูหว่านฟื้นขึ้นมาจากอาการเวียนหัว วินาทีที่ลืมตาขึ้น ก็พบว่าสถานที่ที่ตัวเองอยู่นั้นค่อนข้างคุ้นตาโคมไฟระย้าขนาดใหญ่หรูหรา สไตล์การตกแต่งแบบฝรั่งเศส หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน เป็นคฤหาสน์แถวสไตล์อังกฤษ และทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไม่มีที่สิ้นสุดที่นี่คือ...ประเทศอังกฤษ!วิลล่าของจิเหยียนโจวกับชูยี!ซูหว่านหยุดหายใจไปชั่วขณะ รีบยันร่างให่ลุกขึ้น หวังจากลงจากเตียง แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดกับความเหนื่อยล้า กลับทำให้เธอล้มลงกับเตียงทันควันเธอยกมือขาวนวลขึ้น นวดหน้าผากที่ตึงเครียด แล้วนึกย้อนอย่างละเอียดว่ามาที่อังกฤษได้ยังไง แต่นึกยังไงก็นึงไม่ออกจิเหยียนโจวที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก ราวกับได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านใน ก็ลุกขึ้นจากโซฟา ยกแก้วน้ำบนโต๊ะ ยกฝีเท้าผละกประตูเข้าไปซูหว่านที่กำลังกุมหน้าผากอยู่ เห็นจิเหยียนโจวเดินเข้ามา คิ้วเรียวสวยก็ขมวดขึ้นทันที "คุณให้ฉันกินยาไปใช่ไหม?"เธอเวียนหัว สติไม่เข้าที่ ร่างกายอ่อนเพลียไปทั้งตัว มีแต่กินยาเท่านั้นที่จะทำให้เป็นแบบนี้ได้จิเหยียนโจวก็พูดอย่างไม่ละอาย "ฉันป้อนยานอนหลับให้เธอเป็นระยะๆ เป็นยังไง หลับสบายดีใช่ไหมล่ะ?"เขายืดอกยอมรับ
"เธอยังไม่รู้สินะ จี้ซือหานมีโรคทางสมอง เป็นเนื้องอกในกะโหลก..."เลือดสดๆบนหน้าผากของจิเหยียนโจว สาดลงบนระหว่างหน้าผากที่ซีดไร้สีเลือดของซูหว่าน เหมือนกับสีของดอกไม้เธอไม่แม้แต่กระพริบตา จ้องจิเหยียนโจวอย่างคนไร้ชีวิต เหมือนกับหุ่นกระบอกที่นิ่งอึ้งไม่มีลมหายใจ"เธอว่า เขาที่มีโรคทางสมองอยู่ แล้วยังถูกฟาดเข้าไปอย่างแรงตั้งหลายครั้ง ยังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหรอ?"น้ำเสียงของจิเหยียนโจวที่ไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นหรือตาย ดังสนั่นอยู่ในโสตประสาทหูเหมือนกับนาฬิกาโบราณ โหดเหี้ยมเจียนตายซูหว่านกำผ้าปูที่นอนด้านล่าง ความเย็นเฉียบจากศีรษะจรดเท้า ค่อยๆโจมตีเข้าสู่หัวใจ ทำให้เธอหนาวสะท้านไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้"สิ่งที่คุณพูด ฉันไม่มีทางเชื่อแม้แต่คำเดียว..."เขาเคยบอกแล้วว่าก็แค่ปวดไมเกรนเท่านั้น จะเป็นเนื้องอกได้ยังไง จิเหยียนโจวกำลังโกหกเธออยู่แน่"ไม่เชื่อ?"คิ้วเรียวของจิเหยียนโจวเลิกขึ้น แค่นหัวเราะเสียงเย็น"เธอไปสืบดูเอาก็ได้ ว่าฉายาเศรษฐีที่ร่ำรวยมีทรัพย์สินมากที่สุดในตอนนี้ของเธอมาจากไหน?"ซูหว่านมองจิเหยียนโจวอึ้ง ราวกับไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงอะไรจิเหยียนโจวดึงรอยยิ้มที่
จิเหยียนโจวยืนอยู่หน้าประตู มองเธอจากไกลๆ เห็นในแววตาซื่อๆของเธอ ค่อยๆสูญเสียความหวังไปเรื่อยๆ สีหน้าก็หนักอึ้งเขาเดินเข้าไปตรงหน้าซูหว่านอีกครั้ง แล้วจับใบหน้าเล็กๆเท่าฝ่ามือเอาไว้ สายตาเย็นชามองต่ำไปที่เธอ "เธออยากไปตายเป็นเพื่อนเขา?"ซูหว่านช้อนดวงตาที่ถูกน้ำตาเคลือบเอาไว้ ไม่ตอบคำถามของเขา แต่กลับใช้ความเงียบแสดงออกถึงความยินดีของเธอจิเหยียนโจวอ่านความคิดของเธอออก จากนั้นก็ทำลายความหวังของเธออย่างย่อยยับ "อย่าฝันว่าจะได้ไปตายกับเขา เธอตายหนึ่งครั้ง ฉันก็จะช่วยเธอหนึ่งครั้ง!"ซูหว่านเงยหน้ามองเขา ในแววตาที่เคลือบน้ำตาอยู่ เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง "ทำไม?"ทำไมแม้กระทั่งสิทธิที่จะไปตายกับเขา ก็ต้องมาชิงไป?!จิเหยียนโจวโน้มตัวลง เข้าใกล้ใบหน้าของซูหว่าน "ชาตินี้ของเธอต้องมีชีวิตอยู่เพื่อพี่สาวเท่านั้น!"ซูหว่านได้ยินประโยคนี้ ทันใดนั้นก็ยกมุมปากที่ซีดขาว หัวเราะออกมาจางๆ หัวเราะจนน้ำไหลหลั่งไหลไม่หยุดท่าทางของเธอที่ทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้อย่างกับคนบ้า อยู่ในสายตาของจิเหยียนโจว ทำให้เขาสะงักไปชั่วขณะ "เธอหัวเราะอะไร?"ซูหว่านไม่ตอบ แต่คุกเข่าอยู่กับพื้น งอตัวม้วน เดี๋ยวร้องไห้
เพื่อป้องกันไม่ให้ซูหว่านฆ่าตัวตาย จิเหยียนโจวสั่งให้คนเอาโซ่มาล่ามมือกับเท้าทั้งสองข้างไว้กับเตียงหญิงสาวซึ่งนิ่งบนฟูกเตียง ราวกับไม่มีชีวิต ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เพียงแค่หันข้างไปมองทะเลกว้างใหญ่นอกหน้าต่างคนรับใช้ที่คอยรับใช้และเฝ้าไม่ให้เธอฆ่าตัวตาย ต่างก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เห็นก็แต่ดวงตาของเธอมีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด...เธอเอาแต่ร้องไห้ ทว่าไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา เงียบสงัดจนกระทั่งไม่มีเสียงหายใจอย่างคนมีชีวิตเป็นแบบนี้ติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์ เธอไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมกินน้ำ ราวกับหวังจะให้ตัวเองอดอาหารจนตายทั้งเป็น...จิเหยียนโจวไม่ยอมให้เธอตาย ให้สารอาหารเกลือแร่เข้าร่างกายเธอไม่หยุด เพื่อให้เธอที่ร่างกายเหี่ยวแห้ง ยังหายใจได้อยู่...ตอนที่จอร์จถอดถุงน้ำเกลือออก สัมผัสไปถึงดวงตาที่ว่างเปล่าคู่นั้นของซูหว่าน หัวใจก็กระตุกอย่างรุนแรงเขายกมือขึ้นโบกไปมาตรงหน้าเธอ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบสนอง ก็รู้ว่าดวงตาของเธอสูญเสียแสงสว่างไปแล้วจอร์จรีบหยิบยาสำหรับใช้รักษาดวงตาออกมาจากกล่องปฐมพยาบาล ยัดเข้าใส่ปากของเธอ แต่เธอไม่ยอมกลืม ถึงขนาดคายออกมาจอร์จอยากจะตำหนิเพื่อโน้มน้าวเธอ ก
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ